ติดตามสถานะการณ์

Juan F Martinez

พระอาทิตย์ขึ้นไวท์แซลมอน, WA, 2-28-19 ภาพโดยไดแอน m

โปรดวางดาวเคราะห์ของคุณ x ที่เกี่ยวข้องกันที่นี่ http://poleshift.ning.com/profiles/...We2NULKnt1gH3ToiZDafjwUFJEbYD-IAqGInW9wCJ0GLw

 

Barbara Schneider ได้แชร์โพสต์

ต้นฉบับ: ทะเลสาบ sylvan ประสบกับการไฟดับในเมืองเช้านี้เป็นผลจากแผ่นดินไหวที่เป็นไปได้ เวลาประมาณ 5:55 น. เช้าวันจันทร์หลาย sylvan lakers รายงานว่าถูกปลุกจากการนอนหลับเมื่อบ้านของพวกเขาสั่นและไฟดับ รายงานบอกว่าการเขย่ารู้สึกอยู่ทั่วตอนกลางอัลเบอร์ตากับชุมชนหลายคนประสบกับไฟดับ

ORIGINAL: Sylvan Lake experienced a town wide blackout this morning as a result of a possible earthquake. At roughly 5:55 a.m. Monday morning many Sylvan Lakers reported being awakened from sleep when their house shook and the power went out. Reports say the shake was felt across Central Alberta, with many communities experiencing a power outage.

https://www.sylvanlakenews.com/news...j9yGphCkhUUq1-iiholrb5ulhu3LOL17VA53bhmb1n_1Y

 

มูฮัมหมัดคาร ฮารุดีน

สหราชอาณาจักร ออกมาตรการโกหกคำโต ในมาตรฐานของคำว่าการก่อการร้าย

-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-

นักวิจารณ์การเมืองชาวอเมริกัน เควิน บาร์เร็ตต์ กล่าวว่าการตัดสินใจของลอนดอนที่จะกำหนดห้ามการทำกิจกรรมร่วมกับฮิซบุลลอฮ์ เลบานอน เนื่องจากความกลัวในขบวนการนี้ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และประสบความสำเร็จมากกว่าที่เคยเป็นมา

“ ตะวันตกภายใต้การปกครองโดยไซออนิสต์กำลังตื่นตระหนก เนื่องจากความล้มเหลวของโครงการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในซีเรีย และไซออนิสต์ยังคงจำบาดแผลจากการพ่ายแพ้ในปี 2549 ด้วยมือของฮิซบุลลอฮ์ได้ ตอนนี้ฮิซบุลลอฮ์มีขนาดใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และประสบความสำเร็จมากกว่าที่เคย นี่เป็นแรงผลักดันให้พวกไซออนิสต์คลั่ง

เควิน บาร์เร็ตต์ ให้สัมภาษณ์Tasnim ว่า....
ต่อไปนี้เป็นเนื้อหาทั้งหมดของการสัมภาษณ์

Tasnim: Sajid Javid รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของอังกฤษกล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่ารัฐบาลจะกำหนดองค์กรของฮิซบุลลอฮ์ทั้งหมดให้เป็นองค์กรผู้ก่อการร้าย สหราชอาณาจักรเคยขึ้นบัญชีดำทางทหารกับฮิซบุลลอฮ์์ในฐานะ "กลุ่มก่อการร้าย" รัฐบาลอังกฤษกำลังทำอะไรอยู่ ?

Barrett : ฉันตกใจ แต่ไม่แปลกใจ การเคลื่อนไหวของสหราชอาณาจักร เพราะเขาไม่สนใจคำจำกัดความของคำว่าการก่อการร้าย หรือซึ่งก็คือยุทธวิธีทางการทหารที่ประกอบด้วย การกำหนดเป้าหมายพลเรือนอย่างจงใจเพื่อให้เกิดความกลัว ดังนั้นกลุ่มผู้ก่อการร้ายจึงเป็นกลุ่มใดก็ตามที่ใช้กลยุทธ์นี้...
กองทัพอังกฤษตลอดประวัติศาสตร์จึงเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้าย ซึ่งอาจเป็นกลุ่มที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา เช่นการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวไอริชนับล้านของกองทหารอังกฤษ และถูกทำให้อดอาหารอย่างจงใจในปี 1845-1849
ฮิซบุลลอฮ์ เป็นกลุ่มต่อต้านการก่อการร้าย จุดประสงค์ทั้งหมดของมันคือการต่อสู้กับการก่อการร้ายอย่างเป็นระบบเช่นกลุ่มก่อการร้ายที่ดำเนินการโดยไซออนิสต์และตัสฟีรี ในการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายที่เลวร้ายที่สุดในภูมิภาคของฮิซบุลลอฮ์ไม่ได้ใช้กลยุทธ์การก่อการร้าย ดังนั้นการติดฉลากฮิซบุลลอฮ์ว่าเป็นผู้ก่อการร้าย จึงเป็นเรื่องโกหกที่ชั่วร้ายที่สุด

Tasnim: อะไรคือเหตุผลหลักที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจ ทั้งๆที่ความจริงฮิซบุลลอฮ์คือขบวนการต่อต้านการก่อการร้ายและลัทธิไซออนิสต์

บาร์เร็ตต์ : เวสต์ซึ่งปกครองโดยไซออนิสต์กำลังตื่นตระหนกเนื่องจากความล้มเหลวของโครงการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในซีเรีย และชาวไซออนิสต์ก็ยังคงจำบาดแผลจากการพ่ายแพ้ในปี 2549 ด้วยน้ำมือของฮิซบุลลอฮ์ได้ ตอนนี้ฮิซบุลลอฮ์ มีขนาดใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และประสบความสำเร็จมากกว่าที่เคย สิ่งนี้ทำให้ชาวไซออนนิสต์คลั่ง ดังนั้นพวกเขาจึงใช้มาตรการในรูปแบบต่างๆ เช่นการล้อเรียกชื่อของเด็กๆ ซึ่งในกลุ่มเด็กอังกฤษที่ถูกดูถูกเหยียดหยามอย่างฮิซบุลลอฮ์ จะใช้คำว่า T-word ซึ่งไม่ได้สื่อสารอะไรเลย นอกจากความสิ้นหวังและการที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของอังกฤษ การเคลื่อนไหวนี้จะมีผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนอกเหนือจากจะเป็นการเพิ่มความนิยมชมชอบต่อฮิซบุลลอฮ์ในภูมิภาคแล้ว ยังทำให้ผู้คนระลึกในความทรงจำที่ไม่ดีเกี่ยวกับความน่ากลัวของลัทธิจักรวรรดินิยมของอังกฤษและตะวันตก

Tasnim: อิสราเอลและซาอุดิอารเบียได้ยกย่องการกำหนดมาตรการนี้ จากลอนดอนทำไม?

บาร์เร็ต : อิสราเอลและซาอุดิอาระเบียเป็นผู้ก่อการร้ายที่เลวร้ายที่สุดในภูมิภาค ไซออนิสต์กำหนดเป้าหมายไปที่พลเรือนชาวปาเลสไตน์และเลบานอนเป็นหลักอย่างเป็นระบบ และซาอุดิอาระเบียยังสนับสนุนกลุ่มตักฟีรีหัวรุนแรงที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่กลุ่มพลเรือนเป็นหลัก ดังนั้นทั้งสองระบอบของการก่อการร้ายจึงมีความสุขที่ได้เห็นประเทศทางตะวันตกที่มีอำนาจ โกหกว่าใครเป็นผู้ก่อการร้ายตัวจริง

BY>>>>>Giant Khan<<<<<

https://www.tasnimnews.com/en/news/2019/03/04/1960705/hezbollah-stronger-more-successful-than-ever-us-scholar

 

แผ่นดินไหวจังหวัดลำปาง ครั้งที่ 66 ขนาด 1.9
ภูมิภาค อ.วังเหนือ จ.ลำปาง Amphoe WangNuea, Lampang
Time 2019-03-04 05:37:58 ตามเวลามาตรฐาน UTC/ 2019-03-04 12:37:58 ตามเวลาประเทศไทย พ.ศ. 2562
Epicenter 19.03°N , 99.71°E

http://www.earthquake.tmd.go.th/inside-info.html?earthquake=5635

 

ธปท.ยันแทรกแซงบาทแข็ง แนะใช้เงินสกุลอื่นค้าขาย
เผยแพร่: 5 มี.ค. 2562 02:20 โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน360-"แบงก์ชาติ"เผยได้เข้าแทรกแซง "เงินบาท" ในช่วงที่แข็งค่าเร็วและไม่สอดคล้องกับพื้นฐานเศรษฐกิจมาโดยตลอด เพื่อให้เวลาเอกชนปรับตัว ระบุตั้งแต่ต้นปีแข็งค่าขึ้นแล้ว 2.3% แนะป้องกันความเสี่ยง และใช้เงินสกุลคู่ค้าในการค้าขาย ด้าน สรท. ขอให้ดูแลค่าเงินให้เคลื่อนไหวสอดคล้องกับภูมิภาค เล็งหั่นเป้าส่งออกใหม่อาจโตไม่ถึง 5% พร้อมขอสมาชิกใช้เงินสกุลหยวน เยน รูเปียห์ ริงกิต ทำการค้า และเร่งอาเซียนใช้เงินสกุลท้องถิ่นค้าขาย

น.ส.วชิรา อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้หารือกับสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ที่เข้ามาหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ค่าเงินบาท โดยได้ชี้แจงว่าตั้งแต่ต้นปี 2562 เงินบาทได้แข็งค่าขึ้นประมาณ 2.3% เป็นผลจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐและการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย โดยในบางช่วงที่เงินบาทแข็งค่าเร็ว และมีลักษณะที่ไม่สอดคล้องกับพื้นฐานเศรษฐกิจ ธปท.ได้เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เวลากับเอกชนในการปรับตัว

"ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวตามความผันผวนของเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลก เอกชนต้องพิจารณาป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ เช่น กำหนดราคาสินค้าในรูปเงินบาทหรือเงินสกุลคู่ค้า เพราะปัจจุบันไทยยังเลือกกำหนดราคาในรูปดอลลาร์สหรัฐเกือบ 80% แม้จะค้าขายกับสหรัฐฯ เพียง 10% กว่าเท่านั้น"

สำหรับผู้ประกอบการที่ในอนาคตมีภาระต้องชำระเงินในสกุลต่างประเทศ ก็อาจฝากเงินไว้ในรูปเงินตราต่างประเทศ (FCD) เพื่อลดผลกระทบจากการผันผวนของค่าเงิน และควรเลือกใช้เครื่องมือทางการเงินป้องกันความเสี่ยง เช่น การซื้อ Options และใช้จังหวะที่เงินบาทแข็งค่าในการนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อพัฒนาการผลิต

น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธาน สรท. กล่าวว่า สรท. ต้องการให้ ธปท. ช่วยดูแลเงินบาทให้เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาค แต่ต้องยอมรับว่าปีนี้ค่าเงินบาทยังมีความผันผวน ซึ่งเป็นผลจากดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าและอ่อนค่าในบางช่วง รวมทั้งจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังไม่มีความชัดเจน ทำให้มีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ย.2561 ที่ติดลบต่อเนื่องกันมา 3 เดือนจนถึงม.ค.2562 และยังมีความกังวลว่าการส่งออกปีนี้จะต่ำกว่าเป้า 5% ที่ สรท.คาดการณ์ไว้ โดยจะขอดูตัวเลขไตรมาสแรกก่อน จากนั้นจะทบทวนเป้าส่งออกใหม่

ทั้งนี้ หลังจากที่ได้หารือกับ ธปท. แล้ว สรท. จะย้ำให้สมาชิกใช้เครื่องมือในการทำประกันความเสี่ยงและซื้อขายเป็นสกุลเงินท้องถิ่น เพื่อลดผลกระทบจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจุบัน ธปท. เปิดให้ทำการค้าขายต่างประเทศด้วยเงินสกุลท้องถิ่น 4 สกุล ประกอบด้วย เงินหยวนของจีน , เงินเยนของญี่ปุ่น , เงินรูเปียห์ของอินโดนีเซีย และเงินริงกิตของมาเลเซีย ขณะเดียวกัน ต้องการเห็นประเทศในอาเซียนค้าขายกันโดยใช้สกุลเงินของอาเซียนด้วย เพราะการส่งออกสินค้าไทยไปอาเซียนมีสัดส่วนสูงเกือบ 25%

https://mgronline.com/daily/detail/...rmaOOkF6RVfLHSrT1xODn49RZxLq8fDnWgwqJ5gqRsKpA

ภาพจาก https://www.bot.or.th/Thai/AboutBOT/OrganizationAndExecutives/Pages/BOT-Executives.aspx

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Mar 4) สรท.หารือแบงก์ชาติวอนดูแลค่าเงิน : รท.ขอ ธปท.ดูแลค่าเงินบาทเคลื่อนไหวสอดคล้องภูมิภาค ยอมรับส่งออกปีนี้อาจโตต่ำกว่าร้อยละ 5

น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สรท. พร้อมทีมผู้บริหาร และคณะทำงาน สรท.ได้เข้าพบนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อหารือถึงสถานการณ์เศรษฐกิจและการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ซึ่ง สรท.ได้ขอให้ ธปท.ดูแลค่าเงินบาทให้เคลื่อนไหวทิศทางเดียวกันกับภูมิภาค แต่หากอ่อนค่าลงได้มากกว่าภูมิภาค จะทำให้ผู้ส่งออกคลายความกังวลและช่วยให้สามารถบริหารต้นทุนง่ายขึ้น ซึ่งขณะนี้เงินบาทอ่อนค่ามาแล้ว 50-60 สตางค์ ก็ช่วยให้สบายใจขึ้น

“ปกติ สรท.จะหารือกับ ธปท.ถึงภาพรวมเศรษฐกิจและ สถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยน ทุก ๆ 6 เดือน ซึ่งการหารือวันนี้ทราบสาเหตุเงินบาทแข็งค่าในช่วงที่ผ่านมา มาจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด และเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่า” น.ส.กัณญภัค กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยอมรับค่าเงินบาทปีนี้ผันผวนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าและอ่อนค่าจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาติดลบต่อเนื่อง จึงกังวลว่าการส่งออกปีนี้จะโตต่ำกว่าร้อยละ 5 ต่ำกว่าที่ สรท.คาดการณ์ไว้ โดยจะต้องดูตัวเลขการส่งออกไตรมาส 1/2562 ก่อนว่าเป็นอย่างไร แต่จะดูแลไม่ให้ติดลบ และจากนั้นจะทบทวนเป้าส่งออกปีนี้ใหม่อีกครั้ง

“สรท.ยังยอมรับค่าเงินบาทตั้งแต่ต้นปีมีความเปลี่ยนแปลงเร็ว แต่ยังยอมรับได้ เพราะต้องมองทิศทางในระยะยาวมากกว่า ซึ่งหลังจากได้ข้อมูลจาก ธปท.แล้ว ก็เข้าใจ เพราะ ธปท.ดูแลหลายภาคส่วน” น.ส.กัณญภัค กล่าว

น.ส.กัณญภัค กล่าวว่า จะเน้นย้ำให้สมาชิกประกันความเสี่ยงและให้ค้าขายเป็นเงินสกุลท้องถิ่น เพื่อลดผลกระทบจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ผันผวน ซึ่งปัจจุบัน ธปท.เปิดให้ค้าขายต่างประเทศด้วยเงินสกุลท้องถิ่น 4 สกุล ประกอบด้วย เงินหยวนของจีน เยนของญี่ปุ่น รูเปียห์ของอินโดนีเซีย และริงกิตของมาเลเซีย พร้อมกันนี้ สรท.อยากเห็นการค้าขายเป็นเงินสกุลภูมิภาคอาเซียนอื่น ๆ มากขึ้น เพราะสัดส่วนการส่งออกสินค้าไทยไปอาเซียนมีสูงเกือบร้อยละ 25.

Source: สำนักข่าวไทย
https://www.tnamcot.com/view/5c7cce82e3f8e40ac38eb7dc

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Mar 4) แผนใหม่จีน ดันฮ่องกง-มาเก๊า-กวางตุ้ง เป็นศูนย์กลางทางการเงินแห่งใหม่ เตรียมโค่นสิงคโปร์ : ศูนย์กลางทางการเงินแห่งใหม่ของจีน เตรียมโค่นสิงคโปร์
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ทางการจีนเผยแผนใหม่ที่มีชื่อว่า Greater Bay Area โดยประกอบด้วยฮ่องกง มาเก๊า และ 9 เมืองในมณฑลกวางตุ้ง ได้แก่ กวางโจว, เซินเจิ้น, จูไห่, ฝอซาน, ฮุ่ยโจว, ตงกวน, จงซาน, เจียงเหมิน และเจ้าชิ่ง

แม้ว่าแผน Greater Bay Area ยังไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม แต่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนมองว่า แผนใหม่ของจีนในครั้งนี้สามารถโค่นล้มสิงคโปร์ได้ เพราะจะกลายเป็นศูนย์กลางทางการเงิน นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่แห่งใหม่
หนึ่งในนักเศรษฐศาสตร์ที่มองไปในทิศทางนี้คือ Lawrence Loh ผู้อำนวยการของ Centre for Governance จาก NUS Business School โดยระบุว่า แผนใหม่ของจีนได้เปรียบอย่างมากในทางภูมิศาสตร์ เชื่อว่าหากเป็นไปตามแผนนี้จะเกิดการผนึกกำลังในหลายอุตสาหกรรมและหลายตลาด ซึ่งอุตสาหกรรมที่จะถูกท้าทายมากที่สุดในสิงคโปร์ คือ “ภาคการเงิน”

หากดูจากตัวเลขสถิติ ตามแผนของ Greater Bay Area ถือว่าเหนือว่าสิงคโปร์ในหลายด้าน เช่น มีประชากรสูงถึง 71 ล้านคน มากกว่าสิงคโปร์ถึง 12 เท่า นอกจากนั้นยังมี GDP รวมกันประมาณ 1.64 ล้านล้านดอลลาร์ มากกว่าสิงคโปร์ถึง 5 เท่า

ส่วน Tommy Xie หัวหน้าของ Greater China Research จาก OCBC Bank มองว่า แผนใหม่ของจีนจะทำให้ฮ่องกงได้รับผลประโยชน์มากที่สุด เพราะจะกลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินใหม่ และแน่นอนจะกลายเป็นความท้าทายแห่งใหม่ของสิงคโปร์ในฐานะศูนย์กลางทางการเงิน

แต่นักเศรษฐศาสตร์บางคนก็ไม่เห็นด้วยกับมุมมองนี้
Duncan Innes-Ker จาก The Economist ให้ความเห็นว่า Greater Bay Area จะไม่เป็นภัยคุกคามสำหรับสิงคโปร์ เนื่องจากฮ่องกงกับสิงคโปร์เป็นเมืองระดับโลก (Global City) ที่ดึงดูดเงินลงทุนและแรงงานทักษะสูงจากทั่วโลกอยู่แล้ว

ส่วนอีกหนึ่งเหตุผลที่สิงคโปร์จะไม่ได้รับผลกระทบ หรือความท้าทายจาก Greater Bay Area มากนัก เป็นเพราะการที่สิงคโปร์ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน อย่างในปี 2018 ที่ผ่านมา เงินลงทุนในส่วน FinTech อย่างเดียวในสิงคโปร์ก็ได้รับเม็ดเงินสูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้าถึง 2 เท่า โดยมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 365 ล้านดอลลาร์

โดย Thongchai Cholsiripong

Source: Brandinside.asia
https://brandinside.asia/china-grea...3gKHVrt79GYYRNuhk0EwWtuPnvpmKURxBNfeErXRk8uIg

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Mar 4) คูเวตและจีน จับมือเตรียมตั้งกองทุนมูลค่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เน้นพัฒนาเมืองใหม่ : ไม่ใช่เพียงแค่ซาอุดิอาระเบียเท่านั้น ล่าสุดคูเวตได้ร่วมมือกับจีนตั้งกองทุนมูลค่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐที่จะเน้นพัฒนาเมืองใหม่ และลงทุนในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางอีกด้วย

คูเวตและจีน เตรียมที่จะระดมทุนเริ่มต้นมูลค่ากว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการพัฒนาเมืองใหม่ๆ ทั้งในประเทศจีนและรวมไปถึงในคูเวต รวมไปถึงการลงทุนในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง หรือ One Belt One Road ตามประเทศต่างๆ อีกด้วย

สำหรับการพัฒนาเมืองใหม่ๆ ของคูเวตนั้นคาดว่าจะเป็นเมืองใหม่อย่าง Madinat al-Hareer หรือที่เรียกกันว่า Silk City ซึ่งเมืองนี้ตั้งอยู่บริเวณภาคเหนือของประเทศ และมีพื้นที่สำหรับการพัฒนาเมืองใหม่นี้อยู่ประมาณ 250 ตารางกิโลเมตร โดยเมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลจีนได้มาเยี่ยมชมและได้เซ็น MOU การร่วมมือพัฒนาเมืองใหม่นี้ร่วมกับตัวแทนของคูเวต

ผนการของประเทศคูเวตนี้จะคล้ายๆ กับของซาอุดิอาระเบีย คือตั้งเป้าที่จะพัฒนาเมืองใหม่ๆ มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อที่จะรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ๆ และลดการพึ่งพารายได้จากอุตสาหกรรมน้ำมัน โดยเมืองใหม่นี้จะเน้นไปที่ศูนย์กลางทางการเงิน การค้า รวมไปถึงศูนย์กลางของวัฒนธรรม โดยการพัฒนาเมืองใหม่นี้อยู่ในแผนการ New Kuwait 2035 ด้วย

การจับมือครั้งนี้ของทั้ง 2 ประเทศ ยังได้เน้นย้ำความสัมพันธ์ของหลายๆ ประเทศในตะวันออกกลางกับจีนเริ่มมีความแน่นแฟ้นกันมากขึ้น ซึ่งเมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาเจ้าชายโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน พึ่งจะเสด็จเยือนประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชียซึ่งรวมไปถึงประเทศจีน และมีการเซ็นสัญญาการลงทุนมูลค่ามหาศาลร่วมกันอีกด้วย

โดย Wattanapong Jaiwat

Source: Brandinside.asia
https://brandinside.asia/kuwait-and...0NGqMMMRR-Cvp03KOJxPM1PPU0cbSerzX4fTZjthQiBtw

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Mar 4) บลูมเบิร์กเผยเปโซฟิลิปปินส์เป็นสกุลเงินเอเชียแข็งค่ามากสุดในเดือนก.พ.:สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สกุลเงินเปโซของฟิลิปปินส์เป็นสกุลเงินเอเชียที่แข็งค่ามากที่สุดในเดือนก.พ.
ทั้งนี้ เปโซดีดตัวขึ้น 0.8% ในเดือนก.พ. แตะระดับ 51.70 เทียบดอลลาร์ โดยได้ปรับตัวขึ้นนับตั้งแต่ต้นปีนี้
นักวิเคราะห์ระบุว่า เปโซได้รับปัจจัยหนุนหลายประการ ได้แก่ เศรษฐกิจที่มีการขยายตัวอย่างสดใส, การลงทุนที่เพิ่มขึ้น, เงินโอนที่สูงเป็นประวัติการณ์จากต่างประเทศ, เงินเฟ้อในระดับต่ำ, อัตราผลตอบแทนพันธบัตรในระดับสูง, การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ถึงแม้ฟิลิปปินส์เผชิญภาวะขาดดุลบัญชีเดินสะพัด

นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรของฟิลิปปินส์คิดเป็นวงเงิน 763 ล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค. ซึ่งมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 4 เท่า ขณะที่ชาวฟิลิปปินส์ในต่างประเทศโอนเงินเข้าประเทศจำนวน 2.85 พันล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์

เปโซเป็นสกุลเงินเอเชียที่ปรับตัวย่ำแย่เมื่อปีที่แล้ว โดยได้แตะระดับต่ำสุดในรอบ 13 ปีที่ 54.41 เทียบดอลลาร์ในเดือนต.ค. แต่หลังจากที่รัฐบาลใช้นโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจ และมีการทุ่มงบประมาณ 1.70 แสนล้านดอลลาร์ในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการที่ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เปโซก็ได้ฟื้นตัวขึ้นในเวลาต่อมา

Source --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

- สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สกุลเงินเปโซของฟิลิปปินส์เป็นสกุลเงินเอเชียที่แข็งค่ามากที่สุดในเดือนก.พ.
ทั้งนี้ เปโซดีดตัวขึ้น 0.8% ในเดือนก.พ. แตะระดับ 51.70 เทียบดอลลาร์ โดยได้ปรับตัวขึ้นนับตั้งแต่ต้นปีนี้
นักวิเคราะห์ระบุว่า เปโซได้รับปัจจัยหนุนหลายประการ ได้แก่ เศรษฐกิจที่มีการขยายตัวอย่างสดใส, การลงทุนที่เพิ่มขึ้น, เงินโอนที่สูงเป็นประวัติการณ์จากต่างประเทศ, เงินเฟ้อในระดับต่ำ, อัตราผลตอบแทนพันธบัตรในระดับสูง, การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ถึงแม้ฟิลิปปินส์เผชิญภาวะขาดดุลบัญชีเดินสะพัด

นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรของฟิลิปปินส์คิดเป็นวงเงิน 763 ล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค. ซึ่งมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 4 เท่า ขณะที่ชาวฟิลิปปินส์ในต่างประเทศโอนเงินเข้าประเทศจำนวน 2.85 พันล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์

เปโซเป็นสกุลเงินเอเชียที่ปรับตัวย่ำแย่เมื่อปีที่แล้ว โดยได้แตะระดับต่ำสุดในรอบ 13 ปีที่ 54.41 เทียบดอลลาร์ในเดือนต.ค. แต่หลังจากที่รัฐบาลใช้นโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจ และมีการทุ่มงบประมาณ 1.70 แสนล้านดอลลาร์ในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการที่ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เปโซก็ได้ฟื้นตัวขึ้นในเวลาต่อมา

Source --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิตทร

-
https://www.gulf-times.com/story/62...RK9r5LyqFWj5DfDftyMxEZpgMB7EamEL3DrywcPclkMHc

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Mar 4) นายกฯอังกฤษจะตั้งกองทุนช่วยเมืองที่สนับสนุนเบร็กซิท : นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ของอังกฤษเตรียมเปิดตัวกองทุนมูลค่า 1,600 ล้านปอนด์ (ราว 67,360 ล้านบาท) ในวันนี้ เป็นกองทุนส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของเมืองที่สนับสนุนการแยกสหราชอาณาจักร (ยูเค) ออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิท ด้านฝ่ายค้านตำหนิว่า นายกรัฐมนตรีติดสินบนให้สภาผ่านร่างข้อตกลงเบร็กซิทของเธอ

หนังสือพิมพ์อังกฤษลงรายละเอียดกองทุน Stronger Towns Fund ตั้งแต่เดือนก่อน หลายฝ่ายมองว่า เป็นความพยายามของนายกรัฐมนตรีเมย์ที่จะทำให้ สส.พรรคแรงงานที่เป็นฝ่ายค้านหันมาสนับสนุนเพราะเป็น สส.เขตในเมืองเหล่านี้ โดยเฉพาะเมืองทางเหนือที่สนับสนุนเบร็กซิทเต็มที่ อังกฤษจะต้องเบร็กซิทในวันที่ 29 มีนาคมนี้ นายกรัฐมนตรีเมย์มั่นใจว่า สภาจะผ่านร่างข้อตกลงใหม่ภายในวันที่ 12 มีนาคม หลังจากร่างข้อตกลงแรกที่เธอตกลงกับอียูถูกคว่ำกลางสภามาแล้วเมื่อเดือนมกราคม

รัฐบาลอังกฤษเผยว่า กองทุนนี้จะมุ่งไปยังเมืองที่ไม่ได้รับส่วนแบ่งความมั่งคั่งของประเทศอย่างเท่าเทียม โดยจะนำไปใช้ในการสร้างงาน ฝึกอบรม และส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เงิน 1,000 ล้านปอนด์ (ราว 42,110 ล้านบาท) ถูกจัดสรรไปแล้ว กว่าครึ่งไปยังเมืองทางตอนเหนือ ส่วนอีก 600 ล้านปอนด์ (ราว 25,250 ล้านบาท) จะจัดสรรไปยังเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศที่ร้องขอมา

โฆษกพรรคแรงงานแถลงว่า กองทุนนี้เป็นการนำความสิ้นหวังของรัฐบาลมาติดสินบนให้สมาชิกสภาลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายเบร็กซิทที่เป็นภัย ขณะที่นายเจมส์ โบรเคนเชอร์ รัฐมนตรีกระทรวงชุมชนยืนยันกับวิทยุบีบีซีว่า กองทุนนี้มีอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับผลการลงมติร่างกฎหมายเบร็กซิท

Source: สำนักข่าวไทย
- https://www.bbc.com/news/uk-47435565

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Mar 4) เผยหัวเว่ยเตรียมฟ้องรัฐบาลสหรัฐห้ามหน่วยงานรัฐใช้อุปกรณ์บริษัท : หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐรายงานอ้างแหล่งข่าวว่า หัวเว่ย เทคโนโลยี บริษัทโทรคมนาคมใหญ่ของจีนกำลังเตรียมยื่นคำร้องต่อศาลแขวงตะวันออกรัฐเทกซัส ฟ้องรัฐบาลสหรัฐที่ห้ามหน่วยงานรัฐบาลกลางใช้ผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ย

รายงานคาดว่า หัวเว่ยจะอ้างว่าการกระทำของรัฐบาลสหรัฐเป็นการใช้กฎหมายลงโทษบุคคลโดยไม่มีการผ่านกระบวนการพิจารณาคดีจากศาล (bill of attainder) ก่อนหน้านี้ทนายความของนางเมิ่ง หว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน (ซีเอฟโอ) ของหัวเว่ยได้ยื่นฟ้องรัฐบาลแคนาดา หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจรัฐบาลกลางว่าละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญของนางเมิ่งระหว่างการควบคุมตัว ตรวจค้นและสอบปากคำนาน 3 ชั่วโมงที่ท่าอากาศยานนานาชาติแวนคูเวอร์เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม

ทนายความนางเมิ่งยื่นคำฟ้องเมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น วันเดียวกับที่กระทรวงยุติธรรมแคนาดาให้อำนาจดำเนินกระบวนการเนรเทศนางเมิ่งไปขึ้นศาลสหรัฐ เธอจะต้องขึ้นศาลแวนคูเวอร์ในวันที่ 6 มีนาคม เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 01.00 น.วันรุ่งขึ้นตามเวลาในไทย เพื่อฟังการไต่สวนเรื่องการเนรเทศ สหรัฐตั้งข้อกล่าวหาเธอและหัวเว่ยละเมิดมาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐประกาศใช้กับอิหร่าน

Source: สำนักข่าวไทย
- https://www.nytimes.com/2019/03/04/...aNiCaDEFB9a8_PF6nK7zfNZYe7TikfmYtA7JKE68KTnDM

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Mar 5) สหภาพยุโรปมีกำหนดการจะหารือเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าร่วมกับสหรัฐฯ ในวันที่ 6 มี.ค.: นาย Margaritis Schinas โฆษกคณะกรรมธิการยุโรป กล่าวว่า การหารือเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 6 มี.ค. 2019 จะมุ่งเน้นไปที่แนวทางการนำ Joint Statement ที่ได้ตกลงร่วมกันเมื่อเดือน ก.ค. 2018 มาบังคับใช้ รวมถึงประเด็นด้านความร่วมมือระหว่างกันในการปฏิรูปองค์การการค้าโลก (World Trade Organisation: WTO)

ขณะนี้คณะกรรมาธิการยุโรปอยู่ระหว่างรอการอนุมัติในแนวทางการเจรจา (Negotiating Mandates) จากสมาชิกทั้งหมด 28 ประเทศ เพื่อที่จะได้เริ่มต้นการเจรจาอย่างเป็นทางการต่อไป โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่ต้องการให้การเจรจาทางการค้าระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด ขณะที่ฝรั่งเศสพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเร่งดำเนินการเจรจาดังกล่าว

สหภาพยุโรปต้องการเร่งให้สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าสำหรับสินค้าอุตสาหกรรมร่วมกับสหรัฐฯ ให้ได้ก่อนในเบื้องต้น และอาจจะยังไม่เร่งสรุปในข้อตกลงสำหรับสินค้าเกษตรเนื่องจากคาดว่าจะมีข้อโต้แย้งระหว่างกันค่อนข้างมาก โดยการหารือในครั้งนี้อาจช่วยแก้ปัญหามาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่มีต่อสินค้า เหล็ก อลูมิเนียม รถยนต์ และชิ้นส่วนรถยนต์ จากสหภาพยุโรปได้

Source: BoTSS
-https://www.euronews.com/2019/03/04/eu-set-for-trade-talks-with-us-on-march-6-amid-concern-over-tariffs?fbclid=IwAR2Tz2-8yc1ccorwxEo3tj-YGzSEdWA8EjUbcs7gLgCU2iHnsaN-1lwWLqY

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Mar 5) ผู้จัดการกองทุนยอมรับเศรษฐกิจจีนมีความสำคัญต่อตลาดหุ้นยุโรปอย่างมาก: นาย Phillip Saunders, Co-Head of Multi-Asset ของ Investec Asset Management กล่าวว่านักลงทุนส่วนใหญ่ดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจถึงความสำคัญของเศรษฐกิจจีนที่มีต่อตลาดหุ้นยุโรป โดยเงินลงทุนจากจีนถือเป็นปัจจัยขับเคลื่อนราคาหุ้นในตลาดยุโรปที่สำคัญอย่างยิ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเมื่อสัดส่วนเงินลงทุนดังกล่าวปรับลดลงจึงส่งผลให้ราคาหุ้นยุโรปปรับลดลงตามไปด้วย

การที่ตลาดหุ้นยุโรปอ่อนแอลงอย่างมากในปี 2018 นั้น มีความเกี่ยวข้องกับแนวโน้ม credit cycle ของเศรษฐกิจจีนอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งในขณะนี้ credit cycle ของจีนเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวแล้ว หลังรัฐบาลจีนมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลังและนโยบายการเงินเป็นจำนวนมากในปี 2018 จนถึงช่วงต้นปี 2019 ที่ผ่านมา ซึ่งผลจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนจะเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นยุโรปกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนจะส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจยุโรปโดยรวมเนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้าอันดับสองของสหภาพยุโรป โดยข้อมูลจากคณะกรรมาธิการยุโรประบุว่า มูลค่าการค้าระหว่างสหภาพยุโรปกับจีนคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 15.3 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของสหภาพยุโรปในปี 2017

อย่างก็ตาม ไม่ใช่ทุกบริษัทในยุโรปที่จะได้รับผลประโยชน์จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนผ่านราคาหุ้นที่ปรับสูงขึ้น แต่จะมีเพียงบริษัทที่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับจีนเท่านั้นที่ได้รับอานิสงค์จากนโยบายดังกล่าว อาทิ หุ้นในกลุ่มธุรกิจธนาคาร

Source: BoTSS
https://steemit.com/investments/@te...zskwxik-mqcba1cbgtg0lo2hwa67y_1nzjow8qpufxm4e

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Mar 5) คณะกก.รัฐสภายุโรปไฟเขียวยกเลิก daylight saving time แต่ให้เลื่อนออกไป 2 ปี : คณะกรรมาธิการของรัฐสภายุโรปมีมติอนุมัติให้มีการยกเลิกการใช้มาตรการ daylight saving time ในยุโรป แต่ให้มีการเลื่อนการยกเลิกมาตรการดังกล่าวออกไปอีก 2 ปีเป็นปี 2564

นายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) ได้ผลักดันข้อเสนอของเขาในปีที่แล้ว ซึ่งกำหนดให้มีการยกเลิกมาตรการ daylight saving time ในปีนี้ ซึ่งข้อเสนอของเขาได้รับการสนับสนุนจากชาวยุโรปราว 3.8 ล้านคน

ทั้งนี้ ชาวยุโรป 4.6 ล้านคน จากทั้งหมด 510 ล้านคนที่อาศัยอยู่ใน EU ได้เข้าร่วมการสำรวจของ EC โดย 84% สนับสนุนให้ยกเลิกมาตรการ daylight saving time ซึ่งที่ผ่านมาทำให้ชาวยุโรปต้องปรับนาฬิกาให้เร็วขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และปรับเวลากลับในช่วงฤดูใบไม้ร่วงในทุกๆปี

หลังจากที่คณะกรรมาธิการของรัฐสภายุโรปมีมติอนุมัติให้มีการยกเลิกการใช้มาตรการ daylight saving time ในวันนี้ ในขั้นต่อไป รัฐสภายุโรปเต็มคณะจะต้องจัดการลงมติให้การรับรองมติของคณะกรรมาธิการดังกล่าว เพื่อให้มติดังกล่าวมีผลบังคับใช้

ปัจจุบัน ประเทศสมาชิก EU จะต้องปรับนาฬิกาให้เร็วขึ้นในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมี.ค. และปรับเวลากลับในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนต.ค.

Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

-https://www.reuters.com/article/us-eu-time/slowing-time-eu-wants-to-delay-clock-change-move-to-2021-idUSKCN1QL1UV?fbclid=IwAR263C5TeHUlAXa-WbRjJ2SbpVWgqWF21LbpcC_eW1qHoGr6P0LJKIg_idY

 

In Pics&Clips: ฝูงชนคับคั่งรับ "ฮวน กวยโด" กลับกรุงคาราคัส หลังเดินสายทัวร์ทั่วลาตินอเมริกา - สหรัฐฯกร้าว ลงมือทันทีหากผู้นำฝ่ายค้านได้รับอันตราย เผยแพร่: 5 มี.ค. 2562 12:07 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้ (4 มี.ค) ฝูงชนชาวเวเนฯล้นหลามต้อนรับการกลับเข้าประเทศอีกครั้งของผู้นำฝ่ายค้านเวเนซุเอลา "ฮวน กวยโด" ( Juan Guaido) หลังจากบินกลับเข้าประเทศในการเดินทางเยือนประเทศต่างๆทั่วแดนลาตินอเมริกาหาแนวร่วมกดดันประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ขณะที่สหรัฐฯประกาศจะตอบโต้อย่างรวดเร็วหากมีภัยถึงตัวผู้นำฝ่ายค้าน

DW สื่อเยอรมันรายงานเมื่อวานนี้(4 มี.ค)ว่า ในการประกาศต่อหน้าฝูงชนที่มารอต้อนรับเขาที่สนามบิน ผู้นำฝ่ายค้านเวเนซุเอลาวัย 35 ปี ฮวน กวยโด ( Juan Guaido) ประกาศว่า "เราอยู่ที่นี่ในเวเนซุเอลา และจะยังคงเดินหน้าต่อไป"

และเสริมต่อว่า "เรารู้ถึงความเสี่ยงที่เรากำลังจะเผชิญหน้าอยู่ แต่นั่นจะไม่มีวันหยุดเราไว้ได้ รัฐบาล ผู้นำเผด็จการ ต้องเข้าใจ" กวยโดประกาศต่อฝูงชนที่มาร่วมยินดี

สื่อเยอรมันรายงานว่า กวยโดเรียกร้องให้เวเนซุเอลาแสดงความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่น และให้ยังคงการประท้วงเพื่อกดดันรัฐบาลประธานาธิบดีนิโเคลัส มาดูโร ต่อไป

"พวกเราแข็งแกร่งกว่าที่เคย" กวยโดชี้

ฝูงชนต่างรอต้อนรับการกลับบ้านของกวยโด ทั้งนี้พบว่านักการทูตชาติตะวันตกบางส่วนพบเขาที่สนามบิน ซึ่งมีเอกอัครราชทูตเยอรมัน เนเธอร์แลนด์ และฝรั่งเศส

กวยโดเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆในลาตินอเมริกาถึงแม้ว่าจะถูกคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศของศาลสูงคาราคัส ซึ่งสหรัฐฯได้ออกคำเตือนในวันจันทร์(4)ว่า จะลงมือทันทีหากว่าผู้นำฝ่ายค้านตกอยู่ในความเสี่ยงหรือความรุนแรง โดยรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไมค์ เพนซ์ ได้ออกแถลงการณ์ผ่านทางทวิตเตอร์ต้อนรับการเดินทางกลับเข้าประเทศของกวยโดมีใจความว่า "@การเดินทางกลับเข้าเวเนซุเอลาอย่างปลอดภัยของกวยโดถือเป็นความสำคัญสูงสุดของสหรัฐฯ"

และในแถลงการณ์ยังกล่าวต่อว่า "ภัยคุกคามใดๆ ความรุนแรง หรือการคุกคามต่อตัวเขาจะไม่มีความอดทน และจะพบกับการตอบโต้อย่างรวดเร็ว ทั่วโลกกำลังเฝ้าจับตา รักษาการประธานาธิบดี กวยโด ต้องได้รับอนุญาตให้กลับเข้าเวเนซุเอลาได้อย่างปลอดภัย"

ซึ่งกวยโดได้ประกาศการเดินทางออกจากฐานอากาศของกองทัพเรือเอกวาดอร์ (naval air base)ในเมืองชายฝั่ง ซาลินาส(Salinas) ผ่านทางทวิตเตอร์วันอาทิตย์(3) โดยขอบคุณประธานาธิบดีเอกวาดอร์ เลนิน โมเรโน(Lenin Moreno)

ทั้งนี้พบว่ากวยโดได้เดินทางไปเยือนผู้นำประเทศต่างๆในภูมิภาคเป็นต้นว่า ผู้นำบราซิล ปารากวัย และอาร์เจนตินา ในตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อทำการรณรงค์และกดดันโดยตรงให้มาดูโรลาออก

ในวันเสาร์(2) สหภาพยุโรปได้ออกคำเตือนรัฐบาลคาราคัสต่อการจับกุมกวยโด โดยกล่าวว่า การเคลื่อนไหวเช่นนำจะเป็นการแสดงถึงกานสร้างความตรึงเครียดครั้งใหญ่ และจะได้รับการประณามอย่างหนักจากประชาคมนานาชาติ

















https://mgronline.com/around/detail/9620000022229

 

คลิประทึก! หิมะจากหน้าผาถล่มใส่ถนนหลวงสหรัฐฯ รถยนต์หลายคันรอดฉิวเฉียด (ชมวิดีโอ) เผยแพร่: 5 มี.ค. 2562 01:02 ปรับปรุง: 5 มี.ค. 2562 11:23 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ฟ็อกซ์นิวส์ - ผู้ขับขี่รายหนึ่งเผยแพร่คลิปเหตุการณ์ระทึก นาทีที่เขาเฉียดเผชิญกับกำแพงหิมะและเศษซากต่างๆ หลังเกิดหะมะถล่มลงจากหน้าผาสูงชันแห่งหนึ่ง ลงสู่ถนนหลวงในรัฐโคโลราโด เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งกลุ่มละอองสีขาวหนาทึบฟุ้งกระจายเป็นบริเวณกว้าง และรถหลายคันต้องเบรกจอดนิ่งอยู่กับที่ รอให้สถานการณ์คลี่คลาย

เจสัน อิสตัน กำลังขับรถผ่านหุบเขาเท็นไมล์ บนถนนระหว่างรัฐสาย 70 ใกล้เมืองเบรคเคนริดจ์ซึ่งระหว่างนั้นเองที่่เขาสามารถบันทึกภาพเหตุหิมะถล่มลงมาจากภูเขาสูงชันได้ “ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ผมและพ่อเห็นกลุ่มควันสีขาวขนาดใหญ่บริเวณซ้ายมือของเรา และเราสังเกตเห็นทันทีว่ามันเป็นหิมะถล่ม” เขาให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์ 31

ในวิดีโอ เป็นภาพขณะที่ฮิสตันเหยียบเบรกเพื่อจอดรถรอบนถนน ในขณะที่หิมะกำลังพังครืนลงมาจากภูเขาที่อยู่เบื้องหน้า กระจกหน้ารถของเขาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ และทัศนวิสัยกลายเป็นศูนย์ชั่วคราว จนกระทั่งฝุ่นหิมะสีขาวสงบลง “มันน่าตื่นเต้นมาก แต่อีกด้านมันก็เขย่าขวัญคุณเช่นกัน เพราะคุณไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะหยุดลง” อีสตันกล่าว


นอกจากนี้แล้วยังปรากฏวิดีโออีกคลิปถูกโพสต์บนทวิตเตอร์โดยศูนย์ข้อมูลหิมะถล่มโคโลราโด เป็นภาพอีกมุมมองของเหตุการณ์หิมะถล่มครั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นหนึ่งในเหตุหิมะถล่มหลายๆ จุดที่ได้รับรายงานในโคโลราโดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังเกิดหิมะตกหนัก

ทั้งนี้ ผู้ขับขี่อีกรายก็ได้โพสต์วิดีโอของเหตุหิมะถล่มใส่ถนนระหว่างรัฐอีกจุดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตำรวจลาดตระเวนแห่งรัฐโคโลราโด ระบุว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและไม่มีรถยนต์ติดค้างใต้หิมะจากทั้งสองเหตุการณ์

https://mgronline.com/around/detail/9620000022135

 

‘จีน’ แตะเบรกเพิ่ม ‘งบกองทัพ’ ปีนี้แค่ 7.5%
เผยแพร่: 5 มี.ค. 2562 10:03 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกที่จีนผลิตเองในประเทศ ซึ่งมีชื่อเรียกในเวลานี้ว่า ‘Type 001A’ ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 13 พ.ค. ปี 2018 ณ ท่าเรือในเมืองต้าเหลียน
เอเอฟพี - รัฐบาลจีนประกาศทุ่มงบประมาณอัดฉีดกองทัพเพิ่มขึ้นอีก 7.5% ในปีนี้ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว

ปักกิ่งมุ่งมั่นยกระดับแสนยานุภาพของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) ซึ่งมีกำลังพลถึง 2 ล้านนายด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย และทุ่มงบประมาณมหาศาลไปกับการพัฒนาเครื่องบินขับไล่หลบหลีกเรดาร์, เรือบรรทุกเครื่องบิน และอาวุธชนิดอื่นๆ

ระหว่างการประชุมสมัชชาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ (NPC) ซึ่งเปิดฉากขึ้นในวันนี้ (5 มี.ค.) รัฐบาลจีนประกาศจะอนุมัติงบประมาณด้านการทหารเพิ่มขึ้นอีก 7.5% รวมเป็นเงิน 1.19 ล้านล้านหยวนในปี 2019 ซึ่งถือว่าชะลอความเร็วลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับงบกองทัพ 1.11 ล้านล้านหยวนในปี 2018 ซึ่งเพิ่มขึ้น 8.1% จากปีก่อนหน้า

แม้จีนจะได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ใช้จ่ายงบด้านการทหารสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก แต่ก็ยังห่างไกลกับสหรัฐฯ ซึ่งตั้งงบประมาณกลาโหมเอาไว้ถึง 716,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้

จีนไม่ได้อุดหนุนกองทัพเพิ่มเป็นตัวเลข 2 หลักมาตั้งแต่ปี 2015 และเปอร์เซ็นต์การเพิ่มที่ลดลงนั้นยังสะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว

รัฐบาลจีนวางเป้าหมายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีในปีนี้ระหว่าง 6.0-6.5% ตามรายงานที่เสนอต่อเอ็นพีซี

ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ให้สัญญาว่าจะยกระดับพีแอลเอให้กลายเป็นกองทัพระดับ “เวิลด์คลาส” ภายในกลางศตวรรษนี้ และเรียกร้องให้ทหารอยู่ในสภาวะพร้อมรบตลอดเวลา

การประกาศแผนงบประมาณกลาโหมมีขึ้นในขณะที่ปักกิ่งเริ่มใช้ถ้อยคำรุนแรงข่มขู่ไต้หวันเพื่อสกัดความพยายามแยกตัวเป็นเอกราช และยังคงอ้างกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำพิพาททะเลจีนใต้อย่างแข็งขัน

จาง เย่สุ้ย (Zhang Yesui) โฆษกเอ็นพีซี ยืนยันว่า งบประมาณอุดหนุนกองทัพจีนนั้น “ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อประเทศอื่นๆ”

“งบประมาณกลาโหมที่จำกัดของจีนมีไว้เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ตลอดจนรักษาความมั่นคงและบูรณภาพแห่งดินแดน”จาง ระบุในงานแถลงข่าวเมื่อวานนี้ (4)

พรรคคอมมิวนิสต์จีนพยายามไล่ตามเทคโนโลยีที่เหนือชั้นกว่าของกองทัพสหรัฐฯ และยุโรปตะวันตก และแม้พีแอลเอจะตัดทอนกำลังพลเหลือเพียง 2 ล้านนายในปัจจุบัน แต่ก็ยังถือเป็นกองทัพที่ใหญ่โตที่สุดในโลก

จีนได้สร้างเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่ 2 ซึ่งถือเป็นลำแรกที่ผลิตเองในประเทศ และนำออกทดสอบแล่นในทะเลเมื่อช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีการผลิตเรือพิฆาต เครื่องบินขับไล่ และขีปนาวุธรุ่นใหม่ๆ รวมถึงทำการวิจัยเพื่อพัฒนาปืนแม่เหล็กไฟฟ้าแบบรางคู่ขนาน (railgun) และระบบเลเซอร์ต่อต้านดาวเทียมอีกด้วย

https://mgronline.com/around/detail/9620000022179

 

ยังไม่จบ!อินเดียส่งเครื่องบินซูคอย-30สอยร่วงโดรนทหารปากีสถาน
เผยแพร่: 5 มี.ค. 2562 02:30 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


(แฟ้มภาพ) เครื่องบินรบซูคอย-30 ของกองทัพอากาศอินเดีย
เอเอฟพี - กองทัพอากาศอินเดียในวันจันทร์(4มี.ค.) ทำการยิงร่วงโดรนทหารปากีสถานลำหนึ่ง ที่พลัดข้ามแดนเข้ามา จากการเปิดเผยของสื่อมวลชนแดนภารตะ ในขณะที่ความตึงเครียดอันสูงลิ่วระหว่างสองชาติคู่อริไม่มีทีท่าบรรเทาลงง่ายๆ

รายงานของสื่อมวลชนหลายสำนักอ้างแหล่งข่าวไม่ประสงค์เอ่ยนามระบุว่าเครื่องบินรบซูคอย-30 สอยอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ด้วยขีปนาวุธจากอากาศสู่อากาศ ใกล้เมืองไบคาเนอร์ ในรัฐราชสถาน ทางภาคเหนือของอินเดีย ไม่ไกลจากชายแดนปากีสถาน

สำนักข่าวเพรส ทรัสต์ ออฟ อินเดีย ระบุว่านับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 6 วัน ที่ปากีสถานพยายามส่งโดรนเข้ามาภายในดินแดนของอินเดีย หลังจากลำหนึ่งถูกยิงตกไปเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามในกรณีล่าสุดนี้ ยังไม่มีความคิดเห็นอย่างเป็นทางการมาจากทั้งสองฝ่าย

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 2ชาติเอเชียที่ติดอาวุธนิวเคลียร์ ได้เผชิญหน้ากันครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายปี หลังจากมือระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีสังหารตำรวจหน่วยเสริมกำลังรบของอินเดียไป40 ศพ ในแคว้นแคชเมียร์ของอินเดีย

นักรบกลุ่มหนึ่งซึ่งกบดานในปากีสถานอ้างความรับผิดชอบเหตุโจมตีเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ และ 12 วันต่อมา อินเดียได้ส่งฝูงบินรบโจมตีทางอากาศแก้แค้น โดยระบุว่ามีเป้าหมาถล่มค่ายฝึกของพวกก่อการร้ายในดินแดนส่วนลึกของปากีสถาน

จากนั้นในวันต่อมา เครื่องบินรบของปากีสถานได้ข้ามเขตแดนเข้าสู่น่านฟ้าของอินเดีย จนเกิดการประจัญบานกันทางอากาศ ทำให้มีเครื่องบินรบอินเดียอย่างน้อยๆ 1 ลำถูกยิงตกและนักบินถูกปากีสถานควบคุมตัวไว้ได้

ปากีสถานส่งมอบตัวนักบินคืนแก่อินเดียเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ในความเคลื่อนไหวที่ อิมราน ข่าน นายกรัฐมนตรีปากีสถาน เรียกว่าเป็น "สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ" เพื่อคลี่คลายความตึงเครียดและบรรเทาความกังวลแก่นานาชาติ

อย่างไรก็ตามทั้งสองฝ่ายยังคงยืนปืนใหญ่และปืนครก ข้ามแนวเส้นควบคุม(แอลโอซี) ซึ่งเป็นเขตหยุดยิงในแคชเมียร์ และเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างสองประเทศยาวนานหลายทศวรรษ คร่าชีวิตพลเมืองของทั้งสองฝั่งหลายราย

เหตุปะทะยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันจันทร์(4มี.ค.) อย่างไรก็ตามเบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม

https://mgronline.com/around/detail/9620000022147

 

‘ทรัมป์’ ยันยุติซ้อมรบกับเกาหลีใต้ไม่ใช่การอ่อนข้อให้ ‘คิม’
เผยแพร่: 5 มี.ค. 2562 10:58 โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเอฟพี - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยืนยันวานนี้ (4 มี.ค.) ว่าคำสั่งระงับปฏิบัติการซ้อมรบร่วมขนาดใหญ่กับเกาหลีใต้นั้นไม่ได้เป็นการ ‘อ่อนข้อ’ ให้แก่ผู้นำเกาหลีเหนือแต่อย่างใด

ปฏิบัติการซ้อมรบขนาดใหญ่ที่สหรัฐฯ และเกาหลีใต้จัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิของทุกปีถูกสั่งยกเลิกและปรับลดขนาดลง หลังจากที่ ทรัมป์ เดินทางไปประชุมซัมมิตครั้งที่ 2 กับ คิม จองอึน ที่กรุงฮานอยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันว่าทั้ง 2 เรื่องไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน

“การฝึกซ้อมทางทหาร หรือที่ผมเรียกว่าเกมสงคราม (war games) ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในระหว่างที่ผมพบกับ คิม จองอึน” ทรัมป์ ทวีตข้อความ

“ผมตัดสินใจเรื่องนี้มานานแล้ว เพราะมันทำให้สหรัฐฯ สูญเสียงบประมาณมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราไม่ได้รับเงินมหาศาลเหล่านี้คืน!”

สหรัฐฯ ส่งทหารเข้าไปประจำการอยู่ในเกาหลีใต้เกือบ 30,000 นาย และการซ้อมรบประจำปีซึ่งมีทหารโสมขาวกว่าแสนนายเข้าร่วมนั้นก็สร้างความไม่พอใจต่อเกาหลีเหนือซึ่งมองว่านี่คือการ ‘ซ้อมรุกราน’

แม้จะยืนยันว่าไม่คิดถอนทหารออกจากเกาหลีใต้ แต่ ทรัมป์ ก็บ่นเสมอว่าสหรัฐฯ ต้องเป็นฝ่ายแบกรับค่าใช้จ่ายมากเกินไป โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ยังกล่าวที่กรุงฮานอยว่า การซ้อมรบประจำปีกับเกาหลีใต้นั้น “แพงมากๆ”

การประชุมซัมมิต คิม-ทรัมป์ ในครั้งนี้ปิดฉากลงอย่างกะทันหัน โดยที่วอชิงตันก็ยังไม่ได้บรรลุซึ่งเป้าหมายในการปลดอาวุธนิวเคลียร์โสมแดง

https://mgronline.com/around/detail/9620000022192

 

Chalee Na Roied

เมื่อวานผมพูดถึง คาลินินกราดนะครับ ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของรัสเซียในยุโรปตะวันออก และพูดถึงการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหาร รวมถึงบังเกอร์ที่คาดว่าจะใช้สำหรับเก็บหัวรบนิวเคลียร์

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 62 ที่ผ่านมา รัสเซียได้เคลื่อนย้าย ระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 ไปยังพื้นที่ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสามารถป้องกันน่านฟ้าของรัสเซีย ในคาลินินกราด และครอบคลุมน่านฟ้าหลายประเทศในยุโรปตะวันออก คือ ลิธัวเนีย และโปแลนด์ ซึ่งเป็นพันธมิตรนาโต

วันนี้ ฑูตรัสเซียประจำ วอชิงตัน ดีซี คือ นายอนาโตลี แอนโตนอฟ ได้ออกมาพูด ที่กรุงวอชิงตัน ดีซีว่า รัสเซียอาจจะถูก "บังคับ"ให้เคลื่อนย้าย ขีปนาวุธที่สามารถโจมตี ได้ทั่วทั้งทวีปยุโรป หากสหรัฐติดตั้งขีปนาวุธในยุโรป

อย่าลืมนะครับว่า ตอนนี้ผู้นำรัสเซีย ได้ลงนามการถอนตัว จากสนธิสัญญา INF เรียบร้อยแล้ว นั่นหมายความว่ารัสเซีย สามารถเคลื่อนย้ายขีปนาวุธพิสัยตั้งแต่ 500-5500 ซึ่งครอบคลุมยุโรปทั้งหมด ตอบโต้ชาติยุโรปที่ยอมให้สหรัฐ ติดตั้งขีปนาวุธในประเทศของตน รวมถึงการใช้ ขีปนาวุธความเร็วไฮเปอร์โซนิก(Zircon) โจมตีสหรัฐ จากเรือดำน้ำ หากสหรัฐตัดสินใจโจมตีรัสเซีย

ภาพ © Sputnik / Sergey Orlov

https://sputniknews.com/military/20...cn3qs5epgVf6lnOwLD9m-2i2LuaFrEkUx-8SXQD18m_1I