ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Workpoint News - ข่าวเวิร์คพอยท์

    คณะนายกฯ บินกลับเปลี่ยนเครื่องด่วน! C130 ใบพัดขัดข้อง
    gBjd32Tp40DEq8L_Evo9slepUBtwMuznUqeyYOu1AWA0vDYyJpMBKdzQiWfmwMwUo2--3heg&_nc_ht=scontent.fbkk6-2.png
    เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 21 ก.พ. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พร้อมด้วย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดารมว.มหาดไทย พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม และนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ด้วยเครื่องบิน C-130 ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติสมุย ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดกระบี่
    .
    ต่อมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามกำหนดการเดิม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. จะเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ด้วยเครื่องบิน C130 เลขเครื่อง 60109 ถึงสนามบินนานาชาติสมุย ในเวลา 08.20 นาที แต่ภายหลังเครื่องขึ้นไปได้ประมาณ 45 นาที ปรากฏว่าเครื่องบินใบพัดขัดข้อง ไม่ทำงาน 1 ตัว ทำให้ต้องวนเครื่องกลับมาที่สนามบินดอนเมือง เพื่อเปลี่ยนลำเป็นเครื่องบิน CN 295 ของกองทัพบก ซึ่งทำให้กำหนดการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี ครั้งนี้ล่าช้าไปประมาณ 1.30 นาที
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Tiemposdelfin

    หิมะตกในภาคเหนือซาอุดีอาระเบีย 20-02-2019
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150


    ดาวตกเหนือท้องฟ้าของเกาะของฝรั่งเศส ของ mayotte ในมหาสมุทรอินเดียเมื่อวานนี้ 18 _ 2
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Laura Wells

    กระแสลมกรด หรือ กระแสลมเจ็ตสตรีม พ่นโอเวอร์คล็อกที่ระดับ 231 ไมล์ต่อชั่วโมง นี่เป็นกระแสลมกรดที่เร็วที่สุดบันทึกไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2500 สำหรับบริการสภาพอากาศแห่งชาติในอัพตัน (Upton) นิวยอร์ก ลมนี้ทำให้เกิดเทอร์โบบูสต์ สำหรับเครื่องบิน โดยสารเชิงพาณิชย์ ตามการบินด้วยความช่วยเหลือจากลมแรงอย่างรวดเร็วนี้ Virgin Atlantic Flight 8 จากลอสแองเจลิสไปลอนดอน ด้วยความเร็วสูงเป็นประวัติการณ์สำหรับโบอิ้ง 787: 801 ไมล์ต่อชั่วโมง เหนือรัฐเพนซิลวาเนีย การเพิ่มไอพ่น 100 ไมล์ต่อชั่วโมง บนเครื่องบินเจ็ท เหนือปกติสามารถเพิ่มหรือลบประมาณหนึ่งชั่วโมงจากการบินห้าถึงหกชั่วโมง "

    ในเวลาเดียวกันกระแสลมกรดขั้วโลกที่รุนแรงในอะแลสกากำลังแยกออกเป็นสองสาย ตามแนวชายฝั่งแปซิฟิก หนึ่งคือมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกผ่าน Great Lakes ในขณะที่สายอื่น ๆ มุ่งหน้าลงใต้ไปยังแคลิฟอร์เนียแล้วเลี้ยวไปทางตะวันออกสู่หุบเขาโอไฮโอ
    ผลลัพธ์ที่ได้คือลำธารลมกรด ทั้งสามสาย - พร้อมด้วยความสนับสนุนจากกระแสน้ำวนขั้วโลก - ตอนนี้กำลังรวมตัวกันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นี่คือการเพิ่มกระแสเจ็ตสตรีมที่รุนแกร่งเป็นอย่างอื่นในการทำลายสถิติหนึ่ง
    The jet stream clocked in at a blazing 231 mph. This is the fastest jet stream on record since 1957 for the National Weather Service in Upton New York. This wind provided a turbo boost to commercial passenger planes along for the ride. With the help of this rapid tailwind, Virgin Atlantic Flight 8 from Los Angeles to London hit what could be a record high speed for a Boeing 787: 801 mph over Pennsylvania. A 100mph increase in the jet stream above typical can add or remove about an hour from a five to six hour flight,"
    At the same time, a vigorous polar jet stream in Alaska is splitting into two branches along the Pacific Coast. One is heading east through the Great Lakes, while the other heads south into California and then turns east into the Ohio Valley.
    The end result is all three jet streams — along with an assist from the polar vortex — are now merging in the Northeast. This is boosting an otherwise strong jet stream, into a record breaking one.
    7.jpg 8.jpg 9.jpg capture1002.jpg capture1003.jpg capture1004.jpg S__1155087.jpg S__5242902.jpg
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สำนักข่าวอาเซี่ยน
    52498699_2206540566224540_2530820512938983424_n.jpg?_nc_cat=105&_nc_ht=scontent.fbkk6-1.jpg
    ไฟไหม้อะพาร์ตเมนต์เก็บสารเคมีในเมืองหลวงบังกลาเทศ ตายแล้ว 45 คน
    .
    ธากา 21 ก.พ - เจ้าหน้าที่ดับเพลิงบังกลาเทศแจ้งว่า ไฟไหม้อะพาร์ตเมนต์ที่นอกจากเป็นที่พักแล้วยังใช้เป็นโกดังเก็บสารเคมีในเขตเมืองเก่าของกรุงธากา พบผู้เสียชีวิตแล้ว 45 คน
    .
    เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเผยว่า ยังคงค้นหาผู้เคราะห์ร้ายอยู่ คาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น สันนิษฐานว่าต้นเพลิงมาจากถังแก๊สระเบิดในอาคารที่พักหลังหนึ่ง ไฟไหม้ลามอย่างรวดเร็วเพราะมีสารเคมีไวไฟเก็บอยู่ในอาคารนั้น จากนั้นไฟได้ลามไปยังอาคารที่พักที่อยู่ติดกันอีก 4 หลัง ซึ่งใช้เป็นโกดังเก็บสารเคมีเช่นกัน
    .
    ขณะเกิดเหตุการจราจรติดขัดเนื่องจากถนนในย่านเมืองเก่ามีความคับแคบ ทำให้หลายคนไม่สามารถหนีออกจากที่เกิดเหตุ
    .
    เจ้าหน้าที่ดับเพลิงอีกคนเผยว่า ไฟไหม้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 22.40 น.วันพุธตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 23.40 น.วันพุธตามเวลาในไทย เจ้าหน้าที่กว่า 200 คนสามารถควบคุมไฟได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถดับได้ ต้องใช้เวลาพอสมควร และสาเหตุที่ไฟโหมไหม้อย่างรุนแรงเนื่องจากสารเคมีที่เก็บไว้ในอะพาร์ตเมนต์เป็นวัตถุไวไฟ.

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ใน‘ศึกหัวเว่ย’ มีสัญญาณว่าสหรัฐฯประสบความเพลี่ยงพล้ำ เผยแพร่: 20 ก.พ. 2562 22:32 โดย: คริสโตเฟอร์ สกอตต์
    562000001822101.jpg

    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.asiatimes.com)

    In Huawei battle, signs of US decline
    ByChristopher Scott
    16/02/2019

    สหราชอาณาจักรเข้าร่วมกับเยอรมนีในการต้านทานเสียงเรียกร้องของสหรัฐฯที่ให้ “แบน” อุปกรณ์ของบริษัทหัวเว่ย ขณะที่วอชิงตันดูจะประสบความล้มเหลวในการสร้างนโยบายที่มีเหตุมีผลเสมอต้นเสมอปลายขึ้นมา

    เมื่อปีที่แล้ว พวกหน่วยงานข่าวกรองของสหรัฐฯประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวให้ชาติพันธมิตรกลุ่มหนึ่งเกิดความมั่นอกมั่นใจ และพากันขับไล่กีดกันเหล่าบริษัทสื่อสารโทรคมนาคมสัญชาติจีนออกไป โดยเฉพาะออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, และญี่ปุ่น ทั้งหมดต่างก็มีมาตรการที่เป็นการ “แบน” บริษัทหัวเว่ยของประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เทเลคอมรายใหญ่ที่สุดของโลก

    ทว่าการรณรงค์นี้กลับสะดุดชะงักงันในยุโรป ยังไม่มีประเทศยุโรปหนึ่งใดเลยที่เปิดเผยให้เห็นมาตรการในการห้ามใช้อุปกรณ์จากหัวเว่ย -หรือจาก แซดทีอี (ZTE) บริษัทแชมเปี้ยนระดับชาติในด้านเทเลคอมอีกรายหนึ่งของจีน

    เยอรมนี ชาติพันธมิตรนาโต้รายสำคัญรายหนึ่งของสหรัฐฯ ไปไกลถึงขนาดออกมาแถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า พวกเขาไม่ได้มองหาทางที่จะ “แบน” หัวเว่ย ถึงแม้วอชิงตันพยายามรบเร้าเรื่อยมาว่าพวกบริษัทจีนมีท่าทางที่จะเป็นอันตรายต่อความมั่นคงปลอดภัยก็ตามที

    กระทั่งบางฝ่ายในสหราชอาณาจักร ที่เป็นสมาชิกรายหนึ่งในเครือข่าย “ไฟฟ์ อายส์” (Five Eyes) ซึ่งก็คือเครือข่ายของ 5 ประเทศตะวันตก (สหรัฐฯ-สหราชอาณาจักร-แคนาดา-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) ที่สหรัฐฯเป็นแกนนำ ที่มีการติดต่อแลกเปลี่ยนแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองระหว่างกันโดยตลอด ก็ยังกำลังแสดงอาการต่อต้านแข็งขืน เป็นต้นว่า โรเบิร์ต ฮันนิแกน (Robert Hannigan) อดีตผู้อำนวยการของ GCHQ สำนักงานข่าวกรองด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของสหราชอาณาจักร ได้เรียกการยืนกรานเช่นนี้ของสหรัฐฯว่า “ไร้สาระ” เมื่อวันศุกร์ (15 ก.พ.) อเล็กซ์ ยังเกอร์ (Alex Younger) ผู้อำนวยการคนปัจจุบันของสำนักงานสืบราชการลับของสหราชอาณาจักร (UK’s Secret Intelligence Service) หรือที่รู้จักกันคุ้นหูในนามว่า เอ็มไอ 6 (MI6) ก็แสดงท่าทีว่าเขาไม่สนับสนุนการแบน โดยบอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า “มันเป็นเรื่องสลับซับซ้อนมากกว่าแค่การยอมให้เข้ามาหรือการกีดกันให้ออกไป”

    ความเป็นผู้นำของสหรัฐฯกำลังเสื่อมทรุด

    ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายของสหรัฐฯบางคนคร่ำครวญว่า การต่อสู้ของวอชิงตันที่มุ่งต่อต้านคัดค้านหัวเว่ยนี้ ลงท้ายแล้วก็คือเรื่องของความล้มเหลวในการกำหนดยุทธศาสตร์อันมีเหตุมีผลเสมอต้นเสมอปลาย เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมไฮเทคต่างๆ ให้ได้นั่นเอง

    “(ประเด็นปัญหาเรื่องหัวเว่ย) ไม่ใช่ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ไม่ควร ที่จะเป็นการนำเอาเรื่องกลาโหม (defense) มาจับคู่ตรงกันข้ามกับความสามารถในการแข่งขัน (competitiveness)” โรเบิร์ต แอตคินสัน (Robert Atkinson) ผู้ซึ่งทำงานด้านนโยบายจีน อยู่ที่สำนักงานนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทำเนียบขาว (White House Office of Science and Technology Policy หรือเรียกย่อๆ ว่า OSTP) ในยุคคณะบริหารของประธานาธิบดีบารัค โอบามา บอกกับเอเชียไทมส์

    “พูดกันโดยภาพรวมแล้ว ไอเดียที่ว่าสหรัฐฯยังคงสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกของตัวเองในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีก้าวหน้าต่างๆ เอาไว้ได้ โดยที่ขาดไร้ทั้งการผลักดันต่อต้านอย่างแข็งขันให้ “ลัทธิพาณิชย์นิยมที่มีนวัตกรรม” (innovation mercantilism) ของจีนต้องถอยหลังกลับไป และขณะเดียวกันก็ปราศจากการจัดวางวาระนวัตกรรมภายในประเทศอันแข็งแกร่งจริงจังให้เข้าที่เข้าทางนั้น ผมเชื่อว่าเป็นความผิดพลาด เราจะต้องทำทั้งสองอย่างนี่แหละ” แอตคินสันแสดงทัศนะโต้แย้ง ทั้งนี้เขายังเป็นผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารของมูลนิธิเทคโนโลยีและนวัตกรรมสารสนเทศ (Information Technology and Innovation Foundation หรือ ITIF) ซึ่งได้รับการจัดอันดับว่าเป็นหนึ่งในคลังความคิด (think tank) ด้านนโยบายเทคโนโลยีระดับท็อปของโลก

    ภายใต้คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สถานการณ์กลับเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีการแต่งตั้งใครเข้าดำรงตำแหน่งเป็นนายใหญ่ของสำนักงานนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทำเนียบขาวเลยจนกระทั่งเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง ปล่อยให้หน่วยงานนี้อยู่ในภาวะไม่มีคนทำงานเสียเป็นส่วนใหญ่นับตั้งแต่ที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในปี 2017

    “ข้อเท็จจริงที่ว่าประธานาธิบดีทรัมป์ใช้เวลาเนิ่นนานเหลือเกินกว่าจะแต่งตั้งนายใหญ่ของ OSTP ได้ บ่งชี้ให้เห็นว่าประธานาธิบดีผู้นี้ไม่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีลำดับความสำคัญเร่งด่วนอะไร” แอตคินสันกล่าวต่อ

    มีสัญญาณหลายประการที่แสดงให้เห็นว่า เวลานี้ทำเนียบขาวกำลังพยายามแก้ไขเยียวยาสถานการณ์เช่นนี้อยู่เหมือนกัน ภายหลังการแต่งตั้งที่ปรึกษาระดับท็อปฝ่ายวิทยาศาสตร์ผู้หนึ่งเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ถึงแม้ถือได้ว่าเป็นการดำเนินการที่ไปอย่างล่าช้ามากแล้ว ในสัปดาห์นี้ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารว่าด้วยการธำรงรักษาความเป็นผู้นำในด้านปัญญาประดิษฐ์ของสหรัฐฯ กระนั้น พวกนักวิพากษ์วิจารณ์ชี้ว่า ยังคงไม่ได้มีการจัดสรรงบประมาณใดๆ ให้ใช้จ่ายในเรื่องนี้เลย อีกทั้งเพิ่งมากระทำกันเมื่อเวลาล่วงเลยไปกว่า 5 ปีแล้วหลังจากจีนได้จัดทำแผนการยุทธศาสตร์ฉบับหนึ่งซึ่งมีการให้ความสนับสนุนอย่างกว้างขวางแก่อุตสาหกรรมไฮเทคทั้งหลาย โดยในนโยบายต่างๆ ของประเทศจีนนี้ กำหนดเรียกร้องให้พวกกิจการแชมเปี้ยนแห่งชาติเฉกเช่นหัวเว่ย ต้องพัฒนาเทคโนโลยีสำคัญๆ อย่างเช่น 5 จี

    การดิ้นรนกระเสือกกระสนของการรณรงค์ต่อต้านหัวเว่ย

    พิจารณาในด้านของการป้องกันแล้ว สหรัฐฯประสบความล้มเหลวในการทำให้เหล่าพันธมิตรเชื่อว่าข้อโต้แย้งของฝ่ายตนนั้นมีน้ำหนักควรแก่การรับฟังและกระทำตาม

    เหตุผลที่กำลังขับดันแรงต้านทานในยุโรปนั้น เป็นเหตุผลง่ายๆ 2 ข้อ 1) สหรัฐฯยังไม่ได้เคยเสนอตัวอย่างที่เฉพาะเจาะจงชัดเจนต่อสาธารณชนเลยว่าพวกบริษัทจีนกำลังทำให้เกิดความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยอย่างไรบ้าง และ 2) หัวเว่ยกำลังเสนออุปกรณ์ที่คุณภาพดีกว่าด้วยราคาที่ต่ำกว่า

    “มันเป็นเรื่องลำบากที่จะรู้อย่างชัดเจนจนกระทั่งแน่ใจได้ว่า ความหวาดกลัวเกี่ยวกับอุปกรณ์ของหัวเว่ยนั้นเป็นเรื่องที่ประโคมกันจนเกินความจริงหรือเปล่า หรือว่ามีการประโคมกันขาดเกินมากน้อยขนาดไหน” ดั๊ก เบรก (Doug Brake) ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายบรอดแบนด์และสเปคตัม (Broadband and Spectrum Policy) ที่มูลนิธิ ITIF บอกกับเอเชียไทมส์

    “พวกหน่วยงานภายในรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างเช่น เอฟบีไอ (สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ) และ เอ็นเอสเอ (National Security Agency สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ) ซึ่งอ้างว่ามีความอ่อนไหวบอบบางด้านความมั่นคงปลอดภัย หรือมีข้อน่ากังวลด้านความมั่นคงปลอดภัยนั้น ไม่ได้เคยให้ตัวอย่างตรงๆ และเฉพาะเจาะจงใดๆ เลย” เขากล่าว

    จอห์น คอสเทลโล (John Costello) อดีตเจ้าหน้าที่ของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเวลานี้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Department of Homeland Security) กล่าวย้ำว่า สหรัฐฯในเวลานี้ยังไม่ได้พรักพร้อมที่จะให้รายละเอียดอันทรงความสำคัญยิ่งเช่นนี้

    “ในตอนนี้มันเป็นเรื่องลำบาก (...) ที่จะหยิบยกตัวอย่างชนิดลึกซึ้งถึงกิ๋นสักชุดหนึ่งขึ้นมา ซึ่งผมคิดว่าสาธารณชนจะสามารถทำความเข้าใจได้จริงๆ” คอสเทลโลกล่าวในงานๆ หนึ่งที่จัดขึ้นโดยองค์กรคลังความคิดชื่อดัง “ศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์ศึกษาและการระหว่างประเทศศึกษา” (Center for Strategic and International Studies หรือ CSIS) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    “ในทันทีที่เรามีความเข้าอกเข้าใจมากขึ้นกว่านี้ และสามารถหยิบยกให้ตัวอย่างเป็นรูปธรรมที่ดีขึ้นกว่านี้ โดยเป็นตัวอย่างซึ่งเราคิดว่าสาธารณชนจะสามารถทำความเข้าใจซึมซับได้โดยง่ายแล้ว ผมคิดว่าคุณก็จะได้เห็นสิ่งเหล่านี้จากเราเพิ่มมากขึ้น” เขากล่าวพร้อมกับเสริมว่า “ในตอนนี้มันมีแต่การถกเถียงพูดจากับอุตสาหกรรม และเป็นความพยายามกันจริงๆ ที่จะทำความเข้าใจภัยคุกคามนี้ให้ดียิ่งขึ้น”

    ต้องจ่ายในราคาที่แพงกว่า

    “มันจะต้องจ่ายแพงขึ้น แล้วบางทียังอาจจะไม่ได้เครือข่ายที่ทำงานได้ดีมีคุณภาพสูงอีกด้วย จากการกีดกันหัวเว่ยออกจากตลาดนี่น่ะ นี่ไม่ใช่การตัดสินใจที่ไม่มีค่าใช้จ่ายหรอกนะ” เบรกแห่งมูลนิธิ ITIF บอก

    พวกบริษัทให้บริการด้านสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ๆ ในหลายๆ ประเทศซึ่งเวลานี้กำลังต้านทานการรณรงค์ให้ “แบน” ของสหรัฐฯ โดยในจำนวนนี้รวมถึง โวดาโฟน (Vodafone) ในสหราชอาณาจักร และ ดอยเชอ เทเลคอม (Deutsche Telekom) ในเยอรมนีด้วยนั้น ต่างกล่าวเตือนว่าหากไม่ใช่อุปกรณ์ของบริษัทจีนรายนี้ ต้นทุนทางการเงินและปัญหาการสะดุดติดขัดของบริการก็จะหนักหนาสาหัสแน่ๆ

    เวลาเดียวกัน ยังเกอร์ที่เป็นนายใหญ่ของเอ็มไอ6 กล่าวให้ทัศนะว่า ความวิตกกังวลข้อสำคัญที่สุดควรจะเป็นเรื่องคุณภาพ และนั่นก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเกิดขึ้นจากการยอมให้เสียหายในทางด้านความมั่นคงปลอดภัย

    “เราจำเป็นต้องใช้แนวทางวิธีการแบบอิงอยู่กับหลักการต่างๆ มาใช้กับเรื่องนี้ และหลักการอันดับแรกเลยคือเรื่องเกี่ยวกับคุณภาพ” ยังเกอร์กล่าวในการให้ความเห็นกับพวกผู้สื่อข่าวเมื่อวันศุกร์ (15 ก.พ.) ตามรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก “นี่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องประเทศแหล่งกำเนิดของอุปกรณ์เลย เราควรที่จะยืนยันในเรื่องต้องได้คุณภาพระดับสูงสุดจากแพลตฟอร์มหรือบริการทางเทคโนโลยีไม่ว่ารูปแบบใดๆ ก็ตามทีซึ่งเราเลือกนำมาใช้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องคุณภาพด้านความมั่นคงปลอดภัย”

    สหรัฐฯหันไปพึ่งพาการใช้อำนาจบังคับ

    ขณะเดียวกับที่ประชาคมข่าวกรองของวอชิงตันพยายามค้นคว้าทำความเข้าใจว่าอะไรคือความเสี่ยงจริงๆ อยู่นั้น ขณะนี้พวกเจ้าหน้าที่ระดับท็อปของสหรัฐฯก็กำลังใช้การข่มขู่คุกคามต่างๆ เพื่อทำให้เหล่าชาติพันธมิตรกลับเข้าแถวยืนตรงตามที่พวกเขาต้องการ กอร์ดอน ซอนด์แลนด์ (Gordon Sondland) เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำสหภาพยุโรปกล่าวเตือนระหว่างการให้สัมภาษณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ประเทศต่างๆ “อาจจะต้องพบว่าเพวกเขาอยู่ในจุดที่เสียเปรียบในเวลาติดต่อ (กับสหรัฐฯ) หากพวกเขาไม่ยอมรับฟังความวิตกห่วงใยด้านความมั่นคงปลอดภัยนี้

    รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ พอมเพโอ กล่าวแถลงเตือนในทำนองเดียวกันนี้ ระหว่างการเยือนฮังการีเมื่อวันจันทร์ (11 ก.พ.)

    “เราพบเห็นเรื่องอย่างนี้ตลอดทั่วโลกทีเดียว มันยังทำให้เป็นเรื่องลำบากมากขึ้นสำหรับอเมริกาที่จะเข้ามาปรากฏตัว นั่นก็คือ ถ้าหากอุปกรณ์นั้นๆ ถูกวางอยู่ในสถานที่ต่างๆ ซึ่งเรามีระบบอันสำคัญของอเมริกันติดตั้งอยู่ด้วยแล้ว มันก็ทำให้เป็นเรื่องลำบากมากขึ้นสำหรับเราที่จะเป็นหุ้นส่วนเคียงข้างพวกเขา” พอมเพโอ บอก

    ทางด้านรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไมค์ เพนซ์ ได้กล่าวยกย่องสรรเสริญโปแลนด์สำหรับการช่วยเหลือเพื่อ “ปกป้องคุ้มครองภาคโทรคมนาคมจากจีน” เมื่อตอนที่เดินทางไปประเทศนั้นในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ในทางเป็นจริงแล้วยังไม่มีสัญญาณใดๆ ว่า โปแลนด์พรักพร้อมที่จะยกเลิกการใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ย

    “เราไม่ได้เห็นเลยว่ายอดขายอุปกรณ์หัวเว่ยที่นี่ เกิดการชะลอตัว” ยอร์ก มาเยอร์ (Goerg Mayer) ผู้จัดการฝ่ายมาตรฐานในยุโรป (standards manager in Europe) ของหัวเว่ย กล่าวในที่ประชุมแถลงข่าว แต่เขาก็ยอมรับว่า “ถ้าสถานการณ์อย่างนี้ยังคงดำเนินต่อไปแล้ว เมื่อถึงบางจุดบางช่วง มันก็จะต้องมีผลกระทบต่อธุรกิจของเราเหมือนกัน”

    https://m.mgronline.com/around/deta...T39ojx6_ZsfO8TiZ29RLJd4xhUWjU1YyIrjWm5VxocCt8
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผ่นดินไหวลำปาง 2 วัน 26 ครั้ง พระธาตุ 1,300 ปี ยอดฉัตรเอียง วันที่ 21 February 2019 - 10:54 น.

    70-3-728x433.jpg
    เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ในวันนี้พื้นที่ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง ซึ่งเป็นพื้นที่ทางตอนบนสุดของ จ.ลำปาง ติดกับ จ.เชียงราย และ จ.พะเยา ยังคงเกิดแผ่นดินไหวขึ้นต่อเนื่อง โดย (ณ เวลา 09.00 น.) ขณะนี้เกิดขึ้นแล้ว 26 ครั้ง ซึ่งเป็นการเกิดแผ่นดินไหวตั้งแต่ช่วงเที่ยงของเมื่อวานที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ สำหรับในวันนี้ ตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมา จนถึงเช้าวันนี้ ล่าสุดเกิดขึ้นแล้ว 5 ครั้ง ขนาดระหว่าง 1.5 – 2.6 ตามมาตราริกเตอร์ ลึกลงไปในดิน 5 – 12 กิโลเมตร ซึ่งในบางครั้งชาวบ้านในพื้นที่ ต.วังแก้ว และ ต.ทุ่งฮั้ว อ.วังเหนือ จ.ลำปาง เป็นบริเวณจุดศูนย์กลางของการเกิดแผ่นดินไหว สามารถรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน ทั้งฝาบ้านที่เป็นไม้ เกิดลั่น และสั่น รวมถึงหน้าต่าง และสิ่งของที่ห้อยอยู่ ก็เกิดแกว่ง ส่วนชาวบ้านคนใดที่ยืนอยู่ชั้นสองของบ้าน ก็รู้สึกเวียนหัว และยืนไม่นิ่ง ทำให้ชาวบ้านต่างยังคงกลัว และออกมาพูดคุยกันกับเพื่อนบ้านถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    โดยเวลา 09.00 น. ของวันนี้ การเกิดแผ่นดินไหวขนาดสูงสุดเกิดขึ้นเมื่อเช้าวันนี้เวลา 06.07 น. ขนาด 2.6 ตามมาตราริกเตอร์ ลึกลงไปในดิน 11 กิโลเมตร สำหรับผลกระทบในพื้นที่ขณะนี้ทางสำนักงานป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย จ.ลำปาง สาขาวังเหนือ ยังคงสรุปตัวเลขบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบ และเกิดแตกร้าว ใน 9 หมู่บ้าน กระจายใน 6 ตำบล มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบ จำนวน 21 หลัง วัด 3 แห่ง ซึ่งพื้นที่ ต.ทุ่งฮั้ว อ.วังเหนือ มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบมากที่สุด 12 หลัง และที่วัดพระธาตุพระเกิด พระธาตุเก่าแก่ อายุกว่า 1,300 ปี ยอดฉัตรเกิดเอียง


    [​IMG]

    ส่วนพื้นที่ ต.วังแก้ว มีบ้านเรือนเสียหาย 5 หลัง และมีหอระฆังวัดบ้านฮ่าง 1 หลัง ได้รับผลกระทบ ส่วนใน ต.ร่องเคาะ ต.วังซ้าย ต.วังทอง และ ต.วังเหนือ มีบ้านเรือนเสียหายกระจัดกระจาย ส่วนใหญ่เกิดแตกร้าวบริเวณผนังบ้านปูน และเสา นอกจากนี้ ที่ ต.วังเหนือ ยังได้รับรายงานว่า มีหลังคาโบสถ์ของวัดบ้านใหม่ ได้รับความเสียหาย 1 หลัง อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย จ.ลำปาง สาขาวังเหนือ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะทำการสำรวจผลกระทบอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากพื้นที่ยังคงเกิดแผ่นดินไหวขึ้นต่อเนื่อง และแรงสั่นไหว ก็ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้อยู่

    3-33-1024x554.jpg

    ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 33 ม.11 หมู่บ้านทุ่งฮั้ว ต.ทุ่งฮั้ว อ.วังเหนือ จ.ลำปาง โดยเป็นบ้านปูนสองชั้นของ นางวันดี ธนสาร อายุ 64 ปี บอกว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา นอนไม่หลับ และกลัวว่า จะเกิดแผ่นดินไหวแรงอีก ซึ่งเมื่อกลางดึกที่เกิดแผ่นดินไหวหลายครั้งต่อเนื่อง มาจนถึงเช้า ตนก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนได้ด้วยเช่นกัน จึงได้ไปกางเต้นนอนที่ห้องครัวหลังบ้าน เพราะไม่กล้าที่จะเข้าไปนอนบนบ้าน เพราะกลัวโครงสร้างที่บ้านแตกร้าว และเจ้าหน้าที่ก็เตือนไว้ จึงได้ไปนอนในห้องครัว ถึงแม้จะอยู่ในที่ปลอดภัย แต่ก็นอนไม่หลับ ยังคงกลัวต่อภัยที่เกิดขึ้นอยู่ สิ่งที่เป็นห่วงขณะนี้ นอกจากการเกิดภัยดังกล่าว ก็คือ บ้านที่เสียหายจะทำอย่างไร ต่อไปจะอยู่อาศัยได้อย่างไรอีก

    ด้านชาวบ้านที่จับกุมพูดคุยกันอยู่ริมถนน บอกกับผู้สื่อข่าว ว่า เกิดมาจนถึงขณะนี้ยังไม่เคยเจอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในพื้นที่มาก่อน ตอนนี้ยังรู้สึกกังวล และกลัวว่า จะเกิดการไหวที่รุนแรงอีก เพราะยังเกิดการสั่นไหว จากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่อเนื่อง จึงต้องเตรียมตัว และเตรียมพร้อมเฝ้าระวัง หากเกิดไหวแรงอีก ก็จะรีบออกมาอยู่นอกบ้าน ซึ่งคิดว่าจะปลอดภัยกลัว เพราะจากแรงสั่นสะเทือน ขนาด 4.9 ตามมาตราริกเตอร์ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา ยังคงจดจำความรู้ที่เกิดการสั่นไหวได้อยู่ ซึ่งเมื่อรู้สึก ก็รู้ทันทีว่า เกิดแผ่นดินไหวแรง เพราะมีการแจ้งเตือนก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากเกิดแผ่นดินไหวขึ้นหลายครั้งก่อนหน้าที่จะเกิดขนาด 4.9 ริกเตอร์

    https://www.prachachat.net/general/news-292693
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มีเด็กต่างชาติกว่า 2,500 คน จาก ‘ครอบครัวที่เชื่อมโยงกับไอซิส’ อาศัยอยู่ในค่ายซีเรีย
    โดย กองบรรณาธิการ - 21 กุมภาพันธ์ 2019

    479.jpg
    แฟ้มภาพ [Getty]
    อัลอาระบี – เด็กต่างชาติมากกว่า 2,500 คน จาก 30 ประเทศ ที่หนีออกจากกลุ่มไอซิสในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อาศัยอยู่ในสภาพที่สิ้นหวังในค่ายทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย องค์กรช่วยเหลือเด็กระหว่างประเทศ เซฟ เดอะ ชิลเดรน (Save the Children) กล่าวในวันพฤหัสบดี (21 ก.พ.)

    เซฟ เดอะ ชิลเดรน เรียกร้องให้ประเทศต้นกำเนิดของพวกเขา “ดำเนินการเพื่อรับรองความปลอดภัยของพลเมืองของตน” เนื่องจากการสู้รบของกองกำลังที่ได้รับการหนุนหลังจากสหรัฐฯ กับไอซิส ในอาณาเขตสุดท้ายที่กลุ่มก่อการร้ายยึดครองใกล้พรมแดนอิรัก

    “พวกเขาต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษในการกู้คืนสภาพจากประสบการณ์ของพวกเขา และกลับสู่ภาวะปกติพร้อมกับครอบครัวของพวกเขา” องค์กรการกุศลกล่าว

    “นี่เป็นไปไม่ได้ในค่ายกักกันที่ล้นหลามในเขตสงครามที่มีความผันผวน ประชาคมระหว่างประเทศจะต้องดำเนินการก่อนที่จะสายเกินไป”

    เซฟ เดอะ ชิลเดรนบอกว่า เด็กๆ รวมถึงผู้เยาว์ที่เดินทางคนเดียว 38 คน มาจากครอบครัว “ที่ซึมทราบหรือเชื่อมโยงอย่างแท้จริง” กับกลุ่มไอซิส

    พวกเขาถูกแยกออกจากคนอื่นๆ ในค่าย ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงความช่วยเหลือและดูแล

    “สภาพอากาศหนาวจัดทำให้ค่ายอยู่ในสภาพที่สิ้นหวัง โดยที่เด็กๆ เผชิญกับความเสี่ยงที่คุกคามชีวิต”

    เด็กๆ เป็น “เป็นเหยื่อของความขัดแย้งและต้องได้รับการปฏิบัติเช่นนี้” โซเนีย เคิร์ช (Sonia Khush) ผู้อำนวยเซฟ เดอะ ชิลเดรนประจำซีเรียกล่าว

    “ทุกรัฐที่มีประชาชนสัญชาติของตนติดอยู่ในซีเรียจะต้องรับผิดชอบต่อพลเมืองของตน”

    องค์กรการกุศลกล่าวว่า เด็กๆ ได้รับการดูแลรักษาทางการแพทย์และอาหารอย่างเพียงพอเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปีในขณะที่อยู่ในพื้นที่ที่ถูกยึดครอง แม้กระทั่งก่อนที่จะไปถึงค่ายผู้พลัดถิ่น

    “ในขณะที่บางรัฐเริ่มทำเช่นนั้น หลายประเทศรวมถึงหลายประเทศในยุโรปยังไม่ได้ดำเนินการเพื่อความปลอดภัยของเด็กและครอบครัวของพวกเขา” เคิร์ช กล่าว

    “ด้วยอันตรายที่คุกคามถึงชีวิตต่อเด็กๆ เหล่านี้และครอบครัวของพวกเขาที่ต้องเผชิญในซีเรีย สิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้น”

    เซฟ เดอะ ชิลเดรน กระตุ้นให้ประเทศต่างๆ รับเด็กและครอบครัวของพวกเขากลับประเทศ “เพื่อจุดประสงค์ในการฟื้นฟูและ / หรือการปรับตัวใหม่เพื่อกลับคืนสู่สังคม ตามกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งสิทธิ์ในการพิจารณาคดีอย่างยุติธรรมตามความเหมาะสม”

    หลังจากต่อสู้กับไอซิสมาเป็นเวลาหลายปี ก็ยังคงเหลือเพียงเศษเสี้ยวของพื้นที่ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของไอซิส กองกำลังที่สหรัฐฯ หนุนหลังได้กักตัวชาวต่างชาติหลายร้อยคนที่สงสัยว่าเป็นนักรบไอซิส รวมถึงผู้หญิงและเด็กๆ ที่เกี่ยวข้อง

    ชาวเคิร์ดของซีเรียซึ่งเป็นนักรบระดับแนวหน้า ได้เรียกร้องให้ประเทศบ้านเกิดของพวกเขาพาพวกเขากลับมานานแล้ว แต่หลายประเทศก็ลังเลไม่เต็มใจ

    ประธานาธิบดีสหรัฐฯโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลในยุโรปรับกลับพลเมืองของตนที่ไปต่อสู้เพื่อไอซิสในซีเรีย แต่ขณะเดียวกันฝ่ายบริหารของเขากล่าวเมื่อวันพุธว่า จะปฏิเสธการเข้าประเทศของสมาชิกไอซิสที่เกิดในสหรัฐฯ ที่ต้องการกลับจากซีเรีย

    ความขัดแย้งของประเทศซีเรียได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วกว่า 360,000 คน และทำให้ประชาชนกลายเป็นผู้พลัดถิ่นหลายล้านคน นับตั้งแต่สงครามปะทุในปี 2554

    https://www.publicpostonline.net/23...78caI1Vl9tDlxrg9MA_Wo45uIY3lM2kstKZYpqRU-5kxc
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Miggers Dia
    2017_5-min-1140x760.jpg
    รัสเซียจำใจทำลายจรวดระบบป้องกันภัยทางอากาศ
    S-400 ที่กำลังจัดส่งให้จีนทั้งหมด
    เนื่องจากเรือขนส่ง ระหว่างทางเจอพายุในช่องแคบอังกฤษ
    ทำให้ตัวจรวดได้รับความเสียหายรุนแรง
    ทั้งนี้รัสเซียเร่งผลิตจรวดชุดใหม่ให้กับจีนแล้วครับ

    https://defence-blog.com/army/all-r...9H-hqpu6XycoBOB9Nfm4c1Z-_nHDwuSchZLOGR53kOlGg
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub
    &w=540&h=282&url=https%3A%2F%2Fimg.rt.com%2Ffiles%2F2019.02%2Farticle%2F5c6dbd38fc7e93a30c8b4659.jpg
    เฒ่าหนวดเฟ้ิมออกมาขู่ว่า ผู้นำของนิคารากัว นายDaniel Ortegaกำลังจะนับถอยหลังของการสิ้นอำนาจ

    เท่ากับว่าตอนนี้ เฒ่าหนวดเฟ้ิมต้องการล้ม2ประเทศในอเมริกากลางและลาตินไปพร้อมๆกัน คือเวเนซุเอล่า และนิคารากัว

    งานหลักของเขาหล่ะ
    https://www.rt.com/news/452023-john...--tdCzjvTQQKMKz_PYmoSPsyipJlkFGFRaywOr6XjFPXo
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    China Xinhua News


    พร้อมรบแน่! ชมแสนยานุภาพของ 'กองกำลังจรวด' กองทัพปลดแอกประชาชนจีน
    .
    กองกำลังจรวดแห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (People's Liberation Army Rocket Force) คือหัวใจสำคัญในยุทธศาสตร์การรบของจีนและเป็นรากฐานสำคัญแห่งการปกป้องความปลอดภัยของชาติ
    .
    สำนักข่าวซินหัวนำเสนอภาพการฝึกซ้อมที่แสดงถึงแสนยานุภาพและศักยภาพของกองกำลังจรวด เพียบพร้อมด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์และกองกำลังทหารอาชีพ
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    &url=https%3A%2F%2Fassets.bwbx.io%2Fimages%2Fusers%2FiqjWHBFdfxIU%2FiPWuEMGuoZI8%2Fv0%2F1200x900.jpg

    (Feb 21) รัฐบาลสหรัฐฯ จะบังคับใช้มาตราการด้านภาษีนำเข้ารถยนต์กับสหภาพยุโรป: สำนักพิมพ์ The Wall Street Journal รายงานว่า ประธานาธิบดี Trump กล่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะบังคับใช้มาตราการด้านภาษีนำเข้ารถยนต์กับสหภาพยุโรป หากการเจรจาต่อรองไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ ประธานาธิบดี Trump ซึ่งอยู่ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. พร้อมกับนาย Sebastian Kurz, Chancellor ของประเทศออสเตรีย ระบุภายหลังจากการประชุมทวิภาคีว่า รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามที่จะบรรลุข้อตกลงทางการค้า อย่างไรก็ดี อีกฝ่ายนั้นยากที่จะเจรจาด้วย ซึ่งหากไม่สามารถได้ข้อสรุปได้ รัฐบาลสหรัฐฯ จะดำเนินการมาตรการด้านภาษี

    นอกจากนี้ แหล่งข่าวระบุว่ากระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ได้ข้อสรุปในการสอบสวนเรื่องการนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ว่าเข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงภายใต้ Section 232 ของกฎหมายการค้าสหรัฐฯ หรือไม่ อย่างไรก็ดี ผลการประเมินยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ ซึ่งหากเข้าข่ายด้านความมั่นคง ประธานาธิบดี Trump จะมีเวลา 90 วันภายหลังได้รับผลการสอบสวนจากกระทรวงพาณิชย์ ในการประกาศใช้มาตการด้านภาษีหรือมาตรการอื่นๆ

    อย่างไรก็ดี จากการให้สัมภาษณ์ล่าสุด ประธานาธิบดี Trump ระบุว่าการบังคับใช้มาตราการด้านภาษีจะขึ้นอยู่กับการเจรจามากกว่าผลของการสอบสวน “We’ve studied it very carefully, we’ve seen the results…the bottom-line result is whether we can make a deal with the EU.”

    Source: BoTSS
    - Trump Warns EU of Car Tariffs as Commerce Probe Offers New Ammo
    https://www.bloomberg.com/news/arti...xts8dKaS3h4DgIIGa8nNPTcu3FpdgoD4MrKV31h4Kx1bk
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    ces%2Fimg%2Feditorial%2F2019%2F01%2F10%2F105671234-1547144303402gettyimages-1092275840.1910x1000.jpg

    (Feb 21) FOMC Minutes ของการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 29–30 ม.ค. ซึ่งคณะกรรมการ FOMC ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.25–2.50 ด้วยมติเอกฉันท์ สรุปสาระสำคัญดังนี้

    1. ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ
    คณะกรรมการประเมินว่า ข้อมูลทางเศรษฐกิจตั้งแต่การประชุมครั้งก่อนหน้า ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องในลักษณะ “solid rate” เช่นเดียวกับภาคการจ้างงานและการใช้จ่ายผู้บริโภค ในขณะที่ภาคการลงทุนชะลอตัวลงจากช่วงก่อนหน้าที่ขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ คณะกรรมการยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ดี คาดว่าเศรษฐกิจในปี 2019 จะชะลอตัวลงบ้างเมื่อเทียบกับปี 2018 โดยอัตราการขยายตัวจะเข้าใกล้สู่ระดับที่ประมาณการณ์ไว้ในระยะ longer-run โดย “a few participants” เห็นว่า ผลของการกระตุ้นทางการคลังที่ลดลงจะเป็นส่วนสำคัญของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ “several participant” ระบุว่าได้ปรับประมาณการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจลงในการประชุมเดือน ธ.ค. เนื่องจาก 1) sentiment ของภาคธุรกิจและผู้บริโภคที่อ่อนแอลง 2) การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจต่างประเทศ และ 3) financial conditions ที่ตึงตัวมากขึ้น

    - ภาคการใช้จ่ายผู้บริโภค: คณะกรรมการระบุว่ายังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยได้ปัจจัยสนับสนุนจากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งและรายได้ที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ “a couple of participants” ระบุว่า ผู้ประกอบการในพื้นที่ของตนยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค ถึงแม้ว่าผลสำรวจ sentiment ของผู้บริโภคจะแย่ลง อย่างไรก็ดี “a few participants” ได้แสดงความกังวลต่อภาคที่อยู่อาศัยที่ยังคงอ่อนแอต่อเนื่อง โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความสามารถในการซื้อของผู้บริโภค

    - ภาคการลงทุน: คณะกรรมการเห็นว่าการขยายตัวเป็นไปในลักษณะ “moderate” เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยผู้ประกอบการในหลายพื้นที่ได้แสดงความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจ สืบเนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในจีนและยุโรป ผลของการกระตุ้นภาครัฐที่ปรับตัวลดลง และการเกิด partial government shutdown ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมบางส่วนชะลอการใช้จ่ายด้านการลงทุน นอกจากนี้ “a few participants” ระบุว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ธุรกิจภาคพลังงานปรับลดแผนการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ ในส่วนของภาคการเกษตรนั้น ผู้ประกอบการรายงานว่ายังคงอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก จากสินค้าคงคลังที่ยังเหลืออยู่มาก ความไม่แน่นอนในด้านนโยบายการค้าต่างประเทศ และราคาสินค้าการเกษตรที่ยังอยู่ในระดับต่ำ

    คณะกรรมการระบุถึงความเสี่ยงต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ตลาดแรงงาน และอัตราเงินเฟ้อในช่วง medium-term โดยมองว่า downside risk ปรับตัวสูงขึ้น เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่มากกว่าคาดการณ์ ผลของการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายการคลังที่ลดลงอย่างรวดเร็ว financial condition ที่ตึงตัวมากขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนในเรื่องของ Brexit

    2. ภาคการจ้างงาน
    คณะกรรมการเห็นพ้องว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง สะท้อนจากตัวเลขการจ้างงานในเดือน ธ.ค. และอัตราการว่างงานที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ รวมถึง labor force participation rate ที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ “several participants” ระบุว่ายังคงได้รับรายงานจากผู้ประกอบการในพื้นที่ถึงภาคการจ้างงานที่แข็งแกร่งและภาวะตลาดแรงงานที่ตึงตัว โดย “some participants” รายงานถึงแนวโน้มการปรับสูงขึ้นของอัตราค่าจ้าง อันเป็นผลมาจากภาวะตลาดแรงงานที่ตึงตัวมากขึ้นและ productivity growth ที่สูงขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราค่าจ้างที่แท้จริงในระยะถัดไป

    3. อัตราเงินเฟ้อ
    โดยภาพรวมคณะกรรมการเห็นว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในระยะ 12 เดือนข้างหน้า จะเคลื่อนไหวเป็นไปตามการคาดการณ์ ในระดับใกล้เป้าหมายที่ร้อยละ 2 ได้ ทั้งนี้ “some participants” ระบุถึงปัจจัยลบที่ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อ ได้แก่ การปรับลดลงของราคาน้ำมัน การชะลอตัวของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำของต่างประเทศ และการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ สรอ. ในปี 2018 นอกจากนี้ “many participants” เห็นว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อปรับลดลงมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ถึงแม้ว่าภาวะตลาดแรงงานจะยังคงแข็งแกร่งและราคาต้นทุนสินค้าในบางอุตสาหกรรมจะปรับสูงขึ้น ขณะเดียวกันคณะกรรมการระบุถึง market-based measures of inflation compensation ที่ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา ว่าสะท้อนถึง risk premium ที่ปรับตัวลดลงหรือความกังวลที่มีต่อภาวะของอัตราเงินเฟ้อมากขึ้น สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะ longer-run ประเภท survey-based ที่มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

    4. Financial Conditions & Financial Stability
    คณะกรรมการเห็นพ้องว่า financial conditions ตึงตัวขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงหลายเดือนก่อนการประชุม ท่ามกลางการปรับลดลงในราคาดัชนีตลาดหลักทรัพย์ และส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนหุ้นกู้ภาคเอกชนกับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (credit spread) ที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ “several participants” ยังคงกังวลถึงการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ flatten ต่อเนื่อง เนื่องจากเคยเป็นปัจจัยชี้นำภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอดีต ขณะที่ “a couple of participants” ให้ความเห็นว่า credit spread ที่ปรับกว้างขึ้นอาจเป็นปัจจัยกดดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป ทั้งนี้ คณะกรรมการเห็นว่า ราคาสินทรัพย์ในตลาดการเงินช่วงที่ผ่านมา sensitive ต่อประเด็นด้านความตึงเครียดในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ นโยบายการเงินและการคลัง และแนวโน้มอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจโลก โดยคณะกรรมการกังวลถึงความผันผวนที่ปรับเพิ่มขึ้นในตลาดการเงิน ประกอบกับแนวโน้มการยอมรับความเสี่ยงของนักลงทุนที่ปรับลดลง ท่ามกลางสภาพคล่องที่ปรับลดลงโดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งภาวะดังกล่าวมีแนวโน้มคงอยู่นานกว่าคาดการณ์หากภาพรวมทางเศรษฐกิจปรับแย่ลง อนึ่ง คณะกรรมการเห็นควรที่จะติดตามความเคลื่อนไหวในตลาดการเงิน รวมถึงโครงสร้างตลาดการเงินที่อาจก่อให้เกิดภาวะสภาพคล่องตึงตัว ประกอบกับเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมี capital buffer ที่เพียงพอในสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมหากเกิดวิกฤติการณ์ทางการเงินในครั้งต่อไป

    5. กาีดำเนินนโยบายการเงิน (Monetary Policy)
    คณะกรรมการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 2.25–2.50 ด้วยมติเป็นเอกฉันท์ ภายใต้มุมมองต่อเศรษฐกิจ การจ้างงาน และอัตราเงินเฟ้อที่เป็นไปตามคาดการณ์ ท่ามกลาง federal funds rate ณ ขอบล่างของ longer–run neutral interest rate นอกจากนี้ คณะกรรมการหลายท่านกล่าวว่าแนวโน้มการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งถัดไปในปีนี้ยังไม่ชัดเจน โดย “several participants” คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ต่อเมื่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงกว่า baseline outlook ขณะที่ “several other participants” เห็นควรให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากภาพรวมทางเศรษฐกิจเป็นไปตามคาดการณ์

    นอกจากนี้ คณะกรรมการเห็นว่าการดำเนินนโยบายในลักษณะ “patient” เป็นแนวทางที่สอดคล้องกับแนวทางที่ผ่านมา (data dependent) และมีความเหมาะสมเนื่องจาก 1) ช่วยให้คณะกรรมการมีเวลาประเมินผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและตลาดการเงิน จากการ normalize stance ทางนโยบายการเงิน และ 2) เอื้อให้คณะกรรมการสามารถกำหนดนโยบาย ภายหลังจากที่สถานการณ์ด้านการค้าระหว่างประเทศ และภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีความชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะประเด็นด้านการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในยุโรปและจีน ทั้งนี้ “a few participants” กังวลว่าการเผยแพร่ข้อมูล Summary of Economic Projections (SEP) อาจส่งผลให้สาธารณชนเข้าใจว่า median projection คือ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่มีมติเป็นเอกฉันท์ ขณะที่แท้จริงแล้ว เป็นเพียงมุมมองส่วนตัวของคณะกรรมการแต่ละท่านเท่านั้น อย่างไรก็ดี “some other participants” เห็นว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยสื่อสารแนวโน้มนโยบายการเงินต่อสาธารณชน

    คณะกรรมการเกือบทุกท่านเห็นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ควรประกาศแผนยุติการปรับลด balance sheet “later this year” เพื่อสร้างความชัดเจนในแนวทางการ normalize balance sheet โดย “a substantial majority” คาดว่าระดับของเงินสำรองจะมีมากเพียงพอต่อการดำเนินนโยบายการเงินอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเมื่อการปรับลด balance sheet สิ้นสุดลง นอกจากนี้ “a few participants” เห็นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ควรพิจารณาเข้าซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติมภายหลังสิ้นสุดการปรับลด balance sheet เพื่อรักษาระดับของเงินสำรองโดยรวม โดยอาจนำเงิน principal payment ที่ได้จาก agency MBS ไปเข้าซื้อ Treasury securities เพื่อให้สอดคล้องกับแผนระยะยาวในการถือครอง Treasury securities เป็นส่วนมาก อย่างไรก็ดี คณะกรรมการบางท่านเห็นว่าควรนำเงินดังกล่าวไปเข้าซื้อ agency MBS เช่นเดิม เพื่อบรรเทาผลจากการปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ยระยะยาวต่อ agency MBS prepayment speed

    อนึ่ง คณะกรรมการเห็นควรให้เพิ่มการสื่อสารเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง balance sheet normalization โดยเผยแพร่ statement พิเศษภายหลังการประชุม (Statement Regarding Monetary Policy Implementation and Balance Sheet Normalization)

    Source:BoTSS

    - Fed sees balance sheet reduction ending, notes 'risks and uncertainties': https://www.cnbc.com/2019/02/20/the...g4l9fm3KGTyTUPq8oTXN1VEITwM3DwFs6rE9i_8xcKz9M
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    safe_image.php?d=AQC2VxpPWA-qPwjN&w=540&h=282&url=https%3A%2F%2Fimages.wsj.jpg
    (Feb 20) 'ปูติน'ลั่นรัสเซียจะตอบโต้ สหรัฐอเมริกาด้วย’ขีปนาวุธ’: รัสเซียจะตอบโต้สหรัฐหากยังส่งขีปนาวุธพิสัยใกล้ถึงปานกลางเข้าไปประจำการในยุโรปด้วยการเล็งเป้าหมายไม่เพียงแต่ประเทศที่ตั้งขีปนาวุธในยุโรปแต่ยังเล็งไปถึงสหรัฐอเมริกาด้วย
    พุธที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 19.12 น.

    สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากกรุงมอสโกประเทศรัสเซียเมื่อวันที่ 20 ก.พ.ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียแถลงว่า รัสเซียไม่ได้ต้องการที่จะเผชิญหน้าและจะไม่รุกไปในก้าวแรกของการส่งขีปนาวุธเพื่อตอบโต้การที่รัฐบาลสหรัฐตัดสินใจที่จะยกเลิกข้อตกลงว่าด้วยการควบคุมอาวุธยุคสงครามเย็น ซึ่งถือเป็นถ้อยแถลงที่รุนแรงที่สุดของผู้นำรัสเซียกับการแข่งขันสะสมอาวุธยุคใหม่

    ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่าการที่รัสเซียจะตอบโต้การส่งขีปาวุธเข้าไปประจำการในยุโรปนั้น ไม่ใช่แนวทางของการแก้ปัญหา แต่ผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐต่างหากที่ยังคงถูกครองงำอยู่กับลัทธิความเป็นเลิศของสหรัฐ ควรจะประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะตัดสินใจใดๆ ทั้งนี้เพราะรัสเซียจะตอบโต้สหรัฐหากยังคิดที่จะส่งขีปนาวุธพิสัยใกล้ถึงปานกลางเข้าไปประจำการในยุโรป ไม่เพียงแต่การเล็งเป้าหมายขีปนาวุธของรัสเซียไปยังประเทศที่ตั้งขีปนาวุธของสหรัฐนั้นๆแต่ยังเล็งไปถึงเป้าหมายของศูนย์กลางการตัดสินใจในเรื่องนี้ของสหรัฐซึ่งหมายถึงประเทศสหรัฐอเมริกานั่นเอง

    ทั้งนี้ สหรัฐกล่าวหาว่ารัสเซียละเมิดข้อตกลง จึงขอยกเลิกพันธกรณีภายใต้สนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง(ไอเอ็นเอฟ)ปีค.ศ.1987 และเข้าสู่กระบวนการยกเลิก

    Source: เดลินิวส์ออนไลน์
    -
    Putin Ratchets Up Nuclear Warning Against U.S.: https://www.wsj.com/articles/putin-...yCYAPrYWxOgOnvw8GFxgrvG9ek86LI9k-xE2X-RWFx380
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    1HKZMB-000983_20181024_TPPFN0A001.jpg

    (Feb 20) 'กวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า' ซิลิคอนวัลเลย์เวอร์ชั่นจีน : จีน ซึ่งประกาศ ชัดเจนว่า ต้องการก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของโลกในด้านเทคโนโลยีแทนที่สหรัฐ ให้ได้ เดินหน้าตามยุทธศาสตร์ชาติ "เมด อิน ไชนา 2025" ที่รัฐบาลพยายาม ผลักดันให้จีนเป็นผู้นำและเชี่ยวชาญ ในหลายๆอุตสาหกรรม อาทิ หุ่นยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า อวกาศ ไอทีและเทคโนโลยี ระดับสูงอื่นๆ ล่าสุด รัฐบาลจีน ประกาศ แผนจัดตั้งเขตพัฒนาเทคโนโลยี "กวางตุ้งฮ่องกง-มาเก๊า" หรือเกรทเทอร์ เบย์ แอเรีย ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมในด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีแห่งใหม่ ของจีน

    เขตพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วยเมืองกวางตุ้ง ฮ่องกง มาเก๊า กวางโจว เซินเจิ้น จูไห่ ฟอชาน ฮุยโจว ตงกวน ซองชาน เจียงเหมิน และ เจ้าฉิง มีพื้นที่ 56,500 ตารางกิโลเมตร มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประมาณ 10 ล้านล้านหยวน และ มีประชากรรวมกันเกือบ 70 ล้านคน

    ภายใต้แผนพัฒนาฉบับนี้ มีเป้าหมาย พัฒนาพื้นที่รอบอ่าวให้มีความทันสมัย ภายในปี 2565 ด้วยการปรับปรุงระบบ สาธารณูปโภค พัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยี และการขนส่ง และผลักดันให้เป็นเขตเศรษฐกิจ ที่นำโดยภาคเทคโนโลยี ภายในปี 2578 อย่างเต็ม รูปแบบ

    หลังจากรัฐบาลจีน ประกาศแผนนี้ได้ ไม่นาน ราคาหุ้นบริษัทบริหารท่าเรือต่างๆ พร้อมใจกันปรับตัวขึ้นขานรับข่าวดีนี้ถ้วนหน้า ทั้งท่าเรือกวางโจว ท่าเรือจูไห่ และท่าเรือ เซินเจิ้น หยาน เทียนที่ปรับตัวขึ้น 10%

    อย่างไรก็ตาม ภายใต้แผนตั้งเขต พัฒนาเทคโนโลยี "กวางตุ้ง-ฮ่องกง- มาเก๊า" ยังคงเปิดโอกาสให้ฮ่องกงมีระบบ การเมือง การเงินและกฎหมายแยกเป็น เอกเทศจากจีนคอมมิวนิสต์ แม้ว่าภายใต้ แผนนี้ จะเน้นย้ำถึงนโยบาย "หนึ่งประเทศ สองระบบ" เพื่อสร้างหลักประกันว่า ฮ่องกง และมาเก๊ายังคงมีอำนาจเต็มที่ในการ ปกครองตนเอง และไม่ได้มีการพูดถึง ระบบศุลกากร และระบบกฎหมายที่จะ นำมาใช้

    ที่ผ่านมา การพัฒนาเกรทเทอร์ เบย์ แอเรีย ถูกท้าทายจากสภาพสังคมและ ระบบศุลกากรที่มีความแตกต่างกัน ซึ่งแผนแม่บทตั้งเขตพัฒนาเทคโนโลยี ฉบับนี้จะช่วยพัฒนาฮ่องกงและมาเก๊า ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งยังช่วยสร้าง กลุ่มเมืองให้มีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี ให้มีมาตรฐานระดับโลก

    รัฐบาลจีนใช้จ่ายเงินหลายพันล้าน ดอลลาร์ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมเมืองต่างๆ เข้าด้วยกัน และเมื่อปีที่แล้ว ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้ทำพิธี เปิดสะพานเชื่อมฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า มีความยาวทั้งหมด 55 กิโลเมตร ออกแบบ ให้ใช้งานได้นาน 120 ปี ใช้เงินลงทุน กว่า 100,000 ล้านหยวน เริ่มต้นโครงการ ก่อสร้างเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมปี 2552 และเปิดเดินรถอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ปี 2561 เป็นโครงการก่อสร้าง สะพานข้ามทะเลที่มีความยาว มากที่สุด ใช้เงินลงทุนสูงที่สุด และเป็นงานก่อสร้างที่ยากที่สุด ในประวัติศาสตร์จีน โครงการนี้ช่วยสนับสนุนเป้าหมาย ของประธานาธิบดีสี ในการทำให้บริเวณ ที่เรียกว่าเกรทเทอร์ เบย์ แอเรีย ซึ่งหมายถึงอ่าวกวางตุ้ง ฮ่องกง และ มาเก๊า กลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ ขนาดใหญ่ เพื่อแข่งขันกับเมืองท่าสำคัญ ของโลก อย่าง นครซานฟรานซิสโก นครนิวยอร์ก และกรุงโตเกียว

    สะพานเชื่อมฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า สร้างข้ามทะเลหลิงติงหยาง ซึ่งเป็น ช่องทางเดินเรือที่คึกคักนอกบริเวณ ปากแม่น้ำจูเจียง สะพานแห่งนี้ ทางตะวันออกเชื่อมต่อกับเขตบริหาร พิเศษฮ่องกง และทางตะวันตก เชื่อมกับเมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง และเขตบริหารพิเศษมาเก๊าของจีน ถือเป็นครั้งแรกที่สามารถเชื่อมต่อ ทางบกระหว่างจูไห่ มาเก๊ากับฮ่องกง ลดระยะทางการเดินรถระหว่าง 3 พื้นที่ได้เป็นอย่างมาก

    การเปิดให้บริการสะพานฮ่องกง- จูไห่-มาเก๊า ทำให้การเดินทางระหว่าง ฮ่องกงกับมาเก๊า และระหว่างฮ่องกง กับจูไห่ประหยัดเวลาได้มาก จากเดิม ต้องใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง เหลือเพียง 45 นาที มีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ เพราะช่วยเพิ่มขีดความสามารถ ด้านการแข่งขันของพื้นที่ดินดอน สามเหลี่ยมแม่น้ำจูเจียง รักษาความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงของฮ่องกงและ มาเก๊าในระยะยาว และถือเป็นการพัฒนา พื้นที่บริเวณอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

    ภายใต้แผนแม่บทการตั้งเขต พัฒนาเทคโนโลยี "กวางตุ้ง-ฮ่องกง- มาเก๊า" กำหนดให้เมืองหลักๆ ใน เกรทเทอร์ เบย์ แอเรียตั้งตัวเป็นศูนย์กลางด้านต่างๆ เช่น ฮ่องกงจะเน้นด้านการเงินระหว่างประเทศ ระบบนำทางและการค้า

    ส่วนมาเก๊า จะให้ความสำคัญกับ การเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก และเป็น ศูนย์กลางแพลตฟอร์มการค้ากับบรรดา ประเทศที่พูดภาษาโปรตุเกส อาทิ บราซิล ส่วนกวางตุ้งจะดำเนินบทบาทเป็น ศูนย์กลางการบริหาร ขณะที่เซนเจิ้น ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ โคจะขยายบทบาทเป็นเหมือน เขตเศรษฐกิจพิเศษและเป็นศูนย์กลาง ด้านเทคโนโลยี

    โครงการพัฒนาเทคโนโลยีในพื้นที่ แห่งนี้ ยังสนับสนุนให้มีการจัดตั้ง ศูนย์วิจัยและพัฒนา (อาร์แอนด์ดี) เน้น 5 อุตสาหกรรมหลักคือ โลจิสติกส์ สิ่งทอ เทคโนโลยีสารสนเทศ ชิ้นส่วน รถยนต์ วัสดุจากนาโนสร้างโรงบ่มเพาะ ด้านเทคโนโลยีเพิ่มใน 9 เมืองที่ตั้ง บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียง เพิ่มมาตรการปกป้องทรัพย์สิน ทางปัญญา ซึ่งครอบคลุมถึงจัดตั้งกลไก เพื่อบริหารจัดการกรณีเกิดการละเมิด ทรัพย์สินทางปัญญาข้ามพรมแดน พร้อมทั้งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ด้านอินเทอร์เน็ตรุ่นต่อไป ซึ่งรวมถึง บ้านอัจฉริยะและวางเครือข่าย เมืองอัจฉริยะ

    รัฐบาลปักกิ่ง จะให้การสนับสนุน ธนาคารและบริษัทประกันของฮ่องกง และมาเก๊าให้เข้ามาตั้งหน่วยงาน ในบางเมือง รวมทั้ง เซินเจิ้น และ กวางโจว นอกจากนี้ รัฐบาลจีน จะศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้ง ตลาดหลักทรัพย์ที่ซื้อขายด้วยเงิน สกุลหยวนในมาเก๊าด้วย ส่วนฮ่องกง นอกจากจะเป็นศูนย์กลางทางการเงิน ระหว่างประเทศแล้ว ยังทำหน้าที่ เป็นแพลตฟอร์มด้านการเงินและ การลงทุนให้แก่โครงการพัฒนา หนึ่งแถบ-หนึ่งเส้นทางด้วย

    Source: กรุงเทพธุรกิจ

    ความเห็นเพิ่มเติม
    - ANALYSIS | CHINA PLAN TO INTEGRATE MACAU, HK SKIRTS TOUGH QUESTIONS : https://macaudailytimes.com.mo/analysis-china-plan-to-integ…
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    &url=https%3A%2F%2Fassets.bwbx.io%2Fimages%2Fusers%2FiqjWHBFdfxIU%2FiOp5Cv0MZ_Ck%2Fv0%2F1200x800.jpg

    แย้มจัดการเยนแข็ง - แบงก์ชาติญี่ปุ่นเผยพร้อมใช้มาตรการกระตุ้นรอบใหม่ หากเงินเยนแข็งค่าฉุดเศรษฐกิจ-เงินเฟ้อ : ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กล่าวต่อรัฐสภาว่า บีโอเจพร้อมที่จะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากสถานการณ์ค่าเงินเยนแข็งค่ามากเกินไปจนกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศ หรือกดดันให้อัตราเงินเฟ้อไม่คืบหน้าไปถึงเป้าหมาย 2% ตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้

    อย่างไรก็ตาม คุโรดะ กล่าวด้วยว่า บีโอเจจะชั่งน้ำหนักถึงผลดีผลเสียจากการใช้มาตรการผ่อนคลายครั้งต่อไปอย่างระมัดระวัง โดยยกกรณีที่สถาบันการเงินขนาดใหญ่ในญี่ปุ่นต่างได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% มาหลายปีติดต่อกันว่า เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม

    ทั้งนี้ ค่าเงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความผันผวนต่างๆ ที่ทำให้นักลงทุนเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่การส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังทำให้ค่าเงินทั่วเอเชียแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ แต่หลังจากความเห็นดังกล่าว ค่าเงินเยนกลับมาอ่อนค่าลงที่ 110.66-647 เยน/ดอลลาร์ วานนี้ จากราคาปิดตลาดวันก่อนหน้าที่ 110.50-60 เยน/ดอลลาร์

    นักกลยุทธ์บริษัท ไดวะ ซีเคียวริตีส์ กล่าวว่า ตลาดเชื่อว่าสหรัฐอาจเจรจากับจีนต่อไปโดยไม่ขึ้นภาษีเพิ่ม หลังเส้นตาย 1 มี.ค. แต่ก็ยังระมัดระวังตัวระหว่างรอผลที่แน่ชัดออกมา

    Source: Posttoday

    - Kuroda Says Stronger Yen Could Force BOJ's Hand on Stimulus :
    https://www.bloomberg.com/news/arti...ocl9JT5cR_W1tazSBpn3yBlVyQ4hSuTnZLVIcOFVqT_YY
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    ces%2Fimg%2Feditorial%2F2019%2F02%2F05%2F105719369-1549328601887gettyimages-1093523860.1910x1000.jpg
    (Feb 20) วอลล์สตรีท เจอร์นัลตีข่าวสหรัฐเตรียมยกเลิกเงินสนับสนุนรถไฟความเร็วสูงในแคลิฟอร์เนีย :
    หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐเตรียมยกเลิกเงินสนับสนุนมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ที่เคยสัญญาไว้ว่าจะให้เป็นเงินทุนการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองซานฟรานซิสโกกับเมืองลอสแองเจลิสในรัฐแคลิฟอร์เนีย

    วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานโดยอ้างถึงจดหมายจากโรนัลด์ บาโธรี หัวหน้ากองบริหารการรถไฟแห่งชาติ (FRA) ที่ส่งถึงเจ้าหน้าที่รัฐแคลิฟอร์เนียว่า รัฐบาลที่มีแผนที่จะยกเลิกข้อตกลงที่จะสนับสนุนเงินให้กับการรถไฟความเร็วสูงแห่งแคลิฟอร์เนีย ซึ่งแต่เดิมคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะสนับสนุนเงินมูลค่า 928.6 ล้านดอลลาร์ให้แก่แคลิฟอร์เนียจนถึงปี 2565 เพื่อสร้างรางรถไฟ

    ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า การตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐในครั้งนี้ เป็นการตอบโต้การฟ้องร้องประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อหางบประมาณสร้างกำแพงกั้นระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโก

    นอกจากนี้ ทวีตของปธน.ทรัมป์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาซึ่งมีใจความว่า "โครงการรถไฟความเร็วสูงที่ล้มเหลวในแคลิฟอร์เนียซึ่งค่าก่อสร้างทุบสถิติโลนั้น มีราคาแพงกว่ากำแพงซึ่งจำเป็นต้องสร้างอย่างมากเป็นร้อยเท่า" ทำให้ข้อสันนิษฐานดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือขึ้นไปอีก

    สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นอกเหนือไปจากการยกเลิกเงินสนับสนุนแล้ว FRA ยังพยายามหาทางให้รัฐแคลิฟอร์เนียจ่ายเงิน 2.5 พันล้านดอลลาร์ที่ใช้กับโครงการไปแล้วนั้น คืนกลับมาด้วย

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สาริน โรจนวงศ์สกุล/รัตนา
    - Trump wants California to pay back billions for bullet train : https://www.cnbc.com/2019/02/20/tru...fYxvWMoXGZe7BkyYvnU6HHoxlImgal8tXx7K_gkgMS24o
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Feb 20) ธปท.เผยแบงก์พาณิชย์ 10 แห่ง เตรียมสแกนใบหน้าเปิดบัญชี : ธปท.เผยสถาบันการเงิน 10 แห่ง เตรียมใช้เทคโนโลยีสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนกับลูกค้าที่มาเปิดบัญชีที่สาขาธนาคาร ก่อนขยายไปโมบาย แอพพลิเคชั่น ระบุมีความแม่นยำเกือบ 100%

    นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท. ) เปิดเผยว่า ไม่เกินไตรมาส 2 ปีนี้ สถาบันการเงิน 10 แห่ง จะทยอยใช้เทคโนโลยีการพิสูจน์ตัวตนบุคคลด้วยใบหน้า ( Facial Recognition KYC ) ในการเปิดบัญชีธนาคาร โดยขณะนี้สถาบันการเงินทั้ง 10 แห่ง กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบการใช้สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนใน Regulatory Sandbox ของ ธปท. โดยในเบื้องต้นจะเริ่มใช้กับลูกค้าที่มาเปิดบัญชีที่สาขาธนาคารก่อนจะขยายไปสู่ลูกค้าที่ขอเปิดบัญชีผ่านโมบายแอพพลิเคชั่นต่อไป ซึ่ง ธปท.ได้เน้นย้ำให้สถาบันการเงินที่อยู่ระหว่างการทดสอบดูความถูกต้องแม่นยำของเทคโนโลยีให้ได้ตามมาตรฐานสากล มีมาตรการรักษาความปลอดภัยด้านไซเบอร์ โดยเฉพาะการดูแลข้อมูลของลูกค้า รวมทั้งเตรียมความพร้อมพนักงานสาขา Call Center ในการชี้แจงและทำความเข้าใจกับลูกค้า

    นางสาวสิริธิดา กล่าวว่า การใช้สแกนใบหน้าเพื่อการพิสูจน์ตัวตน ถือเป็นเทคโนโลยีที่มีความถูกต้องแม่นยำในการพิสูจน์ตัวตนสูงถึงร้อยละ 98-99 สามารถนำใบหน้าบุคคลมาเปรียบเทียบกับรูปภาพใบหน้าที่เป็นฐานข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น บัตรประชาชน หนังสือเดินทาง มีความสะดวกในการใช้งาน เพราะปัจจุบันสมาร์ทโฟน มีคุณภาพสูงรองรับการสแกนใบหน้าได้ และเป็นการเพิ่มความสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้นในการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์

    Source: ผู้จัดการออนไลน์
    ภาพ ธปท.

    52961255_2404056419613836_8540276253138092032_n.jpg?_nc_cat=102&_nc_ht=scontent.fbkk6-1.jpg

    52407153_2404056422947169_4958070964731510784_n.jpg?_nc_cat=104&_nc_ht=scontent.fbkk6-2.jpg

    52420931_2404056469613831_8917270984684208128_n.jpg?_nc_cat=100&_nc_ht=scontent.fbkk6-1.jpg

    52303886_2404056472947164_4776284360804401152_n.jpg?_nc_cat=105&_nc_ht=scontent.fbkk6-1.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...