ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    2c0dea50-e9fe-4830-9b9d-df1987d7ae2b.jpg
    เวเนซุเอลา ทุกข์ซ้ำ ! น้ำประปามาพร้อมน้ำมันดิบ ดำปิ๊ดปี๋ กิน-ใช้ ไม่ได้

    น้ำประปาในเวเนซุเอลาเป็นสีดำ ประชาชนใช้อุปโภคบริโภคไม่ได้ เพราะมีน้ำมันดิบเจือปนในน้ำ เผยล่าสุดโรงไฟฟ้าใช้ไม่ได้ เกือบทั่วประเทศไร้ไฟฟ้า คนป่วยล้มตายระนาว

    วิกฤตการณ์ในเวเนซุเอลายังไม่มีทีท่าว่าจะถึงจุดจบ และยิ่งนับวันยิ่งเลวร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ อันเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจล่มสลายลง ประชาชนพากันโยนธนบัตรทิ้ง เงินเกลื่อนถนน เนื่องจากภาวะเงินเฟ้ออย่างหนักทำให้เงินสดเหล่านี้ไร้ค่า สินค้าพื้นฐานอย่าง แป้งสาลี น้ำมันทอดอาหาร หรือกระดาษชำระ กลายเป็นสินค้าหรูหราที่ผู้คนเข้าไม่ถึง และไม่สามารถซื้อมันได้โดยง่าย ประชาชนมากมายต่างพากันอพยพไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ตัวเองและครอบครัวได้มีชีวิตที่ดีขึ้น คนที่ไม่สามารถย้ายได้ ก็ต้องทนกับสิ่งที่ตัวเองพบเจอต่อไป

    และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด เป็นสิ่งที่ตอกย้ำให้เห็นว่าฝันร้ายครั้งนี้ไม่มีทีท่าว่าจะกลายเป็นฝันดี และความตลกร้ายก็คือ ทรัพยากรสำคัญในประเทศอย่าง น้ำมันดิบ ที่ควรจะเป็นสิ่งอุ้มชูเศรษฐกิจของประเทศนี้ กลับกลายเป็นสิ่งที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และไม่มีใครต้องการมัน...

    จากการรายงานของเว็บไซต์เดลี่เมล เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2562 ระบุว่า เมืองซานดิเอโก ในรัฐการาโบโบ ทางตอนเหนือสุดของประเทศเวเนซุเอลา เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ประชาชนพบเจอกับความเดือดร้อนอย่างหนัก ประชาชนไม่มีน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภค เนื่องจากน้ำประปาไม่ไหลมาหลายเดือน สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นยิ่งแย่กว่าเก่า เพราะไฟฟ้าก็ถูกตัดไปด้วย ทำให้ทั้งเมืองตกอยู่ในความมืดมานานหลายสัปดาห์ และล่าสุด หลังจากลำบากกับการไม่มีน้ำใช้ดื่มกินมานาน ชาวเมืองซานดิเอโกก็ตื่นขึ้นมาพบว่าน้ำไหลแล้ว แต่เรื่องนี้เป็นข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี

    บนสังคมออนไลน์ของเวเนซุเอลา เต็มไปด้วยภาพน้ำสีดำที่ไหลออกมาจากท่อประปาและก๊อกน้ำในเมืองซานดิเอโก น้ำเหล่านี้ไม่สามารถใช้อุปโภคบริโภคได้เลย เพราะมันเป็นน้ำที่เจือปนด้วยน้ำมันดิบ โดยบางคนโพสต์ภาพน้ำในชักโครกเป็นสีดำ บ้างก็แชร์ภาพน้ำดำในอ่างอาบน้ำ บางคนพบว่าน้ำดำออกมาจากสายยาง แม้แต่หัวจ่ายน้ำดับเพลิงก็พ่นน้ำสีดำทะลักออกมาเจิ่งนองไปทั่วบริเวณ

    เอแบร์ลิเซธ กอนซาเลซ นักข่าวท้องถิ่น เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในเมืองซานดิเอโกนับว่าเลวร้ายอย่างมาก หลายพื้นที่ไม่มีน้ำใช้อย่างสิ้นเชิงมานาน 2 เดือน เช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในย่านบาเลนเซียและลอส กูโลส ในเช้าวันพุธ น้ำประปากลับมาไหลอีกคนครั้ง แต่มันกินไม่ได้ และใช้งานไม่ได้ เขาทิ้งท้ายอย่างเสียดสีว่า ขอบคุณน้ำดำเหล่านี้ที่ทำให้การตัดสินใจอพยพจากเวเนซุเอลาเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น

    ทางด้านชาวเน็ตคนหนึ่งกล่าวอย่างเจ็บปวดเสียดสีว่า "สวัสดีพี่น้องประชาชนที่รัก วันนี้เราได้ประจักษ์กันถ้วนหน้าว่าน้ำกลับมาไหลอีกครั้ง และมันมาพร้อมกับความจริงอันแสนดำมืด พวกเราไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี เพราะเราไม่สามารถแม้แต่จะอาบน้ำได้ ขอให้พระผู้เป็นเจ้าช่วยปกปักรักษาประชาชนในย่านมัลดาของเมืองซานดิเอโก และในพื้นที่อื่น ๆ ของรัฐการาโบโบด้วย"

    รายงานระบุว่า เวเนเซุเอลา คือ ประเทศที่มีน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก แต่รัฐบาลบริหารจัดการทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์นี้อย่างไร้ประสิทธิภาพ ส่งผลให้ทั้งประเทศพบเจอกับความยากจนข้นแค้น และเมื่อเร็ว ๆ นี้ โรงไฟฟ้าของเวเนซุเอลาไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้อีกต่อไป ส่งผลให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศไม่มีไฟฟ้าใช้ (ไฟฟ้าใช้ได้แล้ว)

    และเมื่อไม่มีไฟฟ้า ทุกอย่างก็ได้รับผลกระทบทั้งหมด ภาวะวิกฤตในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา คือฝันร้ายอย่างที่สุด ธุรกิจในภาคเอกชนต้องปิดตัวลง ระบบขนส่งสาธารณะแทบไม่มีให้บริการ โรงพยาบาลก็เดือดร้อนอย่างหนัก การดูแลรักษาผู้ป่วยเป็นไปอย่างยากลำบากมาก และมีผู้ป่วยเสียชีวิตในช่วงนี้อย่างน้อย 17 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยโรคไตรวมอยู่ด้วย เพราะเครื่องฟอกไตและอุปกรณ์ทางการแพทย์ใช้งานไม่ได้

    การติดต่อสื่อสารก็เป็นไปอย่างยากลำบากเช่นกัน เนื่องจากสัญญาณโทรศัพท์และสัญญาณอินเทอร์เน็ตมีอยู่จำกัดมาก ปัญหาเหล่านี้ทำให้ประชาชนออกมาสร้างความรุนแรง ปล้นสะดม พยายามกักตุนทุกอย่างเอาไว้ และผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องไปรองเอาน้ำเสียจากท่อระบายน้ำมาดื่มมาใช้ เพราะพวกเขาสิ้นหวัง ไร้ทางอื่นแล้ว

    ทั้งนี้ก็ยังไม่สามารถระบุได้เลยว่าภาวะวิกฤตของเวเนซุเอลาจะจบลงเมื่อใด

    https://hilight.kapook.com/view/185318
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สำนักข่าวอาเซี่ยน

    เกาหลีเหนือเตือนท่าทีอันธพาลของสหรัฐจะทำให้สถานการณ์แย่ลง
    .
    เปียงยาง 15 มี.ค.- นางเช ซอนฮุย รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศเกาหลีเหนือเตือนสหรัฐว่า ท่าทีอันธพาลของสหรัฐอาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง เพราะเกาหลีเหนือกำลังพิจารณาเรื่องระงับการเจรจากับสหรัฐและอาจทบทวนคำสั่งห้ามทดลองนิวเคลียร์และขีปนาวุธหากสหรัฐไม่ยอมอ่อนข้อ
    .
    สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียและสำนักข่าวเอพีของสหรัฐอ้างนางเชที่ให้สัมภาษณ์สื่อที่กรุงเปียงยางว่า การประชุมสุดยอดหรือซัมมิตที่กรุงฮานอยของเวียดนามเมื่อเดือนก่อนระหว่างนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐล้มเหลวเพราะเจ้าหน้าที่สหรัฐ
    .
    เกาหลีเหนือไม่คิดจะยอมตามข้อเรียกร้องของสหรัฐในซัมมิตอยู่แล้ว และไม่ยินดีจะเจรจาในลักษณะนี้ด้วย นายไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐและนายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐสร้างบรรยากาศความเป็นศัตรูและความไม่ไว้วางใจ เป็นการขัดขวางความพยายามอย่างสร้างสรรค์ของการซัมมิต
    .
    รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศเกาหลีเหนือกล่าวด้วยว่า สหรัฐทิ้งโอกาสทองในการซัมมิต ผู้นำเกาหลีเหนือจะประกาศอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้เรื่องจุดยืนต่อการเจรจาปลดนิวเคลียร์กับสหรัฐ และสิ่งที่เกาหลีเหนือจะดำเนินการต่อไป ขอเตือนว่าผู้นำเกาหลีเหนืออาจทบทวนคำสั่งห้ามทดลองนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้
    .
    เธอขอพูดให้ชัดว่าท่าทีอันธพาลของสหรัฐจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายในที่สุด แต่ขอย้ำว่าความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างผู้นำทั้งสองยังคงดีอยู่และมีเคมีเข้ากันดีอย่างน่าแปลกใจ.
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    FB_IMG_1552647296518.jpg
    (Mar 14) อาเซียนเครื่องแรง มุ่งผงาดฮับ'EV' : คงอาจกล่าวได้ว่า "รถยนต์ไฟฟ้า" หรือ EV กำลังมาแรงอย่างฉุดไม่อยู่ ทั่วโลก สะท้อนออกมาจากยอดขายอีวีทั่วโลก รวมถึงรถปลั๊กอินไฮบริดที่ทะลุ 2 ล้านคัน เมื่อปี 2018 เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากปีก่อนหน้านี้ ตามข้อมูลของบริษัทวิจัย เอสแอนด์พี โกลบอล แพลตส์ โดยยอดขายรถอีวีคาดว่า จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คิดเป็นสัดส่วน 54% ของยอดขายรถทั้งหมดภายในปี 2040 ซึ่งตลาดอีวีตัวท็อปคงหนีไม่พ้น จีน สหรัฐ และยุโรป

    "อาเซียน" เองก็นับเป็นอีกภูมิภาคที่น่าจับตามองไม่น้อย เพราะมีศักยภาพในการก้าวขึ้นเป็นตลาด อีวีดาวรุ่งพุ่งแรงทั้งในแง่ของขนาดตลาด และการเป็นหมุดลงทุนพัฒนารถอีวีของนานาชาติ ในแง่ของขนาดตลาดอีวีนั้น จำนวนรถอีวีในอาเซียนคาดว่าจะคิดเป็นสัดส่วนราว 20% ของรถยนต์บนท้องถนนภายในปี 2025 แบ่งเป็น รถอีวี 4 ล้อ 8.9 ล้านคัน และรถไฟฟ้า 2 ล้อ หรือ 3 ล้อ อีกกว่า 59 ล้านคัน ตามการประเมินของหน่วยงานด้านพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ (IRENA)

    สำหรับปัจจัยหลักที่ผลักดันให้สัดส่วนอีวีอาเซียนเพิ่มขึ้นมาจากนโยบายสนับสนุนของรัฐบาล โดย "สิงคโปร์" เริ่มมุ่งหน้าสู่เส้นทางรถยนต์ไฟฟ้ามานับตั้งแต่ปี 2011 ด้วยการออกแผนกลยุทธ์ลดการปล่อยคาร์บอนจากการคมนาคม และเมื่อเดือน ธ.ค. 2017 สิงคโปร์เปิด BlueSG บริการแชร์อีวีเริ่มต้นด้วยจำนวนรถ 80 คัน และจุดชาร์จ 30 จุด

    ด้าน "มาเลเซีย" ประกาศ เป้าหมายเพิ่มอีวีบนถนนเป็น 1 แสนคัน ภายในปี 2030 รวมถึงเปลี่ยนไปใช้รถเมล์ไฟฟ้า 2,000 คัน และเพิ่มจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเป็น 1.25 แสนจุด ขณะที่ "อินโดนีเซีย" ระบุว่าจะเพิ่มสัดส่วนอีวีในตลาดรถเป็น 20% ภายในปี 2025 แบ่งเป็น รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 2.1 ล้านคัน และรถเก๋ง 2,200 คัน อีกทั้งก่อนหน้านี้ประกาศแบนการขายรถยนต์ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลภายในปี 2040

    สำหรับ "ไทย" การผลักดันอีวีช่วงที่ผ่านมาอยู่ภายใต้แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกปี 2012-2021 ที่ได้รับการอนุมัติเมื่อปี 2015 โดยแผนดังกล่าวส่งผลให้จำนวนรถอีวีไฮบริด ทั้งแบบไฮบริด (HEV) และปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.02 แสนคัน ส่วนรถยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้า (BEV) ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1,394 คัน ในปี 2017 จากจำนวน รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดเพียง 6 หมื่นคัน เมื่อปี 2014

    ขณะเดียวกัน วิกฤตมลพิษทางอากาศในหลายเมืองใหญ่อาเซียน ก็กลายเป็นปัจจัยใหม่เร่งให้หลายชาติต้องเปลี่ยนสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดมลภาวะ ทั้งจากนโยบายภาครัฐและปัญหาสภาพอากาศ จึงมีส่วนทำให้คนรุ่นใหม่อายุไม่เกิน 40 ปี เริ่มสนใจซื้ออีวีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ตามผลการศึกษา ของบริษัทวิจัยตลาด ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน

    นอกเหนือจากปัจจัยขนาดตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อาเซียนยังเป็นหมุดหมายการลงทุนอีวี ที่น่าจับตามองอีกด้วย ในปัจจุบันอาเซียนเป็นฐานผลิตรถยนต์สำคัญของเอกชนทั่วโลก นำโดย "ไทย" ที่มีศักยภาพการผลิตรถเฉลี่ยอยู่ที่ 3.7 ล้านคัน/ปี ตามด้วยอินโดนีเซีย และมาเลเซียที่ 2.2 ล้านคัน/ปี และ 9.5 แสนคัน/ปี ตามข้อมูลของสหพันธ์ยานยนต์อาเซียน ในการมุ่งสู่การเป็นฮับผลิตอีวี ล่าสุดไทยเพิ่งไฟเขียวลดภาษีอีวีเหลือ 0% สำหรับรถที่ผลิตในปี 2020-2022 จากเดิม 2% รวมถึงมีรายงานว่า คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เตรียมออกแพ็กเกจใหม่ที่จะเอื้อประโยชน์และจูงใจให้ผู้ประกอบการผลิตรถไฟฟ้ามากขึ้น หลังการขอรับสิทธิประโยชน์ในการผลิตอีวีหมดเขตไปแล้วเมื่อปี 2017 และปี 2018 โดยก่อนหน้านี้ ไทยได้ออกมาตรการยกเว้นภาษีนิติบุคคลสำหรับธุรกิจผลิต BEV ระยะเวลา 8 ปี และ 3 ปีสำหรับผู้ผลิต PHEV สามารถขอขยายสิทธิยกเว้นภาษีออกไปถึง 10 ปี และ 6 ปี ตามลำดับหากผลิตชิ้นส่วนสำคัญ เช่น แบตเตอรี่มากกว่า 1 ชิ้น

    จากมาตรการดังกล่าว ทำให้ก่อนหน้านี้ค่ายรถยนต์จำนวนมากประกาศเข้าลงทุนอีวีในไทยแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เมอร์เซเดส-เบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู ที่ผลิตรถปลั๊กอินไฮบริดในไทยตั้งแต่ปี 2016 และจะเริ่มผลิตแบตเตอรี่อีวี ในไทย เช่นเดียวกับค่ายรถญี่ปุ่นอีกหลายค่าย โดยนิกเกอิ เอเชียน รีวิว รายงานว่า โตโยต้าประกาศจะเริ่มผลิตรถปลั๊กอินไฮบริดในไทยในอีกไม่กี่ปีนี้ รวมถึง นิสสัน มิตซูบิชิ และมาสด้า

    ด้าน "อินโดนีเซีย" เพิ่งประกาศเมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่าจะออกมาตรการจูงใจให้เอกชนต่างชาติเข้ามาผลิตอีวี ในประเทศมากขึ้น เช่น การจะให้สิทธิยกเว้นภาษีกับผู้ผลิตอีวีและแบตเตอรี่ รวมถึงการทำข้อตกลงอัตราภาษีศุลกากรพิเศษกับชาติอื่นๆ ที่มีดีมานด์รถอีวีสูง โดยรอยเตอร์สรายงานว่า ฮุนได เตรียมแผนผลิตอีวีแล้ว หลังลงทุนไป 880 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.7 หมื่นล้านบาท) ก่อนหน้านี้ ขณะที่มิตซูบิชิประกาศจะร่วมมือกับรัฐบาลอินโดนีเซียดำเนินการวิจัยด้านโครงสร้างพื้นฐานรองรับอีวี

    ขณะที่ "มาเลเซีย" นั้น แม้การประกาศหยุดให้สิทธิพิเศษทางภาษีกับ ผู้ผลิตอีวีตั้งแต่ปี 2014 ทำให้มาเลเซียดูไม่น่าดึงดูดใจที่จะเข้ามาลงทุนนัก แต่รัฐบาลได้หันไปเป็นพันธมิตรกับ ผู้ผลิตอีวีจีน เช่น บีเอไอซี มอเตอร์ รัฐวิสาหกิจผู้ผลิตอีวีเบอร์ 2 แดนมังกร ซึ่งเปิดทางสู่การเข้าถึงเทคโนโลยีอีวีและแบตเตอรี่ของจีน

    ส่วน "เวียดนาม" มี วินกรุ๊ป ยักษ์เครือธุรกิจเป็นแกนนำ ซึ่งเพิ่งเปิดตัว วินฟาสต์ แบรนด์รถยนต์เมดอินเวียดนามครั้งแรกไปเมื่อเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว จากความร่วมมือกับเอกชนยุโรปกว่า 20 แห่ง โดยยังมีไลน์ การผลิตรถยนต์อีวีรวมอยู่ด้วย และประกาศจะผลิตสกูตเตอร์ไฟฟ้าให้ได้ 2.5 แสนคัน/ปี อย่างไรก็ดี การผลักดันอีวีในอาเซียนก็ไม่ได้ราบรื่นเสียทีเดียว เพราะยังมีอุปสรรคใหญ่ 2 อย่าง คือเรื่อง "ราคา" และ "โครงสร้างพื้นฐาน" อุปสรรคด้านราคา จัดเป็นขวากหนามอันยิ่งใหญ่สู่การกระตุ้นให้คนทั่วไปเปลี่ยนมาใช้อีวี เพราะราคารถอีวีแบรนด์ดังส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ยังแพงมากเมื่อเทียบกับรถใช้น้ำมัน ตัวอย่าง เช่น ราคารถยนต์ไฟฟ้าในไทย โดยในปัจจุบันราคารถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ดังส่วนใหญ่นั้นยังอยู่ที่หลักล้านบาท ซึ่งก็แพงกว่ารถยนต์น้ำมันทั่วไปเกือบเท่าตัว ส่วนราคามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอยู่ที่ราว 6 หมื่น -1 แสนบาท เมื่อเทียบกับราคามอเตอร์ไซค์ใช้น้ำมันมือ 1 ทั่วไป ซึ่งราคาอยู่ที่ประมาณ 3-5 หมื่นบาท

    ขณะที่ความท้าทายต่อไป คือ การต้องเพิ่มจุดชาร์จอีวี ซึ่งหากมี ไม่เพียงพอ จะเป็นปัจจัยเตะถ่วง การเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้า เช่น กรณีสิงคโปร์ที่มีจุดชาร์จเพียง 100 แห่ง ในปัจจุบัน ทำให้การเดินหน้าใช้อีวีทั่วประเทศยังไม่เร็วพอตามเป้าหมายของรัฐบาล แกรนด์ วิว รีเสิร์ช บริษัทวิจัยสหรัฐคาดการณ์ว่า การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรองรับอีวีนั้น คาดว่าจะอยู่ที่ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 1.4 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2025 จากทิศทางดังกล่าว คงบอก ได้ว่าหนทางการสู่หมุดหมายอีวีใหม่ถือว่าสดใส แต่การจะผลักดันอีวี ได้อย่างยั่งยืนหรือไม่นั้น คงต้องรอดูกันต่อไป

    โดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์

    Source: Posttoday
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    105789718-1552424850826gettyimages-923651406.jpeg
    (Mar 14) เส้นทางสายไหมจีน' พลิกโฉมเศรษฐกิจเอเชีย : ผู้เชี่ยวชาญชี้ โครงการ "เส้นทางสายไหมใหม่" ของจีน สามารถเป็น "ตัวเปลี่ยนเกม" หากบรรดาประเทศ กำลังพัฒนาในเอเชียใช้โครงการนี้ เพื่อกระตุ้นเงินทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่โครงการนี้ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงเช่นกัน

    กาเนชาน วิญญาราชา ผู้อำนวยการบริหาร ของสถาบันลักษมัน กทิรคามาร์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและศึกษายุทธศาสตร์ (แอลเคไอ) ในศรีลังกา ระบุว่า ความเสี่ยงเหล่านี้อาจมีผลต่อความยั่งยืน ของหนี้สาธารณะ ความตึงตัวของระบบการเงิน ของประเทศ ทำลายสิ่งแวดล้อม และอื่นๆ

    "หนึ่งในผลลัพธ์จากเรื่องนี้คือ หากประเทศต่างๆ เปิดรับโครงการ โครงสร้างพื้นฐานจากนอกประเทศ พวกเขา จะต้องทำการบ้านอย่างหนัก" วิญญาราชา เผยกับเว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียน รีวิว เมื่อเร็วๆ นี้

    ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ เสริมว่า ประเทศต่างๆ ต้องพิจารณาวิธีการหาเงินทุนภายในประเทศและการวางแผนโครงสร้างพื้นฐาน ของตน เช่นเดียวกับการพัฒนาทักษะ คนท้องถิ่น เนื่องจากจีนมักเป็นฝ่าย บริหารจัดการและก่อสร้างโครงการเส้นทางสายไหมใหม่ หรือ "บีอาร์ไอ"

    ส่วนมูลค่าของบีอาร์ไอซึ่งเต็มไปด้วย เงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมหาศาลสำหรับเชื่อมโยงเอเชียกับยุโรปและแอฟริกา วิญญาราชาคาดการณ์ว่าอยู่ที่ระหว่าง 3.5 แสนล้านดอลลาร์ ถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์

    "บางคนคาดว่าบีอาร์ไอจะอยู่ในกรอบแคบๆ เพียงโครงการท่าเรือและทางรถไฟ ขณะที่กลุ่มอื่นๆ คาดว่าจะครอบคลุมถึงโครงการพลังงานด้วย"

    อย่างไรก็ตาม วิญญาราชา ระบุว่า โครงการของรัฐบาลปักกิ่งยังไม่เพียงพอที่จะ อุดช่องว่างในการระดมทุนโครงสร้างพื้นฐาน ในเอเชียใต้ ซึ่งอยู่ระหว่าง 1.7-2.5 ล้านล้านดอลลาร์

    "บีอาร์ไอเป็นประโยชน์ต่อการอุด ช่องว่างโครงสร้างพื้นฐานบางส่วนในฐานะ ตัวขับเคลื่อนเพิ่มเติม และสามารถเป็น ตัวเปลี่ยนเกมเหมือนกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ได้ด้วย" ผู้เชี่ยวชาญชาว ศรีลังกาเผย และเสริมว่า ปัญหาสำหรับ เอเชียใต้คือ จริงอยู่ที่ประเทศในภูมิภาคต้องการเงินทุน แต่ไม่ได้ต้องการแรงงานจากจีน

    วิญญาราชากล่าวว่า โครงการของจีน จะมาพร้อมกับแรงงานชาวจีน ปัจจัยขาลง อื่นๆ รวมไปถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เกี่ยวกับการระดมทุนและการทำลาย สิ่งแวดล้อม

    "ประเทศที่ดำเนินโครงการหรือจีน อาจไม่เปิดเผยเงื่อนไขของโครงการ เรา รู้เรื่องกรอบเวลาแต่ไม่รู้เงื่อนไขทางการเงิน อย่างละเอียด" วิญญาราชาระบุ และว่า "จากนั้นก็อาจเกิดประเด็นหนี้สาธารณะขึ้นในประเทศ และแน่นอนว่าจะเกิดประเด็นภูมิยุทธศาสตร์ด้วย"

    โครงการบีอาร์ไอที่กำลังเดินหน้าอยู่ในเอเชียใต้ขณะนี้ รวมไปถึงท่าเรือฮัมบันโตตาในศรีลังกา และท่าเรือกวาดาร์ในปากีสถาน ทั้ง 2 โครงการนี้ทำให้เพื่อนบ้านอย่างอินเดียกังวลว่าจีนอาจล่วงละเมิดอธิปไตยและ ความมั่นคงของตน

    Source: กรุงเทพธุรกิจ

    - After Italy, Malta says it's considering joining China's Belt and Road investment scheme : https://www.cnbc.com/2019/03/13/after-italy-malta-says-its-looking-at-chinas-belt-and-road-plan.html
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    FB_IMG_1552647961500.jpg

    (Mar 14) เปิดสัมพันธ์ลึก 'ทรัมป์-โบอิง' : ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ต้องทวีตแสดงความคิดเห็นเสมอ รวมถึง อุบัติเหตุเครื่องบินโบอิง 737 แม็กซ์ตก ในเอธิโอเปีย ผู้นำสหรัฐทวีตข้อความ เมื่อวันอังคาร (12 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น จนเดนนิส มุยเลนเบิร์ก ซีอีโอโบอิง ต้องโทรศัพท์ไปหา ซึ่งซีอีโอรายนี้ไม่ใช่ คนแปลกหน้าสำหรับทรัมป์เลย

    ทรัมป์เป็นคนหลงใหลการบิน เคยมี สายการบินส่วนตัว"ทรัมป์ชัตเทิล" ระหว่าง ปี 2532-2535 ก่อนเป็นประธานาธิบดี ก็เคยมีเครื่องบินส่วนตัว และตั้งแต่ สาบานตนรับตำแหน่งทรัมป์ยินดีอย่าง เห็นได้ชัดเมื่อได้นั่งเครื่องบินส่วนตัว ประธานาธิบดี "แอร์ฟอร์ซวัน"

    ระหว่างดำรงตำแหน่ง สายสัมพันธ์ ในแวดวงการบินของทรัมป์ขยายไปถึง ผู้บริหารในอุตสาหกรรมอาวุธผู้ทรงอำนาจ และได้คุยกับมุยเลนเบิร์กหลายครั้ง เมื่อวันอังคารทรัมป์ทวีตข้อความว่า เครื่องบินสมัยนี้ซับซ้อนมาก ไม่จำเป็น ต้องใช้นักบินอีกต่อไปแล้วแต่ใช้วิศวกร คอมพิวเตอร์จากเอ็มไอทีแทน ส่งผลให้ มุยเลนเบิร์กต้องโทรศัพท์ไปสร้าง ความเชื่อมั่นให้กับประธานาธิบดี

    แหล่งข่าว 2 รายเผยว่า ซีอีโอโบอิง แจ้งกับทรัมป์ว่าเครื่องบินบริษัทตน ปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องสั่งห้ามบินไม่กี่ชั่วโมงต่อมาสำนักงานบริหารการบิน สหรัฐ (เอฟเอเอ) แถลงย้ำว่าสายการบิน สหรัฐยังใช้เครื่องโบอิง 737 แม็กซ์ต่อไป

    คำประกาศของเอฟเอเอถือเป็น ท่าทีแหกคอกของสหรัฐ ในการรับมือกับ สถานการณ์โบอิง 737 แม็กซ์ ตกที่ เอธิโอเปียเมื่อวันอาทิตย์ (10 มี.ค.) คร่าชีวิตประชาชน 157 คน ทั้งๆ ที่ คณะกรรมการกำกับดูแลการบิน สหภาพยุโรป สั่งระงับใช้เครื่องบินรุ่นนี้ ไปแล้ว

    ในบรรดา 10 ประเทศที่มีผู้โดยสาร เครื่องบินมากที่สุด มีเพียงสหรัฐกับญี่ปุ่น เท่านั้นที่ยังใช้ต่อ จุดชนวนให้เจ้าหน้าที่ รวมถึงสมาชิกวุฒิสภา 5 คนจากทั้ง 2 พรรค ตั้งคำถามกับเอฟเอเอว่า ทำไมไม่ทำแบบ ประเทศอื่นเขาบ้าง ส.ว.เท็ด ครูซ จากพรรครีพับลิกัน ประธานคณะ อนุกรรมการการบินและอวกาศ วุฒิสภา เผยว่า เขาตั้งใจจัดประชุมรับฟังข้อมูล การสอบหาสาเหตุเครื่องบินตก

    ประเด็นที่ทำให้ทั่วโลกหวั่นใจกันมาก อยู่ที่ว่า ก่อนเกิดอุบัติเหตุกับสายการบิน เอธิโอเปียแอร์ไลน์ไม่ถึง 5 เดือน เครื่องบิน 737 แม็กซ์ของไลอ้อนแอร์ตกในอินโดนีเซีย ผู้โดยสารและลูกเรือ 189 คน ดับทั้งลำ แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าอุบัติเหตุทั้ง 2 ครั้ง เกี่ยวข้องกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินกล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์หาชนวนอุบัติเหตุ

    ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์ กับมุยเลนเบิร์ก ผู้นำสหรัฐเคยต่อรอง ส่วนตัวกับซีอีโอโบอิงขอให้ลดต้นทุน การผลิตแอร์ฟอร์ซวันรุ่นหน้า หลังจากที่ ทรัมป์โวยวายว่าราคาสูงเกินไป

    "เขาใส่ใจเรื่องธุรกิจและเปิดช่อง ทางการสื่อสารไว้ให้ เราเห็นต่างกัน เป็นครั้งคราว และอาจไม่เห็นพ้องกัน ในทุกเรื่อง" มุยเลนเบิร์กให้สัมภาษณ์ ทางวิทยุเมื่อเดือนก่อน

    แม้ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสอง ไม่ได้อบอุ่นตลอดเวลา แต่สายใยระหว่าง โบอิงกับรัฐบาลทรัมป์กลับลึกซึ้ง ทรัมป์ใช้พื้นที่และสินค้าของโบอิง เป็นบรรยากาศประกาศผลงานการเป็น ประธานาธิบดี เมื่อเดือน มี.ค.2561 เขาคุย ถึงผลงานกฎหมายปฏิรูปภาษีของเขา ขณะเยือนโรงงานโบอิงในเซนต์หลุยส์

    อีกประเด็นที่น่าจับตามองอยู่ที่ แพทริก แชนาแฮน รักษาการรัฐมนตรีกลาโหมที่คาดว่าจะได้รับการเสนอชื่อเป็น รมต.ตัวจริง ก่อนมาอยู่เพนตากอนเคยทำงาน กับโบอิงมานาน 31 ปี ในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป เครื่องบินโดยสารโบอิง 787 ดรีมไลเนอร์

    ส่วนนิกกี เฮลีย์ อดีตทูตสหรัฐ ประจำสหประชาชาติ ได้รับการเสนอชื่อ ให้เป็นคณะกรรมการบริหารโบอิง ในการ ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี วันที่ 29 เม.ย. นอกจากนี้ทรัมป์ยังกดดันให้ พันธมิตรสหรัฐซื้อสินค้าโบอิง ซึ่งเป็น คู่สัญญาจัดซื้อทางทหารรายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ระหว่างปี 2557-2561 โบอิง ทำสัญญากับรัฐบาลที่เปิดเผยได้มูลค่า 1.04 แสนล้านดอลลาร์

    แหล่งข่าวจากทางการสหรัฐ และอุตสาหกรรมอาวุธเผยว่า เมื่อปี 2561 ทรัมป์เคยกดดันเจ้าผู้ครองนครคูเวต ให้ทำข้อตกลงซื้อเครื่องบินรบ เอฟ/เอ-18 ซูเปอร์ฮอร์เน็ตของโบอิงที่ยืดเยื้อมานาน เสียที คูเวตจึงตอบรับ

    ในด้านการส่งออก โบอิงเป็นผู้ส่งออก สินค้าไปยังจีนรายใหญ่สุดอีกรายของ สหรัฐ มุยเลนเบิร์กเคยกล่าวในการประชุมผู้นำแวดวงการบินที่วอชิงตันว่า ข้อตกลงการค้าที่สหรัฐและจีนกำลังเจรจากันอยู่นี้ มีเรื่องจีนซื้อเครื่องบินสหรัฐด้วย ตอนนี้การส่งออกเครื่องบินยังไม่ถูกจีนเก็บภาษีตอบโต้

    Source: กรุงเทพธุรกิจ
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    ak_cbd_1303.jpg

    (Mar 14) เศรษฐกิจ 'สิงคโปร์' ส่งสัญญาณหดตัวปีนี้ : แม้นักเศรษฐศาสตร์ภาคเอกชนยังไม่ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของสิงคโปร์รอบใหม่ แต่พวกเขาคาดว่า โอกาสที่จะเกิดเรื่องน่าประหลาดใจ เชิงบวกท่ามกลางความหวังที่เพิ่มขึ้น เกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน "อาจมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว'

    ธนาคารกลางสิงคโปร์ (เอ็มเอเอส) เผยผลสำรวจบรรดานักเศรษฐศาสตร์รายไตรมาส วานนี้ (13 มี.ค.) ซึ่งคาดว่า การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศ (จีดีพี) จะอยู่ที่ 2.5% ในปีนี้ ลดลงจากผลสำรวจครั้งก่อนที่คาดว่า จะอยู่ที่ 2.6% และการคาดการณ์เฉลี่ย 2.7% ในผลสำรวจเมื่อเดือนก.ย. ปีที่แล้ว

    เศรษฐกิจของสิงคโปร์นับถึงสิ้นปีที่แล้ว เผชิญกับภาวะขาลง โดยเติบโตเพียง 1.9% เทียบเป็นรายปีในช่วง 3 เดือนสุดท้าย ซึ่งเป็นอัตราเติบโตชะลอตัวที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2559 และต่ำกว่าการคาดการณ์ล่วงหน้าของรัฐบาลซึ่งอยู่ที่ 2.2%

    อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจล่าสุดของ ธนาคารกลางสิงคโปร์เน้นย้ำว่ายังมีสัญญาณบวก ในอนาคตที่อาจขับเคลื่อนการเติบโตเหนือกว่าที่คาดไว้ ซึ่งแตกต่างจากในอดีต ที่นักเศรษฐศาสตร์หลายรายมีความกังวลต่อปัจจัยขาลงจากความตึงเครียดทางการค้าและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกมากกว่านี้

    "ผู้ตอบผลสำรวจส่วนใหญ่ระบุว่า การผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้า ระหว่างสหรัฐกับจีน อาจสนับสนุน ให้ผลลัพธ์การเติบโตสูงกว่าที่คาดไว้" รายงานเอ็มเอเอสชี้ และว่า "การเติบโตที่แข็งแกร่งขึ้นในจีนที่เป็นผลจากการ กระตุ้นทางการคลังและการเงิน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยขาขึ้นที่อาจเกิดขึ้นได้"

    84% ของนักเศรษฐศาสตร์อาชีพ 23 คนระบุว่า ปัจจัยขาลงเป็นผลจาก ลัทธิกีดกันการค้าที่ขยายตัว ลดลงจาก 100% ในผลสำรวจก่อนหน้า ขณะที่ 32% ระบุว่าเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ลดลง จาก 41% ในผลสำรวจเมื่อเดือนธ.ค. ที่ผ่านมา

    การคาดการณ์อย่างเป็นทางการ ของสิงคโปร์ชี้ว่า การขยายตัวของประเทศอยู่ระหว่าง 1.5-3.5% สำหรับปีนี้ แม้ว่า หน่วยงานรัฐบาลหลายแห่ง เตือนว่า ตัวเลขการเติบโตขั้นสุดท้ายมีแนวโน้ม ที่จะต่ำกว่าจุดกึ่งกลางของการคาดการณ์ดังกล่าว

    อันที่จริงแล้ว ข้อมูลทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์เมื่อไม่นานนี้บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจกำลัง ชะลอตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อเดือนที่แล้ว สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจสิงคโปร์ (อีดีบี) ระบุว่า ผลผลิตโรงงานร่วงลงเป็นครั้งแรก ในรอบ 1 ปีในเดือนม.ค. ที่ผ่านมา ผลจากตัวเลขที่ลดลงสองหลักในภาคอิเล็กทรอนิกส์และวิศวกรรมความเที่ยงตรง

    ขณะเดียวกัน ดัชนีผู้จัดการฝ่าย จัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ของสิงคโปร์ที่จัดทำโดยเว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียน รีวิว ยังลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนก.พ. แตะที่ระดับ ต่ำกว่า 50 จุด ซึ่งหมายถึงภาวะหดตัวของ สภาพแวดล้อมธุรกิจ

    นอกจากนั้น ผลสำรวจล่าสุดของ เอ็มเอเอสชี้ว่า ขณะนี้บรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสิงคโปร์จะ อยู่ที่ 1.1% ในปีนี้ ลดลงจาก 1.3% ใน ผลสำรวจครั้งก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ พื้นฐานมีแนวโน้มจะอยู่ที่ 1.7% ต่ำกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ซึ่งอยู่ที่ 1.8%

    ธนาคารกลางสิงคโปร์คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 0.5-1.5% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.5-2.5%

    คิต เว่ย เจิ้ง นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทการเงิน "ซิตี้" ระบุในสัปดาห์นี้ว่า ธนาคารกลางสิงคโปร์มีความเชื่อมั่นลดลง เกี่ยวกับการเติบโตและอาจปรับลดตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของประเทศ ดูจาก ความเห็นในรายงานรายไตรมาสของธนาคารกลางเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจสิงคโปร์เมื่อไม่นานนี้

    "การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มดังกล่าวอาจเกิดขึ้นในเดือนเม.ย.นี้ เมื่อเอ็มเอเอส ประกาศนโยบายการเงินรอบครึ่งปี ของตน"

    Source: กรุงเทพธุรกิจ
    - Singapore 2019 growth forecast shaved again, to 2.5%: MAS survey of private economists : https://www.straitstimes.com/busine...-again-to-25-mas-survey-of-private-economists
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Mar 15) ประธาน European Council เปิดโอกาสให้มีการขยายระยะเวลา Article 50 ออกไปเป็นระยะเวลานาน หากสหราชอาณาจักรเห็นว่าจำเป็นต้อง “rethink” เรื่อง Brexit: นาย Donald Tusk ประธาน European Council ระบุว่าจะขอให้ European Council เปิดโอกาสให้มีการขยายระยะเวลา Article 50 ออกไปเป็นระยะเวลานาน หรือ “long extension” หากสหราชอาณาจักรเห็นว่าจำเป็นต้อง “rethink” เรื่อง Brexit สอดคล้องกับความเห็นของนาย Simon Coveney รองนายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ ที่ระบุว่า การเลื่อนระยะเวลา Brexit ออกไป 21 เดือน มีความเป็นไปได้ แต่ สหราชอาณาจักรจำเป็นต้องจัดการเลือกตั้งสภายุโรปในเดือน พ.ค. นี้ด้วย
    อย่างไรก็ตาม ท่าทีโดยรวมของสหภาพยุโรปในประเด็นการเลื่อนระยะเวลา Brexit ยังไม่เป็นที่แน่ชัด เพราะต้องอาศัยมติเอกฉันท์จากประเทศสมาชิกทั้ง 27 ประเทศในการพิจารณาลงมติเลื่อน Brexit ออกไป
    นอกจากนี้รายงานข่าวระบุว่า พรรค DUP ซึ่งเป็นพรรคที่ให้เสียงสนับสนุนรัฐบาลสหราชอาณาจักรแต่มีจุดยืนต่อต้าน Backstop เขตแดนบนเกาะไอร์แลนด์ซึ่งอยู่ในข้อตกลง Brexit ของรัฐบาล ได้เข้าหารือร่วมกับตัวแทนของรัฐบาลและนาย Geoffrey Cox อัยการสูงสุดสหราชอาณาจักร ในประเด็นการใช้ Article 62 of the Vienna Convention เพื่อเป็นแนวทางให้สหราชอาณาจักรสามารถยุติการใช้ Backstop ได้ในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้มีแนวคิดสนับสนุน Brexit ต้องการให้เกิดขึ้น และหากนาย Cox ให้ความเห็นทางกฎหมายเพิ่มเติมในประเด็น Article 62 อาจช่วยให้กลุ่มผู้มีแนวคิดสนับสนุน Brexit ทั้งพรรค DUP และกลุ่ม Europeans Research Group (ERG) เปลี่ยนใจมาสนับสนุนข้อตกลง Brexit ของรัฐบาลได้
    Article 62 of the Vienna Convention คือ กฎของข้อตกลงระหว่างรัฐกับรัฐ ที่ระบะว่า หากมี "a fundamental change of circumstances” ที่ไม่คาดว่าจะเกิดขึ้น เกิดขึ้นภายหลังการทำข้อตกลงแล้ว ประเทศหรือรัฐสามารถถอนตัวจากข้อตกลงที่ทำได้ อย่างไรก็ตาม การตีความกรณีดังกล่าวเป็นสิ่งที่ยากมากและจำเป็นต้องเป็นสถานการณ์ที่ใหญ่มากเท่านั้น เช่น กรณีข้อขัดแย้งระหว่างฮังการีและสโลวเกีย มีการวินิจฉัยว่าการล่มสลายของสหภาพโซเวียตและการแยกประเทศระหว่างเช็กและสโลวเกียยังไม่มีเหตุผลสนับสนุนเพียงพอสำหรับการใช้ Article 62 แต่อย่างใด
    สรุปประเด็นสำคัญหลังการลงมติวันที่ 14 มีนาคม 2562
    1. ประเด็นสำคัญได้แก่
    · สภาลงมติให้เลื่อน Brexit ออกไปแบบ short technical extension หากมีการรับร่าง Brexit ใน Meaningful vote ครั้งที่ 3 (MV#3) วันที่ 20 มี.ค. มิฉะนั้นจะเป็น long extension
    · เป็นชัยชนะครั้งแรกของรัฐบาลในการลงมติ 3 วันที่ผ่านมา
    2. สรุปผลการลงคะแนนในแต่ละญัตติดังนี้
    · Amendment#1 2nd referendum เสนอโดย Sarah Wollaston (Independent) ให้มีการขยายเวลาเพื่อทำ 2nd referendum
    o ไม่ผ่านด้วยคะแนนเสียง 333 – 84
    o โดยคะแนนที่ห่างเกิดจากมติพรรค Labour ที่ให้งดออกเสียงจำนวน 202 คน โดยมีมติงดออกเสียงเพื่อไม่ให้มีภาพว่าไม่ผ่านการเห็นชอบจากสภา ซึ่งจะทำให้การเรียกร้องให้เกิด referendum ในอนาคตทำได้ยากยิ่งขึ้น
    o Labour 41 คนขัดมติพรรคที่ให้งดออกเสียง (24 คนลงคะแนนเห็นด้วย 17 คนไม่เห็นด้วย)
    · Amendment#2.1 Indicative votes + เลื่อน Brexit ออกไปเป็นสิ้นเดือน มิ.ย. 2019 เสนอโดย Lucy Powell (Labour) ซึ่งมีเนื้อหาเหมือน Amendment โดย Hilary Benn (ด้านล่าง) แต่มีการระบุช่วงเวลาการเลื่อน Brexit อย่างชัดเจน
    o ไม่ผ่านด้วยคะแนนเสียง 314 – 311
    · Amendment#2.2 Indicative votes เสนอโดย Hilary Benn (Labour) โดยให้ สส. ในสภาร่วมกันหาทางออกและลงมติในทางเลือกต่างๆ
    o ไม่ผ่านด้วยคะแนนเสียง 314 – 312 โดยทั้งสองญัตติ รัฐบาลชนะด้วยคะแนนเสียงน้อยกว่าที่ควรจะเป็นเนื่องจากมีกลุ่ม Pro-EU 17 คนไม่ลงคะแนนเสียงตามมติพรรค
    · Amendment#3 New approach to Brexit เสนอโดย Jeremy Corbyn (หัวหน้าพรรค Labour) ให้มีการเลื่อน Brexit ออกไป เพื่อให้สภามีเวลาในการหาข้อสรุปร่วมกันในประเด็น Brexit
    o ไม่ผ่านด้วยคะแนนเสียง 318 – 302
    · Government main motion โดยให้ เลื่อน Brexit ออกไปแบบ short technical extension ไม่เกิน 30 มิ.ย. 19 หากรับร่าง Brexit ใน Meaningful vote ครั้งที่ 3 วันที่ 20 มี.ค. มิฉะนั้นจะเป็น long extension โดย UK อาจต้องเข้าร่วมการเลือกตั้ง EU parliament เดือน พ.ค. นี้
    o ผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 412 – 202 เป็นชัยชนะของรัฐบาล โดยที่คะแนนส่วนใหญ่มาจากพรรคฝ่ายค้านจำนวน 236 เสียง
    3. Looking forward และ implication โดย key event คือ MV#3 วันที่ 20 มี.ค. มีประเด็นที่ต้องติดตาม คือ
    · ความเห็นของนาย Geoffrey Cox อัยการสูงสุดสหราชอาณาจักรต่อประเด็น Backstop ที่มีการทบทวนอยู่ โดยหากมีความเห็นเป็นทางบวก รวมกับ possibility of long extension อาจทำให้กลุ่ม ERG (ที่ไม่ใช่ hardliner ประมาณ 30-40 คน) และพรรค DUP (10 คน) เปลี่ยนมาสนับสนุนร่าง Brexit ได้
    · หาก ERG และ DUP เปลี่ยนใจ จะต้องมี Labour เปลี่ยนมาสนับสนุนอีก 20 – 30 คน เพื่อที่ร่าง Brexit จะผ่าน MV#3 (margin การลงมติวันที่ 12 มี.ค. อยู่ที่ 149 เสียง ดังนั้น ต้องการเสียงสนับสนุนอีก 75 เสียง) ซึ่ง Labour 17 คนที่ลงคะแนนเสียงขัดมติพรรคสอดคล้องกับรัฐบาลในวันนี้ อาจเป็นปัจจัยสำคัญในการลงมติ MV#3 ได้
    แต่หากข้อ 1 และ 2 ไม่เกิดขึ้น long extension จะนำไปสู่โอกาสสำหรับ No Brexit หรือ Softer Brexit ที่เพิ่มสูงขึ้น

    FB_IMG_1552648518035.jpg FB_IMG_1552648521960.jpg

    Source: BoTSS
    - Brexit: MPs vote by a majority of 211 to seek delay to EU departure
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    Resizer_15526488190700.png
    (Mar 15) วุฒิสภาสหรัฐลงคะแนนคัดค้านการใช้อำนาจของทรัมป์เพื่อสร้างกำแพง Mexico:วุฒิสภาสหรัฐได้ผ่านญัตติด้วยคะแนน 59 ต่อ 41 คัดค้านอำนาจของประธานาธิบดี Trump ในการประกาศ Emergency declaration เพื่อที่จะเดินหน้าแผนการสร้างกำแพงระหว่างสหรัฐฯ และเม็กซิโก หลังจากที่ งบประมาณดังกล่าวนำไปสู่ข้อถกเถียงในสภาและทำให้ไม่สามารถผ่านงบประมาณได้จนรัฐบาลสหรัฐฯ เข้าสู่สภาวะ Government shutdown เป็นเวลารวม 35 วัน โดยแม้ท้ายที่สุด รัฐบาลจะได้รับการจัดสรรในวงเงิน แต่ก็ต่ำกว่าที่รัฐบาลเสนอ

    ในการลงมติของวุฒิสภาครั้งนี้ ฝ่าย Democrat ได้รับเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกพรรค Republican จำนวน 12 เสียง ซึ่งยังคงไม่เพียงพอหากประธานาธิบดี Trump ใช้สิทธิ veto ญัตติดังกล่าวในภายหลัง โดยที่เมื่อเดือนที่ผ่านมาสภาผู้แทนสหรัฐฯ ได้ลงมติคัดค้าน Emergency declaration ไปแล้ว แต่ด้วยคะแนนเพียง 245 ต่อ 182 อย่างไรก็ดี แม้ว่าเสียงในรัฐสภาจะไม่เพียงพอในการคัดค้านสิทธิ veto ของประธานาธิบดี Trump ได้ แต่ก็อาจทำให้ประธานาธิบดี Trump แพ้คดีที่ถูกฟ้องร้องจาก 12 รัฐ ในข้อหาละเมิดต่อรัฐธรรมนูญจากการประกาศ Emergency declaration เพื่อผ่านงบประมาณดังกล่าว

    Source: BoTSS

    https://www.cbsnews.com/news/trump-...cy-declaration-today-2019-03-14-live-updates/
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    FB_IMG_1552649006286.jpg

    (Mar 15) 'ผู้ชนะ-ผู้แพ้'เอเชีย ผลพวงน้ำมันโลกฟื้นปี61: แม้ภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีกำลังเผชิญกับความปั่นป่วน แต่ผลกำไรของธนาคารเอเชียกลับอยู่ในช่วงขาขึ้น ที่เห็นได้ชัดเจนคือ บรรดาธนาคารสิงคโปร์ เช่น ดีบีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์, ยูโอบี และโอซีบีซี ซึ่งล้วนมี ผลกำไรสุทธิเติบโตด้วยเลข 2 หลัก เมื่อไม่นานนี้

    นอกเหนือจากอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ที่ช่วยฟื้นผลกำไรสำหรับธนาคารหลายราย ในภูมิภาค เหล่าธนาคารสิงคโปร์ยังได้ประโยชน์จากแรงกระตุ้นพิเศษในตลาดน้ำมัน ที่แข็งแกร่งขึ้น อุตสาหกรรมน้ำมันและ ขุดเจาะก๊าซธรรมชาติถือเป็นภาคส่วนสำคัญสำหรับเศรษฐกิจสิงคโปร์ ความมั่งคั่งของธนาคารท้องถิ่นจึงเกี่ยวพันกับความผันผวนในตลาดอย่างมาก

    ในช่วงราคาน้ำมันลดลงซึ่งเริ่มขึ้นในปี 2557 ธนาคารหลายรายเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลเกี่ยวกับยอดการปล่อยสินเชื่อ ของตน

    อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของราคา น้ำมันดิบเบรนท์มาอยู่ที่กว่า 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อเดือนต.ค. ปีที่แล้ว หลังเคยร่วง เหลือไม่ถึง 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อ ต้นปี 2559 ช่วยหนุนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับ น้ำมันและก๊าซ

    สำหรับดีบีเอสซึ่งเป็นธนาคารที่มีสินทรัพย์มากที่สุดในสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ผลตอบแทนต่อหุ้นแตะที่ 12.1% ซึ่งเป็น ระดับที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นนับตั้งแต่ปี 2550 หรือปีเดียวก่อนเกิดวิกฤติการเงินโลก

    ขณะที่ธนาคารยักษ์ใหญ่ 3 รายแรกของอินโดนีเซียอย่าง "มันดิรี" "รักยัต" และ "เซ็นทรัล เอเชีย" 2 ใน 4 ธนาคารรายใหญ่สุด ของไทยอย่าง "กสิกรไทย" และ "กรุงไทย" ต่างมีผลกำไรเติบโตด้วยเลข 2 หลัก

    2 ธนาคารรายใหญ่ที่สุดของมาเลเซีย ในแง่รายได้อย่าง "เมย์แบงก์" และ "ซีไอเอ็มบี กรุ๊ป โฮลดิ้งส์" ต่างมีผลกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว เดวิด ลัม นักวิเคราะห์ของบริษัท ไดวะ แคปิตัล มาร์เก็ตส์ เชื่อว่า ในช่วงที่ เกิดความไม่แน่นอนของการเติบโตทางเศรษฐกิจ บรรดาธนาคารจะเป็นแหล่งสะสม มูลค่าที่ดี

    ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น อาจช่วยสนับสนุนการเติบโตของธนาคารสิงคโปร์ แต่ก็สร้างความเสียหายต่อบรรดาบริษัทที่บริโภคเชื้อเพลิงรายใหญ่ โดยเฉพาะสายการบิน

    อันที่จริง ปี 2561 น่าจะเป็นปีที่ดีสำหรับ "การบินไทย" ผลสำรวจใน 160 เมืองใหญ่ทั่วโลกของมาสเตอร์การ์ด พบว่า กรุงเทพมหานครขึ้นแท่นจุดหมายปลายทาง ท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลกเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ด้วยจำนวนแขกพักค้างคืนกว่า 20 ล้านคน มากกว่ากรุงลอนดอนของอังกฤษ กรุงปารีสของฝรั่งเศส และ นครนิวยอร์กของสหรัฐเพื่อเร่งตอบสนองความต้องการการเดินทางที่กำลังขยายตัวนี้ การบินไทย จึงขยายฝูงบินและขีดความสามารถในการรับผู้โดยสารของตน แต่จำนวนผู้โดยสารของสายการบินกลับลดลง 1% ด้วยราคาน้ำมัน ที่สูงขึ้นและค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมกัน ทำให้บริษัทประสบผลขาดทุนกว่า 1.16 หมื่นล้านบาทในปีที่แล้ว

    ขณะที่บรรดาคู่แข่งของการบินไทยที่เป็น สายการบินราคาประหยัดก็ได้รับผลกระทบ เช่นกัน

    สายการบินโคเรียน แอร์ของเกาหลีใต้ มีรายได้เพิ่มขึ้น อานิสงส์จากจำนวน ผู้โดยสารและธุรกิจขนส่งทางอากาศเติบโตขึ้น แต่ยังคงขาดทุน 8.03 หมื่นล้านวอน เนื่องจาก มีต้นทุนเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น 26% และยังได้รับ ผลกระทบจากเงินวอนที่อ่อนค่าลงด้วย 2 ใน 3 สายการบินยักษ์ใหญ่ของจีน อย่าง "ไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์" และ "ไชน่า เซาท์เทิร์น แอร์ไลน์ส" แจ้งเตือนว่า ผลกำไรสุทธิสำหรับปี 2561 จะลดลงครึ่งหนึ่ง จากปีก่อนหน้า ผลจากราคาน้ำมันแพงและเงินหยวนที่อ่อนค่าลง

    แม้กระทั่งสายการบินต้นทุนต่ำ ยังไม่รอด "แอร์เอเชีย" รายงานว่ามี ผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 22% แต่ผลกำไรหลังหักภาษีไม่นับรวมผลประโยชน์ต่างๆ ลดลง 35% เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงขยายตัว 39% แต่สายการบินแก้ปัญหานี้ อย่างทันควัน ด้วยการประกาศจะลดพนักงานลง 10% และปิดคอลเซ็นเตอร์ภายในเดือนมิ.ย.นี้

    โบ ลิงกัม รองซีอีโอกลุ่มแอร์เอเชีย กล่าวว่า ตำแหน่งงานที่ได้รับผลกระทบ จะถูกแทนที่ด้วย "แชทบอท" หรือโปรแกรมสนทนาอัตโนมัติ

    ส่วนสายการบินเดียวที่รอดจากสถานการณ์นี้คือ "คาเธ่ย์แปซิฟิค" ซึ่งมีผลกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใน ปี 2561 หลังประสบผลขาดทุนมา 2 ปีติดต่อกัน

    ขณะที่อุตสาหกรรมขนส่งทางเรือ (ชิปปิ้ง) ของเอเชียเป็นอีกภาคอุตสาหกรรมหนึ่ง ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น บริษัทเอเวอร์กรีน มารีนของไต้หวัน มีผลขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 398.7 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน แม้จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 6% มาอยู่ที่ 1.2 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน ในช่วง 3 ไตรมาสแรกเมื่อปีที่แล้ว

    ส่วนบริษัทคอสโค ชิปปิ้ง โฮลดิ้งส์ ของจีน ออกรายงานเตือนเรื่องผลกำไร เมื่อสิ้นเดือนม.ค. ที่ผ่านมาว่า บริษัทจะมีผลกำไรสุทธิลดลง 55% มาอยู่ที่ 1,460 ล้านหยวน ซึ่งหลักๆ เป็นผลจากต้นทุนเชื้อเพลิง ที่สูงขึ้น

    แน่นอนว่า ผู้ชนะแบบไร้คู่แข่งจากสถานการณ์ราคาน้ำมันพุ่งย่อมเป็น บริษัทน้ำมันเอง โดยปตท. รัฐวิสาหกิจของไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น 17% มาอยู่ที่ 2.3 ล้านล้านบาท และแม้ว่าภาษีรายได้ ที่สูงขึ้นจะฉุดผลกำไรสุทธิลง 11% แต่ ผลกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี ของบริษัทยังคงเพิ่มขึ้น 2%

    ขณะที่ "ซิโนเปค" ยักษ์ใหญ่พลังงานของจีน รายงานว่า มีผลกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 22% มาอยู่ที่ 6.23 หมื่นล้านหยวน ในปี 2561 ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวก สำหรับนักลงทุน ส่วนรัฐวิสาหกิจน้ำมันรายใหญ่อีก 2 รายของจีนอย่าง "ปิโตร ไชน่า" และ "ซีนุก" ผลสำรวจนักวิเคราะห์ ซึ่งรวบรวมโดย "ควิก-แฟคท์เซ็ท" คาดว่า จะมีผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นรวมกัน 9,400 ล้านดอลลาร์

    ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอาจช่วยหนุนการเติบโต ของธนาคารสิงคโปร์ แต่สร้างความเสียหาย ต่อหลายบริษัท โดยเฉพาะสายการบิน

    Source: กรุงเทพธุรกิจ
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    full_mosque1.jpg
    (Mar 15) นิวซีแลนด์ช็อก!มือปืนยิงในมัสยิด-ปิดกลางเมืองไครสต์เชิร์ช : แถลงการณ์อย่างเป็นทางการให้รายละเอียดเพียงว่า ตำรวจกำลังรับมือกับเหตุยิงในมัสยิดไครสต์เชิร์ช ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงพื้นที่ดังกล่าว และอยู่ภายในบ้าน ขณะสภาเทศบาลเมืองไครสต์เชิร์ชสั่งปิดอาคารทุกแห่ง ห้ามใครเข้าออก สื่อท้องถิ่นหลายสำนัก รายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหนึ่งในมัสยิดที่เกิดเหตุ และคนในมัสยิดอีกแห่งได้รับการอพยพ

    สถานีวิทยุนิวซีแลนด์ อ้างผู้เห็นเหตุการณ์ว่า เห็น 4 คนนอนอยู่บนพื้น และมีเลือดกระจายอยู่ทั่ว และผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งระบุว่า เห็นชายสวมหมวกและแว่นตานิรภัย สวมแจ็คเก็ตคล้ายทหาร ใช้ปืนอัตโนมัติกราดยิงในมัสยิด ขณะเกิดเหตุ มีคนอยู่ภายในมัสยิดลินวูดเพื่อละหมาดตอนบ่ายราว 300 คน รวมถึงคริกเก็ตทีมชาติบังกลาเทศ แต่นักกีฬาหลบหนีออกมาได้

    โมฮัมเหม็ด จามา อดีตประธานสมาคมมุสลิมเคนเทอร์บิวรี กล่าวว่า ชายคนหนึ่งพร้อมปืน เดินเข้าไปในมัสยิดเมื่อวลา 13.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น ( เร็วกว่าเวลาประเทศไทย 4 ช.ม. ) ส่วน ลิซา เดวีส์ ชาวเมือง บอกสำนักข่าวเอบีซีว่า เสียงไซเรนดังไม่หยุด เราเห็นรถพยาบาลอย่างน้อย 10 คัน รถตำรวจอีกจำนวนหนึ่ง รุดไปยังจุดเกิดเหตุ ตำรวจพร้อมอาวุธเต็มอัตราพยายามกันประชาชนออกจากพื้นที่

    Source: คมชัดลึกออนไลน์
    New Zealand mosques: Several dead after shootings in Christchurch :

    Live: 'Multiple fatalities' as shots fired at mosques in central Christchurch : https://www.radionz.co.nz/news/nati...hots-fired-at-mosques-in-central-christchurch
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    105610010-1544099966247rts294u0.jpg
    (Mar 15) จีนยันไม่เคยขอเอกชนช่วยล้วงข้อมูล : นายกฯ จีนยืนยัน ไม่เคยขอให้บริษัทล้วงข้อมูลชาติอื่น หลังสหรัฐประโคมข่าวว่า หัวเว่ยเป็นภัยความมั่นคง

    นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงของจีน แถลงในวาระปิดประชุมสภาประชาชนแห่งชาติว่า รัฐบาลไม่เคยขอให้บริษัทใดล้วงข้อมูลในนามของตนในอนาคตก็จะไม่ทำด้วย เพราะเป็นสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับกฎหมายจีน และจีนไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น

    ก่อนหน้านี้สหรัฐพยายามชี้ชวนพันธมิตรตะวันตก ห้ามให้หัวเว่ย บริษัทเทคโนโลยีใหญ่จากจีน ได้เข้าไปทำโครงการ 5 จีในประเทศเหล่านั้น อ้างว่าหัวเว่ยอาจเป็นสายที่รัฐบาลปักกิ่งส่งมาล้วงความลับ

    ยิ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ปักกิ่งเพิ่งออกกฎหมายมอบหมายให้บริษัทแดนมังกรช่วยเหลือรัฐบาลด้านความมั่นคงแห่งชาติ ก็ยิ่งทำให้น่ากังวลมากขึ้นไปอีก

    สัปดาห์ก่อนหัวเว่ยตัดสินใจยื่นฟ้องรัฐบาลวอชิงตัน ที่ออกกฎหมายกีดกันไม่ให้หน่วยงานรัฐบาลกลางซื้อสินค้าและบริการจากหัวเว่ย ซึ่งรัฐบาลปักกิ่งก็สนับสนุนที่บริษัทของตนยื่นฟ้อง

    สัปดาห์นี้วอชิงตันจึงต้องกดดันพันธมิตรยุโรปอย่างหนักไม่ให้ใช้หัวเว่ย โดยขู่ว่าจะตัดความร่วมมือข่าวกรองกับเยอรมนีถ้าไม่เชื่อฟัง

    คนหนึ่งที่ถูกมองว่าเป็นเหยื่อสำหรับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับหัวเว่ย คือนางเมิ่ง หว่านโจว ประธานคณะเจ้าหน้าที่การเงิน (ซีเอฟโอ) ที่ถูกจับกุมในแคนาดาตามคำขอของสหรัฐ ด้วยข้อหาละเมิดคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่าน โดยนายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งหัวเว่ยบิดาของนางเมิ่ง เคยเป็นวิศวกรในกองทัพปลดแอกประชาชนจีนมาก่อน

    นายเหรินให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีทีวีของแคนาดา ออกอากาศเมื่อวันพฤหัสบดี (14 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่นว่า นางเมิ่งบุตรสาวของเขา มองหางานใหม่ตั้งแต่ก่อนถูกจับที่แคนาดา เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2561 ตามคำขอของสหรัฐ แต่เมื่อเกิดเหตุความสัมพันธ์สองพ่อลูกก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น

    “หนึ่งเดือนก่อนถูกจับ เธออยากลาออกแล้วไปหางานทำที่อื่น เธอไม่มีความสุขกับการทำงานที่นี่ แต่หลังจากถูกจับเรื่องนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของเราดีขึ้น ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าชีวิตไม่ได้ราบรื่น ในอดีตเส้นทางชีวิตเธอเรียบง่าย จึงรับมือกับความล้มเหลวได้ไม่ดี คุณต้องเจอปัญหามากก่อนจะเป็นฮีโรถ้าคุณไม่มีบาดแผล หนังคุณก็ไม่เหนียว”

    ความสัมพันธ์ระหว่างแคนาดากับจีนเสื่อมถอยลงทันทีหลังนางเมิ่งถูกจับ สหรัฐต้องการให้ส่งตัวเธอไปให้ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ส่วนจีนก็จับกุมชาวแคนาดา 2 คนด้วยเหตุผลด้านควาามมั่นคงแห่งชาติ และดำเนินคดีนักโทษคดียาเสพติดชาวแคนาดาอีกคนหนึ่งด้วยโทษประหาร

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    - Huawei CFO Meng Wanzhou wanted to quit her job just before arrest, founder says: https://www.cnbc.com/2019/03/15/hua...quit-job-just-before-arrest-ren-zhengfei.html
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    640x-1.png
    (Mar 15) ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีมติคงอัตราดอกเบี้ย ขณะปรับลดมุมมองการส่งออกออก,ผลผลิตอุตสากรรม : ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ที่ระดับ -0.1% ไว้ในการประชุมวันนี้ รวมทั้งปรับลดมุมมองด้านการส่งออกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรม

    สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า คณะกรรมการบริหารของ BOJ ได้ลงคะแนนเสียง 7 ต่อ 2 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะสั้นไว้ที่ -0.1% รวมทั้งคงอัตราผลตอบแทนระยะยาวไว้ใกล้ระดับ 0%

    คณะกรรมการบริหารของ BOJ ระบุว่า BOJ จะยังคงซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง เช่น กองทุน ETF นอกจากนี้ ทางบอร์ดยังได้ระบุว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกนั้นได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจประเทศต่างๆ เช่น จีน

    นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการ BOJ มีกำหนดแถลงข่าวในวันนี้ เพื่ออธิบายถึงเหตุผลในการตัดสินใจของคณะกรรมการบริหาร BOJ


    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา

    - Kuroda Defends Price Target After Government Urges Flexibility : https://www.bloomberg.com/news/arti...unchanged-while-taking-dimmer-view-of-economy
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kike Hernandez

    # ด่วน
    มีรายงานความเสียหายในโมซัมบิกแล้วเนื่องจากผลกระทบของพายุไซโคลน idai
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kike Hernandez

    #ด่วน #สุดท้าย # ชั่วโมง
    ฮามาสยิงจรวด 2 ลูกจากกาซาไปยังเมืองที่สำคัญที่สุดของอิสราเอล เทลอาวิฟ
    กองทัพอิสราเอลได้สกัดกั้นจรวด
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kike Hernandez

    #ด่วน

    เสียงไซเรนเตือนภัย
    ทั่ว tel aviv อิสราเอล พวกเขารายงานว่าพวกเขาได้เปิดที่พักพิง ยาปฏิชีวนะ ...
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kike Hernandez

    เสียงเตือนภัยดังขึ้นในเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล รายงานการประชุมฉุกเฉิน โดยประธานาธิบดีของอิสราเอลและคณะรัฐมนตรีทั้งหมด ...
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kike Hernandez

    สหประชาชาติกำลังพยายามที่จะระงับการเพิ่มระดับที่เป็นไปได้หลังจากที่พวกเขาเปิดตัวจรวด 2 ลูก ไปยัง tel aviv ประเทศ israel ....
    อิสราเอลจะไม่แถลงกับสื่อเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ...
    ในเวลานี้มีการประชุมฉุกเฉินที่อิสราเอล แจ้งเตือนยังคงดังอยู่
    La onu esta tratando de pacificar esta posible escalada despues de que lanzaron 2 cohetes havia tel aviv israel ....
    Israel no dara declaraciones a los medios de lo que esta pasando en estos momentos...
    En estos momentos hay reunion de emergencia en tel aviv israel , las sirenas de advertencia Siguen sonando
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kike Hernandez

    อิสราเอลเพิ่งตัดสินใจทำการโจมตีครั้งสำคัญบนฉนวนกาซา จากเหตุการยิงจรวดไปที่เทลอาวีฟ อิสราเอล ...
    ข้อมูลในการพัฒนา ...
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kike Hernandez

    หิมะที่ผิดปกติในทะเลทรายซาอุดิอารเบีย
    2019/03/14
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kike Hernandez

    # ด่วน
    อิสราเอลยังคงระเบิดใส่ฉนวนกาซาเหล่านี้เป็นภาพของฉนวนกาซาในช่วงเวลานี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...