ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    rSgslbuJi2eECNgUpK_ZSMPf7q6DTykkGDgf0Ahnz5xFxyQhJ_DfCM9fx4stSTL6Gopo0EA&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg

    (Feb 25) แบงก์ให้สินเชื่อเอสเอ็มอี เน้นบัญชีเดียว-กระแสเงินสด : ภายหลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกเกณฑ์ให้ธนาคารพาณิชย์จะต้องให้สินเชื่อด้วยการพิจารณางบการเงินที่ลูกค้าใช้เป็นหลักฐานในการยื่นเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลต่อกรมสรรพากร ธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายได้เริ่มปรับตัวรับกับเกณฑ์นี้ โดย ขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้เริ่ม ปฏิบัติตามกฎหมายการใช้บัญชีเดียวที่ให้ ลูกค้าธุรกิจใช้งบการเงินที่ยื่นสรรพากรเป็น หลักฐานในการขอสินเชื่อมาระยะหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ขนาดใหญ่ ที่มีการทำบัญชีที่เป็นมาตรฐานแล้ว

    สำหรับลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดกลางและขนาดย่อม ยอมรับว่ามีหลายรายยังมีงบการเงินไม่พร้อมในการทำบัญชีเดียว ธนาคารได้เร่งให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำบัญชีให้ถูกต้อง และสะท้อนรายรับรายจ่ายของธุรกิจจริง เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการขอสินเชื่อและให้ได้รับวงเงินสินเชื่อที่ตรงกับความต้องการที่แท้จริง

    อย่างไรก็ดี ธนาคารได้พัฒนาเทคโนโลยีด้านวิเคราะห์ฐานข้อมูล (ดาต้า อะนาไลติกส์) ที่นำมาประมวลผลจากรายการทำธุรกรรมการเงิน กระแสเงินสดของลูกค้า เพื่อให้สามารถเข้าใจรูปแบบการทำธุรกิจของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และทราบว่ามีรายได้เป็นอย่างไร ช่วงเวลาใดที่ลูกค้าต้องการเงินทุนมาประกอบการพิจารณาสินเชื่อเพิ่มเติม

    "เดิมเอสเอ็มอีรายกลางและรายเล็กมักมีงบการเงินหลายตัว เพราะลักษณะธุรกิจมีความซับซ้อนในการเป็นตัวบุคคลและธุรกิจ ซึ่งหลังจากกฎหมายออกมาก็ได้ให้ความรู้อย่างต่อเนื่องถึงความสำคัญของบัญชีเดียว ขณะที่ธนาคารได้ปรับกระบวนการอนุมัติสินเชื่อ มีทั้งการพิจารณาจากงบบัญชีเดียว และนำทรานแซกชั่นของ ลูกค้ามาดูรายได้ เพื่อให้วงเงินที่เหมาะสมกับธุรกิจลูกค้า" ขัตติยา กล่าว

    ด้านธนาคารของรัฐ สมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและ สหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส. เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการอนุมัติเกณฑ์ในการปล่อยสินเชื่อ 9 ข้อ โดยมี 1 ข้อใหม่คือ การกำหนดให้เอสเอ็มอี ที่จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาสินเชื่อจะต้องนำงบดุลให้กรมสรรพากรตรวจแล้ว มายื่นประกอบการขอสินเชื่อกับธนาคาร โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปีบัญชี 2562 ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 เม.ย. 2562

    สำหรับเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในปีบัญชี 2562 ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 9.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มจากปีบัญชี 2561 ที่คาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อได้กว่า 9 หมื่นล้านบาท

    มงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ ธพว. เปิดเผยว่า เรื่องเอสเอ็มอีบัญชีเดียว สำหรับผู้ประกอบการที่มีความพร้อมไม่ถือว่า เป็นอุปสรรคสำหรับธุรกิจที่ตั้งเป็นนิติบุคคลลอยู่แล้วเพราะเรื่องบัญชีเดียวเริ่มประชาสัมพันธ์มาเป็นปีแล้ว

    สำหรับกลุ่มที่มีปัญหา คือ พวกที่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ซึ่งเมืองไทยยังถือว่ามีนิติบุคคลน้อยมาก จากเอสเอ็มอี 3 ล้านราย มีที่จดทะเบียนนิติบุคลเพียงแค่ 5-6 แสนราย หรือแค่ 20% เท่านั้น ซึ่งยอดไม่เพิ่มขึ้นในช่วง 1-2 ปี ที่ผ่านมา เนื่องจากมีทั้งคนที่จดใหม่ กับคนที่จด ปิดบริษัท

    ในมุมมองของ ศิระ อินทรกำธรชัย ประธานกรรมการบริหารและหุ้นส่วน บริษัท พีดับบลิวซี ประเทศไทย ระบุว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมี 2 ทัศนคติที่ทำให้ไม่ได้เปลี่ยนในลักษณะจากหน้ามือเป็นหลังมือ หนึ่ง ยังมองที่จำนวนเงินภาษีที่ต้องเสีย ไม่ได้มองที่เปอร์เซ็นต์ซึ่งอยู่ที่ 20% เพราะถ้านำอัตรานี้ไปเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ อาทิ มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ถือว่าธุรกิจไทยเสียภาษีต่ำกว่า

    สอง เอสเอ็มอีไม่สามารถเปลี่ยนมาทำบัญชีเดียวได้ทันที เพราะคู่ค้าที่อยู่ในห่วงโซ่ธุรกิจนับตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ไม่ได้เข้าสู่ระบบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ด้วย จึงจะสามารถลงบันทึกบัญชีได้ แต่ถ้าคู่ค้าไม่จดแวต ก็ไม่มีหลักฐานมาทำบัญชี

    "นี่คือ 2 สาเหตุใหญ่ที่เอสเอ็มอีไม่สามารถเปลี่ยนมาทำบัญชีเดียวได้ทันที ที่ผ่านมาในส่วนของข้อแรกเราได้ให้ความรู้และมองที่อัตราภาษี อย่ามองที่จำนวนเงิน แต่ในเรื่องของการต้องเข้าระบบแวตนี้ภาครัฐจะต้องหามาตรการมาดึงให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบแวตให้ได้ จึงจะเข้าสู่การทำบัญชีเดียวได้" ศิระ กล่าว

    สำหรับภาพรวมของการปรับระบบเข้าสู่บัญชีเดียวเป็นอย่างไรนั้นไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่ทราบว่ารัฐวัดอย่างไร วัดจากการเก็บภาษีได้มากขึ้นหรือวัด จากผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบบัญชีเดียวมากขึ้น

    Source: Posttoday
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    %2F%2Fstatic.posttoday.com%2Fmedia%2Fcontent%2F2019%2F02%2F25%2F95D1F6D126014D59B144FD8B69CBCF15.jpg
    (Feb 25) เศรษฐกิจสัญญาณติดขัด : ตั้งแต่ต้นปี สัญญาณความน่าเป็นห่วงทางเศรษฐกิจก็เกิดขึ้นให้เห็น นั่นคือการส่งออกเดือน ม.ค. ติดลบ มูลค่าการส่งออกเดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 18,993.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดลบ 5.65% เป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน

    สาเหตุสำคัญมาจากความกังวลเกี่ยวกับความไม่ชัดเจนในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ที่ยังไม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร สร้างความกดดันให้การค้าการส่งออกทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เท่าที่ประเมินส่งออกอาจจะติดลบอย่างต่อเนื่อง และอาจลดลงไปทั้งไตรมาสแรกนี้

    นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยลบอื่นๆ ทั้งราคาน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในช่วงขาลง ส่งผลให้ราคาทองคำในตลาดโลกลดลงตาม กลุ่มสินค้ายานยนต์ของไทยเกิดปัญหาด้านการขนส่งในช่วงปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ที่สำคัญยังมีความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าประเทศอื่นๆ ทำให้ราคาสินค้าในกลุ่มเกษตรกรรมมีราคาสูง โดยเห็นได้ชัดในสินค้าข้าว มันสำปะหลัง และยางพารา ไก่ อาหารทะเล ของไทยมีราคาสูงกว่าคู่แข่ง

    ประเด็นค่าเงินบาทแข็งยังคงอยู่ แม้ว่าในเดือน ม.ค. การส่งออกติดลบ ขณะที่การนำเข้าขยายตัวขึ้น จนทำให้ยอดขาดดุลการค้าถึง 4,032 ล้านดอลลาร์ ตามทฤษฎีควรจะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลง แต่ในความเป็นจริง ค่าเงินกลับแข็งขึ้น ทั้งหมดหมายความว่า มีเงินทุนไหลเข้ามา เพื่อทำกิจกรรมอื่นๆ อาทิ การเข้ามาซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ การเข้ามาซื้อตราสารทางการเงิน ฯลฯ

    สัญญาณการส่งออกที่ติดลบ และอาจลบทั้งไตรมาสแรก ทำให้เศรษฐกิจในปีนี้ไม่น่าจะสดใสนัก สาเหตุเพราะการส่งออกคือ 1 ใน 4 เครื่องจักรที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จึงเหลือเพียงเครื่องจักรอื่นๆ ที่ต้องเหลียวไปดู

    ตัวแรกคือการลงทุนของภาคเอกชน ที่ประเมินแล้วคงขยับไม่มากนัก อันเป็นผลจากปัจจัยต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะต้องดูทิศทางการเมืองหลังการเลือกตั้งให้ชัดเจน

    ถัดมา การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนคงชะลอตัวเช่นกัน

    สุดท้ายจึงเหลือเพียงการลงทุน การจับจ่ายใช้สอยของรัฐบาลเท่านั้น เป็นตัวแปรที่กำหนดได้มากกว่าตัวแปรอื่นๆ

    เศรษฐกิจจึงต้องพึ่งพาการลงทุนของรัฐ การจับจ่ายของรัฐ ถ้าเงินไม่ขับเคลื่อนออกมา ปีนี้คงจะหนักเอาการ แต่สิ่งที่น่าห่วงก็คือ ในช่วงก่อนเลือกตั้ง กระบวนการทำงานของภาครัฐมักจะชะลอตัว หรือภาษาที่เรียกกันก็คือเกิดอาการเกียร์ว่าง คงไม่ผิดนัก

    การที่จะหวังเม็ดเงินจากภาครัฐ เป็นเรื่องที่น่าห่วงไม่แพ้กัน เดิมพันสำคัญทางเศรษฐกิจ จึงอยู่ที่ผลการเลือกตั้ง การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ถ้าทุกอย่างเดินหน้าไม่ติดขัด เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจก็จะขับเคลื่อนได้ โดยเฉพาะการเร่งใช้จ่ายของภาครัฐ ที่ต้องเทเงินกันออกมาอย่างแน่นอน ทว่าหากเกิดปัญหา การตั้งรัฐบาลสะดุด มีอุปสรรค เห็นทีจะเกิดอาการวังเวง วิเวกหวิวอย่างทั่วถึง

    ถึงขั้นต้องตัวใคร ตัวมัน มองไปเห็นแต่สารพัดปัญหารออยู่

    คอลัมน์ ณ มุมขวา โดย ณ กาฬ เลาหะวิไลย
    Source: posttoday
    - https://www.posttoday.com/columnist/nhakran/581419
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รองปธน.สหรัฐฯนำสารจากทรัมป์มอบแด่ฝ่านค้านเวเนฯ ย้ำไม่ตัดหนทางยกทัพโค่น'มาดูโร' เผยแพร่: 26 ก.พ. 2562 02:33 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000002039701.jpg

    ฮวน กวยโด ผู้นำฝ่ายค้านเวเนซุเอลา(ซ้าย, อิวาน ดูเก ประธานาธิบดีโคลอมเบีย(กลาง) และ ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ(ขวา) ถ่ายภาพร่วมกันระหว่างประชุมลิมากรุ๊ป
    เอเอฟพี - ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯในวันจันทร์(25ก.พ.) นำสารจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งถึง ฮวน กวยโด ผู้นำฝายค้านเวเนซุเอลา โดยบอกกับเขาว่า "เราจะอยู่เคียงข้างคุณ 100%" พร้อมย้ำทุกทางเลือกวางอยู่บนโต๊ะ ในนั้นรวมถึงการใช้กำลังทหารบังคับ นิโคลัส มาดูโร พ้นจากอำนาจ

    การพบปะกันครั้งนี้ มีขึ้นในขณะที่ทางกระทรวงการคลังสหรัฐฯได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่เล่นงานบุคคลต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกับ มาดูโร โทษฐานขัดขวางการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

    เพนซ์และกวยโด พบปะกันที่เมืองหลวงของโคลอมเบีย ระหว่างการประชุมของเหล่าพันธมิตรในภูมิภาค เพื่อหารือเกี่ยวกับก้าวย่างต่อไปในการตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในเวเนซุเอลา

    รองประธานาธิบดีสหรัฐฯเน้นย้ำจุดยืนของเมริกาในเรื่องเวเนซุเอลา พร้อมยืนยันว่าไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้ทหารเขาแทรกแซงเพื่อบีบให้ มาดูโร พ้นจากอำนาจ

    "เราหวังเห็นการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยอย่างสันติ แต่ประธานาธิบดีทรัมป์พูดชัดว่า ทุกทางเลือกวางอยู่บนโต๊ะ" เพนซ์กล่าวหลังหารือกับกวยโด ระหว่างการประชุมของลิมา กรุ๊ป (Lima Group) ที่มีสมาชิกทั้งหมด 14 ประเทศ ในโคลอมเบีย

    การประชุมของลิมา กรุ๊ป มีขึ้นตามหลังเหตุนองเลือดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่ง กวยโด ไม่อาจทำตามคำสัญญานำความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่เวเนซุเอลา เนื่องจากถูกทหารขัดขวางตามคำสั่งของมาดุโร

    มีผู้เสียชีวิต4 ราย ตามแนวชายแดนเวเนซุเอลาติดกับบราซิล ในเหตุปะทะกันระหว่างกองกำลังด้านความมั่นคงกับพลเมืองที่พยายามนำความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในพรมแดน นอกจากนี้แล้วยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยคน ในเหตุเผชิญหน้าตามแนวชายแดนติดกับโคลอมเบียและบราซิล

    "ทรัมป์ส่งผมมาเพื่อยืนอยู่ข้างคุณ และมาเพื่อยืนหยัดเคียงข้างเพื่อนๆของเราและพันธมิตรของเราในเวเนซุเอลา" เพนซ์บอกกับกวยโด ซึ่งประกาศตนในฐานะประธานาธิบดีรักษาการเมื่อเดือนที่แล้ว "มันสำคัญที่ต้องฟื้นฟูประชาธิปไตยในเวเนซุเอลา แต่ในวันนี้ พวกที่แย่งชิงอำนาจมากำลังเป็นภัยคุกคามแก่ทั้งทวีป" กวยโดตอบกลับ

    กวยโดกล่าวเมื่อวันอาทิตย์(24ก.พ.) ว่าเขากำลังไปยังโบกาตา เพื่อร้องขอให้เหล่าพันธมิตรพิจารณาทุกมาตรการในความพยายามช่วยยุติวิกฤตด้านมนุษยธรรมในเวเนซุลา

    ด้วยเศรษฐกิจเวเนซุเอลาดำดิ่งสู่ภาวะถดถอยและเงินเฟ้อสูงลิ่วมานานหลายปี ส่งผลให้ประชาชนต้องประสบปัญหาขาดแคลนอาหารและเวชภัณฑ์ยาที่จำเป็น ขณะที่ กวยโด เตือนว่าชาวบ้านกว่า 300,000 คนอาจตายได้ หากความช่วยเหลือเร่งด่วนด้านมนุษยธรรมไม่ถูกส่งมอบเข้าไป

    อย่างไรก็ตาม มาดูโร ปฏิเสธความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมดังกล่าว โดยกล่าวหาว่ามันเป็นข้ออ้างเพื่อการรุกรานของสหรัฐฯ

    อีกด้านหนึ่งในสหรัฐฯ ทางกระทรวงการคลังอเมริกา ได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่เล่นงานบุคคลต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกับ มาดูโร โทษฐานขัดขวางการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หลังเกิดเหตุการปะทะนองเลือดตามแนวชายแดนเวเนซุเอลา

    ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรล่าสุด ทางกระทรวงการคลังสหรัฐฯจะอายัดทรัพย์ใดๆที่อยู่ภายใต้ขอบเขตอำนาจตามกฎหมายของอเมริกา ของเหล่าผู้ว่าการที่ถูกขึ้นบัญชีดำและห้ามคนเหล่านี้จากการใช้ระบบการเงินสหรัฐฯสำหรับการทำธุรกรรมใดๆ

    บุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีดำดังกล่าวก็มี โอมาร์ โฮเซ ปริเอโต เฟอร์นานเดซ ผู้ว่าการรัฐซูเลีย ฐานที่มั่นอุตสาหกรรมปิโตเลียมของประเทศ, จอร์จ หลุยส์ การ์เวีย คาร์เนียโร อดีตผู้บัญชาการกองทัพผู้ว่าการรัฐวาร์กาส ดินแดนซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของสนามบินหลักของประเทศ, ราฟาเอล อเลฮันโดร ลาคาวา ผู้ว่าการรัฐคาราโบโบ พันธมิตรของมาดูโร และ รามอน อลอนโซ คาร์ริซาเลซ ผู้ว่าการรัฐอาปูเร

    https://mgronline.com/around/detail/9620000019697
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทรัมป์กังวลแพงเกินไป เรียกร้องโอเปกยับยั้งราคาน้ำมัน
    เผยแพร่: 26 ก.พ. 2562 01:01 ปรับปรุง: 26 ก.พ. 2562 03:48 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000002037601.jpg
    เอเอฟพี/เอเจนซี - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ในวันจันทร์(25ก.พ.) แสดงความกังวลเกี่ยวกับตลาดน้ำมัน และได้เรียกร้องโอเปกผ่อนปรนราคาที่เขาระบุว่า "สูงเกินไป" ความเคลื่อนไหวที่ฉุดให้ราคาพลังงานดิ่งลงแรงในช่วงต้นของการซื้อขาย

    ระหว่างการซื้อขาย สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ลดลง 1.43 ดอลลาร์ อยู่ที่ 65.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตอน 14.03 จีเอ็มที. หลังจากช่วงหนึ่งพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 67.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดของปี 2019 ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต ลดลง 1.38 ดอลลาร์ อยู่ที่ 55.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากทรัมป์ เขียนข้อความบนทวิตเตอร์ ระบุ "ราคาน้ำมันกำลังพุ่งสูงเกินไป โอเปกกรุณาผ่อนคลายราคาน้ำมัน เพราะโลกไม่สามารถรับมือกับราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นได้ - เปราะบาง!"

    สมาชิกโอเปกและเหล่าประเทศนอกโอเปกซึ่งนำโดยรัสเซีย เห็นพ้องลดกำลังผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ เพื่อช่วยคืนสมดุลแก่ตลาดพลังงานและสนับสนุนราคา

    ราคาน้ำมันปรับขึ้นมาแล้วราวๆ 20% ในปีนี้ โดยนอกเหนือจากข้อตกลงดังกล่าวแล้ว มันยังได้แรงหนุนจากมาตรการลดกำลังผลิตแรกเริ่มของโอเปก เช่นเดียวกับจากกรณีที่สหรัฐฯคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านและเวเนซุเอลา

    บ่อยครั้งที่ทรัมป์ กล่าวโทษโอเปกต่อราคาน้ำมันระดับสูง ในขณะที่สหรัฐฯกลายเป็นผู้จัดหาอุปทานรายใหญ่ที่สุดของโลก จากกำลังผลิตน้ำมันชั้นหินที่เพิ่มขึ้น

    ความเห็นในวันจันทร์(25ก.พ.) ถือเป็นหนึ่งในการเขียนหรือคำพูดของทรัมป์หลายต่อหลายครั้งที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2018 หลังจากราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มอุปทานตึงตัว แม้ยังคงต่ำกว่าระดับพีคสุด 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงเดือนตุลาคมปีก่อน อยู่มากก็ตาม

    คำพูดของทรัมป์ยังมีขึ้น 1 วันหลังจากเขาบอกว่า "อาจมีข่าวใหญ่มากในช่วง 1 หรือ 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้" ในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ในขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าเป็นปัจจัยที่ฉุดราคาน้ำมันเมื่อช่วงต้นปี

    นอกเหนือจากนั้น ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอุปทานจากลิเบียและไนจีเรีย ก็ช่วยส่งเสริมราคาน้ำมันเช่นกัน โดยใน ลิเบีย บ่อยครั้งกำลังผลิตได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความตึงเครียดและความรุนแรงทางการเมือง ขณะที่ไนจีเรีย ชาติผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของแอฟริกา เพิ่งเกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตมากถึง 39 คน ในเหตุความรุนแรงระหว่างการเลือกตั้งช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

    https://mgronline.com/around/detail/9620000019688
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำมันดิ่งเกือบ$2.5หลังทรัมป์โวยวายใส่โอเปกอีกรอบ ทองลง,หุ้นสหรัฐฯบวก เผยแพร่: 26 ก.พ. 2562 05:30 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000002041001.jpg

    มาร์เก็ตวอตช์/เอเอฟพี - น้ำมันในวันจันทร์(25ก.พ.) ดิ่งลงแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ หลังทรัมป์กล่าวโทษโอเปกต่อราคาที่กลับมาปรับขึ้นอีกครั้งในระยะหลัง ด้านวอลล์สตรีทปิดบวก ท่ามกลางความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯและจีนบรรลุข้อตกลงทางการค้า ขณะที่ทองคำปรับลด นักลงทุนเมินทรัพย์สินเสี่ยงต่ำ

    สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.78 ดอลลาร์ ปิดที่ 55.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกันลดลง 2.36 ดอลลาร์ ปิดที่ 64.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ในวันจันทร์(25ก.พ.) แสดงความกังวลเกี่ยวกับตลาดน้ำมัน และได้เรียกร้องโอเปกผ่อนปรนราคาที่เขาระบุว่า "สูงเกินไป" ความเคลื่อนไหวที่ฉุดให้ราคาพลังงานดิ่งลงแรง

    "ราคาน้ำมันกำลังพุ่งสูงเกินไป โอเปกกรุณาผ่อนคลายราคาน้ำมัน เพราะโลกไม่สามารถรับมือกับราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นได้ - เปราะบาง!" ทรัมป์เขียนบนทวีตเตอร์

    ความเห็นดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในการเขียนหรือคำพูดของทรัมป์หลายต่อหลายครั้งที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2018 หลังจากราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มอุปทานตึงตัว แม้ยังคงต่ำกว่าระดับพีคสุด 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงเดือนตุลาคมปีก่อน อยู่มากก็ตาม

    ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันจันทร์(25ก.พ.) ปรับขึ้นเล็กน้อย นักลงทุนกลับมามีมุมมองทางบวกต่อความเป็นไปได้ที่อเมริกาและจีนจะบรรลุข้อตกลงทางการค้า ขณะเดียวกันก็จับตาข้อมูลสำคัญทางเศรษฐกิจซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในสัปดาห์นี้

    ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 60.14 จุด (0.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 26,091.95 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 3.44 จุด (0.12 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,796.11 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 26.91 จุด (0.36 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,554.46 จุด

    วอลล์สตรีททรงตัวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน แต่อ่อนแรงลงในช่วงชั่วโมงสุดท้ายของการซื้อขาย โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่าน่าจะเกิดจากแรงขายทำกำไรของนักลงทุน

    อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นอเมริกายังสามารถปิดนในแดนบวก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความคาดหวังว่าจะมีการประชุมซัมมิตลงนามกับ สี จิ้นผิง ผู้นำจีน สำหรับประทับตราข้อตกลงทางการค้า เนื่องด้วยเหล่าคณะผู้แทนเจรจาแสดงความมั่นใจมั่นใจว่า "ใกล้มากๆ" ที่จะได้ข้อตกลงแล้ว

    ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความระบุว่า สหรัฐฯจะเลื่อนเวลาการปรับเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน จากเดิมที่มีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 1 มี.ค. หลังจากการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯและจีนมีความคืบหน้าในประเด็นสำคัญ ซึ่งรวมถึงประเด็นการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา

    ขณะเดียวกันนักลงทุนยังจับตาข้อมูลทางเศรษฐกิจสำคัญๆของสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ ในนั้นรวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเผยแพร่ตามหลังรายงานยอดค้าปลีกที่อ่อนแอเดือนธันวาคม สืบเนื่องจากความกังวลของผู้บริโภคต่อภาวะชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลและการดิ่งลงของตลาดหุ้นนช่วงกลางเดือนธันวาคม

    ส่วนราคาทองคำในวันจันทร์(25ก.พ.) ปิดลบพอสมควร ความเคลื่อนไหวของตลาดทุนและความคืบหน้าในการเจรจาทางการค้าระหว่างอเมริกากับจีน ผลักนักลงทุนเมินสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,329.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์

    https://mgronline.com/around/detail/9620000019709
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    In Clips: ผู้นำฝ่ายค้าน “ฮวน กวยโด” บินด่วนเข้าโบโกตาแล้ว เตรียมหารือ “เพนซ์” โค่นมาดูโร – ยูเอ็นชี้ ดับไม่ต่ำกว่า 4 เจ็บร่วม 300 ในเหตุปะทะ เผยแพร่: 25 ก.พ. 2562 21:26 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000002032001.jpg

    เอเอฟพี/เอพี/เอเจนซีส์ - ผู้นำฝ่ายค้านเวเนซุเอลา ฮวน กวยโด เดินทางด้วยเครื่องบินไปถึงกรุงโบโกตา โคลัมเบีย เมื่อวานนี้(24 ก.ค)เพื่อหารือร่วมกับรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไมค์ เพนซ์ ที่มีรายงานเดินทางออกจากสหรัฐฯวันนี้(25 ก.พ) สำหรับการทำให้ประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร ออกจากตำแหน่ง ตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตล่าสุด คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ออกมาชี้ พบตั้งแต่วันศุกร์( 22 ก.พ) ไปจนถึงวันเสาร์(23 ก.พ) เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 4 ราย บาดเจ็บทั้งหมดกว่า 300 ราย

    เอเอฟพีรายงานวันนี้(25 ก.พ)ว่า ฮวน กวยโด ผู้นำฝ่ายค้านเตรียมที่จะพบกับชาติสมาชิกกลุ่มลิมากรุ๊ปในการประชุมซัมมิตฉุกเฉินที่กรุงโบโกตา โคลัมเบีย วันจันทร์(25) เพื่อหารือถึงยุทธศาสตร์ในการจัดการประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร เกิดขึ้นหลังการปะทะอย่างหนักบริเวณพรมแดนในวันเสาร์(23) ซึ่งทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก รวมไปถึงผู้เสียชีวิต เกิดจากคำสั่งของมาดูโรที่ให้มีการปิดพรมแดนเพื่อไม่ให้สามารถนำสิ่งของบรรเทาทุกข์จากสหรัฐฯและชาติตะวันตกข้ามพรมแดนกลับเข้าไปได้

    ทั้งนี้พบว่ากวยโดบินถึงเมืองหลวงของโคลัมเบียในวันอาทิตย์(24) เพื่อพบกับ 13 ชาติสมาชิกแดนลาตินอเมริกาบวกแคนาดา และในการประชุมวันนี้(25) รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไมค์ เพนซ์ จะเดินทางเข้าร่วมในฐานะตัวแทนจากอเมริกา เอพีชี้ว่า เพนซ์เดินทางออกจากสหรัฐฯในวันจันทร์(25) เพื่อพบกับกวยโดเป็นครั้งแรก

    CNN สื่อสหรัฐฯรายงานว่า ทำเนียบขาวแถลงถึงการหารือระหว่างเพนซ์และกวยโดที่จะเกิดขึ้นว่า คาดว่ารองประธานาธิบดีสหรัฐฯจะให้คำมั่นต่อกวยโดถึงการให้ความสนับสนุนรักษาการประธานาธิบดีกวยโดอย่างไม่เปลี่ยนแปลง และจะแสดงถึงความสำคัญการต่อสู้เผด็จการของประชาชนชาวเวเนซุเอลาเพื่อประชาธิปไตย

    ด้าน ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯให้ความเห็นถึงประธานาธิบดีมาดูโรว่า เขาเชื่อมั่นว่า เวลาของมาดูฌรที่อยู่ในอำนาจนั้นสั้นลง พร้อมกล่าวโทษไปที่ความรุนแรงบริเวณพรมแดนเวเนซุเอลาในวันเสาร์(23)ว่า เกิดมาจากกองกำลังติดอาวุธพลเรือนที่จงรักภักดีต่อมาดูโร

    เอเอฟพีรายงานว่า ที่ผ่านมาผู้นำสหรัฐฯไม่เคยปฎิเสธการใช้ทางเลือกทางทหารในเข้าการจัดการกับมาดูโร แต่ทว่ารอยเตอร์รายงานวันนี้(25) ว่า รัฐบาลเยอรมันออกแถลงการณ์ว่า ทางเบอร์ลินต้องการเห็นการใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อตัวประธานาธิบดีมาดูโรและคนสนิทมากกว่าความรุนแรงจากฝ่ายตรงข้าม

    “ทางเราต้องการให้ใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อมาดูโรและกลุ่มคนใกล้ชิดปัจจุบันโดยเฉพาะ และนั่นต้องไม่ทำให้ชีวิตประชาชนชาวเวเนซุเอลาตกอยู่ในความเลวร้าย”

    ซึ่งสอดคล้องกับทางสหภาพยุโรปที่ออกแถลงการณ์ในวันนี้(25) โดยเรียกร้องให้หลีกเลี่ยงการใช้กำลังทหารกับเวเนซุเอลา

    “เราต้องหลีกเลี่ยงการเข้าแทรกแซงด้วยกำลังทหาร” มายา โคซิยานซิค(Maja Kocijancic )โฆษกหัวหน้าทางการทูตสหภาพยุโรป เฟเดริกา โมเกรินี(Federica Mogherini) แถลงกับนักข่าว และเสริมว่า “สิ่งที่ชัดเจนอย่างที่สุด ในมุมมองของเรา คือ เราต้องการการเมืองและประชาธิปไตยอย่างสันติ และชาวเวเนซุเอลามีทางออกของตัวเองในวิกฤตนี้”

    นอกจากนี้โคซินานซิคเสริมว่า “นี่เป็นการชัดเจนว่า การใช้กำลังไม่รวมอยู่ด้วย”

    เอเอฟพีรายงานว่า หลังเกิดเหตุปะทะบริเวณพรมแดนวันเสาร์(23) ยังไม่เป็นชัดเจนว่า ***กวยโดนั้นมีผู้สนับสนุนจำนวนมหาศาลภายในเวเนซุเอลา*** นักวิเคราะห์ ราฟาเอล ปิเนอรอส(Rafael Pineros )ชี้ แต่ทว่านักวิเคราะห์อีกราย ลอรา กิล(Laura Gil) ชี้ว่า ที่ประชุมลิมากรุ๊ปมีการลงประชามติอย่างชัดเจนว่า มาดูโรต้องออกจากตำแหน่งแต่ทว่าไม่มีกระบวนการที่จะทำให้เกิดขึ้นอย่างชัดเจน และเสริมต่อว่า และจะทำให้เข้าทาง “วอชิงตัน” เพราะจะกลายเป็นเหตุผลที่เหมาะสมในการเข้าใช้กำลังทหารเข้าจัดการได้

    ซึ่งหลังเกิดเหตุ กวยโดออกมาเรียกร้องให้ประชาคมโลกใช้ “ทุกช่องทาง” ในการจัดการกับประธานาธิบดีมาดูโร

    CNN รายงานว่า คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้ออกมาชี้ถึงจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในเหตุปะทะที่เวเนซุเอลาตั้งแต่วันศุกร์(22)ไปจนถึงวันเสาร์(23)ว่า มีไม่ต่ำกว่า 4 คน และบาดเจ็บร่วม 300 คน

    โดยในวันอาทิตย์(23)ผู้ว่าการรัฐรอไรมา(Roraima) ของบราซิลได้ประกาศภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์เกิดขึ้น อ้างอิงแถลงการณ์ที่ออกจากกระทรวงสาธารณสุขประจำรัฐ

    ผู้ว่าการรัฐ อันโตนิโอ เดนาเรียม(Antonio Denarium) กล่าวว่า โรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในรัฐอยู่ในภาวะเกือบไม่สามารถจัดการอะไรได้ เกิดขึ้นหลังคลื่นเหยื่อผู้บาดเจ็บข้ามฟากมาจากเวเนซุเอลา

    เอเอฟพีรายงานว่า ทั้งนี้พบว่ามีเด็กชายอายุ 14 ปีรวมอยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิตจากการปะทะกับทหารเวเนซุเอลาใกล้พรมแดนบราซิลในวันเสาร์(23)




    562000002032002.jpg


    562000002032003.jpg

    https://mgronline.com/around/detail/9620000019646
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข่าวต่างประเทศ

    นางแองเจลล่า เมอร์เคล ต่อกรณี หัวเหว่ย กล่าวในการพบกับนักศึกษามหาวิทยาลัย Keio ของญี่ปุ่นว่า

    เรื่องความไม่วางใจในข้อมูลที่จะรั่วไหลจากอุปกรณ์ของหัวเหว่ย ไปสู่รัฐบาลของจีนนั้น มีการถกกันอย่างแพร่หลายในเยอรมันเพราะมีความกังวล ดังนั้นรัฐบาลต่อรัฐบาลต้องมีการพูดกันให้ชัดๆเป็นหลักการว่า จะต้องไม่มีข้อมูลของชาวเยอรมันรั่วไหลจากอุปกรณ์ของหัวเหว่ย ไปสู่รัฐบาลของจีน เด็ดขาด

    DW News รายงาน
    https://www.youtube.com/watch?v=IMYFg8dSF3g

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    rces%2Fimg%2Feditorial%2F2019%2F02%2F24%2F105757013-1551014772728gettyimages-842705874.1910x1000.jpg

    (Feb 26) รายงาน: "ทรัมป์"ลดความดุดันต่อ"หัวเหว่ย"? ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ทวีตข้อความแปลก ๆ สองเรื่องในเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยได้พูดถึงเครือข่ายไร้สาย “6 จี” และดูเหมือนจะส่งสัญญาณว่า อาจจะมีท่าทีอ่อนลงต่อ “หัวเหว่ย”

    ในทวีต เมื่อวันพฤหัสบดี ทรัมป์กล่าวว่า เขาต้องการให้มีเทคโนโลยี “5 จี” และแม้แต่ “6 จี” ในสหรัฐฯ ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และต้องการให้สหรัฐฯ ชนะด้วยการแข่งขัน ไม่ใช่ด้วยการขัดขวางเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้ามากขึ้นในขณะนี้

    การทวีตเช่นนี้ถือว่าแปลก เพราะว่าเทคโนโลยี 6 จียังไม่จริง บริษัทโทรคมนาคมสหรัฐฯ แทบจะยังไม่ได้อยู่ในจุดที่จะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของเครือข่ายไร้สาย 5 จี และกำลังเผชิญการแข่งขันอย่างรุนแรงที่จะสร้างเทคโนโลยี 5 จีก่อนบริษัทจีน

    แม้ว่าทรัมป์ไม่ได้เอ่ยชื่อจีนหรือหัวเหว่ยในทวีต แต่นั่นน่าจะเป็นสิ่งที่เขากำลังอ้างถึง

    บริษัทจีนกำลังยืนอยู่ในแถวหน้าของเทคโนโลยี 5 จี และคณะบริหารของทรัมป์เริ่มเจรจาการค้ากับจีนใหม่อีกครั้งในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศจะต้องทำข้อตกลงกันให้ได้ก่อนเส้นตายวันที่ 1 มีนาคม แม้ว่าทรัมป์ได้ระบุว่าเขาอาจจะเลื่อนเส้นตายออกไป

    ในขณะที่มีรายงานว่าทรัมป์ได้เตรียมออกคำสั่งของฝ่ายบริหารที่จะห้ามหัวเหว่ยและแซดทีอีทำธุรกิจในสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้บริษัทสหรัฐฯ มีตัวรองรับมากขึ้นเล็กน้อยที่จะสร้างเครือข่าย 5 จี ของตัวเอง แต่ในขณะนี้ดูเหมือนว่าทรัมป์อาจกำลังพิจารณาเรื่องนี้ใหม่

    ไม่มีความชัดเจนว่าแนวโน้มที่จะมีการห้ามหัวเหว่ยและแซดทีอีเป็นปัจจัยในการเจรจาหรือไม่ แต่คำสั่งของฝ่ายบริหารเช่นนั้นน่าจะเชื้อเชิญเลือดเสียให้เข้ามาอยู่ระหว่างสองเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลก

    สหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ ได้กลัวมานานแล้วว่าอาจมีการใช้อุปกรณ์ของหัวเหว่ยเพื่อการสอดแนม

    บริษัท ทีพีจี เทเลคอม ได้ยกเลิกแผนการที่จะใช้อุปกรณ์ของหัวเหว่ยในออสเตรเลีย เนื่องจากออสเตรเลียได้ห้ามใช้อุปกรณ์ของหัวเหว่ยเช่นกัน นิวซีแลนด์และญี่ปุ่นก็ได้ห้ามในแบบเดียวกัน ส่วนในอังกฤษแม้ยังไม่ได้ตัดสินใจใด ๆ แต่รอยัล ยูไนเต็ด เซอร์วิสเซส อินสติติว ซึ่งเป็นสถาบันนักคิดด้านการทหาร ได้ออกมาเตือนเมื่อต้นเดือนนี้ว่า การอนุญาตให้ใช้อุปกรณ์ของหัวเหว่ยอาจ “ไร้เดียงสา” และ “ไร้ความรับผิดชอบ”

    เยอรมนีได้พิจารณามาตรการแบบเดียวกัน แต่กล่าวเมื่อต้นเดือนนี้ว่า ยังไม่พร้อมที่จะแบนหัวเหว่ยและจะอนุญาตผู้ขายอุปกรณ์ 5 จี ทุกรายในประเทศ

    บริษัท เอทีแอนด์ที และไวไรซอน ของสหรัฐฯ เพิ่งเริ่มทำเครือข่าย 5 จี ในบางเมือง และที-โมบาย และสปรินต์ มีแผนที่จะเปิดตัวในปลายปีนี้ ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่คิดว่าจะต้องใช้เวลาไปจนถึงปี 2563 เป็นอย่างน้อย จึงจะเริ่มมีการใช้ 5 จี อย่างแพร่หลาย

    ซัมซุงเพิ่งแถลงถึงโทรศัพท์ตัวแรกที่จะใช้เครือข่าย 5 จี แต่จะยังไม่เปิดตัวจนกว่าจะถึงไตรมาสสองของปีนี้

    การอ้างถึงเครือข่าย 6 จี ที่ไม่มีจริงของทรัมป์ อาจจะเป็นแค่การบ่งบอกว่าเขาต้องการเทคโนโลยีที่จะวิ่งด้วยความเร็วเต็มสูบก่อนใคร แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสามารถใช้ได้ในอนาคต

    การทวีตของทรัมป์มีขึ้นหลังจากที่เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งหัวเหว่ย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับบีบีซีอย่างท้าทาย ว่าไม่มีทางที่สหรัฐฯ จะสามารถขยี้บริษัทได้

    Source: ข่าวหุ้น
    - Trump is right that the US risks losing the 5G race, Huawei chairman says : https://www.cnbc.com/2019/02/24/tru...AaYXNymo4qtp7AkoB2lO85V25xb8zS6-myI6ZpyC-hXpk
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    upload_2019-2-26_10-38-0.png

    แผ่นดินไหวขนาด 3.5
    ภูมิภาค ประเทศพม่า Myanmar
    เวลา 2019-02-25 23:59:29 ตามเวลามาตรฐาน UTC
    2019-02-26 06:59:29 ตามเวลาประเทศไทย พ.ศ. 2562
    Epicenter 16.48°N , 95.39°E 64px-Google_%22G%22_Logo.svg.png Google Maps
    ทิศทาง ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 316 กม.

    http://www.earthquake.tmd.go.th/inside-info.html?earthquake=5613
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk

    มอลตาโดนพายุที่แย่ที่สุด ตั้งแต่เดือนตุลาคม 1982
    25 กุมภาพันธ์ 2019

    สึนามิน้ำแข็งขนาดใหญ่ โจมตี ฮัมบูร์ก นิวยอร์ก
    25 กุมภาพันธ์ 2019

    เดือนกุมภาพันธ์ที่หนาวที่สุด ในตัวเมืองลอสแอนเจลิส ตั้งแต่ปี 1962
    25 กุมภาพันธ์ 2019

    กระแสไฟห้าหลักๆ ดับจาก The Midwest (ส่วนที่อยู่ทางตะวันตกตอนกลางของประเทศสหรัฐอเมริกา) ไป The Northeast(รัฐที่อยู่ทางตะวันออกตอนเหนือของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะรวมถึงรัฐต่างๆ ใน New England รวมกับรัฐ New Jersey, Pennsylvania และบางส่วนของรัฐ Delaware, Maryland และกรุงวอชิงตัน ดี.ซี ) ประชาชนมากกว่า 530 000 ราย ได้รับผลกระทบ 25 กุมภาพันธ์ 2019

    ฝนตกชุก ใน แนชวิลล์ ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ มีผู้เสียชีวิต 3 รายจากน้ำท่วมใน tennessee 25 กุมภาพันธ์ 2019

    พายุทอร์นาโดที่รุนแรงกระทบโคลัมบัส มีรายงานความเสียหาย
    24 กุมภาพันธ์ 2019

    ไต้ฝุ่น "wutip" กลายเป็นไต้ฝุ่นในเดือนกุมภาพันธ์ที่รุนแรงที่สุดในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก
    24 กุมภาพันธ์ 2019

    https://watchers.news


     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    น้ำท่วม tennessee 24 feb 2019

    ระดับน้ำท่วมข้ามหุบเขา tennessee ได้บันทึกการทำลาย!





     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วิกฤตเวเนซุเอลา : ทหารเวเนซุเอลานับร้อยหนีไปโคลอมเบีย แต่กังวลความปลอดภัยครอบครัวที่อยู่เบื้องหลัง
    26 กุมภาพันธ์ 2019
    • _96022070_armyafp4.jpg Image copyrightAFP
    คำบรรยายภาพ"ทหารของชาติจะไม่ยอมรับประธานาธิบดีที่มีส่วนได้ส่วนเสียที่น่าแคลงใจ หรือประธานาธิบดีที่ประกาศแต่งตั้งตนเองนอกวิถีกฎหมาย"
    ทหารเวเนซุเอลากว่าร้อยคนแปรพักตร์ ไปโคลอมเบีย หลังจากเหตุปะทะนองเลือดระหว่างกองทัพและพลเรือนเวเนซุเอลาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะสหรัฐ ฯ และฝ่ายค้านซึ่งนำโดยนายฮวน กุยโด พยายามขนส่งอาหารและยาข้ามพรมแดนเข้าไปให้ความช่วยเหลือ

    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (23 ก.พ.) ฝ่ายค้านของเวเนซุเอลาซึ่งนำโดยนายกุยโด ผู้ประกาศตนเป็นรักษาการประธานาธิบดี ตั้งใจที่จะขนส่งอาหารและยาซึ่งจัดหาโดยสหรัฐฯ เข้าไปในประเทศโดยสันติ ผ่านพรมแดนที่ติดกับโคลอมเบียและบราซิล แต่นายนิโกลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ส่งกองกำลังทหารไปสกัดไว้

    ความพยายามของชาวเวเนซุเอลาที่จะเดินทางข้ามพรมแดนไปขนอาหารและยากลับมา นำไปสู่การปะทะนองเลือดในที่สุด โดยทหารยิงใส่ประชาชนด้วยกระสุนจริงและกระสุนยาง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย

    การต้องต่อสู้ปะทะกับชาวเวเนซุเอลาด้วยกันเองเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ทหารหลายคนตัดสินใจหนีไปยังโคลอมเบีย และหลายคนก็แสดงความกังวัลต่อความปลอดภัยของครอบครัวที่พวกเขาทิ้งไว้เบื้องหลัง

    ในการสัมภาษณ์พิเศษกับ โอร์ลา เกียร์รัน ผู้สื่อข่าวบีบีซี ทหารเวเนซุเอลาวัย 23 ปีคนหนึ่งบอกว่า กังวลว่ากองกำลังที่ภักดีต่อนายมาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา อาจ "ทำร้ายครอบครัวผม" แต่ก็บอกว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดที่เขาจะทำได้

    _105779221_4b6156ee-20db-4998-bd36-d59c9c18f4b5.jpg
    คำบรรยายภาพกลุ่มทหารผู้แปรพักตร์ให้สัมภาษณ์บีบีซีโดยไม่เปิดเผยชื่อจริง
    ว่ากันว่า มีทหารมากกว่าร้อยคนแล้วที่แปรพักตร์ โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นระหว่างเหตุปะทะรุนแรงเมื่อวันเสาร์

    ที่จุดข้ามพรมแดนหลายแห่ง กองทัพเวเนซุเอลายิงแก๊สน้ำตาใส่อาสาสมัครและผู้ประท้วงที่เผาด่านของกองทัพเวเนซุเอลา และโยนหินใส่ทหารและตำรวจควบคุมฝูงชน

    กลุ่มทหารแปรพักตร์ซึ่งรวมตัวกันอยู่ที่โบสถ์แห่งหนึ่งในเมืองคูคูตา ประเทศโคลอมเบีย เล่าให้บีบีซีฟังถึงเหตุผลที่พวกเขาตัดสินใจหันหลังให้กองทัพเวเนซุเอลา

    "มีกองทหารมากมายที่ต้องการทำเช่นนี้ และนี่จะทำให้เกิดผลกระทบแบบโดมิโน จะมีผลกระทบอย่างมากต่อกองกำลังทหาร" ทหารชายวัย 29 ปี กล่าว พร้อมกับบอกว่า ทหารเหนื่อยแล้ว และพวกเขาไม่สามารถอยู่อย่างเป็นทาสได้ต่อไป และพวกเขากำลังปลดแอกตัวเอง

    ทหารหญิงคนหนึ่งบอกว่า สถานการณ์เมื่อวันเสาร์ "ตึงเครียด" และบอกว่า "ฉันคิดว่า ฉันไม่สามารถทำร้ายคนของฉันเองได้"

    "ลูกสาวฉันยังอยู่ในเวเนซุเอลา และนั่นทำให้ฉันเจ็บปวดที่สุด แต่ฉันทำเช่นนี้เพื่อลูก มันยากเพราะฉันไม่รู้เลยว่า พวกเขาจะทำอะไรกับลูก"

    ทหารอีกคนหนึ่งบอกว่า เขารู้สึกเจ็บปวดเมื่อต้องเห็นชาวเวเนซุเอลาบนท้องถนน ต้องต่อสู้เพื่อสิ่งของเพื่อการช่วยเหลือ

    โอร์ลา เกียร์รัน ระบุว่า เธอได้พบกับกลุ่มทหารกลุ่มนี้หนึ่งวันหลังจากพวกเขาทิ้งอาวุธ และเดินทางมาโคลอมเบีย บางคนดูยังตกตะลึงจากเหตุการณ์เมื่อสุดสัปดาห์ ที่กองกำลังเวเนซุเอลายิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าใส่คนเวเนซุเอลาด้วยกันเอง

    บาทหลวงผู้ต้อนรับพวกเขาเข้ามาพักพิงในโบสถ์เล่าว่า หลายคนมาพร้อมกับอาการบาดเจ็บ ผู้แปรพักตร์บอกว่า พวกเขาหนีออกมาเพราะว่า บ้านเกิดของพวกเขาต้องการการเปลี่ยนแปลง และลูกของพวกเขาก็ต้องการอาหาร ทหารเหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารชั้นผู้น้อย บอกว่า ทหารระดับผู้บังคับบัญชายังจงรักภักดีต่อ ปธน.มาดูโร อยู่ แต่ทหารชั้นผู้น้อยกำลังหันไปให้ความศรัทธาต่อ นายกุยโด

    กว่า 50 ประเทศแล้ว ให้การยอมรับนายกุยโดในฐานะผู้นำเวเนซุเอลา เขาเรียกร้องให้ประเทศอื่น ๆ พิจารณา "ทุกมาตรการ" ที่จะโค่นล้มนายมาดูโร

    ด้าน นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่า วันของนายมาดูโรในฐานะประธานาธิบดีกำลังจะสิ้นสุดแล้ว

    _105779223_2f5c88e7-16ce-4050-b8d7-25811ab96521.jpg Image copyrightEPA
    วิกฤตเกิดจากอะไร?

    วิกฤตเวเนซุเอลาเกิดทั้งจากปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจ ความไม่พอใจทวีคูณด้วยภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรง ไฟฟ้าดับบ่อยครั้ง และการขาดแคลนอาหารและยา

    เวเนซุเอลาเคยเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในละตินอเมริกา ซึ่งเป็นผลมาจากแหล่งน้ำมันที่มีมูลค่าที่สุดในโลก แต่ภายใต้การบริหารประเทศของ อดีต ปธน. ฮูโก ชาเวซ ซึ่งเสียชีวิตเมื่อปี 2013 และ ปธน. มาดูโร ทั้งคอร์รัปชั่น, การบริหารจัดการที่ผิดพลาด, และหนี้สูง ทำให้เศรษฐกิจของประเทศพังลง

    ปธน. ชาเวซ ถือโอกาสช่วงที่มีรายได้มากจากการค้าขายน้ำมันช่วงปี 2000 กู้ยืมเงินมหาศาลและยอดเงินใช้จ่ายของรัฐบาลก็พุ่งสูงขึ้น และจากนั้นในสมัยแรกของมาดูโรในฐานะประธานาธิบดี เศรษฐกิจเวเนซุเอลาก็ร่วงดิ่งลง

    หลายฝ่ายโทษ ปธน.มาดูโร และรัฐบาลสังคมนิยมของเขาที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศแย่ลง ส่วน ปธน.มาดูโร ก็โทษ "พวกจักรวรรดินิยม" อย่างสหรัฐฯ และยุโรป ที่ทำ "สงครามเศรษฐกิจ" กับเวเนซุเอลา และดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อสมาชิกในรัฐบาลของเขาหลายคน

    สหประชาชาติระบุว่า ตั้งแต่ปี 2014 ชาวเวเนซุเอลา 3 ล้านคนเดินทางออกจากประเทศ ส่วนใหญ่แล้วเดินทางเข้าไปยังโคลอมเบียประเทศเพื่อนบ้านก่อนจะไปยังเอกวาดอร์ เปรู และชิลี และส่วนอื่น ๆ เดินทางไปบราซิล

    _105779225_00af111c-f0b6-47f5-b897-7bc7f255bf91.jpg
    Image copyrightE

    https://bbc.in/2EmPYU3?fbclid=IwAR1ISxNXjVOGwRk5VLF7x-efCsUiTjw9JolAwP1_2WakAlymEwnXYGACtrk
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "กลุ่มลิมา" ค้านสหรัฐใช้มาตรการทางทหารต่อเวเนซุเอลา
    upload_2019-2-26_13-56-55.png
    สหรัฐยังเชื่อมั่นว่าวิกฤตการณ์ในเวเนซุเอลาจะสามารถคลี่คลายได้อย่างสันติ แต่รัฐบาลวอชิงตันยังคงพิจารณา "ทุกแนวทาง" แต่พันธมิตรในอเมริกาใต้คัดค้านการใช้กำลังทางทหาร
    อังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 08.05 น.

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโบโกตา ประเทศโคลอมเบีย เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ว่ารองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ พบหารือกับนายฮวน กวยโด ผู้นำฝ่ายค้านและประธานสมัชชาแห่งชาติของเวเนซุเอลา ซึ่งสหรัฐและพันธมิตรอีกมากกว่า 50 ประเทศ "ให้การยอมรับ" ในฐานะ "ประธานาธิบดีรักษาการ" ของเวเนซุเอลา ระหว่างการประชุมกลุ่มลิมา ที่กรุงโบโกตา เมื่อวันจันทร์ โดยรองผู้นำสหรัฐมอบจดหมายฉบับหนึ่งจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้แก่กวยโด ซึ่งมีสาระสำคัญว่าสหรัฐสนับสนุนอีกฝ่าย "100%" และเพิ่มแรงกดดันด้วยการขยายขอบเขตมาตรการคว่ำบาตรบริษัทเปโตรเลออส เดอ เวเนซุเอลา ( พีดีวีเอสเอ ) ที่เป็นรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานของรัฐบาลการากัส

    ขณะเดียวกัน เพนซ์กล่าวว่ารัฐบาลวอชิงตันยังคงมีความเชื่อมั่นว่ากระบวนการถ่ายโอนอำนาจทางการเมืองในเวเนซุเอลา "จะเป็นไปอย่างสันติ" แต่ยอมรับว่าผู้นำสหรัฐยังคงพิจารณา "ทุกแนวทางที่เป็นไปได้" ซึ่งรวมถึงการใช้มาตรการทางทหาร ด้านกวยโดกล่าวว่าประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร กำลังเข้าสู่การเป็น "ภัยคุกคาม" ต่ออเมริกาอย่างแท้จริง ส่วนประธานาธิบดีอีวาน ดูเก ผู้นำโคลอมเบียซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการหารือครั้งนี้ กล่าวเรียกร้องพันธมิตรร่วมกันแสวงหาวิธีการที่ "มีประสิทธิภาพ" ในการกดดันให้มาดูโรพ้นจากอำนาจ

    ทั้งนี้ มติของกลุ่มลิมาเรียกร้องให้กองทัพเวเนซุเอลายอมรับกวยโด และจะมีการยื่นเรื่องให้ศาลอาญาระหว่างประเทศ ( ไอซีซี ) ประกาศให้เหตุรุนแรงในเวเนซุเอลาที่เกิดขึ้นโดย "กองกำลังของมาดูโร" ถือเป็น "อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ" แต่คัดค้านการใช้ "มาตรการทางทหาร" ที่รัฐบาลวอชิงตันแสดงท่าทีอย่างชัดเจนในตอนแรก อนึ่ง สหรัฐไม่ถือเป็นสมาชิกกลุ่มลิมาที่ก่อตั้งเมื่อปี 2560 แต่มักได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมในฐานะ "ผู้สนับสนุน"
    ในเวลาเดียวกัน สถานการณ์ตามแนวชายแดนทางตะวันตกของเวเนซุเอลาซึ่งติดกับโคลอมเบีย และบางส่วนทางตอนใต้ที่ติดกับบราซิลยังคงเป็นไปอย่างตึงเครียดและเกิดเหตุรุนแรงแทบตลอดเวลา เนื่องจากแม้ทหารมากกว่า 150 นายประกาศ "แปรพักตร์" แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นทหารชั้นผู้น้อย ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงส่วนใหญ่ยังคงปฏิบัติตามคำสั่งของมาดูโรในการสกัดกั้นการลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์จากสหรัฐ ซึ่งการปะทะตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน และได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยคน แต่หน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนเชื่อว่า "ตัวเลขจริงสูงกว่านั้นมาก".

    เครดิตภาพ : REUTERS,AP ... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/foreign...fQeDjeGpP0FqeEFQFsfCe0uNFSsiKzIm0N2xoqz5i2q5E

    https://www.dailynews.co.th/foreign...fQeDjeGpP0FqeEFQFsfCe0uNFSsiKzIm0N2xoqz5i2q5E
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers


    #สภาพอากาศ #Wutip
    26/02/19
    ไต้ฝุ่น "หวู่ติ๊บ" ทางตะวันตกของเกาะกวม กลายเป็น "ซุปเปอร์ไต้ฝุ่น" (ระดับ CAT 5). ลมแรง 296 km/h เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ในคืนวันที่ 25
    ก่อนที่จะอ่อนกำลังลงเป็นไต้ฝุ่นที่มีกำลังเทียบเท่าระดับ 4 (CAT4)ตามมาตราเฮอร์ริเคนแซฟเฟอร์–ซิมป์สันอีกครั้ง
    มุ่งตะวันตกค่อนเหนือ คาดว่าจะสลายตัวก่อนถึงฝั่งฟิลิปปินส์
    #Watchers
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผมคิดว่า มาดูโร ควรสละตำแหน่งประธานาธิบดีเวเนซุเอลา น่าจะดีที่สุด เพราะถึงเขาจะไม่ได้ทำผิดอะไร แต่ถ้าเขายังคงดำรงตำแหน่ง ปรธานาธิบดีเวเนซุเอลา. สหรัฐ อเมริก็คงทำร้าย หญิงสาวเวเนซุเอลส ต่อไป

    Creo que Maduro debería renunciar a la presidencia de Venezuela. Debe ser el mejor Porque aunque no cometió un error. Pero si aún mantiene el cargo. Venezuela Los Estados Unidos seguirán lastimando a la niña venezolana.

    Mi mundo increíble.

    Cw9uCHKKbFscyuu2tffSRDG2fIfzwVcN8bxnT5a8iXtxPxtBJzu7rgdvNPzfYBag2iairqA&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg
    ความสุขของหญิงสาวชาวเวเนซุเอลาที่ได้รับขนมปัง ... เป็นมื้อแรกของเธอในวันนั้น
    "รอยยิ้มของเขาแสดงให้เห็นถึงความสุข"
    La alegría de una niña venezolana que recibió un pan.. era su primera comida del día.
    “Su sonrisa demuestra felicidad”

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    ... "คิมจองอึนผู้นำเกาหลีเหนือถึงเวียตนามแล้ว"

    ... หลังจากนั่งรถไฟกว่า4,000 กิโลเมตร กินเวลา60ชั่วโมง ผ่านจีน ในที่สุดก็มาถึงเวียตนาม( เพราะผู้นำที่นี่กลัวเรื่องการลอบสังหาร)

    ... "เวียตนาม" เจ้าภาพประชุมนั้น พยายามถูกดึงจาก "อเมริกา" ในการต่อต้านจีนในเรื่องเกาะแก่งดินแดนทางน้ำในทะเลจีนใต้ แม้ว่าจีนจะพยายามรุกคืบเวียตนามทางการค้าแต่การเมืองนั้น อิงอเมริกาโดยเฉพาะอธิปไตยทางทะเล

    ... "เกาหลีเหนือ" นั้นเป็นตัวละครที่สำคัญอเมริกาพยายามให้คิมจองอึนมาดูงานที่เวียตนาม ที่เปิดประเทศมากขึ้นแม้จะเป็นสังคมนิยม ที่เป็นตัวอย่างที่อยากให้เกาหลีเหนือเป็น

    ... อเมริกาเคยพาบอริส เยลซินของรัสเซียเที่ยวทัวร์อเมริกาหลงแสงสี จนเขาอยากเปิดประเทศเป็นแบบเลือกตั้งธิปไตย เสรีเกินไป แต่ลุงปูตินดึงกลับมาได้ เพราะถ้าไม่งั้นอิทธิพลอเมริกาจะเต็มเมือง เช่นสถาบันการเงิน เอ็นจีโอต่างๆ

    ... ลึกๆแล้วอเมริกายังไม่อยากให้เกาหลีเหนือเลิกพยศ เพราะถ้าเกาหลีเหนือยังร้าย เขายังขายอาวุธให้ และเก็บเงินค่าต๋ง จากเกาหลีใต้ ไต้หวันญี่ปุ่นได้ต่อไป และเขาสามารถตั้งอาวุธตั้งฐานทัพ คงทหารในดินแดนนี้ก่อกวนทะเลจีนใต้ ที่เป็นถนนหน้าบ้านของทั้ง จีน, รัสเซียได้ต่อไป

    ... แต่เขาก็ต้องการดึง"เกาหลีเหนือ" มาจากอ้อมอกจีน รัสเซีย แบบที่เคยดึง"ยูเครน โปแลนด์ เอสโตเนีย ลัทเวีย ลิทัวเนีย ออกจากรัสเซียมาแล้ว" เช่นกัน

    .

    ... https://youtu.be/ghuzWnTwu7U

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    safe_image.php?d=AQDiad9-r5nO9-wG&w=540&h=282&url=https%3A%2F%2Fs4.reutersmedia.jpg

    (Feb 26) 'คิม จอง-อึน'นั่งรถไฟมาราธอน 2วันครึ่งถึงเวียดนามแล้ว: นายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ถึงเวียดนามหลังใช้เวลานานกว่า 2 วัน เดินทางด้วยขบวนรถไฟโดยสารเป็นระยะทางไกล 4,000 กิโลเมตรจากกรุงเปียงยาง เพื่อมาประชุมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กรุงฮานอย

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองด่งดาง ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ว่าขบวนรถไฟพิเศษของนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือและคณะที่รวมถึงนายคิม ยอง-ชอล รองประธานคณะกรรมการกลางพรรคคนงานเกาหลี และน.ส. คิม โย-จอง น้องสาว จอดเทียบชานชาลาที่สถานในเมืองด่งดาง ของจังหวัดหลั่งเซินซึ่งตั้งอยู่เหนือสุดของเวียดนาม เมื่อช่วงเช้าของวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น หลังใช้เวลาเดินทางมาราธอนนานถึง 2 วันครึ่ง เป็นระยะทางไกลถึง 4,000 กิโลเมตร

    ทั้งนี้ ผู้นำเกาหลีเหนือได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ตัวแทนเยาวชนซึ่งมอบช่อดอกไม้ให้ และการตรวจแถวกองทหารเกียรติยศขนาดย่อย ก่อนออกเดินทางต่อด้วยรถยนต์อีกเป็นระยะทาง 170 กิโลเมตรสู่กรุงฮานอย ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดขั้นสูงสุด โดยรัฐบาลเวียดนามปิดการจราจรบนถนนสายหลักจากจังหวัดหลั่งเซินสู่กรุงฮานอยตลอดทั้งวันที่ 26 ก.พ. นี้

    ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางด้วยเครื่องบินโดยสารประจำตำแหน่งผู้นำสหรัฐ "แอร์ ฟอร์ซ วัน" มีกำหนดถึงกรุงฮานอยในช่วงค่ำของวันอังคาร โดยคณะผู้ติดตามของทรัมป์รวมถึงนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งเยือนกรุงเปียงยางบ่อยครั้งนับตั้งแต่รับตำแหน่งเมื่อเดือนเม.ย. ปีที่แล้ว

    สำหรับการพบหารือระหว่างผู้นำสหรัฐกับผู้นำเกาหลีเหนือจะเกิดขึ้นที่กรุงฮานอย ระหว่างวันที่ 27 ถึง 28 ก.พ. นี้ นับเป็นการประชุมร่วมกันอย่างเป็นทางการครั้งที่ 2 ต่อจากการประชุมครั้งแรกที่สิงคโปร์ ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมิ.ย. ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายให้ความเห็นไปในทางเดียวกัน ว่า "แทบไม่มีความคืบหน้า" เกิดขึ้นหลังสิงคโปร์ซัมมิต โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง "การปลดอาวุธนิวเคลียร์" ที่สหรัฐและเกาหลีเหนือต่างยังคงมีท่าทีคลุมเครือ ตลอดจนการที่รัฐบาลเปียงยางยืนกรานความประสงค์ในการให้รัฐบาลวอชิงตันผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตร และการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือต้องไม่ใช่การดำเนินการ "เพียงฝ่ายเดียว" ส่วนทีมงานของทรัมป์ยังคงย้ำเรื่องการคว่ำบาตรจนกว่ากระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ "จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์" และประเด้นการลดจำนวนทหารอเมริกันในเกาหลีใต้จะไม่รวมอยู่ในหัวข้อของการประชุมครั้งนี้

    Source: เดลินิวส์ออนไลน์
    - North Korea's Kim arrives to warm welcome in Vietnam; Trump on the way : https://www.reuters.com/article/us-...TpdKeeEtOhM7LPq76YKsMKJ0heYx1xlUh33gZNXoge8Sc
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    In Clips: คิวบาออกเสียงท่วมท้น สนับสนุนกม.รธน.ใหม่ ยืนยัน “ความเป็นสังคมนิยมที่ไม่มีวันเปลี่ยนกลับ” เผยแพร่: 26 ก.พ. 2562 11:03 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000002043601.jpg

    เอเจนซีส์ - พบมีเสียงเห็นด้วย 86.85% ของประชาชนชาวคิวบาที่ให้การรับรองกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในวันอาทิตย์(24 ก.พ) ในขณะที่เสียงผู้ไม่เห็นด้วยมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 700,000 คน ด้านประธานาธิบดีคิวบา มิเกล ดิแอซ-กาเนล ออกมาประณามโลกตะวันตกและผู้นำประเทศเพื่อนบ้านหลังเกิดเหตุบริเวณพรมแดนเวเนซุเอลาวันเสาร์(23 ก.พ)

    หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(25 ก.พ)ว่า ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงในคิวบาได้ออกเสียงประชามติรับรองอย่างล้นหลามต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประเทศที่ถูกจัดขึ้นในวันอาทิตย์(24) พบว่ามีจำนวนถึง 86.85% ตอบเห็นด้วยในคำถาม “คุณให้การรับรองกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่แห่งสาธารณรัฐหรือไม่?” พบว่ามีจำนวนถึง 0.9% หรือไม่ต่ำกว่า 700,000 คนตอบปฎิเสธ

    ส่วนอีก 4.15 % ทำให้บัตรลงคะแนนเสียหรือไม่กาในช่องใดเลย ในขณะที่พบว่ามีจำนวนผู้มีสิทธิ์ออกมาใช้สิทธิ์ครั้งนี้สูงถึง 84.4% สื่ออังกฤษชี้

    ทั้งนี้พบว่าก่อนหน้าวันลงประชามติ พบว่าฮาวานาทำแคมเปญหาเสียงอย่างหนักโฆษณาให้ประชาชนในแดนคอมมิวนิสต์เลือกกาช่อง “ใช่” ในคำถามการรับรอง โดยอ้างว่าเป็นการกระทำของความรักชาติและและเป็นการโหวตเพื่อการปฎิวัติ

    ทั้งทีวี วิทยุ โปสเตอร์ บิลบอร์ด และป้ายขนาดใหญ่ถูกปิดอยู่บนอาคารสาธารณะได้เชิญชวนให้ประชาชนต่างออกไปใช้สิทธิลงประชามติครั้งนี้ และการเชิญชวนยังไม่เว้นป้ายบอร์ดอิเล็กทรอนิกของรถประจำทางตลอดถนนสายหลักในกรุงฮาวานาที่สามารถอ่านได้ว่า “ผม/ดิฉันโหวต “ใช่” ” (Yo Voto Sí)

    เดอะการ์เดียนชี้ว่า แต่ทว่าพบว่าโบสถ์อิแวนเจลิคัล(Evangelical churches) ซึ่งอยู่ภายใต้ศาสนจักรโปรแตสแตนต์ออกแคมเปญรณรงค์คัดค้านกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่ของคิวบา ทางโบสถ์อิแวนเจลิคัลเกรงว่า กฎหมายสูงสุดของประเทศฉบับยใหม่จะเปิดทางให้กับการแต่งงานเพศที่ 3

    ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่า ถึงแม้พระที่โบสถ์แห่งนี้จะไม่เปิดหน้าชกโดยตรงด้วยการประกาศเชิญชวนให้สาธุชนร่วมกาโหวต “โน” แต่ทว่าทางโบสถ์ได้ทำการขับเคลื่นกลุ่มที่ไม่เคร่งศาสนา กลุ่มคนอนุรักษ์นิยมในคิวบาให้ร่วมพร้อมใจในการลงมติออกเสียงไม่รับรอง

    คิวบายังคงเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่จะไม่เห็นสื่อที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลฮาวานานไม่ให้เวลาออกอากาศสำหรับการรณรงค์คัดค้าน หรือการแสดงความเห็นวิจารณ์ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แต่ทว่า เสียงคัดค้านกลับพบบนโลกโซเชียลมีเดียพร้อมแฮชแท็ก#I’mVotingNo (#YoVotoNo) บนเฟซบุ๊ก

    พบว่าในการลงประชามติวันอาทิตย์(24) ครั้งประวัติศาสตร์ พบว่าประธานาธิบดีคิวบาคนปัจจุบัน มิเกล ดิแอซ-กาเนล(Miguel Diaz-Canel) และน้องชายฟิเดล คาสโตร อดีตประธานาธิบดี ราอูล คาสโตรออกไปใช้สิทธิ์หย่อนบัตรเช่นกัน ฮาวานาไทม์ส กระบอกเสียงรัฐบาลคิวบารายงานว่า หลังจากที่ได้หย่อนบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดิแอซ-กาเนลออกมาแสดงความเห็นถึงสถานการณ์บริเวณพรมแดนเวเนซุเอลาว่า

    “เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาของภัยคุกคามจากพวกจักรวรรดินิยม และความพยายามในการที่จะสถาปณาลัทธิทุนนิยมขึ้นมาใหม่ในดินแดนลาตินอเมริกา”

    ซึ่งทางผู้นำคิวบาออกมาวิจารณ์ไปถึงกลุ่มบรรดาผู้นำในภูมิภาคที่ให้การช่วยเหลือผู้นำฝ่ายค้านเวเนซุเอลา ฮวน กวยโด ในความพยายามที่จะนำสิ่งของบรรเทาทุกข์จากชาติตะวันตกและสหรัฐฯข้ามพรมแดนเข้าประเทศ



    562000002043602.jpg


    562000002043603.jpg


    562000002043604.jpg

    https://mgronline.com/around/detail/9620000019757
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รอบโลก by กรุณา บัวคำศรี



    “ซูนึง” คือชื่อที่ใช้เรียกการสอบวัดผลระดับชาติเพื่อเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยของนักเรียนชาวเกาหลีใต้ ขึ้นชื่อว่าเป็นการสอบแข่งขันที่มีความกดดันและความเครียดสูง เด็กๆตั้งใจเรียน ทุ่มเทอ่านหนังสือนานหลายปีเพื่อการสอบครั้งนี้ เพราะต่างมุ่งหวังที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของประเทศที่เรียกกันสั้นๆว่า SKY (Seoul National University, Korea University, Yonsei University)

    รัฐบาลเกาหลีใต้ รวมถึงหน่วยงานเอกชนจึงให้ความสำคัญกับการสอบประจำปีอย่างซูนึงเป็นอย่างมาก มีการอำนวยความสะดวกให้กับเด็กๆที่ต้องเข้าสอบในหลายๆด้าน

    เพราะสำหรับเกาหลีใต้แล้วการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นช่วงเวลาที่สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของเด็กๆ ที่นอกจากจะกำหนดอนาคตของพวกเขาเองแล้ว ยังเป็นการกำหนดอนาคตของประเทศด้วยเช่นกัน
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,287
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รอบโลก by กรุณา บัวคำศรี
    dDAQRp7NzAtpQjkHjnzfpJ9McgMj5DHWyKPXk15PtNgSWFyeG_CZeqKft1bLRannnj40icA&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg

    ทำไมผู้นำเกาหลีถึงเลือกนั่งรถไฟนาน 60 ชั่วโมงมาเวียดนาม แทนที่จะนั่งเครื่องบิน?

    มีวิธีในการเดินทางที่รวดเร็วมากมายให้เลือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นผู้นำประเทศ ทว่าภาพของคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือที่เดินออกมาจากสถานีรถไฟด่งดัง(Dong dang) บริเวณพรมแดนเวียดนาม ก่อนจะต่อรถยนต์ตรงไปยังกรุงฮานอย เพื่อเตรียมหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เป็นครั้งที่2 ในวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์นี้ สร้างความประหลาดใจให้แก่ใครหลายคน

    ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2018 ทั้งคู่พบปะหารือกันครั้งแรกที่สิงคโปร์ และคิม จอง อึน เลือกที่จะเดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ทของจีน นักวิเคราะห์มองว่าเป็นกลยุทธ์ในการแสดงออกถึงความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นระหว่างเกาหลีเหนือและจีนให้นานาชาติได้ประจักษ์

    สำหรับการพบปะหารือครั้งล่าสุดนี้ การเลือกเดินทางด้วยรถไฟมีจุดประสงค์ไม่ต่างกัน ทั้งยังแสดงออกมากกว่าเดิมเนื่องจากขบวนรถไฟต้องวิ่งเป็นระยะทางถึง 4,000 กิโลเมตร จากกรุงปักกิ่ง ผ่านเมืองสำคัญหลายเมืองกว่าจะมาถึงสถานีรถไฟด่งดัง(Dong dang) ของเวียดนามได้

    หรืออีกนัยหนึ่ง พวกเขามองว่าคิมกำลังแสดงออกถึงธรรมเนียมที่ปฎิบัติกันมานานในตระกูลคิม ที่มักเดินทางไปไหนมาไหนด้วยขบวนรถไฟ ทั้งในและนอกเกาหลีเหนือ เนื่องจากคิม อิล ซุง ปู่ของเขานั้นเป็นคนกลัวเครื่องบิน ซึ่งเงื่อนไขนี้ก็จำกัดการเดินทางในสมัยนั้นให้เดินทางไปได้เพียงไม่กี่ที่เช่นกัน

    ทั้งนี้ขบวนรถไฟดังกล่าวทำความเร็วได้เพียง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เนื่องจากตัวรถทำขึ้นจากวัสดุกันกระสุน ส่งผลให้มีน้ำหนักมากกว่ารถไฟทั่วไป ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย รวมถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดทั้งบนรถและที่สถานี

     

แชร์หน้านี้

Loading...