ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พบหลักฐานใหม่ ชาวโรมันหนีภูเขาไฟวิซุเวียสระเบิดถล่มปอมเปอีเป็นใครบ้าง ย้ายไปไหน

    1280px-Destruction_of_Pompeii_and_Herculaneum-696x433.jpg
    ภาพเขียนภูเขาไฟวิซุเวียส ระเบิด ทำลายเมืองปอมเปอี และเฮอร์คิวเลเนียม โดยจอห์น มาร์ติน ค.ศ. 1821 (ภาพจาก Tate Britain)
    เผยแพร่ วันพฤหัสที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562
    เหตุการณ์ภูเขาไฟวิซุเวียส (Vesuvius)ระเบิด เมื่อปี ค.ศ. 79 ถูกบันทึกว่าเป็นอีกหนึ่งภัยพิบัติครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์โลก ภัยธรรมชาติครั้งนั้นคร่าชีวิตชาวโรมันโบราณจำนวนมาก แต่นักวิชาการรับรู้หลักฐานมานานแล้วว่า ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่หนีรอดจากเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดที่อ่าวเนเปิลส์ก่อนที่จะขาดอากาศหายใจ ล่าสุด นักวิจัยศึกษาครั้งใหม่ที่อาจช่วยให้เบาะแสว่าผู้ลี้ภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้ตั้งรกรากใหม่กันที่ไหนบ้าง

    เหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดครั้งนั้นผ่านมาหลายพันปีแล้ว แต่จนถึงวันนี้นักวิชาการหลายสาขายังมีคำถามที่ต้องการคำตอบอีกหลายข้อ และยังคงศึกษาข้อมูลไปจนถึงพื้นที่ทางโบราณคดีในปอมเปอีมาจนถึงวันนี้ ซึ่งข้อมูลการค้นพบก็เผยแพร่ออกมาอย่างต่อเนื่อง (อ่านเพิ่มเติม : พบภาพเขียนตำนานกรีกอีโรติกในซากเมืองปอมเปอี เชื่อเป็นของตกแต่งบ้านคนรวย)

    สำหรับการศึกษาครั้งล่าสุด ดำเนินการโดย สตีเวน ทัค (Steven Tuck) นักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยไมอามี (Miami University) เขาเริ่มต้นศึกษาโดยนำฐานข้อมูลนามสกุลของชาวโรมัน มาเปรียบเทียบกับข้อมูลที่พบจากเมืองปอมเปอี (Pompeii) และ เฮอร์คิวเลเนียม (Herculaneum) ซึ่งสอดคล้องกับบันทึกต่าง ๆ ของอิตาลีที่ยังคงหลงเหลืออยู่ และไม่ได้รับผลกระทบจากภูเขาไฟระเบิดในครั้งนั้น ผลงานการศึกษาของสตีเวน จะเผยแพร่ในรูปแบบบทความในวารสาร Analecta Romana

    รายงานข่าวจากนิตยสารฟอร์บส (Forbes) เปิดเผยว่า งานวิจัยครั้งนี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่ระบุชื่อผู้รอดชีวิตเท่านั้น แต่ยังเพื่อหาข้อมูลว่าคนที่รอดชีวิตจากการระเบิดของภูเขาไฟวิซุเวียสย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่ไหน แล้วทำไมพวกเขาถึงมั่นใจที่จะย้ายไปอยู่ชุมชนอื่น และรูปแบบเหล่านี้บ่งบอกกระบวนการทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ยุคสมัยโรมันโบราณมีกลไกทำงานอย่างไร

    บันทึกทางประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเน้นเฉพาะความเสียหายทางกายภาพของภัยพิบัติเท่านั้น ดังนั้น ในกระบวนการศึกษาของทัค เขาจำเป็นต้องสำรวจจารึกบนสิ่งของสาธารณะและหลุมฝังศพ ประกอบกับหลักฐานอื่นๆ ซึ่งรวมถึงนามสกุลที่พบเห็นได้ทั่วไปในเมืองที่อยู่ใกล้กับภูเขาไฟซึ่งปรากฏขึ้นมาหลัง ค.ศ. 79, จารึกที่มีบันทึกต้นกำเนิดของบุคคลต่างๆ, วัตถุโบราณหรือสิ่งประดิษฐ์ที่เชื่อมโยงกับเมืองปอมเปอี และเฮอร์คิวเลเนียม ซึ่งถูกค้นพบจากที่อื่นหลังภูเขาไฟระเบิด และบันทึกโครงสร้างทางสาธารณูปโภคสาธารณะที่อาจถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับชุมชนผู้อพยพ

    ทัค (Tuck) ให้สัมภาษณ์ว่า เขาใช้วิธีการมองหาชื่อที่สะดุดตาในช่วงปลายของปอมเปอี (Pompeii) แล้วก็ปรากฏในที่อื่นละแวกใกล้เคียงที่สุดหลังจากเกิดเหตุภูเขาไฟระเบิด (ซึ่งก็คือช่วงปีหลัง ค.ศ. 80) โดยเฉพาะในชุมชนผู้ลี้ภัย ทัค ยกตัวอย่างครอบครัวชื่อ Caninia ที่มีสมาชิก 6 คน ซึ่งสืบค้นได้จากตัวบันทึกในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 2 ในเมืองเนอาโปลิส (Neapolis) หรือเมืองเนเปิลส์ (Naples) ในปัจจุบัน

    ชื่อ Caninia นั้น ปรากฏอยู่ในเมืองเฮอร์คิวเลเนียม (Herculaneum) ก่อนหน้าเหตุภัยพิบัติแล้ว และไม่มีปรากฏที่อื่น ซึ่งสิ่งนี้บ่งบอกว่าครอบครัวนี้ได้อพยพออกมาเนื่องจากภูเขาไฟวิซุเวียส (Vesuvius)

    ทัค สร้างการเชื่อมโยงให้หลักฐานมีความหนักแน่นมากขึ้นผ่านตัวบุคคลในครอบครัวอย่าง Marcus Caninius Botrio ซึ่งชื่อเหล่านี้ตรงกับทำเนียบรายนามของเมืองเฮอร์คิวเลเนียม (Herculaneum) Botrio เป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดว่าประชาชนจากเฮอร์คิวเลเนียม (Herculaneum) ย้ายมาตั้งรกรากใหม่ที่เนอาโปลิส (Neapolis) ในฐานะของผู้ลี้ภัย และเสียชีวิตลงที่นี่จากข้อมูลที่ปรากฏบนจารึกที่ป้ายหลุมศพ

    อีกตัวอย่างหนึ่งมาจากแคว้นโรมันดาเคีย (Roman Dacia) ปัจจุบันก็คือ โรมาเนีย (Romania) และเซอร์เบีย (Serbia) ป้ายหลุมศพซึ่งจารึกไว้เมื่อ ค.ศ. 87 บอกว่าหลุมศพเป็นของ Cornelius Fuscus ซึ่งเป็นพลเมืองในปอมเปอี (Pompeii) และอาศัยอยู่ที่เนอาโปลิส (Neapolis) ตอนที่มาอยู่โรมันดาเคีย (Roman Dacia) เขาทำหน้าที่เป็นนายทหารชั้นสูง และคุมกองกำลังทั้งหมด 5 กองพลในสงคราม Domitian ป้ายหลุมศพดังกล่าวชี้ชัดเจนว่า Cornelius Fuscus จากปอมเปอี (Pompeii) มาตั้งรกรากใหม่ที่เนอาโปลิส (Neapolis) หลังจากเกิดเหตุภูเขาไฟระเบิดเรียบร้อยแล้ว

    รายงานเปิดเผยว่า หลักฐานจากจารึกที่ปรากฏและอยู่รอดมาอยู่ทุกวันนี้ ส่วนใหญ่จะเอ่ยถึงผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ชายที่มีตำแหน่งใหญ่โตในสังคมโรมันสมัยก่อน แต่ทัค ยังค้นพบหลักฐานของผู้หญิงที่อพยพมาอยู่ที่เนเปิลส์ (Naples) เหมือนกัน

    หลักฐานนี้พบผู้หญิงชื่อ Vettia Sabinaสามีของเธอเป็นคนทำป้ายหลุมศพให้เธอในช่วงปลายศตวรรษที่ 1 ป้ายหลุมศพดังกล่าวพิเศษตรงที่ว่า มีการใช้คำว่า “Have” ซึ่งคำนี้เป็นภาษาถิ่นที่พบได้แค่ที่เนอาโปลิส (Neapolis) เท่านั้น ขณะที่ในเกาะปอมเปอี (Pompeii) มักพบในจารึกและในภาพ ทั้งนี้คำว่า Ave ในภาษาละติน แปลว่าสวัสดีหรือลาก่อน ที่จะได้ยินกันในบทสวดของคาทอลิกอย่างเช่นเพลง Ave Maria

    วิธีการสืบค้นทั้งทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีของทัค ทำให้เห็นหลักฐานที่มีแนวโน้มว่าจะสามารถเชื่อมโยงและสืบค้นการอพยพของคนที่ลี้ภัยมาจากเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดได้

    การศึกษาของเขายังระบุว่า ค้นพบว่าผู้ลี้ภัยหลายคนไปตั้งรกรากใหม่ทางตอนเหนือของอ่าวเนเปิลส์ (Bay of Naples) ครอบครัวมักย้ายถิ่นฐานโดยยกไปกันทั้งครอบครัว และแต่งงานกับคนในกลุ่มผู้ลี้ภัยด้วยกัน รายงานระบุว่า กลุ่มคนเหล่านี้น่าจะเป็นคนที่ลี้ภัยไปตั้งแต่ตอนที่เริ่มเห็นสัญญาณว่าภูเขาไฟใกล้จะระเบิดแล้ว หรือไม่ก็เป็นคนที่อาศัยอยู่ห่างไกลจากเมืองในตอนที่ภูเขาไฟระเบิด

    แต่ทัคก็ชี้ว่าวิธีการของเขาใช้ตรวจสอบได้เฉพาะคนโรมันที่มีฐานะเท่านั้น วิธีการนี้มีช่องโหว่ที่ไม่สามารถใช้ตรวจสอบคนที่ไม่ใช่คนโรมัน ผู้อพยพจากแคว้นอื่นๆ ที่ไม่ใช่คนโรมัน และพวกทาส ซึ่งอาจจะหลบหนีจากภูเขาไฟระเบิดได้เหมือนกัน แต่ไม่ได้ทิ้งหลักฐานในเชิงวัฒนธรรมอย่างจารึกหรือหลุมศพไว้

    ในท้ายที่สุด ทัคชี้ข้อสังเกตสำคัญอย่างหนึ่ง คือ รัฐบาลของชาวโรมันจะไม่ดำเนินการทันทีเพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งต่างจากรัฐบาลในปัจจุบันหรือรัฐบาลของประเทศมหาอำนาจเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้นจะประกาศภาวะฉุกเฉินทันที แต่รัฐบาลโรมันจะไม่เคลื่อนไหวจนกว่าผู้คนจะเริ่มย้ายไปตั้งรกรากใหม่แล้ว เมื่อนั้นจักรพรรดิจะเริ่มจัดสรรเงินเพื่อสร้างโครงสร้างสาธารณูปโภคใหม่ในชุมชน เช่น เนเปิลส์ (Naples) และ ปอซซุออลี (Pozzuoli) หรือบริการต่างๆ เพื่อรองรับผู้คนที่ไหลเข้ามา

    อย่างไรก็ตาม คำถามเรื่องจำนวนผู้อพยพทั้งหมดนั้นยังไม่สามารถให้ตอบได้ ทัค อธิบายว่า หลักฐานที่ได้มาไม่สามารถสืบค้นโดยบ่งชี้ตัวเลขสถิติได้อย่างเจาะจงขนาดนั้น


    อ้างอิง :

    Killgrove, Kristina. “Archaeologist Finds New Evidence Of The Romans Who Escaped Mt. Vesuvius”. Forbes. Online. 19 FEB 2019. <https://www.forbes.com/sites/kristi...-romans-who-escaped-mt-vesuvius/#477da8de64d8>

    https://www.silpa-mag.com/news/article_28174
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2019
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นครวาติกัน - สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงเปิดการประชุมว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก เพื่อตอบสนองต่อวิกฤตการล่วงละเมิดทางเพศ ในขณะที่เหยื่อซึ่งเบื่อฟังคำสัญญาว่ามีการเปลี่ยนแปลงเรียกร้องให้มีการปฏิรูปแบบชาญฉลาด

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    1550742280_60802_-02-300x158.jpg

    นักวิจัย สกว. ชี้แผ่นดินไหวลำปางสัญญาณอันตราย ชี้ภาคเหนือเสี่ยงทุกพื้นที่
    8 นาที 21 กุมภาพันธ์ 2019
    เขียนโดย WorkpointNews

    [​IMG]
    1550742039_11558_01.jpg

    นักวิจัยแผ่นดินไหว สกว. สำรวจความเสียหายพบมีทั้งระดับเหลืองถึงแดง ขณะที่ ศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย หัวหน้าทีมฯ ชี้ภาคเหนือมีความเสี่ยงทั้งหมด เพราะมีรอยเลื่อนฝังตัวใต้เปลือกโลกที่อาจทำให้เกิดธรณีพิโรธได้ทุกที่ กระตุ้นการสร้างความตระหนักและเสริมกำลังอาคารอ่อนแอ โรงเรียน โรงพยาบาล น่าห่วงสุด

    หลังเหตุแผ่นดินไหวในพื้นที่อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 20 ก.พ.62 พบว่ามีความเสียหายของอาคารบ้านเรือนประชาชนในตำบลทุ่งฮั้ว และเจดีย์วัดพระเกิดที่ยอดฉัตรเอียง นอกจากนี้ยังพบความเสียหายในตำบลวังแก้ว ตำบลวังซ้าย และตำบลวังเหนือ ล่าสุดวันนี้ (21ก.พ.) ผศ.ดร.ธีรพันธ์ อรธรรมรัตน์ หัวหน้าโครงการปรับปรุงแผนที่ความเสี่ยงแผ่นดินไหวประเทศไทยแบบบูรณาการข้อมูล สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายในบริเวณทั้งหมดในหมู่ที่ 11 ตำบลทุ่งฮั้ว เบื้องต้นพบว่าอาคารองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งฮั้ว ได้รับความเสียหายในส่วนกำแพงเท่านั้น ส่วนโครงสร้างหลักอย่างเสาและคานไม่ได้รับเสียหายใด ๆ ขณะที่อาคารบ้านเรือนของชาวบ้านในละแวกตำบลทุ่งฮั้ว พบว่ามีบ้านคอนกรีตเสริมเหล็ก 1 หลังได้รับความเสียหายที่บริเวณเสา อยู่ในระดับสีเหลือง ส่วนอาคารทั่วไปมีเสาเสียหายจนเห็นเหล็กภายในและอยู่ในระดับสีแดง 1 หลัง ทั้งนี้อาจจะต้องให้ช่างกะเทาะเสาดูว่าคอนกรีตได้รับความเสียหายหรือไม่ แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่มาก

    1550742067_97152_05.jpg

    “ในภาพรวมทั่วไปแผ่นดินไหวครั้งนี้ไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่ประชาชนก็ควรอยู่นอกอาคารสักระยะหนึ่ง เพราะไม่ทราบว่าอาคารผนังจะเสียหายถึงขั้นถล่มลงมาหรือไม่ หากเกิดอาฟเตอร์ช็อกรุนแรง ซึ่งเราไม่สามารถคาดการณ์ได้ แต่คิดว่าน่าจะเกิดขึ้นถี่ในช่วงนี้”

    1550742046_23711_02.jpg
    นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง (สวมหมวก-เสื้อสีดำ)

    ทั้งนี้ นักวิจัยได้รายงานผลการสำรวจความเสียหายต่อ นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ที่ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายแล้ว ซึ่งทางนายทรงพล จะสั่งการให้ทีมโยธาธิการจังหวัดลำปางและวิศวกรรมอาสามาสำรวจให้ครบถ้วนเพิ่มเติม รวมถึงสั่งการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังด้วย

    https://workpointnews.com/2019/02/21/นักวิจัย-สกว-ชี้แผ่นดิน/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2019
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk

    IMG_9729.JPG
    Sun halo ดูแล้วเหมือนลูกตายักษ์เลย วีดีโอทวิตเตอร์

    ลิ้งค์




     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐอเมริกา - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาขู่รีดภาษีศุลกากรรถยนต์นำเข้าจากยุโรป หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าที่น่าพอใจกับสหภาพยุโรปได้

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    MOREMOVE


    #มอร์มูฟเป็นข่าว ชัดเจนและน่าสนใจจนต้องแชร์ สำหรับคลิปการสาธิตการทดลองงานวิจัยซึ่งว่าด้วย #บุหรี่ไฟฟ้า เป็นอันตรายน้อยกว่า #บุหรี่มวน จริงหรือไม่!?? โดยการทดลองนี้ดำเนินการโดยนักวิจัยจากยูนิเวอร์ซิตี คอลเลจ ลอนดอน (ยูซีแอล) ประเทศอังกฤษ


    ทั้งนี้ ดร.ไลออน ชาฮับ หนึ่งในทีมวิจัยดังกล่าวระบุหลังการทดลองว่า บุหรี่ธรรมดาอันตรายกว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอย่างมาก โดย #สารทาร์ ในบุหรี่ธรรมดานี่ล่ะคือตัวการสำคัญซึ่งส่งผลร้ายแรงต่อปอด ในขณะที่บุหรี่ไฟฟ้าไม่มีสารพิษตัวนี้


    "เราได้ตั้งโหลแก้วเอาไว้ 3 ใบ โดยมีสำลีบริสุทธิ์บรรจุภายในในปริมาณเท่าๆ กัน ใบแรกตั้งให้เครื่องสูบควันบุหรี่เข้าไปในปริมาณเฉลี่ยที่ผู้สูบบุหรี่ส่วนใหญ่จะสูบในแต่ละเดือน ใบที่สองให้สูบควันจากบุหรี่ไฟฟ้าเข้าไปในปริมาณเท่ากัน ส่วนโหลแก้วใบสุดท้ายเป็นอากาศบริสุทธิ์" ดร.ไลออน ชาฮับ อธิบาย


    อย่างไรก็ตาม ดร.ไลออน ชาฮับ กล่าวอธิบายเพิ่มเติมหลังเปิดโหลทั้งสามใบว่า โหลแก้วใบแรกที่รับควันบุหรี่ไปเต็มๆ จะพบว่า สำลีสกปรกแทบทุกก้อน เปลี่ยนสีขาวของสำลีเป็นสีน้ำตาลเข้ม มีคราบเหนียวหนืดคล้ายยางมะตอย ซึ่งเป็นผลมาจากสารทาร์ ส่วนโหลใบสุดท้ายซึ่งเป็นอากาศบริสุทธิ์ ตัวสำลียังคงลักษณะเช่นเดิม "ลองคิดดูว่า ถ้าสำลีเหล่านี้คือปอดของเรา ปอดของเราจะเป็นอย่างไร และนี่เป็นระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น"


    อย่างไรก็ตาม โหลแก้วใบที่สองซึ่งสูบควันจากบุหรี่ไฟฟ้าเข้าไปในระยะเวลา 1 เดือนเท่ากันจะพบว่า มีไอน้ำนิดหน่อยที่ผนังด้านในของโหลแก้ว โดยมีสำลีก้อนเดียวเท่านั้นที่ทำให้เกิดสี-มีความเปียกชื้น


    อนึ่ง สารทาร์เป็นปัจจัยสำคัญในการเกิดโรคร้ายแรง อาทิ โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง ฯลฯ.

    ---------------------------------

    Source : https://www.bbc.com/thai/internatio...tALu1TVC1WOcsFrPjF16u-6xWqHBMjrpkiW0NxkmDQ55k


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Oil trading - ทันตลาดน้ำมันโลกกับ KP

    ค่าเงินบาทแข็งค่าที่สุดในรอบ 6 ปี ! โดยค่าเงินบาทนั้นได้เป็นค่าเงินที่แข็งที่สุดในโลกในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานะครับ


    ล่าสุดเมื่อวานนี้เงินบาทได้ลงมาแตะระดับ 30.07 บาท ต่อ 1 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ ถือว่าเป็นระดับต่ำที่สุดตั้งแต่ช่วงปลายปี 2013 เลยทีเดียว โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐแล้ว ไม่มีค่าเงินไหนไหนโลกที่จะแข็งค่าขึ้นมามากเท่าเงินบาทครับ


    หากจะวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว ระดับ 31.00 บาทนี้เป็นแนวรับที่สำคัญมาก ทำให้ในช่วงสั้นหากยังไม่มีข่าวอะไรที่รุนแรง ค่าเงินบาทน่าจะเด้งขึ้นและอ่อนค่าลงได้ แต่ถ้าหากหลุดแนวรับที่ 31 บาทนี้ มีสิทธิโดนเทขายรุนแรงและลงยาวถึงระดับ 28.5 บาทต่อดอลล่าร์ ได้เลยทีเดียว (กราฟในคอนเม้น)


    ------------------------


    ทำไมค่าเงินบาทถึงแข็งขึ้นมามาก ?


    มีจากหลายปัจจัยดังนี้ครับ


    1) ความต้องการเงินบาทจากต่างชาติยังคงสูงอยู่ โดยดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย (Thai Current Account) ยังคงเกินดุลอย่างต่อเนื่องมาตลอด (ดูกราฟในคอมเม้นได้) แปลง่ายๆ ว่ายังมีเงินที่ไหลเข้ามาในประเทศเกินกว่าออกจากประเทศ ไม่ว่าจะมาจากการส่งออกหรือรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามา สุดท้ายแล้วเมื่อยังมีเงินไหลเข้าประเทศมากกว่าไหลออก ก็ทำให้มีคนต้องการแลกเงินต่างชาติเป็นไทยเยอะขึ้น ค่าเงินเรามีคนต้องการเยอะขึ้น ก็จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลต่างชาติ


    2) ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐเองก็อ่อนค่าลงเล็กน้อยในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ประชุม FOMC ไปเมื่อสิ้นเดิอนมกราคมและไม่ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ย ประกอบกับเมื่อคืนนี้ที่มีรายงานการประชุมออกมาว่าจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยอีก ทำให้เงินในระบบสหรัฐยังเยอะอยู่ (ไม่มีการดึงเงินออกไปจากการขึ้นดอกเบี้ยไปอีกซักพัก) ก็ทำให้ค่าเงินดอลล่าอ่อนค่าลง โดยดูได้จากกราฟในคอมเม้นว่า ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอื่น (Dollar Index Basket) นั้นอ่อนค่าลงมาจาก 97.2 จุดลงมาเป็น 96.5 ล่าสุดนี้


    3) แนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ (Trade War) ที่มีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ และมีสิทธิที่จะยุติลงในเร็วๆนี้ (สามารถอ่านรายงานอัพเดทเรื่องนี้ในเพจได้ครับ) ก็ทำให้นักลงทุนมั่นใจที่จะลงทุนในตลาดเอเชียมากขึ้น เงินไหลเข้ามามากขึ้น ค่าเงินเราก็แข็งขึ้นโดยดูได้จากค่าเงินต่างๆในภูมิภาคเอเชียนี้ก็แข็งค่าขึ้นไปพร้อมๆกันหมด อีกทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นก็ทำให้นักลงทุนย้ายเงินออกจากสกุลดอลล่าที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ออกมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ดอลล่าร์ก็เลยอ่อนไปด้วยครับ


    4) หุ้นไทย SET Index ที่ขึ้นมาตลอดตั้งแต่ต้นปี ความมั่นใจจากต่างชาติที่เราจะมีการเลือกตั้ง เงินต่างชาติที่ไหลเข้ามามากขึ้น ก็เป็นอีกส่วนที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นด้วยอีกเช่นกันครับ


    ------------------------


    แล้วการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท กระทบอะไรกับเรา ?


    สิ่งที่จะกระทบอย่างแรกก็คือการส่งออกและนำเข้าของประเทศไทย และต่อมาคือการท่องเที่ยว ซึ่งหากไม่ดูแลก็อาจจะไปกระทบต่อเศรษฐกิจและ การเติบโตของ GDP เราได้

    โดยขอยกตัวอย่างง่ายๆว่า ถ้าเมื่อก่อนเงินบาทเคยอยู่ที่ 35 บาทต่อดอลล่าร์ ผู้ผลิตเราส่งออกข้าวไปขายในราคา 1 ดอลล่าร์ เขาก็จะได้รับเงินมาแลกเท่ากับ 35 บาท แต่ถาวันนี้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นเป็น 31 บาทต่อดอลล่าร์ ผู้ผลิตข้าวส่งออกไปปริมาณเท่าเดิม แต่เงินที่เค้าจะได้รับตอบแทนตอนนี้คือเพียง 31 บาทเท่านั้น นานๆไปหากกำไรผู้ส่งออกลดลง ก็จะทำให้ไม่สามารถส่งออกได้ ก็จะกระทบต่อเศรษฐกิจเรา


    ในทางกลับกัน ค่าเงินที่แข็งจะดีกับผู้นำเข้า หรือ จะทำให้เราไปเที่ยวต่างประเทศได้ถูกลง เช่นหากเราเคยนำเข้าเสื้อตัวละ 1 ดอลล่าร์ เราจะต้องเคยจ่ายเป็นเงิน 35 บาท แต่วันนี้เราต้องจ่ายเพียงแค่ 31 บาทก็ได้เสื้อตัวเดิมแล้ว และหากเราเดินทางไปต่างประเทศด้วยเงินเท่าเดิมเราก็จะแลกเงินเป็นสกุลต่างชาติได้มากขึ้นด้วย


    ------------------------


    ถ้างั้นค่าเงินแข็งหรืออ่อนดีกับประเทศเรา ?


    ค่าเงินอ่อนหรือแข็งจะดีกว่าประเทศไหนนั้นขึ้นอยู่กับโครงสร้างของประเทศนั้นๆเลยครับ โดยหากประเทศนั้นยังต้องพึ่งพาการส่งออกอยู่เป็นหลัก ค่าเงินแข็งก็จะส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อเศรษฐกิจ โดยประเทศไทยเรายังต้องพึ่งพาการส่งออกอย่างมาก การส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และสินค้าเกษตรต่าง อีกทั้งเรายั้งต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวด้วย ค่าเงินที่แข็งเกินไปในระยะยาวอาจจะไม่ดีต่อเศรษฐกิจเราครับ


    ทางที่ดีที่สุดต่อประเทศคือหากค่าเงินบาทมีเสถียรภาพ ไม่ผันผวนขึ้นหรือลงเร็วเกินไป ทำให้ผู้ประกอบการของเราสามารถทำธุรกิจและปรับแผนการค้าได้ครับ


    ------------------------


    แล้วใครจะเป็นผู้กำหนดว่าค่าเงินเราควรแข็งหรืออ่อน ?


    ทางแบงก์ชาติ หรือ ธนาคารแห่งประเทศไทย นั้นมีหน้าที่ดูแลและกำกับนโยบายการเงินของประเทศอยู่ตลอดเวลา ทำหน้าที่เป็นผู้รักษาเสถียรภาพของค่าเงินและความสมดุลของระบบเศรษฐกิจในประเทศ โดยจริงๆ ปัจจัยที่แบงก์ชาติต้องนำมาคำนวนในการกำหนดนโยบายการเงินแต่ละครั้งนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เรื่องเศรษฐกิจ ตัวเลขการส่งออกนำเข้า เรื่องเงินเฟ้อ เรื่องอัตราดอกเบี้ย เรื่องหนี้สาธารณะ เม็ดเงินในตลาดการเงิน เงินทุนสำรอง และปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย ที่มีความสัมพันธ์กันเป็นลูกโซ่ ซึ่งการปรับนโยบายในแต่ละครั้งอาจจะแก้ปัญหาอย่างนึงได้แต่อาจทำให้อีกอย่างแย่ลง แบงก์ชาติจึงมาหน้าที่ที่สำคัญมากในการรักษาสมดุลต่างๆ ไว้ ซึ่งไม่ใช่งานที่ง่ายเลยครับ


    ที่มา Bloomberg + Reuters


     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตม.สระแก้วผลักดันเขมรมุสลิม 34 คนกลับประเทศอ้างจะไปทำงานภาคใต้-มาเลย์
    https://www.naewna.com/local/396902/preview

    ตม.สระแก้วเอาจริงจับมือทหารพรานฯตรวจเข้มเขมรมุสลิมถือพาสปอร์ตสัญชาติกัมพูชา โดยเป็นวีซ่าท่องเที่ยวเข้าไทย 34 คน อ้างเตรียมเดินทางไปทำงานที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และมาเลเซีย แต่ถูกฝ่ายไทยปฏิเสธพร้อมผลักดันกลับประเทศ

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หลุมนรกถูกค้นพบในโลกที่ฟูกูชิม่า โดย
    เดวิด โคเฮน เผยแพร่เมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2562

    IMG_9732.JPG

    บทความนี้มาจาก Greenmedinfo.com เผยแพร่ครั้งแรกบน DrSircus.com

    คนส่วนใหญ่คิดว่าพวกเขาจะต้องตายก่อน จึงจะไปลงนรก แต่นั่นไม่เป็นความจริงอีกต่อไปแล้ว วันนี้ในสื่อกระแสหลัก พวกเขาได้ประกาศค้นพบหลุมนรกในญี่ปุ่นที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ถูกทำลายที่ Fukushima เรามีจุดที่มีความร้อนที่รุนแรงบนโลกของเรา อย่างที่ไม่เคยจินตนาการถึงมาก่อน และในเมื่อเผชิญกับเทคโนโลยีของมนุษย์ มันก็ไร้ประโยชน์

    ในระดับรังสีที่ถูกค้นพบในฟูกูชิม่า หุ่นยนต์จะสามารถทำงานได้ไม่น้อยกว่าสองชั่วโมงก่อนที่มันจะถูกทำลาย และสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์แห่งชาติของญี่ปุ่นกล่าวว่าผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ไม่เคยคิดแม้แต่จะได้สัมผัสกับรังสีในระดับนี้ในงานของพวกเขา


    อุบัติเหตุครั้งนี้มีความสำคัญอย่างมากในด้านการแพทย์ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเราจะเห็นว่ามีการแพร่กระจายของโรคมะเร็ง ในขณะที่ผู้คนสูดดม ธาตุกัมมันตรังสี กินผักกัมมันตรังสี ข้าวและเนื้อสัตว์และดื่มนมกัมมันตรังสี และชากัมมันตรังสีทุกปี


    ทศวรรษผ่านทศวรรษ ที่ไม่หยุดยั้ง รังสีจะก่อตัวขึ้น แต่การแพทย์สมัยใหม่ ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน


    การอ่านค่ากัมมันตภาพรังสีครั้งใหม่ที่ฟูกูชิม่า ได้บันทึกพบระดับรังสีสูงสุดเท่าที่เคยพบมา ตั้งแต่เกิดการหลอมละลายของแกน No.3 ในปี พ.ศ.2554 การอ่านค่าภายในภาชนะบรรจุของเครื่องปฏิกรณ์ No. 2 สูงถึง 530 Sieverts ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นปริมาณที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหลายสิบและหลายสิบเท่า หากมนุษย์ต้องเผชิญกับมัน ค่าสูงสุดก่อนหน้านี้ยังคงมีอัตราการเสียชีวิตสูง ถึง 73 Sieverts ต่อชั่วโมง

    การอ่านค่าการแผ่รังสีที่เห็นได้ชัดนั้น ถูกพบใกล้กับทางเข้าสู่พื้นที่ด้านล่างของภาชนะรับความดัน ซึ่งมีแกนเครื่องปฏิกรณ์ ระดับรังสีสูงสุดที่เคยวัดที่เชอร์โนบิลเป็น 300 Sieverts ต่อชั่วโมง ขนาดที่สูงอย่างไม่อาจเข้าใจได้ ซึ่งสามารถทำให้ผู้ชายคนหนึ่งเสียชีวิตได้เกือบจะในทันที


    สถิติใหม่ที่ Fukushima ที่ 530 Sieverts ต่อชั่วโมง สูงกว่าของเชอร์โนบิลถึง 70% Hideyuki Ban ผู้อำนวยการร่วมศูนย์ข้อมูลนิวเคลียร์ของประชาชน กล่าวว่าการอ่านค่า 530 Sievert ถูกบันทึกที่ระยะห่างจากเชื้อเพลิงที่ละลาย ดังนั้นในความเป็นจริงมันอาจสูงกว่าที่บันทึกไว้ถึง 10 เท่า

    ในการมองในมุมมองนี้โดยปกติแล้วรังสีจะถูกวัดเป็นหน่วยหนึ่งในพันของ Sievert เรียกว่ามิลลิวินาที ตัวอย่างเช่นคนส่วนใหญ่ได้รับประมาณ 2.4 มิลลิวินาทีต่อปีจากรังสีพื้นหลังหรือเพียง 0.0002739726 ต่อชั่วโมง


    ตามสำนักข่าวของ Kyodo สถาบันประเมินว่าการได้รับ Sievert จากรังสีหนึ่งอาจนำไปสู่ภาวะมีบุตรยากการสูญเสียเส้นผม และเกิดต้อกระจก 1 Sievert นั้นเพียงพอที่จะทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยและคลื่นไส้จากรังสี, 5 Sievert จะฆ่าคนที่สัมผัสกับมันเพียงครึ่งหนึ่งภายในหนึ่งเดือนและ 10 Sievert โดสเดี่ยว จะถึงตายภายในไม่กี่สัปดาห์


    ทำไมเราไม่ได้ยินเรื่องของฟุกุชิมามากขึ้น?


    เพิ่งมีการกล่าวว่า“ ไม่ใช่ทุกวันที่ประธานาธิบดีสหรัฐเรียกนักข่าวว่ามนุษย์ที่ไม่น่าไว้วางใจที่สุดในโลก” ความไม่ซื่อสัตย์นี้แสดงขึ้นมาอย่างเต็มกำลัง ด้วยปัญหาพลังงานนิวเคลียร์ และโดยเฉพาะกับฟูกูชิม่าที่เลวร้าย โดยทั่วไปห้ามพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเปิดเผยในสื่อ อันที่จริงแล้ว เมื่อฉันอ่านบทความใน Yahoo เกี่ยวกับปริมาณรังสีที่บันทึกไว้ บทความก็หายไป จากรายการสรุปข่าว

    ส่วนใหญ่ รังสีนี้จะถูกชะออกไปในทะเลและมันค่อนข้างทำลายมหาสมุทรแปซิฟิก และชีวิตส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรอย่างรวดเร็ว เราไม่มีความคิดว่ารังสีจะหนีออกสู่ชั้นบรรยากาศมากเพียงใด แต่เรารู้ว่าในช่วงสองสามสัปดาห์แรกของอุบัติเหตุนิวเคลียร์เนื่องจากการระเบิด มีการปล่อยรังสีจำนวนมากออกสู่ชั้นบรรยากาศ และมันหมุนวนรอบโลก โดยเฉพาะ ในซีกโลกเหนือ

    ไม่มีทางที่ใครบอกเราได้ว่า การมีแหล่งผ่รังสีขนาด 530 Sieverts ต่อชั่วโมงนั้น ปลอดภัยหรือไม่ กี่สิบปีที่มันจะปลดปล่อยกัมมันตภาพรังสีขนาดนี้ เพื่อก่อให้เกิดมลพิษในโลกที่มีค่าของเรา นี่ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับเด็ก ๆ ของเรา ใครก็ตามที่กล่าวว่าพลังงานนิวเคลียร์นั้นปลอดภัยกำลังโกหก ใครก็ตามที่กล่าวว่ารังสีนิวเคลียร์ไม่เป็นอันตราย กำลังโกหก


    พวกเขาไม่ต้องการบอกว่าเมฆเหล่านี้มาจากไหน


    นักวิจัยได้ค้นพบการมีอยู่ของเมฆที่มีปริมาณรังสีที่สูงที่สามารถทำให้ผู้โดยสารเครื่องบินสัมผัสกับระดับรังสีที่สูง เมฆเหล่านี้ถูกค้นพบเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการตรวจวัดปริมาณรังสีอัตโนมัติขององค์การเพื่อความปลอดภัยการบินและอวกาศ (ARMAS)

    เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าระดับรังสีโดยทั่วไปจะสูงกว่าในบรรยากาศชั้นบน เมื่อเทียบกับบนพื้นดิน อย่างง่าย ระดับสูงกว่ารังสีคอสมิก อย่างไรก็ตามเมื่อศึกษาระดับรังสีเหล่านี้ นักวิจัยตรวจพบช่องเล็ก ๆ ซึ่งระดับรังสีสูงขึ้นกว่าระดับปกติสองเท่า ค่าที่แหลมขึ้น (รังสีที่เพิ่มขึ้น) เหล่านี้ไม่สามารถอธิบายได้จากแหล่งกำเนิดรังสีปกติเช่น รังสีคอสมิก


    ....

    หนึ่งปีที่ล่วงมาแล้ว

    รายงานข่าว RT รัสเซีย


    “ ระดับรังสีที่ร้ายแรง มีค่าถึง 9.4 Sieverts ต่อชั่วโมง ซึ่งถูกตรวจพบที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิ - เพียงพอที่จะฆ่าคนได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง หากถูกสัมผัสโดยตรง ,สื่อท้องถิ่นได้รายงานว่าการอ่านค่าการแผ่รังสีนั้นเกิดขึ้นในห้องเล็ก ๆ โดยใช้หุ่นยนต์ควบคุมจากระยะไกล มีการอ่านค่าได้ 9.4 Sieverts (Sv) ต่อชั่วโมง ระหว่างการตรวจเช็ค ระหว่างวันที่ 4-25 กันยายน ในช่วงเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ได้ตรวจพบรังสีในทันทีรอบ ๆ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิม่า ถึง 400 มิลลิ sieverts (mSv) ต่อชั่วโมงในสถานที่ต่างๆ 1 มิลลิsieverts เป็นหนึ่งในพันของ sievert ดังนั้นการอ่านค่าใหม่ที่ 9.4 Sv จึงสูงกว่าระดับรังสีที่บันทึกไว้ถึง 23.5 เท่าใน ที่บันทึกไว้เมื่อเดือนมีนาคม 2554”


    ผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิกล่าวว่าระดับกัมมันตภาพรังสีในอุโมงค์ใต้ดินได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว Tokyo Electric Power Company ตรวจพบ 482,000 becquerels ต่อลิตรของสารกัมมันตรังสีซีเซียมในตัวอย่างน้ำที่นำมาจากอุโมงค์เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม นั่นสูงกว่าข้อมูลที่บันทึกไว้ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว 4,000 เท่า


    เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าน้ำที่มีกัมมันตภาพรังสีจากฟุกุชิมะ ไหลไปสู่มหาสมุทรประมาณ 2 ล้านล้าน becquerels ทุกเดือน ในช่วงปี 2556 -“ สตรอนเซียมมฤตยู” ตอนนี้มีมากกว่าซีเซียมสองเท่า -“ สตรอนเทียมเข้าสู่กระดูกของคุณ…มันเปลี่ยนสมการ” โลหะอัลคาไลน์เอิร์ ธ ก่อให้เกิดความกังวลอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด เนื่องจากไม่เหมือนกับซีเซียม มันไม่ได้ติดอยู่ในดิน และมีแนวโน้มที่จะสะสมอยู่ในกระดูกของปลา และสัตว์หากกินเข้าไป


    ทุกคนต้องการลืมทุกอย่างเกี่ยวกับฟูกูชิม่า สำหรับผู้ที่ต้องการจดจำฝันร้ายที่เลวร้ายที่สุดของพวกเขา ภัยพิบัติ จากการ meltdown ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Fukushima "ยังไม่จบและจะไม่มีวันสิ้นสุด"

    Dr. Helen Caldicott, Nobel Peace Prize nominee and holder of 21 honorary doctorate degrees.


    Dr. Helen Caldicott, ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ และเป็นผู้ที่ได้รับปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ 21 ใบ ได้กล่วเตือนไว้


    มีการรายงานโดย Andy Gunderson ในช่วงปีแรกของการล่มสลายของ Fukushima ที่ผู้คนที่อาศัยอยู่บนชายฝั่งด้านตะวันตกของสหรัฐอเมริกา และแคนาดา ฮาวาย และอลาสก้า ประสบกับรังสีที่เลวร้ายที่สุด และในขณะนี้ ก็ไม่ได้ทำ การกระทำที่หลีกเลี่ยงรังสี


    Gunderson กล่าวในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Chris Martenson ว่า“ ฉันได้ติดต่อกับนักวิทยาศาสตร์บางคนที่ได้ติดตามอากาศบนชายฝั่งตะวันตกและใน Seattle เช่นในเดือนเมษายน พศ.2554 บุคคลทั่วไปในซีแอตเทิล หายใจ 5 -10 อนุภาคร้อนต่อวัน เข้าไป ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาทำงานอย่างไร” นี่หมายความว่าแม้ว่าฟูกูชิม่าจะหายไปในวันนี้เราก็ควรจะรักษาตัวเองและลูกหลานของเราจากการรับรังสี


    ข้อสรุป

    ดร. บราวน์สไตน์ บอกไว้ว่า“ หากมีสารไอโอดีนในร่างกายของเรา ที่มีอนินทรีย์และไม่มีกัมมันตภาพรังสีสูง กัมมันตภาพรังสีก็จะไม่มีผลใด ๆ ที่จะเกาะติดกับร่างกายของเรา มันจะผ่านเราออกจากร่างกายของเราไม่เป็นอันตราย เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าเรามีระดับไอโอดีนอย่างเพียงพอ ก่อนที่จะเกิดผลกระทบที่รุนแรงนี้”

    ทุกคนควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า พวกเขาได้รับแร่ธาตุเพียงพอ เพราะสารกัมมันตรังสีเลียนแบบแร่ธาตุที่ไม่ใช่กัมมันตภาพรังสี ยกตัวอย่างเช่น Strontium เลียนแบบแคลเซียมทำให้เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อทุกรูปแบบของชีวิต เมื่อถูกดูดซึม สารพิษ เช่น Tritium, Codium, พลูโตเนียมและสตรอนเทียม ถูกนำไปยังทุกหนทุกแห่งโดยลม ฝน และกระแสน้ำในมหาสมุทร เข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร ผ่านสาหร่าย และอาหารทะเล สร้างความเป็นพิษระดับสูงในปลา - และมนุษย์ - ที่ส่วนบนสุด ของห่วงโซ่การบริโภค


    ฟูกูชิม่าเป็นฝันร้ายทางรังสีของญี่ปุ่น และของโลก ที่จะไม่หายไปในช่วงชีวิตของเรา ทั้งเด็กและลูกหลานของเรา


    โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิม่ากำลังปล่อยของเสียจากสารพิษที่มีกัมมันตภาพรังสีลงสู่มหาสมุทรและถึงแม้ว่าเราถูกบอกว่าจะไม่ต้องตื่นตระหนกและไม่ต้องกังวลแม้แต่น้อยสถานการณ์ก็เป็นอันตรายและมีความสำคัญต่อชีวิตในอนาคตบนโลก

    สำหรับการวิจัยตามหลักฐานเกี่ยวกับวิธีการลดความเป็นพิษจากรังสีที่เกี่ยวข้องให้ไปที่แผงควบคุมการวิจัย GreenMedInfo.com


    https://www.anonews.co/hell-hole-on-earth-discovered-at-fukushima/
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_9733.JPG
    (Feb 21) รายงาน: นโยบายเงินเอเชียกลับลำ 180 องศา : เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังชะลอตัวลงและธุรกิจตึงเครียดจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ มากขึ้น ซึ่งทำให้ธนาคารกลางตั้งแต่ญี่ปุ่นยันออสเตรเลียต้องกลับลำ 180 องศา เพื่อหันมาผ่อนคลายนโยบายเงิน

    เมื่อปลายปีที่ผ่านมา การถกเถียงในญี่ปุ่นได้โฟกัสไปที่ข้อเสียของการพิมพ์เงินออกมา และธนาคารกลางออสเตรเลียยืนกรานว่าการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปน่าจะขึ้นดอกเบี้ย แต่แรงเทขายเงินในตลาดเกิดใหม่ บีบให้เศรษฐกิจที่มีความเปราะบางจากภายนอกอย่างอินเดีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ต้องเข้มงวดดอกเบี้ยนโยบายต่อไป



    อย่างไรก็ดี ในขณะนี้มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางเหล่านี้ อาจต้องลดดอกเบี้ยเสียแล้ว


    ดอลลาร์และราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง มีบทบาทสำคัญที่ทำให้ธนาคารกลางเปลี่ยนนโยบาย แต่จีนซึ่งเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโตสำคัญสุดสำหรับเอเชีย กำลังเริ่มต้นปีแย่กว่าที่คาดและกำลังส่งออกภาวะไม่มีเงินเฟ้อ (disinflation) ไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค



    เมื่อเดือนที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้มีท่าทีระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นสัญญาณว่าวงจรการเข้มงวดนโยบายอาจจะยุติลงแล้ว



    ปิยุส คุปตะ ซีอีโอของดีบีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างชัดเจนในขณะนี้คือ ธนาคารกลางกำลังทบทวนนโยบายเงินใหม่ ในขณะนี้เศรษฐกิจใหญ่ทั้งหมดในเอเชีย ยกเว้นฟิลิปปินส์ กำลังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในช่วงปลายต่ำหรือแม้แต่ต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลาง การเติบโตของราคาในมาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และไทย ต่ำกว่า 1%



    เฟรเดอริค นิวแมนน์ ผู้อำนวยการร่วมฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจเอเชีย กล่าวว่า แรงกดดันราคาลดลงอย่างเห็นได้ชัดและลดลงในวงกว้าง เหตุผลในการผ่อนคลายนโยบายเงินเพิ่ม อาจจะเริ่มกดดันมากขึ้นแม้ว่าโดยตัวของมันเองอาจจะไม่เพียงพอที่จะหนุนการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ



    เมื่อวันอังคาร ฮารุฮิโกะ คูโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นกล่าวว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นพร้อมที่จะเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหากการแข็งค่าอย่างรุนแรงของเงินเยนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและเป้าหมายราคาของธนาคารกลาง



    ในวันเดียวกัน ทิวา กุยนิกุนโด ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (บีเอสพี) กล่าวว่า ธนาคารกลางฟิลิปปินส์จะดำเนินการอย่างรวดเร็วหากภาวะสภาพคล่องไม่เพียงพอที่จะรักษาแรงส่งทางเศรษฐกิจ หลังจากที่ได้ขึ้นดอกเบี้ย 5 ครั้งในปีที่ผ่านมา



    เมื่อต้นเดือนนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลีย (อาร์บีเอ) ได้เปลี่ยนท่าทีจากที่ก่อนหน้านี้เอนเอียงไปทางเข้มงวดนโยบาย มามีท่าทีเป็นกลาง แต่ผลสำรวจของรอยเตอร์ชี้ว่า มีนักเศรษฐศาสตร์มากขึ้นที่กำลังคาดการณ์ว่าธนาคารกลางออสเตรเลียกำลังจะลดดอกเบี้ย



    ธนาคารกลางอินเดียก็ได้ลดดอกเบี้ยอย่างไม่คาดคิดในเดือนนี้ และนักวิเคราะห์กำลังคาดการณ์ว่าจะลดอีกครั้ง ในบรรดาสามเศรษฐกิจใหญ่ที่ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด อินโดนีเซียเป็นเพียงชาติเดียวที่มีการคาดการณ์น้อยมากว่าจะเปลี่ยนทิศทางนโยบาย หลังจากที่ได้ขึ้นดอกเบี้ย 6 ครั้งในปีที่ผ่านมา เนื่องจากธนาคารกลางอินโดนีเซียเน้นการรักษาเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนมากกว่า



    ในขณะนี้ นักเศรษฐศาสตร์ยังไม่เห็นโอกาสที่เศรษฐกิจใด ๆ ในเอเชียจะลดดอกเบี้ยมากกว่าหนึ่งครั้ง โดยส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับว่าจีนจะมีภาวะอย่างไร การพิพาทการค้าของจีนกับสหรัฐฯ จะแก้ไขได้หรือไม่ และความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนประสบความสำเร็จเพียงไร



    ในเดือนมกราคม ธนาคารกลางจีนได้ลดเกณฑ์กันสำรองเงินทุนลงประมาณ 1% และนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดอีก 1.50% ภายในปลายปีนี้นอกเหนือจากที่คาดการณ์ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นทางการคลังอื่น ๆ ในเดือนมีนาคม



    นักเศรษฐศาสตร์ส่วนหนึ่งไม่คาดว่าจีนจะลดดอกเบี้ยมาตรฐาน และมีความเห็นเป็นส่วนใหญ่ว่าการลดดอกเบี้ยจะเป็นหนทางสุดท้ายเท่านั้น เนื่องจากอาจกระทบเงินหยวนและทำให้เกิดความเสี่ยงจากหนี้อีกครั้ง



    นักวิเคราะห์ของไอซีบีซี กล่าวว่า ธนาคารกลางจีนน่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ก็ต่อเมื่อภาวะแวดล้อมภายนอกและภายในเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงเท่านั้น


    Source: ข่าวหุ้น


    เพิ่มเติม

    - China's central bank is said to see benchmark rate cut as the last resort : https://www.cnbc.com/2019/02/21/peo...enchmark-rate-cut-as-last-resort-reuters.html

    -
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers

    #ข่าวภัยพิบัติ

    // น้ำท่วมหนักทางภาคใต้ของสหรัฐ //

    21/02/19

    มิสซิสซิปปี .- พื้นที่บางส่วนในเขตดีพเซาท์ของสหรัฐกำลังเผชิญกับน้ำท่วมฉับพลันและปัญหาต่างๆจากฝนตกหนัก


    น้ำท่วมหนักตามถนนสายต่างๆในวันพุธทางตะวันออกของมิสซิสซิปปีและทางเหนือของแอละแบมา ทางการเฝ้าระวังและประกาศเตือนสถานการณ์น้ำท่วมในบางพื้นที่ของแอละแบมา มิสซิสซิปปี และจอร์เจีย หลังจากฝนตกหนักในวันอังคาร-วันพุธที่ท่าอากาศยานระหว่างประเทศแนชวิลล์ สถานีพยากรณ์อากาศรายงานคาดว่าจะมีฝนตกลงมามากถึง 8 นิ้วจนถึงวันเสาร์ ทั้งฝนน้ำแข็งและน้ำแข็งจะปกคลุมในเซาท์แคโรไลนา ขณะที่มีคลิปวิดีโอภาพรถยนต์ติดอยู่บนถนนกลางน้ำท่วม .

    Cr: mcot


     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข่าวแผ่นดินไหวและภัยพิบัติที่ญี่ปุ่น โดย นร.เก่าญี่ปุ่น

    ในวันนี้ (21 ก.พ.) เวลา 21:22 น. ตามเวลาในประเทศญี่ปุ่น เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด M5.7 วัดความสั่นสะเทือนตามมาตราญี่ปุ่นได้ 6- จุดศูนย์กลางเขตอิบุริ จ. ฮอกไกโด ไม่มีเตือนสึนามิ ขอให้ทุกท่านระวังอาฟเตอร์ช็อกที่อาจจะตามมาค่ะ


     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    GEN

    「GEN News」

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลเยอรมนียังคงเดินหน้าการเจรจากับหัวเว่ย (Huawei) เพื่อติดตั้งเครือข่ายอินเตอร์ 5G ถึงแม้ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐฯได้บอกให้ประเทศพันธมิตรทั่วโลกบอยคอตบริษัทหัวเว่ย โดยอ้างว่าเทคโนโลยีการสื่อสารของบริษัท Huawei เป็นภัยต่อความมั่นคงที่สามารถจารกรรมข้อมูลสำคัญของรัฐบาล
    .
    แต่นาย เดนนิส โซ (Dennis Zo) ผู้จัดการบริษัทหัวเว่ยสาขาประเทศเยอรมนี ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Handelsblatt ว่า บริษัทหัวเว่ยไม่ได้เป็นภัยต่อความมั่นคง ซึ่งทางบริษัทนั้นค่อนข้างเปิดเผยและตรวจสอบถึงความโปร่งใสได้ และรัฐบาลจีนก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทหัวเว่ยแต่อย่างใด
    .
    โดยนายเดนนิส โซกล่าวว่า “รัฐบาลจีนไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทหัวเว่ย และรัฐบาลจีนก็ไม่มายุ่งเกี่ยวกับธุรกิจของเรา” คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าว สอดคล้องกับมติในที่ประชุมของคณะรัฐมนตรีและคณะผู้บริหารรัฐบาลเยอรมนีของนาง อังเกลา แมร์เคิล (Angela Merkel)
    .
    โดยในที่ประชุมสรุปการสืบสวนว่า ไม่พบหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่า บริษัทหัวเว่ยพยายามสอดแนมหรือพยายามจารกรรมข้อมูล รัฐบาลนางแมร์เคิลจึงตัดสินใจอนุญาตให้บริษัทหัวเว่ย สามารถติดตั้งเครือข่ายสัญญาณอินเตอร์เน็ต 5G ในประเทศเยอรมนี โดยไม่สนใจคำพูดของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคำพูดที่ไม่มีหลักฐานอ้างอิงเช่นกัน
    .
    นอกจากนั้นแล้ว รัฐบาลสหราชอาณาจักร ที่มีคำสั่งบอยคอตบริษัทหัวเว่ยไปก่อนหน้านี้ ล่าสุด นาย ไซแรน มาร์ติน ผู้อำนวยการหน่วยงานความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (NCSC) ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่พบหลักใดที่บ่งชี้ว่า บริษัทหัวเว่ยเป็นภัยต่อความมั่นคง
    .
    ซึ่งสวนทางกับคำพูดของรัฐบาลสหรัฐฯที่กล่าวหาบริษัทหัวเว่ยว่าเป็นภัยคุกคาม แต่ทั้งนี้รัฐบาลอังกฤษมั่นใจว่า จะสามารถจัดกับความเสี่ยงในกรณีที่มีภัยคุมคามทางไซเบอร์
    .
    ในเมื่อไม่พบหลักฐานว่า บริษัทหัวเว่ยเป็นภัยต่อความมั่นคง สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และสหราชอาณาจักร จึงมีท่าทีที่ไม่ต่อต้านบริษัทหัวเว่ย แล้วเช่นนี้ประเทศพันธมิตรในกลุ่มสหภาพยุโรป หรือพันธมิตรประเทศอื่นๆ จะยังคงบอยคอตตามคำบอกของลุงแซม หรือจะเปลี่ยนท่าทีไม่บอยคอตเหมือนเมืองผู้ดีและเมืองเบียร์? ประเด็นนี้ต้องติดตามกันต่อไป

    ...

    ที่มา :

    https://www.theregister.co.uk/2019/02/19/germany_huawei_5g_security/

    https://www.reuters.com/article/us-...i-5g-network-role-minister-says-idUSKCN1Q81ND

    https://uk.reuters.com/article/us-h...-on-5g-security-policy-official-idUKKCN1Q91PM

    .....

    *อย่าลืมกดติดตามเพจ「GEN」เพื่อไม่ให้พลาด บทความ ข่าวสารและสาระดีๆ
    GEN #GENNews
    .
    ช่องทางอื่นๆ
    Website : http://www.genonline.co
    Twitter : https://twitter.com/GenonlineCo

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Feb 21) จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ถูกส่งหมายเรียกขอเอกสารรับรองความปลอดภัยแป้งเด็ก: บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้รับหมายเรียกจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) เพื่อแสดงเอกสารรับรองความปลอดภัยของแป้งเด็กและแป้งทัลค์ที่บริษัทเป็นผู้ผลิต หลังมีสื่อเสนอข่าวว่า บริษัทได้รับรู้เป็นเวลานานหลายสิบปีว่า ผลิตภัณฑ์แป้งโรยตัวของบริษัท ซึ่งรวมถึงแป้งเด็กจอห์นสัน มีส่วนผสมของแร่ใยหิน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็ง จนถูกฟ้องร้องในชั้นศาล


    จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะให้ความร่วมมือแก่รัฐบาลสหรัฐอย่างเต็มที่ และจะปกป้องชื่อเสียงของบริษัทในการฟ้องร้องที่เกิดขึ้น เพราะแม้แป้งเด็กจอห์นสันมียอดขายไม่มากเมื่อเทียบกับสินค้าตัวอื่นๆ แต่แป้งเด็กก็เป็นสินค้าที่ระบุชื่อจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน โดยตรง จนทำให้แป้งเด็กมีความสำคัญต่อภาพลักษณ์องค์กร


    ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังสื่อรายงานว่า จากการพิจารณาเอกสาร และคำให้การต่อศาล ได้แสดงให้เห็นว่า ตั้งแต่ปี 1971 จนถึงต้นทศวรรษ 2000 ผู้บริหาร และฝ่ายกฎหมายของบริษัท ต่างก็รู้ว่า สารทัลคัมและผลิตภัณฑ์แป้งของบริษัทมีการปนเปื้อนแร่ใยหิน แต่ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมกฎระเบียบ หรือต่อสาธารณชน


    อย่างไรก็ดี ผู้บริหารของบริษัทออกมาปฏิเสธรายงานดังกล่าวว่าเป็นสิ่งที่บิดเบือนข้อเท็จจริง และสร้างความเข้าใจผิด โดยระบุว่า ผลการทดสอบจำนวนมากพบว่า สารทัลคัมในผลิตภัณฑ์แป้งโรยตัวของบริษัทไม่ได้มีส่วนผสมของแร่ใยหิน หรือทำให้เกิดมะเร็ง


    ในเดือนก.ค.ปีที่แล้ว คณะลูกขุนในศาลรัฐมิสซูรีมีคำสั่งให้บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันจ่ายเงินชดเชยเป็นจำนวน 4.9 พันล้านดอลลาร์แก่ผู้หญิง 22 คนซึ่งป่วยเป็นมะเร็งในรังไข่ หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์แป้งโรยตัวของบริษัท ซึ่งรวมถึงแป้งเด็กจอห์นสัน ที่มีส่วนผสมของทัลคัม


    ทั้งนี้ ฝ่ายโจทก์ระบุว่า ได้ป่วยเป็นมะเร็งในรังไข่ หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์แป้งโรยตัวของบริษัทเป็นเวลานานหลายสิบปี และกล่าวหาว่าบริษัททราบมาโดยตลอดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1970 ว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทปนเปื้อนแร่ใยหิน แต่ไม่ได้แจ้งเตือนผู้บริโภคถึงความเสี่ยงดังกล่าว

    BBC5E17F-9F25-4C35-A4AF-7F582009A099.jpeg

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/รัตนา


    - Johnson & Johnson receives federal subpoenas related to baby powder litigation : https://www.reuters.com/article/us-...lated-to-baby-powder-litigation-idUSKCN1QA0DQ

    -
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk

    IMG_9736.JPG
    หนังสือเล่มนี้จะบอกคุณว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนต้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นในตอนท้ายและทุกอย่างที่อยู่ตรงกลาง เราอยู่ตอนท้ายแล้ว

    IMG_9737.JPG

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_9738.JPG
    (Feb 21) เศรษฐกิจเอเชียจะดีขึ้นในสองสามเดือนนี้ นักลงทุนทั่วโลกกำลังกลับมา-เล็งหุ้นเทคโนโลยี - ผู้บริหารเจ.พี.มอร์แกน เชส ชี้ นักลงทุนกำลังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในเอเชียจะพ้นจุดต่ำสุดในช่วงสองสามเดือนข้างหน้านี้ จึงช่วยหนุนให้ตลาดในภูมิภาคปรับตัวขึ้น ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นจีน โดยเน้นการลงทุนในอุตสาหกรรมที่โตเร็วอย่างเทคโนโลยี ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเมื่อวานนี้หลังทรัมป์ส่งสัญญาณอาจเลื่อนเส้นตายในการเจรจากับจีน



    จิง อัลริช กรรมการผู้จัดการและรองประธานคณะกรรมการบริหารภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของบริษัท เจ.พี.มอร์แกน เชส กล่าวว่า รัฐบาลปักกิ่งได้ดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นการเติบโต เช่น ทำโครงการสาธารณูปโภค ลดภาษีและลดเกณฑ์กันสำรองเงินทุนของธนาคารพาณิชย์ แม้ว่าในขณะนี้ยังไม่เห็นผลชัดเจนมาก แต่ในช่วงหลายเดือนข้างหน้ามาตรการทางนโยบายของจีนจะเริ่มเห็นผล



    อัลริช กล่าวว่า นักลงทุนในตลาดหุ้นกำลังรอข่าวดีอีก โดยมาตรการกระตุ้นของจีนมีแนวโน้มว่าจะมีผลกระทบที่ชัดเจนมากขึ้นต่อกำไรบริษัทในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน และความจริงแล้ว นักลงทุนทั่วโลกได้ลดน้ำหนักตลาดจีนเพราะมีความกังวลหลาย ๆ เรื่อง เช่นระดับหนี้สูง กำลังจะกลับมาเข้าตลาด เนื่องจากการประเมินมูลค่าต่ำลงเมื่อเทียบกับสองสามปีก่อน



    อัลริช กล่าวว่า นักลงทุนสถาบันทั่วโลกกำลังมองหาอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตเร็ว เช่น เทคโนโลยี พาหนะที่ใช้พลังงานใหม่ ปัญญาประดิษฐ์ และอินเทอร์เน็ต อุตสาหกรรมเหล่านี้ฟื้นตัวมากแม้ว่าเศรษฐกิจโดยทั่วไปชะลอตัวลง นอกจากนี้ การบริโภคส่วนบุคคลโตเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งมาก จึงช่วยขับเคลื่อนการลงทุนแม้ว่าจีดีพีของจีนชะลอตัวลงก็ตาม



    อัลริชยังกล่าวว่า อุตสาหกรรมเช่น สุขภาพและการศึกษา เป็นอุตสาหกรรมที่โดดเด่นต่อการลงทุนแม้ในภาวะเศรษฐกิจโลกปัจจุบัน



    “เทคโนโลยี หรือการบริโภคจะดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมแบบเศรษฐกิจเก่าซึ่งมีขีดความสามารถและมีหนี้สูงมากเกินไป” อัลริช กล่าว



    ตลาดหุ้นใหญ่ ๆ ในเอเชียปรับตัวขึ้นเมื่อวานนี้ โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ปรับตัวขึ้นประมาณ 0.2% ปิดที่ระดับ 2,761.22 จุด โดยในปีนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ได้ปรับตัวขึ้นมากว่า 10%



    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณอีกครั้งเมื่อวันอังคารว่า อาจจะเลื่อนเส้นตายในการเจรจาการค้ากับจีนในเดือนมีนาคม โดยการเจรจากำลังเป็นไปด้วยดีและเส้นตายเดือนมีนาคมที่ขีดไว้ ในขณะนี้ไม่ใช่ “วันมหัศจรรย์”



    ทั้งจีนและสหรัฐฯ มีเวลาเจรจาเพื่อทำข้อตกลงจนถึงวันที่ 1 มีนาคม หากไม่สามารถตกลงกันได้ สหรัฐฯ จะเก็บภาษีจีนเพิ่มจาก 10% เป็น 25%



    มีรายงานจากบลูมเบิร์กว่า สหรัฐฯ กำลังขอให้จีนรักษาค่าเงินหยวนให้มีเสถียรภาพตามส่วนหนึ่งของข้อตกลงการค้า โดยผู้ที่ใกล้ชิดกับสถานการณ์กล่าวว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวของสหรัฐฯ มีเป้าหมายเพื่อไกล่เกลี่ยความพยายามของรัฐบาลปักกิ่งที่จะลดค่าเงินหยวนเพื่อทัดทานภาษีอเมริกา



    แหล่งข่าวกล่าวว่า คณะบริหารของทรัมป์ยืนกรานว่าการเคลื่อนไหวเพื่อลดค่าเงินหยวนเพื่อกระตุ้นการส่งออกของจีน จะถูกตอบโต้โดยการเก็บภาษีเพิ่มหรือรุนแรงมากขึ้น


    Source: ข่าวหุ้น


    - Global investors are coming back to Chinese markets, says JP Morgan executive : https://www.cnbc.com/2019/02/19/global-investors-are-coming-back-to-chinese-markets-jp-morgan.html

    -
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เก้ากระบี่เดียวดาย

    ฟู่ซ่านเสียง จอหงวนหญิง เพียงหนึ่งเดียวในประวัติศาสตร์จีน

    จอหงวนคือบัณฑิตผู้ได้อันดับหนึ่งในการสอบหน้าพระที่นั่งอันเป็นการสอบขั้นสูงสุด ในประวัติศาสตร์นับแต่ราชวงศ์ถังจนสิ้นราชวงศ์ชิง นับจอหงวนได้ 592 คน (บางตำราว่า 504 คน) หนึ่งในจำนวนนั้นมีชื่อสตรีอยู่ชื่อหนึ่ง จอหงวนหญิงผู้นั้นนามว่า “ฟู่ซ่านเสียง”

    ในราชสำนักจีนโบราณในก่อนหน้าที่ “กบฏไท่ผิง” จะก้าวขึ้นมาถึงจุดสูงสุดอย่างการยึดเมืองหลวงนานกิงและสถาปนาตนเองเป็นฮ่องเต้อีกพระองค์หนึ่งของ “หงซิ่วฉวน” ผู้นำกบฏไท่ผิง ก่อนหน้านั้นสถานะของสตรีนั้นเป็นเพียงช้างเท้าหลัง ไม่อาจจะก้าวขึ้นมาเป็นขุนนางหรือข้าราชการได้ แต่ทว่าเมื่อหงซิ่วฉวนได้มีอำนาจก็จัดการฉีกกฎเดิมๆ โดยให้โอกาสผู้หญิงที่มีความสามารถเข้ามาทำงานเพื่อประเทศชาติ

    หงซิ่วฉวนเป็นชาวกวางตุ้ง บ้านมีฐานะยากจน แต่กัดฟันทนส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนประจำหมู่บ้าน หงซิ่วฉวนเคยสอบบัณฑิตหลายครั้งแต่พลาดมาตลอด ต่อมาได้รับตำราเผยแพร่ศาสนาคริสต์ที่มิชชันนารีแจกในเมือง เมื่ออ่านแล้วก็เกิดความศรัทธา จนเป็นแรงบันดาลใจให้หงซิ่วฉวนได้ก่อหวอดลุกฮือขึ้น ชูอุดมการณ์จะสร้างโลกมหาสันติ โดยมีหลักพื้นฐานมาจากศาสนาคริสต์และกล่าวว่าตนคือน้องชายพระเยซู ต่อมาหงซิ่วฉวนได้ร่วมมือกับผู้นำที่เป็นชาวบ้านหลายคนเช่น หยางซิ่วชิง เป็นคนเผาถ่าน เซียวเฉากุ้ยเป็นชาวนายากจน เว่ยชางฮุยเป็นเจ้าของที่ดินเล็กๆ ทุกคนต่อมาล้วนอยู่ในกลุ่มผู้นำทัพไท่ผิง

    ราชสำนักเรียกพวกนี้ว่า ไป่ซ่างตี้ฮุ่ย หมายถึง “พรรคนับถือพระเจ้า” ส่วนเหล่ากบฏเรียกตนว่าทัพไท่ผิง แปลว่า มหาสันติ กบฏกลุ่มนี้ไม่ยอมรับสนธิสัญญานานกิงที่เอาเปรียบชาวจีนเกินไป และไม่ไว้เปีย จึงมีคนเรียกว่า “กบฏผมยาว”

    หลังจากที่กบฏไท่ผิงได้ยึดเมืองหลวงนานกิงและเปลี่ยนชื่อเป็น “เทียนจิน” ซึ่งแปลว่าเมืองสวรรค์” ก่อนที่จะสถาปนาราชวงศ์ใหม่ขึ้นมาและตั้งดินแดนที่ยึดครองได้ขึ้นเป็นประเทศชื่อว่า “ไท่ผิงเทียนกว๋อ” (เมืองแมนแดนมหาสันติ) หงซิ่วฉวนตั้งตนเป็นเทียนอ๋อง (จ้าวสวรรค์) ให้หยางซิ่วชิงเป็นอ๋องบูรพา เซียวเฉากุ้ยเป็นอ๋องประจิม ฝงหยุนซานเป็นอ๋องทักษิณ เว่ยชางฮุยเป็นอ๋องอุดร

    อุดมการณ์ไท่ผิงเห็นว่า โลกนี้พระเจ้าทรงสร้างไว้ให้มนุษย์ชายหญิงเท่าเทียม ชายหญิงได้รับแบ่งที่ดินทำกินเท่าเทียมกัน ห้ามมีโสเภณี โทษข่มขืนผู้หญิงสำหรับทหารคือ ประหารชีวิต ห้ามซื้อขายเด็กผู้หญิง สร้างกองทัพหญิงมีนายทหารหญิงคุมกองทัพของตนเอง มีชั้นยศอย่างบุรุษ หลักการมุ่งเปลี่ยนโครงสร้างสังคมเหล่านี้นี่เองที่ทัพไท่ผิงต่างจากกบฏกลุ่มอื่นๆ

    จึงได้ทำการเปิดสอบจอหงวนโดยรับผู้หญิงเข้ามาสอบด้วยในปี 1853 ซึ่งการสอบนั้นทั้งหญิงและชายจะใช้คำถามเดียวกันเพื่อแสดงถึงความเท่าเทียม การสอบในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 600 คน และเมื่อประกาศผล “ฟู่ซ่านเสียน” คือสตรีที่ได้รับตำแหน่งจอหงวนหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์จีน

    การจัดสอบบัณฑิตนั้น หงซิ่วฉวนให้อ๋องบูรพาหยางซิ่วชิงเป็นหัวหน้าคุมสอบบัณฑิตชาย ให้หงซ่วนเจียว น้องสาวหงซิ่วฉวนเองเป็นหัวหน้าคุมสอบบัณฑิตหญิง เวลานั้นผู้เข้าร่วมสอบบัณฑิตชายหญิงร่วม 600 กว่าคน บัณฑิตชายหญิงล้วนใช้คำถามเดียวกัน


    เหรียญเงินตราจับจ่ายในประเทศไท่ผิงเทียนกว๋อ.
    การสอบครั้งนั้นมีบันทึกหลายท่านเขียนสอดคล้องกันอยู่หลายเล่ม การสอบบัณฑิตหญิงในประเทศไท่ผิงเทียนกว๋อจึงเป็นเรื่องน่าเชื่อถือพอสมควร การสอบครั้งนั้นได้
    จอหงวนชาย เฉิงเหวิน-เซียง ได้จอหงวนหญิง ฟู่ซ่านเสียง ปั่งงั้งหญิงคือ จงซิ่วอิง ท้ำฮวยหญิงคือ หลินลี่ฮัว

    หลังขึ้นสู่จุดสูงสุดของการประชันปัญญา ฟู่ซ่านเสียงได้พิสูจน์ให้โลกได้เห็นอย่างไร้ข้อกังขาใดๆว่า ความปรีชาสามารถของนางคือยอดอัญมณีแห่งวงการบัณฑิตแท้จริง ภายหลังได้เป็นจอหงวน หยางซิ่วชิงให้ฟู่ซ่านเสียงเข้าทำงานในตำหนักอ๋องบูรพาของตน แต่งตั้งฟู่ซ่านเสียงเป็นอาลักษณ์หญิง ดูแลเรื่องแถลงการณ์ของอ๋องบูรพา และตระเตรียมงานหนังสือต่างๆ

    ความฉลาดปราดเปรื่องของฟู่ซ่านเสียงค่อยๆร่ำลือไปตำหนักเทียนอ๋อง เทียนอ๋องหงซิ่วฉวนได้มอบหมายงานแก่ฟู่ซ่านเสียงผ่านหยางซิ่วชิงหลายครั้ง ทุกครั้งปฏิบัติภารกิจอย่างละเอียดถี่ถ้วนจนเสร็จสิ้น

    เดือนมีนาคม ค.ศ.1854 หงซิ่วฉวนออกโองการฉีกจารีตอีกคราแต่งตั้งฟู่ซ่านเสียงเป็นไจ้เซียง หรืออัครมหาเสนาบดี (เทียบเท่านายกรัฐมนตรี) ภารกิจสำคัญยังคงช่วยงานอ๋องบูรพาผ่านราชการต่างๆ

    เมื่อหงซิ่วฉวนสถาปนานครเทียนจิงแล้วก็มุ่งมาดปฏิรูปสังคมให้ก้าวหน้า ไม่ได้คิดเพียงแค่แย่งบัลลังก์มังกรจากราชสำนัก สิ่งที่หงซิ่วฉวนคิด ฟู่ซ่านเสียงได้กุยทางจนเป็นจริงขึ้นได้ ออกกฎหมายใหม่สร้างความเท่าเทียมชายหญิงได้ในที่สุด ในประเทศไท่ผิงนั้นได้ปรากฏสตรีผู้โด่งดังเคียงกัน 2 นาง ถึงกับมีคำกล่าวว่า “บู๊มีหงซ่วนเจียว บุ๋นมีฟู่ซ่านเสียง”

    หงซ่วนเจียวแม้เป็นอิสตรีแต่ก็เป็นนักแม่นปืนอันดับหนึ่งของไท่ผิงเทียนกว๋อ ยิงปืนแม่นมากขนาดเคยยิงทหารชิงตายคากำแพงเมือง สะพายปืนบุกเดี่ยวยึดเมืองมาแล้วจนได้ฉายา “ปืนเทพยดา” เมื่อฟู่ซ่านเสียงเข้ามาปฏิรูปกฎหมายต่างๆ ที่ไม่เคยมีมาในอดีต ทำให้ทัพหญิงของหงซ่วนเจียวเข้มแข็งขึ้น มีเหล่าหญิงสาวอาสาเข้าร่วมยกทัพจับศึกมากมาย

    แม้ฟู่ซ่านเสียงจะได้รับตำแหน่งสูงตั้งแต่อายุเพียง 20 กว่าๆ แต่นางได้พัฒนากิจการบ้านเมืองของประเทศใหม่ ตั้งแต่ตรากฎหมายใหม่ กำหนดระบบเงินตรา การจัดสรรที่ดินแก่พลเมืองใหม่ทั้งหมด ฯลฯ ภารกิจหลายอย่างแม้ขุนนางเก่าผู้ผ่านโลกมามากยังยากจัดการ แต่ฟู่ซ่านเสียงบริหารบ้านเมืองจนแม้แต่ชาวตะวันตกอดทึ่งไม่ได้

    ตอนนั้นชาวตะวันตกสนใจประเทศไท่ผิงมาก ขนาดส่งทูตไปเยือน เทียนจิง ท่านสาธุคุณอี.ซีบริดจแมนได้บันทึกไว้ว่า “ผู้คนทั้งหลายทั้งปวง (ในอาณาจักรไท่ผิง) ที่เราได้พบเห็นล้วนแต่แต่งตัวดี เห็นได้ว่ามีความเป็นดีอยู่ดีในทุกๆทาง ดูพวกเขามีความพึงพอใจและกำลังขวัญดีมาก ล้วนแล้วแต่มีความมั่นใจในผลสำเร็จของตน” (จากงานแปลของ ทวีป วรดิลก, การเมืองทมิฬ ตอน อั้งยี่ ครองเมือง) ในปลายปี ค.ศ.1853 ประเทศไท่ผิงมีข้าวสะสมถึง 2 ล้านหาบ (1 หาบเท่ากับประมาณ 60.5 กิโลกรัม) ความสำเร็จเหล่านี้นับว่าฟู่ซ่านเสียงมีส่วนร่วมอยู่อย่างปฏิเสธไม่ได้

    กระนั้นเมฆทะมึนเริ่มก่อตัว ทัพไท่ผิงใช้เวลา 4 ปีตั้งเมืองหลวง เหล่าทหารเริ่มใช้ชีวิตสุขสบายจนลืมจุดยืน อ๋องบูรพาหยางซิ่วชิงเริ่มเหลิงในอำนาจไปขอเพิ่มศักดิ์จากเก้าพันปี เป็นหมื่นปีเสมอเทียนอ๋อง หงซิ่วฉวนจึงออกคำสั่งลับให้เว่ยชางฮุยกำราบหยางซิ่วชิง เว่ยชางฮุยกลับอาศัยความไม่ลงรอยระหว่างหงซิ่วฉวนกับหยางซิ่วชิง นำทัพเข้าเทียนจิงสังหารคนตายเป็นเบือ เมื่อหงซิ่วฉวนจับได้ก็สั่งประหารทันที

    เหตุการณ์นี้เป็นรอยร้าวหายนะแก่ประเทศไท่ผิงในภายหลัง หนึ่งในชีวิตที่สังเวยนั้นคือ ฟู่ซ่านเสียง

    มรณกรรมของฟู่ซ่านเสียงมีคำบอกเล่าต่างกันไป บ้างว่า นางถูกฆ่าในช่วงเกิดจลาจลภายในไท่ผิง ร่างไร้วิญญาณถูกทิ้งลงแม่น้ำไหลไปบูรพาทิศ บ้างว่าระหว่างจลาจลภายในไท่ผิง ฟู่ซ่านเสียงหลบหนีรอดชีวิตไปได้ และรวบรวมกำลังที่เหลือของอ๋องบูรพาไปสมทบกับสือต๋าไคบุกตีตำหนักอ๋องอุดร เพื่อแก้แค้นให้แก่หยางซิ่วชิง คนรักของนาง หยางซิ่วชิงไม่รู้หนังสือ ฟู่ซ่านเสียงต้องคอยจ้ำจี้จ้ำไชจนบางทีหยางซิ่วชิงก็รำคาญ แต่นั่นคงเป็นสายสัมพันธ์ให้เกิดความรักขึ้น และบ้างว่าขณะเกิดจลาจลอ๋องอุดรจับตัวฟู่ซ่านเสียงได้แล้วนำไปขังคุก ต่อมาคนของหงซ่วนเจียวลอบช่วยเหลือภายหลังได้ส่งไปให้ม่ออ๋อง ถานเส้ากวง แต่ระหว่างส่งข่าวจากซูโจวไปถึงเทียนจิงก็บาดเจ็บเสียชีวิต ฟู่ซ่านเสียงผิดหวังจนตรอมใจตาย

    ปลายยุคไท่ผิง แม้สิ้นคนใกล้ตัวไปหลายคนและขุนนางมากความสามารถอย่างฟู่ซ่านเสียง ประเทศไท่ผิงก็ยังพยายามวางแผนพัฒนาคมนาคมโดยสร้างทางรถไฟ ทางหลวง ใช้เรือกลไฟ ปรับปรุงระบบการเงินด้วยการตั้งธนาคาร นับว่าเป็นเรื่องทันสมัยล้ำยุคมากในช่วงเวลานั้น

    กบฏไท่ผิงแรกเริ่มมีไพร่พลอยู่ประมาณ 10,000 กว่าคน เมื่อตีนานกิงได้มีพล 1 ล้านคน ภายหลังตั้งกรุงเทียนจิงแล้วมีประชากรมากถึง 100 ล้านคน พื้นที่อาณาจักรกินพื้นที่ถึง 1 ใน 3 ของแผ่นดินจีน นับเป็นกบฏที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จีน

    ผ่านไปหลายปี แม้กบฏไท่ผิงจะเริ่มอ่อนลงในภายหลังแต่กองทัพต้าชิงก็ยังไม่อาจสยบได้ด้วยตนเอง ต้องพึ่งพาแสนยานุภาพทันสมัยของกองทัพอังกฤษและฝรั่งเศส ปี ค.ศ.1864 เป็นปีอวสานประเทศไท่ผิง ศึกสุดท้ายนี้ แม่ทัพต้าชิงสั่งให้บุกหนักทั้งเช้าค่ำไม่หยุดตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม ทัพไท่ผิงออกประจันทัพแมนจู ในกองทัพนั้นมีทหารหญิงออกศึกรบเยี่ยงทหารชายมากมาย สิ่งที่ฟู่ซ่านเสียงผู้ล่วงลับเพียรสร้างไม่ได้สูญเปล่าเลย นางได้หว่านเมล็ดแห่งวิญญาณเสรีชนจนงอกงามในบรรดาหญิงสาวทุกรูปนาม ณ เมืองแมนแดนมหาสันติแห่งนี้ ทุกคนต่างหวงแหนแผ่นดินที่บุกเบิกมาด้วยกัน ที่นี่คือแผ่นดินไท่ผิง ไม่ใช่ต้าชิง

    ทหารไท่ผิงนั้นรบสู้ตายถวายหัวทั้งชายหญิง กองทัพแมนจูถึงกับต้องขุดอุโมงค์เข้าเมืองขนระเบิด 15,000 กิโลกรัมไปถล่ม แม้ขนาดสุดท้ายเหลือทหารไท่ผิงเพียง 3-4 พันคน ยังต้านจนทัพแมนจูผสมฝรั่งเข้ายึดเมืองไม่ได้ กว่าจะตีเมืองแตกได้ก็ปาเข้าไปวันที่ 19 กรกฎาคม สิ้นเวลาถึงครึ่งเดือนกว่าจะพิชิตกำลังเพียงหยิบมือนี้ได้

    แม้ประเทศนี้มีอายุสั้นเพียง 14 ปี ไท่ผิงแตกสลายแต่ไม่แตกดับ อุดมการณ์อันมุ่งเปลี่ยนยุคสมัยนั้นได้เล่าขานจนตราตรึงใจเด็กชายคนหนึ่ง เด็กผู้นี้เป็นเพียงลูกคนจนๆแถบมณฑลกวางตุ้ง ครั้นเมื่อเติบโตขึ้นเขาคือบุรุษผู้ยิ่งใหญ่โด่งดังไปทั่วโลก นามของเขาคือ ซุนยัดเซ็น

    ฟู่ซ่านเสียงลาลับแต่ไม่โรยรา เกียรติภูมิสร้างจากสองมือของนางไม่มีผู้ใดลบล้างไปได้

    ในประวัติศาสตร์จีน บูเช็กเทียนคือจักรพรรดินีเพียงหนึ่งเดียว ฟู่ซ่านเสียงก็เป็นจอหงวนหญิงเพียงผู้เดียว หากบูเช็กเทียนคือยอดหญิงผู้อยู่เหนือขุนนางทั้งหลาย ฟู่ซ่านเสียงก็คือปัญญาชนหญิงผู้อยู่เหนือบัณฑิตทั้งปวง ยืนเสมอเหมือนเทียบเท่าบัณฑิตชายชาตรีอย่างสง่างาม

    เมื่อกล่าวถึงฟู่ซ่านเสียง จงเล่าขานไปเถิดว่า นางคือจอหงวนหญิงแห่งประเทศไท่ผิง

    ...จงเล่าขานไปเถิดว่า นางคือจอหงวนหญิงเพียงหนึ่งเดียวในประวัติศาสตร์.

    เรียบเรียงจาก นิตยสาร ต่วย'ตูน และ SpokeDark.TV

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เยอรมนีเตรียมถกเวียดนามปรับความสัมพันธ์ใหม่ หลังพิพาทคดีลักพาตัว
    .
    รอยเตอร์ 21 ก.พ.- นายไฮโค มาส รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี กล่าวว่า เขาจะใช้โอกาสในการประชุมกับรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามหารือถึงการปรับความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างสองประเทศ หลังจากในช่วงที่ผ่านมา สองฝ่ายมีความขัดแย้งจากคดีลักพาตัวนักธุรกิจชาวเวียดนามในกรุงเบอร์ลิน
    .
    มาส กล่าวว่า เวียดนามเป็นคู่ค้าสำคัญของเยอรมนีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยกย่องฮานอยถึงความก้าวหน้าสำคัญในการเปิดเศรษฐกิจ และดำเนินการปฏิรูปในด้านต่างๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยมีเยอรมนีเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญในภูมิภาคยุโรป
    .
    “ในช่วงที่ผ่านมา มีความขัดแย้งแตกต่างระหว่างเยอรมนีและเวียดนาม โดยเฉพาะเรื่องการลักพาตัวนายจีง ซวน แถ่ง พลเมืองเวียดนามในกรุงเบอร์ลิน แต่วันนี้ เราต้องการที่จะบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการตั้งต้นใหม่ในความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างเวียดนามและเยอรมนี” นายไฮโค มาส ระบุในคำแถลง
    .
    ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตึงเครียดขึ้นในปี 2560 หลังเยอรมนีกล่าวหาเวียดนามละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศจากการลักพาตัวนายจีง ซวน แถ่ง นักธุรกิจชาวเวียดนามที่แสวงหาที่ลี้ภัยในเยอรมนี ซึ่งเหตุการณ์ลักพาตัวนี้เกิดขึ้นในกรุงเบอร์ลิน นายแถ่ง ถูกนำตัวกลับไปเวียดนามและถูกตัดสินความผิดได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต
    .
    ต่อมาในเดือน ก.ค.ศาลเยอรมนีได้ตัดสินความผิดลงโทษจำคุกชายชาวเวียดนามเป็นเวลา 10 เดือน หลังชายคนดังกล่าวรับสารภาพว่าช่วยเหลือสายลับของประเทศลักพาตัวนายจีง ซวน แถ่ง
    .
    ในคำแถลงที่ออกก่อนหน้าการพบหารือกับนายฝ่าม บิ่ง มีง รัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามในกรุงเบอร์ลิน มาส เน้นย้ำถึงความสำคัญของสิทธิมนุษยชนและค่านิยมในความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์
    .
    มาส กล่าวว่า เวียดนามมุ่งมั่นต่อการค้าเสรีและระบบพหุนิยมเช่นเดียวกับเยอรมนี มีความรับผิดชอบต่อโลกและมีส่วนร่วมในการปกป้องสภาพอากาศ ซึ่งยังมีพื้นที่อีกหลากหลายด้านที่เยอรมนีและเวียดนามสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นในอนาคต
    .
    มาส ยังระบุว่า เยอรมนีสนับสนุนการเห็นพ้องกันอย่างรวดเร็วในข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรปและเวียดนาม
    .
    ทั้งนี้ สองประเทศเริ่มความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2518 และยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในปี 2554.

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai


    ... “ออสเตรเลีย : รับผิดปล่อยฮาคีม บอกไทยจับ แล้วประณามไปทั่วโลก ... แต่ไม่ขอโทษไทย”


    ... แล้ว “ออสเตรเลีย” ก็ออกมารับผิดในการสืบสวนภายในประเทศกันเองแล้วว่าตัวเองเป็นคนผิดเองที่เป็นคนปล่อยให้นักฟุตบอลชาวบาห์เรน“ฮาคีม” ออกจากประเทศออสเตรเลีย แล้วไปบอกว่าไทยว่าโดนหมายแดงของตำรวจสากล ทั้งๆที่ในปี 2017 ประเทศตัวเองได้ให้สถานะของฮาคีมเป็นผู้ลี้ภัยถูกกฏหมายและได้รับการคุ้มครองแล้ว จึงไม่เป็นคนร้ายที่ถูกหมายจับแดงแต่อย่างใด


    ... แต่ "ออสเตรเลีย” กลับแจ้งให้ทางการไทยจับฮาคีมเอง แล้วพอไทยจับเขา ก็ออกข่าวกระพือไปทั่วโลกว่า “ไทย” เป็นผู้ร้าย ( เหมือนเป็นแผนเนียนๆตั้งใจทำลายชื่อเสียงของระบบมนุษยชนของไทย ในสมัยรัฐบาลทหาร ) แถมมีการติดแฮชแทคเชิญชวนไม่มาเที่ยวประเทศไทยอีกด้วย


    ... มีการออกข่าวบีบว่าไทยเป็นประเทศที่ไม่เคารพสิทธิมนุษยชนไปทั่วโลก ทำให้ทั้งนักฟุตบอลและนักศึกษาของทั่วโลกรวมทั้ง “นักศึกษาไทยเองบางส่วน” ที่ไม่ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ประณามประเทศตัวเองไปทั่วโลก คว่ำบาตรประเทศตัวเอง รวมทั้งในการเดินล้อเลียนการเมืองของ “ฟุตบอลประเพณีจุฬาธรรมศาสตร์” ในปีล่าสุดด้วย


    ... ( ขอย้ำว่าไม่เกี่ยวกับภาพรวมของนักศึกษาและตัวสถาบันทั้งสองนั้น เป็นแค่คน เด็กๆ และผู้เกี่ยวข้องกลุ่มเดียว ที่เดินตามฝรั่งจนหน้ามืดตามัวไม่ตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียดก่อนประณามประเทศตัวเองอย่างเมามัน นักศึกษาและศิษย์เก่าส่วนใหญ่เขาก็เข้าใจดี )


    ... ข่าวเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2019 ที่ผ่านมาของสำนักข่าวของออสเตรเลียเองและทั่วโลกออกข่าวว่า “เจ้าหน้าที่ตรวจการเข้าออกประเทศ” ของ “ออสเตรเลีย” ยอมรับว่ากระบวนการทำงานของพวกเขา "ล้มเหลว" ในการกักตัวนักฟุตบอลผู้ลี้ภัย Hakeem al-Araibi และยอมรับความรับผิดชอบ ที่ปล่อยออกนอกประเทศไป พร้อมหมายจับแดง


    ... ฮาคีมวัย 25 ปีที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำไทยนานหลายเดือนเพราะเจ้าหน้าที่ ABF หรือ Australian Border Force ที่บทบาทหนึ่งก็คือ “ตำรวจสากลสาขาออสเตรเลีย” ด้วยเช่นกัน , ละเลยที่จะแจ้งเจ้าหน้าที่ออสเตรเลียฝ่ายอื่น ๆ ว่านายอัล – อาราบี ได้รับความคุ้มครองจากการเป็นผู้ลี้ภัยอย่างถูกกฏหมายแล้ว


    ... Interpol would not have issued the red notice if they knew about Mr al-Araibi's refugee status. ( from Australia )


    ... Michael Outram หัวหน้าของ ABF กล่าวว่า “เจ้าหน้าที่ของเขาควรจะส่งอีเมลถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติออสเตรเลียและแผนก “กรมกิจการภายใน” เพื่อจะรู้ว่าเขาเป็นผู้ลี้ภัยและได้รับการปกป้องจากประเทศออสเตรเลียแล้ว และข้อมูลนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ “ประเทศไทย” ได้รับการแจ้งเตือนที่ “หมายแดงจากตำรวจสากล” ที่ผิดพลาดที่ออกโดย ABF ของเขาเอง แต่ฝ่าย“กรมกิจการภายใน” ออสเตรเลียบอกว่าได้ส่งข้อมูลตอบกลับไปให้แล้วแต่ฝ่าย ABF ไม่ได้อ่านเอง ( และถ้า ABF ไม่แจ้งมา ไทยก็จะไม่จับฮาคีมแต่อย่างใด )


    ... "เป็นที่ชัดเจนว่าความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ ที่เกิดขึ้นภายในกระบวนการ ABF" นาย Outram บอกกับวุฒิสภาว่าการพิจารณาคดีในแคนเบอร์ราในคืนวันจันทร์


    ... "ผมขอโทษสำหรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับ ABF แต่ผมไม่สามารถพูดอะไรได้ - และผมไม่สามารถยอมรับได้ – และข้อผิดพลาดนั้นได้นำไปสู่การควบคุมตัวในประเทศไทย"


    … AFP ยังระบุว่ามี "ช่องว่าง" ในการทำงานร่วมกันในคดีนี้ ระหว่างหน่วยงานรัฐบาลของออสเตรเลียเอง


    ... นายอัล – อาราบิอิซึ่งเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรของออสเตรเลียถูกจับกุมที่กรุงเทพเมื่อเดือนพฤศจิกายน จนถึง 12 กุมภาพันธ์ 2019


    ... อย่างไรก็ตามเขาปฏิเสธที่จะขอโทษนายอัล อาราบี ( และยังไม่ขอโทษประเทศไทยจากทางการรัฐบาลออสเตรเลียด้วย ที่ไทยตกเป็นจำเลยสังคมไปทั่วโลก )


    ... ข่าวนี้ไม่แน่ใจว่า จะทำให้นักศึกษาไทย บางกลุ่ม ทนายความ นักสิทธิมนุษยชนบางคนออกมาขอโทษประเทศตัวเองหรือไม่ ?


    .


    ... Australian Border Force officials have admitted their processes "broke down" and accepted some responsibility for the detention of refugee footballer Hakeem al-Araibi.

    The 25-year-old languished for months in a Thai prison because an ABF officer neglected to inform other Australian authorities that Mr al-Araibi was under protection.


    ABF boss Michael Outram said his officer should have emailed the Australian Federal Police and Department of Home Affairs.

    This would have prevented Thailand being alerted to an Interpol red notice issued against him.


    … An AFP employee raised this matter with Home Affairs.

    Home Affairs advised the AFP officer that Mr al-Araibi was travelling on a valid document, and also held a protection visa.

    This was the first time the AFP learned of his visa status.

    However, the response from Home Affairs was not read.


    … The AFP - which hosts an Interpol office and has staff seconded there - flagged the notice with border authorities.

    However, the federal police and Interpol were unaware Mr al-Araibi was under Australia's protection.


    ... https://www.thecourier.com.au/story/5909174/border-bosses-admit-mistakes-over-hakeem/


     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    353325D4-E827-4E9F-8517-2581B156EA8A.jpeg

    แผ่นดินไหวลำปาง รอบ 2 ครั้งที่ 1-5 เริ่มวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 22.13.17 น. - 22 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 04:24:32 ขนาด 1.7, 1.9, 1.5, 2.3 และ 1.7 ความลึกอยู่ระหว่าง 3- 10 กิโลเมตร


    http://www.earthquake.tmd.go.th/inside.html
     

แชร์หน้านี้

Loading...