ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk

    21 กุมภาพันธ์ 2019 ROGERSVILLE - รัฐเทนเนสซี แผ่นดินถล่มขนาดใหญ่ ทางหลวง (Hwy) หมายเลข 70 แยกออกมา

    IMG_9746.JPG IMG_9747.JPG IMG_9748.JPG IMG_9749.JPG IMG_9750.JPG

    www.therogersvillereview.com/rogersville/article_1af367c3-6e36-52e8-9849-acc154a29513.html


    February 21, 2019. ROGERSVILLE — Tennessee. Massive landslide takes out Hwy. 70.


    www.therogersvillereview.com/rogersville/article_1af367c3-6e36-52e8-9849-acc154a29513.html
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk


    20 กุมภาพันธ์ 2019 HICKMAN, KY (KFVS) - ฝนตกหนักบนพื้นที่อิ่มตัวแล้ว ทำให้เกิดสถานการณ์อันตรายใน Hickman, Ky


    แผ่นดินถล่มในพื้นที่ถนนบูคานันและถนน Church streets ทำให้นายกเทศมนตรีฮิคแมน นายเฮลธ์ คาร์ลตันประกาศให้ทราบถึงสถานการณ์ฉุกเฉินในท้องถิ่น

    IMG_9751.JPG IMG_9752.JPG IMG_9753.JPG

    www.kfvs12.com/2019/02/21/heavy-rain-causes-landslide-hickman-ky/


    February 20, 2019 HICKMAN, KY (KFVS) - Heavy rain on already saturated ground has caused a dangerous situation in Hickman, Ky.


    A landslide in the area of Buchanan and Church streets led the mayor of Hickman, Heath Carlton, to declare a local state of emergency.


    www.kfvs12.com/2019/02/21/heavy-rain-causes-landslide-hickman-ky/


     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk

    IMG_9754.JPG
    21 กุมภาพันธ์ 2562 ประกาศเหตุฉุกเฉิน เนื่องจากเกิดอุทกภัย มีผู้เสียชีวิต 26 ราย จากเหตุฝนตกหนัก ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน หลังคาพังทลาย (กรณีหลังคาพังทลายมีผู้เสียชีวิต 9 ราย) ในปากีสถาน


    ในขณะที่ปริมาณน้ำฝนที่ไม่หยุดชะงัก ทำให้น้ำท่วมเมืองหลวงของเพชาวาร์(Peshawar) เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินพยายามช่วยเหลือผู้คนจากหลายๆส่วนที่น้ำท่วมของลาสเบลลา


    [มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 คนหลังจากเกิดสภาพอากาศรุนแรงรวมถึงพายุฝนฟ้าคะนองและหิมะตกหนักในปากีสถาน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา พื้นที่ทางตอนเหนือของปากีสถานประสบหิมะตกหนักที่สุดในรอบ 48 ปีในขณะที่ประเทศที่ประสบภัยแล้งก็ยังประสบปริมาณน้ำฝนปกติ (+ 56%) จาก 1 มกราคมถึง 21 กุมภาพันธ์ในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยากล่าว]


    February 21, 2019. Flood emergency declared. 26 killed as torrential rain triggers flash flood, roof collapse in Pakistan


    While uninterrupted rainfall has flooded the provincial capital Peshawar, emergency workers tried to rescue people from flooded parts of Lasbella.


     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Catástrofes Mundiales 2


    #หิมะตกใน #เวกัสเป็นครั้งแรกใน #ทศวรรษที่ #อากาศฤดูหนาวที่ผิดปกติกำลังลงโทษเมืองคาสิโน..


    ⬇️ คลิ๊กที่ลิ้งค์ / ภาพด้านล่างเพื่อดูข่าวเต็ม ⬇️


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โดรนอิหร่านบินป่วนศูนย์บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ จนสหรัฐฯ สั่งระเบิดเครื่องบินของตน?
    Published: Thursday, 21 February 2019 16:55 | Written by Admin_taem |

    US-Bombed-Plane-1.jpg

    ผู้บัญชาการกองกำลังการบินและอวกาศของ IRGC ชี้ถึงคลิปวิดีโอการเจาะเข้าไปยังศูนย์บัญชาการกองทัพสหรัฐอเมริกา ซึ่งเครื่องบินของสหรัฐฯ ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของโดรน (อากาศยานไร้คนขับ)......

    นายพลฮาญีซอเดะฮ์ ผู้บัญชาการกองกำลังการบินและอวกาศของ IRGC ชี้ถึงคลิปวิดีโอการเจาะเข้าไปยังศูนย์บัญชาการกองทัพสหรัฐอเมริกา พร้อมกับกล่าวว่า :

    ในคลิปวิดีโอนี้ เครื่องบินของสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของโดรน (อากาศยานไร้คนขับ) ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิลามแห่งอิหร่าน ( IRGC) ได้เผชิญกับปัญหาก่อนจะลงจอดอย่างยากลำบาก ห่างจากฐานของตนในระยะ 10 กิโลเมตร ซึ่งทหารอเมริกันไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้เครื่องบินลำดังกล่าวเพื่อนำกลับไปยังฐานบัญชาการ จนในเวลาต่อมาพวกเขาระเบิดทำลายมันทิ้งด้วยเครื่องบินรบอีกลำหนึ่ง

    ที่มา : อัล-อาลัม

    ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม

    http://www.islamicstudiesth.com/ind...ry/18-news_articles/1615-iran-influence-on-us
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจาะเวลาหาอดีต


    กระดาษโน๊ตแผ่นนี้ ไอน์สไตน์เขียนให้พนักงานโรงแรมที่ญี่ปุ่น แทนเงินค่าทิป โดยเขียนเป็นภาษาเยอรมัน มีความหมายว่า "การใช้ชีวิตที่เรียบง่ายอย่างสมถะจะนำความสุขมาให้ดีกว่าการวิ่งหาความสำเร็จอย่างไม่หยุดหย่อนจะมีความวุ่นวายอย่างไม่รู้จบ" และบอกพนักงานให้เก็บไว้ให้ดีกระดาษแผ่นนี้จะมีคุณค่ามากกว่าทิปหลายเท่า วันนี้กระดาษแผ่นนี้ได้มีคนประมูลในราคา 1.56 ล้านดอลล่าร์หรือ 52 ล้านบาท โดยเรียกว่า"ทฤษฏีแห่งความสุข"


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers


    #ข่าวภัยพิบัติ

    // หิมะตกหนักกระทบการเดินทางในนครนิวยอร์ก //

    21/02/19

    นิวยอร์ก - พายุหิมะพัดกระหน่ำทั่วรัฐนิวยอร์กของสหรัฐเมื่อวันพุธ ทำให้หิมะตกสะสม 10 เซนติเมตรทั่วนครนิวยอร์ก กระทบการเดินทางในช่วงเวลาเย็น


    หิมะตกมาตั้งแต่ช่วงเที่ยงและมีปริมาณตกสะสมมากกว่า 10 เซนติเมตรในบางพื้นที่ รวมทั้งยังทำให้อุณหภูมิลดลงจนติดลบ 2 องศาเซลเซียส ถนนลื่นเนื่องจากสภาพอากาศไม่ดียังทำให้ผู้คนเดินทางไปมาลำบาก ทั้งการเดินเท้าและการสัญจรบนท้องถนน ประชาชนท้องถิ่นกล่าวว่าในบางพื้นที่ ท้องถนนลื่นมาก และต้องใช้เส้นทางใต้ดินแทน หิมะตกหนักกลายเป็นแผ่นน้ำแข็งและฝนน้ำแข็งในช่วงเย็น เนื่องจากสภาพอากาศแย่มาก เที่ยวบินระหว่างประเทศที่ลงจอดยังท่าอากาศยานระหว่างประเทศจอห์น เอฟ เคนเนดี ล่าช้าไป 2 ชั่วโมง 22 นาที .

    เครดิต : mcot


     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers



    #Earthquake

    21/02/19

    กล้องรักษาความปลอดภัยจับภาพช่วงเวลาที่แผ่นดินไหวขนาด # M5.5 ใน #Hokkaido ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น #Japan

    Video โดย: Japan tome

    ยังไม่มีรายงานความเสียหาย

    #Watchers
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฮอกไกโดแผ่นดินไหวยามดึก ผู้คนหนาวยะเยือก เดินเป็นชั่วโมงกลับบ้าน
    วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 - 23:39 น.
    40D1921F-5FCC-40D1-B5E0-5129C267393E-253-000000208F95B22B.jpg
    ฮอกไกโดแผ่นดินไหวยามดึก หลายชีวิตหนาวยะเยือก กลับบ้านไม่ได้

    ฮอกไกโดแผ่นดินไหวยามดึกเอ็นเอชเครายงานว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 5.8 ที่เกาะฮอกไกโด เมื่อเวลา 21.22 น. วันที่ 21 ก.พ. ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้ผู้โดยสารจำนวนมากติดค้างอยู่บนรถไฟ และตามสถานี ท่ามกลางสภาพอากาศเย็นจัด

    บริษัท ฮอกไกโด เรลเวย์ หรือ เจอาร์ ฮอกไกโด แจงว่า มีผู้โดยสารติดค้างอยู่ในขบวนที่รอดอยู่ระหว่างสถานีมินามิ-จิโตเสะ และสนามบินจิโตเสะ รวมถึงจุดอื่นๆ

    ส่วนระบบรถไฟใต้ดินที่ซัปโปโร ระงับการบริการ ทำให้ประชาชนจำนวนมาก ต้องหาพาหนะอื่นเดินทางกลับบ้าน ทำให้มีคนต่อคิวรอขึ้นแท็กซี่ยาวเหยียด และหลายคนเดินเท้าเป็นชั่วโมงเพื่อกลับบ้าน ขณะที่สถานีซัปโปโรและสถานีโอโดริ จัดตั้งที่พักพิงชั่วคราวให้ผู้โดยสารที่กลับบ้านไม่ได้ในคืนนี้

    แผ่นดินไหวขนาด 5.8 มีจุดศูนย์กลางอยู่ลึกลงไป 30 กิโลเมตรบริเวณกลางเกาะฮอกไกโด ภาคเหนือของญี่ปุ่น ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือได้รับอันตราย แต่ทางการออกประกาศเตือนให้ระวังเหตุแผ่นดินถล่ม

    ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนกันยายน 2561 เมืองอัตสึมะ บนเกาะฮอกไกโด เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 30 ราย

    https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_2236700
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2019
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มูฮัมหมัดคาร ฮารุดีน


    เทคโนโลยี่ของอเมริกา กำลังจะล้าหลัง เมื่ออิหร่านสามารถแฮ็กโดรนของอเมริกาได้เป็นว่าเล่น


    -=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-


    เจ้าหน้าที่อิหร่านออกมายืนยันว่า ประเทศอิหร่านสามารถควบคุมแฮ็กโดรนของสหรัฐฯได้หลายครั้ง เพื่อเป็นการยืนยันเตหะรานได้ปล่อยภาพบางส่วน ซึ่งนำมาจากกล้องโดรน

    “ เจ้าหน้าที่เจ็ดถึงแปดคนที่กำลังทำงานเกี่ยวกับการกวาดล้างโดรนของสหรัฐอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศซีเรียและอิรัก ประสพผลสำเร็จในงานของพวกเขาเป็นอย่างมาก"

    หลังจากเปิดเผยวิดีโอซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆบทพิสูจน์ที่สนับสนุนคำกล่าวนี้


    วิดีโอความยาวสามนาทีแสดงให้เห็นภาพ ที่เห็นได้ชัดในหลายๆครั้ง ที่โดรน MQ-9 Reaper ติดอาวุธ ถูกควบคุมในขณะบินอยู่ เมื่อแฮ็กแล้วจะถูกนำลงมา ก่อนจะถูกทำลายบนพื้นดิน


    อิหร่านเป็นที่รู้จักโด่งดังกันมาก สำหรับการแฮ็กโดรนสหรัฐที่กำลังปฎิบัติภารกิจอยู่ ในปี 2011 สามารถบังคับให้เครื่องบินสอดแนม RQ-170 ลงจอดบนพื้นดินได้โดยสมบูรณ์


    ในปี 2559 แสดงการแฮ็กทำลาย MQ-9 Reaper ซึ่งสหรัฐไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นในซีเรีย

    กองทัพอากาศสหรัฐรายงานว่าหนึ่งในโดรนโจมตีของสหรัฐ เกิดเหตุชนเนื่องจากสาเหตุที่ไม่เปิดเผย


    BY>>>>>Giant Khan<<<<<





    https://www.rt.com/news/452116-iran-claims-control-us-drones/
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจาะเวลาหาอดีต


    พ่อค้าเปอร์เซียแล่นสำเภาเข้ามาเป็นสมุหนายกไทย สืบเชื้อสายเป็นราชินีกุล “บุนนาค”!!!

    โดย โรม บุนนาค


    พ่อค้าเปอร์เซียแล่นสำเภาเข้ามาเป็นสมุหนายกไทย ผูกขาดหลายชั่วคน สืบเชื้อสายเป็นราชินีกุล “บุนนาค”!!!

    หลุมฝังศพเฉกอะหมัด ในสถาบันราชภัฏพระนครศรีอยุธยา

    ในปลายแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในราวปี พ.ศ.๒๑๔๓ ได้มีนายวานิชสองพี่น้อง คนพี่ชื่อ “เฉกอะหมัด” คนน้องชื่อ “มหะหมัดสะอิด” ชาวเมืองกุ่ม ประเทศเปอร์เซีย (ขณะนี้อยู่ในประเทศอิหร่าน) นับถือศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์อิสนาอะชะรี (คนไทยเรียกกันว่า “แขกเจ้าเซ็น”) ได้แล่นสำเภานำสินค้าเข้ามาขายยังกรุงศรีอยุธยา และซื้อสินค้าไทยบรรทุกสำเภากลับไปขายต่างประเทศ ซึ่งพาณิชกิจนี้ได้สร้างความร่ำรวยมั่งคั่งให้พี่น้องคู่นี้อย่างมหาศาล



    สำหรับท่านมหะหมัดสะอิด ผู้น้อง อยู่เมืองไทยได้ไม่นานก็บรรทุกสินค้ากลับไป และไม่ได้กลับเข้ามาอีก ส่วนท่านเฉกอะหมัด ผู้พี่ เกิดพิสมัยเมืองไทย จึงชักชวนบริวารตั้งรกรากอยู่ในกรุงศรีอยุธยา และได้แต่งงานกับสาวไทย ชื่อ “เชย” มีบุตรธิดาด้วยกัน ๓ คน คนโตชื่อ “ชื่น” คนที่สองเป็นชายชื่อ “ชม” เสียชีวิตเมื่อวัยหนุ่ม คนที่สามเป็นหญิงชื่อ “ชี”



    ครั้นล่วงเข้าแผ่นดินพระเจ้าทรงธรรม การค้าขายทางสำเภาในกรุงศรีอยุธยาซึ่งรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีสำเภาเข้ามาค้าขายมาก การท่าจึงยุ่งเหยิง เจ้าพระยาพระคลังซึ่งว่าการกรมท่า จึงขอให้ท่านเฉกอะหมัดเข้าช่วย ท่านเฉกอะหมัดผ่านการค้ามาหลายประเทศแล้ว จึงเข้าวางระบบการท่าของไทยเสียใหม่ ทั้งปรับปรุงระบบศุลกากรให้รัดกุมยิ่งขึ้น ทำให้มีรายได้เข้าท้องพระคลังเพิ่มขึ้นมาก ความทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จึงโปรดเกล้าฯให้ท่านเฉกอะหมัดเข้ารับราชการ เป็น พระยาเฉกอะหมัดรัตนราชเศรษฐี ตำแหน่งเจ้ากรมท่าขวา พร้อมด้วยตำแหน่งจุฬาราชมนตรีด้วยอีกตำแหน่งหนึ่ง ซึ่งนับว่าท่านเฉกอะหมัดเป็นปฐมจุฬาราชมนตรีของชาวมุสลิมในประเทศไทย



    ต่อมาได้มีเหตุการณ์สำคัญซึ่งเกือบจะพลิกประวัติศาสตร์ไทย เมื่อพ่อค้าชาวญี่ปุ่นจำนวน ๕๐๐ คนที่เข้ามาตั้งร้านค้าในกรุงศรีอยุธยา ได้ชักซามูไรประกาศตัวเป็นนักรบเข้าล้อมวังหลวง จะจับตัวพระเจ้าทรงธรรมหวังยึดอำนาจการปกครอง ฝ่ายไทยไม่ได้คาดคิดจึงถูกเหล่าซามูไรควบคุมไว้ทั้งหมด แต่พระยามหาอำมาตย์ (โอรสลับของสมเด็จพระเอกาทศรถกับสาวบางปะอิน) คนเดียวที่ไม่ยอมแพ้ญี่ปุ่น แต่ก็ไม่มีกำลังพอที่จะเข้าขัดขวางได้ จึงไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนรัก คือพระยาเฉกอะหมัดรัตนราชเศรษฐีซึ่งมีบริวารชาวเปอร์เซียอยู่จำนวนไม่น้อย จากนั้นกองกำลังผสมไทยพุทธกับมุสลิมเปอร์เซีย จึงร่วมกันตะลุยญี่ปุ่นจนแตกกระเจิง วิ่งลงสำเภาชักใบหนีออกปากอ่าวไป



    ความดีความชอบครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก พระเจ้าทรงธรรมซึ่งเป็นพระราชโอรสองค์หนึ่งของสมเด็จพระเอกาทศรถ จึงทรงปูนบำเหน็จให้สองขุนศึกอย่างงาม พระยามหาอำมาตย์ได้เลื่อนขึ้นเป็น เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ ตำแหน่งสมุหนายก อัครมหาเสนาบดีฝ่ายใต้ ส่วนพระยาเฉกอะหมัดรัตนราชเศรษฐี ได้เลื่อนขึ้นเป็น เจ้าพระยาเฉกอะหมัดรัตนาธิบดี ตำแหน่งสมุหนายก อัครมหาเสนาบดีฝ่ายเหนือ ซึ่งในขณะนั้นเมืองไทยใช้ระบบการปกครองแบบมีสมุหนายก ๒ คน แบ่งอาณาเขตดูแลต่างพระเนตรพระกรรณคนละครึ่งประเทศ



    เจ้าพระยาเฉกอะหมัดรัตนาธิบดี อยู่ในตำแหน่งสมุหนายก อัครมหาเสนาบดีฝ่ายเหนือ จนสิ้นแผ่นดินพระเจ้าทรงธรรมผ่านแผ่นดินยุวกษัตริย์อีก ๒ พระองค์ คือ สมเด็จพระเชษฐาธิราช และสมเด็จพระอาทิตย์วงศ์ จนถึงแผ่นดินพระเจ้าปราสาททอง ซึ่งก็คือพระยามหาอำมาตย์ที่เคยตะลุยซามูไรญี่ปุ่นมาด้วยกันนั่นเอง



    ท่านเฉกอะหมัดอยู่ในตำแหน่งจนอายุ ๘๗ ปี แก่ชราลงมาก พระเจ้าปราสาททองจะให้พ้นตำแหน่งไปพักผ่อนก็เกรงจะกระเทือนใจ จึงโปรดเกล้าฯเลื่อนขึ้นเป็น เจ้าพระยาบวรราชนายก ที่ปรึกษาด้านมหาดไทย แล้วเลื่อน พระยาวรเชษฐ์ (ชื่น) บุตรชายคนโตของท่านซึ่งมีอายุเพียง ๓๐ ปี ขึ้นเป็น เจ้าพระยาอภัยราชา สืบตำแหน่งสมุหนายก อัครมหาเสนาบดีฝ่ายเหนือ แทนบิดา



    ท่านเฉกอะหมัดพ้นจากตำแหน่งสมุหนายกได้ราว ๑ ปีก็ป่วยหนัก สมเด็จพระเจ้าปราสาททองเสด็จไปเยี่ยมไข้ ท่านเฉกอะหมัดได้กราบทูลเป็นครั้งสุดท้าย ฝากธิดาที่ชื่อชีไว้ด้วย ซึ่งพระเจ้าปราสาททองก็ทรงรับไว้เป็นพระสนม



    เจ้าพระยาอภัยราชา (ชื่น) ดำรงตำแหน่งสมุหนายกฯถึง ๔๐ ปี จนอสัญกรรมในตำแหน่งเมื่ออายุได้ ๗๐ ปี ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จากนั้นเจ้าพระยาชำนาญภักดี (สมบุญ) บุตรของเจ้าพระยาอภัยราชา ก็ขึ้นสืบตำแหน่งแทนบิดาอีก เป็นลำดับที่ ๓ และเจ้าพระยาเพ็ชรพิไชย (ใจ) บุตรของเจ้าพระยาชำนาญภักดี (สมบุญ) ก็ขึ้นเป็นสมุหนายกฯฝ่ายเหนือเช่นเดียวกันในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ



    ลูกหลานเจ้าพระยาบวรราชนายก “วงค์เฉกอะหมัด” ได้รับราชการใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ก็รุ่งเรืองยิ่งขึ้น นับเนื่องเป็นราชินิกุล คือสกุลฝ่ายพระราชินี โดย นายบุนนาค บุตรของเจ้าพระยามหาเสนา (เสน) ซึ่งเป็นบุตรของเจ้าพระยาเพ็ชรพิชัย (ใจ) ได้สมรสกับ คุณนวล น้องสาวของคุณหญิงนาค ภริยาของท่านเจ้าพระยาจักรี ซึ่งต่อมาก็คือ สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๑



    ตอนกรุงแตกนั้น นายบุนนาคได้เป็น นายฉลองนัยนารถ มหาดเล็กวังหน้าของกรมพระราชวังบวรกรมขุนพรพินิต แต่ตลอดรัชกาลพระเจ้าตากสินนายบุนนาคไม่ได้เข้ารับราชการ นัยว่ามีเรื่องบาดหมางกับเพื่อนรักตั้งแต่ยังเป็น “นายสิน” แต่นายบุนนาคก็ใกล้ชิดเป็นทนายคนสนิทของเจ้าพระยาจักรีตลอดมา ไปสงครามด้วยทุกครั้ง และเข้ารับราชการในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า เป็น พระยาอุไทยธรรม พระราชทานบ้านให้อยู่ท้ายวัง เลื่อนเป็นพระยายมราช เป็นเจ้าพระยาอรรคมหาเสนา ตำแหน่งสมุหกลาโหม จนอสัญกรรมในตำแหน่งนี้เมื่ออายุได้ ๖๘ ปี



    ก่อนจะเข้ารับราชการในรัชกาลที่ ๑ นั้น ภรรยาของนายบุนนาคได้เสียชีวิตเพราะถูกโจรปล้นเรือขณะกลับจากไปขุดค้นสมบัติที่ฝังซ่อนไว้ก่อนกรุงศรีอยุธยาแตก คุณหญิงนาค ภรรยาของเจ้าพระยาจักรี เห็นว่านายบุนนาคคนสนิทของเจ้าคุณสามี ควรจะมีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝาอีกที จึง จึงยกคุณนวลน้องสาวให้ และในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก คุณนวลได้รับการสถาปนาเป็น เจ้าคุณพระราชพันธ์ มีบุตรกับเจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) ๑๐ คน เป็นราชินีกุล ส่วนบุตรธิดาอีก ๒๒ คนที่เกิดจาก ๗ หม่อม ไม่ถือเป็นราชินีกุล



    ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ เริ่มใช้พระราชบัญญัตินามสกุล เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร) บุตรของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ) ซึ่งเป็นบุตรของเจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) ได้ขอพระราชทานนามสกุล ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานนามสกุลของเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร) ตามชื่อของเจ้าพระยาอรรคมหาเสนาว่า “บุนนาค” เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๕๖ ซึ่งนับได้ว่าเชื้อสายของท่านเฉกอะหมัด ซึ่งเข้ามาเมืองไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้รับพระราชทานนามสกุลอย่างเป็นทางการในสมัยรัชกาลที่ ๖ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ว่า “บุนนาค”



    นอกจากนี้ ยังมีบางสายได้แยกไปใช้นามสกุลต่างๆกันออกไปอีกหลายนามสกุล เช่น อหะหมัดจุฬา, บุรานนท์, จาติกรัตน์, ศุภมิตร, ศรีเพ็ญ, วิชยาภัย บุนนาค, ภาณุวงศ์ ฯลฯ



    ท่านเฉกอะหมัดเป็นปฐมจุฬาราชมนตรีของชาวมุสลิมในประเทศไทย แต่คนในตระกูลบุนนาคและอีกหลายนามสกุลที่แยกตัวไป ล้วนแต่นับถือศาสนาพุทธ จุดเปลี่ยนสายพุทธ-อิสลามนี้เกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าบรมโกศ พระราชพงษาวดารกรุงศรีอยุธยาบันทึกไว้ว่า ณ เดือนแปด แรม ๑๐ ค่ำ พระเจ้าอยู่หัวทรงชวรหนัก ครั้นหายประชวรเมื่อขึ้นเดือนสิบสอง จึงจัดขบวนไปนมัสการพระพุทธบาท การเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนี้มีการเตรียมไปรื่นเริงอย่างเต็มที่ ข้าทูลละอองธุลีพระบาททุกคนล้วนยินดีที่พระเจ้าอยู่หัวทรงหายประชวร ต่างก็อยากตามเสด็จไปด้วย แต่ปรากฏว่าไม่มีชื่อพระยาเพ็ชรพิไชย (ใจ) อยู่ในขบวนตามเสด็จด้วย พระยาเพ็ชรพิไชยจึงกราบทูลขอตามเสด็จ พระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสว่า พระยาเพ็ชรพิไชยเป็นแขก ไม่ควรไปนมัสการพระพุทธบาท แต่ถ้าทิ้งเพศแขกมาเข้ารีตไทย ก็จะให้ตามเสด็จ พระยาเพ็ชรพิไชยก็กราบทูลว่า เต็มใจที่จะเป็นไทยตามพระราชประสงค์ จึงทรงพระกรุณาพระราชทานพระราชานุญาตให้ตามเสด็จได้ ครั้นถึงพระพุทธบาท พระยาเพ็ชรพิไชยก็เข้ารับศีลปฏิญาณตนเป็นพุทธศาสนิกชนต่อสมเด็จพระสังฆราชหน้าพระที่นั่ง เป็นเหตุให้เชื้อสายเฉกอะหมัดสายหนึ่งละศาสนาเดิมมาถือพุทธตั้งแต่บัดนั้น



    เสร็จจากการสมโภชพระพุทธบาทกลับถึงพระนคร พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศได้โปรดเกล้าฯเลื่อนพระยาเพ็ชรพิไชยเป็น เจ้าพระยาเพ็ชรพิไชย ว่าราชการตำแหน่งสมุหนายกฯ เป็นลำดับที่ ๔ ต่อจากท่านเฉกอะหมัด



    ฝ่ายท่านมหะหมัดสะอิด นายวานิชผู้น้องของท่านเฉกอะหมัด ซึ่งเดินทางกลับไปบ้านเกิดและไม่ได้กลับมาอีก มีบุตรคนหนึ่งเป็นชาย ชื่อ “อากามหะหมัด” และเมื่อท่านมหะหมัดสะอิดใกล้ถึงแก่กรรม ได้เล่าให้บุตรชายฟังว่า มีลุงและญาติอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา ครั้นบิดาถึงแก่กรรม อากามหะหมัดได้พาข้าทาสบริวารพร้อมมรดกมหาศาลที่ได้รับมาจากบิดา มายังกรุงศรีอยุธยา พึ่งพาบารมีของเจ้าพระยาอภัยราชา (ชื่น) ลูกของลุง สร้างบ้านเป็นตึกใหญ่หลายหลังมีกำแพงแก้วล้อมที่อยู่ของตน นอกกำแพงก็สร้างเรือนให้บริวารแวดล้อมไว้ทุกด้าน หมู่บ้านนี้อยู่ใกล้วัดอำแม ซึ่งชาวกรุงศรีอยุธยาเรียกกันว่า “บ้านแจกกะฎีใหญ่”



    มีเอกสารยืนยันว่า สมเด็จพระนารายณ์เมื่อทรงพระเยาว์มักจะไปสมาคมกินอยู่กับครอบครัวชาวเปอร์เซีย และทรงนิยมฉลองพระองค์ตามแบบเปอร์เซีย จนพวกฝรั่งเกรงว่าพระองค์จะทรงหันไปนับถือศาสนาอิสลามด้วย และตอนที่สมเด็จพระนารายณ์ทรงยึดอำนาจจากสมเด็จพระศรีสุธรรมราชา พระเจ้าอานั้น ท่านอากามหะหมัดได้นำกำลังบริวารไปช่วยล้อมวังและยิงปืนใหญ่ถล่มด้วย เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ขึ้นครองราชย์ ท่านอากามหะหมัดจึงมีบทบาทสำคัญทั้งด้านการเมืองและการปกครอง



    ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์นี้ เจ้าพระยาอภัยราชา (ชื่น) ได้กราบทูลขอพระราชทานท่านชี ผู้เป็นน้องสาว ซึ่งเจ้าพระยาบวรราชนายกได้ถวายเป็นพระสนมพระเจ้าปราสาททองและไม่มีพระองค์เจ้า สมเด็จพระนารายณ์ก็พระราชทานให้ เมื่อรับท่านชีมาอยู่บ้านแล้ว เจ้าพระยาอภัยราชาก็ยกท่านชีให้เป็นภรรยาของท่านอากามหะหมัด



    เจ้าพระนาอภัยราชายังได้พาท่านอากามหะหมัดถวายตัวเข้ารับราชการกับสมเด็จพระนารายณ์ จนได้รับยศเป็น พระยาศรีนวรัตน์ ว่าราชการตำแหน่งพระคลัง

    ท่านชีมีบุตรชายกับพระยาศรีนวรัตน์ ๒ คน คนที่หนึ่งชื่อ ยี คนที่สองชื่อ แก้ว และเมื่อคนโตอายุได้ ๒๒ ปี คนที่สองอายุได้ ๒๐ ปี บิดาได้นำไปถวายตัวเป็นมหาดเล็กสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้เป็น พระยาอนุรักษ์ราชา กับ หลวงศรียศ ตามลำดับ ทั้งสองเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระนารายณ์อย่างมาก ราษฎรพากันเกรงบารมี เรียกกันว่า “เจ้าคุณใหญ่” และ “เจ้าคุณน้อย” ทั้งๆที่ท่านทั้งสองยังไม่ได้เป็นเจ้าคุณ



    ในการสืบตำแหน่งจุฬาราชมนตรีนั้น เมื่อท่านเฉกอะหมัดได้รับโปรดเกล้าฯจากพระเจ้าทรงธรรมให้เป็น เจ้าพระยาเฉกอะหมัดรัตนราชเศรษฐี พร้อมกับตำแหน่งจุฬาราชมนตรีนั้น ท่านเฉกอะหมัดได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานที่ดินตำบลท้ายคู เป็นที่อาศัยของตนและบริวาร เมื่อพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทาน จึงได้สร้างกุฎีทอง (กุฎีเจ้าเซ็น) ขึ้นเป็นแห่งแรกในกรุงศรีอยุธยา พร้อมกับทำป่าช้าฝังศพ (ป่าช้าแขกเจ้าเซ็นบ้านท้ายคู) และสร้างบ้านเรือนให้บริวารอยู่อาศัยในที่ดินนั้นด้วย นับว่าศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์อิสนาอะชะรี ได้ฝังรากลงบนแผ่นดินไทยตั้งแต่บัดนั้น



    ลูกหลาน “วงค์เฉกอะหมัด” ได้สืบต่อตำแหน่งจุฬาราชมนตรีมาตลอด แม้เจ้าพระยาเพ็ชรพิไชย (ใจ) ได้หันไปนับถือศาสนาพุทธแล้ว แต่พระยาวิชิตณรงค์ (เชน) บุตรของเจ้าพระยาเพ็ชรพิไชย ก็ไม่ได้เปลี่ยนศาสนาตามบิดาไปด้วย ยังคงนับถือศาสนาอิสลาม และได้เป็นพระยาจุฬาราชมนตรี ซึ่งนับเป็นจุฬาราชมนตรีอันดับ ๔ ของกรุงศรีอยุธยา ทั้งโปรดเกล้าฯให้ว่าทั้งกรมท่ากลางและกรมอาสาจาม พระราชทานเกียรติยศเสมอเจ้าพระยาพระคลัง แต่ไม่ได้เป็นเจ้าพระยา

    ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระยาจุฬาราชมนตรี (สัน) ได้ขอพระราชทานนามสกุลแยกออกจาก “บุนนาค” ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสกุลของพระยาจุฬาราชมนตรี (สัน) ว่า “อหะหมัดจุฬา” เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ๒๔๕๖



    “อหะหมัดจุฬา” ก็คือลูกหลานในวงศ์เฉกอะหมัด สายอิสลาม ขณะที่ “บุนนาค” เป็นลูกหลานสายพุทธ



    พระยาจุฬาราชมนตรี (สอน อหะหมัดจุฬา) บุตรพระยาจุฬาราชมนตรี (สัน อหะหมัดจุฬา) นับเป็นจุฬาราชมนตรีลำดับที่ ๑๓ คือ ๔ อันดับสมัยกรุงศรีอยุธยา และ ๙ อันดับในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ล้วนแต่อยู่ในวงศ์เฉกอะหมัดทั้งสิ้น จนหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ.๒๔๗๕ แล้ว ตำแหน่งจุฬาราชมนตรีก็ว่างอยู่ระยะหนึ่ง จนเมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ ยุติ ทางราชการได้ตั้ง ฮัจยีแช่ม พรหมยงค์ เป็นจุฬาราชมนตรี และหลังจากการรัฐประหาร พ.ศ.๒๔๙๐ ตำแหน่งจุฬาราชมนตรีจึงใช้วิธีเลือกตั้ง



    ใน พ.ศ. ๒๕๑๔ นายสิริ ตั้งตรงจิตร นักโบราณคดีผู้หนึ่ง ได้ค้นพบว่า ใต้แท่นสี่เหลี่ยมก่ออิฐถือปูนผุๆ บนเนินภายในบริเวณวิทยาลัยครูพระนครศรีอยุธยา ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “เจ้าประคุณกลางเมือง” นั้น ก็คือหลุมฝังศพท่านเฉกอะหมัด ซึ่งอยู่ในป่าช้าแขกเจ้าเซ็น บ้านท้ายคูเดิม จึงได้ติดต่อผู้อำนวยการวิทยาลัยครูและกรมศิลปากรขออนุรักษ์ไว้



    ต่อมาในพ.ศ.๒๕๒๑ พี่น้องในวงศ์เฉกอะหมัดทั้งพุทธและอิสลามได้ร่วมกันบูรณะแท่นสี่เหลี่ยมเหนือหลุมฝังศพนั้นเป็นแท่นหินอ่อนสีชมพู ภายใต้โดมทองอันสง่างาม รวมทั้งได้สร้างศาลาอนุสรณ์เจ้าพระยาบวรราชนายก มอบให้ทางวิทยาลัยครูพระนครศรีอยุธยา ซึ่งปัจจุบันเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ไว้ใช้ประโยชน์ในด้านการศึกษา



    ส่วนทางมูลนิธิเจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉกอะหมัด) ได้จัดให้มีการชุมนุมเยี่ยมหลุมฝังศพและทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่เจ้าพระยาบวรราชนายก เป็นประจำทุกปี ซึ่งผู้มาชุมนุมในแต่ละปีที่มีทั้งชาวพุทธและอิสลามนั้น จะมีนามสกุลหลากหลาย ซึ่งล้วนแล้วต่างแยกสายไปจากท่านเฉกอะหมัดและผู้ติดตามมาจากเปอร์เซียในสมัยกรุงศรีอยุธยาทั้งสิ้น


     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปกติแอดมินจะไม่ค่อยแชร์ข่าวแนวนี้นะครับ เพราะไม่รู้ว่าจะได้เป็นนโยบายจริงๆหรือไม่ เรามักเห็นผู้มีอำนาจหรือหน่วยงานให้สัมภาษณ์นู่นนี่ตลอด แต่ในความเป็นจริงแล้วก็คงอีกนาน

    ไว้รอประกาศจากกระทรวงแล้วเราค่อยมาดีใจก็ยังไม่สายครับ
    ---------------------------------------------

    คลังรับลูกบิ๊กตู่ปั้นไทย “ฮับอีวี” เตรียมคลอดแพ็กเกจ “อีวี 2” หั่นภาษีสรรพสามิต 0% กระตุ้นผู้ประกอบการได้ไฟเขียวบีโอไอเร่งผลิตขายภายใน 2 ปี พ่วง “ไมลด์ ไฮบริด” ชง ครม.เคาะอัตราภาษี 4% ค่ายรถยนต์เฮ “เบนซ์-บีเอ็มฯ” พร้อม ระบุปลั๊ก-อิน ไฮบริดแค่ถอดเครื่องยนต์ออก ก็คือ “เพียวอีวี”
    กระแสการผลักดันแพ็กเกจกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ประกอบด้วย ไฮบริด (hybrid electric vehicle : HEV), ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (plug-in hybrid electric vehicle : PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้า (battery electric vehicle : BEV) แม้จะสิ้นสุดการยื่นรับเรื่องจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เมื่อปลายปี 2561 แต่รัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ มีการแตกแพ็กเกจอื่น ๆ เพิ่มเติมทั้งอีโค ไฮบริด, ไมลด์ ไฮบริด หรืออีโค อีวี ซึ่งถือเป็นแพ็กเกจเร่งด่วนในรูปแบบออนท็อปเสริมเข้าไปในแพ็กเกจภาษีเดิม ตั้งใจให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดปัจจุบัน

    หั่นภาษีรถอีวีเหลือ 0%
    แหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิตเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ช่วงที่ประเทศไทยเผชิญปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ได้มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูหากลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) จากเดิม 2% ให้เหลือ 0% ทำได้หรือไม่ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเร็วขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมามีเอกชนจำนวนมากสนใจขอรับการส่งเสริมจากบีโอไอ

    แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า มาตรการลดภาษีรถยนต์อีวี ที่กระทรวงการคลังจะเสนอ ครม.พิจารณาเห็นชอบ เพื่อออกประกาศกฎกระทรวงใน 1-2 สัปดาห์นี้เป็นมาตรการต่อยอดแพ็กเกจสนับสนุนที่ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ เพื่อกระตุ้นผู้ประกอบการเร่งผลิตรถยนต์อีวีทันที หากทำได้ใน 2 ปี หรือภายในปี 2564 จะได้ปรับลดภาษีสรรพสามิตให้เป็น 0%

    ยกเว้นสรรพสามิต 3 ปี

    “มาตรการภาษีสรรพสามิตยกเว้น 3 ปีหรือคิดที่ 0% เป็นมาตรการชั่วคราวที่ให้เพิ่มจากบีโอไอให้ 2% เราคาดการณ์ว่าตอนนี้แต่ละค่ายยื่นบีโอไอกันหมดแล้ว ปลายปี 2562 ถึงช่วงต้นปี 2563 บอร์ดบีโอไอน่าจะมีการทยอยอนุมัติ จากนั้นถ้าผู้ประกอบการเริ่มผลิตภายใน 2 ปี ก็สามารถรับสิทธิ์ยกเว้นภาษีได้เลย”

    แหล่งข่าวยอมรับว่า คงต้องมีการกำหนดปริมาณการผลิตด้วย ไม่ใช่ผลิตเพียงไม่กี่คันเพื่อหวังได้ภาษีที่ลดลงเท่านั้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ย้ำว่า แนวทางกระทรวงการคลังลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) เหลือ 0% จะเป็นมาตรการชั่วคราวแค่กระตุ้นให้ภาคเอกชนเร่งลงมือผลิต คาดว่าเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เร็ว ๆ นี้

    พ่วงภาษีไมลด์ ไฮบริด 4%

    แหล่งข่าวกล่าวว่า กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาควรเสนอ ครม.อนุมัติหลักการในส่วนภาษี “ไมลด์ ไฮบริด” ในคราวเดียวกันด้วย ซึ่งมีการประชุมผู้เกี่ยวข้องวันที่ 25 ก.พ.นี้ พิจารณาการกำหนดอัตราภาษี 4% ตามที่ผู้ประกอบการร้องขอเข้ามาว่าเป็นไปได้หรือไม่ โดยต้องดูไม่ให้กระทบกับการส่งเสริมรถยนต์ประเภทอื่นที่มีการส่งเสริมอยู่แล้ว ทั้งอีโคคาร์และแพ็กเกจรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 3 ประเภท

    ส่วนมาตรการภาษีผลิตรถยนต์มาตรฐานยูโร 5 ในประเทศไทย จากปัจจุบันยังเป็นยูโร 4 เน้นให้มีการลดราคารถยนต์แก่ผู้บริโภค โดยการผลิตรถลดฝุ่นได้ตามมาตรฐานก็จะได้ลดภาษี

    “รัฐบาลต้องการให้ราคารถถูกลง เพื่อจะได้จูงใจผู้บริโภคทำให้อยากซื้อ ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตเร่งผลิตรถที่กรองฝุ่นออกมาได้ด้วย” แหล่งข่าวกล่าว

    คลอดภาษีสรรพสามิตรับยูโร 5

    นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ใน 1-2 สัปดาห์นี้ กระทรวงการคลังเสนอ ครม.พิจารณามาตรการภาษีสรรพสามิตส่งเสริมให้เกิดการใช้รถยนต์มาตรฐานยูโร 5 โดยเร็ว เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) อาจเสนอแพ็กเกจภาษีรถยนต์ไฟฟ้าประเภทอื่น ๆ หรือแพ็กเกจอีวี 2 ไปในคราวเดียวกันด้วย

    โดยมาตรการแพ็กเกจเสริมรถอีวีอาทิ ไมลด์ ไฮบริด อีโค อีวี ต้องทำให้สอดคล้องกับการส่งเสริมบีโอไอ หลักการที่ต่างไปจากมาตรการที่เคยสนับสนุนผ่านบีโอไอ คือ ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นพิเศษ แต่อยู่บนเงื่อนไขว่าต้องไปสู่แบตเตอรี่เพียว ๆ ภายในกำหนด เช่น ถ้าลดภาษีให้ 7% เหลือ 2% หรือลดจาก 10% เหลือ 5% (ตัวเลขสมมุติ) เมื่อครบ 3 ปีต้องผลิตให้ได้ตามเงื่อนไข หากทำไม่ได้จะถูกเรียกเก็บภาษีคืน เป็นต้น

    “เรามุ่งจูงใจผู้บริโภค แล้วไปกดดันผู้ผลิตเร่งผลิตมาขาย ไม่ได้ไปขึ้นภาษีของเก่า แต่ถ้าทำของใหม่ได้ดีกว่า สามารถลดฝุ่นละอองได้ ก็จะได้อัตราภาษีที่ลดลง”

    ปล่อยฝุ่นน้อยภาษีถูกลงอีก

    นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการ สำนักแผนภาษี กรมสรรพสามิต กล่าวว่าปัจจุบันรถยนต์ดีเซล ยูโร 4 ค่าฝุ่นอยู่ที่ 0.025 มิลลิกรัมต่อ ลบ.ม. ส่วนยูโร 5 อยู่ที่ 0.005 มิลลิกรัมต่อ ลบ.ม. ซึ่งต่ำกว่ามาก โดยกระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้เกิดการเร่งผลิตยูโร 5 ให้เร็วขึ้นภายใน 3 ปีหน้า จึงใช้มาตรการทางภาษีสนับสนุนให้เกิดเร็วขึ้น

    “คงไม่ถึงกับต้องทำยูโร 5 ทั้งระบบ แต่ถ้าเราบังคับว่า ค่าฝุ่นต้องไม่เกิน 0.005 มิลลิกรัมต่อ ลบ.ม. ก็สามารถติดตัวกรองฝุ่นเข้าไปได้ ทำให้ฝุ่นน้อยลง โดยใช้มาตรการภาษี”

    นอกจากนี้ ในส่วนการขอรับส่งเสริมรถอีวีจากบีโอไอว่า ต้องมี 4 องค์ประกอบหลัก1.แบตเตอรี่ 2.แผนกำจัดซากแบตเตอรี่ 3.ระบบมอเตอร์ 4.ระบบไฟ ซึ่งส่งเสริมให้มีการผลิตในประเทศ

    ปัจจุบันราคารถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ยังสูงถึงคันละเกือบ 2 ล้านบาท แม้ได้สิทธิประโยชน์ภาษีจากบีโอไอ ราคาก็ไม่ได้ลดลงมาก ทางบีโอไอกับกระทรวงอุตฯ จึงผลักดันรถอีโค อีวี เพื่อให้ประหยัดต้นทุนต่อขนาด

    ค่ายรถยังตั้งตัวไม่ติด

    “ประชาชาติธุรกิจ” สอบถามไปยังค่ายรถยนต์หลายยี่ห้อ ผู้บริหารส่วนใหญ่แจ้งว่า ยังไม่ทราบเรื่อง บางรายมองเป็นเรื่องดี กระตุ้นให้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเราเร็วขึ้น แต่บางรายห่วงเรื่องโครงสร้างพื้นฐานยังไม่พร้อม แม้ว่าระยะหลังทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันติดตั้งสถานีชาร์จแบตเตอรี่เพิ่มมากขึ้นแล้วก็ตาม แต่ไม่น่าเพียงพอ ส่วนเมื่อผลิตแล้วตลาดมีความต้องการมากน้อยเพียงใด คุ้มค่ากับการลงทุนขึ้นไลน์ผลิต และวอลุ่มการใช้ชิ้นส่วนด้วยหรือไม่ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการบางยี่ห้อมองว่ารัฐบาลปัจจุบันเร่งทำทุกอย่างน่าจะมีผลกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเร็ว ๆ นี้

    แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวเสริมว่า เมื่อวันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ ทางผู้บริหารโตโยต้ามีนัดหมายเข้าพบรองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล คาดว่าประเด็นเรื่องผลักดันแพ็กเกจเสริมน่าจะได้มีการหารือกันเพิ่มเติมด้วย

    สำหรับการยื่นขอรับส่งเสริมแพ็กเกจรถยนต์ไฟฟ้ากับทางบีโอไอ ขณะนี้มีค่ายยุโรป 2 ยี่ห้อ คือ เมอร์เซเดส-เบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยูเท่านั้นที่ได้รับอนุมัติในหมวดรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนค่ายอื่น ๆ แม้ว่ายื่นขอรับส่งเสริมเกือบทุกค่าย

    แต่เป็นแค่แพ็กเกจกลุ่มรถยนต์ไฮบริดเท่านั้น เมื่อดูจากความพร้อม เมอร์เซเดส-เบนซ์น่าจะมีความพร้อมมากที่สุด ตั้งแต่การนำรถยนต์ที่เป็นเพียวอีวี ในชื่อรุ่น “อีคิวซี” เข้ามาทำตลาดในไทย การใช้เม็ดเงินลงทุนกว่า 100 ล้านยูโร สร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งใหม่ในโรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ สมุทรปราการ พร้อมทั้งประกาศว่าภายในปี 2565 จะผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าอย่างน้อย 1 รุ่น

    ผู้บริหารเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยระบุชัดเจนว่า รถยนต์กลุ่มปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่จำหน่ายในปัจจุบัน มีคุณสมบัติเทียบเท่ารถยนต์ไฟฟ้าเพียงแต่ต้องมีเครื่องยนต์ไว้เพราะโครงสร้างพื้นฐานไทยยังไม่พร้อม จึงจำเป็นต้องมีเครื่องยนต์ไว้ช่วยเหลือกรณีไฟฟ้าจากแบตเตอรี่หมด

    บิ๊กตู่ดันไทยฮับอีวี

    ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ส่วนหนึ่งของมาตรการระยะยาว ในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศ ที่กำลังเป็นทิศทางการพัฒนาของโลก ก็คือการพัฒนาไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ปัจจุบันสิ่งที่แพงที่สุดในรถยนต์ไฟฟ้า คือ แบตเตอรี่ ซึ่งต้องเร่งพัฒนาให้มากยิ่งขึ้น โดยต่างประเทศก็มีปัญหาในเรื่องของอายุการใช้งานเช่นกัน

    “จะเห็นได้ว่ามีแบตราคาถูก ราคาแพงถ้าราคาถูกคุณภาพก็ด้อยกว่า ราคาแพงบางทีก็แพงเกินไป เพราะฉะนั้น ประเทศไทยกำลังพัฒนาเรื่องนี้ในพื้นที่ EEC เรื่องแบตเตอรี่และรถไฟฟ้า เป็นหนึ่งในโครงการ fast track ของเราด้วย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

    โดยในรายการได้นำเสนอ roadmap ทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปสู่การเป็นฐานการผลิตและส่งออกยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า หรือเป็น “EV Hub” ของภูมิภาค และของโลก รวมถึงมีการผลักดันโครงการวิจัยและพัฒนาที่ร่วมกันระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในการดัดแปลงรถยนต์ใช้แล้วให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ในราคาไม่เกิน 2 แสนบาท (ไม่รวมราคาแบตเตอรี่) หรือถูกลงเรื่อย ๆ ให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่สามารถซื้อรถใหม่เป็น EV ที่ยังแพงอยู่

    ทั้งนี้ ในปี 2563 กฟผ.ตั้งเป้าพัฒนาศูนย์บริการดัดแปลงรถยนต์ไฟฟ้าและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับเอกชน เพื่อนำไปต่อยอดพัฒนาสร้างรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกให้คนไทยได้ใช้งานในอนาคต

    ขณะเดียวกันในรายการดังกล่าว ยังได้รายงานถึงการดำเนินการเกี่ยวกับการส่งเสริมรถยนต์ EV ของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา โดยที่ผ่านมาได้มีมาตรการส่งเสริมรถยนต์ EV รอบที่ 1 ไปแล้ว ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการได้รับการส่งเสริมการลงทุน จำนวน 7 ราย ที่ผลิตรถยนต์ HEV และ PHEV ที่มีกำลังการผลิตรวมกว่า 269,700 คันต่อปี เงินลงทุนรวม 29,459 ล้านบาท โดยได้เริ่มผลิตรถยนต์ดังกล่าวแล้ว

    นอกจากนี้ รัฐบาลกำลังจะออกมาตรการส่งเสริม EV รอบที่ 2 ทั้งนี้ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และ BOI ร่วมกันปรับปรุงมาตรการภาษีสรรพสามิตรถยนต์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการสร้างและพัฒนาฐานการผลิตยานยนต์ไปสู่ฐานการผลิตชิ้นส่วนที่เป็นเทคโนโลยีหลัก (core technology) ของรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดฐานการผลิตรถยนต์ BEV และ EV ประเภทต่าง ๆ ในประเทศไทย โดยมาตรการส่งเสริม EV รอบที่ 2 นี้ จะแล้วเสร็จและมีผลภายในรัฐบาลนี้

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    La nueva era de la tierra - respaldo



    คลื่นที่น่ากลัวบนชายฝั่งของโปรตุเกส



    13.02.2019.....
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    La nueva era de la tierra - respaldo


    # URGENT



    พายุหิมะในรัฐแอริโซนาสหรัฐอเมริกามีรถยนต์นับร้อยคันติดอยู่บนถนน อย่างน่าตกใจหลายแห่ง

    2019/02/21
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    La nueva era de la tierra - respaldo




    กุหลาบแห่งเจริโค "ต้นไม้แห่งการฟื้นคืนชีพ" น่าอัศจรรย์
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หนุ่มจีนไลฟ์สดโชว์ดื่มของเหลวสารพัดชนิดหวังสร้างชื่อบนโลกออนไลน์ สุดท้ายได้ไปยมโลก
    เผยแพร่: 22 ก.พ. 2562 01:05 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000001911501.jpg

    รัสเซียทูเดย์ - ชายคนหนึ่งในจีนเสียชีวิตอย่างน่าสังเวช หลังใช้เวลา 3 เดือนดื่มของเหลวชนิดต่างๆประมาณมาก ในนั้นรวมถึงน้ำมันปรุงอาหาร ส่วนหนึ่งในความพยายามแบบป่วยๆเพื่อสร้างชื่อบนแอปพลิเคชั่นไลฟ์สดบนสื่อสังคมออนไลน์

    หนังสือพิมพ์เซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์รายงานเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ว่า นายจู้ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากไลฟ์สดตัวเองกำลังดื่มแอลกอฮอล์ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในเมืองต้าเหลียน มณฑลเหลียวหนิง

    562000001911502.jpg

    ไม่มีข้อมูลยืนยันว่าอะไรคือสาเหตุแห่งการเสียชีวิตของเขา แต่เพื่อนสนิทคนหนึ่งเล่าว่า "ที่เขาตาย ไม่ใช่แค่เพราะดื่มทุกวัน แต่เพราะเขาทำแบบนี้มานานกว่า 3 เดือนแล้ว เขาดื่มเบียร์และของเหลวอื่นๆ โดยไม่หยุดพักแม้แต่วันเดียว" เซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์ระบุ

    นายจู้ เริ่มแสดงอาการป่วยตอนอยู่บนรถแท็กซี่หลังออกจากซูเปอร์มาร์เก็ต จากนั้นคนขับได้โทรแจ้งตำรวจ ก่อนพาตัวนักไลฟ์สดรายนี้ส่งโรงพยาบาล และที่นี่เองแพทย์ได้ยืนยันว่าเขาเสียชีวิตแล้ว

    เพื่อนเล่าว่า นายจู้ ดื่มของเหลวต่างๆนานาในทุกๆวันมาเป็นเวลากว่า 3 เดือน โดยเขาทำเงินราว 500 หยวน(2,300บาท) ในแต่ละวัน จากการที่มีแฟนคลับจำนวนมากเข้ามาชมวิดีโอไลฟ์สดของเขาบนแอปพลิเคชั่น Liaoliao "วิดีโอหนึ่งเขานั่งอยู่หน้าจอ บอกกับผู้ชมว่าเขาคงไม่สามารถทำมันได้อีกต่อไปแล้ว ดูเหมือนเขากำลังชักกระตุก แต่ผู้ชมก็ยังเรียกร้องให้เขาทำมันต่อ"

    562000001911503.jpg

    ในวิดีโอต่างๆที่ได้จากการไลฟ์สดของนายจู้ พบเห็นเขากำลังดื่มของเหลวหลากหลายชนิด ในนั้นรวมถึงน้ำมัน และในคลิปหนึ่งพบเห็นเขาอาเจียนทุกอย่างออกมาและตัวของเขาเกร็งชัก

    ฉากแห่งการดื่มของนายจู้ ถูกดึงไปเผยแพร่ตามห้องสนทนาต่างๆบนแอปพลิเคชั่นไลฟ์สดบนสื่อสังคมออนไลน์ ขณะที่ชายคนหนึ่งชื่อว่า หวัง อ้างว่าเป็นผู้ดูแลหนึ่งในห้องสนทนาเหล่านั้น ยอมรับว่าเขาเองต้องมีส่วนรับผิดชอบบางส่วนต่อการตายของนายจู้ แต่พวกเจ้าของแอปพลิเคชั่นไลฟ์สดต้องเป็นคนรับผิดชอบมากที่สุด

    ด้านแอปพลิเคชั่น Liaoliao ตอบสนองต่อรายงานข่าวการเสียชีวิตของนายจู้ ด้วยการเลิกฟังก์ชันไลฟ์สตรีมและปิดกั้นการเข้าถึวิดีโอดังกล่าวนับตั้งแต่นั้น

    https://mgronline.com/around/detail/9620000018476
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทรัมป์อ้ำอึ้งกลับลำเรื่อง'หัวเว่ย' แนะบริษัทสหรัฐฯยกระดับสู้ด้าน5Gแทนการปิดกั้น เผยแพร่: 21 ก.พ. 2562 23:29 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000001910101.jpg

    เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯในวันพฤหัสบดี(21ก.พ.) ชี้แนะบริษัทต่างๆของสหรัฐฯควรยกระดับความพยายามด้านเทคโนโลยี 5G หรือระบบเครือข่ายไร้สายความเร็วสูงยุค 5 ในชณะเดียวกันก็บ่งชี้ว่าเขาไม่ได้เตรียมการปิดกั้นเหล่าบริษัทต่างชาติจากการเข้าถึงตลาดเทคโนโลยีหลักของอเมริกา

    ความเห็นอันคลุมเครือบนทวิตเตอร์ ได้ก่อคำถามว่า ทรัมป์ ยังมีความตั้งใจห้ามบริษัทต่างๆของจีนจากการวางเครือข่าย 5G หรือไม่ ตามที่สื่อมวลชนหลายสำนักเคยรายงานไปก่อนหน้านี้

    อย่างไรก็ตามเขาระบุว่าสหรัฐฯ "ควรได้รับชัยชนะผ่านการแข่งขัน ไม่ใช่ผ่านการปิดกั้นเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้ากว่าในปัจจุบัน"

    ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลของทรัมป์ได้ยกระดับความพยายามในการขัดขวางหัวเว่ย ผู้นำในด้าน 5G ด้วยการเรียกร้องให้ประเทศพันธมิตรทั้งหลายหลีกเลี่ยงใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมของบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนแห่งนี้ โดยอ้างว่ามันมีผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติเป็นเดิมพัน

    ข้อความล่าสุดของทรัมป์ไมได้พาดพิงถึงจีนหรือหัวเว่ยโดยตรง แต่ดูเหมือนเป็นการกลับลำจากเดิมที่เคยขู่แบนบริษัทแห่งนี้อย่างเด็ดขาด

    "ผมต้องการเทคโนโลยี 5G หรือแม้แต่ 6G ในสหรัฐฯ เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" เขาระบุ "เหล่าบริษัทอเมริกาต้องยกระดับความพยายาม หรือไม่ก็อยู่ล้าหลัง ไม่มีเหตุผลที่เราต้องอยู่ด้านหลังในบางเรื่องที่เด่นชัดมากในอนาคต"

    เขาระบุต่อว่า "ผมต้องการเห็นสหรัฐฯได้รับชัยชนะผ่านการแข่งขัน ไม่ใช่ผ่านการปิดกั้นเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้ากว่าในปัจจุบัน เรามักเป็นผู้นำเสมอในทุกสิ่งที่เราทำ โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโลกแห่งเทคโนโลยีอันน่าตื่นเต้นนี้"

    https://mgronline.com/around/detail/9620000018456
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เพลิงนรกย่างสด80ชีวิตที่กรุงธากา คาดยอดเพิ่ม-ชี้กม.บังกลาเทศหย่อนยาน
    เผยแพร่: 21 ก.พ. 2562 21:10 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000001898201.jpg

    ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงอยู่กันรอบๆ อาคารที่เกิดไฟไหม้เมื่อตอนดึกคืนวันพุธ (20 ก.พ.) ในเขตเก่าแก่ของกรุงธากา เมืองหลวงของบังกลาเทศ อัคคีภัยคราวนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 78 คน
    เอเจนซีส์ - เกิดเไฟไหม้ใหญ่และการระเบิดในย่านเก่าแก่ของกรุงธากา เมืองหลวงของบังกลาเทศเมื่อคืนวันพุธ (20 ก.พ.) โดยพระเพลิงโหมฮืออย่างรวดเร็วไปตามอาคารที่พักอาศัยหลายหลังซึ่งตั้งอยู่ติดๆ กันบนถนนสายคับแคบอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางเสียงระเบิดเป็นระยะๆ ทั้งจากสารเคมีที่เก็บอยู่ในตึก และจากถังแก็สเชื้อเพลิงของยานยนต์หลายๆ คัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 78 คน เจ้าหน้าที่คาดยอดเหยื่อยังมีโอกาสพุ่งขึ้น โศกนาฏกรรมนี้ตอกย้ำปัญหาการขาดแคลนกฎระเบียบและความหย่อนยานในการบังคับใช้กฎหมายของบังกลาเทศที่หลายปีมานี้เกิดเพลิงไหม้รุนแรงที่มีคนตายเป็นร้อยคนหลายครั้ง

    เหตุไฟไหม้ครั้งนี้ที่ถือว่ารุนแรงที่สุดนับจากปี 2012 เกิดขึ้นเมื่อคืนวันพุธเวลา 23.40 น. (00.40 น.วันพฤหัสบดี ตามเวลาไทย) ที่บริเวณชั้นล่างของอาคาร 5 ชั้นก่อนที่จะลุกลามอย่างรวดเร็วไปยังตึกข้างๆ อีก 4 หลังในย่านชอว์บาซาร์ ซึ่งเป็นย่านเก่าแก่ในเมืองหลวงของบังกลาเทศและมีประชาชนอาศัยอยู่กว่า 3 ล้านคน

    รองผู้บัญชาการตำรวจธากาเผยว่า มีรถยนต์อย่างน้อย 2 คัน และรถสามล้อถีบ 10 คันถูกไฟเผา โดยที่เหยื่อผู้เสียชีวิตยังรวมถึงผู้คนที่สัญจรผ่านบริเวณนั้น แขกในงานแต่งงาน และลูกค้าร้านอาหารใกล้เคียง ภาพข่าวจากทีวีเผยให้เห็นประตูตึกหลังหนึ่งคล้องโซ่ไว้ทำให้คนข้างในหนีออกมาไม่ได้

    นายแพทย์โซฮาอิล มาห์มูด หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ ของวิทยาลัยแพทยศาสตร์ธากา แถลงในคืนวันพฤหัสบดีว่า ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 67 คน โดยที่ห้องดับจิตของทางภาควิชาเก็บศพไว้ 67 ศพ ขณะที่ห้องดับจิตของโรงพยาบาลมีอีก 11 ศพ

    562000001898202.jpg

    ก่อนหน้านั้น จูลฟิการ์ เราะห์มาน ผู้อำนวยการสำนักงานดับเพลิงและการป้องกันพลเรือนบังกลาเทศ เผยว่า พบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 70 คน และตัวเลขยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่ยังระดมกำลังค้นหาผู้สูญหาย ส่วนผู้บาดเจ็บมีอย่างน้อยราว 50 คน ซึ่ง 10 คนในจำนวนนี้อาการสาหัส

    ประชาชนหลายร้อยคนพากันไปที่โรงพยาบาลเพื่อค้นหาญาติพี่น้องที่สูญหาย อย่างไรก็ดี ศพส่วนใหญ่ถูกไฟคลอกจนไม่สามารถจำได้ว่าเป็นใคร

    รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงราว 200 คนใช้เวลาเกือบ 12 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงได้ โดยนอกจากปัญหาถนนแออัดคับแคบแล้ว เจ้าหน้าที่ยังมีน้ำไม่พอใช้ดับเพลิงและต้องปั๊มน้ำจากมัสยิดที่อยู่ในบริเวณนั้น

    ชามิม ฮารัน อูร์ ราชิด ตำรวจในท้องที่เกิดเหตุระบุว่า ต้นเพลิงอยู่ภายในตึกที่ชั้นล่างเป็นร้านค้า และชั้นสองเป็นโกดังเก็บพลาสติกและสารเคมีสำหรับผลิตผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ส่วน 3 ชั้นบนสุดเป็นที่พักอาศัย และยังไม่ทราบชัดเจนว่า ผู้อาศัยเหล่านั้นยังมีชีวิตรอดหรือไม่ นอกจากนั้นอาคารที่อยู่ใกล้เคียงยังเป็นโกดังเก็บสารเคมีสำหรับผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนเช่นเดียวกัน จึงทำให้ไฟลุกลามเร็วมาก

    ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เพลิงลุกไหม้หลังถังแก๊สในร้านอาหารที่อยู่ติดกับตึกหลังนั้นระเบิด

    562000001898203.jpg

    โศกนาฏกรรมครั้งนี้ตอกย้ำความกังวลเกี่ยวกับความหย่อนยานในการบังคับใช้กฎระเบียบการรักษาความปลอดภัยของอาคาร

    เฮมาเยต อัดดิน ครูที่อาศัยอยู่ในย่านนั้น เผยว่า ภายหลังเหตุไฟไหม้ใหญ่เมื่อปี 2010 ที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 124 คน ประชาชนได้ร้องเรียนหลายครั้งให้ย้ายโกดังเก็บสารเคมีออกจากบริเวณพักอาศัย แต่เจ้าหน้าที่กลับเพิกเฉย

    ทางด้านซายิด โคคอน นายกเทศมนตรีของเซาท์ธากา แถลงว่า ทางการต้องการความร่วมมือในการแจ้งที่ตั้งโกดังผิดกฎหมาย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวกินบริเวณกว้างขวางและมีอาคารที่พักอาศัยหลายพันหลัง

    อาซาดัซซามาน ข่าน รัฐมนตรีมหาดไทยบังกลาเทศ แถลงว่า ได้ตั้งคณะกรรมการ 5 คนเพื่อสอบสวนเหตุไฟไหม้ครั้งนี้ และเสริมว่า นายกรัฐมนตรีชีค ฮาสินา ติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด

    นอกจากโศกนาฏกรรมปี 2010 แล้ว ในอีก 2 ปีต่อมายังเกิดไฟไหม้โรงงานสิ่งทอชานกรุงธากา มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 117 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 200 คน ซึ่งถือเป็นเหตุไฟไหม้ในโรงงานอุตสาหกรรมครั้งร้ายแรงที่สุดของบังกลาเทศ

    https://mgronline.com/around/detail/9620000018431
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเปิดเผยต่อว่าจากการตรวจสอบไม่พบความปิดปกติใดๆที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ทั้งหลายในพื้นที่ พร้อมระบุว่ารัฐบาลพร้อมยกระดับปฏิบัติการกู้ภัยถ้าจำเป็น

    เกิดแผ่นดินไหวระดับ5.5เขย่าใกล้เมืองซัปโปโร รบ.ญี่ปุ่นสั่งเตรียมพร้อมยกระดับกู้ภัย

    เผยแพร่: 21 ก.พ. 2562 21:48 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000001908601.jpg

    ภาพข่าวของสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่น
    เอเอฟพี - เกิดแผ่นดินไหวระดับ 5.5 สั่นสะเทือนเกาะฮอกไกโด ทางตอนเหนือของญี่ปุ่นในวันพฤหัสบดี(21ก.พ.) แม้ไม่มีการประกาศเตือนภัยสึนามิ และเบื้องต้นยังไม่มีรายานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหาย แต่ทางการได้สั่งเตรียมพร้อมยกระดับปฏิบัติการกู้ภัยในกรณีที่มีความจำเป็น

    สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ(ยูเอสจีเอส) ระบุว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นตอน 21.22น.ตามเวลาท้องถิ่น(ตรงกับเมืองไทย 19.22น.) โดยมีศูนย์กลางห่างจากเมืองซับโปโร ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 55 กิโลเมตร ลึกลงไปใต้ดิน 41 กิโลเมตร

    ทางสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่น ยืนยันว่าไม่มีความเสี่ยงเกิดสึนามิจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ ในขณะที่ โยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวในกรุงโตเกียวว่า "รัฐบาลกำลังดำเนินการอย่างดีที่สุดสำหรับจัดการสถานการณ์ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหายสำคัญๆ"

    เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเปิดเผยต่อว่าจากการตรวจสอบไม่พบความปิดปกติใดๆที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ทั้งหลายในพื้นที่ พร้อมระบุว่ารัฐบาลพร้อมยกระดับปฏิบัติการกู้ภัยถ้าจำเป็น

    ขบวนรถไฟหัวกระสุนชินคันเซ็นต้องระงับให้บริการชั่วคราวในฮอกไกโด แต่ไม่มีรายงานเหตุไฟฟ้าดับในวงกว้าง ขณะที่ภาพข่าวของสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค เผยให้เห็นหลอดไฟติดๆดับๆภายในเมืองแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ศูนย์กลางของแผ่นดินไหว

    เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว เคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 6.6 สั่นสะเทือนเกาะฮอกไกโด จุดชนวนให้เกิดดินถล่มหลายจุด บ้านหลายหลังพังครืนและคร่าชีวิตชาวบ้านมากกว่า 40 ราย

    ญี่ปุ่นตั้งอยู่ในจุดที่แผ่นเปลือกโลก 4 แผ่นมาบรรจบกัน ดังนั้นจึงต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวค่อนข้างรุนแรงหลายครั้งในแต่ละปี อย่างไรก็ตาม ด้วยกฎหมายก่อสร้างที่เข้มงวดและการบังคับใช้อย่างเคร่งครัด นั่นหมายความว่าแม้แต่แผ่นดินไหวรุนแรงก็ยังก่อความเสียหายได้เพียงเล็กน้อย

    https://mgronline.com/around/detail/9620000018437
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐฯยันจะไม่ถอนทหารทั้งหมดพ้นคาบสมุทรเกาหลี แลกโสมแดงปลดนิวเคลียร์
    เผยแพร่: 22 ก.พ. 2562 02:30 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000001913201.jpg
    รอยเตอร์ - เจ้าหน้าที่สหรัฐฯในวันพฤหัสบดี(21ก.พ.) ยืนยันประเด็นถอนทหารอเมริกาทั้งหมดออกจากคาบสมุทรเกาหลีจะไม่อยู่ในหัวข้อการสนทนา ในขณะที่วอชิงตันและเปียงกำลังหาทางทำความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับแนวทางปลดนิวเคลียร์ เมื่อครั้งที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะพบปะกับ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือในสัปดาห์หน้า

    ทรัมป์ และ คิม พบปะกันในเวียดนามสัปดาห์หน้า เพื่อประชุมซัมมิตครั้งที่ 2 ในความพยายามสานความสัมพันธ์ระหว่างอดีตสองชาติคู่อริและลดภัยคุกคามทางนิวเคลียร์ใหญ่หลวงที่สุดจุดหนึ่งของโลก

    บรรดาเจ้าหน้าที่สหรัฐฯปฏิเสธแสดงความคาดหวังต่อการประชุมดังกล่าว และทรัมป์ก็พูดอย่างชัดเจนไม่คาดหมายว่ามันจะเป็นการหารือครั้งสุดท้ายระหว่างเขากับคิม ผู้นำจอมเผด็จการที่ครั้งหนึ่ง ทรัมป์ เคยเย้ยหยันว่าเป็น "มนุษย์จรวดน้อย" แต่ตอนนี้กลับมองว่าเป็นคู่หูที่ทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี

    พวกนักวิจารณ์บอกว่า ทรัมป์ อ่อนข้อให้กับ คิม มากเกินไปในการประชุมที่สิงคโปร์เมื่อปีที่แล้ว และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวอาจหวนคืนมาอีกครั้งในการประชุมซัมมิตที่เวียดนาม

    อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่สหรัฐฯบอกว่าอเมริกายังคงมุ่งมั่นโน้มน้าวให้ผู้นำเกาหลีเหนือยอมปลดนิวเคลียร์ แม้ว่าจนถึงตอนนี้ คิม อาจยังไม่ได้ตัดสินใจใดๆ "ผมไม่รู้หรอกว่าเกาหลีเหนือตัดสินใจไปแล้วหรือไม่เกี่ยวกับการปลดนิวเคลียร์ แต่เหตุผลที่เรายังง่วนอยู่กับเรื่องนี้ เพราะเราเชื่อว่ามันมีความเป็นไปได้"

    ที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายยังตกลงกันไม่ได้เกี่ยวกับแนวทางการปลดนิวเคลียร์

    คิม เห็นพ้องในสิงคโปร์ ว่าจะทำงานเดินหน้าสู่การปลดนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งอาจรวมไปถึงการปลดร่มกำบังนิวเคลียร์ของสหรัฐฯและกองกำลังแสนยานุภาพนิวเคลียร์ในเกาหลีใต้ ในขณะที่สหรัฐฯเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยอมละทิ้งโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธทั้งหมด

    "ท้ายที่สุดแล้ว มันเรื่องเกี่ยวกับการปลดนิวเคลียร์เกาหลีเหรือ มันเป็นสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้อง และเป็นเป้าหมายเหนือสิ่งอื่นใดที่ประธานาธิบดีทรัมป์ หวังประสบความสำเร็จในการประชุมซัมมิตคราวนี้ นี่คือก้าวย่างที่สำคัญในการเดินหน้าสู่เป้าหมายในบั้นปลาย" เจ้าหน้าที่กล่าว

    เจ้าหน้าที่บอกว่าสหรัฐฯจะเดินหน้ากดดันให้เกาหลีเหนือหยุดโครงการอาวุธทำลายล้างและขีปนาวุธทั้งหมด รวมถึงผลักดันให้มีโรดแมปเพื่อให้การเจรจามีความคืบหน้าดังที่คาดหวังไว้ อย่างไรก็ตามทั้งสองฝ่ายไม่ได้หารือเกี่ยวกับการถอนทหารอเมริกาจากเกาหลีใต้ ซึ่งตอนนี้มีอยู่ราวๆ 28,500 นาย

    เมื่อถูกถามว่า ทรัมป์ เปิดทางสำหรับการถอนทหารสหรัฐฯทั้งหมดจากคาบสมุทรเกาหลี เพื่อแลกกับสนธิสัญาสันติภาพหรือไม่ เพื่อยุติสงคราม 2 ชาติเกาหลีอย่างเป็นทางการ เจ้าหน้าที่รายที่ 2 ยืนยันว่ามันไม่ได้อยู่ในหัวข้อของการสนทนา

    นอกจากนี้แล้วเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวยังเน้นว่าสหรัฐฯจะคงมาตรการคว่ำบาตรไว้ต่อไป เพื่อกระตุ้นให้เกาหลีเหนือยอมปลดนิวเคลียร์

    https://mgronline.com/around/detail/9620000018482
     

แชร์หน้านี้

Loading...