ติดตามสถานะการณ์

Clima Extremo 24


โครเอเชีย



ลมแรงจาก พายุเฮอริเคนบูร่า ที่พัดมา คาร์สกา โครเอเชีย ด้วยลมแรงถึง 191 กม. / ชม. เหตุการณ์เกิดในซุปเปอร์มาร์เก็ต สิ่งของเกิดเคลื่อนย้ายภายในราวกับว่ามันเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรง

 

Clima Extremo 24


อิตาลี



คลื่นลมที่แรงของทะเลสีคราม ก่อตัวบริเวณชายฝั่งของ Polignano a Mare, Puglia ทางตอนใต้ของอิตาลี ในวันนี้ 23 กุมภาพันธ์

 

Clima Extremo 24


บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา



ลมแรง 120 กม. / ชม. ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงและต้นไม้โค่นใน Trebinje รวมถึงภาคอื่น ๆ ด้วย

 

Clima Extremo 24


บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา



ลมแรงที่ก่อให้เกิดความเสียหายในหลายภาคส่วนของ Trebinje ทำให้โครงสร้างของต้นไม้ล้ม

 

Clima Extremo 24

มหาสมุทรแปซิฟิก



พายุไต้ฝุ่นสองลูกในมหาสมุทรแปซิฟิก ฝั่งเส้นศูนย์สูตรไต้ฝุ่นโอมาพัดเข้าหาชายฝั่งของออสเตรเลีย และพายุโซนร้อนwutip อื่น ๆ ที่ยังคงทวีความรุนแรงมากขึ้นในมหาสมุทรที่จะกลายเป็นพายุไต้ฝุ่น

 

Clima Extremo 24


ไมโครนีเซีย



ตอนนี้พายุไต้ฝุ่นWutip ถือเป็นพายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงชนเกาะChuuk ของไมโครนีเซียเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ด้วยลมแรงและฝนตกในวันที่ 23 กุมภาพันธ์

 

Clima Extremo 24


ไมโครนีเซีย



ลมกระโชกแรงจากพายุไต้ฝุ่นWutip เข้าสู่หมู่เกาะ Chuuk แห่งไมโครนีเซียเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์

 

Thanong Fanclub


เรือนไทยไร้รัฐบุรุษ


ในวันที่ 23กุมภาพันธ์ที่ผ่านม วราดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้กล่าวแถลงนโยบายประจำปีที่สภารัสเซียว่า รัสเซียจะต้องมีอำนาจอธิปไตยตลอดไป มิเช่นนั้นจะไม่สามารถดำรงเป็นประเทศต่อไปได้


ปูตินกล่าวต่อไปว่า หลักพื้นฐานนี้ทำให้รัสเซียแตกต่างจากประเทศอื่น


"รัสเซียเคยเป็นและจะยังคงเป็นรัฐที่มีอำนาจอธิปไตย และอิสระภาพ มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเป็นอย่างอื่นไปได้ มันต้องเป็นเช่นนี้ มิเช่นนั้นรัสเซียจะไม่ดำรงอยู่ต่อไป" ปูตินกล่าว


"ประเทศอื่นอาจจะอยู่ได้โดยต้องขึ้นอยู่กับคนอื่น แต่รัสเซียไม่สามารถเป็นอย่างนั้นได้"

https://www.rt.com/russia/451980-putin-russia-sovereignty-constant/


คำพูดของปูตินเป็นคำพูดของรัฐบุรุษ น่าเสียดายที่เรือนไทยไม่มีรัฐบุรุษแบบปูตินในระดับการเมือง มีแต่พ่อเท่านั้นที่คิดคำนึงในใจ และในการกระทำตลอดเวลาว่าจะรักษา หรือปกป้องอำนาจอธิปไตย และอิสระภาพของเรือนไทยอย่างไร?


ตอนนี้เรือนไทยมีพ่อคนใหม่ที่กำลังเจริญรอยตามพ่อคนเก่าที่คนไทยรักใคร่ ส่วนลูกๆที่เหลือมีแต่แย่งอำนาจ แย่งสมบัติกัน แล้วแอบอ้างประชาธิปไตย


ปูตินรู้ประวัติศาสตร์การเมืองของรัสเซียดีว่า รัสเซียตกเป็นเป้าของลัทธิล่าอาณานิคมที่เข้ามาทำลาย แก๊งค์วอลล์สตรีทของนิวยอร์ค และอังกฤษสร้างลัทธิบอลเชวิคเข้าไปทำลายระบบซาร์ของรัสเซีย และทำสำเร็จในปีคศ 1917


หลังจากทำลายระบบซาร์ ที่สร้างรัสเซียให้เป็นหนึ่งในมหาอำนาจของยุโรป และเป็นศูนย์รวมของจิตใจของชาวรัสเซียแล้วผ่านการปฏิวัติบอลเชวิค ก็มีการยัดเยียดระบบคอมมิวนิสต์สุดขั้วเพื่อทำลายรัสเซียจากภายในต่อไป โดยพวกหัวคอมฯ หัวเอียงซ้ายทั้งหลายที่ถูกล้างสมอง หรือรับจ้างจากผู้ล่าเข้ามาทำลายให้รัสเซียอ่อนแอ จะได้ไม่เป็นภัยต่อยุโรป และทรัพยากรธรรมชาติที่มากมายมหาศาลของรัสเซียจะถูกแบ่งบันโดยผู้ล่า และโนมินีที่โดยมากเป็นยิวรัสเซีย


ต้องเข้าใจว่า คาร์ล มาร์กซ์ เจ้าลัทธิคอมฯเป็นยิวเยอรมัน แต่งตำราคอมมิวนิสต์ที่กรุงลอนดอนโดยมีพรายคอยกระซิบให้คำแนะนำ มาร์กซ์ไม่ได้เก่งจริง หรือมีอัจฉริยะแต่ประการใดที่อยู่ดีๆสามารถลุกขึ้นมาคิดลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ก่อให้เกิดการรัฐประหาร เปลี่ยนแปลงการปกครองในโลกในศตวรรษที่ 20ได้


มาร์กซ์เขียนลัทธิคอมมิวนิสต์ภายใต้การกำกับของอิลิท ผู้ล่าที่เจนจัดในทุกขบวนท่าทางปรัชญา ศาสนา เทววิทยา การเมือง การปกครองรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ โดยใช้หลักคอมมูนที่บาทหลวงคณะเยซูอิทสร้างที่ปารากวัยในยุคล่าอาณานิคมในศตวรรษที่16


ในการปกครองแบบคอมมูน แต่รู้จักกันดีในนามJesuit Reduction โดยที่ชนพื้นเมืองอินเดียนแดงจะถูกนำมาอยู่รวมกันคล้ายๆค่ายกักกัน เพื่อใช้แรงงานอินเดียนในการทำเกษตร ในขณะเดียวกันบาทหลวงเยซูอิทจะสอนศาสนาและวัฒนธรรมยุโรปให้คนพื้นเมือง


คนพื้นเมืองอินเดียนแดงอยู่ในค่ายReduction เหมือนคนอินเดียนแดงของอเมริกาที่ถูกกันให้ไปอยู่ในIndian Reservationทุกวันนี้ มีความเท่าเทียมกัน ช่วยเหลือกัน ทำงานเกษตรแล้วเอาผลผลิตมาแบ่งกันภายใต้การดูแลของบาทหลวงเยซูอิทที่กำหนดคนพื้นเมืองให้ขึ้นสวาาค์ผ่านโบสถ์คริสต์ได้เท่านั้น


ในขณะเดียวกัน มาร์กซ์เอาวัตถุนิยมวิภาษวิธี (Dialectic Materialism)มาผนวกกับระบบคอมมูนของJesuit Reduction เพื่อสร้างลัทธิคอมฯ โดยใช้คนชั้นแรงงานปฏิวัติล้มชนชั้นปกครอง ถ้าใครศึกษาประวัติศาสตร์ของปรัชญาตะวันตกจะเห็นว่า นักปรัชญาในภาคพื้นยุโรปจะเป็นพวกจิตนิยมทั้งนั้น (Rationalism) ส่วนพวกนักปรัชญาอังกฤษจะเป็นพวกวัตถุนิยม แสดงว่าพวกอิลิทผู้ล่าสร้างแนวความคิดจิตนิยม และวัตถุนิยมเพื่อให้ขัดแย้งกันทางความคิดที่จะเป็นพื้นฐานทางทฤษฎีการเมืองต่อไปตามยุทธศาสตร์แบ่งแยกและปกครอง เหมือนกับที่ได้สนับสนุนทั้งโรัมนแคทอลิก และสร้างโปรเตสแตนท์ขึ้นมาเพื่อสร้างความขัดแย้งทางศาสนา เพื่อจะได้ก่อสงครามการเมืองทางศาสนาในยุโรป


เมื่อสร้างสงครามศาสนา สงครามการเมือง สงครามความคิดได้ ผู้ล่าอิลิทก็สามารถยึดครองประเทศต่างๆในยุโรปได้


รัสเซียตกเป็นเป้าในลักษณะแบบนี้ คือมีการส่งลัทธิบอลเชวิคที่รุนแรงเข้าไปล้มระบบซาร์ ตามมาด้วยลัทธิคอมมิวนิสต์ที่อิลิทผู้ล่าครอบงำรัสเซียมาตลอดผ่านโนมินีภายในประเทศ

ทำให้รัสเซียฉิบหายวายวอดมาตลอดศตวรรษที่ 20 เหมือนกับจีนที่โดนกระทำโดยอิลิทผู้ล่า


ไม่ต้องพูดถึงเรือนไทยที่โดนกระทำในลักษณะเดียวกันจากการปฏิวัติ2475


รัสเซียโดนบอลเชวิคทำลาย ตามมาด้วยการกลัดกร่อนจากลัทธิคอมฯแบบชนชั้นแรงงาน จนกระทั่งอาณาจักรโซเวียตรัสเซียล่มสลายในปี 1991 เพราะแพ้สงครามเย็นกับสหรัฐทำให้อาณาจักรโวเวียตแตกออกมาเป็น15ประเทศ


มาถึงสมัยBoris Yeltsin (1931-2007)ที่เป็นผู้นำในยุคที่รัสเซียล่มสายโดนผู้ล่าอิลิืทรุมทึ้งทรัพยากร เยลซินถึงได้ร้องขอให้ผู้ช่วยของเขา คือปูตินให้มากอบกู้ชาติ ถ้ายูไม่ทำ รัสเซียล่มสลายจนกู่ไม่กลับแน่ พวกผู้ล่ามันกำลังรุมทึ้งรัสเซียอย่างเมามัน กิจการใหญ่ๆ รัฐวิสาหกิจ ทรัพยากรของรัสเซียตกอยู่ในมือของผู้ล่าอิลิืทที่ได้สร้างเครือข่ายคนของตัวเองในรัสเเซียที่ร่ำรวยอย่างมหาศาลไปตามๆกันเพื่อยึกรัสเซีย โดยประชาชนชาวรัสเซียเป็นอยู่อย่างลำบาก ไม่ได้อะไร


ปูตินขึ้นมามีอำนาจ โดยมีสหายเคจีบีเก่าช่วยงาน ใช้เวลาเกือบ20ปีในการกวาดล้างโนมินีเครือข่ายของอิลิทผู้ล่าให้หมดจากรัสเซีย สู้กันดุเดือดมากภายใน โดยปูตินโดนลอบสังหารหลายครั้งแต่รอดมาได้ทุกวันนี้ ในที่สุดเวลานี้ พอจะบอกได้ว่ารัสเซียมีความเข้มแข็งอย่างมาก ซึ่งความเข้มแข็งนี้ต้องเริ่มจากภายในก่อนที่ไม่ได้ถูกอิลิทผู้ล่าขี่คอ


คำแถลงนโยบายประจำปีที่สภารัสเซียของปูตินในสัดาห์นี้ที่ว่า รัสเซียจะต้องมีอำนาจอธิปไตยตลอดไป มิเช่นนั้นจะไม่สามารถดำรงเป็นประเทศต่อไปได้ สะท้อนสิ่งที่ปูตินที่ฟันฝ่ามานั้นเอง ว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ต้องเลือดตกยางออกมากน้อยเพียงใดในการกวาดล้างรัสเซียให้พ้นอิทธิพลมืดของอิลิทผู้ล่า


ย้อนกลับมาเรือนไทยที่ไร้รัฐบุรุษ เพราะว่าไม่มีผู้นำคนใดพูดเรื่องอำนาจอธิปไตย หรืออิสระภาพของเรือนไทย ที่ต้องรักษาเอกราชให้ได้ ไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลมืดของผู้ล่าอิลิทตะวันตก ซึ่งเป็นปัญหาหลักของเรือนไทย เพราะว่าการอยู่ภายใต้การกำกับของผู้ล่า จะทำให้เรือนไทยอ่อนแอ ถูกเลี้ยงไข้ ถูกดูดทรัพยากร และความมั่งคั่งออกไปโดยคนไทยไม่รู้ มีแต่จะโทษกันเอง แก่งแย่งกันเอง ฆ่ากันเอง ความคิดเห็นก็แตกแยกเพราะว่ามีการล้างสมองลูกๆเรือนไทยให้ลืมพ่อปกครองลูก แต่ให้รับเอาลัทธิคอมฯ ลัทธิสังคมนิยม ลิทธิเผด็จการ และลัทธิประชาธิปไตยเพื่อการแบ่งแยกและปกครอง เรือนไทยติดกับดัก4ลัทธินี้เหมือนประเทศผู้ถูกล่าต่างๆทั่วโลก


ในช่วงจังหวะเวลานี้ ลูกหลานในเรือนไทยต้องระวังวาทะกรรมทางการเมืองที่ว่า ได้เวลาแล้วที่พ่อแม่พี่น้องจะทวงสิทธิ์ประชาธิปไตย ทวงอำนาจคืนอำนาจจากเผด็จการ เพราะว่าอำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือพวกท่านผ่านการเลือกตั้ง เพราะว่าเป็นวาทะกรรมที่ไม่ดูบริบทการเมืองโลก และประวัติศาสตร์การเมืองที่ผ่านมาเหมือนปูติน ในขณะเดียวกัน การยึดอำนาจเผด้จการในช่วง5ปีที่ผ่านมาไม่ได้ใช้โอกาสล้างประเทศเหมือนที่ปูตินทำให้รัสเซียจนกลายเป็นรัฐบุรุษของโลกก็ว่าได้ ทำให้เรือนไทยอยู่ในสภาพติดล่ม คือเลือกตั้งก็ฉิบหายเพราะเอื้อนายทุนเอื้อผู้ล่า ส่วนคนเก่าอยู่ต่อก็ทรุดต่อเพราะเอื้อนายทุนเอื้อผู้ล่าเหมือนกัน


เรือนไทยติดกับดัก เพราะว่าไม่มีใครเดินตามทางของพ่อ


24/2/2019

 

รัสเซียบอกจะช่วยเวเนซุเอลาแล้ว สถานการณ์จะเป็นยังไงต่อ รัสเซียมาเงียบ ๆแต่สหรัฐอเมริกากุลีกุจอ

Thanong Fanclub

ตบหัวแล้วลูบหลัง


เรื่องสงครามจิตวิทยาไม่มีใครสู้อัลเกิ้ลแซมได้ สหรัฐแซงชั่นเวเนซุเอลาจนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจหนัก ประชาชนลำบากได้รับผลกระทบมากที่สุด พอสถานการณ์สุกงอม สหรัฐก็ส่งข้าวของที่เกี่ยวข้องกับมนุษยธรรมเข้ามาช่วยประชาชนเพื่อสร้างความหวัง


เกมตบหัวแล้วลูบหลังสุดยอดมาก


การแซงชั่นทำให้ประชาชนรากหญ้าได้รับความลำบากมากที่สุด เสร็จแล้วสหรัฐก็ให้สื่อประโคมข่าวว่ารัฐบาลเผด็จการมาดูโรบริหารผิดพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเอาระบอบสังคมนิยมที่ล้มเหลวมาใช้บริหารประเทศ มีการคอรัปชั่น เห็นแก่พวกพ้องไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ของประชาชน ทั้งๆที่ถ้าไม่มีการแซงชั่นเศรษฐกิจของเวเนซุเอล่าจะไม่เลวร้ายอย่างนี้


อย่างไรก็ดี มันไม่ได้หมายความว่ามาดูโรบริหารประเทศดีเด๋อะไร เพราะว่าเวเนซุเอล่าไม่ได้มีการกระจายภาคการผลิต ภาคอุตสาหกรรมการผลิตมีความอ่อนแอ ภาคเกษตรก็ไม่แข็งแรง ทำให้มีปัญหาการจ้างงาน ส่วนมากเน้นการผลิตน้ำมันเพื่อหารายได้อย่างเดียว ทั้งหมดนี้กลายเป็นหายนะของเวเนซุเอลา


จีดีพีเวเนซุเอลาเคยอยู่ที่$400,000ล้านกว่าต่อปี มาวันนี้หดเหลือประมาณ$96,300ล้าน จนกันทั้งประเทศ


ได้ควายโด่รีบแจ้นไปชายแดนกับโคลัมเบียเพื่อรอรับของที่เฒ่าหนวดเฟิ้มส่งมาให้ประชาชนเวเนฯเพื่อประทังชีวิต มาดูโรสั่งบล็อค ไม่ขอรับของบริจาคจากคนใจร้ายที่ไม่หวังดี กล่องที่บรรจุยา อาหาร ข้าวของบริจาคอาจจะปะปนด้วยอาวุธเพื่อใช้ในการทำสงครามกลางเมืองก็ได้


สหรัฐมีการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพื่อจุดกระแสสงครามกลางเมืองของเวเนฯผ่านบราซิล โคลัมเบียและเกาะในทะเลคาริบเบียน


เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐบาล กับฝ่ายต่อต้านรัฐบาลนำโดยควายโด่ที่จุดรับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม มีการใช้ระเบิดแก๊ซน้ำนำตำ และกระสุนยางยิงเข้าใส่ผู้ประท้วง


มาดูโรฉุนโคลัมเบียขาด ถึงกลับตัดสัมพันธ์ทางการทูตไปแล้ว ไล่ทูตโคลัมเบียออกนอกประเทศไปหมด


ขบวนการปฏิวัติล้มอำนาจมาดูโรโดยสหรัฐเป็นสปอนเซอร์ได้เริ่มขึ้นแล้ว


24/2/2019

 

มาดูโรไม่จำเป็นต้องเผารถก็ได้ปล่อยให้เข้ามาแล้วยึดรถเพื่อค้นหาสิ่งที่เป็นอันตรายในรถ ถ้าพบก็เท่ากับเปิดโปง กวยโด และสหรัฐอเมริกาได้ในทันที

Thanong Fanclub

เลียนแบบตำราเผาเมือง

กบฎเวเนฯเลียนแบบตำราเผาเมืองของประเทศอะไรนะ จำไม่ได้ ด้วยการเผารถบรรทุกที่ขนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากโคลัมเบียเข้าเวเนฯ แต่ถูกเจ้าหน้าที่เวเนฯสกัด

Jorge Arreaza รมว ต่างประเทศของเวเนฯกล่าวหาว่าการเผารถบรรทุกเป็นฝีมือของซีไอเอ เพื่อสร้างสถานการณ์ก่อนจะนำไปสู่สงครามเพื่อโค่นล้มมาดูโร่

https://www.rt.com/news/452285-jorge-arreaza-comments-clashes/

 

Thanong Fanclub


ขบวนขนความช่วยเหลือที่ฝ่ายค้านเวเนฯพยายามนำเข้าปท. เจอฝ่ายรบ.ยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางที่ชายแดน


กองทหารเวเนซุเอลาที่จงรักภักดีต่อประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าใส่พวกผู้สนับสนุนฝ่ายค้านที่กำลังหาทางนำเอาความช่วยเหลือจากต่างประเทศนำโดยสหรัฐฯ ผ่านเข้ามาจากชายแดนติดต่อโคลอมเบียในวันเสาร์ (23 ก.พ.) ล่าสุดมาดูโรได้ประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับโคลอมเบีย ขณะที่มีรายงานผู้เสียชีวิต 2 คนในการปะทะระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลที่บริเวณใกล้ชายแดนติดต่อกับบราซิล


การปะทะกันที่ชายแดนติดต่อระหว่างเวเนซุเอลากับโคลอมเบีย เกิดขึ้นขณะที่ ฮวน กวยโด ผู้นำฝ่ายค้านเวเนซุเอลา ซึ่งชาติตะวันตกส่วนใหญ่รับรองว่าเป็นผู้นำที่ถูกต้องชอบธรรมของชาติละตินอเมริการ่ำรวยน้ำมันรายนี้ เป็นผู้ให้สัญญาณด้วยตนเองเพื่อส่งขบวนรถบรรทุกความช่วยเหลือออกจากเมืองกูกูตา ของโคลอมเบียซึ่งอยู่ใกล้กับชายแดนเวเนซุเอลา


กวยโดได้ขึ้นไปอยู่บนรถบรรทุกคันหนึ่งในจำนวนสิบกว่าคัน ซึ่งกำลังลำเลียงความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมที่หนุนหลังโดยสหรัฐฯ เคลื่อนจากกูกูตา ภายหลังอยู่ที่รถดังกล่าวเป็นเวลาสั้นๆ เขาก็ลงมาก่อนที่ขบวนคาราวานออกเดินหน้ามุ่งหน้าสู่ชายแดน ซึ่งตรงนั้นพวกเขาได้ถูกผลักดันให้ถอยกลับโดยกองกำลังความมั่นคงเวเนซุเอลา


รัฐบาลโคลอมเบียบอกว่า ข้าวของที่รถเหล่านี้บรรทุกมาจะถูกนำลงมาและขนส่งต่อโดย “สายโซ่มนุษย์” ซึ่งได้จัดแถวกันแล้วตามถนนที่มุ่งหน้าสู่เวเนซุเอลา


ทว่าทั้งที่เมืองซานอันโตนิโอ และเมืองอูเรนา ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่แค่ข้ามชายแดนเข้ามา ปรากฏว่าทหารเวเนซุเอลาได้ยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าใส่พวกนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้าน รวมทั้งสมาชิกรัฐสภาซึ่งกำลังเดินมุ่งสู่พรมแดน โดยที่พวกเขาพากันโบกธงเวเนซุเอลาและร้องตะโกนว่า “เสรีภาพ”


ผู้เห็นเหตุการณ์หลายรายรายงานว่า ได้ยิงเสียงปืนดังอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นฝ่ายยิง


ในเวลาต่อมา มาดูโรแถลงว่าเขาตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับโคลอมเบีย และสั่งให้พวกเจ้าหน้าที่การทูตของโคลอมเบียออกจากเวเนซุเอลาภายในเวลา 24 ชั่วโมง เนื่องจากรัฐบาลของโคลอมเบียให้ความช่วยเหลือแก่กวยโด


ในเมืองอูเรนา วลาดิมีร์ โกเมซ วัย 27 ปี ที่เป็นพนักงานร้านค้าผู้หนึ่ง ซึ่งกำลังสวมเสื้อเชิร์ตสีขาวเปรอะเปื้อนเลือด เล่าว่า พวกผู้สนับสนุนฝ่ายค้านถูกกองกำลังความมั่นคงยิงใส่ในระยะใกล้ราวกับพวกเขาเป็นอาชญากร “ผมหลบกระสุนยางไม่พ้น และมันถูกทั้งที่หน้าและหลังของผม เราจะต้องสู้” เขากล่าว


พวกผู้สนับสนุนฝ่ายค้านซึ่งนัดกันสวมเสื้อเชิร์ตสีขาว จำนวนมากบอกว่าพวกเขาเป็นพลเรือนรักสันติซึ่งเพียงแค่ต้องการความช่วยเหลือ เนื่องจากเกิดอาหารและยาเวชภัณฑ์ขาดแคลนอย่างกว้างขวางในประเทศที่ครั้งหนึ่งเคยมั่งคั่งร่ำรวยแห่งนี้ แต่ในเวลานี้กำลังเผชิญความทุกข์ยากจากความล้มเหลวทางเศรษฐกิจอย่างไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน


“ผมเป็นคนก่อสร้างบ้าน ผมอยู่ที่นี่ทำการสู้รบเพื่อครอบครัวของผม เพื่อลูกๆ ของผมและพ่อแม่ ต่อต้านแก๊สน้ำตาของพวกทหาร และพวกทหารที่นั่งมาบนรถมอเตอร์ไซค์” โซเบอิดา มอนซัลเว วัย 42 บอก


คนอื่นๆ ปิดกั้นถนนสายต่างๆ ด้วยยางรถที่จุดไฟให้ลุกไหม้, จุดไฟเผารถบัสคันหนึ่ง, และขว้างก้อนหินใส่กองกำลังความมั่นคง เพื่อเรียกร้องให้มาดูโรยินยอมให้ความช่วยเหลือเข้าสู่ประเทศ


ในอีกด้านหนึ่ง กองทหารรักษาการณ์แห่งชาติของเวเนซุเอลา ยังได้ยิงแก๊สน้ำตาในเมืองซานตาเอเลานา ซึ่งอยู่ใกล้ๆ บริเวณชายแดนติดต่อกับบราซิล ที่อยู่ทางด้านใต้ของประเทศ และมีประชาชนพยายามจัดตั้งสิ่งกีดขวางขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้พวกกลุ่มก่อกวนติดอาวุธที่เป็นฝ่ายโปรรัฐบาลเข้าไปในเมือง


ตามรายงานของแพทย์ในโรงพยาบาลที่ทำการรักษาผู้บาดเจ็บ ปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 2 คน จากการปะทะกับกองกำลังความมั่นคงในวันเสาร์ (23)


ก่อนหน้านี้ในวันศุกร์ (22) ทหารได้เปิดฉากยิงในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในบริเวณนี้ สังหารผู้หญิงคนหนึ่งและสามีของเธอ เวลานี้ทหารของกองรักษาการณ์แห่งชาติจำนวน 35 คนกำลังถูกควบคุมตัวโดยชุมชนชาวพื้นเมืองเพื่อเป็นการประท้วง นายกเทศมนตรีของเทศบาลกรานซาบานา ซึ่งเขตบริหารครอบคลุมพื้นที่แถวนี้ด้วย บอกกับผู้สื่อข่าว


กวยโด ผู้นำฝ่ายค้านระบุว่ามีรถบรรทุกความช่วยเพลือเพื่อมนุษยธรรม 2 คันข้ามจากชายแดนบราซิลได้เป็นระลอกแรกแล้ว ทว่าทั้งผู้สื่อข่าวของเอเอฟพีและประจักษ์พยานของรอยเตอร์ต่างพูดตรงกันว่า รถบรรทุก 2 คันนี้ยังไม่สามารถข้ามฝ่ายด่านศุลกากรเวเนซุเอลาได้


“สิ่งที่พวกเราทำในวันนี้เราทำเพื่อครอบครัวของเราเพื่อประชาชนชาวเวเนซุเอลา” ชาย 1 ใน 4 คนในคลิปวิดีโอนี้กล่าวคลิปวิดีโอนี้ได้ถูกนำออกอากาศในรายการข่าวของทีวีโคลอมเบียด้วยแต่ไม่ได้ระบุว่าพวกเขาเป็นใคร


โทรทัศน์โคลอมเบียยังเผยแพร่ภาพของบุคคลที่ระบุว่าเป็นนายทหารชาวเวเนซุเอลาชื่อพันตรีฮูโก ปาร์รา ซึ่งหันมายอมรับว่ากวยโดเป็นประธานาธิบดีขณะที่หน่วยงานด้านผู้อพยพของโคลอมเบียแจ้งว่ามีสมาชิก 13 คนในกองกำลังความมั่นคงของเวเนซูเอชาแปรพักตร์ในวันเสาร์ ในจำนวนนี้10 คนเป็นสมาชิกของกองทหารรักษาการณ์แห่งชาติ และอีก 2 คนเป็นตำรวจ


ทางด้านพวกผู้นำของพรรคสังคมนิยมที่เป็นพรรคผู้ปกครองเวเนซุเอลาได้เรียกความพยายามนำความช่วยเหลือจากต่างชาติเข้ามาของกวยโดว่าเป็นการรุกรานที่ปกปิดอำพรางเอาไว้โดยที่ได้รับการหนุนหลังจากวอชิงตันและยืนยันเรียกร้องว่าสิ่งที่สหรัฐฯควรจะกระทำมากกว่าในการช่วยเหลือเวเนซุเอลาคือการยกเลิกมาตรฐานแซงก์ชั่นซึ่งกำลังทำให้ภาคการเงินและภาคอุตสาหกรรมน้ำมันของชาติละตินอเมริการายนี้เป็นอัมพาตทั้งนี้มาดูโรกล่าวโทษว่าสถานการณ์อันยากลำบากของประเทศของเขาเกิดจากการแซงก์ชั่นของสหรัฐฯซึ่งสกัดกั้นเงินทุนต่างๆ ไม่ให้เข้าประเทศรวมทั้งทำให้อุตสาหกรรมน้ำมันของประเทศของเขาที่เป็นสมาชิกโอเปกรายหนึ่งต้องเผชิญภาวะโซซัดโซเซ


ขณะที่ประชาชนในเวเนซุเอลามีความต้องการในเรื่องอาหารและยาเป็นอย่างยิ่งฝ่ายค้านซึ่งพยายามชูเรื่องนำความช่วยเหลือเข้าประเทศยังหวังที่จะใช้การปฏิบัติการนี้เพื่อสร้างความอับอายขายหน้าให้แก่พวกนายทหารซึ่งยังคงแสดงการสนับสนุนมาดูโรต่อไป


พวกผู้สนับสนุนฝ่ายค้านจำนวนหลายพันคนซึ่งต่างสวมชุดขาวได้ไปรวมตัวกันที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งในการากัสเพื่อเรียกร้องกองทัพอนุญาตให้ลำเลียงความช่วยเหลือเข้ามาได้


ทางด้าน จอห์น โบลตันที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ได้ยกเลิกแผนการเดินทางไปเกาหลีใต้เพื่อการเตรียมการสำหรับการประชุมซัมมิตที่จะดำเนินการต่อไปในเรื่องโครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือโฆษกของเขาแถลงเมื่อวันศุกร์ (22)พร้อมกับระบุว่า โบลตันจะหันมาโฟกัสเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นในเวเนซุเอลา


https://mgronline.com/around/detail/9620000019084

 

Sayan Rujiramora


GlobalResearch

Quantitative Easing (QE) Forever: The Fed’s Dramatic About-face

Ellen Brown. Feb 22, 2019


***ตอนท้ายบทความ โปรดใช้วิจารณญานนะครับ***


"Quantitative Easing" QE การผ่อนคลายเชิงปริมาณ เป็นมาตรการฉุกเฉิน ..ที่ Federal Reserve ทำการ "ผ่อนคลาย" ปริมาณเงินที่หดตัวจากวิกฤติเครดิตเมื่อปี 2008-09 โดยการปั๊มพ์เงินดอลล่าร์นับล้านล้านซื้อพันธบัตรรัฐบาลจากธนาคารเพื่อให้เงินเข้าระบบของแบ้งค์ ...แล้วเมื่อหลังจากวิกฤติผ่านไปแล้ว Fed ก็จะต้องดูดเงินเหล่านี้กลับ โดยมาตรการที่เรียกว่า "Quantitative Tightening" QT ..พร้อมกับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและดูดเงินกลับโดยการขายคืนพันธบัตรที่ซื้อไว้เข้าตลาด


Fed ทำการ QT มาตลอดถึง 2018 จนตลาดหุ้นเริ่มมีอาการดิ่งลงเมื่อฤดูใบไม้ร่วง ..เดือนธันวาคม Jerome Powell ประธาน Fed บอกว่า QT เดินหน้าด้วย "autopilot" หมายความว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยพร้อมกับขายหลักทรัพย์ที่ถือไว้ออกไปเพื่อดูดเงินกลับเดือนละ $50,000 ล้านจนกว่าจะถึงเป้า ..แต่ตลาดก็จะตายให้ได้ ออกมาโวยวายกัน โดยที่ Nasdaq Composite ร่วงลงไปถึง 22% จากเมื่อช่วงซัมเมอร์


ร้ายกว่านั้น การชักดาบเริ่มมีมากขึ้นในกลุ่มหนี้ consumer ..ธันวาคม 2018 เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่ลูกหนี้ทุกประเภทเริ่มมีอัตราการชักดาบมากขึ้นเดือนต่อเดือน ...หนี้บริโภคที่รวมถึงรถยนตร์ ..หนี้ กยศ. ..บัตรเครดิต ถูกจับมามัดรวมเป็น bundle ขายออกเป็นหลักทรัพย์ คล้ายๆกับเมื่อปี 2008 เมือครั้งที่เอาหนี้เน่าจำนองบ้าน subprime มามัดรวมเป็นหลักทรัพย์ขาย จนทำให้ตลาดเจ๊งมาแล้วในปีนั้น หลังจาก Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ..เหมือนกับยังไม่เข็ด


ประธาน Powell ออก memo ในเดือนมกราคม ..เขากลับลำเปลี่ยนทิศกระทันหัน ประกาศว่า QT จะหยุดก็ได้ถ้าต้องการ ...และเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Mary Daly ประธาน Fed สาขาซานฟรานซิสโกบอกว่า พวกเขากำลังคิดก้าวข้ามไปอีกขั้น ..."บางคนอาจคิดว่าเราจัดการเรื่องอัตราดอกเบี้ยเป็นเรื่องหลักและงบดุลเป็นเรื่องรอง"


QE และ QT จะไม่ใช่มาตรการฉุกเฉินอีกต่อไป แต่จะใช้เป็นเครื่องมือ routine ในการจัดการเรื่องปริมาณเงิน


จากบทความ “Quantitative Easing on Demand" ในเวบ Seeking Alpha เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ..Mark Grant เขียนว่า


"ถ้า Fed ตัดสินใจใช้แนวทางนี้จริง นี่จะเป็นการเปลี่ยนวิธีการจัดการระบบการเงินในสหรัฐไปเลย ผมคิดว่าคงมีสถาบันการเงินน้อยมากที่จะเห็นดีไปด้วย นี่มันจะเกี่ยวกับทุกๆตลาดเลย...ทั้งหมดเลย"


The Problem of Debt Deflation


Fed รู้ดีแล้วว่า ไม่สามารถที่จะทำให้ Balance Sheet ของตนกลับมาเป็น "ปกติ" ได้อีกแล้ว มันยังคงต้องปั๊มพ์เงินเข้าระบบแบ้งกิ้งต่อไปเพื่อหลีกเลี่ยงเศรษฐกิจถดถอย แน่นอนว่ามันทำให้ผู้ที่เฝ้าดูวิตกว่าจะเกิดเงินเฟ้อรุนแรงได้


QE ไม่จำเป็นต้องทำให้เกิดเงินเฟ้อเสมอไปถ้าใช้เฉพาะจุด เงินที่เพิ่มขึ้นมาเพียงแค่ฉีดเข้าไปในธนาคารลูกหนี้แทนที่จะเป็นเจ้าหนี้ ..แต่ที่จริงการฉีดเงินตรงเข้าระบบเศรษฐกิจโดยรวมก็เป็นการหลีกเลี่ยงวงจร Boom & Bust ที่อยู่มานานถึงสองศตวรรษมาแล้ว ..Mark Grant จบบทความของเขาโดยอ้างถึงคำพูดของ Abraham Lincoln :


"รัฐบาลควรเป็นผู้จัดสร้าง ..ตรา และหมุนเวียนเงินและเครดิตเพื่ออำนาจการใช้จ่ายของรัฐบาลเอง และอำนาจซื้อของผู้บริโภคทั่วๆไป ..ถ้าทำตามหลักการแบบนี้ ประชาชนผู้เสียภาษีทั่วไปจะประหยัดเงินค่าดอกเบี้ยจำนวนมาก ..money จะไม่เป็นเจ้านายอีกต่อไปแต่จะเป็นผู้รับใช้ของมนุษยชาติ"


คำอ้างนี้ยังเป็นที่สงสัยอยู่ว่าจริงหรือเปล่า..แต่หลักการมันก็ใช่เลย นั่นคือ เงินที่เพิ่มใหม่เข้ามาควรจะหลีกเลี่ยงการก่อภาระหนี้ที่ไปท่วมระบบ แต่ควรจะเข้าไปตรงจุดที่ต้องการมากกว่า ..และควรจะต้องหลีกเลี่ยงในสิ่งหนึ่งที่นักเศรษฐศาสตร์กลัวกันมากกว่าเงินเฟ้อ คือ ..เงินฝืด Debt Deflation ที่ทำให้ระบบพังมาแล้วช่วงปี 1930s


ทุกวันนี้เงินส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นมา จัดเพิ่มกันเองโดยพวกธนาคารตอนที่ปล่อยกู้ เมื่อลูกหนี้ที่กู้มากเกินไปเริ่มจ่ายคืนโดยไม่มีการกู้เพิ่ม ปริมาณเงินในระบบก็จะเกิดอาการหดตัวหรือ deflate ..ดีมานด์ก็จะหดตัวไปด้วย ..ธุรกิจทั่วไปหาลูกค้าได้ยากขึ้น ..มันเกิดเป็นวังวนแบบที่เห็นใน Great Depression เมื่อช่วงปี '30s


Steve Keen นักเศรษฐศาสตร์ออสเตรเลียให้ข้อสังเกตุว่า ทุกวันนี้หนี้ส่วนบุคคลมันสูงมากเกินไป นั่นเป็นเหตุผลที่การกู้ยืมลดลง ...ทฤษฎีทางเศรษฐกิจทั่วๆไปเชื่อว่าธนาคารเป็นเพียงตัวกลางการหมุนเวียนของเงินมากกว่าที่จะไปสร้างพลังการใช้จ่ายทั่วไป ...แต่ Prof. Steve Keen บอกว่าไม่จริง เขาอ้างถึงรายงานของ Bank of England ปี 2014:


"แบ้งค์ไม่ได้เป็นเพียงตัวกลาง ปล่อยกู้จากเงินฝากของลูกค้า หรือไม่ได้แค่เพิ่ม "ทวีคูณ" เงินฝากนั้นให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มสินเชื่อเท่านั้น...


"ในเศรษฐกิจยุคโมเดิร์น เงินส่วนใหญ่จะอยู่ในบัญชีธนาคาร เมื่อใดก็ตามที่มีการปล่อยกู้ จะมีการสร้างบัญชีเงินฝากคู่กันกับบัญชีของลูกหนี้รายนั้น เท่ากับสร้างเงินใหม่ขึ้นมาอีกในรูปเงินฝาก"


เงินกู้ก็ไปสร้างเงินฝากขึ้น เงินฝากก็ทำให้ปริมาณ money supply เพิ่มขึ้น ....ทุกวันนี้เงินที่สร้างขึ้นใหม่จากธนาคารถือเป็นหนี้สินในงบดุล แต่ลูกหนี้เป็นทรัพย์สินในงบดุลที่มีมากกว่าเพราะมีดอกเบี้ย ...หนี้จึงเพิ่มเร็วกว่าปริมาณ money supply ...แล้วเมื่อลูกหนี้ไม่ต้องการหนี้เพิ่มเพื่อมาชำระหนี้เดิมอีกแล้ว แก็ปก็ถ่างกว้างเพิ่มขึ้นอีก ...ผลก็คือ เกิดเงินฝืด debt deflation ...ลูกหนี้ไม่ต้องการหนี้เพิ่มอีก เงินใหม่จึงไม่มีออกมาสู่ตลาด ..ทำให้ไม่มีเงินใหม่มาเติมแก็ประหว่างหนี้กับเงินที่จะชำระหนี้อีก


อย่างไรก็ตาม เงินที่มีการเพิ่มตลอดช่วงการทำ QE จนถึงบัดนี้ไม่เคยไหลเข้าไปในส่วนของผู้บริโภคโดยตรงเพื่อไปเติมแก็ปนั้นได้ ตรงข้าม..มันตรงไปเข้าที่แบ้งค์เลย แล้วก็ไหลตรงไปที่ตลาดการเงินในส่วนของการเก็งกำไร ..Nomi Prins เรียกมันว่า "dark money" ..ทุกปี..เงินนับล้านล้านดอลล่าร์ไหลเข้าตลาดหุ้น..พันธบัตร..และอนุพันธ์ทั่วโลกที่ถูกปั่นจากธนาคารกลาง ..เงิน dark money เหล่านี้ไหลไปทั่วโลก แต่เพื่อผลประโยชน์ของคนกลุ่มเดียว


QE เข้ามาเพื่อช่วยปลดหนี้ออกจากธนาคารต่างๆ และดันให้ราคาหุ้นในตลาดพุ่งสูงลิ่ว ...แต่ไม่ได้ช่วยปลดหนี้ออกจากผู้บริโภคทั่วๆไป ธุรกิจเอกชนและรัฐบาลเลย ..และหนี้พวกนี้นั่นแหละที่จะเป็นชนวนให้เกิด debt deflation ที่ว่ามานั้น และมันจะทำให้ทั้งระบบเศรษฐกิจนี้พังลงได้เลย ..Steve Keen แนะนำว่าทางเดียวที่จะลดหนี้ส่วนนี้โดยไม่ให้มันมาเป็นสาเหตุของ Depression ได้ก็คือ Debt Jubilee ยุคโมเดิร์น นั่นคือทำ QE ให้กับประชาชนทั่วๆไป


QE-funded Debt Relief


Prof. Michael Hudson ให้ข้อสังเกตุว่าในยุคโบราณ เมื่อมีการเปลี่ยนผู้ปกครองประเทศใหม่ จะมีการยกหนี้ทั่วประเทศทุกครั้ง เพราะรู้กันดีว่าหนี้รวมดอกเบี้ยมันจะโตเกินกว่าปริมาณเงินจนได้ จึงต้องมีการยกหนี้เพื่อหลีกเลี่ยงเศรษฐกิจล่มจากหนี้ค้างชำระเหล่านี้ ...การเติบโตทางเศรษฐกิจไม่มีทางไล่ทันการเติบโตของหนี้ที่คำนวนด้วยอัตราดอกเบี้ยทบต้นได้เลย


ลูกหนี้ทั่วไป จำต้องได้รับการปลดหนี้ด้วยวิธีนี้ แต่ทำไม่ได้เพราะนี่ไม่ใช่หนี้ที่มีต่อภาครัฐ เป็นหนี้ต่อธนาคารและเอกชนด้วยกัน ...ข้อเสนอแนะของ Keen เป็นการเติมแก็ปด้วย QE ที่ส่งตรงเข้าบัญชีของลูกหนี้เหล่านี้เพื่อใช้ในการชำระหนี้ ผู้ที่ไม่มีหนี้ก็จะได้รับการอัดฉีดนี้ไปด้วย


ถ้าจัดการให้ดี การอัดฉีดแบบนี้จะไม่ทำให้เกิดเงินเฟ้อ ...เงินถูกสร้างมาในลักษณะของเงินกู้และหายไปทันทีที่มีการชำระคืน เงินที่ใช้ชำระหนี้จะหายไปพร้อมกับหนี้...(Money is created as loans and extinguished when they are paid off, so the money used to pay down debt would be extinguished along with the debt.) ...(ตรงนี้ผมแปลทั้งๆที่ไม่เข้าใจครับขอสารภาพ อิอิ ...เพื่อนท่านใดเข้าใจยังไงช่วยเม้นท์ด้วยครับ)


เงินในส่วนที่ฉีดเข้ามาแต่ไม่ต้องใช้ชำระหนี้ จะเป็นตัวช่วยเติมแก็ปภาคการผลิต..เพื่อรักษาดุลของดีมานด์และซัพพลายให้โตไปพร้อมกัน ทำให้ราคาสินค้ามีความเสถียร


การอัดฉีดเงินอย่างเป็นระบบเข้าบัญชีส่วนบุคคลเรียกว่า “universal basic income" หรือ “national dividend” เป็นสิ่งที่พลเมืองทุกคนมีสิทธิ์ได้รับเท่ากัน โดยไม่เกี่ยงฐานะ ..มันจะเป็น safety net ให้กับคนที่อยู่แบบเดือนชนเดือน แต่ผลได้ที่มากกว่านั้นอีกอย่างหนึ่งคือ นโยบายทางเศรษฐกิจที่จะกระตุ้นดีมานด์และการผลิต ทำให้อุตสาหกรรมมันเคลื่อนต่อไปได้


เงินจะเป็นข้ารับใช้ให้กับมนุษยชาติจริงๆ เปลี่ยนจากเครื่องมือกดขี่มาเป็นเครื่องมือสร้างความมั่งคั่ง แต่ก่อนอื่นธนาคารกลางต้องยอมเป็นผู้ให้บริการ ต่อข้อเรียกร้องจากประชาชนเสียก่อน


Ellen Brown is an attorney, founder of the Public Banking Institute, and author of twelve books including Web of Debt and The Public Bank Solution. A 13th book titled Banking on the People: Democratizing Finance in the Digital Age is due out soon. She also co-hosts a radio program on PRN.FM called “It’s Our Money.” Her 300+ blog articlลลShe is a frequent contributor to Global Research.


https://www.globalresearch.ca/quantitative-easing-qe-forever-the-feds-dramatic-about-face/5669320

 

Jeerachart Jongsomchai


... "ยุทธศาตร์น้ำมันอเมริกาเปลี่ยนหนัก, เน้นส่งออก นำเข้าเหลือศูนย์ ในปี 2020 ได้เปรียบและป่วนจีน"


... แม้ "จีน" พยายามจะซื้อน้ำมันด้วยเงินหยวนของตน กับประเทศผู้ขาย แต่ก็ยังทำให้ความมั่นคงทางพลังงานดีขึ้นไม่มาก เพราะว่า ในปี 2020 นี้

ยุทธศาตร์น้ำมันของ "อเมริกา" กำลังเปลี่ยน โดยในปี 2019 จะเปลี่ยนเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก ส่วนใหญ่มากจาก "เชลออย" หรือการดูดน้ำมันจากชั้นหินดินดาน และตามมาด้วยแผนใน ปี 2020 จะลดการนำเข้าจากประเทศอื่นเหลือเป็นเกือบ 0 %


... ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพยายามเข้าครอบครองแหล่งน้ำมันให้ได้ เพื่อจะควบคุมการกำหนดราคาน้ำมันโลกต่อไป ดังนั้นจึงต้องครอบครองบ่อน้ำมันทั่วโลก เช่นใน "เวเนซุเอล่า" เพราะว่าเวเนซุเอล่าเป็นประเทศหลักที่พวกเขานำเข้ามาประมาณ ร้อยละ 39 จึงต้องการยึดปล้นมาแบบฟรีๆ โดยการตั้ง “นายฮวน กว่ายโด่” เป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของตนในเวเนซุเอล่า ขณะที่เชลออย นั้น ปี 2018 ที่ผ่านมามีข่าวเตรียมการก่อตั้งแท่นเจาะขุดมากมายแบบพุ่งทะลุมากกว่าเดิมมากนักในอเมริกา แปลว่าพร้อมเต็มที่ที่จะเป็นผู้ผลิตน้ำมันจริงๆ


... ถ้า “อเมริกา” และทั่วโลกยังยึดกับการซื้อขายน้ำมันด้วยเงินอเมริกันดอลล่าร์ จะทำให้ทั่วโลกเก็บเงินดอลล่าร์ไว้ในคลังสำรองของกองทุนำรองระหว่างประเทศมากต่อไป และจะมีผลต่อการจัดสรรการไหลเวียนของเงินดอลล่าร์และเงินทุนในการค้าโลก ตามที่อเมริกาต้องการ กระดุมเม็ดแรกจึงต้องทำให้ทั่วโลกใช้ดอลล่าร์ซื้อขายน้ำมัน และ ควบคุมราคมน้ำมันให้ได้ก่อน


... แม้จะมีการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น เช่นรถไฟฟ้า แต่ สินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก ยังคือ “น้ำมัน” เหมือนเดิมที่จำนวนประมาณ $14 ล้านล้านดอลล่าร์ต่อปี โดยเฉลี่ย หรือเทียบเท่ากับ “รายได้จีดีพีของจีนในปี 2017”


... ดังนั้น ยุทธศาสตร์ด้านพลังงานน้ำมันของทั้ง “จีนและอเมริกา” จึงขัดแย้งกันอย่างชัดเจน


... ตามภาพประกอบ “จีน” ยังต้องขนส่งน้ำมันผ่านทางช่องแคบมะละกา ไปทะเลจีนใต้ ช่องแคบไต้หวัน และสุดท้ายไปพักที่โกดังน้ำมันในหลายๆเมืองทางตะวันออก เช่น ซานตง เหลียวหนิง เจ้อเจียง กว่างตุ้ง เป็นต้น ที่ตอนนี้โกดังตามแนวฝั่งทะเลจีนใต้ของจีนยังไม่เพียงพอ ( หลายปีก่อน ก็เจอระเบิดโกดังสินค้าที่เทียนจิน ) ดังนั้น “อเมริกา” รู้ว่าจีนยังต้องนำเข้าน้ำมันอีกหลายสิบปี ที่ต่างจากตน อเมริกาจึงกำลังได้เปรียบ ต้องการสร้างความปั่นป่วนใน “ทะเลจีนใต้” หรือ “เส้นทางขนส่งน้ำมันและสินค้าเข้าออกที่สำคัญของจีน” เป็นถนนเส้นหลักหน้าบ้านของจีน ต่อไปเรื่อยๆ


... นอกจากนั้น “จีน” ยังได้สร้างทางขนส่งสินค้าตามแนวคิด “เส้นทางสายไหมใหม่” ทางบกไม่ต้องง้อทางน้ำที่มาเฟียมาป่วน ที่เชื่อมจีนตอนใต้กับอาเซี่ยน เช่นเชื่อมรัฐยะไข่ของพม่าของอ่าวเบงกอลไปที่จีนตอนใต้ ที่กำลังถูกสกัดจากเรื่องโรฮีนจา และโครงการเชื่อมจีนตะวันตก กับปากีสถานและเมือง Gwadar ที่เชื่อมกับมหาสมุทรอินเดีย เพราะว่า พ่อค้าน้ำมันรายใหญ่ของ “จีน” คือ “รัสเซีย อังโกล่า และ ซาอุดิอาระเบีย” จะได้ส่งน้ำมันให้จีนไม่ต้องอ้อมช่องแคบมะละกา


... อีกยุทธศาสตร์ของ “จีน” ก็คือต้องการกำหนดราคาน้ำมันโลกของตัวเอง ที่ตลาดเซี่ยงไฮ้ โดยการสร้างตลาดน้ำมันดิบล่วงหน้า ที่ตอนนี้ปริมาณการซื้อมาเป็นตลาดอันดับสามของโลก รองจากตลาด เบรนท์ และ WTI แล้ว


… นับตั้งแต่ปี 2014 ที่”อเมริกา” พยายามสร้างความร้าวฉานเป็นอาชีพหลักให้ยุโรปแตกร้าวกันเอง คือยุโรปตะวันตกขัดแย้งกับ “รัสเซีย” กรณีไครเมีย ยูเครน ทำให้รัสเซียถูกสกัดการขายพลังงานและแก๊สมาให้ยุโรป เพราะอเมริกาต้องการขายให้แทน ในรูปแบบแก๊สเหลวขนส่งทางเรือหรือ แอลเอ็นจี ที่ตอนนี้นำร้องขายให้ “โปแลนด์” แล้ว เพราะต้องการหาตลาดรองรับให้กับตัวเอง ที่กำลังเป็นผู้ผลิตและส่งออกด้วย ยังไม่นับ “อิสราเอล” ที่กำลังจะเป็นผู้ส่งออกแก๊สไปยุโรปด้วยเช่นกัน จึงต้องสกัดรัสเซียให้พ้นทางไปก่อน แต่ผู้นำยุโรป เช่น เยอรมัน ฝรั่งเศส ก็ยังจะดื้อซื้อจาก “อิหร่าน” และ “รัสเซีย” ต่อไป เช่นกำลัง “สร้างเส้นทางแก๊สสายเหนือ2” ในยุโรปที่ทำให้ “อเมริกา” ไม่พอใจมาก จนต้องสั่งสอน จัดการประท้วงใหญ่เสื้อกั๊กสีส้มใน “ฝรั่งเศส” มาหลายเดือนแล้ว


... สรุปแผนยุทธศาตร์ของอเมริกาเรื่องน้ำมันคือ “เปลี่ยนเป็นผู้ผลิตส่งออกรายใหญ่ในปี 2019 และในปี 2020 ลดการนำเข้าน้ำมันให้เหลือเกือบศูนย์เปอร์เซนท์ ( ปล้นประเทศเวเนซุเอล่า เพื่อปล้นและควบคุมปริมาณน้ำมันและราคา คว่ำบาตรอิหร่านเพื่อจะทำให้ปริมาณน้ำมันน้อยลง ราคาก็สูงขึ้น ดอลล่าร์แข็งขึ้น ) ตามด้วยต้องควบคุมค่าเงินดอลล่าร์ของตนเอง ( จึงต้องหมั่นสร้างสงครามเพื่อปั่นราคาน้ำมันและปั่นค่าเงินดอลล่าร์ ) สร้างความขัดแย้งสงครามในทะเลจีนใต้ ช่องแคบมะละกา เพื่อสกัดการขนส่งน้ำมันและสินค้าผ่านเส้นทางหลักนี้ ไปจีน


.

... A pilot program for yuan payment could be launched as soon as the second half of the year and regulators have already asked some financial institutions to "prepare for pricing crude imports in the yuan", Reuters sources reveal.

According to the proposed plan, Beijing would start with purchases from Russia and Angola, two nations which, like China, are keen to break the dollar’s global dominance. They are also two of the top suppliers of crude oil to China, along with Saudi Arabia.


... Related: U.S. Petroleum Imports Could Fall To Zero In 2020

A change in the default crude oil transactional currency - which for decades has been the "Petrodollar", blessing the U.S. with global reserve currency status - would have monumental consequences for capital allocations and trade flows, not to mention geopolitics: as Reuters notes, a shift in just a small part of global oil trade into the yuan is potentially huge. "Oil is the world’s most traded commodity, with an annual trade value of around $14 trillion, roughly equivalent to China’s gross domestic product last year." Currently, virtually all global crude oil trading is in dollars, barring an estimated 1 per cent in other currencies. This is the basis of U.S. dominance in the world economy.

However, as shown in the chart below which follows the first few days of Chinese oil futures trading, this status quo may be changing fast.


Whether or not Goldman is right remains to be seen, however it is undeniable that a monumental change is afoot in global capital flows, where the U.S. - whether Beijing wants to or not - will soon be forced to defend its currency status as oil exporters (and investors in this highly financialized market) will now have a choice: go with U.S. hegemony, or start accepting Yuan in exchange for the world's most important commodity.

By Zerohedge


. https://oilprice.com/Geopolitics/In...Step-In-Paying-For-Crude-Imports-In-Yuan.html

 

Chalee Na Roied


ตอนนี้ธนาคารกลางหลายๆประเทศ เริ่มวิตกกังวลกับทองคำสำรองที่ ฝากไว้ที่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นที่สหรัฐและอังกฤษ เพราะวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในเวเนซุเอลา เพราะธนาคารกลางอังกฤษ ปฏิเสธที่จะส่งมอบทองคำสำรอง คืนให้กับรัฐบาลเวเนซุเอลานั่นเอง


ล่าสุดทางธนาคารกลางอิตาลี ที่มีทองคำสำรองมากเป็นอันดับ 3 ของโลก จากตัวเลขที่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ ก็พยายามที่สร้างความมั่นใจว่า ทองคำสำรองของตนเองนั้นยังอยู่ และพยายามผลักดันกฎหมาย ที่คุ้มครองกรรมสิทธิ์เหนือทองคำเหล่านี้ รวมถึงแนวทางนำทองคำเหล่านี้กับมาเก็บในธนาคารกลางอิตาลี เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชาวอิตาลี


ในทุกปีธนาคารกลางของอิตาลี จะได้รับใบรับรอง เพื่อยืนยันตัวเลขปริมาณทองคำสำรองเหล่านี้เท่านั้น บรรดานักกฎหมายของอิตาลีระบุว่า อิตาลีไม่สามารถส่งทีมเข้าไปพิสูจน์ว่า แท้จริงแล้วทองคำเหล่านี้ยังคงอยู่หรือไม่?



ถ้าทุกคนจำได้เมื่อหลายปีก่อน ทางรัฐบาลเยอรมัน ก็พยายามทวงทองคำสำรอง คืนจากธนาคารกลางสหรัฐ รวมถึงแจ้งความประสงค์ ที่จะเข้าไปตรวจสอบปริมาณทองคำสำรองของตน แต่ธนาคารกลางสหรัฐได้ปฏิเสธ และยินยอมให้ขนทองคำบางส่วนกลับได้ ในปี2020เท่านั้น นั่นหมายความว่า ทองคำสำรองของเยอรมัน เกือบ 45% ยังเก็บที่ธนาคารกลางสหรัฐนั่นเอง (ถ้าทองคำเหล่านี้ ยังคงมีอยู่)

https://sputniknews.com/analysis/201902231072680534-italy-control-gold-reserves/

 

กองทัพพม่าตั้งโต๊ะแถลงพร้อมขวางพรรคซูจีแก้สาระสำคัญรัฐธรรมนูญ
.
กองทัพพม่ากล่าวว่า พวกเขาจะขัดขวางความพยายามของพรรคของนางอองซานซูจี ที่จะเปลี่ยน “สาระสำคัญ” ของรัฐธรรมนูญ ความเคลื่อนไหวที่ส่งผลให้กองทัพและรัฐบาลพลเรือนอยู่ในวิถีทางการปะทะในประเด็นทางการเมือง

https://mgronline.com/indochina/detail/9620000019168

#MGROnline #กองทัพพม่า #อองซานซูจี

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว ไม่ควรนิ่งนอนใจค่ะ!! สำหรับกรณี #โรคซึมเศร้า ที่คนไทยควรทำความรู้จักทั้งมูลเหตุของโรค การรับมือ ดูแล และป้องกันทั้งตัวเองและคนรอบข้าง รู้ไหมคะว่าคนไทยรู้จักและเข้าใจโรคนี้กันน้อยมากจริงๆ คุณทราบหรือไม่คะว่า มีคนไทยจำนวนมากถึงปีละ 40,000 รายฆ่าตัวตายด้วยสาเหตุจากโรคซึมเศร้า!!!

#กรมสุขภาพจิต ระบุชัด ในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา คนไทยปลิดชีวิตตัวเองไปประมาณ 40,000 ราย หรือคิดเป็นตัวเลขเฉลี่ยตกอยู่เดือนละ 340 ราย โดยสาเหตุหลักของการฆ่าตัวตายมาจากโรคที่จิตเวชไม่ได้รับการวินิจฉัย หรือควบคุมอาการได้ ซึ่งโรคเหล่านี้ประกอบด้วยโรคซึมเศร้า โรคไบโพลาร์ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะฆ่าตัวตายมากถึง 20 เท่า

Source : smartsme - https://bit.ly/2IuLXlv

อย่างไรก็ตาม หนึ่งในปัญหาการฆ่าตัวตายมาจาก โรคซึมเศร้า ซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรงทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ส่งผลให้มีความรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นคนไร้ค่า ซึ่งเราสามารถสังเกตุคนรอบข้างเราได้ว่ามีพฤติกรรมดังต่อไปนี้หรือไม่ ดังนี้

▪️ชอบอยู่คนเดียว แยกตัวจากผู้อื่น ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
▪️ติดสุรา ยาเสพติด
▪️เคยคิดฆ่าตัวตายมาแล้วก่อนหน้านี้
▪️ชอบพูดประมาณว่า “ไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว”
▪️ประสบปัญหาชีวิต เช่น ล้มละลาย ครอบครัวแตกแยก ผิดหวังจากความรัก
▪️เวลาพูดมีเสี่ยงสั่นเครือ สีหน้ามีความวิตกกังวล

#หากพบบุคคลที่น่าสงสัย เป็นไปตามพฤติกรรมที่กล่าวมาข้างต้น เราสามารถให้การช่วยเหลือได้โดยการให้กำลังใจ มอบคำปรึกษาที่ดี รวมไปถึงการออกไปทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น ออกกำลังกาย เดินทาง
ไปท่องเที่ยว แต่หากประเมินแล้วว่ามีความเสี่ยงเกินเยียวยารับมือก็ควรพาไปพบจิตแพทย์เพื่อขอรับคำปรึกษาต่อไป.

 

ซาอุฯ แต่งตั้งลูกสาวอดีตหัวหน้าสายลับเป็นทูตสหรัฐฯ
https://www.publicpostonline.net/23756

 

เมีย 7 คน ไม่มีคบซ้อน ไม่มีซุกไว้ "เต็กกอ" ชื่อนี้ คนนครปฐมไม่มีใครไม่รู้จัก

 

17:00 ฝนฟ้าคะนอง อ.สีคิ้ว อ.โนนไทย
อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ อ.กุสุมาลย์ จ.สกลนคร

16:50 มีรายงานฝนฟ้าคะนอง มีลูกเห็บตก ที่ อ.นาแก จ.นครพนม cr.ณภัทร เมืองโคตร และสวพ.FM91