ติดตามสถานะการณ์

#แม่ทิ้งลงข้างทางให้ตามหาพ่อเอง
ขอวอนทุกๆท่าน #ช่วยๆกันแชร์หน่อยค่ะ
มีใครรู้จักน้องคนนี้ไหมคะ
"ด.ญ.ปัทมา ครุฑจร"
น้องเล่าว่า... น้องนั่งรถตู้มากับแม่ แม่ให้น้องลงปากทางเข้าวัดหัวค่าย #แต่แม่น้องไม่ลงมา น้องบอกว่า แม่ว่าให้น้องมาอยู่กับพ่อ #น้องบอกว่า พ่อชื่อ "ต้วน" แม่ชื่อ "ไก่" แต่พ่ออาศัยอยู่ที่ไหน น้องไม่รู้
*เมื่อเวลาไม่เกิน 11โมง
น้องเข้าร้านมาซื้อของ5บาท
ที่ "ร้านประเสริฐการค้า"
เห็นใส่ชุดนร.ทางร้านก็ได้ถามว่า ป่านนี้น้องไม่ไปรร.หรอ บ้านน้องอยู่ไหน ทางร้านก็ได้รู้ และแจ้งเจ้าหน้าที่ ให้ประชาสัมพันธ์และตรวจสอบหาพ่อแม่ ของน้องค่ะ.
สิ่งที่ติดตัวน้องมากระเป๋าหนึ่งใบ กับ2ถุงพลาสติกบรรจุสิ่งของน้องติดตัวลงมาจากรถ
ล่าสุด ทราบ โรงเรียนน้องแล้ว" ชุมชนพิบูรณ์สงคราม อยู่ข้างวัดพัทธสีมา" พิกัด ดอนแค หัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช
ที่มา Tar Arm
#เพจล่า
#ล่าทุกเรื่องราวที่ไม่เป็นธรรม
___________________________
#ล่า มี ig เเล้วนะ @laa.2018
เรามี "กลุ่มล่า" นะคะ
คลิกเข้าร่วมกลุ่มได้เลยค่ะ
https://www.facebook.com/groups/2054371261500095/?ref=bookmarks
เรามีช่องทาง line ไว้คุยกันเเล้วนะ
คลิกเพื่อเป็นเพื่อนกันได้เลยค่ะ
https://line.me/R/ti/p/@laanews
อย่าลืมกดติด ⭐️ เพจ
เพื่อไม่พลาดการสื่อสารของเรา

 

ยังไงก็ช่วยกันตามหาพ่อ แม่น้องด้วยครับ

 

พยานโผล่อีก เห็นเอ็มเอช 370 “ถูกยิงตก” ชี้บินขับไล่ “ทัพมาเลย์” ลงมือ-ยั้งเหตุจี้
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562 - 08:10 น.
พยานโผล่อีก เห็นเอ็มเอช 370 “ถูกยิงตก” ชี้บินขับไล่ “ทัพมาเลย์” ลงมือ-ยั้งเหตุจี้
พยานโผล่อีก เห็นเอ็มเอช 370 – วันที่ 27 ก.พ. เดอะซัน รายงานความคืบหน้าการไขปริศนา เที่ยวบิน เอ็มเอช 370 ของ สายการบินมาเลเซียแอร์ไลนส์ ซึ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมลูกเรือและผู้โดยสารรวม 239 ราย ตั้งแตปี 2557 ว่า พบพยานผู้เห็นเหตุการณ์เครื่องบินที่อาจเป็นเที่ยวบินเอ็มเอช 370 ถูกเครื่องบินขับไล่ยิงตกลงทะเล

นายโนเอล โอการา นักสืบชาวไอริช ซึ่งใช้เวลานานกว่า 4 ปี รวบรวมข้อมูล และค้นคว้าหาคำตอบกรณีปริศนาของเที่ยวบินเอ็มเอช 370 ให้สัมภาษณ์เดลี่สตาร์ ระบุเชื่อว่าเที่ยวบินเอ็มเอช 370 ถูกยิงตกโดยเครื่องบินขับไล่ของกองทัพ และรัฐบาลมาเลเซียอาจมีส่วนรู้เห็นกับเหตุดังกล่าว


Malaysia Airlines flight MH370 took a mystery left turn an hour after takeoff, radar data showed. Marked here is the spot where a fisherman claims he saw it crash in the Malacca Strait. /thesun.co.uk/
นายโอการาเปิดเผยข้อมูลจากพยาน 5 คนที่ทำให้เชื่อว่าเครื่องบินถูกยิง พยานคนแรกไมก์ แม็กเคย์ เจ้าหน้าที่แท่นขุดเจาะน้ำมันชาวนิวซีแลนด์ กล่าวว่าเห็นเครื่องบินไฟไหม้ใกล้เวียดนาม ด้าน ลาทิฟ ดาเลลาห์ ผู้โดยสารเครื่องบินลำหนึ่งในเส้นทางใกล้จุดที่คาดว่าเอ็มเอช 370 ตก กล่าวว่าเห็นเครื่องบินอยู่บนผิวน้ำ

ขณะที่ แคตเธอรีน ที ลูกเรือชาวอังกฤษ ระบุว่าแจ้งกับทีมค้นหาของทางการออสเตรเลียว่า ระหว่างเดินทางไปจังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย ตนเห็นเครื่องบินมีไฟลุกไหม้ “ที่เห็นเครื่องบินไฟไหม้กำลังตก และมีเครื่องบินลำเล็กๆ 2 ลำ บินเหนืออยู่ด้านบนและมุ่งหน้าออกจากบริเวรณนั้น” นายโอการาอธิบาย



Only a few parts of wreckage have been found, such as this piece of a wing flap that washed up in the Indian Ocean. /thesun.co.uk/
และว่าอาจเป็นหลักฐานที่ชี้ว่าเที่ยวบินเอ็มเอช 370 ถูกยิงตก ซึ่งเป็นไปได้ว่าเกิดจากความกลัวและต้องการยับยั้งเหตุจี้เครื่องบิน “เอ็มเอช 370 น่าจะยังอยู่ใต้ทะเล ยกเว้นแต่รัฐบาลมาเลเซียเก็บกู้ไปแล้ว พวกเขาน่าจะรู้พิกัดตกหรือรอบๆ บริเวณที่เครื่องบินตก”

ส่วนพยานอีก 2 คนเป็นประมงชาวอินโดนีเซีย เคยเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่าขณะล่องเรือเห็นเครื่องบินลำใหญ่ตกลงบริเวณช่องแคบมะละกา เชื่อมระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย


Rusli Khusmin, 42, a fisherman from Indonesia shows his GPS navigator which he used to record the co-ordinates of where he believes Malaysia Airlines Flight MH370 crashed. Picture: Mohd Samsul Mohd Said

https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_2254734

 

รังสีคอสมิกในชั้นบรรยากาศของโลกทวีความรุนแรงเป็นปีที่สี่ติดต่อกัน
โพสต์โดย Teo Blaškovićเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2019 เวลา 08:19 UTC


รังสีคอสมิกในชั้นบรรยากาศของโลกกำลังทวีความรุนแรงเป็นปีที่ 4 ติดต่อกันเนื่องจากวัฏจักรสุริยะอายุ 11 ปีพุ่งเข้ามาในหนึ่งในจุดที่น้อยที่สุดของยุคอวกาศ การค้นพบนี้มาจากการปล่อยบอลลูนไปที่ความสูง เป็นเวลาหนึ่งปี ที่จัดทำโดยนักเรียนของ Earth to Sky Calculus, Dr. Tony Phillips of SpaceWeather รายงาน.

รังสีเอกซ์และแกมม่ามีการเพิ่มขึ้นประมาณ 13% ในแคลิฟอร์เนียตอนกลาง ซึ่งนักเรียนได้ปล่อยบอลลูนหลายร้อยลูกตั้งแต่เดือนมีนาคม 2015

จุดสีเทาในกราฟด้านล่างนี้เป็นข้อมูลบอลลูน Earth to Sky เวลาที่ค้างอยู่ในอนุกรมเวลานั้นเป็นบันทึกข้อมูลการตรวจวัดนิวตรอน จากหอสังเกตการณ์ธรณีฟิสิกส์ Sodankyla ใน Oulu ประเทศฟินแลนด์


@ภาพ เอื้อเฟื้อ โดย Earth to Sky Calculus/SpaceWeather.com

ในขณะที่จอภาพนิวตรอนได้รับการพิจารณาว่าเป็น 'มาตรฐานทองคำ' สำหรับการตรวจสอบรังสีคอสมิคบนโลกความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลที่เก็บโดย Earth to Sky และจอภาพนิวตรอนนั้นน่าประทับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงการแยกทางภูมิศาสตร์ที่กว้างและระเบียบวิธีการที่แตกต่างกัน "สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าบอลลูนที่นักเรียนสร้างขึ้นกำลังรวบรวมข้อมูลที่มีคุณภาพใกล้เคียงกัน"


@ภาพ เอื้อเฟื้อโดย NOAA / SWPC, SpaceWeather

รังสีคอสมิคเพิ่มขึ้นเมื่อดาวฤกษ์ของเรามุ่งสู่ช่วงวัฏจักรต่ำของดวงอาทิตย์

"ในตอนนี้วัฏจักรสุริยะอายุ 11 ปีได้พุ่งเข้าสู่หนึ่งใน minima ที่ลึกที่สุดในยุคอวกาศ" ฟิลลิปส์กล่าว

"สนามแม่เหล็กที่อ่อนลงของดวงอาทิตย์และลมสุริยะที่ทำเครื่องหมายไว้ ไม่ได้ช่วยปกป้องเราตามปกติจากการแผ่รังสีของห้วงอวกาศ บอลลูนEarth to Sky ปล่อยไปในหลายประเทศ และสหรัฐฯ ระบุว่านี่เป็นปรากฏการณ์ที่แพร่หลาย"


@ ภาพเอื้อเฟื้อโดย SILSO, Royal Observatory of Belgium, Brussels

การแผ่รังสีในบรรยากาศเพิ่มขึ้นเมื่อเรามุ่งสู่ขั้นต่ำของพลังงานแสงอาทิตย์ (07 ธันวาคม 2017)

รังสีคอสมิคจากห้วงอวกาศนั้นเพิ่มขึ้นเกือบคงที่เมื่อสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์อ่อนตัวลง ตามรายงานของ Spaceweather.com ลูกโป่งสตราโตสเฟียร์ได้บินไปกับนักเรียนต่างๆของ Earth to Sky ...

การทวีความรุนแรงของรังสีคอสมิก วัฏจักรสุริยะต่ำสุด และสภาพอากาศของโลก (13 พฤษภาคม 2017)

ข้อมูลที่จัดทำโดยนักเรียนของ Earth to Sky Calculus และดร.โทนี่ ฟิลลิปส์ จาก SpaceWeather.com แสดงว่าระดับรังสีคอสมิกกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเนื่องจากแนวทางขั้นต่ำของพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นประมาณ 13% ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2015 บทความนี้ให้ภาพรวมคร่าวๆ ..

การศึกษาแนะนำพลังงานแสงอาทิตย์ขั้นต่ำที่ยิ่งใหญ่ที่ทันสมัย ในปี 2020 - 2053 (30 มีนาคม 2018)

นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ Valentina Zharkova ผู้ได้ศึกษา ทำซ้ำเส้นโค้งสรุปของกิจกรรมแสงอาทิตย์ในช่วง 3,000 ปีที่ผ่านมา และคาดการณ์โมเดิร์นแกรนด์ขั้นต่ำในปี 2020 - 2055 และเพิ่งบอกกับ Jake และ Mari จาก The Grand Solar Minimum...
-----
Cosmic rays in Earth's atmosphere intensifying for the fourth year in a row Posted by Teo Blašković on February 27, 2019 at 08:19 UTC

Cosmic rays in Earth's atmosphere intensifying for the fourth year in a row

Cosmic rays in Earth's atmosphere are intensifying for the 4th year in a row as the 11-year solar cycle plunges into one of the deepest minima of the Space Age. The finding comes from a campaign of almost weekly high-altitude balloon launches conducted by the students of Earth to Sky Calculus, Dr. Tony Phillips of SpaceWeather reports.

There has been an approximate 13% increase in X-rays and gamma-rays over central California, where the students have launched hundreds of balloons, since March 2015.

The grey points in the graph below are Earth to Sky balloon data. Overlaid on that time series is a record of neutron monitor data from the Sodankyla Geophysical Observatory in Oulu, Finland.

@Image courtesy Earth to Sky Calculus/SpaceWeather.com

While neutron monitors have long been considered a 'gold standard' for monitoring cosmic rays on Earth, the correlation between data collected by Earth to Sky and neutron monitors is impressive, especially considering their wide geographic separation and differing methodologies, Dr. Phillips said. "This shows that our student-built balloons are gathering data of similar quality."

@Image courtesy NOAA/SWPC, SpaceWeather

Cosmic rays are increasing as our star heads into Solar Minimum.

"Right now, the 11-year solar cycle is plunging into one of the deepest minima of the Space Age," Phillips said.

"The Sun’s weakening magnetic field and flagging solar wind are not protecting us as usual from deep-space radiation. Earth to Sky balloon launches in multiple countries and US states show that this is a widespread phenomenon."

@Image courtesy SILSO, Royal Observatory of Belgium, Brussels

If you are new to the topic, check out our article links below:

Atmospheric radiation increasing as we head into Solar Minimum (December 07, 2017)

Cosmic rays from deep space are increasing almost unabated as the Sun's magnetic field weakens and we head into Solar Minimum. As reported by Spaceweather.com, the stratospheric balloons they've been flying together with the students of Earth to Sky...

Intensifying cosmic rays, grand solar minimum and Earth's climate (May 13, 2017)

Data provided by the students of Earth to Sky Calculus and Dr. Tony Phillips of SpaceWeather.com show cosmic ray levels are intensifying, as the Solar Minimum approaches, with an approximately 13% increase since March 2015. This article provides a brief overview of...

Study suggests Modern grand solar minimum in 2020 - 2053 (March 30, 2018)

Theoretical astrophysicist Valentina Zharkova, lead author of the study that reproduced the summary curve of solar activity for the last 3 000 years and predicted Modern grand minimum in 2020 - 2055, recently spoke with Jake and Mari of The Grand Solar Minimum...

https://watchers.news/2019/02/27/co...a-row/?utm_source=dlvr.it&utm_medium=facebook

 

ปรากฏการณ์ "แพลงตอนบลูม" หาดบางแสน น้ำทะเลเขียว! ชาวบ้านเผยเรื่องปกติ (มีคลิป)

 

#ข่าวด่วน
#เริ่มแล้ว พรุ่งนี้เป็นต้นไป กยศ. จะหักเงินเดือนจากในบัญชี เพื่อจ่ายหนี้ อัตโนมัติ
***หลังจากเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2562 นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้เปิดเผยว่า กยศ.จะนำมาตรการหักหนี้จากบัญชีเงินเดือนของลูกหนี้ที่ทำงานกับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ บริษัทเอกชนขนาดใหญ่ ธนาคารพาณิชย์ และข้าราชการที่สังกัดหน่วยงานองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) แบบอัตโนมัติมาใช้ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2562 เป็นต้นไป
ล่าสุดมีรายงานว่า ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ 28 ก.พ.2562 หรือตั้งแต่เดือน ก.พ.2562 เป็นต้นไป กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. จะเริ่มหักเงินเดือนของลูกหนี้ กยศ. ซึ่งทำงานในสังกัดราชการ รัฐวิสาหกิจ บริษัทเอกชน ธนาคารพาณิชย์ และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ เพื่อชำระหนี้ กยศ. อัตโนมัติจากเงินเดือนเป็นเดือนแรก เบื้องต้นมีจำนวนประมาณ 150,000 คน
สำหรับวิธีหักเงินเดือนจะมีการหักเฉลี่ยเท่ากันเป็นประจำทุกเดือน เช่น วงเงินที่ชำระหนี้ต่อปีจะมีการหาร 12 และนำไปเฉลี่ยเป็นรายเดือน ซึ่งไม่ใช่จำนวนเงินที่มากเกินไป เช่น ปีแรกที่จะต้องจ่าย 1,500 บาท เมื่อหาร 12 ก็จะเฉลี่ยถูกหักเดือนร้อยกว่าบาท ยกเว้นงวดปีการศึกษา 2562 ที่เหลือรอบบัญชีเพียง 5 เดือน ก็จะหาร 5 จากยอดวงเงินที่ต้องชำระ
***อย่างไรก็ตามระหว่างนี้ ถ้าลูกหนี้คนใดที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการหักเงินเดือน ก็สามารถเข้ามาเจรจากับ กยศ.เพื่อหาทางผ่อนปรน***

 

ด่วน... โฆษกกองทัพปากีสถาน ประกาศกร้าว : หากเกิดสงคราม เราจะถล่มมุมไบและนิวเดลีให้ราบเป็นหน้ากลอง
โฆษกกองทัพปากีสถานกล่าวในงานแถลงข่าวโดยชี้ถึงการละเมิดน่านฟ้าของประเทศโดยอินเดีย ว่าหากเกิดสงคราม เราจะถล่มมุมไบและนิวเดลีให้ราบเป็นหน้ากลอง
Asef Ghafourโฆษกกองทัพปากีสถานกล่าวว่า กองกำลังของปากีสถานถูกส่งไปประจำการพร้อมกับอาวุธหนักหลายชนิดรวมถึงรถถังที่ชายแดน Sichan และพร้อมที่จะโจมตีแคชเมียร์
เขากล่าวเสริมว่า ขีปนาวุธปากีสถานพร้อมที่จะยิงไปยังจุดสำคัญของแคชเมียร์ และขีปนาวุธนิวเคลียร์ของปากีสถานได้ล็อคเป้าไปที่เมืองบอมเบย์และเดลีซึ่งเป็นเมืองหลวงของอินเดีย

https://m.facebook.com/groups/563179107220115?view=permalink&id=973072609564094

 

เปรียบเทียบกองทัพอินเดียกับปากีสถาน
ภาพความละเอียดสูงที่นี่ >

 

พบสาเหตุ "องค์พระประธาน" สูง 15 เมตร ถล่มระหว่างก่อสร้าง
25 ก.พ. 2562 16:14 น.

ขอนแก่น - อบต.หนองสองห้อง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบองค์พระประธาน ขนาดความสูง 15 เมตร น้ำหนักกว่า 50 ตัน ภายในวัดเกาะสะอาด หลังพังถล่มทับคนงานบาดเจ็บ 3 ราย เบื้องต้นพบมีสาเหตุมาจากแรงสั่นสะเทือนจากดนตรีมหรสพภายในวัด


วันที่ 25 ก.พ. 2562 นี่เป็นภาพขององค์พระประธานขนาดความสูงประมาณ 15 เมตร ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ภายในวัดเกาะสะอาด ต.หนองสองห้อง อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ก่อนที่จะเกิดการพังถล่มลงมา เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 23 ก.พ.62 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้คนงานที่กำลังก่อสร้างองค์พระได้รับบาดเจ็บ 3 ราย โดยผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุดคือศีรษะแตก ส่วนอีก 2 คน มีรอยฟกช้ำบริเวณแขนและบางส่วนของลำตัว หน่วยกู้ชีพกู้ภัยต้องช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลหนองสองห้อง ล่าสุด ทั้งหมดอาการปลอดภัยแล้ว



ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าวันนี้ นายจีรภัทร วรสิงห์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองสองห้อง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่วิศวกร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันประชุมสรุปสถานการณ์และแนวทางในการป้องกัน หลังจากลงพื้นที่ตรวจสอบสาเหตุของการพังถล่มลงมาขององค์พระประธาน ซึ่งจากการสอบถามผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุและการตรวจสอบโครงสร้าง พบว่า จุดที่เริ่มทรุดตัวลง ก่อนจะพังถล่มอยู่ที่บริเวณเอวขององค์พระ ซึ่งยังก่อสร้างไม่สมบูรณ์ โดยก่อนที่จะเกิดเหตุ ในเวลาใกล้เคียงกันได้มีการเปิดเพลงมหรสพในพิธีบวชพระ ซึ่งคาดว่า เสียงจากเครื่องเสียงจากรถแห่ที่เปิดดังได้ทำให้โครงสร้างขององค์พระประธานเกิดการสั่นสะเทือน ก่อนที่จะมีเสียงลั่นมาจากองค์พระ เป็นเหตุให้เกิดการพังถล่มลงมายังทิศใต้ จนเป็นเหตุให้ช่างที่ทำการก่อสร้างได้รับบาดเจ็บ แต่โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต



อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและทางวัดได้มีมติที่จะก่อสร้างองค์รพระประธานใหม่ แต่จะไม่ก่อสร้างในจุดเดิม โดยหลังจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบอีกครั้งก่อนจะทำการรื้อซากปรักหักพังทั้งหมดออก โดยมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท ขณะเดียวกันได้ให้เจ้าหน้าที่เร่งสำรวจพื้นที่ที่มีการก่อสร้างในลักษณะเดียวกันในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก

ข่าวโดย – กฤศเมธ โลโห

http://www.komkhaotuathai.com/content/10156

 

ด่วน! การบินไทย สั่งยกเลิกไฟลต์ยุโรป พิษปากีฯ ยิงบินรบอินเดียร่วง ปิดน่านฟ้า

จากกรณี โฆษกกองทัพปากีสถาน แถลงว่ากองทัพปากีสถานได้ยิงเครื่องบินกองทัพอากาศอินเดียร่วงลง 2 ลำ บริเวณพื้นที่ความขัดแย้งในดินแดนแคชเมียร์ โดยเครื่องบินลำหนึ่งร่วงลงพื้นที่ในควบคุมของอินเดีย และอีกลำหนึ่งตกลงในพื้นที่ควบคุมของปากีสถาน แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้น หลังมีรายงานว่า เครื่องบินกองทัพอากาศปากีสถาน รุกล้ำน่านฟ้าของอินเดียก่อนจะถูกผลักดันกลับไป
นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากเกิดสถานการณ์ความขัดแย้ง ระหว่างประเทศปากีสถาน และอินเดีย ทำให้มีประกาศปิดน่านฟ้า เบื้องต้น การบินไทย ประสาน เครื่องที่กำลังบินอยู่บนน่านฟ้าเพื่อไปยุโรปประมาณ 3-4 ลำ ให้บินกลับมาลงที่ประเทศไทยก่อน โดยมีเที่ยวบิน กรุงเทพ-แฟรงเฟิร์ต กรุงเทพ-ลอนดอน
โดยการปิดน่านฟ้าครั้งนี้ จะส่งผลกระทบกับเที่ยวบินที่ยุโรปทุกเส้นทาง สำหรับ เที่ยวบินที่กำลังจะออกเดินทาง ค่ำนี้ จะได้เรียกประชุมด่วนเพื่อพิจารณาผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ว่าสายการบินที่จะเดินทางไปยุโรปจะสามารถทำการบินได้หรือไม่ หรือ จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร โดยถือเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินที่จะต้องเร่งตัดสินใจ
ทั้งนี้ การบินไทย มีเส้นทางการบินไปยุโรป 11 จำนวน 13 เส้นทาง เดนมาร์ก : โคเปนเฮเกน นอร์เวย์ : ออสโล เบลเยี่ยม : บรัซเซลส์ ฝรั่งเศส : ปารีส รัสเซีย: มอสโก เยอรมัน : แฟรงก์เฟิร์ต, มิวนิก สวิตเซอร์แลนด์ : ซูริก สวีเดน : สตอกโฮล์ม สหราชอาณาจักร : ลอนดอน (ฮีทโธรว์) อิตาลี : โรม, มิลาน ออสเตรีย : เวียนนา
Credit : ข่าวสด

 

ผู้นำอินเดียยังเงียบ น่ากลัว

ปากีสถานไม่ได้ต้องการเข้าสู่สงครามกับอินเดีย โฆษกกองทัพปากีสถาน ระบุในวันนี้ (27) ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากอิสลามาบัดระบุว่า พวกเขาได้ยิงเครื่องบินขับไล่ของอินเดีย 2 ลำตกในน่านฟ้าของพวกเขา ยิ่งทำให้เกิดกว่าจะจะเกิดความขัดแย้งเต็มรูปแบบระหว่างสองเพื่อนบ้านผู้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
https://mgronline.com/around/detail/9620000020388
#MGROnline #ปากีสถาน #อินเดีย

 

มุ่งสู่ล้าน! “สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า” ในจีนขยายตัวเร็ว เดือนเดียว 44,000 แห่ง
.
วานนี้ (26 ก.พ.) สื่อท้องถิ่นจีนเผยว่าจีนได้ก่อสร้างสถานีอัดประจุไฟฟ้าหรือสถานีชาร์จยานยนต์พลังงานใหม่ (NEVs) หรือรถยนต์ไฟฟ้า จำนวน 853,000 แห่ง เมื่อนับถึงสิ้นเดือนม.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 80.1 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า
.
รายงานระบุว่าเฉพาะเดือนม.ค. จีนก่อสร้างสถานีชาร์จฯ รวม 44,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้น 231.6 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบปีต่อปี ด้านเมืองใหญ่อย่างปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และมณฑลกว่างตง ครองสัดส่วน 76.4 เปอร์เซ็นต์ของสถานีชาร์จฯ ทั่วประเทศ
.
อนึ่ง อ้างอิงแผนงานของคณะกรรมการการปฏิรูปและการพัฒนาแห่งชาติของจีน (NDRC) ระบุว่าจีนตั้งเป้าหมายพัฒนาเทคโนโลยีและคุณภาพของสถานีชาร์จฯ เร่งจัดตั้งระบบมาตรฐานที่ดียิ่งขึ้น และใช้ประโยชน์จากสถานีชาร์จฯ ภายในสามปี
.
นอกจากนั้นจีนยังจะพัฒนาโครงข่ายการชาร์จให้เชื่อมต่อระหว่างกันได้ดียิ่งขึ้น ยกระดับคุณภาพการให้บริการชาร์จ และสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาโครงสร้างการชาร์จขั้นพื้นฐานอีกด้วย
.
รายงานเสริมว่ารถยนต์ไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมในจีน ซึ่งจัดเป็นตลาดยานยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก เนื่องจากรัฐบาลกลางดำเนินนโยบายสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เพราะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ
.
ทั้งนี้ ยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ารายปีได้ปรับขึ้น 61.74 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบปีต่อปี ทำให้ปริมาณรถยนต์ไฟฟ้าในจีนพุ่งแตะ 1.26 ล้านคันในปี 2018

 

อเมริกาเปิดตัว "ผู้เฒ่า" วาดฝัน "อนาคตใหม่"
เบอร์นี แซนเดอร์ส ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
ชูธงเปลี่ยนประเทศสู่ "รัฐสวัสดิการ"
•
•
เปิดตัวกันไปเกิน 7 คนแล้ว สำหรับผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ของพรรคเดโมแครต
•
ไม่ว่าจะเป็น อลิซาเบธ วอร์เรน สว.รัฐแมสซาชูเซตส์, คามาล่า แฮร์ริส อดีตอัยการรัฐแคร์ริฟอร์เนีย, เอมี คลอบูชาร์ สว.รัฐมินนิโซตา
•
แต่ที่ฮือฮาที่สุดหนีไม่พ้น เมื่อ เบอร์นี แซนเดอร์ส สว.จากรัฐเวอร์มอนท์ วัย 77 ปี ประกาศชัดว่า เขาจะเข้าชิงชัยในศึก "ไพรมารีโหวต" เพื่อเข้าชิงตำแหน่งตัวแทนแคนดิเดทพรรคเดโมแครต ในการชิงชัยกับพรรครีพับลิกันอีกครั้ง หลังจากพ่ายแพ้ให้กับฮิลลารี คลินตันไปในการเลือกตั้งเมื่อปี 2559
•
แซนเดอร์ส ไม่ได้มามือเปล่า แต่พกเอานโยบาย "สังคมนิยม" มาเต็มกระเป๋า ไม่ว่าจะเป็น
- มหาวิทยาลัยฟรี
- การเพิ่มภาษีคนรวย
- การขึ้นค่าแรงทั่วประเทศขั้นต่ำเป็น 15เหรียญ (467 บาทต่อชั่วโมง)
และที่สำคัญที่สุดคือการ "รักษาฟรีทุกโรค"
•
ทั้งหมดนี้ ถือเป็นจุดเด่นของแซนเดอร์ส มาตั้งแต่สมัยชิงชัยเป็นตัวแทนพรรคกับคลินตัน เมื่อ 4 ปีที่แล้ว แต่ในเวลานั้น ชื่อเสียงของผู้เฒ่า ยังไม่มากพอเมื่อเทียบกับกระดูกเบอร์ใหญ่อย่างคลินตัน
•
และเวลานั้น ตัวแทนพรรค ลงความเห็นว่า การเสนอชื่ออดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง พ่วงตำแหน่ง สว.นิวยอร์คอย่างคลินตัน น่าจะทำให้ชนะนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันได้มากกว่า
•
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ 3 ปีถัดมา เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง...
•
เพราะในยุคประธานาธิบดีทรัมป์ คนอเมริกันแตกออกเป็น 2 ขั้วชัดเจน รวมถึงมีนโยบายส่วนใหญ่ "เอาใจ" นายทุน จนคนในชาติเริ่มระอาว่าทำไมถึงไม่มีนโยบายอะไรที่เป็น "ประชานิยม" ออกมาบ้าง
•
แม้ตัวเลขว่างงานในยุคทรัมป์ จะลดจาก 4% เหลือ 3.7% และตลาดหุ้นดาวโจนส์ จะโตมากขึ้นถึง 30% แต่คะแนนนิยมของประธานาธิบดี จากผลสำรวจของ Gallup กลับเหลืออยู่เพียง 44%
•
นับว่าน้อยที่สุด นับตั้งแต่สมัยประธานาธิบดี จิมมี คาร์เตอร์ส เมื่อปี 2524
•
ไม่เพียงคะแนนนิยมประธานาธิบดีจะตกต่ำเท่านั้น หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์แก้กฎหมาย Affordable Care Act หรือ Obamacare เมื่อ 2 ปีที่แล้ว อัตราประชากรสหรัฐฯ ที่ไม่ได้รับการคุ้มครอง ไม่มีประกันสุขภาพใดๆ ก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง จากประมาณ 10% มาเป็น 13.7% และยังมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ
•
ผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของเดโมแครตทุกคน จึงเลี่ยงไม่ได้ ที่จะหยิบยก "หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า" มาเป็นจุดขายในการเข้าสนามแข่งขัน
•
ระบบหลักประกันสุขภาพ ในสมรภูมิการเลือกตั้งไพรมารี่โหวต สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบใหญ่ๆ
•
1."ฟรี" ทั้งหมด รัฐเป็น "คนจ่าย" รายเดียวผ่านระบบภาษี ยกเลิกระบบให้ "นายจ้าง" จ่ายค่าประกันสุขภาพพนักงานแบบที่เป็นมา และยกเลิกการผูกขาดการรักษาผ่านการซื้อประกันสุขภาพเอกชนมหาโหด
•
ทั้งนี้ หากจะมีค่าใช้จ่าย "ส่วนเพิ่ม" เพื่อรักษาแบบพรีเมียม ก็เปิดช่องให้ แต่การรักษาพื้นฐาน และการรักษาโรคเรื้อรัง รัฐสนับสนุนทั้งหมด
•
รูปแบบนี้ แซนเดอร์ส สนับสนุน และยืนกรานชัดเจนมาตั้งแต่ 4 ปีที่แล้วว่า "เอาด้วย" โดยจะเก็บเงินเพิ่มจากบรรดาคนรวย นายทุน ภาษีอุตสาหกรรม
•
เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป หาเช้ากินค่ำ ก็ต้องจ่าย "ภาษี" เพิ่ม เพื่อพยุงระบบหลักประกันสุขภาพเช่นกัน
•
เขายืนยันว่าด้วยระบบนี้ รัฐจะสามารถต่อรองราคายา-เวชภัณฑ์ ค่าบริการทางการแพทย์ได้ถูกลง เพราะถือว่ามี "ผู้ซื้อบริการ" รายเดียว
•
อย่างไรก็ตาม ก็มีเสียงคัดค้านในทันที นักวิชาการ - กลุ่มคลังสมองหลายราย มองว่า อเมริกาจะต้องเก็บภาษีเพิ่มอีกมาก เพื่อ "ถม" โครงการ
•
เช่นเดียวกับคุณภาพการรักษา อาจได้รับผลกระทบ เนื่องจากเงินในระบบจะน้อยลงไป ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเมื่อเทียบกับการให้ประกันสุขภาพเอกชนดูแล
•
ทั้งหมดนี้ ยังไม่นับรวม "คิว" เพื่อเข้ารับการรักษา ซึ่งจะงอกเพิ่มขึ้นมามหาศาล เพราะคนเข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้น
•
แต่แซนเดอร์สยืนยันว่า การเข้าถึงการรักษาฟรีถ้วนหน้า คือ "สิทธิมนุษยชน" และ "สิทธิขั้นพื้นฐาน" ที่มนุษย์ทุกคนควรได้รับ...
•
2.สนับสนุนโครงการ Medicare, Medicaid ซึ่งรัฐบาลกลางดูแลอยู่ให้ครอบคลุมผู้สูงอายุ -คนตกงาน - คนด้อยโอกาส มากขึ้น
•
โดยผู้สูงอายุ หรือผู้ที่อยู่ในวัย 50 - 60 ซึ่ง "เริ่มจะเจ็บป่วย" ให้เข้ามาอยู่ในระบบ "รักษาฟรี" มากขึ้น
•
โดยรูปแบบนี้ ยังคงสวัสดิการของ "วัยแรงงาน" ซึ่งนายจ้าง ออกเงินค่าประกันสุขภาพเอกชน หรือการรักษาพื้นฐานให้กับลูกจ้างอยู่ และระบบประกันสุขภาพเอกชน ยังคงทำธุรกิจได้เหมือนเดิม ราคายาเท่าเดิม เพียงแต่ขยายประกันสุขภาพของรัฐให้ครอบคลุม ผู้ที่ยัง "ไม่มี" มากขึ้นเท่านั้น
•
แนวคิดนี้ ไม่ได้ช่วยอะไรมาก นอกจากการสะสางระบบที่อีนุงตุงนังอยู่ในขณะนี้ แต่ก็เป็นก้าวที่น่าจะง่ายที่สุด เพื่อเสนอนโยบายนี้ ผ่านสภาคองเกรส
•
และทำให้ประเทศก้าวเข้าใกล้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าไปอีกขั้น
•
โดยผู้สมัครไพรมารีโหวตประธานาธิบดีรายอื่นของพรรคเดโมแครต ดูจะเอนเอียงไปทางนี้มากกว่า
•
เพราะเห็นว่า "เป็นไปได้จริง" มากกว่าที่จะไปออกแรงสู้กับ สส.ทั้งสภา สู้กับบริษัทยา และสู้กับโรงพยาบาล-หมอ-บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งชัดเจนว่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก เมื่อประเทศที่ "เสรีนิยม" ด้านสุขภาพจ๋า จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า หากทำตามโจทย์แรก
•
อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครไพรมารี่โหวตประธานาธิบดีคนอื่น เริ่มหันมาจับตามองมากขึ้นในการเปลี่ยนนโยบายหลักประกันสุขภาพ ให้เข้าใกล้แซนเดอร์สมากขึ้น
•
เพราะเพียง 1 วัน หลังประกาศตัว แซนเดอร์สก็มีคะแนนในโพลท่วมท้น และยังได้รับ "เงินบริจาค" จากประชาชน 2.2 แสนคน เพื่อสนับสนุนแคมเปญชิงตำแหน่งประธานาธิบดีถึง 6 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 180 ล้านบาท)
•
ชัดเจนว่าสมรภูมิการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งนี้ จะดุเดือด และระอุไปด้วยประเด็นหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
•
แต่การเมืองอเมริกา ก็ไม่ได้ตรงไปตรงมาอยู่แล้ว หากแซนเดอร์สชนะ การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และการแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้บริษัทยา เพื่อให้โรงพยาบาลยอมสิโรราบกับระบบ "ผู้ซื้อ" รายเดียว ย่อมเป็นไปอย่างยากลำบากแน่นอน
•
หนทางสู่ "หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า" ของอเมริกา ยังอีกยาวไกล...
#สหรัฐอเมริกา #หลักประกันสุขภาพ

 

สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ในคัมภีร์อรรถกถาชาดก โดย รศ.ทวี ผลสมภพ วันที่ 18 พฤษภาคม 2559 - 20:35 น.
ที่มา มติชนรายวัน
ผู้เขียน รศ.ทวี ผลสมภพ
เผยแพร่ วันที่ 18 พฤษภาคม 2559

สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เป็นชื่อของสามเหลี่ยมในมหาสมุทรแอตแลนติก ที่มันทำลายทุกสิ่งที่ผ่านเข้าไปในบริเวณนั้น สิ่งนั้นไม่ว่าจะเป็นเรือหรือเครื่องบิน ถูกมันทำลายไม่มีซากเหลือ ส่วนชีวิตคนไม่ต้องพูดถึง เพราะมันเล็กเกินไปที่จะคงทนต่อกำลังอันมหาศาล ประดุจภูเขาทั้งลูกถล่มทับ

เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ มิใช่เพียงการเล่าลือกันปากต่อปากของชาวบ้านเท่านั้น แต่ได้มีบันทึกไว้โดยทางราชการของสหรัฐ ตามที่ ภิรมย์ พุทธรัตน์ ได้เขียนไว้ในหนังสือ ชื่อสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ใจความโดยสรุปว่า หน่วยยามฝั่งของรัฐบาลสหรัฐมีบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เกี่ยวกับความลึกลับของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ในแฟ้มหมายเลข 5120 ว่า “สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา หรือสามเหลี่ยมปีศาจ มีอาณาบริเวณอยู่นอกฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งภายในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดานี้ได้มีบันทึกสถิติการสูญหายของเรือพาณิชย์ เรือรบ เครื่องบิน และเรือเล็กไว้เป็นจำนวนมาก และการสูญเสียที่เกิดขึ้น เป็นการสูญหายไปเฉยๆ โดยไม่มีร่องรอยของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น จุดที่เชื่อกันว่าเป็นสามเหลี่ยมลึกลับนี้กินอาณาเขตตั้งแต่เบอร์มิวดา ไมอามี ฟลอริดา ซานฮวน บาฮามาส และเปอร์โตริโก”

อยากจะพูดว่าการบันทึกเหตุการณ์ลึกลับของทางการสหรัฐ ไม่อัศจรรย์ดอก !

ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่านั้นก็คือ ในคัมภีร์พระพุทธศาสนาก็ได้บันทึกไว้เช่นกัน แต่การบันทึกของพระพุทธศาสนาจะมีรายละเอียดมากกว่า และน่าจะมีประโยชน์มากกว่า ถ้าจะมีการค้นคว้ากันอย่างจริงจัง พระคัมภีร์ที่บันทึกรายละเอียดเรื่องนี้ คือ อรรถกถาชาดก เรื่องสุปปารกชาดก เพื่อให้ผู้อ่านได้ทราบ จึงขอยกชาดกเรื่องดังกล่าวมาเล่าสู่กันฟังดังต่อไปนี้

วันหนึ่งในสมัยที่พระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ พระสงฆ์ได้ประชุมกันยกย่องพระปัญญาของพระองค์ในธรรมสภาว่า พระองค์มีปัญญากว้างขวางดุจแผ่นดิน พระองค์มีปัญญาลึกซึ้งดุจมหาสมุทร พระองค์มีปัญญาปลอดโปร่งดุจท้องนภากาศ เมื่อพระองค์เสด็จเข้ามาในธรรมสภา พระสงฆ์ทั้งหมดก็หยุดสนทนาธรรมทันที เมื่อพระองค์ประทับนั่งแล้วจึงตรัสถามว่า พวกเธอสนทนาอะไรค้างไว้ พระสงฆ์จึงกราบทูลว่า ได้สนทนาเรื่องปัญญาอันลึกซึ้งของพระองค์

พระพุทธองค์จึงตรัสว่า ปัญญาของตถาคตที่ตรัสรู้แล้วไม่อัศจรรย์ดอก! เพราะเป็นสัพพัญญุตญาณ แต่ปัญญาของตถาคตตอนที่เกิดเป็นต้นหนตาบอดขณะบำเพ็ญบารมีอยู่จะอัศจรรย์มากกว่า

พระสงฆ์ทั้งนั้นอยากจะฟังเรื่องดังกล่าว จึงอ้อนวอนให้พระองค์เล่าอดีตชาติของพระองค์ พระโลกนาถจึงตรัสเล่าอดีตชาติที่พระองค์เคยเกิดเป็นต้นหนเรือตาบอด แต่สามารถรู้แหล่งเพชรและทองคำเป็นต้น เพียงสังเกตสีน้ำเท่านั้น มาเล่าให้พระสงฆ์ฟังดังต่อไปนี้

ในอดีตกาลอันยาวไกล เมื่อพระเจ้ากุรุราชครองราชย์สมบัติในแคว้นกุรุรัฐ ได้มีท่าเรือชื่อภรุกัจฉะอยู่ในแคว้นนั้น สมัยนั้นพระโพธิสัตว์เกิดเป็นลูกของหัวหน้าต้นหนเรือ หรือนายท้ายเรือ นามว่าสุปปารกกุมาร พระองค์ศึกษาวิชาต้นหนเรือจบเมื่ออายุได้ 16 ปี จากนั้นก็ประกอบอาชีพเป็นต้นหนเรือมาตลอด จนวันหนึ่งตาทั้งสองข้างของพระองค์ได้บอดสนิท เพราะถูกน้ำเค็มตลอดเป็นเวลาหลายสิบปี พระองค์จึงต้องเปลี่ยนอาชีพมารับใช้พระราชาในตำแหน่งประเมินราคาช้าง ม้าพระที่นั่ง และเครื่องประดับ

พระองค์ตาบอดก็จริง แต่เมื่อลูบคลำช้างหรือม้าที่ต้องประเมิน พระองค์จะทำนายได้อย่างถูกต้อง จนพระราชาตบพระหัตถ์พอพระทัย แต่พอถึงเวลาให้ค่าตอบแทน พระราชาพระราชทานให้เพียงครั้งละ 8 กหาปณะ ท่านสุปปารกะคิดว่าราคา 8 กหาปณะ เป็นราคาค่าตัดผม ถ้าขืนทำต่อไปคงอดตาย จึงลาออกกลับมาอยู่บ้าน

ข้างฝ่ายพ่อค้าในบริเวณท่าภรุกัจฉะเห็นท่านว่างงานจึงไปอ้อนวอนท่านให้มาเป็นต้นหนเรือ เพราะเกียรติคุณของพระองค์ที่กระฉ่อนไปว่า เมื่อพระองค์เป็นต้นหนให้เรือลำใด เรือลำนั้นไม่มีอันตรายเลย ท่านฟังคำอ้อนวอนของพวกพ่อค้าแล้วจึงกล่าวว่า ฉันตาบอดแล้ว เป็นต้นหนไม่ได้ พวกพ่อค้าจึงต่อรองว่า ขอให้ท่านนั่งไปเฉยๆ เท่านั้น แต่จะมีคนคอยรายงานการเดินทางในทะเลให้ท่านฟังตลอดเวลา ท่านเพียงสั่งการหลังได้รับการรายงานแล้วเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นท่านจึงตกลงรับงานนี้

เมื่อการเดินทางเริ่มขึ้น เรือแล่นไปในมหาสมุทรอย่างปลอดภัยได้เพียง 7 วันเท่านั้น จากนั้นได้เกิดพายุพัดนำเรือไปสู่ทิศทางที่ผิดปกติเป็นเวลาถึง 4 เดือน แล้ววันหนึ่งเรือได้แล่นเข้าไปสู่บริเวณที่มีปลาแปลกประหลาด ผู้รายงานจึงเรียนถามต้นหนว่า ท้องทะเลจุดนี้มีปลาร่างกายเหมือนคน แต่จมูกแหลม พวกมันดำผุดดำว่ายอยู่ในน้ำ ตรงนี้คืออะไร? ท่านสุปปารกะ! จึงตอบว่า มหาสมุทรช่วงนี้เรียกว่าขุรมาลี เมื่อตอบพวกพ่อค้าแล้วพระองค์ก็นั่งเงียบ! พวกพ่อค้าก็เข้าใจว่าพระองค์คงกำลังคิด ใช่! พระโพธิสัตว์รู้ว่าจุดนี้ของมหาสมุทรเต็มไปด้วยเพชร ถ้าจะบอกความจริงแก่พวกพ่อค้า ความโลภของคนจะนำเพชรไปจนเรือจม จากนั้นจะพินาศกันทั้งหมด

ดังนั้นพระองค์จึงสั่งว่า จงชะลอเรือ แล้วสั่งให้หย่อนตาข่ายลงทำนองจะจับปลา แต่กลับได้ก้อนเพชรขึ้นมามาก ท่านสุปปารกะโพธิสัตว์ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ สั่งให้ขนสินค้าที่มีราคาน้อยทิ้งน้ำ แล้วนำก้อนเพชรขึ้นมาแทน เมื่อเรือแล่นไปถึงจุดหนึ่ง มีแสงเพลิงสว่างจ้าในท้องน้ำเหมือนกองไฟ ผู้รายงานจึงถามต้นหน ต้นหนฟังแล้วรู้ทันทีว่าตรงนี้เต็มไปด้วยทองคำมากมาย จึงตอบพวกเขาไปว่าท้องทะเลจุดนี้ชื่ออัคคิมาลี แล้วสั่งให้ใช้ตาข่ายหย่อนลงไปเหมือนจะจับปลา แต่ได้ก้อนทองมาแทน แล้วพระองค์ก็ทำเหมือนเดิม แต่สั่งให้ทิ้งสินค้าราคาน้อยทิ้งน้ำเสีย นำก้อนทองคำนั้นขึ้นไปแทน ต้นหนสั่งเรือแล่นต่อไป จนพบน้ำมหาสมุทรขุ่นคลัก สีเหมือนนมเปรี้ยวและนมสด ผู้รายงานจึงถามต้นหน ต้นหนฟังจบแล้วก็รู้ทันทีว่าท้องทะเลจุดนี้เต็มไปด้วยก้อนเงินจำนวนมากมาย จึงตอบพวกเขาไปว่าท้องทะเลจุดนี้ชื่อทธิมาลี จากนั้นก็สั่งการเหมือนเดิม เมื่อเรือแล่นผ่านจุดนี้ไปถึงท้องทะเลที่มีสีเขียวเหมือนใบหญ้าคาและเหมือนข้าวที่กำลังงาม ผู้รายงานจึงถามต้นหน เมื่อต้นหนฟังแล้วก็รู้ทันทีว่าท้องทะเลจุดนี้เต็มไปด้วยแก้วนิลมณีมากมาย

พระองค์จึงตอบว่าท้องทะเลตรงจุดนี้ชื่อกุสมาลี แล้วสั่งให้ชะลอเรือหย่อนตาข่ายลงไปทำนองจะจับปลา แต่ได้แก้วนิลมณีขึ้นมาแทน พระองค์แสดงอาการเหมือนเดิม เรือแล่นผ่านจุดนี้ไปถึงท้องทะเลที่มีแสงแดงฉายปรากฏให้ท้องทะเลจุดนั้นเหมือนป่าไม้อ้อ

ผู้รายงานได้ถามต้นหนถึงท้องทะเลจุดนี้ ต้นหนฟังเรื่องแล้วรู้ทันทีว่าท้องทะเลจุดนี้เต็มไปด้วยแก้วประพาฬ จึงตอบไปว่าท้องทะเลจุดนี้ชื่อนฬมาลี แล้วให้ชะลอเรือหย่อนตาข่ายลงไปทำนองจะตักปลา แต่กลับได้แก้วประพาฬขึ้นมาแทน พระองค์แสดงอาการเหมือนเดิม แล้วสั่งให้ทิ้งสินค้าราคาน้อยลงทะเลไป แล้วใส่น้ำหนักของแก้วประพาฬลงไปแทน

จากจุดนี้ เรือได้แล่นไปถึงจุดที่น้ำทะเลเดือดพลุ่งพล่านเป็นแนวยาว มองไม่เห็นความสิ้นสุด การพุ่งขึ้นของน้ำเดือดเป็นแนวยาวทำให้ท้องทะเลช่วงนั้นเป็นเหมือนเหวชัน ประกอบด้วยเสียงดังน่าสะพรึงกลัว ปานว่าหูจะแตกทลาย และปานว่าจะทำลายดวงใจของผู้ได้ยินเสียงให้แตกสลาย

ผู้รายงานถามถึงท้องทะเลจุดนี้ด้วยเสียงสั่นสะท้าน แม้พระโพธิสัตว์เมื่อได้ยินเสียงดังกล่าวก็ประกาศให้ทุกคนทราบว่า ท้องทะเลจุดนี้ชื่อพลวามุขี เรือที่มาถึงจุดนี้แล้วไม่มีรอดไปได้เลย เพราะเมื่อแล่นไปสู่จุดนั้นแล้ว เรือจะถูกทำลายแหลกละเอียดเป็นจุณไป พวกพ่อค้าและลูกเรือที่อยู่ในเรือ 700 คน ได้ฟังคำนั้นแล้ว ทุกคนร้องไห้เพราะกลัวตาย เป็นที่น่าเวทนา

อ่านต่อ ->

https://www.matichon.co.th/columnists/news_140276

 

'BOMB CYCLONE' ที่โกรธจัด ทำให้หิมะตกหนักครั้งแรก ในรอบหลายปีสู่ลอสแองเจลิส และลาสเวกัส คำรามทั่วสหรัฐตะวันออก สร้างความวุ่นวายอย่างมาก
http://strangesounds.org/2019/02/bomb-cyclone-usa-video-pictures.html

 

ฝันดีครับ

ใครจะไปยุโรปเที่ยวบินคืนนี้ ใน #11เส้นทางด้านล่างนี้ ต้องโทรเช็คกับสายการบินที่คุณจะไปให้ชัดเจนก่อนนะครับ เพราะตอนนี้ น่านฟ้าอินเดีย-ปากีสถาน ถูกปิดไม่่มีกำหนด เพราะทั้ง2ชาตินี้เค้าต่างฝ่ายต่างยิงเครื่องบินของแต่ละฝ่ายตกไปแล้ว อินเดียร่วง2ลำ(มิก21)นักบินถูกปากีฯจับได้2นาย ส่วนปากีสถานนั้น(F16) ร่วงไป 1ลำ นักบินปลอดภัย เหนือน่านฟ้าแถบแคชเมียร์ ..
กรุงเทพ-โคเปนเฮเกน
กรุงเทพ-ออสโล
กรุงเทพ-บรัซเซลส์
กรุงเทพ-ปารีส
กรุงเทพ-มอสโก
กรุงเทพ-แฟรงก์เฟิร์ต
กรุงเทพ-มิวนิก
กรุงเทพ-ซูริก
กรุงเทพ-สตอกโฮล์ม
กรุงเทพ-ลอนดอน
กรุงเทพ-โรม
กรุงเทพ-มิลาน
กรุงเทพ-เวียนนา
ทางกองทัพอินเดีย และ กองทัพปากีสถาน เค้าแจ้งเป็นทางการไปทั่วโลกแล้วนะครับ และนั่นเค้าจะถือว่า น่านฟ้านี้เป็นเขตสงคราม และเค้าจะยิงทุกอย่างที่ไม่ใช่นกแล้วเสือกบินได้ ที่บินผ่านน่านฟ้านี้ทุกลำในเวลานี้ ..
การบินไทย ก็ได้รับแฟกซ์เอกสารแจ้งปิดน่านฟ้านั้นแล้วเช่นกัน เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ นั่นถือว่าการบินไทยซึ่งมี 11เส้นทาง ที่จะต้องผ่านน่านฟ้านั้นในทุกๆคืนหลัง4ทุ่ม เช่นไฟลท์ GT-9xx ทั้งหลาย รับทราบแล้วเช่นกัน ..

 

แผ่นดินไหวจังหวัดลำปาง ครั้งที่ 53 ,54 และ 55 ขนาด 2.9, 2.6 และ 1.5 และแผ่นดินไหวประเทศลาว ขนาด 2.7



http://www.earthquake.tmd.go.th/inside.html

 

แรงงานต่างชาติเตรียมเฮอีก! ไต้หวันมีแนวโน้มจะปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำต่อเนื่อง จับตาการประชุมคณะกรรมการฯ เดือนส.ค.ปีนี้ คาดไม่ต่ำกว่า 5% ค่าจ้างขั้นต่ำปีใหม่นี้อาจเพิ่มสูงกว่า 24,000 เหรียญไต้หวัน...#RtiFanpage

 

Schumann Resonance วันนี้

28 กุมภาพันธ์ 2562 – 00:17 น. เวลาประเทศไทย ( 27 กุมภาพันธ์ 2019 – 17:17 UTC)

Schumann Resonance วันนี้:



2/27 - เราไม่สามารถพูดได้ว่ามันเป็นวันที่มีกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่วันหนึ่ง แต่แน่นอนว่ามันค่อนข้างรุนแรง หลังจากการเปลี่ยนแปลงความถี่ที่เพิ่มสูง เมื่อวานนี้การเคลื่อนไหวเริ่มต้นใหม่ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 02:00 น. เวลาประเทศไทย (19 UTC ) ด้วยเวลาไม่กี่ชั่วโมงใน 30 เฮิร์ตซ์ ยอดเฉลี่ย และค่อย ๆ ลดขนาด และความถี่ได้เพิ่มขึ้นฉับพลัน ซึ่งเกิดขึ้นเวลา 27 กุมภาพันธ์ 2562 16:00 น. เวลาประเทศไทย (9 UTC ) ถึง 64 Hz หลังจากนั้นไม่มียอดสูงกว่า 20 Hz


Schumann Resonance Today

February 27 2019 – 17:17 UTC


Schumann Resonance Today 2/27/2019 We will try to keep you updated about the variations of the Resonance with this page. The great variations that nobody can explain but that give us a clear sign that the planet is changing. The Earth is vibration higher and higher, just like us! RS Base Frequency 7.83 Hz.

Schumann Resonance Today Peaks:


2/27 – We cannot say it has been a day of massive activity but surely it has been quite strong, After the yesterday’s pillar the movements restarted at 19 UTC with few hours on the 30 Hz. average peaks and gradually decreasing the amplitude. A sudden spike took place at 9 UTC this morning reaching 64 Hz. after that no more peaks above 20 Hz.


https://www.disclosurenews.it/en/schumann-resonance-today-update/

 

Ple Wongchana Pinkaew


วิกฤตอินเดีย-ปากีฯ อ้าง'สอย'เครื่องบินอีกฝ่ายในแคชเมียร์, โลกเรียกร้องให้อดกลั้น!


Pakistan-India, Tensions rise around Kashmir conflict as both countries claim to shoot down each other's military jets


โดย : ผู้จัดการออนไลน์ https://mgronline.com/around/detail/9620000020486



เอเจนซีส์ - อินเดียและปากีสถานต่างแถลงว่า ฝ่ายตนสามารถยิงเครื่องบินขับไล่ไอพ่นของอีกฝ่ายหนึ่งตกเมื่อวันพุธ (27 ก.พ.) หนึ่งวันหลังจากเครื่องบินรบแดนภารตะรุกล้ำน่านฟ้าปากีสถานเป็นครั้งแรกนับจากสงครามในปี 1971 ท่ามกลางเสียงเรียกร้องของมหาอำนาจชั้นนำของโลกให้สองประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงที่ต่างมีอาวุธนิวเคลียร์ใช้ความอดกลั้น


ทั้งนี้สองประเทศต่างสั่งให้เข้าโจมตีทางอากาศใส่ดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่งในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ 2 ชาติซึ่งต่างมีอาวุธนิวเคลียร์ปฏิบัติการเช่นนี้ ในเวลาเดียวกันกองกำลังภาคพื้นที่ของแต่ละฝ่ายยังยิงตอบโต้กันในท้องที่ต่างๆ สิบกว่าจุดอีกด้วย


สถานการณ์ระหว่างสองประเทศทวีความตึงเครียดนับจากที่กลุ่มก่อการร้ายในปากีสถานก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในพื้นที่ควบคุมของอินเดียในแคชเมียร์เมื่อวันที่ 14 ที่ผ่านมาที่ทำให้ทหารอินเดียอย่างน้อย 40 นายเสียชีวิต และความเสี่ยงในการเผชิญหน้าระอุขึ้นเมื่อวันอังคาร (26) หลังจากที่อินเดียโจมตีทางอากาศในเขตพื้นที่ของปากีสถานโดยอ้างว่า เป็นฐานฝึกของกลุ่มจาอิช-อี-โมฮัมเหม็ดที่อ้างความรับผิดชอบในการโจมตีเมื่อวันที่ 14


อย่างไรก็ดี ขณะที่อินเดียอ้างว่า สามารถสังหารนักรบจาอิชจำนวนมาก แต่เจ้าหน้าที่ปากีสถานกลับระบุว่า การโจมตีของอินเดียล้มเหลวและไม่มีผู้เสียชีวิต ชาวบ้านแถวนั้นยังยืนยันว่า มีพลเรือนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเพียงคนเดียว และไม่มีอาคารบ้านเรือนได้รับความเสียหาย


นอกจากนั้นพลเอกอาซิฟ กาฟูร์ โฆษกกองทัพบกปากีสถาน ยังแถลงว่า เมื่อเช้าวันพุธ อิสลามาบัดได้ส่งเครื่องบินรบผ่านเส้นควบคุม (เส้นแบ่งเขตแดนในทางพฤตินัย) เข้าสู่พื้นที่ยึดครองของอินเดียในแคชเมียร์และโจมตีเป้าหมายที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร หลังจากนั้นเครื่องบินของกองทัพอากาศอินเดียได้ข้ามเส้นควบคุมเข้าสู่น่านฟ้าปากีสถานและถูกยิงตกสองลำ ลำหนึ่งตกในเขตอินเดีย อีกลำหนึ่งตกในปากีสถาน ซึ่งนักบินสองคนถูกควบคุมตัวโดยหนึ่งในนั้นถูกนำส่งโรงพยาบาล


อาชิฟยังได้นำเอาภาพถ่ายอาวุธต่างๆ และเอกสารแสดงตัวที่เขาบอกว่าเป็นของนักบินอินเดียซึ่งถูกจับได้ มาแสดงต่อที่ประชุมแถลงข่าว พร้อมสำทับว่า อิสลามาบัดไม่ต้องการให้สถานการณ์บานปลายและไม่อยากทำสงครามกับอินเดีย


ด้าน ราวีช กุมาร โฆษกผู้หนึ่งของกระทรวงการต่างประเทศอินเดียกลับแถลงเรื่องราวที่แตกต่างออกไป โดยบอกว่า ปากีสถานพยายามโจมตีทางอากาศใส่เป้าหมายทางทหารหลายแห่งของอินเดีย แต่ประสบความล้มเหลว และอินเดียได้ยิงเครื่องบินปากีสถานลำหนึ่งตกโดยไปตกในดินแดนปากีสถาน ขณะเดียวกันฝ่ายอินเดียก็สูญเสียเครื่องบินลำหนึ่งเหมือนกัน ไม่ใช่ 2 ลำ ขณะที่นักบิน “สูญหายระหว่างการปฏิบัติการ”


เขากล่าวว่า อินดียกำลังพยายามยืนยันข้อเท็จจริงว่ามีนักบินอินเดียถูกปากีสถานจับตามที่ฝ่ายนั้นอ้างหรือไม่


หลังเหตุการณ์ดังกล่าว กองทัพอากาศอินเดียสั่งปิดสนามบินหลักในเมืองศรีนคร เมืองหลวงของแคชเมียร์ รวมถึงสนามบินอีกอย่างน้อย 3 แห่งในรัฐใกล้เคียง


โฆษกกองกำลังปกป้องประเทศของอินเดียยังระบุว่า ช่วงค่ำวันอังคารปากีสถานเริ่มระดมยิงอาวุธหนักเข้าใส่พื้นที่ 12 แห่งจาก 15 แห่งในบริเวณเส้นควบคุม และกองทัพอินเดียได้ตอบโต้ซึ่งทำให้ที่ตั้งหลายแห่งของปากีสถานได้รับความเสียหายหนักและมีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง ขณะที่ทหารอินเดีย 5 นายบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยจากการระดมยิงที่สิ้นสุดเมื่อเช้าวันพุธ


ด้านเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของปากีสถานเผยว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน และได้รับบาดเจ็บ 7 คน แต่ไม่ได้ระบุว่า เป็นพลเรือนหรือทหาร


อิสลามาบัดนั้นประกาศตั้งแต่วันอังคารว่า จะตอบโต้การโจมตีทางอากาศของอินเดีย ขณะที่อินเดียยกระดับการรักษาความปลอดภัยทั่วประเทศ สองชาติเพื่อนบ้านที่เคยเป็นดินแดนเดียวกันมาก่อนแห่งนี้ทำสงครามกันมาแล้ว 3 ครั้งนับจากได้เอกราชจากอังกฤษในปี 1947 และเกือบเปิดฉากรบครั้งที่ 4 เมื่อปี 2002 หลังจากกลุ่มติดอาวุธปากีสถานโจมตีรัฐสภาอินเดีย


ทางด้าน ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันพุธว่า ได้พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งอินเดียและปากีสถาน และเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายหลีกเลี่ยงกิจกรรมทางทหารใดๆ อีก หลังจากการโจมตีทางอากาศเมื่อวันอังคาร รวมทั้งยังขอให้อิสลามาบัดจัดการกลุ่มก่อร้ายในประเทศอย่างจริงจัง


ขณะที่จีนและสหภาพยุโรป (อียู) เรียกร้องให้สองฝ่ายใช้ความอดกลั้นเช่นเดียวกัน


เวลาเดียวกัน สุษมา สวราช รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย ยืนยันระหว่างการหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศจีนและรัสเซียที่ปักกิ่งเมื่อวันพุธว่า การโจมตีทางอากาศในวันอังคารเป็นการโจมตีฝ่ายเดียวเพื่อตอบโต้ขั้นเด็ดขาดกับเครือข่ายก่อการร้ายจาอิชและเพื่อป้องกันการโจมตีครั้งใหม่ในอินเดียของกลุ่มนี้ พร้อมย้ำว่า นิวเดลีไม่ต้องการให้สถานการณ์บานปลาย และจะดำเนินการอย่างอดกลั้นและมีความรับผิดชอบ


ทว่า ทางด้านรัฐสภาปากีสถานนัดประชุมในวันพุธโดยมีนายกรัฐมนตรีอิมรัน ข่าน เป็นประธาน ท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลตอบโต้การโจมตีทางอากาศของอินเดียเมื่อวันอังคารซึ่งถือเป็นการรุกล้ำน่านฟ้าครั้งแรกนับจากสงครามในปี 1971


โฆษกของกองทัพปากีสถานยังอ้างว่า เมื่อวันอังคารข่านได้ประชุมกับกองบัญชาการแห่งชาติซึ่งกำกับดูแลอาวุธนิวเคลียร์ กระตุ้นความกังวลว่า สถานการณ์การเผชิญหน้าระหว่างอินเดียกับปากีสถานอาจบานปลายกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์


@ ปากีฯปิดน่านฟ้าหลังสอยเครื่องบินรบอินเดีย


โดย : กรุงเทพธุรกิจ http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/828194


ทางการปากีสถานสั่งปิดน่านฟ้าทั้งประเทศ หลังกองทัพยิงเครื่องบินรบอินเดียตก 2 ลำในแคชเมียร์ ขณะที่อินเดียสั่งปิดสนามบินทางเหนือ ท่ามกลางความตึงเครียดที่ระอุขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ


สำนักงานการบินพลเรือนปากีสถาน แถลงวันนี้ (27 ก.พ.) ว่า ได้ปิดน่านฟ้าทั้งประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีประกาศครั้งใหม่ หลังจากสถานการณ์กับอินเดียทวีความตึงเครียด


ขณะที่สายการบินอินเดียระงับเที่ยวบินไปเมืองทางเหนือหลายเมืองเพราะท่าอากาศยานถูกปิด แหล่งข่าวเผยว่า สายการบินทั้งหมดได้รับแจ้งให้ระงับเที่ยวบินในปากีสถานแล้ว


โฆษกกองทัพปากีสถานแถลงว่า การตัดสินใจปิดน่านฟ้าเป็นไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน กองทัพแถลงว่า ได้ยิงเครื่องบินอินเดียตก 2 ลำและจับกุมนักบินอินเดียได้ 2 คน หนึ่งในนั้นถูกส่งไปโรงพยาบาล


ด้านสายการบินหลายแห่งของอินเดียทวีตแจ้งระงับเที่ยวบินไปเมืองอมฤตสาร์ รัฐปัญจาบ เมืองจัณฑีครห์ เมืองเอกรัฐปัญจาบและรัฐหรยาณา เมืองเดห์ราดุน รัฐอุตตราขัณฑ์ เมืองจัมมู รัฐจัมมูและแคชเมียร์ เมืองเลห์ รัฐจัมมูและแคชเมียร์ เมืองศรีนคร เมืองเอกของรัฐจัมมูและแคชเมียร์ เนื่องจากมีการจำกัดน่านฟ้าหรือปิดท่าอากาศยาน


ขณะที่ทางการอินเดียปิดท่าอากาศยานทางตอนเหนือหลายแห่งในวันนี้ หลังจากเครื่องบินรบปากีสถานถล่มเป้าหมายหลายจุดตามเส้นควบคุมที่แบ่งแคชเมียร์ออกเป็นของอินเดียและปากีสถานเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่อินเดียใช้ปฏิบัติการทางอากาศถล่มพื้นที่กลุ่มติดอาวุธในปากีสถานในวันเดียวกัน


ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง กองทัพปากีสถานยิงเครื่องบินอินเดียตก 2 ลำ ความตึงเครียดระหว่างอินเดีย-ปากีสถานปะทุอีกครั้ง เมื่อกลุ่มติดอาวุธในปากีสถานระเบิดขบวนรถเจ้าหน้าที่อินเดียในแคชเมียร์เมื่อกลางเดือนนี้ มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 40 นาย อินเดียโทษว่าปากีสถานให้ที่หลบซ่อนกลุ่มติดอาวุธเหล่านี้ แต่ปากีสถานปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง


Credit photos :

https://www.news18.com/news/auto/is...-fighter-jet-surgical-strike-2-0-2050601.html