ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “สหรัฐ” ตัด GSP “อินเดีย-ตุรกี” ไทย-อินโดนีเซีย ลุ้นระทึก

    #prachachat #GSP

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai


    ... “นักวิจัยชี้ : อเมริกา ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เนื้อแท้เป็นระบอบ ธนาธิปไตย หรือคณาธิปไตย”


    ... มีการศึกษาวิจัยในปี 2014 เกี่ยวกับ “การปกครองในอเมริกา” ของสถาบัน Perspectives on Politics ที่มีการพบความจริงว่า “อเมริกา ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย” แต่เป็นระบบ “คณาธิปไตย” ( หรือการปกครองโดยหมู่คนคณะเล็กๆคณะเดียว ผูกขาด ทำเพื่อพวกพ้อง สืบทอดรุ่นสู่รุ่น )


    ... ขณะที่มีอีกคำคือ “ธนาธิปไตย” “อริสโตเติล” ริเริ่มการใช้คำนี้เป็น “การปกครองโดยคนรวย” ซึ่งคำที่ถูกต้อง คือ “ธนาธิปไตย” (plutocracy) แต่ “คณาธิปไตย” ไม่จำเป็นต้องเป็นการปกครองด้วยความมั่งมีเสมอไป ด้วยผู้ปกครองในระบอบคณาธิปไตยเป็นกลุ่มมีเอกสิทธิได้ง่าย ๆ และไม่จำเป็นต้องเชื่อมโยงทางสายเลือดดังเช่นใน “ราชาธิปไตย” บางนครรัฐในสมัยกรีกโบราณปกครองแบบคณาธิปไตย


    … นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล Paul Krugman ( ที่เคยช่วยปู่มหาเดร์ แห่ง มาเลเซีย ปิดประเทศทางการเงิน หรือ Capital Control เลยไม่ต้องยืมเงินไอเอ็มเอฟ ฉลาดกว่านักการเมืองไทยตอนวิกฤติการเงินปี 1997) กล่าวในหนังสือของที่ชื่อว่า The Conscience of a Liberal, ในบทที่ชื่อว่า “การเมืองระบบธนาธิปไตย” ว่ากลุ่มผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเกิดขึ้นได้ เนื่องจากปัจจัย 3 ประการ:


    ...,1 คนที่ยากจนที่สุดของชาวอเมริกัน (ชาวแอฟริกัน - อเมริกันและผู้อพยพที่ไม่มีสัญชาติ) บางส่วนไม่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง, ( เช่น กรณีที่ชัดเจน ก็คือ พี่น้องบุชช่วยกันโกงกำจัดสิทธิ์ผู้ลงคะแนนพรรคเดโมแครต ที่ส่วนใหญ่เป็นคนผิวสี และ เชื้อสายสเปน เพื่อหวังดันให้บุช ชนะอังกอร์ ในรัฐฟลอริด้า เป็นการเลือกตั้งที่เหม็นฉาวโฉ่ที่สุดครั้งหนึ่งในโลก ในปี 2000 )


    ... 2 ผู้ร่ำรวยมั่งคั่งสนับสนุนการเงินแก่นักการเมืองที่พวกเขารักชอบ ( หรือนักการเมืองเป็นนายหน้า หุ่นเชิด หุ้นส่วน หรือ เครื่องมือของนายทุนบรรษัท กระฎุมพีใหญ่ )


    ... และ 3 คือ “การซื้อเสียง” ที่ "เป็นไปได้ ทำง่ายและแพร่หลาย" ในข้อนี้รวมความถึงการโกงคะแนนเลือกตั้งในรูปแบบอื่นๆด้วย เช่นการสอดใส้ ผสมใบลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในกล่องบรรจุ และการข่มขู่ในหลายรูปแบบของผู้มีสิทธิเลือกตั้งของอีกฝ่าย ( ในไทยเป็นเทพเจ้าแห่งการโกงเลือกตั้ง )


    ... นอกจากนั้นนับตั้งแต่ปี 1970 กลุ่มชนชั้นสูงที่ร่ำรวยก็พยายามใช้อำนาจใน “การลดภาษี” ( หรือลดรายจ่ายของบรรษัท ) ที่พวกเขาต้องจ่ายให้กับรัฐบาลอเมริกาลง ( เช่นล่าสุด สมัยทรัมป์ ที่ลดภาษีบรรษัทขนาดใหญ่เพื่อจะกระตุ้นตลาดหุ้นและการลงทุน ที่กระตุ้นอย่างแรกมากกว่าการลงทุนจริง )


    ... ขณะที่ “โจเซฟ สติ๊กลิซท์ นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลอีกคนก็บอกว่า “อเมริกา” นั้นถูกปกครองด้วยคนรวยกลุ่มน้อยเพียง ร้อยละ 1 แค่กลุ่มเดียว ที่ปกครองประชาชนอีก ร้อยละ 99 ที่เหลือ เขาเรียกระบบนี้ว่า “ระบบเครือข่ายคนชั้นสูงผูกขาด ของคนเพียง1เปอร์เซนท์ โดยคนเพียง1เปอร์เซนท์ เพื่อคนเพียง1เปอร์เซนท์” หรือ ที่สอดคล้องกับนักวิชาการหลายคนที่เรียกระบบนี้ว่า “คณาธิปไตย” หรือ “คนหมู่เดียวครองอำนาจ เพื่อพรรคพวกของเขาเอง” oligarchy ซึ่งคำนี้ใช้แพร่หลายมากกว่า เพราะกินถึงหลายกลุ่มมากกว่าคำว่า เพราะ oligarchy นั้นไม่ได้แค่ตีความถึงบรรษัทคนรวยนักธุรกิจเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึง นักการเมือง นักการศาสนา นักการทหาร นักวิชาการ ข้าราชการประจำที่รากงอกเป็นมาเฟียมานาน เปรียบเหมือนขุนนางอำมาตย์อำนาจมาก หรือแม้แต่ราชวงศ์ ที่ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน รัฐประเทศเช่นนี้มักถูกควบคุมโดยไม่กี่ตระกูลที่มีชื่อเสียงซึ่งส่งผ่านอิทธิพลของตระกูลจากรุ่นสู่รุ่น ( เช่นเครือข่ายของกลุ่ม ไซออนนิสต์CFR บิลเดอเบิร์ก หรือ Trilatteral Commission เป็นต้น )


    ... การเลือกตั้งเป็นแค่พิธีกรรมเท่านั้น มีงานวิจัยของนักวิชาการสองคือ คือ Martin Gilens ( Princeton University) และ Benjamin Page (Northwestern University) ที่เผยแพร่ในเดือนเมษายน ในปี 2014 มีการวิจัยศึกษาพบว่า ประชาชนทั่วไปร้อยละ99 นั้น ไม่ได้มีอิทธิพลในการสร้างปรับเปลี่ยนนโยบายระดับมหภาคของประเทศอเมริกาเลย แต่เป็นการปกครองของคนแค่กลุ่มเดียว


    ... ซึ่งสอดคล้องกับการประท้วงในอเมริกา ที่เริ่มเมื่อ 17 กันยายน 2011 ที่เรียกว่า "Occupied Wall street" ที่มีการประท้วงที่ประเทศ "อเมริกา" ถูกปกครองโดยนายทุนนักการธนาคารในวอลล์สตรีท ทั้งกำหนดนโยบายต่างประเทศ เผด็จการทางการเงิน โดยเฟด สร้างหนี้สิน สร้างนวัตกรรมการเงินที่สร้างกำไรให้พวกคนแค่ 1 เปอร์เซนท์ แต่สร้างปัญหาการเงิน การว่างงาน ให้กับคนอีก 99 เปอร์เซนท์ที่เหลือ ที่เป็นแค่เสมือนทาสรับใช้สมัยใหม่


    ... “เลือกตั้งธิปไตย” “ซื้อเสียงธิปไตย” หรือ “ประชาธิปไตย” ก็เป็นแค่อาภรณ์สวยหน้าฉากเปลือกนอกของระบอบการปกครองที่นักวิจัย นักวิชาการฝรั่งระดับรางวัลโนเบลเรียกว่า “ธนาธิปไตย” และ “คณาธิปไตย” แค่นั้นเอง


    .

    .

    ... In his book ย, in a section entitled The Politics of Plutocracy, economist Paul Krugman says plutocracy took hold because of three factors: at that time, the poorest quarter of American residents (African-Americans and non-naturalized immigrants) were ineligible to vote, the wealthy funded the campaigns of politicians they preferred, and vote buying was "feasible, easy and widespread", as were other forms of electoral fraud such as ballot-box stuffing and intimidation of the other party's voters.[21]

    ... The U.S. instituted progressive taxation in 1913, but according to Shamus Khan, in the 1970s, elites used their increasing political power to lower their taxes, and today successfully employ what political scientist Jeffrey Winters calls "the income defense industry" to greatly reduce their taxes.[2


    ... In 1998, Bob Herbert of The New York Times referred to modern American plutocrats as "The Donor Class"[23][24] (list of top donors)[25] and defined the class, for the first time,[26] as "a tiny group – just one-quarter of 1 percent of the population – and it is not representative of the rest of the nation. But its money buys plenty of access


    ... When the Nobel-Prize winning economist Joseph Stiglitz wrote the 2011 Vanity Fair magazine article entitled "Of the 1%, by the 1%, for the 1%", the title and content supported Stiglitz's claim that the United States is increasingly ruled by the wealthiest 1%.[40] Some researchers have said the US may be drifting towards a form of oligarchy,


    ... "analyses suggest that majorities of the American public actually have little influence over the policies our government adopts". Gilens and Page do not characterize the U. S. as an "oligarchy" or "plutocracy" per se; however, they do apply the concept of "civil oligarchy" as used by Jeffrey A. Winters[43] with respect to the US.


    .

    ... เครดิตข่าว ขอขอบคุณ คุณ NineWut Opaspakornkij

    https://en.wikipedia.org/wiki/Plutocracy

    https://www.commondreams.org/views/...RrEgvvq939qXuZYeGdoZGpEdHMJJscQaeYSvqggLBJnyc


     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พิษณุโลก ร้อน 37 องศา นักท่องเที่ยวแห่หนีร้อนลงเล่นน้ำเขื่อนแควน้อย

    หลังจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดทำให้นักท่องเที่ยวและชาวบ้านผู้ต่างพาบุตรหลาน ไปเที่ยวเล่นน้ำคลายร้อนกันที่บริเวณจุดเล่นน้ำท้ายเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน กันอย่างสนุกสนาน

    ทีมข่าวรายงานว่า สภาพอากาศที่ร้อนจัดจากการรายงานจากอุตุนิยมวิทยาพิษณุโลก แจ้งว่า อุณหภูมิสูงสุดในจังหวัดพิษณุโลกวันนี่อยู่ 37 องศา ที่ อ.พรหมพิราม, 36 องศา ที่ อ.วัดโบสถ์ อ.วังทอง ทำให้ประชาชนจำนวนมากต่างพาครอบครัวเดินทางไปเที่ยวเล่นน้ำกันที่จุดเล่นน้ำท้ายเขื่อนแควน้อบบำรุงแดน อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก เป็นจำนวนมาก เพื่อพาครอบครัว บุตรหลาน ไปเล่นน้ำคลายร้อนกันอย่างสนุกสนาน หลังจากองค์การบริหารส่วนตำบลคันโช้ง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ได้ร่วมกับ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เปิดบริการจุดเล่นน้ำท้ายเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนมาอย่างต่อเนื่องทุกปี ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม เพื่อสร้างงานและสร้างอาชีพแก่ประชาชน โดยเปิดบริการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน ให้ชุมชนต่าง ๆ ในเขต ต.คันโช้ง มาบริการซุ้มเล่นน้ำให้นักท่องเที่ยวคิดค่าบริการนั่งซุ้มทั้งวันวันละ 300 บาท ปีนี้ จัดเตรียมไว้ 1,500 ซุ้ม และเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยเปิดให้ชาวบ้านทั้ง 10 หมู่บ้าน มาบริหารจัดการให้เช่าซุ้มเล่นน้ำ และจำหน่ายอาหารเครื่องดื่ม ยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะไม่อนุญาตนำมาจำหน่าย
    โดยบรรยากาศนั้น มีประชาชนต่างพาครอบครัว บุตรหลาน มาเล่นน้ำคลายร้อนกันอย่างสนุกสนาน โดยผู้ปกครองแต่ละคนก็จะดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ถึงแม้ว่าระดับน้ำที่ปีนี้ทางเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนระบายออกมาไม่มากเพื่อรักษาสมดุลและระบบนิเวศของตัวเขื่อนก็ตามแต่ก็สามารถให้ประชาชนได้ลง เล่นน้ำคลายร้อน กันได้อย่างสนุกสนาน

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    NHK WORLD-JAPAN Thai

    พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพที่เมืองฮิโรชิมาเปิดให้สื่อมวลชนเข้าชมพื้นที่ส่วนจัดแสดงที่มีการฟื้นฟูบูรณะใหม่


    ส่วนจัดแสดงซึ่งอยู่ในอาคารหลักของพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้สื่อมวลชนเข้าชมเมื่อวันศุกร์ที่ 8 มีนาคมนั้น มีการจัดแสดงนิทรรศการที่เรียกว่า "ฮิโรชิมาเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม" ซึ่งเป็นเหตุการณ์เมื่อปี 2488 ที่สหรัฐทิ้งระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมา


    สิ่งของที่นำมาจัดแสดงมีทั้งสมบัติส่วนตัวของเหยื่อจากเหตุทิ้งระเบิดปรมาณู ตลอดจนโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่เหลือเพียงซากจากการระเบิด


    ที่มุมหนึ่งมีการจัดแสดงสิ่งของที่เน้นถึงผลกระทบต่อประชาชน เช่น เสื้อผ้าและหมวกที่เป็นของนักเรียนผู้เสียชีวิตขณะที่ถูกเกณฑ์ให้ไปทำงานที่โรงงานต่าง ๆ


    อาคารหลักของพิพิธภัณฑ์จะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 25 เมษายน หลังจากที่ปิดปรับปรุงบูรณะนานเกือบ 2 ปี


    รับชมวีดิทัศน์ประกอบข่าวได้จากลิงก์นี้

    https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/en/news/20190308_36/

    IMG_0449.PNG IMG_0450.PNG IMG_0451.PNG IMG_0452.PNG IMG_0453.PNG IMG_0455.PNG

    ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่

    https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    NHK WORLD-JAPAN Thai

    นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้สั่งการให้สมาชิกคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เร่งดำเนินการฟื้นฟูในพื้นที่ที่เสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อปี 2554


    นายอาเบะได้เรียกประชุมที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีในวันศุกร์ที่ 8 มีนาคม


    ผู้นำญี่ปุ่นกล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นต้องกำกับดูแลการฟื้นฟูบูรณะพื้นที่ต่าง ๆ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเสียหายจากเหตุภัยพิบัติในครั้งนั้น รวมถึงเรื่องอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นตามมาที่จังหวัดฟูกูชิมะ


    จากนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัดสินใจเรื่องนโยบายพื้นฐานที่จะครอบคลุมถึงเรื่ององค์กรใหม่ในการประชุมคณะรัฐมนตรีด้วย


    นโยบายดังกล่าวระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นควรดำเนินงานด้านการฟื้นฟูบูรณะในจังหวัดฟูกูชิมะต่อไป หลังจากที่แผนการฟื้นฟูฉบับปัจจุบันจะสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคม ปี 2564


    หลายพื้นที่ของจังหวัดฟูกูชิมะยังคงเผชิญกับผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังอุบัติเหตุที่โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ


    นโยบายดังกล่าวยังเรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นนำคณะผู้เชี่ยวชาญมายังจังหวัดฟูกูชิมะเพื่อช่วยเรื่องการปลดระวางโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ที่เสียหายนี้ และยังระบุว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านการแพทย์และการศึกษาในพื้นที่ประสบภัยพิบัติของจังหวัดฟูกูชิมะจะต้องได้รับการปรับปรุง เพื่อทำให้ผู้คนกลับมาอาศัยในพื้นที่ดังกล่าวมากขึ้น


    ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่

    https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เตือนภัยทุกสถานการณ์


    เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2562 เวลา 14.13 น. เกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.1 ที่ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ลึกจากผิวดิน 1 กิโลเมตร


    ซึ่ง บริเวณ อ.ศรีสวัสดิ์ ได้เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยได้เกิดแผ่นดินไหวหลายครั้ง เมื่อวันที่ 30-31 ธ.ค. 2561 วันที่ 10 ม.ค. และ 17 ม.ค. ความรุนแรงสูงสุดคือขนาด 4.9


    โดย เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 22.39 น. เกิดแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ขนาด 4.9 ความลึก 2 กิโลเมตร ได้รับแจ้งรู้สึกสั่นไหวบริเวณ จ.กาญจนบุรี จ.ชัยนาท จ.อุทัยธานี จ.สุพรรณบุรี จ.นครปฐม และต่อมา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 14:09 น. เกิดเหตุแผ่นดินไหว อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ขนาด 3.3 ลึก 5 กม.

    IMG_0457.JPG IMG_0458.JPG IMG_0459.JPG IMG_0460.JPG IMG_0461.JPG IMG_0462.JPG

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Sasook

    ข่าวสารการฆ่าตัวตาย เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก สิ่งที่ควรทำเมื่อพบผู้ป่วยคิดสั้น.

    ....ช่วยๆกันนะครับ ...สังคมโซเชียลควรไตร่ตรองก่อนพิมพ์ด้วยครับ

    8 สิ่งที่ควรรีบทำเมื่อเห็นสัญญาณเตือนเสี่ยงฆ่าตัวตายในโลกโซเชียล

    ✅ (1) แสดงความเต็มใจช่วยเหลือ หรือให้คำแนะนำอย่างจริงจัง

    ✅ (2) ยอมรับ ว่าสิ่งที่เขาโพสน์นั้นเป็นปัญหาของเขาจริงๆ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

    ✅ (3) ให้กำลังใจ ทำให้เขาเห็นว่าปัญหานั้นสามารถแก้ไขและผ่านไปได้

    ✅ (4) พิมพ์ข้อความให้คำปรึกษา พิมพ์ข้อความให้คำปรึกษา ปลอบใจให้มีสติ ค่อยๆคิดหาทางแก้ปัญหา

    ✅ (5) ชักชวนให้ทำกิจกรรม อย่าให้อยู่คนเดียว ให้ออกมาทำกิจกรรมข้างนอก อย่าให้อยู่คนเดียว

    ✅ (6) ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว ให้บอกญาติเขาดูแลอย่างใกล้ชิด และอยู่ให้ห่างจากอุปกรณ์ที่เสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเอง

    ✅ (7) แนะนำช่องทางการขอรับคําปรึกษา เช่น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 หรือคลินิกให้คำปรึกษา

    ✅ (8) ติดต่อแหล่งให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ เท่าที่จะทำได้ เช่น ผู้นำชุมชน รพ.สต
    IMG_0463.JPG IMG_0464.JPG
    #สายด่วนสุขภาพจิต1323 #ข่าวฆ่าตัวตาย #ฆ่าตัวตาย #ในโลกโซเชียล #sasook

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_0467.JPG
    (Mar 9) จีนส่งออกวูบ20%ต่ำสุด3ปี : ตลาดหุ้นระส่ำดิ่ง4% ฉุดภูมิภาคลงตาม หวั่นเศรษฐกิจมังกรอ่อนแรงกว่าคาด

    ตลาดหุ้นจีนระส่ำหนักปิดตลาด ลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 5 เดือน หลังจากรัฐบาลปักกิ่งเปิดเผยตัวเลขการค้าล่าสุดในเดือน ก.พ. ว่า การส่งออกของจีน ลดลงต่ำสุดในรอบ 3 ปี โดยลดลงถึง 20.7% เมื่อเทียบเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับลงเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยลดลงมากเมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. ที่ปรับลง 9.1% และยังมากกว่าที่นักวิเคราะห์หลายสำนักคาดการณ์ไว้ ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าเศรษฐกิจจีนอาจชะลอตัวลงหนักกว่าที่คาด

    กรมศุลกากรจีน เปิดเผยว่า การ ส่งออกในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2016 ขณะที่ตัวเลขการนำเข้าในเดือนเดียวกันลดลง 5.2% เมื่อเทียบเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งลดลงมากกว่าตัวเลขนำเข้าของเดือน ม.ค. ที่ลดลง 1.5% การส่งออกที่ลดลงอย่างหนักครั้งนี้ยังทำให้ตัวเลขการค้าเกินดุลของจีนหดตัวลงเหลือเพียง 4,120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.3 แสนล้านบาท) จากเดิมที่มีการคาดการณ์เอาไว้ที่ 2.63 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 8.35 แสนล้านบาท)

    อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์สอ้างนักวิเคราะห์หลายฝ่ายว่า ต้องดูตัวเลขการค้า 2 เดือนแรกของจีนอย่างระมัดระวัง เนื่องจากมีตัวแปรช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลตรุษจีน ที่ธุรกิจส่วนใหญ่มักปิดทำการกันชั่วคราวด้วย ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้วว่า จีนจะเริ่มต้นปีได้ไม่ดีนัก เนื่องจากยังมีปัญหาสงครามการค้ากับสหรัฐเป็นตัวฉุด

    ทั้งนี้ ข่าวร้ายด้านการค้าของจีนได้ฉุดให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงหนักมากกว่า 4% ในการซื้อขายเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา และยังเป็นแรงฉุดทั่วเอเชีย โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ลดลง 4.4% ปิดที่ 2,969.86 จุด ขณะที่ดัชนีเสิ่นเจิ้น คอมโพสิต ลดลง 3.791% ปิดที่ 1,605.28 จุด ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดฮ่องกง ลบ 1.91% ปิดที่ 28,228.42 จุด และดัชนี นิกเกอิ 225 ตลาดหุ้นโตเกียว ลบ 2.01% ปิดที่ 21,025.56 จุด

    รอยเตอร์สระบุว่า นอกจากจีนแล้ว อีกหลายเขตเศรษฐกิจยังรายงานตัวเลขการค้าเดือน ก.พ. ที่ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยไต้หวันรายงานตัวเลขส่งออก ลดลง 8.8% เมื่อเทียบเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำในสุดในรอบเกือบ 3 ปี นับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2016 ในจำนวนนี้การส่งออกไปตลาดสหรัฐลดลงมากที่สุด 13.5% และการส่งออกไปยุโรปลดลงเกือบ 16%

    อย่างไรก็ดี เบียทริส ไช่ ผู้บริหารกระทรวงการคลังของไต้หวัน คาดการณ์ว่าตัวเลขการส่งออกในไตรมาส 2 ปีนี้ จะชะลอตัวลงน้อยกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ เนื่องจากสถานการณ์ระหว่างสหรัฐกับจีนมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

    ด้านกรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยตัวเลขส่งออกเดือน ก.พ. ลดลง 37% เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า โดยมีมูลค่า ส่งออกอยู่ที่ 1.391 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 4.42 แสนล้านบาท) ขณะที่การนำเข้าลดลง 31% อยู่ที่ 1.467 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 4.66 แสนล้านบาท) ส่งผลให้การขาดดุลการค้าลดลงมากกว่าที่คาดเอาไว้ โดยสินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฟน สิ่งทอ และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เป็นกลุ่มสินค้าส่งออกที่ทำรายได้มากที่สุดในเดือนที่แล้ว

    Source: Posttoday

    -US-China trade decline leads to 20.7 per cent plunge in China’s total exports in February : https://www.scmp.com/economy/china-...de-decline-leads-207-cent-plunge-chinas-total
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_0468.JPG
    (Mar 9) รายงาน: คลังรับข้อเสนอ สมาคมพิโกไฟแนนซ์ เร่งหารือเกณฑ์ปล่อยกู้ใหม่ :

    หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้ชี้แจงแนวทางหลักเกณฑ์การกำกับดูแลปล่อยสินเชื่อธุรกิจที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (จำนำทะเบียนรถ) ภายใต้ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ 5 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 (เรื่อง สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ)ให้กับผู้ประกอบการทั่วประเทศไทยไปเมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า จะมีการประกาศออกมามีผลบังคับใช้ภายในเดือนมกราคม 2562



    ภายใต้ประกาศจะดูแลผู้ประกอบการ 2 ระดับคือ รายใหญ่ที่ทำธุรกิจทั่วประเทศ กำหนดทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 50 ล้านบาท จะให้บริการภายใต้ใบอนุญาตสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ทั้งการขอใหม่สำหรับผู้ที่ไม่เคยมีใบอนุญาตมาก่อนและแจ้งขอทำธุรกิจนี้เพิ่มเติมกรณีที่ทำธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่แล้ว ธปท.ให้คิดดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมไม่เกิน 28% ต่อปี ส่วนระดับจังหวัด ทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท จะได้รับใบอนุญาตสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด ภายใต้การกำกับหรือพิโกไฟแนนซ์ ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมไม่เกิน 36% ต่อปี วงเงินสินเชื่อรายละไม่เกิน 50,000 บาท



    จนถึงเวลานี้ ประกาศดังกล่าวก็ยังไม่ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย แต่ล่าสุดสมาคมพิโกไฟแนนซ์ฯ โดยนายสมเกียรติ จตุราบัณฑิต นายกสมาคมออกมาบอกว่า สมาคมได้ยื่นหนังสือต่อกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้พิจารณาขยายวงเงินการปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ(สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์)ให้สามารถปล่อยสินเชื่อเพิ่มจากเดิม 5 หมื่นบาทเป็น 1 แสนบาทต่อราย รวมทั้งแก้ไขประกาศการทำสัญญากรณีปล่อยกู้เกินวงเงินให้เป็นสัญญาเดียวกันได้ เนื่องจากประกาศกระทรวงการคลังเดิมให้ผู้ประกอบการแยกสัญญากรณีที่ปล่อยสินเชื่อวงเงินเกิน 5 หมื่นบาท เช่น ปล่อยสินเชื่อ 7 หมื่นบาท แบ่งเป็นสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ 5 หมื่นบาท อัตราดอกเบี้ย 36% และที่เหลืออีก 2 หมื่นบาท คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ทำให้ผู้ประกอบการอาจทำผิดกฎหมายได้ เนื่องจากไม่มีใบอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจ



    นอกจากจะขอเพิ่มวงเงินปล่อยกู้ไปแล้ว สมาคม ยังขอหารือแก้ไขเพิ่มเติมในประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 พ.ศ. 2515 หรือ ปว.58 ในเรื่องการปล่อยกู้ระหว่างนิติบุคคลกับบุคคลธรรมดา นิติบุคคลต่อนิติบุคคล บุคคลธรรมดาต่อบุคคลธรรมดา และบุคคลธรรมดาต่อนิติบุคคลที่อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 15% จะสามารถทำได้หรือไม่



    ปัจจุบันมีผู้ยื่นขอใบอนุญาตพิโกไฟแนนซ์ 940 ราย ดำเนินการแล้ว 469 ราย แต่มีผู้ปล่อยสินเชื่อแล้ว 358 รายใน 63 จังหวัด และคืนใบอนุญาตประมาณ 103 ราย ใน 47 จังหวัด ณ เดือนมกราคม 2562 รวมวงเงินปล่อยสินเชื่อสุทธิ 1,558 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้าง 5.65 หมื่นล้านบาท โดยมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ประมาณ 6.11% และสามารถแก้หนี้ 5 หมื่นบัญชีแต่ดูเหมือนว่า จะเป็นข่าวดีสำหรับสมาคมที่นายสมเกียรติออกมาระบุว่า หลังจากยื่นหนังสือไปเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา ปัจจุบันฝ่ายกฎหมายกระทรวงการคลังได้เรียกประชุมหน่วยงาน เช่น สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักตำรวจแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อหารือในเรื่องดังกล่าวเพื่อให้มีความชัดเจน และมีแนวทางการปฏิบัติให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน



    แม้กรอบเวลาข้อสรุปยังไม่สามารถระบุได้ แต่การเรียกประชุมหน่วยงานต่างๆ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี


    Source: ฐานเศรษฐกิจ
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_0469.JPG
    (Mar 9) ทำไมธุรกิจต้องป้องกัน ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน? ในช่วงที่ผ่านมา หลายท่านคงเห็นพาดหัวข่าวเกี่ยวกับเงินบาทที่แนวโน้มแข็งค่าขึ้นตั้งแต่เปิดศักราชใหม่ ซึ่งส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากความไม่แน่นอนในภาวะเศรษฐกิจและการเมืองในต่างประเทศที่ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ขณะที่เงินสกุลอื่นๆ แข็งค่าขึ้น โดยเฉพาะค่าเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่ รวมถึงเงินบาท จนทำให้มีผู้นิยามสภาวะดังกล่าวว่า "อ่อนนอก แข็งใน" กล่าวคือขณะที่เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มอ่อนแอลงจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ แต่เศรษฐกิจไทยในภาพรวมยังคงขยายตัวดีจากอุปสงค์ในประเทศเป็นสำคัญ รวมทั้งเสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยที่ยังคงเข้มแข็ง สะท้อนจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ยังอยู่ในระดับสูง และเงินสำรองระหว่างประเทศที่สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก เพียงพอต่อการรองรับภาระหนี้ต่างประเทศในระยะสั้นที่จะครบกำหนดชำระใน 1 ปีข้างหน้าได้ถึง 3 เท่า



    เงินบาทที่แข็งค่าเปรียบเสมือน "เหรียญสองด้าน" โดยมีผลทั้งทางบวกและลบต่อเศรษฐกิจไทย โดยในด้านบวก การแข็งค่าของเงินบาทมีส่วนช่วยลดต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบและการลงทุนในเครื่องจักรนำเข้าของผู้ผลิต รวมถึงช่วยชะลอการเพิ่มขึ้นของค่าครองชีพของผู้บริโภคได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกเร่งตัวขึ้นเร็ว ในขณะที่การแข็งค่าของเงินบาท อาจมีส่วนทำให้รายได้ผู้ส่งออกในรูปเงินบาทลดลง และเสี่ยงต่อการสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันทางด้านราคาในบางอุตสาหกรรม โดยเฉพาะผู้ส่งออกสินค้าเกษตรที่มีการแข่งขันทางด้านราคาในตลาดโลกสูง มีลักษณะสินค้าที่เป็นรูปแบบเดียวกัน (Homogeneous) และลูกค้าสามารถหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นๆ ได้ง่าย



    ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีความห่วงใยในประเด็นดังกล่าวและติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด โดยภายใต้อัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวแบบมีการจัดการ (Managed float) ธปท.จะดูแลค่าเงินบาท หากเคลื่อนไหวผันผวนผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นด้านแข็งหรืออ่อนค่า เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเวลาในการปรับตัวได้ทัน แต่ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้อยู่ที่ค่าใดค่าหนึ่ง เพราะเป็นการฝืนและบิดเบือนกลไกตลาด นอกจากนี้ การดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวัง เพราะอาจถูกมองว่าเป็นประเทศที่บิดเบือนอัตราแลกเปลี่ยนให้อ่อนค่าเพื่อประโยชน์ทางการค้า และอาจส่งผลต่อมาตรการกีดกันทางการค้าอื่นๆ ตามมา



    ทั้งนี้ เมื่อเริ่มเข้าเดือน มี.ค. 2562 เงินบาทเริ่มอ่อนค่าลงตามเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จากการประกาศตัวเลข GDP ของสหรัฐที่ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ภายใต้โลกที่มีความไม่แน่นอนสูง เงินบาทสามารถเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงทิศทางได้อย่างรวดเร็ว และเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ธุรกิจทั้งการส่งออกและการนำเข้าจึงควรเตรียมการรองรับความผันผวนที่จะเกิดขึ้นด้วยตนเอง โดยทางออกในการหลีกเลี่ยงคือ "การป้องกันความเสี่ยงจากอัตรา แลกเปลี่ยน (FX hedging)" อาทิ การทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (FX forward) การจองสิทธิที่จะซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (FX options) การใช้เงินบาทและเงินสกุลท้องถิ่นของประเทศคู่ค้าในการค้าขายระหว่างประเทศแทนเงินดอลลาร์มากขึ้น ตลอดจนการพัฒนาสินค้าให้มีมูลค่าเพิ่ม (Value added) เพื่อลดการพึ่งพาการแข่งขันทางด้านราคา



    การป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับธุรกิจ โดยมีทางเลือกแตกต่างกันไปตามความเหมาะสมของธุรกิจ สำหรับ FX forward ธุรกิจสามารถติดต่อธนาคารเพื่อขอเปิดวงเงินก่อนที่จะใช้ และสำหรับ FX options ธุรกิจสามารถทำกับธนาคารส่วนใหญ่ได้เลย โดย ธปท.ได้ร่วมดำเนินการกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) สมาคมธนาคารไทย และธนาคารพาณิชย์ 8 แห่ง ภายใต้ "โครงการบริหารความเสี่ยง FX ของ SMEs" ซึ่งได้ดำเนินการต่อเนื่องมาสู่ระยะที่ 2 เปิดโอกาสให้ SMEs ที่เป็นผู้ส่งออกหรือนำเข้าซึ่งเป็นสมาชิก สสว. และมีรายได้ไม่เกิน 400 ล้านบาท/ปี ได้ทดลองใช้ FX options ในการบริหารความเสี่ยง โดยทางการจะช่วยเหลือค่าธรรมเนียมให้สูงสุด 5 หมื่นบาท/กิจการ พร้อมทั้งเปิดให้ผู้ประกอบการทุกรายสามารถเข้าร่วมการอบรมสัมมนาหรือเรียนผ่านสื่อ e-Learning เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนให้มากขึ้น



    นอกจากนี้ หากธุรกิจไม่ต้องการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงด้วยวิธี ดังกล่าว ยังสามารถป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ผ่านวิธีการอื่นๆ ที่กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ เช่น การใช้บัญชีเงินฝากสกุลเงินตราต่างประเทศ (Foreign Currency Deposit : FCD) เหมาะกับธุรกิจที่เป็นทั้งผู้ส่งออกและนำเข้า เพราะเมื่อได้เงินตราต่างประเทศมาแล้วไม่ต้องขายทันที แต่เก็บไว้เพื่อจ่ายค่าสินค้าในอนาคตได้ และการค้าขายด้วยเงินสกุลท้องถิ่นแทนสกุลดอลลาร์ (Local currency invoicing) โดยเฉพาะการรับจ่ายด้วยสกุลเงินบาท (THB invoicing) ซึ่งจะทำให้ทราบกำไรที่แน่นอนโดยไม่ต้องเสี่ยงกับค่าเงินดอลลาร์ที่ผันผวน



    กล่าวโดยสรุป ไม่ว่าค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด ธุรกิจควรป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เพราะการไม่ต้องกังวลกับการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน และการได้รับกระแสเงินสดที่แน่นอน แม้จะมีต้นทุนอยู่บ้าง จะทำให้ธุรกิจมีเวลาในการบริหารและพัฒนาธุรกิจที่มีความชำนาญอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสร้างความสามารถในการทำกำไรได้อย่างยั่งยืน การไม่บริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน คือ การลุ้นว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะมีแนวโน้มเป็นอย่างไร ไม่ต่างจากการเดิมพัน จริงอยู่ว่าในบางครั้งท่านอาจโชคดีมีเงินได้เพิ่มเติม แต่เมื่อโชคร้ายอาจสูญเสียกำไรพึงได้จากผลประกอบการหรือแม้กระทั่งขาดทุนเช่นเดียวกันครับ!



    บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัด


    คอลัมน์ บางขุนพรหมชวนคิด: สุพริศร์ สุวรรณิก

    เศรษฐกรอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาคธนาคารแห่งประเทศไทย


    Source: Posttoday
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Mar 9) วิธีปลดจากการเป็น 'ผู้กู้ร่วม' : อยู่ในช่วงโค้งสุดท้าย ของผู้ประกอบการ สำหรับการเร่งระบายสต๊อกบ้านและคอนโดมิเนียม ให้ทันก่อน LTV (Loan to Value) เกณฑ์การขอสินเชื่อใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บังคับใช้ (1 เมษายน 2562)ที่เป็นประเด็นถกเถียงมากที่สุด คือ 80% คนไทย ต้องพึ่งพิงการกู้สินเชื่อ แต่เมื่อมีกฎเกณฑ์เข้ามา ย่อมเกิดความสั่นสะเทือน! โดยเฉพาะ "ผู้กู้ร่วม" หากต้องการซื้อบ้านเป็นของตนเองอีกหลัง หรือต้องการช่วยเหลือคนในครอบครัวให้มีที่อยู่อาศัยกลับต้องเพิ่มเงินดาวน์ขั้นต่ำสูงขึ้น

    แต่อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่า การกู้ร่วมคืออะไร ... ใครเป็นผู้กู้ร่วมได้บ้างและเราจะปลดเปลื้องจากการเป็นผู้กู้ร่วมได้เมื่อไหร่ ... มาฟังคำตอบกัน

    IMG_0470.JPG IMG_0471.JPG

    Source: ฐานเศรษฐกิจ
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_0472.JPG
    (Mar 9) หน่วยงานกำกับดูแลของสหภาพยุโรปกดดันผู้ให้บริการ Trading platforms สำหรับธุรกรรมตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) ในสหราชอาณาจักรให้ย้ายฐานไปยังสหภาพยุโรปเพื่อลดความเสี่ยงที่จะไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าชาวยุโรปได้ในกรณี no-deal Brexit หลังวันที่ 29 มี.ค. : หน่วยงาน ESMA (European Securities and Markets Authority) ของยุโรปกล่าวว่าไม่เห็นความจำเป็นที่จะผ่อนผันให้ผู้ให้บริการ Trading platform สำหรับธุรกรรมตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) ของสหราชอาณาจักรให้บริการกับลูกค้าในสหภาพยุโรปได้เป็นการชั่วคราวหากเกิดกรณี no-deal Brexit หลังวันที่ 29 มี.ค. เพื่อกดดันให้ผู้ให้บริการ Trading platforms ต่างๆ อาทิ London Stock Exchange NEX Exchange, Tradeweb และ ICE Futures Europe ต้องย้ายฐานธุรกิจจากสหราชอาณาจักรไปยังสหภาพยุโรปแทน


    โดยหน่วยงาน ESMA ให้เหตุผลว่า ผู้ให้บริการ Trading platforms สำหรับธุรกรรมตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) ส่วนใหญ่ ได้มีการจัดตั้งบริษัทในยุโรปเพื่อให้บริการครอบคลุมประเภทสัญญาที่มีในสหราชอาณาจักร เช่น fixed-to-float interest rate swaps และ credit default swap indices เป็นต้นแล้ว พร้อมกล่าวว่า จนถึงปัจจุบันยังไม่พบหลักฐานว่าผู้ใช้งานในสหภาพยุโรปมีปัญหาในการปฏิบัติตามข้อผูกพันในสัญญาที่ทำในยุโรปแต่อย่างใด โดยหน่วยงาน ESMA จะคอยติดตามพัฒนาการ ปริมาณการซื้อขายและสภาพคล่องบน Trading Platforms ต่างๆ ในยุโรปภายหลัง Brexit อย่างใกล้ชิดต่อไป


    สำหรับ Trading platforms ในการซื้อขายหุ้น คณะกรรมาธิการยุโรปยังไม่ได้มีการพิจารณา “equivalence rule” ให้กับ Trading platforms สำหรับการซื้อขายหุ้นของสหราชอาณาจักรแต่อย่างใด แม้ว่าหลายแห่งจะเรียกร้องให้ยุโรปพิจารณา “equivalence rule” ให้ในกรณี no-deal แล้วก็ตาม

    ซึ่งทำให้ผู้ให้บริการหลายรายต้องเร่งเปิดบริษัทในอัมสเตอร์ดัมและปารีส เพื่อเป็นทางเลือกไว้รองรับกรณีฉุกเฉินแล้ว


    สำหรับการ clearing and settlement สหภาพยุโรปอนุญาตให้บริษัท clearing ในสหราชอาณาจักรสามารถให้บริการกับลูกค้าในสหภาพยุโรปได้ต่อไปเป็นการชั่วคราวอีก 1 ปี ในกรณี no-deal Brexit

    ทำให้หลายฝ่ายมองว่าแนวปฏิบัติในเรื่อง trading platform ของหน่วยงาน ESMA นี้ สะท้อนจุดยืนทางการเมืองที่ต้องการให้มีการย้ายการทำธุรกรรมซื้อขายหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ ไปยัง EU-organized trading facilities ให้มากขึ้น


    Source: BoTSS


    - http://www.assetservicingtimes.com/assetservicesnews/industryarticle.php?article_id=9312
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นาทีระทึก "พายุฤดูร้อน" หมุนแรงเป็นเกลียวคลื่น คล้าย "พายุเฮอริเคน" ที่เชียงใหม่

    https://www.tnews.co.th/contents/497129


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Mar 9) ชาวอเมริกันจะต้องขอวีซ่าเข้าเชงเกนตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป: สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศเมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นไป นักเดินทางชาวอเมริกันจะต้องขอวีซ่าเข้าประเทศในกลุ่มเชงเกน 26 ประเทศ จากปัจจุบันที่เข้ายุโรปได้นาน 90 วันโดยไม่ต้องขอวีซา


    อียูแถลงว่า ชาวอเมริกันจะต้องลงทะเบียนขอวีซาในระบบข้อมูลการเดินทางและการอนุญาตยุโรป หรืออีทีไอเอเอส (ETIAS) เมื่อจะเข้าประเทศในกลุ่มเชงเกนที่ไม่มีพรมแดนภายในกลุ่ม ประกอบด้วย 22 ประเทศสมาชิกอียู และ 4 ชาตินอกกลุ่มอียู การยื่นขอวีซ่าประเภทนี้จะต้องใช้หนังสือเดินทาง บัญชีอีเมล บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ส่วนผู้เยาว์ใช้เพียงหนังสือเดินทางเท่านั้น วีซ่ามีอายุ 3 ปี สามารถใช้เดินทางเข้าออกประเทศในกลุ่มเชงเกนได้อย่างไม่จำกัดจำนวนครั้ง อียูระบุว่า สร้างระบบนี้เพื่อหาความเสี่ยงด้านความปลอดภัยหรือความไม่ปกติจากผู้เดินทางเข้าเขตเชงเกนโดยได้รับการยกเว้นวีซ่า และเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทางส่วนใหญ่ที่ไม่มีความเสี่ยง


    สหรัฐและอียูมีข้อขัดแย้งกันเรื่องที่สหรัฐกำหนดให้สมาชิกอียู 5 ประเทศคือบัลแกเรีย โครเอเชีย โปแลนด์ โรมาเนีย และไซปรัสต้องขอวีซ่าเข้าสหรัฐ ทั้งที่สมาชิกอียูประเทศอื่นไม่ต้องขอ คณะกรรมาธิการยุโรปออกรายงานฉบับแรกในปี 2559 เรียกร้องสหรัฐให้สถานะวีซ่าฟรีกับทั้ง 5 ประเทศนี้ แลกกับการที่อียูจะให้ชาวอเมริกันเข้าเขตเชงเกนโดยไม่ต้องขอวีซ่าได้ต่อไป เนื่องจากระเบียบของอียูกำหนดไว้ว่าสมาชิกทุกประเทศต้องได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน จนกระทั่งรัฐสภายุโรปลงมติในเดือนมิถุนายนปีก่อนเห็นชอบให้คณะกรรมาธิการยุโรปดำเนินการเรื่องนี้


    Source: สำนักข่าวไทย

    https://edition.cnn.com/travel/article/us-citizens-need-visas-to-visit-europe-in-2021/index.html

    18DBF36F-4338-4A32-B235-E47C0132BB9C.jpeg
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผ่นดินไหว ขนาด 4.6

    ภูมิภาค : ตอนเหนือหมู่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย/Northern Sumatra , Indonesia

    เวลา 2019-03-09 22:43:00 ตามเวลามาตรฐาน UTC/2019-03-10 05:43:00 ตามเวลาประเทศไทย

    ลึก 10 กิโลเมตร

    Epicenter : 5.47°N , 94.78°E

    Direction : ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ประมาณ 481 กม.

    IMG_0476.PNG ED7F65E2-CBBD-4BEB-AB26-669D188225D9-2330-0000011B7DABF309.png

    http://www.earthquake.tmd.go.th/inside-info.html?earthquake=5642


    https://m.emsc.eu/earthquake/map.php?evid=749741
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มีรายงาน พบ #ทอร์นาโด 4 ลูก ใน #อาร์คันซอ #หลุยส์เซียน่า และรัฐอื่นๆของสหรัฐอเมริกา

    #tornado
    IMG_0478.JPG IMG_0479.JPG
    09.03.2019

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผ่นดินไหว ขนาด 2.2

    ภูมิภาค : ประเทศพม่า/

    Myanmar

    เวลา 2019-03-09 21:40:27 ตามเวลามาตรฐาน UTC/2019-03-10 04:40:27 ตามเวลาประเทศไทย พ.ศ. 2562

    Epicenter 20.09°N , 98°E

    Direction : ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 68 กม.

    8DC025B3-7275-409E-A398-B4166A97D1F3.jpeg 3F03422B-8780-44A2-8BD5-0EEB6FA579CE.jpeg

    http://www.earthquake.tmd.go.th/inside-info.html?earthquake=5641
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    for01110362p1.jpg
    (Mar 10) ผลศึกษาชี้ชัด “สงครามค้า” สหรัฐเป็นฝ่าย “จ่ายบิล” เต็ม ๆ : มักกล่าวกันว่าเมื่อใครก็ตามดื้อรั้น เตือนแล้วไม่เชื่อ ก็ต้องปล่อยให้เขาผู้นั้นไปเผชิญกับผลลัพธ์ของจริงที่เกิดขึ้นเอาเอง เพื่อสุดท้ายแล้วเขาจะได้เลิกดื้อรั้นและสำนึกได้ว่าคำเตือนนั้นเป็นของจริง กรณีดังกล่าวอาจเทียบเคียงได้กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่เป็นฝ่ายเปิดสงครามการค้ากับชาติคู่ค้า โดยเฉพาะจีน ด้วยการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้า อ้างว่าเพื่อลดขาดดุลการค้าและสร้างงานให้คนอเมริกัน
    แม้บรรดาผู้เชี่ยวชาญและนักเศรษฐศาสตร์จะทัดทานว่า การใช้กำแพงภาษีขัดต่อหลักการค้าเสรี และที่สำคัญจะทำให้ผู้บริโภคอเมริกันลำบากจากการที่ราคาสินค้าจะสูงขึ้น แต่ทว่าทรัมป์ก็ไม่ฟัง เมื่อห้ามไม่ฟังบรรดาผู้เชี่ยวชาญก็ทำนายไว้เลยว่า เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งและผลร้ายเริ่มเกิดขึ้นให้เห็น นั่นจึงจะเป็นเวลาที่ทำให้ฝ่ายก่อสงครามคิดได้
    เมื่อเร็ว ๆ นี้ นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางสหรัฐสาขานิวยอร์ก และมหาวิทยาลัยสหรัฐ 2 แห่งคือพรินซ์ตันและโคลัมเบีย ได้เปิดเผยผลศึกษาเรื่อง “ผลกระทบจากสงครามการค้าปี 2018 ที่มีต่อราคาสินค้าและสวัสดิการของสหรัฐ” ระบุว่าการที่สหรัฐขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะจีน สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐ เพราะสร้างภาระต้นทุนให้กับบรรดาบริษัทอเมริกันตลอดจนผู้บริโภคเดือนละ 4.4 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว แบ่งเป็นภาระต้นทุนจากภาษีที่เพิ่มขึ้น 3 พันล้านดอลลาร์ และความสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยรวมอีก 1.4 พันล้านดอลลาร์
    รายงานระบุว่า ปีที่แล้วบริษัทสหรัฐนำเข้าสินค้ามูลค่า 2.83 แสนล้านดอลลาร์ ผลของสงครามการค้าทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับสถานการณ์หลายอย่าง 1) ราคาสินค้าขั้นกลางและปลายเพิ่มขึ้นอย่างมาก 2) เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเครือข่ายห่วงโซ่อุปทาน 3) ความหลากหลายของสินค้านำเข้าลดลง 4) ผลักภาระภาษีเข้าไปในราคาสินค้านำเข้า โดยพบว่าปีที่แล้วราคาสินค้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1% เกือบครึ่งหนึ่งของอัตราเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยต่อปีของดัชนีราคาผู้ผลิตในช่วงปี 1990-2018
    รายงานสรุปว่า ผลกระทบจากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้า จนถึงขณะนี้ภาระการแบกรับตกอยู่กับผู้บริโภคชาวอเมริกันและบริษัทนำเข้า ในขณะที่ยังไม่เห็นผลกระทบต่อบริษัทต่างชาติที่เป็นผู้ส่งออก หากจะสรุปรายงานนี้ให้เห็นภาพ เป็นที่เข้าใจง่ายด้วยภาษาชาวบ้านก็คือ สงครามครั้งนี้สหรัฐเป็นฝ่าย “จ่ายบิล” เต็ม ๆ แต่ผู้เดียว
    รายงานชิ้นนี้ถูกเผยแพร่ออกมาหลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ได้ออกมาเตือนเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า เศรษฐกิจสหรัฐปีนี้จะชะลอตัวลง เพราะมีปัจจัยลบหลายอย่าง เช่น ตลาดเงินที่ผันผวน ตลอดจนนโยบายการค้าของสหรัฐที่ไร้ความแน่นอน
    ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นเพราะผลการศึกษานี้หรือไม่ ที่ทำให้ในระยะหลังทรัมป์มีท่าทีอ่อนลง ไม่ว่าจะเป็นการทำสัญญาสงบศึกการค้าชั่วคราว 90 วันกับจีนเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมปีที่แล้ว หากครบกำหนดแล้วยังตกลงกันไม่ได้อีก ทางทรัมป์ขู่ว่าจะเพิ่มอัตราภาษีสินค้าจากที่เก็บไปแล้ว 10% เป็น 25% แต่ปรากฏว่าเมื่อครบกำหนดแล้วทรัมป์กลับยอมเลื่อนเส้นตายการขึ้นภาษีออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยผู้นำของ 2 ประเทศมีกำหนดจะพบกันอีกครั้งที่สหรัฐปลายเดือนมีนาคมนี้ ท่ามกลางกระแสข่าวเป็นระยะว่ามีความคืบหน้าที่ดี
    โกลด์แมน แซกส์ ประเมินว่าการพบกันของผู้นำจีนและสหรัฐในปลายเดือนมีนาคม มีความเป็นไปได้ 75% ที่ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายจะประกาศข้อตกลงอย่างเป็นทางการในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง โดยเชื่อว่าในส่วนของสหรัฐจะยังคงภาษีไว้ส่วนหนึ่ง และจะยกเลิกเป็นระยะตามข้อตกลงที่สามารถบรรลุได้ในแต่ละช่วง คาดว่าสหรัฐจะยังคงภาษีเอาไว้บางส่วนไปจนถึงปี 2020
    แต่ไม่ว่าข้อตกลงจะออกมาในรูปแบบใด เชื่อว่าจะยังไม่มีการเจาะจงรายละเอียดในหลายประเด็นที่เห็นต่างกันอยู่ จำเป็นต้องเจรจากันในเชิงเทคนิคต่อไปหลังจากนี้
    คอลัมน์ ชีพจรเศรษฐกิจโลก โดย นงนุช สิงหเดชะ
    Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
    https://www.prachachat.net/world-news/news-299381
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บัตรสวัสดิการฯ หนุนเศรษฐกิจ นีลเส็นชี้ฟื้นสินค้าอุปโภคบริโภค 8 แสนล. วันที่ 10 March 2019 - 07:30 น.
    shopping-2411667_960_720-728x482.jpg
    นีลเส็น ชี้เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังอู้ฟู่ เพิ่มกำลังซื้อ คนกล้าจับจ่าย ขณะที่คนไทย มาเลเซีย ชอบช็อปสินค้าพรีเมี่ยม ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังถูกขับเคลื่อนด้วยการท่องเที่ยว ส่งออก และนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กลายเป็นแรงผลักกระตุ้นตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค 8 แสนล้านบาท ปีนี้โต 3-4% หลังจากปีก่อนติดลบรอบ 10 ปี

    นายวอน ไรอัน กรรมการผู้จัดการ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท นีลเส็น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตขึ้นต่อเนื่องและมีเสถียรภาพที่ดีเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคอื่น ๆ ทั้งยุโรปและอเมริกา บวกกับแนวโน้มการเติบโตของความต้องการบริโภคในอนาคตของคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เพิ่มขึ้น คาดว่าปี 2568 จำนวนผู้บริโภคจะเพิ่มเป็น 692 ล้านคน จากปี 2558 ที่มี 633 ล้านคน

    นั่นหมายถึงความสามารถในการใช้จ่ายของผู้บริโภคในภูมิภาคนี้ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย กลายเป็นโอกาสของหลาย ๆ สินค้า โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็ต้องหาโมเดลการทำตลาดที่สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศนั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น ไทยที่มีปัญหาด้านการจราจรก็กลายเป็นโอกาสของแกร็บฟู้ด และธุรกิจดีลิเวอรี่ เป็นต้น อีกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือ สังคมเมืองขยายตัวขึ้น เปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยและกล้าซื้อของมากขึ้น ทำให้กลุ่มสินค้าพรีเมี่ยมมีอัตราการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะในตลาดไทยและมาเลเซีย

    “ที่ผ่านมาตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในไทยที่มีมูลค่าตลาดประมาณ 8 แสนล้านบาท ชะลอการเติบโตลง แต่ตลาดสินค้าพรีเมี่ยม ยังมีการเติบโตที่ดีและไม่ได้รับผลกระทบเหมือนสินค้าอื่น ๆ”

    สอดรับกับนางสาวสมวลี ลิมป์รัชตามร กรรมการผู้จัดการ บริษัท นีลเส็น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีนี้ว่า การเติบโตหลัก ๆ มาจากการส่งออก การท่องเที่ยวและนโยบายรัฐบาลในการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจสังคม ทั้งโครงสร้างพื้นฐานไฮสปีดเทรนและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งปัจจัยบวกที่เกิดขึ้น คาดว่าจะส่งผลให้ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG : fast moving consumer goods) ปีนี้กลับมาเติบโต 3-4% จากปีก่อนที่ตลาดติดลบครั้งแรกในรอบ 10 ปี

    “การแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่วงแรก ๆ อาจจะยังไม่ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจ แต่ตอนนี้ถือว่าชัดเจนขึ้นว่ากำลังกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่กระตุ้นการเติบโตของสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงการเปิดตัวสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ และกลุ่มพรีเมี่ยมโปรดักต์ก็เป็นแรงในการกระตุ้นตลาดนี้”

    https://www.prachachat.net/prachachat-top-story/news-299405
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    edi01110362p1-728x508.jpg
    ชำแหละแผน PDP 2018 โลกเปลี่ยน…รับมือธุรกิจผลิตไฟใช้เอง
    วันที่ 10 March 2019 - 09:00 น.
    5SHARES
    ท่ามกลางการถูกวิพากษ์วิจารณ์ แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย หรือ แผน PDP 2018 ฉบับล่าสุดที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ไปเมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ได้กล่าวถึงสาระสำคัญของแผนฉบับนี้ว่า เป็นการจัดทำค่าพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศในระยะยาวใหม่ ด้วยการคำนึงถึงแนวโน้มเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

    เปรียบเทียบแผน PDP ใหม่-เก่า

    จากความต้องการในการใช้ไฟฟ้าของประเทศในระยะยาวลดลง เรื่องของ disruptive technology กลุ่มผู้ประกอบการ Idependent Power Supply (IPS) ที่ผลิตไฟฟ้าใช้เองได้ การผลิตไฟฟ้าตามบ้านหรือบนหลังคาโรงงาน ที่เรียกว่า “โซลาร์รูฟท็อป” การเปลี่ยนแปลงไปสู่ตลาด prosumer และการพัฒนาเข้าสู่ระบบ smart grid ปัจจัยข้างต้นทำให้การจัดทำค่าพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าในแผน PDP ฉบับนี้ แตกต่างไปจากทุกแผนที่ผ่านมา โดยแผน PDP 2018 เราได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงเป็นรายภูมิภาค โดยเฉพาะในเขตนครหลวง การเพิ่มความยืดหยุ่นของระบบไฟฟ้า (grid flexibility) เพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน การเชื่อมโยงระบบไฟฟ้าของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน East-West Corridor

    “แต่เรื่องที่สำคัญก็คือ การรักษาราคาค่าไฟฟ้าขายปลีกไม่ให้สูงขึ้น ด้วยการส่งเสริมให้มีการผลิตไฟฟ้าที่มีต้นทุนต่ำ พลังงานทดแทน จะทำอย่างไรให้มันสมดุลกว่าปัจจุบัน จากราคาขายปลีกค่าไฟปัจจุบัน (3.60 บาท/หน่วย) เราจำเป็นต้องรักษาระดับราคาค่าไฟนี้เอาไว้ คือ ค่าไฟฟ้าขายปลีกตลอดแผน 3.58 บาท/หน่วย”

    บริหารกำลังผลิตใหม่ 27,000 MW

    ทีนี้เวลาเราจะพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศตามแผน PDP 2018 มันมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการพยากรณ์แตกต่างจากแผนเดิม คือ PDP 2015 ตามแผนใหม่เราจะใช้ความต้องการไฟฟ้าสูงสุดของประเทศ ความต้องการระบบ 3 การไฟฟ้าฯ (กฟผ.-กฟน.-กฟภ.) บวกด้วยการผลิตไฟฟ้าที่ใช้เอง (IPS) ซึ่งกลุ่มนี้คาดว่า “จะไม่ซื้อไฟจากเรา ฉะนั้น เราก็จะต้องไปวางแผนผลิตไฟฟ้าเผื่อตรงส่วนนี้”

    สิ่งที่เราพบเมื่อตัวเลขความต้องการค่าพยากรณ์ทั้งหมดพบว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าตามแผนใหม่ไม่ได้เพิ่มขึ้นสักเท่าใด นั่นแสดงให้เห็นว่า ผู้ผลิตไฟฟ้าใช้เอง หรือ IPS มีมากขึ้น มีการผลิตไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันเราเชื่อว่า IPS จะมีตัวเลขผลิตไฟฟ้าใช้เองอยู่ประมาณ 2,000 MW ในระหว่างแผน PDP อาจจะเพิ่มสักประมาณ 6,000 MW ปลายแผนก็จะเพิ่มประมาณ 8,000 MW

    อย่างไรก็ตาม เราก็จะมีการมอนิเตอร์ว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ ความต้องการของระบบของ 3 การไฟฟ้าฯที่เรามาวางแผนใน 20 ปีข้างหน้า (2561-2580) ความต้องการของระบบประเทศแล้วก็มาพิจารณาเรื่องซัพพลายที่มีอยู่ในปัจจุบันมันได้ include สำรองไฟฟ้า 15% ในอดีตไปแล้ว “เราก็จะหักตรงนี้ออก เพราะมันได้สำรองเผื่อไว้แล้ว” จึงเหลือไว้แค่กำลังการผลิต เอามาเป็นตัววางแผน

    ทีนี้ก็มาดูว่าตามแผน PDP จะมีโรงไฟฟ้าประเภทใดบ้าง กฟผ. IPP SPP ไฟฟ้าจากลาว พลังงานหมุนเวียน เมื่อนำมาพิจารณาพบว่า “เรามีซัพพลายมากกว่าความต้องการ” แตกต่างจากในอดีตที่เศรษฐกิจจะเติบโตขึ้นมากก็เลยมีการวางโรงไฟฟ้าล่วงหน้าไว้ จนกลายมาเป็นในช่วง 8-10 ปีแรก (2561-2568) ของแผน PDP มีการผลิตไฟฟ้าเกินความต้องการ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP) เข้าระบบ

    สรุปในภาพรวมก็คือ เรามีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นมาตลอดแผน PDP 2018 ประมาณ 27,000 MW ที่เราจะต้องจัดเข้าไป โดยจะมีการจัดที่เรียกว่า “โรงไฟฟ้าหลัก” หมายถึง โรงไฟฟ้าของ กฟผ. โรงไฟฟ้าเพื่อความมั่นคงรายภูมิภาค อีกประมาณ 14,800 MW ส่วนที่เหลือจะเป็นโรงไฟฟ้าที่เป็นพลังงานหมุนเวียน แล้วก็มีเรื่องของการอนุรักษ์พลังงานเข้ามาด้วย

    โรงไฟฟ้าหลักรายภูมิภาค

    ในส่วนของโรงไฟฟ้าหลักเพื่อความมั่นคงรายภูมิภาค การจัดสรรโรงไฟฟ้าก็จะต้องมาพิจารณาเรื่องของศักยภาพของเชื้อเพลิงที่จะใช้ในโรงไฟฟ้าและสายส่ง ภาคเหนือมีโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะค้ำระบบอยู่ แต่ในอีก 20 ปีมันจะไม่พอก็ต้องนำเข้าไฟฟ้าจากภาคอีสานผ่านเข้ามาช่วยก็คือ การซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาวนั่นเอง

    อีกคู่หนึ่งที่จะต้องให้ความสำคัญก็คือ ภาคตะวันตกกับภาคใต้ ภาคตะวันตกขณะนี้เป็นภาคหลัก ไฟฟ้าล้นเกินจึงสามารถส่งไฟไปช่วยภาคใต้ผ่านทางสายส่ง อีกส่วนหนึ่งก็ช่วยในแถวนครปฐม เขตนครหลวงด้วย

    โซลาร์ 10,000 MW

    การส่งเสริมพัฒนาหมุนเวียนจริง ๆ แล้วก็คือ การเติมโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเข้าไปในรายภาค ซึ่งตามแผน PDP 2018 ก็จะประกอบไปด้วย โซลาร์ 10,000 MW (ปี 2562-2571 จะมีโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ปีละ 100 MW รวม 10 ปีเท่ากับ 1,000 MW) โครงการนี้เน้นว่าเป็นนโยบายของกระทรวงพลังงาน จะรับซื้อพลังงานหมุนเวียนในราคาถูกและไม่เป็นภาระ และพลังงานหมุนเวียนจะต้องแข่งขันได้กับพลังงานฟอสซิล “ตัวเลขโซลาร์ที่จะรับซื้อ 10,000 MW ดูมากก็จริง แต่นั่นเป็น contract capacity ตัวเลขจริงที่คาดว่าจะซื้อได้ (reliable capacity) เราคิดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 4,250 MW เท่านั้น หรือคิดเป็นร้อยละ 40”

    อนุรักษ์พลังงานหายไปไหน

    ส่วนการอนุรักษ์พลังงาน แผนระบุไว้ในช่วงท้ายแค่ 4,000 MW ข้อเท็จจริงก็คือ จากการมอนิเตอร์การอนุรักษ์พลังงานในแผน PDP ที่ผ่านมา พบว่ายังคงต้องใช้เงินสนับสนุน ในแผน PDP 2018 จึงได้มีการทบทวนใหม่ ถ้าจะเข้ามาในแผน PDP ก็จะต้องคำนวณต้นทุนและแข่งขันได้ คือ ต้องมีคุณภาพ ถ้าจะต้องเข้ามาในแผนเบื้องต้นคิดว่า น่าจะลดได้ 4,000 MW

    https://www.prachachat.net/economy/news-299410
     

แชร์หน้านี้

Loading...