ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ใกล้เสร็จแล้ว “ไห่เหวิน” สะพานข้ามทะเลเหนือแนวรอยเลื่อนแผ่นดินไหว ที่แรกของจีน 05 มี.ค. 62 (20:23 น
    aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL25zLzAvdWQvMTU0MC83NzAxMDc0LzEwLjEuanBn.jpg

    ใกล้เสร็จแล้ว “ไห่เหวิน” สะพานข้ามทะเลเหนือแนวรอยเลื่อนแผ่นดินไหว ที่แรกของจีน ตั้งตระหง่านในมณฑลไห่หนาน

    สำนักข่าวซินหัวได้เผยแพร่ภาพของ “ไห่เหวิน” สะพานข้ามทะเลเพียงแห่งเดียวของจีนที่สร้างขึ้นเหนือแนวรอยเลื่อนแผ่นดินไหว โดยสะพานความยาวประมาณ 5.6 กิโลเมตรนี้ มีกำหนดการจะสร้างเสร็จอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือนมีนาคม ซึ่งคาดว่าจะช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของทางตอนเหนือของมณฑลไห่หนาน ทางตอนใต้ของจีนได้

    สะพานแห่งนี้จะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางจากชั่วโมงครึ่งเหลือเพียง 20 นาที ในเส้นทางระหว่างไหโข่ว เมืองเอกของมณฑลไห่หนาน และตำบลพู่เฉียน ซึ่งสถานที่ทั้งสองแห่งนั้นล้วนมีชื่อเสียงในด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

    สะพานไห่เหวินถูกสร้างขึ้นด้วยเงินลงทุนรวม 3.01 พันล้านหยวน (ประมาณ 1.42 หมื่นล้านบาท) และเมื่อเปิดใช้อย่างเป็นทางการแล้ว จะกลายเป็นประตูสู่เขตเจียงตงใหม่ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่สาธิตของเขตการค้าเสรีนำร่อง (ไห่หนาน) ของจีน

    โครงการสร้างสะพานแห่งนี้ถูกเปิดตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2015 และได้รับการยกย่องว่าสามารถสร้างสถิติได้หลายอย่าง เช่น สะพานที่ต้านทานแรงสั่นสะเทือนได้มากที่สุด, สะพานที่รองรับความเร็วลมได้สูงสุด, ระบบสะพานข้ามรอยเลื่อนแบบสามมิติแห่งแรกที่สามารถปรับแก้ไขได้, ระบบโครงสร้างคานข้ามรอยเลื่อนแบบต่อเนื่องแห่งแรก และฐานท่อเหล็กของสะพานที่ใหญ่ที่สุดที่สร้างโดยประเทศจีน


    https://www.sanook.com/news/7701074...ur-u5Wp5sr6r0l4QIUaVrDJGvpCzLtHM3EzppO_J5_Wtg
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    om%2F__origami%2Fservice%2Fimage%2Fv2%2Fimages%2Fraw%2Fhttp%253A%252F%252Fprod-upp-image-read.ft.jpg
    (Mar 5) BoE-ECB บรรลุข้อตกลงสว็อปสกุลเงิน รับมือ Brexit ปลายเดือนนี้: ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) บรรลุข้อตกลงสว็อปสกุลเงิน เพื่อรับมือกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในปลายเดือนนี้

    ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว BoE จะสามารถปล่อยกู้สกุลเงินยูโรให้แก่ธนาคารในอังกฤษเป็นรายสัปดาห์ ขณะที่ ECB จะได้รับสกุลเงินปอนด์จาก BoE เพื่อแลกเปลี่ยนกับยูโร

    "ข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นมาตรการที่รอบคอบ และป้องกันล่วงหน้าโดยธนาคารกลางอังกฤษเพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการรับประกันถึงสภาพคล่องในระบบ และให้การสนับสนุนต่อการดำเนินการของตลาดสำหรับการให้บริการต่อภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจ" ECB ระบุในแถลงการณ์

    "ธนาคารกลางในยุโรปจะเตรียมพร้อมปล่อยกู้สกุลเงินปอนด์ต่อธนาคารในยูโรโซน หากมีความจำเป็น" แถลงการณ์ระบุ
    ทั้งนี้ อังกฤษมีกำหนดแยกตัวอย่างเป็นทางการจากสหภาพยุโรปในวันที่ 29 มี.ค.

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

    -
    https://www.ft.com/content/0786731e...SkOyps4-bLIJLDFarXYwVtLdxE3X7P1GZQcqt0GbHbvko
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    A%2F%2Fwww.aljazeera.com%2Fmritems%2FImages%2F2019%2F3%2F5%2F0274e3ff99ed40cf9de9ae58a2ef3778_18.jpg

    (Mar 5) ตุรกีโวยสหรัฐยกเลิกสิทธิพิเศษทางการค้า สวนทางความต้องการเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคี : นางรูห์ซาร์ เปคคาน รมว.การค้าตุรกี กล่าวว่า การตัดสินใจของสหรัฐในการยกเลิกสิทธิพิเศษทางการค้ากับตุรกี เป็นสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของทั้งสองประเทศในการเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคีสู่ระดับ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์

    นางเปคคานระบุว่า ตุรกีจะยังคงใช้ความพยายามเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวต่อไป และการที่สหรัฐยกเลิกสิทธิพิเศษทางการค้ากับตุรกี จะเป็นสิ่งที่กระทบต่อภาคการผลิต และบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมของสหรัฐเอง

    สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เปิดเผยในวันนี้ว่า สหรัฐจะยกเลิกสิทธิพิเศษทางการค้ากับอินเดียและตุรกี เนื่องจากประเทศทั้งสองมีคุณสมบัติไม่สอดคล้องกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

    -
    https://www.aljazeera.com/news/2019...3yucC1ZfKbLp1rrQlJRjDDJCtAchidBcHhj1TBNRdoo80
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    cbf26d5Y29udGVudHNlYXJjaCwxNTUxODY4OTU1%2F2.41182152.jpg%3Fcrop%3D0%2C131%2C3500%2C2100%26ext%3D.jpg
    (Mar 5) BoE เตือนตลาดผันผวนหนัก ในกรณี Brexit ไม่มีข้อตกลง : ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เตือนว่า ตลาดจะเกิดความผันผวนอย่างมาก ในกรณีที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่มีการทำข้อตกลงใดๆ

    ทั้งนี้ รายงานการประชุมครั้งล่าสุดของ BoE แสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ BoE ได้เตือนว่า กรณี Brexit ที่ไร้ข้อตกลงจะสร้างความผันผวนอย่างหนักต่อสินทรัพย์ทางการเงิน ซึ่งได้แก่ ปอนด์และหุ้น รวมทั้งทำให้สภาวะทางการเงินของภาคครัวเรือนและธุรกิจในอังกฤษเกิดความตึงตัว

    นอกจากนี้ ธนาคารต่างๆในสหภาพยุโรป และบริษัทประกันจะลดการถือครองพันธบัตรของสหราชอาณาจักร อย่างไรก็ดี BoE ระบุว่า ที่ผ่านมา ตลาดสามารถปรับตัวได้อย่างดีในช่วงที่เผชิญกับความผันผวน ขณะที่ระบบธนาคารมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือภาวะตื่นตระหนกทางเศรษฐกิจ ในกรณี Brexit ที่ไม่มีการทำข้อตกลงใดๆ

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

    - EU faces hit from failure to prepare for no-deal Brexit, Bank of England warns :
    https://www.irishexaminer.com/break..._CY9lKlK-fj9DDYDzwULY-KttgN3mkxwJdTI9eMH7yqk0
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    kIlbYxLvS&w=540&h=282&url=https%3A%2F%2Fi-invdn-com.akamaized.net%2Fnews%2FLYNXMPEE5Q1BN-ORUBS_L.jpg

    (Mar 6) ราคาทองร่วงแตะนิวโลว์กว่า 5 สัปดาห์ ดอลล์แข็งกระทบตลาด : ราคาทองปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 สัปดาห์ในวันนี้ โดยถูกกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์

    ทั้งนี้ ราคาทองสปอตร่วงลงแตะ 1,280.70 ดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.
    ส่วนราคาทองในตลาดฟิวเจอร์ ณ เวลา 00.40 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 3.50 ดอลลาร์ หรือ 0.27% สู่ระดับ 1,284.0 ดอลลาร์/ออนซ์

    ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
    ดอลลาร์ปรับตัวขึ้นในช่วงบนของกรอบ 111 เยน โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อของกลุ่มผู้นำเข้าของญี่ปุ่น รวมทั้งการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ และการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

    ณ เวลา 21.22 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.12% สู่ระดับ 111.87 เยน ขณะที่ยูโรขยับขึ้น 0.03% สู่ระดับ 126.72 เยน และอ่อนค่า 0.08% สู่ระดับ 1.1328 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.06% สู่ระดับ 96.74

    กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 3.7% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 621,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว จากระดับ 599,000 ยูนิตในเดือนพ.ย.

    ยอดขายบ้านพุ่งขึ้นในทุกภูมิภาค ยกเว้นแถบมิดเวสต์
    นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านใหม่จะลดลง 8.7% สู่ระดับ 600,000 ยูนิตในเดือนธ.ค.
    ตลาดไม่ได้ให้ความสนใจต่อการที่จีนปรับลดเป้าการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้
    ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัว 3.0 จุด สู่ระดับ 59.7 ในเดือนก.พ.
    ดัชนีภาคบริการของสหรัฐยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2548 แม้ว่าการจ้างงานร่วงลงต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว

    นักลงทุนไม่ต้องการซื้อขายล็อตใหญ่ ก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในสัปดาห์นี้

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

    - Gold Prices Hold Near 5-Week Lows Amid Firm Dollar : https://www.investing.com/news/comm...niAphThDv8hhKEqOxtzDkCALs6tvTfeB3879mKvL9oR7g
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    safe_image.php?d=AQAfN-RBgF8JYlFO&w=540&h=282&url=https%3A%2F%2Fimages.wsj.jpg

    (Mar 6) เฟดอาจต้องใช้เวลาในการประเมินเศรษฐกิจสหรัฐ: นาย Eric Rosengren, Federal Reserve Bank of Boston President (Voter) ให้ความเห็นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจต้องใช้เวลา (“several meetings”) ในการประเมินความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2019 ท่ามกลางการชะลอตัวของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจประเทศจีน สถานการณ์ Brexit และในทวีปยุโรป โดยคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่ well–anchored ที่ร้อยละ 2 เอื้อให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ สามารถดำเนินนโยบายในลักษณะ patient ได้

    นอกจากนี้ นาย Rosengren คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะสามารถขยายตัวกว่าร้อยละ 2 ได้ในปี 2019 ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อใกล้เคียงร้อยละ 2 ณ สิ้นปี 2019 ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับเพิ่ม (ลด) อัตราดอกเบี้ยนโยบายหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวในอัตราเร่ง (ชะลอ) กว่าคาดการณ์

    ทางด้านนาย Neel Kashkari, Federal Reserve Bank of Minneapolis President (Non–voter) ให้ความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่อยู่ในภาวะ maximum employment เนื่องจากยังคงมี slack ในตลาดแรงงานซึ่งเป็นปัจจัยกดดันการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราค่าจ้าง โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ ควรดำเนินนโยบายในทิศทางที่เอื้อให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวได้ต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง

    นอกจากนี้ นาย Robert Kaplan, Federal Reserve Bank of Dallas President (Non–voter) แสดงความกังวลต่อสถานการณ์หนี้ภาคเอกชนและภาครัฐ โดยหนี้ภาคเอกชนในระดับสูงส่งผลเสียต่อ financial conditions และอาจเป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติมต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่การชะงักงันของการสร้าง Collateralized Loan Obligation (CLO) จำกัดความสามารถในการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว นอกจากนี้ หนี้ภาครัฐที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้โครงการก่อสร้างเชิงโครงสร้างมีจำนวนน้อยลง รวมถึงจำกัดความสามารถในการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจการคลัง ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว

    Source: BoTSS
    - https://www.wsj.com/articles/feds-e...XU_bSoD0WXjAvn2bzEckkep3V-_1Pz3PLVKBP0sJhGU2E
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    https%3A%2F%2Fcdn.cnn.com%2Fcnnnext%2Fdam%2Fassets%2F180220073131-cnnmoneynorthkorea-super-tease.jpg
    (Mar 6) แฮกเกอร์โสมแดงโจมตีบริษัททั่วโลก - นักวิจัยของบริษัท แมคอาฟี่ เปิดเผยว่า แฮกเกอร์เกาหลีเหนือซึ่งได้พุ่งเป้าไปที่ธุรกิจยุโรปและอเมริกันมานานกว่า 2 ปี ยังคงทำการโจมตีอยู่แม้แต่ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประชุมในกรุงฮานอยกับคิม จอง-อุน ผู้นำเกาหลีเหนือ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แฮกเกอร์เกาหลีเหนือเริ่มโจมตีเมื่อปี 2560 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ แต่ถึงแม้ว่าทั้งสองฝ่ายได้ลดโทนในการข่มขู่อย่างรุนแรงแล้วและเริ่มมีการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์ แต่การโจมตีก็ยังเกิดขึ้นอยู่ นักวิจัยของแมคอาฟี่ได้จับตาในขณะที่แฮกเกอร์เกาหลีเหนือโจมตีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของบริษัทในสหรัฐฯ และบริษัททั่วโลกมากกว่า 100 แห่ง และในเดือนที่ผ่านมา แฮกเกอร์เหล่านี้ได้ขยายเป้าหมายไปยังบริษัทในตุรกีโดยปฏิบัติการจากกลุ่มแอดเดรสอินเทอร์เน็ตที่ติดตามได้ไปจนถึงนามิเบีย ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ยังคงมีความสัมพันธ์กับรัฐบาลเปียงยาง แรงจูงใจในการโจมตียังไม่ชัดเจน แต่ในหลายๆ กรณี แฮกเกอร์ได้ทำการวิจัยเป็นอย่างดีโดยพุ่งเป้าไปที่ผู้บริหารและวิศวกรที่ได้เข้าถึงทรัพย์สินทางปัญญาและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของบริษัทตนเอง แมคอาฟี่ไม่ได้เปิดเผยชื่อเป้าหมายในการโจมตีแต่ได้เตือนเหยื่อและหน่วยงานรัฐบาลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

    คอลัมน์ ข่าวสั้น
    Source: ข่าวหุ้น

    - North Korea hackers targeting US 'critical infrastructure,' cybersecurity firm says :
    https://edition.cnn.com/2019/03/04/...-ewU3IS1ArvvFw3b5nF_7Dy8ED56SGFImn4m3QIZ-HFJQ
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    53602143_2425202560832555_1180111989075083264_n.jpg?_nc_cat=103&_nc_ht=scontent.fbkk6-2.jpg
    (Mar 6) TMB-ธนชาต' สร้างโลกใบใหม่ ช่วงสแกนไส้ในแบงก์...วัดใจยอมร่วมหอ : ดีลควบรวม 2 แบงก์พาณิชย์ "ธนาคารทหารไทย (TMB) และธนาคารธนชาต (TBANK)" ประกาศออกมาชัดเจนแล้ว เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 62 โดยตัวแทนของทั้ง 2 แบงก์ได้เซ็นข้อตกลงในเบื้องต้น (MOU) แบบไม่ผูกพันทางกฎหมาย ฝั่งธนาคารทหารไทย จะเป็นฝ่ายดำเนินการจัดหาเงินทุนมูลค่า 1.3-1.4 แสนล้านบาท โดยสัดส่วน 70% ของเงินทุนที่ต้องจัดหานี้จะมาจากการออกหุ้นเพิ่มทุน ส่วนที่เหลือมาจากการออกตราสารหนี้

    โดยแผนการออกหุ้นเพิ่มทุนมี 2 ส่วน คือ 1. หุ้นเพิ่มทุนราว 5-5.5 หมื่นล้านบาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นใหญ่ของแบงก์ธนชาต ได้แก่ บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) และ แบงก์ โนวาสโกเทีย (BNS) ซึ่งเบื้องต้นคาดหุ้นเพิ่มทุน TMB จะมีมูลค่าเท่ากับ 1.1 เท่า ของมูลค่าทางบัญชีที่ปรับปรุงล่าสุด และ 2. หุ้นเพิ่มทุนส่วนที่เหลือ 4-4.5 หมื่นล้านบาท ทาง TMB จะเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นปัจจุบัน และนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP)

    สำหรับขั้นตอนจากนี้ไป จะเป็นการตรวจสอบสถานะการเงิน (due diligence) และเตรียมเจรจาตกลงเกี่ยวกับสัญญาหลัก น่าจะใช้เวลา 2-3 เดือน หลังจากนั้น จะเป็นการขออนุญาตหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง การขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น ตลอดจนถึงการปรับโครงสร้างทางธุรกิจของ TBANK และการเพิ่มทุนด้วยจำนวนที่เพียงพอต่อการเข้าทำรายการของ TMB ทั้งหมดนี่จะแล้วเสร็จในปีนี้ทั้งนี้ เมื่อทั้ง 2 ธนาคารรวมกันจะมีขนาดใหญ่อันดับ 6 และมีพนักงานรวมกัน 2.1 หมื่นคน จำนวนสาขารวม 914 แห่ง ด้านธุรกิจ TBANK จะเชี่ยวชาญสินเชื่อ รถยนต์ ติดอันดับ 1 ของตลาด TMB ผู้นำด้านระดมเงินฝาก เมื่อรวมกันจะมีต้นทุน ดำเนินงานดีขึ้น ส่วนลูกค้าจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว และมีลูกค้าด้านโมบายแบงกิ้ง 2-3 ล้านคน นอกจากนี้ สินเชื่อบ้านอยู่อันดับ 4 และสินเชื่อเอสเอ็มอีอันดับ 5

    แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ดีลควบรวม กิจการ 2 แบงก์ข้างต้น ยังต้องรอผลการทำดิวดิลิเจนซ์ (due diligence) ออกมาก่อน แต่ช่วงที่มีการเจรจาจนถึงขณะนี้ ยังมีข้อติดขัดอยู่หลายประการ โดยเฉพาะสิทธิประโยชน์ทางภาษี

    "ฝั่งธนชาตยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในหลักประกันที่เป็นพวกรถยนต์ด้วย ว่าหลังควบรวมแล้ว หากมีการเปลี่ยนชื่อแบงก์ ที่ไม่ได้ใช้ชื่อธนชาต ตามเดิมแล้ว ในทางกฎหมายสำหรับรถยนต์จะกลายเป็นรถมือสองหรือไม่ ซึ่งยังต้องเคลียร์กัน ดังนั้น ดีลนี้คงไม่จบเร็ว และไม่ทันรัฐบาลชุดนี้แน่นอน แต่น่าจะเข้า ครม.ได้ในช่วงปลายปี หรืออย่างเร็วที่สุดก็เดือน มิ.ย.-ก.ค."

    อย่างไรก็ดี ทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)ประเมินว่า กระทรวงการคลังควรจะใส่เงิน เพิ่มทุน เพราะผู้ถือหุ้นใหญ่รายอื่นตกลงจะใส่เงินเพิ่มทุนกันหมด หากคลังไม่เพิ่มทุนด้วยก็จะขาดทุน เนื่องจากสัดส่วนถือหุ้น จะลดลง และมูลค่าหุ้นที่แม้จะเพิ่มขึ้นหลังการควบรวมแล้ว ก็ยังไม่คุ้มกับต้นทุนและค่าเสียโอกาส

    ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า ดีลควบรวมของ 2 แบงก์นี้ จะเป็น TMB ที่เข้าไปซื้อธนาคารธนชาต และบางส่วนของธุรกิจของทางทุนธนชาต ออกมา โดยผู้ถือหุ้นธนชาตจะได้รับหุ้นของ TMB และเงินสดบางส่วน ส่วนกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้น TMB ก็อยู่ในวิสัยที่จะเข้าไปร่วมเพิ่มทุน ซึ่งคาดว่าต้องใช้เงินราว 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งหลังเพิ่มทุนจะมีสัดส่วนการถือหุ้นไม่เท่าเดิม เพราะหุ้นส่วนหนึ่งจะต้องให้กับทางผู้ถือหุ้นธนชาต

    สำหรับขั้นต่อไป คงต้องดูเรื่องอัตราส่วนที่จะแลกหุ้นกัน หลังจากมีการ ดิวดิลิเจนซ์แล้ว จะออกมาเป็นไปตามที่ได้เจรจาในเบื้องต้นหรือไม่

    ส่วนโอกาสที่กระทรวงการคลังจะขายหุ้นที่ถือในแบงก์ (ใหม่) ในอนาคต นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เพราะเมื่อรายได้ ของแบงก์ดีขึ้น จะทำให้ราคาหุ้นดีขึ้น ขณะเดียวกัน ต้นทุนของกระทรวงการคลังที่ถือหุ้นนี้จะลดลงเหลือราว 3 บาทต่อหุ้น จากเดิม 3.80 บาทต่อหุ้น มาดูมุมนักวิเคราะห์ "ธนเดช รังษีธนานนท์" ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การควบรวมกิจการระหว่าง ธนาคารทหารไทย (TMB) และธนาคารธนชาต (TBANK) มีโอกาสสำเร็จมากกว่า 50% เนื่องจากมีแรงผลักดันสำคัญคือ "กระทรวงการคลัง" ที่อยากจะให้ ดีลนี้เกิดขึ้น

    แต่ขณะนี้ยังมีรายละเอียดอีก ค่อนข้างมาก เช่น ผลตอบแทนที่ได้รับ หรือผลประโยชน์ทางภาษี อันเกิดขึ้นจากการควบรวมกิจการ ประกอบกับยังไม่มีความชัดเจน TMB จะเข้าไปซื้อ TBANK ในราคาเท่าไร และสัดส่วนที่แท้จริงในแง่ของโครงสร้างผู้ถือหุ้น เพราะขณะนี้ทราบแค่ว่า ING และ TCAP (บมจ.ทุนธนชาต) แต่ละฝ่ายจะถือหุ้นเกิน 20% ส่วนกระทรวงการคลังจะเพิ่มทุนด้วย แต่ลดสัดส่วนการถือหุ้นใน TMB ลง จาก ที่ถืออยู่ปัจจุบัน 25.92% และแบงก์ โนวาสโกเทีย จะถือหุ้นแค่ประมาณ 5% ส่วนที่เหลือเป็นนักลงทุนรายย่อย

    "เพราะฉะนั้น ในแง่ของ 'ราคา' เป๊ะ ๆ ยังตอบไม่ได้ แต่สิ่งที่เรารู้ คือ ธุรกิจในธนาคารแห่งใหม่น่าจะใหญ่ขึ้นเท่าตัว เมื่อเทียบขนาดเดิมของ TMB แต่ในแง่ของทุนธนชาต (TCAP) ซึ่งเดิมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่TBANK ในสัดส่วน 51% แต่เมื่อเป็นธนาคารแห่งใหม่ TCAP ถือลดลง นั่นหมายความว่า งบการเงินของ TCAP จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ" นายธนเดชกล่าว อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น TCAP ยังปรับตัวขึ้น เพราะนักลงทุนคาดหมายว่า หลังจากขายหุ้นธนาคารธนชาตได้เงินมาแล้ว ส่วนหนึ่งจะได้กลับเข้ามาราวประมาณ 1-2 หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถเอามาจ่ายปันผลพิเศษได้ ส่วนราคาหุ้น TMB ที่ปรับขึ้นนั้น เพราะคาดการณ์แบงก์ใหม่จะมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีโอกาสเติบโตมากขึ้น จึงเป็นจุดที่ทำให้ราคาหุ้น perform ค่อนข้างดี แต่สำหรับราคาหุ้นที่อยู่ในปัจจุบัน มีคำแนะนำให้ "ถือ"เนื่องจากปัจจุบันราคาหุ้น TCAP ปรับตัวขึ้นสูงกว่าราคาเป้าหมายที่อยู่ที่ 54 บาท (27 ก.พ. อยู่ที่ 56.25 บาท ส่วนหุ้น TMB ก็สูงกว่าราคาเป้าหมาย 2.38 บาท (27 ก.พ. อยู่ที่ 2.32 บาท)

    เพราะฉะนั้น โอกาสเพิ่มขึ้นหรือลดลง คงไม่มากนัก จึงเห็นว่าควรรอความชัดเจนเรื่องการควบรวมกิจการ และ ผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

    "ไม่ควรขาย แต่ถามว่าควรซื้อหรือไม่ ถ้ามองก็ยังมีอัพไซด์ค่อนข้างจำกัด" นายธนเดชกล่าวส่วนหุ้น TCAP หลังไม่มีธนาคารธนชาต นั้น นายธนเดชมองว่า อาจจะตอบยาก ในขณะนี้ เพราะ TCAP จะเหลือเพียงรายได้ จาก บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง, บลจ.ธนชาต, บล.ธนชาต, ธนชาตประกันภัย ซึ่งเล็กมาก ถ้าเทียบกับธนาคารธนชาต ดังนั้นจะเห็นงบการเงิน TCAP จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญในระยะกลางถึงยาว แต่ในส่วนการขายธนาคารธนชาตจะได้เงินมาก้อนหนึ่งที่อาจต้องไปซื้อหุ้นคืน หรือจ่ายปันผลพิเศษ หรือไปซื้อหุ้นบริษัทใหม่ ในส่วนนี้ยังไม่มีความชัดเจน

    "หุ้น TMB ถึงรู้ว่าจะเป็นแบงก์ที่มี ขนาดใหญ่ขึ้น แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะเกิด dilution effect (ผลกระทบจากจำนวนหุ้นเพิ่มทุนที่มาก) เท่าไร แล้วการเติบโตธุรกิจจะเป็นอย่างไร" นายธนเดชกล่าว

    คงต้องจับตาผลดิวดิลิเจนซ์กัน เพราะ ยังมีไส้ในโดยเฉพาะสินเชื่อและหนี้เสีย การตั้งสำรองหนี้ฯ จะมีงอกอีกแค่ไหนล้วนมีผลต่อการตีมูลค่าหุ้น 2 แบงก์นี้ อย่างมีนัย และกระทบกับราคาที่ คุยกันไว้แค่ไหน

    Source: ประชาชาติธุรกิจ

    ttps://www.facebook.com/277100888976077/photos/a.277108098975356/2425202557499222/?type=3&theater
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อิตาลีเตรียมตบเท้าร่วม “โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ของจีน
    เผยแพร่: 6 มี.ค. 2562 12:15 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000002344001.jpg

    รอยเตอร์ – อิตาลีมีแผนลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมเพื่อกลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative : BRI) ในสิ้นเดือนมีนาคม ความเคลื่อนไหวที่เรียกเสียงวิจารณ์จากสหรัฐฯ ไฟแนนเชียล ไทมส์ รายงานเมื่อวานนี้ (5)

    “การเจรจายังไม่จบลง แต่มันเป็นไปได้ที่มันจะได้ข้อสรุปในเวลาเดียวกับการมาเยือนของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง” ไฟแนนเชียล ไทมส์ รายงาน โดยอ้าง มิเชล เกราซี ปลัดหระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจของอิตาลี

    สหรัฐฯ ระบุว่า โครงการดังกล่าวไม่มีแนวโน้มที่จะช่วยอิตาลีในด้านเศรษฐกิจและอาจสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ไฟแนนเชียล ไทมส์ รายงาน

    “เรามองว่าบีอาร์ไอเป็นโครงการจีนทำเพื่อประโยชน์ของจีนเอง” รายงานอ้างคำพูดของ การ์เร็ต มาร์กวิส โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว

    โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางที่ถูกชี้นำโดยประธานาธิบดีสีมีเป้าหมายที่จะเชื่อมจีนกับเอเชียกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง ยุโรป และแอฟริกาทางทะเลและทางบก ผ่านเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานบนเส้นทางสายไหมเดิม

    นอกเหนือจากการส่งเสริมการค้าและการลงทุน สียังมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการแลกเปลี่ยนในด้านอื่นๆ เช่น วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วัฒนธรรม และการศึกษา

    https://mgronline.com/around/detail/9620000022639
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ซวยแท้!!แอร์ไชนาลงจอดฉุกเฉินดินแดนห่างไกลรัสเซีย อพยพผู้โดยสารในอุณหภูมิเยือกแข็ง(ชมคลิป) เผยแพร่: 5 มี.ค. 2562 23:30 โดย: ผู้จัดการออนไลน์



    เซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์ - เที่ยวบินหนึ่งของสายการบินแอร์ไขนา บรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือ 188 ชีวิต จากปักกิ่งสู่ลอสแองเจลิส ได้ลงจอดฉุกเฉินในพื้นที่ห่างไกลในดินแดนตะวันออกไกลของรัสเซียตอนเช้าวันอังคาร(5มี.ค.) และต้องอพยพท่ามกลางอุณหภูมิเยือกแข็ง แถมต่อมายังพบว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากสัญญาณเตือนไฟไหม้ทำงานผิดพลาดอีกต่างหาก

    ผู้โดยสารและลูกเรือทุกคนของเที่ยวบิน CA983 อพยพลงจากเครื่องบินอย่างปลอดภัยผ่านเบาะลมทางลาดฉุกเฉิน ที่ท่าอากาศยานอนาดีร์ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตชูคอตกา เมืองทางตะวันออกไกลของรัสเซีย ซึ่งมีภูมิอากาศแบบกึ่งขั้วโลก

    ในวิดีโอของปฏิบัติการอพยพที่ถูกเผยแพร่บนเว่ยปั๋ว (Weibo) สื่อสังคมออนไลน์ของจีนคล้ายทวิตเตอร์ เป็นภาพที่พวกผู้โดยสารกำลังเดินออกจากเครื่องบินท่ามกลางอุณหภูมิราวๆ -10 องศาเซลเซียส พร้อมกับเห็นทางลาดฉุกเฉินสะบัดไปมา เนื่องจากมีลมพัดแรง

    562000002333401.jpg

    เครื่องบินขึ้นบินออกจากกรุงปักกิ่ง ตอนเวลา 21.13น.ของวันจันทร์ และลงจอดฉุกเฉินที่อนาดีร์ ตอนเวลา 2.55น.ของวันอังคาร จากนั้นผู้โดยสารทั้งหมดถูกพาตัวไปยังอาคารสนามบิน เพื่อรอเครื่องบินอีกลำพาพวกเขามุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางต่อไป

    การลงจอดฉุกเฉินครั้งนี้มีต้นตอจากสัญญาณแจ้งเตือนไฟไหม้ปรากฎขึ้นในบริเวณห้องสัมภาระของเครื่องบิน ตอนที่มันกำลังบินอยู่เหนือท้องฟ้ารัสเซีย ทั้งนี้ในวันอังคาร(5มี.ค.) ทางแอร์ไชนา ออกถ้อยแถลงขอโทษ และเผยว่าหลังจากตรวจสอบเครื่องบินโบอิ้ง 777 ลำดังกล่าวแล้ว พบว่าระบบแจ้งเตือนไฟไหม้น่าจะทำงานผิดพลาด เนื่องจากไม่พบร่องรอยของไฟไหม้แต่อย่างใด

    เมื่อเดือนกรกฏาคมปีก่อน เครื่องบินของแอร์ไชนาลำหนึ่ง จากฮ่องกงมุ่งหน้าสู่เมืองต้าเหลียน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เกิดดิ่งวูบกลางอากาศอย่างฉับพลันและหน้ากากออกซิเจนในห้องผู้โดยสารห้อยลงมา จากนั้นเครื่องก็บินไต่ขึ้นไปสู่ระดับปกติ และถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย แม้ล่าช้าไปกว่า 1 ชั่วโมง

    ผลสืบสวนในเวลาต่อมาพบว่าสาเหตุที่เครื่องบินลำดังกล่าวดิ่งวูบกลางอากาศ เกิดจากนักบินผู้ช่วยสูบบุหรี่ไฟฟ้าในห้องนักบิน และเครื่องบินสูญเสียออกซิเจน เพราะนักบินผู้ช่วยพยายามกำจัดกลิ่นบุหรี่ แต่ดันไปกดปุ่มผิดจนทำให้สูญเสียความดันอากาศในห้องโดยสาร ซึ่งสุดท้ายแล้วนักบินผู้ช่วยรายดังกล่าวก็ถูกถอนใบอนุญาต

    https://mgronline.com/around/detail/9620000022524
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นายกฯจีนเตือนต้องเจอ 'การต่อสู้ที่ยากลำบาก' คาดเศรษฐกิจปีนี้ชะลอลงมาอยู่ที่ 6-6.5% เร่งลดภาษี-เพิ่มการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้น เผยแพร่: 5 มี.ค. 2562 21:25 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000002331601.jpg

    บรรยากาศภายในมหาศาลาประชาชน ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดการประชุมเต็มคณะประจำปีของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติของจีน (รัฐสภาจีน) เมื่อวันอังคาร (5 มี.ค.)
    เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน พูดเตือนระหว่างกล่าวรายงานกิจการรัฐบาลประจำปีเมื่อวันอังคาร (5 มี.ค.) ว่าแดนมังกรกำลังเผชิญ “การต่อสู้อันยากลำบาก” พร้อมกับเปิดเผยแผนการตัดลดภาษีและเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อขับดันอัตราเติบโตขยายตัวทางเศรษฐกิจที่กำลังเชื่องช้าลง สืบเนื่องจากดีมานด์ภายในประเทศอ่อนตัวและสงครามการค้ากับสหรัฐฯ กระนั้นในอีกด้านหนึ่งปักกิ่งก็เพิ่มงบประมาณทางทหารขึ้นไป 7.5% หรือคิดเป็นตัวเงินก็เกือบๆ 180,000 ล้านดอลลาร์

    หลี่กล่าวในวาระเปิดการประชุมเต็มคณะประจำปีของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ หรือก็คือรัฐสภาของจีน ซึ่งจัดขึ้นที่มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่งว่า รัฐบาลกำลังตั้งเป้าหมายการเติบโตขยายตัวทางเศรษฐกิจสำหรับปี 2019 นี้เอาไว้ที่ช่วงระหว่าง 6.0 ถึง 6.5% ต่ำลงจากปี 2018

    การประชุมคราวนี้มีผู้แทนเกือบๆ 3,000 คนจากท้องที่ต่างๆ และแวดวงต่างๆ ทั่วประเทศเข้าร่วมการหารือกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอันเข้มงวด โดยวาระซึ่งได้รับความสนใจติดตามเป็นพิเศษจากต่างประเทศ ได้แก่การพิจารณารับรองร่างกฎหมายที่จะปรับปรุงสภาพเงื่อนไขต่างๆ ให้แก่พวกนักลงทุนต่างชาติ

    “ในการมุ่งมั่นดำเนินการพัฒนาในปีนี้ เราจะต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่สาหัสร้ายแรงและสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับที่ความเสี่ยงต่างๆ และการท้าทายต่างๆ … ก็ใหญ่โตขึ้นมากทั้งในด้านจำนวนและในด้านขนาด” หลี่ ระบุในคำรายงานของเขาพร้อมกับย้ำว่า “เราจะต้องเตรียมพร้อมให้เต็มที่สำหรับการต่อสู้อันยากลำบาก”

    เมื่อปี 2018 รัฐบาลจีนกำหนดเป้าหมายอัตราเติบโตเอาไว้ที่ราวๆ 6.5% และในที่สุดทางการจีนระบุว่าทำได้ที่ 6.6% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราต่ำที่สุดในรอบระยะเวลาเกือบ 30 ปี ถึงแม้ยังคงสูงจนเป็นที่อิจฉาของประเทศอื่นๆ จำนวนมากในโลก ขณะเดียวกัน มีรายงานว่ามณฑลต่างๆ ประมาณ 3 ใน 4 ของจีนเวลานี้ก็ได้หั่นลดเป้าหมายการเติบโตในปี 2019 ของพวกเขาลงไปแล้วเช่นเดียวกัน

    ลดภาษี-เพิ่มการใช้จ่าย

    “เราได้ปรับการคาดการณ์ของเราลงมาพอประมาณ บนพื้นฐานของการประเมินอย่างถี่ถ้วนถึงปัจจัยต่างๆที่ส่งผลสั่นคลอนเสถียรภาพ ตลอดจนความไม่แน่นอนทั้งหลายที่กำลังกระทบกระเทือนผลประกอบการทางเศรษฐกิจ” หลี่บอก

    562000002331602.jpg

    นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน กล่าวรายงานกิจการรัฐบาล ในวาระเปิดการประชุมเต็มคณะประจำปีของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติของจีน (รัฐสภาจีน) ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันอังคาร (5 มี.ค.)

    เพื่อต่อสู้กับอัตราการเติบโตที่กำลังชะลอลง เหล่าผู้วางนโยบายทั้งหลายระบุว่าพวกเขาจะใช้ทั้งมาตรการลดภาษีให้ต่ำลง, ลดค่าธรรมเนียมต่างๆ ลงมา, และขจัดลดถอนความไร้ประสิทธิภาพต่างๆ

    ขณะที่หลี่แจกแจงว่า จีนจะลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากพวกบริษัทผู้ผลิตอุตสาหกรรมลงจาก 13% เหลือ 16% ส่วนพวกอุตสาหกรรมการขนส่งและการก่อสร้างจะต่ำลง 1% คือจาก 10% เหลือ 9% นอกจากนั้นยังจะลดเงินค่าธรรมเนียมที่นายจ้างต้องจ่ายสมทบให้แก่ลูกจ้างพนักงานในเรื่องการประกันสังคม ทั้งหมดเหล่านี้รวมกันแล้วจะลดลงมาทั้งสิ้นเกือบๆ 2 ล้านล้านหยวน

    ในอีกด้านหนึ่ง ปักกิ่งตั้งเป้าหมายที่จะสร้างตำแหน่งงานตามตัวเมืองใหญ่เพิ่มขึ้นมา 11 ล้านตำแหน่งในปีนี้ และคงอัตราการว่างงานในเขตตัวเมืองใหญ่เอาไว้ไม่ให้เกิน 4.5% ซึ่งก็อยูในแนวเดียวกับเป้าหมายของเมื่อปี 2018 นอกจากนั้น หลี่บอกว่าจะเพิ่มงบประมาณการใช้จ่าย โดยที่เป้าหมายการขาดดุลงบประมาณซึ่งกำหนดเอาไว้ในปีนี้จะสูงขึ้นไปอยู่ในระดับ 2.8% ของจีดีพี จากปีที่แล้วอยู่ที่ 2.6%

    “พวกเขาจำเป็นต้องทำให้เกิดความสมดุลระหว่างกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจ กับการที่จะต้องไม่เริ่มต้นทำให้เกิดการบูมชนิดก่อหนี้สินขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง” ไถ่ ฮุ่ย แห่ง เจพี มอร์แกน แอสเซซต แมเนจเมนต์ กล่าวให้ความเห็น

    ขณะที่ในคำรายงานของหลี่ เขาย้ำว่านโยบายด้านการคลังจะ “อยู่ในลักษณะเชิงรุก” แต่นโยบายด้านการเงินจะยังคง “รอบคอบระมัดระวัง” เขายังเผยว่าจะตัดลดสัดส่วนปริมาณเงินสำรองของพวกธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็กลงมา เพื่อให้มีเงินทุนสำหรับการปล่อยกู้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

    เพิ่มงบประมาณทางทหาร

    ถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวลง แต่รายงานแยกต่างหากอีกฉบับหนึ่งของกระทรวงการคลังจีนซึ่งเผยแพร่ในวันอังคาร (5) เช่นเดียวกัน ระบุว่ายอดงบประมาณใช้จ่ายทางทหารของแดนมังกรในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 7.5% กลายเป็น 1.2 ล้านล้านหยวน จัดว่าต่ำลงมาจากปีที่แล้วซึ่งเพิ่มขึ้นในอัตรา 8.1%

    เย่ กัง ผู้เชี่ยวชาญทางการทหาร ซึ่งเป็นพันเอกทหารบกจีนผู้เกษียณอายุแล้ว ให้ความเห็นว่าการที่งบประมาณทางทหารเพิ่มขึ้นค่อนข้างพอประมาณเช่นนี้ (ต่ำลงมาจากช่วงหลายๆ ปีก่อนซึ่งเพิ่มอยู่ในอัตราตัวเลขสองหลัก) ถือเป็นการสะท้อนภาวะทางเศรษฐกิจอย่างใหม่ที่จีนกำลังเผชิญอยู่

    “เป็นเรื่องเร่งด่วนมากกว่าสำหรับจีน ในการเตรียมตัวสำหรับสงครามการค้ากับสหรัฐฯ แทนที่จะเป็นสงครามทางกายภาพ” เย่บอก พร้อมกับชี้ว่า “การปฏิรูประดับพื้นฐานของโครงสร้างและระบบทางการทหารของจีนเวลานี้เกือบเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว อีกทั้งจีนก็ต้องการนำเงินไปใช้จ่ายในเรื่องที่มีความเร่งด่วนมากกว่า”

    562000002331603.jpg

    ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง, นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง, และ ประธานคณะประจำของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ หลี่ จ้านซู ร้องเพลงชาติในพิธีเปิดการประชุมเต็มคณะรัฐสภาจีนเมื่อวันอังคาร (5 มี.ค.)

    ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯเลวร้ายลงอย่างแรงเมื่อปีที่แล้ว ภายหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นพิกัดศุลกากรเอากับสินค้าจีนที่นำเข้าอเมริกาถึงประมาณครึ่งหนึ่ง ในความพยายามที่จะบังคับให้ปักกิ่งอ่อนข้อในทางการค้า

    อย่างไรก็ตาม ทรัมป์กล่าวแสดงความมั่นใจในช่วงหลังๆ มานี้ว่า อีกไม่นานเขาจะลงนามในดีลทางการค้ากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้

    รัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ พอมเพโอ ของสหรัฐฯ กล่าวในวันจันทร์ (5) ว่า เขาคิดว่าทั้งสองประเทศกำลัง “อยู่ตรงขอบ” ของการทำความตกลงกันเพื่อยุติสงครามการค้ากันได้แล้ว

    ขณะที่ จง ซาน รัฐมนตรีพาณิชย์ของจีน กล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวในวันเดียวกันว่า “เวลานี้ทั้งสองทีมยังคงเจรจากันอยู่ ยังมีอะไรเหลืออยู่อีกเยอะที่จะต้องทำกัน” ถึงแม้เขาจะกล่าวด้วยว่า ทั้งสองฝ่ายสามารถที่จะ “ผ่าทางตันในบางเรื่อง” ได้แล้ว

    สำหรับหลี่ เขาระบุในคำรายงานของเขาคราวนี้ว่า จีนจะทำความตกลงแก้ไข “ข้อพิพาททางการค้าโดยผ่านการถกเถียงหารือกันในฐานะผู้มีความเท่าเทียมกัน”

    เขากล่าวว่าจีนจะยังคงส่งเสริมการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และให้คำมั่นผูกพันกับการพิทักษ์ป้องกันโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจและการค้าเสรี

    คำรายงานของหลี่ยังระบุว่า จีนจะปรับปรุงยกระดับต่อไปอีกในเรื่องการให้การลงทุนของต่างประเทศสามารถเข้าถึงตลาดจีน และในเรื่องการสร้างสภาพแวดล้อมซึ่งกิจการของจีนและกิจการต่างประเทศ “ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน และเข้าทำการแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม”

    ในการประชุมเต็มคณะของรัฐสภาจีนคราวนี้ วาระหนึ่งซึ่งได้รับความสนใจมากจากต่างประเทศโดยที่คาดกันว่าจะมีการพิจารณากันในวันศุกร์หน้า (15) ได้แก่การพิจารณาผ่านร่างกฎหมายฉบับใหม่เกี่ยวกับการจัดระเบียบการลงทุนของต่างชาติ และการห้ามไม่ให้บังคับกิจการต่างประเทศต้องถ่ายโอนเทคโนโลยีให้แก่ผู้ร่วมลงทุนฝ่ายจีน

    https://mgronline.com/around/detail/9620000022508
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนเริ่มโครงการแผงเซลล์แสงอาทิตย์ติดตั้งในอวกาศ เพื่อผลิตไฟฟ้าไว้ใช้บนโลก เผยแพร่: 4 มี.ค. 2562 13:48 โดย: กองบรรณาธิการเอเชียไทมส์
    562000002263901.jpg

    ภาพจินตนาการที่เผยแพร่โดยองค์การการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ (นาซา) แสดงให้เห็นโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์จากอวกาศ แบบที่อาศัยหอสูงรับแสงอาทิตย์ในอวกาศ
    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.asiatimes.com)

    Orbiting solar panels may beam down power
    By Asia Times staff
    01/03/2019

    พวกนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนกำลังสร้างสถานีทดลองในเมืองฉงชิ่ง ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ด้วยความมุ่งหวังที่จะควบคุมนำเอาพลังงานแสงอาทิตย์จากอวกาศมาแปลงเป็นกระแสไฟฟ้าใช้กันบนโลกได้ภายในระยะเวลา 20 ปี

    พวกนักวิจัยชาวจีนกำลังออกแบบอุปกรณ์ตัวรับแสงอาทิตย์ (solar receptors) ที่น่าจะมีศักยภาพทำให้สามารถใช้ยานอวกาศหรือดาวเทียมที่กำลังโคจรรอบโลก มาควบคุมใช้รังสีของดวงอาทิตย์เพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้านำมาใช้บนพื้นพิภพได้เป็นครั้งแรก พวกเขาวาดหวังว่าจะสามารถตั้ง “โรงไฟฟ้า” เช่นนี้ได้ภายในระยะเวลา 20 ปี ทว่าอันดับแรกเลยจำเป็นที่จะต้องหาทางเอาชนะปัญหาท้าทายทางเทคนิคซึ่งลำบากยากยิ่งหลายๆ ประการให้ได้เสียก่อน

    ตามรายงานของไชน่าเดลี่ (China Daily) หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของทางการจีน (ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.chinadaily.com.cn/a/201902/27/WS5c75c8b3a3106c65c34eb8e3.html) ที่เมืองฉงชิ่ง มหานครฐานะเทียบเท่ามณฑลซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของแดนมังกร กำลังมีการจัดทำร่างออกแบบเบื้องต้นของสถานีภาคพื้นดิน ซึ่งจะใช้เป็นศูนย์ในการทดสอบความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีนี้กันอยู่ ศูนย์แห่งนี้จะจัดสร้างขึ้นบนเนื้อที่ 13.3 เฮกตาร์ (81.125 ไร่) โดยคาดว่าใช้เวลา 2 ปีจึงจะเสร็จสมบูรณ์ และจะต้องใช้เงินลงทุนขั้นต้น 100 ล้านหยวน (ราว 470 ล้านบาท) ซึ่งรัฐบาลท้องถิ่นรายหนึ่งในฉงชิ่งจะเป็นผู้ออก

    สื่อจีนรายงานว่า ศูนย์แห่งนี้จะศึกษาพิจารณาเทคโนโลยีต่างๆ ในการถ่ายทอดส่งต่อแสงอาทิตย์ในอวกาศ และผลที่อาจบังเกิดขึ้นต่อมนุษย์จากลำคลื่นไมโครเวฟที่ส่งกลับมายังโลก โดยทันทีที่สถานีภาคพื้นดินสร้างเสร็จ ทีมนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรจะใช้ชุดลูกบอลลูนที่ผูกล่ามกันเอาไว้และติดตั้งด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ขึ้นไปเก็บรวบรวมพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งจะถูกแปลงให้เป็นคลื่นไมโครเวฟ แล้วทางภาคพื้นดินจะนำคลื่นไมโครเวฟเหล่านี้มาแปลงให้เป็นกระแสไฟฟ้า และจ่ายออกไปตามโครงข่ายสายไฟฟ้า

    เวลานี้ยังไม่ได้มีการพิจารณาตัดสินใจว่า ในการดำเนินการจริงๆ แพลตฟอร์มติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่จะโคจรรอบโลกนั้นจะมีขนาดเท่าใด เนื่องจากการวิจัยยังอยู่ในขั้นต้นๆ เท่านั้น

    พวกนักวิทยาศาสตร์ที่รับผิดชอบโครงการนี้กล่าวว่า จุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้คือทำให้จีนมีอุปกรณ์ตัวรับรังสีแสงอาทิตย์ซึ่งอยู่ในวงโคจรเหนือพื้นโลกราว 36,000 กิโลเมตร สำหรับใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในช่วงทศวรรษ 2040

    การจัดเก็บรวบรวมรังสีแสงอาทิตย์ในอวกาศนอกโลก ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายแห่งความมุ่งหวังอันสูงส่งในเรื่องการผลิตและจ่ายกระแสไฟฟ้าสำหรับโลกอนาคต โดยที่คณะนักวิทยาศาสตร์ ณ สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (California Institute of Technology) ได้พิสูจน์ให้เห็นตอนต้นปีที่แล้วว่าเทคโนโลยีนี้เป็นสิ่งที่สามารถนำมาดำเนินการ เมื่อพวกเขาประสบความสำเร็จในการสร้างชุดต้นแบบชุดหนึ่งขึ้นมาซึ่งเก็บจับรวบรวมและถ่ายทอดส่งต่อพลังงานแสงอาทิตย์ได้

    การที่จะทำให้กลายเป็นโปรแกรมซึ่งเป็นไปได้อย่างจริงจังนั้น จีนจำเป็นจะต้องออกแบบจัดทำส่วนประกอบสำคัญ 3 ส่วนให้สำเร็จ ได้แก่ การเก็บรวบรวมพลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศโดยใช้อุปกรณ์ตัวสะท้อนแสง (reflectors) หรือกระจกแบบพองลมได้ (inflatable mirrors) เพื่อให้รังสีตกลงมาที่แผงเซลล์แสงอาทิตย์ , การถ่ายทอดส่งต่อพลังงานที่เก็บรวบรวมได้มายังโลก โดยผ่านการแปลงให้เป็นคลื่นไมโครเวฟหรือแสงเลเซอร์, และการจับไมโครเวฟหรือเลเซอร์เหล่านี้ที่ส่งมาบนโลก โดยใช้เสาอากาศ rectenna (เสาอากาศแบบที่แปลงพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าให้เป็นไฟฟ้ากระแสตรง) หรือเสาอากาศรับคลื่นไมโครเวฟ (microwave antenna)

    เห็นกันว่าการเก็บรวบรวมพลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศจะได้เปรียบกว่าการใช้อุปกรณ์ตัวรับแสงอาทิตย์ที่ตั้งอยู่บนภาคพื้นดินอย่างมากมายมหาศาล เป็นต้นว่า อัตราการเก็บรวบรวมที่จะสูงกว่า, การมีระยะเวลาในการจัดเก็บที่ยาวนานกว่าเนื่องจากไม่มีชั้นบรรยากาศมาคอยเป็นอุปสรรค ตลอดจนไม่มีช่วงเวลากลางคืนสืบเนื่องจากการโคจรของโลก คำนวณกันว่าในปัจจุบันพลังงานแสงอาทิตย์อาจจะสูงถึง 60% ทีเดียวที่จะสูญเสียไประหว่างที่มันเดินทางผ่านชั้นบรรยากาศมาจนถึงพื้นโลก สืบเนื่องจากผลของการสะท้อนแสงและการดูดซับแสง

    สำหรับในด้านที่เป็นอุปสรรคนั้น ได้แก่ต้นทุนค่าใช้จ่ายของการประกอบระบบดังกล่าวและการส่งระบบนี้ขึ้นสู่อวกาศ ซึ่งน่าจะอยู่ในระดับมโหฬาร ขณะเดียวกันนักวิทยาศาสตร์ยังจะต้องคิดค้นหาวิธีในการถ่ายทอดส่งต่อรังสีแสงอาทิตย์มายังโลกโดยไม่มีการสูญเสียพลังงานไปมากมายในระหว่างกระบวนการทั้งหลาย

    https://mgronline.com/around/detail/9620000021856
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐฯขู่ตุรกีอีกรอบ เตือนเจอ'ผลลัพธ์เลวร้าย'หากยังดึงดันซื้อระบบขีปนาวุธS-400รัสเซีย เผยแพร่: 5 มี.ค. 2562 22:03 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000002331501.jpg

    รัสเซียทูเดย์ - สหรัฐฯเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เอ่ยปากขู่ตุรกีจะต้องเผชิญกับผลลัพธ์เลวร้าย จนกว่าจะยอมยกเลิกการซื้อระบบขีปนาวุธ S-400 ของรัสเซีย ด้วยโฆษกรายหนึ่งของเพนตากอนแนะอังการาให้หาทางออกที่ดีกว่านี้

    เอริค พาฮอน โฆษกเพนตากอนให้สัมภาษณ์ Ahval news สำนักข่าวตุรกีเมื่อวันจันทร์(4มี.ค.) ว่า "การที่ตุรกีซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 ของรัสเซีย จะก่อผลลัทธ์เลวร้ายต่อความสัมพันธ์ทางกลาโหมของสหรัฐฯกับตุรกี"

    แผนของตุรกี ซึ่งเป็นพันธมืตรของสหรัฐฯ สำหรับซื้อระบบ S-400 ได้ก่อความกังวลใหญ่หลวงในหมู่มวลสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต้) โดยทางวอชิงตันอ้างว่าการประจำการ S-400 เคียงข้างอาวุธที่ผลิตโดยสหรัฐฯ อย่างเช่นฝูงบินล่องหน F-35 คือบ่อนทำลายการทำงานร่วมกันของพันธมิตร และอาจเปิดเผยความลับแก่รัสเซีย

    หลังจากเดินหน้ากดกันและขู่ออกมาตรการคว่ำบาตรมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งระงับส่งมอบฝูงบิน F-35 จำนวน 100 ลำแก่ตุรกี

    อย่างไรก็ตาม ตุรกี ไม่ยอมก้มหัวให้แก่แรงกดดันของสหรัฐฯ โดยยืนยันว่าการใช้จ่ายหลากหลายด้านการทหารมีความสำคัญยิ่งต่อความมั่นคงของชาติ ขณะที่ประธานาธิบดีเรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน แสดงความหวังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าสหรัฐฯจะเปลี่ยนใจ

    "แน่นอน สหรัฐฯยังดินหน้าให้คำปรึกษาแก่อังการา เพื่อช่วยตุรกีหาทางออกที่ดีกว่าเดิม และแจ้งกับอังการาถึงผลกระทบในวงกว้างของการซื้อ S-400 จากรัสเซีย" พาฮอนกล่าว

    https://mgronline.com/around/detail/9620000022516
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักวิจัยชี้เกาหลีเหนือเริ่มซ่อมแซม 'ศูนย์ยิงดาวเทียม' หลังซัมมิต ‘คิม-ทรัมป์’ ล้มเหลว เผยแพร่: 6 มี.ค. 2562 10:10 ปรับปรุง: 6 มี.ค. 2562 11:07 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000002338602.jpg

    นักวิจัยจากโครงการ Beyond Parellel ของ CSIS เปิดเผยภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณสถานีปล่อยดาวเทียมโซแฮในเมือง ตงชาง-รี ของเกาหลีเหนือ เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการซ่อมแซมแท่นเคลื่อนย้ายจรวดที่ติดตั้งบนราง (Photo: . CSIS/Beyond Parallel/DigitalGlobe 2019 via REUTERS)

    เอเจนซีส์ - นักวิจัยสหรัฐฯ เผยภาพถ่ายดาวเทียมซึ่งแสดงให้เห็นว่าเกาหลีเหนืออาจกำลังซ่อมแซมสถานีปล่อยจรวดพิสัยไกลแห่งหนึ่งให้กลับมาใช้งานได้ใหม่ “อย่างรวดเร็ว” หลังการเจรจากับผู้นำสหรัฐฯ ที่กรุงฮานอยไม่ประสบผลสำเร็จ

    ศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์และระหว่างประเทศศึกษา (CSIS) ซึ่งมีฐานที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุว่า จากภาพถ่ายดาวเทียมจะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่า มีการทำกิจกรรมบางอย่างบริเวณแท่นทดสอบเครื่องยนต์จรวดแนวตั้ง รวมถึงรางที่ใช้สำหรับเคลื่อนจรวดไปยังฐานยิงของสถานีปล่อยดาวเทียมโซแฮ (Sohae) ซึ่งเป็นจุดที่เกาหลีเหนือใช้ส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศในปี 2012 และ 2016

    การยิงดาวเทียมของโสมแดงเรียกเสียงประณามอื้ออึงจากนานาชาติ ซึ่งเชื่อว่าเกาหลีเหนือกำลังอำพรางการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกล

    ความเคลื่อนไหวล่าสุดถูกตรวจพบเพียง 2 วัน หลังจากการประชุมซัมมิตที่ฮานอยระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และผู้นำ คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือปิดฉากลงอย่างกะทันหันโดยไร้ข้อตกลง ซึ่งนักวิจัย CSIS ชี้ว่านี่อาจเป็นสัญญาณตอบโต้จากเปียงยาง หลังถูก ทรัมป์ ปฏิเสธคำขอผ่อนคลายคว่ำบาตร

    “สถานที่แห่งนี้ไม่มีกิจกรรมใดๆ เกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือน ส.ค. ปี 2018 ดังนั้น ความเคลื่อนไหวที่ตรวจพบจึงน่าจะเกิดขึ้นอย่างจงใจ และมีจุดประสงค์บางอย่าง”CSIS ระบุ

    อย่างไรก็ตาม โจแอล วิต ผู้อำนวยการโครงการ 38 North ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือ เตือนว่าหลักฐานเพียงเท่านี้ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าโสมแดง “กำลังเตรียมยิงขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM)” อีกครั้ง

    “เกาหลีเหนือไม่เคยยิงทดสอบ ICBM ที่โซแฮซึ่งเป็นเพียงสถานีส่งดาวเทียม และหากจะมีการยิงจรวดเกิดขึ้นจริง ก็จะต้องมีการตระเตรียมงานอื่นๆ อีกมากมาย นอกเหนือไปจากภาพที่เราเห็น”

    จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์บิสสิเนสเมื่อวันอังคาร (5) ว่า หลังจากซัมมิตที่ฮานอยผ่านพ้นไปแล้ว วอชิงตันจะยังเฝ้าจับตาดูว่าเปียงยางมีความตั้งใจจริงที่จะยกเลิก “โครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง” หรือไม่

    “ถ้าพวกเขาไม่เต็มใจทำ ผมก็คิดว่าประธานาธิบดีได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนแล้ว... พวกเขาไม่มีทางจะได้รับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ และเราจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้หนักขึ้นด้วยซ้ำ” โบลตัน ซึ่งเป็นนักการเมืองสายเหยี่ยวที่สนับสนุนให้สหรัฐฯ ใช้ไม้แข็งจัดการกับเกาหลีเหนือ ระบุ

    562000002338601.jpg

    https://mgronline.com/around/detail/9620000022587
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สื่อ CNN แฉ ‘ทรัมป์’ บีบผู้ช่วยออกใบอนุญาตเข้าถึงข้อมูลชั้นความลับให้แก่ ‘อิวองกา-สามี’ เผยแพร่: 6 มี.ค. 2562 10:59 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000002338801.jpg

    อิวองกา ทรัมป์ บุตรสาวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และ เจเร็ด คุชเนอร์ สามีของเธอ (แฟ้มภาพ)
    รอยเตอร์ – ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เคยกดดันเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวให้ออกใบอนุญาตเข้าถึงข้อมูลชั้นความลับ (security clearance) แก่ อิวองกา ทรัมป์ และสามี โดยไม่ฟังเสียงทัดทานใดๆ สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ (5 มี.ค.)

    สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าว 3 คนซึ่งระบุว่า ทรัมป์ เคยพยายามบีบ จอห์น เคลลี อดีตประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว และ ดอน แมคกาห์น อดีตที่ปรึกษาทำเนียบขาว ให้ออกใบอนุญาตเข้าถึงข้อมูลชั้นความลับแก่ อิวองกา และ เจเร็ด คุชเนอร์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีด้วยกันทั้งคู่ แม้จะมีคำเตือนจากสำนักงานฝ่ายบุคคลก็ตาม

    หลังจากที่ เคลลี และ แมคกาห์น ปฏิเสธไม่ยอมทำตาม ทรัมป์ จึงใช้อำนาจออกใบอนุญาตให้แก่ลูกสาวและลูกเขยเสียเอง

    ล่าสุด ทำเนียบขาวยังไม่ออกมาให้ความเห็นในประเด็นนี้

    หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ทรัมป์ เคยสั่งให้ประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวออกใบอนุญาตเข้าถึง “ข้อมูลลับสุดยอด” แก่ คุชเนอร์ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงหลายคนไม่สบายใจ และ เคลลี เองก็ได้เขียนบันทึกภายในเกี่ยวกับคำสั่งดังกล่าว

    อิวองกา ออกมายืนยันผ่านสื่อโทรทัศน์เมื่อเดือน ก.พ. ว่าบิดาไม่เคยวิ่งเต้นให้เธอหรือ คุชเนอร์ ได้ใบอนุญาตเข้าถึงข้อมูลลับของรัฐบาล

    ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าทั้งสองได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลลับในประเด็นใดบ้าง

    https://mgronline.com/around/detail/9620000022601
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฮิวแมนไรท์วอทช์เผย! เด็กอิรักถูกทรมาน-ไต่สวนอย่างไม่เป็นธรรม จากข้อหาเอี่ยวไอเอส เผยแพร่: 6 มี.ค. 2562 13:13 ปรับปรุง: 6 มี.ค. 2562 13:16 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000002345901.jpg

    เอเอฟพี – ทางการอิรักกำลังดำเนินคดีเด็กๆ ที่ต้องสงสัยว่ามีความสัมพันธ์กับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในกระบวนการที่มี “จุดบกพร่องร้ายแรง” ด้วยการใช้ข้อกล่าวหาหรือคำสารภาพอันไม่น่าเชื่อถือที่ได้รับมาจากการทรมาน ฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุในวันนี้ (5)

    รายงานครอบคลุมของฮิวแมนไรท์วอทช์มาจากการสัมภาษณ์เด็กชาวอิรัก 29 คนที่เป็นหรือเคยเป็นผู้ต้องขังในรัฐบาลแคว้นเคอร์ดิสถาน รวมทั้งญาติๆ ผู้คุมเรือนจำ และแหล่งข่าวตุลาการ

    อิรักประกาศว่า พวกเขาเอาชนะกลุ่มไอเอสได้ในช่วงปลายปี 2017 แต่ยังคงไต่สวนชาย หญิง และเด็กรวมทั้งชาวต่างชาติที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสมาชิกกลุ่มไอเอส

    “การคัดกรอง การสืบสวน และการดำเนินคดีเด็กในฐานะผู้ต้องสงสัยไอเอสของทางการอิรักและเคอร์ดิสถานมีจุดบกพร่องร้ายแรง และมักนำไปสู่การคุมขังตามอำเภอใจและการพิจารณาคดีอย่างไม่ยุติธรรม” ฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุ

    พวกเขาพบว่าเด็กชายจำนวนมากถูกจับกุมจากค่ายหรือด่านตรวจหลายแห่งด้วยหลักฐานที่ไม่แน่นหนา

    พวกเขาถูกทุบตี ช๊อตไฟฟ้า ห้ามติดต่อญาติหรือตัวแทนทางกฎหมาย และถูกบังคับให้ยอมรับว่าเป็นสมาชิกไอเอส ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเข้าร่วมกับนักรบญิฮาดกลุ่มนี้เลยก็ตาม ฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุ

    “พวกเขาใช้ท่อพลาสติกตีผมทั่วตัว เริ่มแรกพวกเขาบอกว่า ผมควรพูดว่าผมอยู่กับไอเอส ผมก็เลยตกลง” เด็กชายวัย 14 ปีที่ถูกหน่วยงานตำรวจ อาซายิช ของเคอร์ดิสถานควบคุมตัว กล่าว

    ถึงแม้ว่าไอเอสจะรับสมัครและปลูกฝังเด็กหลายคน และบางส่วนก็เคยทำการประหารชีวิตคนมาแล้ว แต่เด็กเกือบทั้งหมดที่ฮิวแมนไรท์วอทช์สัมภาษณ์ กล่าวว่า พวกเขาไม่เคยร่วมสู้กับไอเอสมาก่อน

    พวกเขาถูกไต่สวนโดยไม่มีทนาย ในการพิจารณาคดีที่ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีและมีการใช้ภาษาเคิร์ดที่เด็กชายพูดภาษาอาหรับเหล่านี้ไม่สามารถเข้าใจได้ โทษจำคุกในเคอร์ดิสถานอยู่ที่ระหว่าง 6-9 เดือน

    https://mgronline.com/around/detail/9620000022663
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ป๋านนท์'ตอกกลับเกรียนลูกเขย 'มาแบบหิวเงินทั้งนั้น'

    "ป๋านนท์" เสี่ยล้งทุเรียนเดือดจัด โพสต์ตอกกลับพวกเกรียนคีย์บอร์ดที่อยากเป็นลูกเขย มาแบบหิวเงินกันทั้งนั้น ยันเงิน 10 ล้าน จะให้ลูกสาวทำทุนกับสามีในอนาคต ย้ำใครข้องใจมาเจอกันได้เลย พุธที่ 6 มีนาคม 2562 เวลา 13.20 น.

    เมื่อวันที่ 6 มี.ค. นายอานนท์ รถทอง หรือป๋านนท์ เสี่ยเจ้าของล้งทุเรียนใน อ.หลังสวน จ.ชุมพร ที่ประกาศตามหาลูกเขยในอุดมคติจนมีผู้สมัครทะลักทะล้น ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว @อานนท์ รถทอง ระบุว่า "ประกาศจากป๋านนท์ ให้รู้ว่าที่เราประกาศหาลูกเขย ไม่ใช่ว่าเราจะอยากได้มากมายอะไรขนาดนั้น ที่เราทำแบบนี้เพราะว่าตัวผมเองก็แก่แล้ว อายุมากแล้ว จะมายืนคุมงานตลอดเวลามันไม่ไหวแล้ว ผมจึงอยากจะให้ลูกทุกๆคนมีครอบครัวไปให้หมดในตอนที่ผมยังมีชีวิตอยู่ สุดท้ายแล้วผมอยากเข้าวัดครับ ผมต่อสู้ชีวิตมาจะ 60 ปีแล้ว ไม่มีใครครอบครัวเราก็อยู่ได้ ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านทุกข์ผ่านสุขมาจะ 60 ปีแล้ว"
    "ขอบอกว่าคนที่จะมาเป็นลูกเขยไม่ใช่ง่ายอย่างที่คุณคิด ถ้าคุณคิดว่าง่ายผมขอร้องให้คุณไปซื้อหวยดีกว่า เพราะมันง่ายดี ทุกอย่างมันต้องมีมันต้องคัดเลือกคนที่จะมาเป็นทายาทของผม รับรองว่ามันเข้มข้นมากเลยครับ เพราะฉะนั้นคนที่คิดว่าง่ายจงเลิกล้มความตั้งใจเสียเถิดครับ ผมต้องการคนเก่ง ไม่ต้องเก่งมากไปกว่าผม เอาแค่เท่าผมหรือครึ่งจากผมๆพอใจนะครับ นี่มาแบบหิวเงินทั้งนั้นเลย ผมบอกได้เลยว่าเสียเวลามาครับ คุณไม่ผ่านนะครับ ผมต้องการหนึ่งเดียวคนเดียว ลูกสาวผมคนเดียวไม่ใช่มาเป็น 10,000 เป็น 100,000"
    "ผมดูแล้วมันไร้สาระมากๆครับ แล้ว 10,000,000 ที่ผมจะให้ ผมไม่ได้ให้ลูกเขยนะครับ ผมให้ลูกสาวไว้ทำทุนการค้าในอนาคตต่อไป โดยที่ไม่ต้องพึ่งใครในอนาคตเพราะลูกผมหลายคนครับ ต้องแบ่งๆกันไป เข้าใจตามนี้ด้วยนะครับ แล้วพวกที่ปากเสียคอมเม้นต์ว่าครอบครัวผมอย่างโน้นอย่างนี้ คุณดีกว่าครอบครัวผมแล้วเหรอครับ ผมไม่สนใจพวกคุณนะครับ แต่มันทุเรศมากนะครับ ผมเป็นพ่อค้านะครับ ปากตลาดด้วยนะครับ ถ้าด่ากันแล้วคุณสู้ผมไม่ได้หรอกครับ กรุณาเก็บปากคุณไว้และความคิดของคุณไว้ดีกว่าครับ ผมไม่อยากทะเลาะกับพวกสมองหมูปัญญาควาย ขอโทษนะครับที่ใช้คำหยาบเพราะคนพวกนี้แย่จริงๆจิตใจไม่ดี"
    "อย่าลืมว่าเราไม่เคยขอคุณกินนะครับ และเราก็ไม่อยากที่จะรู้จักพวกคุณด้วย เพราะฉะนั้นจะคอมเม้นท์อะไรมองตัวเองด้วยนะครับว่ารวยเท่าเขาหรือเปล่า มีปัญญาทำกินเท่าเขาหรือเปล่า เอาเวลาไปทำมาหากินเถอะครับอย่าเที่ยวมาคอมเม้นว่าครอบครัวคนอื่นเขา คนอื่นๆไม่เกี่ยว (อานนท์คนเดียวใครข้องใจมาได้เลยครับ ยินดีต้อนรับครับ รับได้ทุกรูปแบบกับพวกปากเสีย) สุดท้ายนี้ขอบรรดาคนที่จะมาเป็นลูกเขยไม่ต้องโทรมานะครับ ผมจะทำมาหากินนะครับ ลูกค้าผมโทรไม่ได้เลย คุณเล่นโทรตลอด 24 ชั่วโมง เลยคงเข้าใจนะครับ".

    ... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/regiona...5Y7319dtxUXw024Ig5jek27bgp5FyV_BUmozIznuA3-jg
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดเลย
    53324222_1862097113895343_8729553344453935104_n.jpg?_nc_cat=109&_nc_ht=scontent.fbkk6-2.jpg
    เมืองเลยแล้งจัดในรอบ 32 ปี!!! หลังอ่างน้ำหมานแห้งขอด

    มีรายงานข่าวแจ้งว่า อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำหมานตอนบน ต.กกทอง อ.เมืองเลย ขณะนี้ระดับน้ำลดต่ำเนื่องจากน้ำแห้งขอดหนักที่สุดในรอบ 32 ปี นับตั้งแต่สร้างอ่างเก็บน้ำมา ส่งผลให้ชาวบ้านใน 4 หมู่บ้าน ได้รับผลกระทบ ขณะที่นักท่องเที่ยวหดหาย เนื่องจากแพไม่สามารถล่องได้ ส่วนภาคการเกษตรพืชผลยืนต้นรอแห้งตายเนื่องจากขาดน้ำอย่างหนัก

    นายเกรียงไกร ภาคพิเศษ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเลย กล่าวว่า ขณะนี้โครงการชลประทานเลยได้มีการปรึกษากับการประปาจังหวัดเลย เพื่อร่วมกันจัดสรรน้ำดิบจากแหล่งน้ำสายหลักคือ แม่น้ำเลย ที่ไหลมาจากอ่างน้ำเลยเพื่อสูบขึ้นมาเป็นน้ำดิบ ป้อนให้ระบบประปาจังหวัดเลย วันละ 10,000 ลูกบาศก์เมตร โดยจะสูบเพิ่มจนกว่าระดับในอ่างเก็บน้ำหมานจะเพิ่มขึ้น ซึ่งตามแผนที่วางไว้ น้ำดิบที่เตรียมสำรองผลิตน้ำประปาน่าจะได้ใช้ในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้แน่นอน เพราะในช่วงหน้าร้อนความต้องการใช้น้ำจะเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะถึงนี้

    สำหรับอ่างเก็บน้ำหมาน ถือเป็นแหล่งน้ำหลักที่ใช้ผลิตน้ำประปาส่งบริการให้กับชาวเลย หลังประสบปัญหาน้ำแห้งขอด เริ่มส่งผลกระทบการผลิตน้ำประปาเป็นอย่างมาก ซึ่งทางสำนักงานประปาได้หาน้ำดิบสำรองเพื่อผลิตน้ำระปาใช้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว

    Cr. Manager Online

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    1551848474.jpg
    โลกสะเทือน!! “3 ชาติ” จำกัดส่งออกยาง 2.4 แสนตัน
    06 Mar 2019

    ชาวสวนช็อก 3 ชาติ ไทย อินโด มาเลย์ จำกัดส่งออกยาง 2.4 แสนตัน โวยซ้ำเติมราคาดิ่งเหว แนะยุบเวที “ไอทีอาร์ซี” ทิ้ง ไทยเสียเปรียบโดนหั่นโควตาสูงสุด ขณะอินโด-มาเลย์ ส่วนใหญ่แปรรูปส่งออกไม่สะเทือน แถมอานิสงค์ได้ราคายางถูกนำเข้าประเทศ

    1551848029_S__1720598.jpg

    รายงานข่าวผลสรุปการประชุมสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศ (ITRC) ประกอบด้วย ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 4-5 มีนาคม 2562 มีสรุปสาระสำคัญในการดำเนินการตามโครงการส่งออกระวางน้ำหนัก (AETS) ครั้งที่ 6 การประชุมครั้งนี้เป็นการติดตามผลการตัดสินของการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีพิเศษด้าน ITRC (MCM) 2019 เมื่อวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ 2562 ทีผ่านมา (ประชุมรัฐมนตรีสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศ ) มีการตกลงกันเรื่องดำเนินการ ได้แก่ มาตรการลดการส่งออก ครั้งที่ 6 จำนวน 2.4 แสนตัน เป็นระยะเวลา 4 เดือน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 แล้วจะดำเนินการผ่านหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศนั้น ๆ นอกจากนั้นยังมีการจัดตั้งคณะกรรมการติดตามและเฝ้าระวังเพื่อติดตามและตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตามมาตรการจำกัดการส่งออกอย่างเคร่งครัด และจะเพิ่มใช้ยางในประเทศให้มากขึ้น

    1551849449_S__26812429.jpg



    1551848084_perk2-503x335.jpg

    นายเพิก เลิศวังพง แกนนำชาวสวนยางพารา เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ข้อตกลงดังกล่าวนี้ไทยเสียประโยชน์ ไม่ควรเลยที่จะไปทำข้อตกลง เพราะในช่วงนั้นเป็นต้นฤดูปริมาณยางพาราอยู่ในมือชาวสวนจำนวนมาก ใครได้ประโยชน์ เป็นการซ้ำเติม ทุบราคาดิ่งเหว กู่ไม่กลับแล้ว

    1551848148_57.jpg

    เช่นเดียวกับนายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง (สยยท.) กล่าวว่า อยากให้ยกเลิกสภาไตรภาคียางพาราระหว่างประเทศ (ไอทีอาร์ซี) ทิ้ง ไม่ตอบโจทย์ ไทยเสียเปรียบตั้งแต่ต้น ควรยุบทิ้ง

    1551848248_download.png

    อนึ่ง สภาไตรภาคียางพารา (International Tripartite Rubber Council – ITRC) กำเนิดขึ้นจากราคายางพาราตกต่ำอย่างต่อเนื่องระหว่างปี 2538-2544รัฐบาลไทย มาเลเซียและอินโดนีเซียได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมบาหลีระดับรัฐมนตรี (Joint Ministerial Declaration (Bali Declaration 2001)) เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 24544 จัดตั้งองค์การความร่วมมือไตรภาคีด้านยางพารา (International Tripartite Rubber Organization - ITRO) เพื่อเป็นกรอบความร่วมมือในการทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาปริมาณยางพาราล้นตลาด และราคายางพาราตกต่ำ ทำหน้าที่เป็นองค์กรบริหารจัดการราคายางพาราในตลาดโลก จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2547 โดยมีรัฐบาลของทั้งสามประเทศเป็นผู้ถือหุ้นและจดทะเบียนจัดตั้งแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับสัดส่วน 4:3:2 ได้แก่ ไทย 5.33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อินโดนีเซีย 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาเลเซีย 2.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ


    http://www.thansettakij.com/content...7fe87rL4MjD9NoXVOaxML_6BtsM1rEPOTI3CHwvwf7AGI
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    1551776501.jpg
    กฟผ. ผูกมัด 14 บริษัท ขายน้ำมันปาล์มดิบปั่นไฟ 8 มี.ค. นี้
    05 Mar 2019

    ชาวสวนโวย! ไม่เชื่อน้ำยารัฐแก้ปาล์มตก หวั่น! เอื้อนายทุนกดต่ำราคารับซื้อดิ่งเหวเหลือ 1.90 บาทต่อกิโลกรัม ด้าน กรมการค้าภายในเปิดตัว 14 ราย ทั้งหน้าใหม่-เก่า ขายน้ำมันปาล์มดิบให้ กฟผ. 18 บาทต่อกิโลกรัม พ่วงสำรอง 7 บริษัท ส้มหล่นรอเสียบแทน ชี้! เป้าหมายครบแล้ว 1.6 แสนตัน เตรียมทำสัญญาซื้อขายภายในวันที่ 8 มี.ค. นี้


    1551774978_S__26656771.jpg


    นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากการที่ นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้ข่าวภายหลังประชุมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 เพื่อติดตามผลการดำเนินงานตามมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มของรัฐบาลในการกระตุ้นให้ราคาทะลายปาล์มสดนั้น มีการคาดการณ์ว่า เกษตรกรจะต้องขายผลปาล์มระดับไม่ต่ำกว่า 3 บาทต่อกิโลกรัม ผมมาพิจารณาเห็นว่า เมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่รัฐบาลทุ่มไปนั้น ในการคำนวณแล้ว ราคาผลปาล์มน่าจะไม่ต่ำกว่า 4 บาทต่อกิโลกรัม ท่านคิดผิดหรือไม่ เพราะสิ่งที่ท่านคิด เกษตรกรยังขาดทุนอยู่ ขณะที่ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ต้นทุนผลปาล์มอยู่ที่ 3.38 บาทต่อกิโลกรัม แต่ปัจจุบัน ราคา ณ วันที่ 5 มี.ค. ราคาอยู่ที่ 1.90 -2 บาทต่อกิโลกรัม


    1551775085_refuel-2157211_960_720.jpg


    จากราคาดังกล่าวนี้ ทำไมมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาไม่ได้ผล เอื้อกลุ่มทุนหรือไม่ โดยเฉพาะกระทรวงพลังงานรักษาผลประโยชน์ค่ายน้ำมันมากที่สุด เพราะการเพิ่มใช้ บี20 ทำให้การใช้ดีเซลของค่ายน้ำมันลดลง อีกด้านหนึ่งใช้ข้าราชการเขียนแผนบริหารกันเอง ก็ไม่ตอบโจทย์ แต่ถามว่า นโยบายดีไหม ดี ยกเว้นนโยบายแจกเงิน ไม่ดี ทำลายประเทศมากกว่า


    1551775321_truck-2920533_960_720.jpg


    "จากการพูดคุยกับบริษัทค่ายรถยนต์ต่าง ๆ เห็นว่า บริษัทค่ายอีซูซุฯ น่ายกย่อง บอกว่า สงสารเกษตรกร เพราะรถที่ผลิตไปขายอินโดนีเซียและมาเลเซียต้องผลิตรถที่รองรับ บี20 ทุกคัน ไทยเองก็ควรจะต้องมีนโยบายเดียวกัน แต่ทำไมค่ายรถอื่นไม่ทำ แถมยังค้านอีกด้วย เพราะอะไร แล้วต่อไปประเทศจะอยู่อย่างไร ปัจจุบัน ปาล์มผลผลิตน้อยมาก อีก 2 เดือนข้างหน้า ผลผลิตถึงจะออก ทำไมราคาถึงต่ำรูดลง แล้วที่ซ้ำร้าย สศก. ประเมิน ยังมาประเมินผลผลิตปี 2562 ว่า ปาล์มจะล้นกว่า 9 แสนตัน ในวันนั้น ผมก็ถาม สศก. ก็เดินหนี ไม่ตอบด้วย พยากรณ์แบบนี้ทำร้ายเกษตรกรหรือไม่"


    1551775407_S__26550305.jpg


    ด้าน แหล่งข่าวผู้ประกอบค้าน้ำมัน เผยว่า นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ประกาศผลการคัดเลือกผู้มีสิทธิ์จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตามมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ เพื่อให้ครบ 1.6 แสนตัน ตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ. ถึงวันที่ 1 มี.ค. 2562 นั้น ปรากฎว่า มีผู้ที่มีเอกสารและคุณสมบัติครบถ้วนตรงตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้มีสิทธิในการจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ ให้แก่ กฟผ. ปริมาณ 4 หมื่นตัน ซึ่งครบเป้าหมาย 1.6 แสนตัน


    1551775438_S__26550306.jpg

    ทางกรมการค้าภายในจึงประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์จำหน่ายน้ำมันปาล์มให้แก่ กฟผ. ตามมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ ดังนี้

    1) บริษัท ธนาปาล์มโปร์ดักส์ จำกัด จ.สุราษฎร์ธานี ปริมาณ 8,000 ตัน

    2) บริษัท ท่าฉางสวนปาล์มน้ำมันอุตสาหกรรม จำกัด จ.สุราษฎร์ธานี ปริมาณ 5,000 ตัน

    3) บริษัท ปาโก้เทรดดิ้ง จำกัด จ.สุราษฎร์ธานี ปริมาณ 3,000 ตัน

    4) บริษัท ท่าชนะน้ำมันปาล์ม จำกัด จ.สุราษฎร์ธานี ปริมาณ 3,000 ตัน

    5) บริษัท นามหงส์น้ำมันปาล์ม จำกัด จ.กระบี่ ปริมาณ 3,000 ตัน

    6) บริษัท กรีนกลอรี่ จำกัด จ.สุราษฎร์ธานี ปริมาณ 2,000 ตัน

    7) บริษัท จิรัสย์ปาล์ม จำกัด จ.สุราษฎร์ธานี ปริมาณ 2,000 ตัน


    1551775543_palm-1464660_960_720.jpg


    8) บริษัท ทักษิณปาล์ม (2521) จำกัด จ.สุราษฎร์ธานี ปริมาณ 2,000 ตัน

    9) บริษัท พี.ซี.ปาล์ม (2550) จำกัด จ.สุราษฎร์ธานี ปริมาณ 2,000 ตัน

    10) บริษัท ป.พานิชรุ่งเรืองปาล์มออยส์ จำกัด จ.สุราษฎร์ธานี ปริมาณ 2,000 ตัน

    11) บริษัท ปาล์มพัฒนาชายแดนใต้ จำกัด จ.ปัตตานี ปริมาณ 2,000 ตัน

    12) บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด จ.สุราษฎร์ธานี ปริมาณ 2,000 ตัน

    13) บริษัท สุขสมบูรณ์น้ำมันปาล์ม จำกัด จ.ชลบุรี ปริมาณ 2,000 ตัน

    14) บริษัท ทักษิณอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (1993) จำกัด จ.สุราษฎร์ธานี ปริมาณ 2,000 ตัน


    1551775569_palm-1464660_960_720.jpg


    ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกตามรายชื่อลำดับที่ 1-14 ข้างต้น ให้ยืนยันความประสงค์เข้าร่วมมาตรการตามปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่ได้รับการคัดเลือกให้กรมการค้าภายในทราบ ภายในวันที่ 5 มี.ค. นี้ ในเวลาราชการ และติดต่อการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อทำสัญญาน้ำมันปาล์มดิบให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 8 มี.ค. นี้


    1551775863_bpk1-1-503x335.jpg


    หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่า ได้สละสิทธิ์ในการเป็นผู้จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ กฟผ. แล้ว และให้ผู้มีรายชื่อดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีสิทธิจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบแทนตามลำดับ และในปริมาณเดียวกันกับผู้ที่ได้รับการคัดเลือกไม่ยืนยันการจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ กฟผ. ตามกำหนดเวลา มีทั้งหมด 7 บริษัท

    1) บริษัท อีสเทิร์นปาล์มออยส์ จำกัด จ.ชลบุรี ปริมาณ 4,000 ตัน

    2) บริษัท ปาล์มน้ำมันธรรมชาติ จำกัด จ.สุราษฎร์ธานี ปริมาณ 2,000 ตัน

    3) บริษัท ทักษิณปาล์ม (2521) จำกัด จ.สุราษฎร์ธานี ปริมาณ 2,000 ตัน

    4) บริษัท ทักษิณอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (1993) จำกัด จ.สุราษฎร์ธานี ปริมาณ 2,000 ตัน

    5) บริษัท ภัทรปาล์มออยล์ จำกัด จ.กระบี่ 2,000 ตัน

    6) บริษัท นามหงส์น้ำมันปาล์ม จำกัด กระบี่ ปริมาณ 1,000 ตัน

    7) บริษัท ปาโก้เทรดดิ้ง จำกัด จ.สุราษฎร์ธานี ปริมาณ 1,000 ตัน


    http://www.thansettakij.com/content...lHoLgmn8-7GGwt7EM_6XVpCjBwbwzyLLRJxvnoKRvkBV4
     

แชร์หน้านี้

Loading...