ติดตามสถานะการณ์

‘โรคกวางซอมบี้(Zombie Deer Disease)’ ครอบคลุมครึ่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา มนุษย์สามารถติดเชื้อได้เช่นกัน เผยแพร่เมื่อ 12 ก.พ. 2019 โดย Natividad Sidlangan


โรคผีดิบกวาง



นับตั้งแต่รุ่งอรุณของภาพยนตร์ซอมบี้ผู้คนมักจะสงสัยว่าจะต้องเป็นโรคชนิดใดในการเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นมนุษย์ที่ไร้สติ ปรากฎว่าไม่จำเป็นต้องเป็นโรคเลย ขณะนี้มีโรคของสัตว์ที่สามารถคุกคามมนุษย์ด้วยการติดเชื้อที่ไม่ดี และมันถูกขนานนามว่า "โรคกวางซอมบี้"


เห็นได้ชัดว่าโรคดังกล่าวส่งผลกระทบต่อกวาง, แต่ละชนิดและกวางมูซ โรคทำให้กวางประพฤติตัวแปลก ๆ และก้าวร้าวมากขึ้นโดยที่พวกเขาไม่สามารถควบคุม ได้เช่นซอมบี้ มันแสดงอาการค่อนข้างคล้ายกับโรควัวบ้า แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าโรคกวางผีดิบจะแพร่หลายมากขึ้น เนื่องจากแพร่กระจายไปทั่วครึ่งประเทศสหรัฐอเมริกาและแม้แต่ ในบางส่วนของแคนาดา:


โรคผีดิบกวาง

ภาพถ่ายโดยวิกิมีเดียคอมมอนส์


โรคดังกล่าวคือโรคกระษัยเรื้อรัง (CWD) และโจมตีสมอง และไขสันหลัง ทำให้เหยื่อสับสนและก้าวร้าว ในปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาได้ และอาการอาจใช้เวลาสักครู่ จึงจะปรากฏขึ้นซึ่งหมายความว่า กวางที่ถูกล่า หรือกวางเขี้ยวบางตัวที่มีกีบ สามารถดูมีสุขภาพดีพอที่มนุษย์จะบริโภคได้


ไม่ควรมองข้ามโรคนี้เนื่องจากมีการแพร่ระบาด และเป็นอันตรายถึงชีวิต เช่นเดียวกับโรควัวบ้าโรค CWD ก็อาจพัฒนาหรือกลายพันธุ์ให้มีความแตกต่างของมนุษย์ได้เช่นกัน




ไม่ควรมองข้ามโรคนี้เนื่องจากมีความก้าวหน้าและเป็นอันตรายถึงชีวิต เช่นเดียวกับโรควัวบ้าโรค CWD ก็อาจพัฒนาหรือกลายพันธุ์ให้มีการเปลี่ยนแปลงกับมนุษย์ได้เช่นกัน


“ มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีกรณี CWD ของมนุษย์ ที่บริโภคเนื้อสัตว์ที่ปนเปื้อน จะถูกพบและบันทึกไว้ในปีต่อ ๆ ไป เป็นไปได้ว่าจำนวนกรณีป่วยในมนุษย์จะมีเป็นจำนวนมาก และจะไม่แยกเหตุการณ์” Michael Osterholm ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคติดเชื้อและการป้องกันของมหาวิทยาลัยมินนิโซตากล่าว


เจ้าหน้าที่ของแคนาดาให้คำแนะนำในเรื่องการบริโภคหรือสัมผัสกับประชากรกวางแต่ละชนิดและกวางมูซ สำหรับวิธีการตรวจจับกวางแต่ละชนิดและกวางมูซ หรือกวางคาริบูที่อาจติดเชื้อ CWD พวกเขามักแสดงอาการเหล่านี้:


-แยกและลดปฏิสัมพันธ์กับสัตว์อื่น ๆ

-ความกระสับกระส่าย

-การสั่นไหว

-รูปแบบการเดินซ้ำ ๆ

-หัวตกลง

-กระวนกระวายใจ

-น้ำลายออก

-บดฟัน

-เพิ่มการดื่มและถ่ายปัสสาวะ


อย่างไรก็ตามหากการจัดการสัตว์เป็นส่วนหนึ่งของงานหรือชีวิตประจำวันของคุณ การจัดการอย่างระมัดระวัง เป็นสิ่งจำเป็น นี่คือรายการวิธีการอยู่อย่างปลอดภัย:


-สวมถุงมือทุกครั้งเมื่อหยิบจับ

-อย่ายิงหรือล่ากวางกวางมูซหรือกวางคาริบูที่ติดเชื้อ

-หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเลือดน้ำลาย ปัสสาวะหรือ poop

-หลีกเลี่ยงการจับหรือตัดไขสันหลัง และบริเวณสมอง

-ส่งสัตว์ทดลองกับ CWD ก่อนจัดการหรือบริโภค

-กำจัดเนื้อสัตว์ที่ติดเชื้ออย่างเหมาะสม


CWD ถูกค้นพบจริงในปี 1967 และนับตั้งแต่นั้นได้มีการแพร่กระจายไปทั่วประชากรสัตว์ตระกูลกวางฟรีที่ถูกจับได้ใน 26 รัฐของสหรัฐอเมริกา มันเกิดจากโปรตีนที่จับผิดที่ หรือที่เรียกว่าพรีออนซึ่งมักพบในระบบประสาทส่วนกลาง


จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมว่ามันจะแพร่กระจายไปสู่ร่างกายมนุษย์ได้อย่างไร ปัจจุบันยังไม่มีรายงานผู้ป่วยที่ติดเชื้อ CWD ยังมีผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่านักล่าและคนอื่น ๆ ควรหลีกเลี่ยงการกินเนื้อกวางเพื่อความไม่ประมาท


ในบันทึกสุดท้าย Osterholm ยังเสนอว่า“ ถ้าสตีเฟ่นคิงสามารถเขียนนวนิยายโรคติดเชื้อได้เขาก็จะเขียนเกี่ยวกับพรีออนแบบนี้” อย่างไรก็ตามควรอยู่ห่างจาก ชาวแบมบี้เขากระหายเลือดมาก




https://socialnewsdaily.com/83302/zombie-deer-disease-covers-half-of-u-s/

 

ความอดอยาก

The Big Wobble


ฝูง "เล็ก" สามารถกินอาหารได้เท่ากับ 35,000 คนใน 1 วัน! สหประชาชาติตื่นตระหนกกับการระบาดของตั๊กแตนในแอฟริกาตะวันออกเฉียงเหนือและซาอุดิอาระเบีย


ภาพถ่าย yucatanexpatlife.com ฝูงตั๊กแตนจำนวนมากทำลายพืชผลในเม็กซิโกเมื่อต้นปีนี้


องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้ส่งสัญญาณเตือนภัยการระบาดของตั๊กแตนในทะเลทรายในแอฟริกาตะวันออกเฉียงเหนือและซาอุดิอาระเบียที่เกิดจากฝนตกหนัก

ควรเพิ่มความระมัดระวัง การตรวจสอบอย่างเข้มงวด และการควบคุมต้นตอที่จำเป็น เพื่อป้องกันการก่อตัวของฝูงและกระจายไปทั้งสองฝั่งของทะเลแดง


ฝนตกหนัก และพายุไซโคลนได้ก่อให้เกิดการระบาดของประชากรตั๊กแตน ในทะเลทรายโลคัส เมื่อเร็ว ๆ นี้ทำให้เกิดการระบาดในซูดานและเอริเทรียที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปทั้งสองฝั่งของทะเลแดงไปยังซาอุดิอาระเบีย และอียิปต์


หน่วยงานสหประชาชาติเรียกร้องให้ทุกประเทศที่ได้รับผลกระทบ เพิ่มมาตรการระมัดระวังและควบคุมเพื่อป้องกันการทำลายและป้องกันพืชผลจากศัตรูพืชอพยพ ที่อันตรายที่สุดในโลก


ฤดูฝนที่ดีตามแนวชายฝั่งทะเลแดงในเอริเทรียและซูดานได้ อนุญาตให้มีการผสมพันธุ์ตั๊กแตนสองรุ่นตั้งแต่เดือนตุลาคมนำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างมากของประชากรตั๊กแตนและการก่อตัวของฝูงสูง อย่างน้อยหนึ่งฝูงเดินทางข้ามทะเลแดงไปยังชายฝั่งทางเหนือของซาอุดิอาระเบียในช่วงกลางเดือนมกราคม ตามด้วยการอพยพเพิ่มเติมในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา กลุ่มของตั๊กแตนที่โตเต็มวัยที่และฝูงไม่กี่ตัวก็เคลื่อนตัวไปทางเหนือ ตามแนวชายฝั่งไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของอียิปต์ในปลายเดือนนี้


ในซาอุดิอาระเบียนั้นมีการผสมพันธุ์สองรุ่นเกิดขึ้นในเขตพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ที่ว่างเปล่าใกล้ชายแดนเยเมน - โอมานหลังจากเกิดพายุไซโคลน Mekunu และ Luban ในเดือนพฤษภาคม และตุลาคม 2561 ตามลำดับ ฝูงตั๊กแตนเหล่านี้ บางส่วนได้ไปถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) และอิหร่านตอนใต้ด้วยความเสี่ยงที่อาจแพร่กระจายไปยังชายแดนอินเดีย - ปากีสถาน


ฝูงตั๊กแตนฯสามารถบินได้ไกลถึง 150 กิโลเมตรต่อวัน ท่ามกลางสายลม ตั๊กแตนตัวเมียสามารถวางไข่ได้ 300 ฟอง ในช่วงชีวิตของมันในขณะที่แมลงโตเต็มวัย สามารถกินน้ำหนักของมันเองในอาหารสดต่อวัน ประมาณสองกรัมต่อวัน ฝูงเล็ก ๆ กินอาหารจำนวนเดียวกันในหนึ่งวันประมาณ เทียบเท่า 35,000 คน และฝูงตั๊กแตน ได้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อพืชผล เป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อความมั่นคงด้านอาหารโดยเฉพาะ ในพื้นที่เสี่ยง


ในเดือนมกราคม สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในศาสนาอิสลามได้รับความเสียหายจากตั๊กแตนทำให้ต้องมีการทำความสะอาดเพื่อกำจัดแมลง

ภาพจากสื่อสังคมออนไลน์แสดงให้เห็นว่าแมลงจับกลุ่มรอบ ๆ มัสยิดใหญ่ ในนครเมกกะ ซึ่งมีผู้แสวงบุญชาวมุสลิมหลายล้านคนทุกปี


The Food and Agriculture Organization of the United Nations, (FAO) have sounded an alarm on a desert locust outbreak in northeast Africa and Saudi Arabia triggered by heavy rains.

Increased vigilance, strict monitoring and early control needed to prevent further swarms forming and spread along both sides of the Red Sea.

Heavy rains and cyclones have triggered a recent surge in Desert Locust populations, causing an outbreak to develop in Sudan and Eritrea that is rapidly spreading along both sides of the Red Sea to Saudi Arabia and Egypt, FAO warned today.

The UN agency called on all the affected countries to step up vigilance and control measures to contain the destructive infestations and protect crops from the world's most dangerous migratory pest.


Good rains along the Red Sea coastal plains in Eritrea and Sudan have allowed two generations of breeding since October, leading to a substantial increase in locust populations and the formation of highly mobile swarms. At least one swarm crossed the Red Sea to the northern coast of Saudi Arabia in mid-January, followed by additional migrations about one week later. Groups of mature winged adults and a few swarms also moved north along the coast to southeast Egypt at the end of the month.


In the interior of Saudi Arabia, two generations of breeding also occurred in the southeastern Empty Quarter region near the Yemen-Oman border after unusually good rains from cyclones Mekunu and Luban in May and October 2018 respectively. A few of these swarms have already reached the United Arab Emirates (UAE) and southern Iran with a potential risk of spreading further towards the India-Pakistan border.


Adult locust swarms can fly up to 150 km a day with the wind. Female locusts can lay 300 eggs within their lifetime while an adult insect can consume roughly its own weight in fresh food per day - about two grams every day. A very small swarm eats the same amount of food in one day as about 35,000 people and the devastating impact locusts can have on crops poses a major threat to food security, especially in already vulnerable areas.


In January, the holiest site in Islam was hit by a plague of locusts, forcing cleaners into action to drive the insects out.

Footage shared on social media showed the insects swarming around the Great Mosque in Mecca, which hosts millions of Muslim pilgrims every year.


https://www.thebigwobble.org/2019/02/a-small-swarm-can-eat-same-amount-of.html?spref=fb&m=1

 

เวลาปกติ รัฐบาล 25 ประเทศ จะยอมมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่เวเนซุเอลา รวมเป็นมูลค่าสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ ไม่มีทางยอมอยู่แล้ว แต่ที่ยอมมอบก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนยึดครองเวเนซุเอลาของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ยึดได้ก็ปล้นน้ำมันสำรองของเวเนซุเอลา และจะได้จัดการรัสเซียเป็นด่านต่อไป เพราะมีทุนทรัพย์คือน้ำมันที่มีจำนวนมหาศาลมากกว่ารัสเซียในครอบครองแล้ว แต่รัสเซียจะยอมให้สหรัฐอเมริกาทำแบบนี้ได้จริงๆ หรือ

‘มาดูโร’ จวกสหรัฐฯ เอาแค่ ‘เศษอาหาร’ มาแลก หลังปล้นเงินเวเนฯ ไป ‘หลายหมื่นล้าน’
เผยแพร่: 16 ก.พ. 2562 14:42 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา

เอเอฟพี – ประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลาออกมาประณามสหรัฐฯ อย่างเผ็ดร้อนวานนี้ (15 ก.พ.) ว่า “ขโมย” ทรัพย์สินของรัฐละตินอเมริกาแห่งนี้ไปแล้วหลายหมื่นล้านดอลลาร์ แต่ส่งเพียง “เศษอาหาร” กลับมาเป็นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

สิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็นจากสหรัฐฯ ยังคงติดค้างอยู่ที่ชายแดนโคลอมเบียกับเวเนซุเอลา ขณะที่ ฮวน กวยโด ประธานรัฐสภาและผู้นำฝ่ายค้านเวเนฯ ประกาศจะไม่ยอมแพ้ มาดูโร ซึ่งปิดกั้นไม่ให้ความช่วยเหลือเหล่านี้ผ่านด่านพรมแดนเข้าไปได้

“มันคือกลลวง พวกเขาส่งอาหารเน่าๆ และปนเปื้อนมาให้เราเพื่อสร้างภาพเท่านั้น” มาดูโร กล่าวขณะปราศรัยที่เมืองซิอูดัดโบลิวาร์ (Cuidad Bolivar) ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ

“พวกเขาขโมยทรัพย์สินของเราไป 30,000 ล้านดอลลาร์ และส่งกลับมาแค่เศษอาหารบูดๆ 4 ล็อต”

ในวันเดียวกัน มาดูโร ยังสั่งให้กองทัพเตรียมส่งทหารไปตรึงกำลังใกล้ชายแดนโคลอมเบียเพิ่มเติม เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครผ่านเข้ามาได้

“ผมไม่ได้พูดเกินจริงเลยแม้แต่น้อย ที่ทำเนียบขาว โดนัลด์ ทรัมป์ กับ อิวาน ดูค ได้ประกาศแผนทำสงครามกับเวเนซุเอลา” เขากล่าว โดยอ้างถึงการประชุมหารือ ระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดีโคลอมเบียเมื่อวันพุธ (13) ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ ได้กล่าวย้ำชัดเจนว่า “ทุกทางเลือก” ล้วนอยู่ในการพิจารณา

เวเนซุเอลาเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจขั้นรุนแรงซึ่งทำให้พลเมืองหลายล้านคนมีฐานะยากจนลง ทั้งยังขาดแคลนสิ่งของอุปโภคบริโภคขั้นพื้นฐาน เช่น อาหาร และยารักษาโรค

กวยโด ซึ่งตั้งตนเป็นประธานาธิบดีรักษาการของเวเนซุเอลาและได้รับการสนับสนุนจาก 50 ประเทศทั่วโลก กล่าวหา มาดูโร ว่าบริหารงานผิดพลาดจนเป็นเหตุให้ประเทศต้องเผชิญหายนะทางเศรษฐกิจ ขณะที่ฝ่าย มาดูโร อ้างว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ

วอชิงตันได้ขึ้นบัญชีดำเจ้าหน้าที่รัฐบาลเวเนฯ รวมถึงคว่ำบาตรรัฐวิสาหกิจน้ำมัน PDVSA ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของรัฐบาลมาดูโร และล่าสุดกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังได้สั่งคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ความมั่นคงและข่าวกรองที่มีความใกล้ชิดกับ มาดูโร เพิ่มอีก 5 คน หนึ่งในนั้นคือ มานูเอล เกเวโด รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานและประธาน PDVSA ซึ่งสหรัฐฯ อ้างว่า “หมดความชอบธรรม” ไปแล้ว

กวยโด ให้สัญญาว่าจะนำความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่เวเนซุเอลาให้ได้ภายในวันที่ 23 ก.พ. ขณะที่ มาดูโร ไม่ยินยอม และสั่งให้ทหารปิดกั้นสะพานตรงจุดผ่านแดนโคลอมเบีย

มาดูโร เชื่อว่าสหรัฐฯ มีแผนลวงเพื่อปฏิบัติการแทรกแซงทางทหาร ขณะที่ฝ่าย กวยโด ก็ยืนยันว่าพลเมือง 300,000 คนอาจต้องตายถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือ

ผู้นำหัวซ้ายยืนยันวานนี้ (13) ว่าชาวเวเนฯ 6 ล้านครอบครัวได้รับแจกจ่ายอาหารกล่องอย่างทั่วถึง และยังอ้างว่าได้ยารักษาโรคและอุปกรณ์การแพทย์มาจากจีน รัสเซีย และคิวบาถึง 933 ตัน

“เราใช้เงินซื้อสิ่งเหล่านี้มา เพราะเราไม่ใช่ขอทานที่ต้องไปขอใครกิน” มาดูโร กล่าว

มาดูโร ยังกล่าวปรามาส กวยโด วัย 35 ปี เป็นแค่ “หุ่นเชิด” ของสหรัฐฯ ที่พยายามจะเข้ามาปล้นทองคำและน้ำมันดิบสำรองซึ่งเวเนซุเอลามีอยู่มากที่สุดในโลก และพฤติกรรมของผู้นำฝ่ายค้านรายนี้ถือว่าเป็น “กบฏ”

จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (14) ว่า ขณะนี้มีรัฐบาล 25 ประเทศให้สัญญาจะมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่เวเนซุเอลา รวมเป็นมูลค่าสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

https://m.mgronline.com/around/detail/9620000016536

 

พายุลูกเห็บ‼️⛈

หลายพื้นที่ในจังหวัดลำปางเกิดพายุลูกเห็บ โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลวังแก้ว อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง ชาวสวนได้รับความเสียหาย มีเสาไฟฟ้าล้ม นอกจากนี้พายุลูกเห็บยังส่งผลกระทบอีกหลายพื้นที่ในอำเภอใกล้เคียง และในตัวเมืองลำปาง

ขอบคุณภาพจากแฟนเพจ นางฟ้า เรยา

 

หยังมา จะอั้น ... มีจุดความร้อนเยอะ แถมยัง ลมพัด มาทั้ง ซ้ายและขวา เข้ามาที่ภาคเหนือหมด!!!!

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Feb 16) เยอรมนีรอด ศก.ถดถอย - สำนักงานสถิติเยอรมนี เปิดเผยว่า เศรษฐกิจเยอรมนีในไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา ทรงตัว หรือขยายตัว 0% เท่ากับว่าเยอรมนีรอดพ้นภาวะเศรษฐกิจถดถอย ที่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส หลังไตรมาส 3 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจหดตัว 0.2% เนื่องจากได้รับผล กระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และชาวเยอรมันใช้จ่ายน้อยลง


คอลัมน์ เวิลด์ มอนิเตอร์


Source: Posttoday

- Germany avoids recession with flat final 2018 quarter: https://www.dw.com/en/germany-avoids-recession-with-flat-final-2018-quarter/a-47511457

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Feb 16) บทความเรื่อง “What Anchors for the Natural Rate of Interest?” : อัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเงินต่าง ๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการกู้ยืม การออม และการลงทุน หน้าที่หลักของผู้ดำเนินนโยบายการเงินคือการรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยระดับที่เหมาะสมนั้นมักอิงกับค่าระยะยาวหรือระดับสมดุลของอัตราดอกเบี้ย (natural rate of interest) ซึ่งตามหลักทฤษฏีเศรษฐศาสตร์จะขึ้นอยู่กับปัจจัยเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจ เช่น ระดับผลิตภาพการผลิต หรือ อัตราการขยายตัวของประชากร เป็นสำคัญ


จากการศึกษาข้อมูลเศรษฐกิจของ 19 ประเทศตั้งแต่ปี 1870 พบว่า การเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยในระยะยาวไม่ได้สอดคล้องกับตัวแปรเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจตามหลักทฤษฏี แต่กลับขึ้นอยู่กับการดำเนินนโยบายการเงินมากกว่า โดยส่วนหนึ่งอาจผ่านผลกระทบที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีต่อวัฏจักรการเงิน (financial cycle)


ดังนั้น การประมาณการค่า natural rate of interest เพื่อใช้ในการประเมินความเหมาะสมของนโยบายการเงิน อาจให้ภาพที่บิดเบือนได้ โดยเฉพาะหากไม่มีการคำนึงถึงพัฒนาการของวัฏจักรการเงินควบคู่ไปด้วย


โดย Claudio Borio ดร. ปิติ ดิษยทัต และ ดร. ภูริชัย รุ่งเจริญกิจกุล



Source: PIER FB


อ่านเพิ่มเติม https://www.pier.or.th/wp-content/u...fz9uepPxBb0bTL9zmVb1LSwx89uixyn_zwK1p2J9mGvTg

 

ความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรป (อียู) กับกัมพูชา ใกล้ถึงจุดวิกฤตและมีแนวโน้มจะหักสะบั้นลง หลังจากวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการยุโรป ประกาศจะเริ่มกระบวนการพิจารณาตัดสิทธิพิเศษทางการค้าต่อกัมพูชา ภายใต้โครงการ Everything but Arms (EBA) ภายในระยะเวลา 18 เดือนจากนี้ไป

 

แม่น้ำท่าจีนวิกฤต เรือพ่อค้าติดผักตบกว่า 5 ชั่วโมง http://news.ch3thailand.com/local/88061

#ข่าวช่อง3 #Ch3ThailandNews

 

Clima Extremo 24


คูเวต



พายุลูกเห็บตกอย่างรุนแรงในคูเวต 15 ก.พ.

 

Clima Extremo 24


สหรัฐอเมริกา



แผ่นดินไหวครั้งใหญ่สามครั้งสั่นสะเทือนตอนเช้า ในเมือง Bluffdale รัฐ Utah เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์


มีรายงานแผ่นดินไหว 3 ครั้งที่กระทบ Bluffdale ในเช้าวันศุกร์นี้ การสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกาได้ยืนยันว่าเกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.3 ครั้งแรก ตามด้วยขนาด 3.8 หลังจาก 5 โมงเช้า และสุดท้าย ขนาด 2.2

 

Clima Extremo 24


สหรัฐอเมริกา



ภาพของการชนกันอีกครั้งจากอุบัติเหตุ ซึ่งรถมากกว่า 40 คัน ชนกันเนื่องจากพายุหิมะในแคนซัสซิตี้ มิสซูรี่ วันนี้วันที่ 16 ก. ค.

 

Clima Extremo 24


สหรัฐอเมริกา



พายุหิมะทำให้เกิดชนกันหลายครั้ง ของ

ยานพาหนะใน Kansas City, Missouri เมื่อวันนี้, 16 กุมภาพันธ์


พายุที่รุนแรงในวันนี้ทำให้เกิดทัศนวิสัยที่หนาแน่น เนื่องจากหิมะทำให้ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นและควบคุมยานพาหนะ เมื่อลื่นไถลและชนกับยานพาหนะอื่น ๆ บนทางหลวงของทางหลวง I-70 ทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อรถยนต์มากกว่า 40 คัน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 12 ราย

 

Clima Extremo 24


สหรัฐอเมริกา



ภาพวิดีโอของการพังทลายของถนนจากน้ำท่วมที่เกิดจากฝนที่ตกลงมา และแผ่นดินถล่ม ทำให้เกิดความเสียหายที่ร้ายแรงต่อโครงสร้างพื้นฐานของถนนใน Saunders Meadow, California.


ESTADOS UNIDOS


Imágenes en video del colapso de una carretera por las inundaciones, lluvias y deslizamiento de tierra, causa grandes daños a la infraestructura de la carretera en Saunders Meadow, California.

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Feb 16) จีนยังคงถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมากที่สุดในโลก,กลับมาถือเพิ่มในธ.ค. 2561: กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า จีนมียอดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอยู่ที่ 1.123 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. 2561 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 1.121 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. หลังจากปรับลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลงในเดือนพ.ย.ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2559


สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนยังคงเป็นประเทศที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมากที่สุดในโลก รองลงมาคือญี่ปุ่น ซึ่งมียอดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอยู่ที่ 1.042 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับของเดือนพ.ย.ที่ 1.036 ล้านล้านดอลลาร์


Source -อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กัลยาณี ชีวะพานิช


http://www.xinhuanet.com/english/2019-02/16/c_137826810.htm

 

เจาะเวลาหาอดีต


กว่าจะเป็นเอี้ยก้วย..ทรนงประจิม!!/ต่อพงษ์


เอี้ยก้วยที่คนไทยน่าจะรู้จักมากที่สุดและคงจะจำไว้เป็นเอี้ยก้วยในใจของคุณ ผมคิดว่าคงไม่แคล้วจะเป็น หลิวเต๋อหัว (ฉบับปี 1983) กับ กู่เทียนเล่อ จะว่าไปการที่ HK TVB คัดสองคนนี้มาแสดงก็ต้องไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะใครก็ตามที่จะมาแสดงเป็นเอี้ยก้วยต้องหล่อ ตาโต คิ้วเค้ม และมีรอยยิ้มที่ชวนให้สนิทสนม...แต่ขณะเดียวกันก็มีกลิ่นอายแห่งความคลั่งบางอย่างที่พร้อมจะระเบิดออกมา


สำหรับผมถ้าเอาตามนวนิยายที่กิมย้งบอกจริงๆ กู่เทียนเล่อน่าจะได้เปรียบมากกว่าหลิวเต๋อหัว เพราะ น้าหลิวแกดูไม่ค่อยเหี้ยมเท่าไหร่ ผมรู้สึกไม่ค่อยแค้นโลกเท่าที่ควร แต่บทจะเล่นเป็นคนคนที่อยู่ในอาการน้อยใจผมว่าแกทำได้น่ารักดี แต่กู่เทียนเล่อทำตรงนี้ได้ดีกว่า เสียแต่ว่าหน้าตาแกไม่ค่อยจะเข้าเค้าที่กิมย้งอธิบายไว้ ยิ่งเยิ่นเสียนฉีที่มารับบทเอี้ยก้วยของไต้หวัน...คนนี้ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะ กิมย้งไม่เคยบรรยายว่าเอี้ยก้วยดูเหมือนลิง หล่อเล่อหลินเอี้ยก้วยตัวแรกที่เคยให้คนไทยยลก็ดูแล้วแปลกๆ หน้าเหี้ยมเกิน


จะว่าไปหวงเสี่ยวหมิงที่มารับบทเป็นเอี้ยก้วยฉบับปี 2006 ที่จีนแดงสร้างกลับดูเหมือนเอาคนทั้งคู่มาหารสอง เขาดูมีหลายมุมที่ดูเหมือนหลิวเต๋อหัวแล้วก็ดูมีหลายมุมที่ดูเหมือนกู่เทียนเล่อ ที่สำคัญจางจี้จงเลือกหวงเสี่ยวหมิงมาเล่นทีแรกก่อนหน้าที่จะแคสต์ตัวนางเอกเสียอีก...สำหรับผมหวงเสี่ยวหมิงแกทำได้ดีนะครับ ทั้งความแค้น ความสงสัยต่อโลก ความรักต่ออาจารย์ภรรยา โดยเฉพาะไอ้ท่าทางเย่อหยิ่งยะโสนี่แกก็ใช้ได้ แถมยังเป็นเด็กขี้โวยวายกึ่งๆจะขี้อ้อนและโหวกเหวกในตอนแรกๆนั้น หวงเสี่ยวหมิงลงตัวเลย เพราะ ในหนังสือนั้นเอี้ยก้วยค่อนข้างที่จะมีลักษณะแบบนั้น...โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังได้เปรียบ และอยู่ในสถานการณ์ที่เขารู้ว่า มีคนที่เข้าข้างเขาอยู่ เขาจะแสดงอาการแบบที่ว่าออกมาทันที…ถ้าเป็นศัพท์วัยรุ่นสมัยนี้อาจจะใช้คำว่าเกรียนได้เหมือนกัน


อาจจะมีบางคนบอกว่าแกหน้าแก่กว่าเซี่ยวเล้งนึ้งก็ต้องบอกตามเหตุผลที่ผมให้ไว้ก็คือ หน้าของทั้งคู่นั้นดูเท่ากันตั้งแต่ตอนอยู่ในสุสานโบราณแล้ว ยิ่งออกมาที่ป้อมตระกูลเล็ก คนในสังคมก็เห็นว่าเอี้ยก้วยนั้นดูมีอายุมากกว่านางเอกของเราเสียอีก ส่วนเรื่องที่แกดูมีพุงนั้น ผมเห็นใจแกครับ เพราะ เมืองจีนนั้นหนาว ยิ่งแกไปถ่ายตามสถานที่จริง ถ้าใส่เสื้อแบบจอมยุทธปรกติมีหวังปอดบวมแน่ๆ


แต่ไม่ว่ายังไงเอี้ยก้วยถือเป็นหนึ่งในตัวละครที่ถ้าเผื่อท่านมีอายุเยาว์หน่อยจะรู้สึกว่าเขาเป็นฮีโร่...พูดให้ชัดกว่านั้นเป็นฮีโร่สำหรับวัยรุ่นด้วยซ้ำไป เพราะแนวคิดและวัตรปฏิบัติของเอี้ยก้วยนั้นแกเป็นกบถต่อสังคมมาตั้งแต่ต้น ซึ่งแตกต่างจากเซี่ยวเล้งนึ้ง เพราะคนหลังนี่ดูแปลกแยกจากสังคม เพราะ เธอไม่เคยมีสังคม มิใช่ตั้งใจปฏิเสธสังคมโดยเฉพาะ


กฏของสังคมที่เอี้ยก้วยปฏิเสธและพยายามต่อต้าน คือสังคมที่ยึดถือกฏแห่งขงจื้อที่ว่าเด็กต้องนับถือผู้ใหญ่ ลูกต้องนับถือพ่อ ศิษย์ต้องนับถืออาจารย์ แต่สำหรับเอี้ยก้วยถ้าอาจารย์เลว พ่อเลว และผู้ใหญ่กว่าเลว...เราก็ไม่ควรจะนับถือมัน แต่แม้นเอี้ยก้วยจะเป็นปฏิปักษ์ต่อสังคม แต่แกก็ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อ ‘มโนธรรมในใจ’ ของแก อาทิช่วยคนอ่อนแอ เห็นใจคนอื่นที่มีชะตาใกล้เคียงกับตัวเอง...ซึ่งคนแบบนี้แหล่ะครับที่เป็นเสน่ห์จนเป็นขวัญใจวัยรุ่นและที่สำคัญเป็นขวัญใจสตรีที่มีโอกาสได้พานพบ


อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เอี้ยก้วยเป็นฮีโร่สำหรับวัยรุ่นก็คือ ชะตากรรมที่อาภัพและฟ้ากำหนดให้ชีวิตเขามีแต่อุปสรรค จนน่าจะพูดได้ว่า ในจักรวาลแห่งนิยายกำลังภายในของจีนที่คนไทยคุ้นเคยนั้น ตัวละครที่ชื่อเอี้ยอ้วย หรือ ชื่อจีนกลางที่เป็นสากลคือ หยางกั๋ว (Yang Guo) น่าจะเป็นตัวละครที่ถูกทดสอบจากฟ้าดินและคนรอบข้างมากที่สุดแล้ว


พูดถึงตรงนี้หน่อยนึงว่า เราต้องเข้าใจว่าทำไมเอี้ยคังถึงเป็นที่รังเกียจของเพื่อนร่วมสังคมซ้อง เพราะเอี้ยที่เป็นนามสกุลนั้นแท้จริงคือ ตระกูลหยาง (เอี้ยอ่านแบบแต้จิ๋ว แต่หยางอ่านแบบจีนกลาง) ...คนไทยคุ้นชื่อของวีรบุรุษตระกูลหยางกันมา ในฐานะที่เป็นกลุ่มนักรบที่สู้กับศัตรูคือพวกเหลียวหรือพวกซิตันจนตายหมู่ไปมาก แต่หลายปีหลังจากนั้นหยางคนที่เหลือก็ปราบซิตันได้สำเร็จ เพราะฉะนั้นคนแซ่หยางก็คือ ตัวแทนของคนรักชาติซ้องจนกลายเป็นตำนานเลย


เพลงทวนตระกูลเอี้ยที่ เอี้ยทิซิม (หยางเถี่ยซิน Yang Tiexin) ปู่ของเอี้ยก้วยใช้ตอนปะทะนักพรตคูชู่กีในเล่มแรกของมังกรหยกก็สืบสายมาจากเพลงทวนตระกูลหยางอันลือลั่นนั่นแหล่ะครับ คูชู่กีวิจารณ์ว่ามันเป็นเพลงทวนสำหรับสู้ในสมรภูมิจึงช่วยติวและแก้ไขให้มันเป็นเพลงทวนที่สู้ในยุทธจักรได้ (มังกรหยก ว.ณ เมืองลุง หน้า 28)


ยุคปลายของราชวงศ์ซ้อง ชนเผ่าต่างชาติเข้ามารุกรานกันมาก ถึงขนาดต้องย้ายเมืองหลวงกันลงไปใต้ทีเดียว และศัตรูตัวฉกาจในช่วงปลายๆนี้ก็คือพวกกิม (พวกนี้คือบรรพบุรุษของพวกแมนจูในสมัยราชวงศ์ชิง) ยุคซ้องปลายๆนี้การทหารค่อนข้างอ่อนแอ การปกครองก็อ่อนแอ ฮ่องเต้ยิ่งอ่อนแอ ข้าราชการก็เฮงซวย แต่กระนั้นลูกหลานตระกูลหยางก็ยังเป็นทหารภายใต้ร่มธงของงักฮุย (เยี่ยเฟย Yue Fei ) ซึ่งเป็นแม่ทัพเทพยดาต่อสู้กับพวกกิมเสียอีก ขุนศึกคู่บารมีของงักฮุยที่ว่าก็คือ เอี้ยไจ้เฮง (หยางเจี๋ยซิน Yang Zaixin) ซึ่งเป็นปู่ของเอี้ยทิซิม


ถึงบางอ้อหรือยังครับ ว่าทำไม ‘เอี้ยคัง’ หรือ ‘หยางกัง’ ที่ถูกเลี้ยงมาโดยองค์ชายราชวงศ์กิมแถมยังเรียกอ้วนง้วนหงเลียกเป็นพ่อจึงกลายเป็นคนบาปของแผ่นดินไปโดยปริยายเหมือนอย่างที่ก๋วยเจ๋งบอกเอี้ยก้วยว่า...พ่อของเขาทรยศชาติ กราบโจรเป็นพ่อ เข่นฆ่าพี่น้องร่วมชาติตัวเอง เรื่องของเอี้ยคังกับกิมและก๋วยเจ๋งกับมองโกลนั้น คนซ้องให้ความรู้สึกต่างกัน ก๋วยเจ๋งนั้นแม้จะคบมองโกลและโตมาที่มองโกล แต่ก็ไม่ได้ถูกต่อต้านเท่าไหร่ เพราะ ตอนนั้นซ้องจับมือมองโกลเพื่อล้มชาติกิม และมองโกลทำสำเร็จ แต่หลังจากนั้นมองโกลก็หันดาบมาใส่ซ้องต่อทันทีกลายเป็นการชักศึกเข้าบ้านไปโดยปริยาย และซ้องก็ต้องมาสู้กับมองโกลต่อและสู้ไม่ได้ในที่สุดจนโดนล้มไปและมองโกลก็สถาปณาราชวงหยวนในที่สุดในเรื่องดาบมังกรหยกไงครับ


เพราะฉะนั้นเมื่อเอี้ยก้วยเป็นลูกคนบาปอย่างเอี้ยคัง ปฏิกิริยาต่อต้านเขาจึงมีมาก ทั้งโดยตรงแบบอึ้งย้งที่ไม่ยอมสอนวิชาต่อสู้ให้เขาเพราะรังเกียจว่าลูกจะชั่วเหมือนพ่อ นักพรตคูชู่กีซึ่งรับว่าจะอบรมเอี้ยก้วยไม่ให้เป็นอย่างพ่อ จึงเข้มงวดเขากว่าเด็กทั่วไปก็เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นคนขายชาติแบบเอี้ยคัง แต่ที่แย่กว่านั้นแกกลับไม่สอนเองดันส่งไปให้เตียจี้เก่งที่เป็นลูกศิษย์รับหน้าที่อบรมอีกต่อหนึ่งเสียอีก...ซึ่งเตียจี้เก่งก็ดันไม่ชอบหน้าเอี้ยก้วย เพราะมากับก๊วยเจ๋งจนเกิดความเข้าใจผิด ตามมาด้วยไม่ชอบคำถามที่อุกอาจ (ถามว่าทำไมวิทยายุทธช่วนจินก้าดีจริงหรือ ทั้งๆที่สู้ก๋วยเจ๋งก็ไม่ได้) และท่าทีแบบที่ไร้การอบรมของเอี้ยก้วยก็ยิ่งไปกันใหญ่


สำหรับเด็กอย่างเอี้ยก้วยนั้น ด้วยอุปนิสัยก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะอยู่ในยีนจากเอี้ยคัง ผมหมายถึงว่าทั้งช่วงที่อยู่กับมกเนี่ยมชื้อซึ่งเป็นแม่และตายไป เอี้ยก้วยก็กลายเป็นเด็กเร่ร่อน การขาดการอบรมก็ย่อมเกิด ยิ่งสมัยนั้นไม่มีครูยุ่นครูหยุยด้วยแล้วมันก็ยิ่งทำให้เอี้ยก้วยเพาะนิสัยไม่กลัวฟ้ากลัวดินขึ้นมา กว่าที่ก้วยเจ๋งกับอึ้งย้งจะพาไปอยู่เกาะดอกท้อ เอี้ยก้วยก็เพาะธาตุแบบนี้ในตัวมาตั้ง 10 ปีแล้ว การหักดิบของก้วยเจ๋งที่ส่งเขามาอยู่สำนักโคตรระเบียบจัดในแนวทางที่เอี้ยก้วยไม่ชอบจึงเป็นเรื่องทำร้ายเขาโดยปริยาย


ยังมีเรื่องราวแห่งความเศร้าที่เกิดมาเป็นเอี้ยก้วยอยู่อีกนิดที่น่าพูดต่อ...ที่จะทำให้เขาเป็นฮีโร่ที่ชวนรันทดเอามากๆ


เอี้ยก้วยนั้นเริ่มสตาร์ทความเศร้าจากชาติกำเนิด จากการที่มีพ่อเป็นคนขายชาติ กราบศัตรูเป็นพ่อ และเข่นฆ่าพี่น้อง ตามมาด้วยการถูกคนที่เรียกว่าเป็นอาจารย์รังแก ทั้งอึ้งย้ง ทั้งเตียจี้เก่ง แถมคนที่เขารู้สึกผูกพันด้วยอย่างยายเฒ่าซุนก็ตายภายใต้ฝ่ามือของนักพรตชวนจินก่าเสียอีก ที่หนักกว่านั้นในเชิงสังคมที่ถือว่า อาจารย์เหมือนเป็นพ่อและเป็นอาจารย์หนึ่งวันเท่ากับเป็นอาจารย์ทั้งชีวิตก็เป็นปมที่ทำให้เอี้ยก้วยเข้าขั้นคนโฉด เพราะการประกาศยกเลิกเป็นลูกศิษย์กับสำนักช่วนจิน แถมยังประกาศว่าอยากจะฆ่าอาจารย์ตัวเองต่อหน้าบรรดาจอมยุทธทั้งหลายในป้อมตระกูลเล็กก็ยิ่งจะโดนก้วยเจ๋งตบเอา


พูดถึงปมแบบนี้...จะมีที่คล้ายคลึงเอี้ยก้วยมากๆ แถมยังได้ใจวัยรุ่นอย่างผมมากเลยก็คือ ซีคุนหลุน ‘เหลียงเซียว’ ในภูผามหานที ผลงานของเฟิ่งเกอ ที่เลือกที่จะไปเข้าร่วมกับมองโกลเพื่อเอาเลือดล้างความแค้นที่เข่นฆ่าคนที่เขารักด้วยความเข้าใจผิด จนเข่นฆ่าพวกซ้องกระเจิง แต่ดูไปดูมาผมก็ยังชอบเอี้ยก้วยมากกว่าครับ...และที่ชอบมากกว่าอาจจะเป็นผลที่เอี้ยก้วยแสดงออกในเรื่องหัวใจของเขานั่นเอง


เพราะกว่าซีคุณหลุนเหลียงเซียวจะเลือกนางในใจอย่างฮั่วเสี่ยวซวง...เขาดูคล้าย ‘เตียบ่อกี้’ ในดาบมังกรหยกมากกว่า มิได้มั่นคงกับรักแรกและรักสุดท้ายแบบที่เอี้ยก้วยมีต่อเซียวเล้งนึ้ง..ทั้งๆที่แต่ละนางที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขานั้น ระดับนางงามทั้งสิ้น แต่เอี้ยก้วยก็เลือกที่จะปฏิบัติและยกให้เป็นน้องสาวทุกๆ ราย


ก็ไม่แปลกหรอกครับ ปมความรักในใจของเด็กที่ไม่มีใครรักนี้จะซาบซึ้งตราตรึงอยู่กับคนที่เขาเรียกว่าท่านอาบ้าง อาจารย์บ้าง...และนั่นเป็นเรื่องน่าเศร้าประการที่สองในชีวิตของเอี้ยก้วย เพราะ รักของเขานั้นเป็นรักที่ต้องห้าม...และคนรอบๆ ตัวเขาต่างก็รังแกเขาในเรื่องนี้อีกแล้ว


กิมย้งเลือกที่จะใช้ประโยคที่ว่า “ถามขอถามชาวโลก รักเป็นฉันใด จึงยามเป็นยามตาย ยอมอยู่คู่กัน” เพื่อเป็นตัวในคำว่าความรัก...และเอี้ยก้วยกับเซี่ยวเล้งนึ้งคือ ที่สุดแห่งการทดสอบของคำถามที่ว่ารักเป็นฉันใด


เพราะในยุคสมัยนั้นความรักกับญาติผู้ใหญ่ที่ตัวเองนับถือ ถือเป็นเรื่องพิสดาร แล้วการรักกับอาจารย์ตัวเองยิ่งเป็นสิ่งที่ชาวโลกต้องประนาม ต่อให้อาจารย์คนนั้นดูเด็กกว่าก็ต้องประนาม ที่สำคัญเอี้ยก้วยที่สังคมยังถือว่าเขายังมีญาติผู้ใหญ่อยู่อย่างก้วยเจ๋งและอึ้งย้ง การประกาศว่าจะอยู่กินกับใครแต่งงานกับใครโดยไม่ให้ผู้ใหญ่เป็นคนอนุญาติหรือสู่ขอถือเป็นเรื่องที่ยิ่งผิดธรรมเนียมเข้าไปใหญ่


คนที่แค้นมิอาจกร้ำกราย/ต่อพงษ์

ดูเหมือนในแผ่นดินแห่งมังกรหยกนั้นจะมีคนเดียวที่เข้าใจต่อเอี้ยก้วยอย่างถ่องแท้...นั่นคือ อึ้งเอี๊ยะซือ (Huang Yaoshi) ผู้เป็นเจ้าของนาม “มารบูรพา” ผู้ยิ่งใหญ่นั่นเอง


มีคำถามขึ้นมามายถึงพฤติกรรมประหลาดของมารเฒ่าอัจฉริยะผู้นี้ในฐานะที่ตัวเองทำอะไรต่อมิอะไรตามอำเภอใจและรังเกียจต่อแนวทางและประเพณีอันคร่ำครึของคนในยุคนั้นเสมอมา...สิ่งที่อึ้งเอ๊ยะซือเป็นน่าจะเป็นสิ่งที่คนในยุคปัจจุบันเรียกันว่า “ติสต์ “ ได้อย่างเต็มภาคภูมิ


อันนี้ต้องขอนอกเรื่องซักนิด เพราะเหตุที่อึ้งเอ๊ยะซือ ‘เข้าใจ’ ‘เห็นใจ’และ ‘ให้กำลังใจ’ เอี้ยก้วยนั้น ส่วนหนึ่งมาจากปูมหลังแห่งความรักของเขาที่มีต่อเหมยเชาฟง (บ้วยเทียวฮวง) ลูกศิษย์ของตัวเองเสียด้วย!!


ท่านผู้อ่านไม่ได้ตาฝาดหรอกครับ เพราะ ในฉบับแก้ไขครั้งที่สามในเรื่อง มังกรหยก ที่กิมย้งทำเมื่อปี 2004 อ้างอิงจาก wuxiapedia.com กิมย้งแจกแจงในรายละเอียดเกี่ยวกับ เขา และลูกศิษย์คือ เหมยเชาฟง ว่ามันคือความรักข้างเดียวที่ไม่สมหวัง


รักของอึ้งเอี๊ยะซือนั้น เป็นรักที่ประหลาดที่สุด แม้แต่ตัวเขาก็ไม่อาจจะข้ามพ้น กิมย้งบอกไว้ด้วยว่า เขาไถ่ตัวเหมยเชาฟงมาจากบ้านตระกูลเศรษฐีหลังจากเธอกำลังจะโดนลวนลาม ก่อนจะพาไปเลี้ยงดู ฝึกสอน และกลายเป็นความรักที่ตัวเขาเองก็ไม่กล้าเอ่ยปาก แม้เขาจะเก่งพอที่จะแยกแยะได้ว่าจริยแบบไหนที่ควรทำหรือไม่ควรทำ แต่กับเรื่องอาจารย์รักศิษย์ตัวเองนี่มารบูรพาไม่อาจจะก้าวข้ามพ้น


ในฉบับแก้ไขครั้งที่ 3 นั้น กิมย้งบอกว่า ความรักของอึ้งเอี๊ยะซือนั้นอยู่ในใจและไม่ต้องการให้ใครรู้ สำหรับเหมยเชาฟง อึ้งเอี๊ยะซือยืนยันให้เธอจะต้องอยู่ข้างกายอาจารย์เพื่อรับใช้และไม่ไปจากเกาะดอกท้อตลอดไป ต่อมาเมื่อความรักของเธอกับศิษย์พี่ตั้งเฮียงฮวง (Chen Xuanfeng) เกิดขึ้น และความทราบไปถึง เค็กเล้งฮวง (Qu Lingfeng ) พี่ใหญ่ซึ่งตอนนั้นมีอายุ 30 เป็นม่ายและมีลูกสาวคนเดียวคือ ส่าโกว (Sha Gu) ทั้งหมดก็เลยลงมือต่อสู้กันเพราะเค็กเล้งฮวงรู้สึกว่าศิษย์น้องทั้งคู่ทรยศอาจารย์ ครั้นอึ้งเอี๊ยะซือทราบเหตุแห่งการวิวาทนี้ขึ้นก็โกรธเค็กเล้งฮวงที่มารู้ความในใจที่เขาอยากเก็บไว้ นั่นทำให้เขาถึงกับหักขาศิษย์คนนี้แล้วไล่ออกจากเกาะ หลังจากเหตุการณ์หักขาศิษย์คนโตนั้นอีกหลายเดือนทีเดียว เขาก็พาผู้หญิงอีกคนกลับมา โดยประกาศว่านี่คือภรรยา (ผู้หญิงคนนี้คือ แม่ของอึ้งย้งนั่นเอง) ในการดื่มเหล้าวันขึ้นปีใหม่อึ้งเอี๊ยะซือถึงกับประกาศไว้ว่า ถึงขนาดนี้ยังจะมีใครกล้าบอกว่า เขารักลูกศิษย์ตัวเองอีกหรือไม่ แถมบอกด้วยว่าเค็กเล้งฮวงเหลวไหล แต่ให้อภัยแล้วให้คนไปเรียกกลับมา?


(ต้นฉบับภาษาอังกฤษเขียนดังนี้... Once at a certain Chinese festival, Huang Yaoshi drank a few more cups of wine and muttered:"Who dares to say that old East Heretic is in love with his female pupil! Lingfeng was spouting nonsense! Where is he now, I forgive him. Tell him to come back!")


ส่วนเหมยเชาฟงกับศิษย์พี่ต้องอยู่บนเกาะต่อ แต่อึ้งเอี๊ยะซือไม่สอนวิชาให้...พอได้ยินว่าอาจารย์จะเรียกศิษย์พี่ใหญ่กลับมาก็นึกกลัว ทำให้ทั้งสองขโมยคัมภีร์เก้าอิมภาคหลังแล้วออกไปจากเกาะในเวลาต่อมาแล้วกลายเป็นสองมารลมมหากาฬในที่สุด


เอี้ยก้วยจึงเป็นหนึ่งในสิ่งที่มารบูรพาต้องยกย่อง เพราะเขาก้าวข้ามพ้นสิ่งที่ตัวเองไม่กล้าก้าว ถึงขนาดเสนอให้เอี้ยก้วยออกจากสำนักสุสานโบราณจะได้แต่งงานกับเซียวเล้งนึ้งได้สมใจ แต่เอี้ยก้วยกลับประกาศว่า เขาจะเป็นทั้งคนรักและเป็นลูกศิษย์...ใครจะทำไม!!


ความทรนงนี้เองที่ทำให้เอี้ยก้วยต้องพบกับความรันทดมาตลอด แต่ที่เลวร้ายที่สุดก็คือ การที่เขาโดนตัดแขนจากก้วยพู้ลูกของก้วยเจ๋ง ...และก้วยพู้คนนี้ยังเอาเข็มพิษปักใส่เซี้ยวเล้งนึ้งจนเป็นเหตุให้ทั้งคู่ต้องพลัดพรากกันอีกเป็นเวลาถึง 16 ปี...ถามว่าใครเจอแบบนี้แล้วยังทนได้แบบเอี้ยก้วยบ้าง


สำหรับผมที่ชวนรันทดสุดๆ ก็คือ การให้อภัยของเอี้ยก้วยต่อทุกคนที่รังแกเขาทั้งทางตรงและทางอ้อม...แต่มันไม่ได้ดึงให้เขากลายเป็นบุคคลที่อยู่บนเส้นทางแห่งมารเหมือนพ่อบุญธรรมที่ชื่ออาวเอี้ยงฮง หรือเปิดฉากระบายแค้นกับคนที่ทำให้ความรักของเขาไม่สมหวัง หรือแม้กระทั่งล้างแค้นต่อคนที่ตัดแขนของเขาจนเหลือข้างเดียว คำว่าความแค้นไม่มีความหมายต่อคนๆนี้แม้แต่น้อย มีแต่คำว่ารักเท่านั้นที่เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิตของเขา


ฉายาทรนงประจิมในฐานะ 5 สุดยอดฝีมือจึงได้มาด้วยประการฉะนี้

 

อย่าลืมชมซูเปอร์ฟูลมูนซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปีที่ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกที่สุดในคืนเทศกาลโคมไฟวันที่ 19 ก.พ. นี้ ครั้งต่อไปต้องรอถึงปี 2081

• 16 February, 2019
• อโศก ศรีจันทร์

คืนเทศกาลโคมไฟวันที่ 19 ก.พ. นี้ ชมปรากฎการณ์ซูเปอร์ฟูลมูนซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปีที่ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกที่สุด

พิพิธภัณฑ์ดาราศาสตร์ไทเปแถลงว่า เทศกาลโคมไฟปีนี้ ซึ่งตรงกับวันอังคารที่ 19 ก.พ. นี้ จะเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติสำคัญซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปี คือตั้งแต่ปีค.ศ. 1900 เป็นต้นมาที่ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกที่สุดห่างจากโลก 356,836 กิโลเมตร ดวงจันทร์เต็มดวงจะมีขนาดปรากฏใหญ่กว่าปกติ 7% และสว่างกว่า 16% สังเกตได้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจน หรือที่เรียกกันว่าซูเปอร์ฟูลมูน (Super Full Moon) ปรากฏการณ์ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกที่จะเกิดขึ้นในคืนเทศกาลโคมไฟครั้งถัดไปต้องรออีก 62 ปี หรือในปีค.ศ. 2081



พิพิธภัณฑ์ดาราศาสตร์ไทเปกล่าวว่า ในแต่ละปีจะปรากฏดวงจันทร์เต็มดวงประมาณ 12-13 ครั้ง และเทศกาลโคมไฟตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 1 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน พระจันทร์เต็มดวงอาจไม่ปรากฎในคืนขึ้น 15 ค่ำ โดยมากจะอยู่ระหว่าง 14-17 ของเดือน ดังนั้น ปรากฏการณ์ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกในคืนเทศกาลโคมไฟ จึงพบเห็นน้อยมาก

และนอกจากปรากฏการณ์ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกที่สุดหรือซูเปอร์ฟูลมูน (Super Full Moon) แล้ว ยังมีปรากฏการณ์ ดวงจันทร์เต็มดวงไกลโลกมากที่สุด หรือ Micro Moon ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 กันยายน 2562 หลังวันไหว้พระจันทร์ปีนี้ 1 วัน โดยดวงจันทร์ในช่วงไกลโลกปีนี้ จะมีระยะห่างประมาณ 406,365 กิโลเมตร ทำให้ดวงจันทร์เต็มดวงมีขนาดเล็กที่สุดในรอบปี และหากเปรียบเทียบขนาดของดวงจันทร์เต็มดวงขณะโคจรมาใกล้โลกกับไกลโลกที่สุด ช่วงไกลโลกที่สุดจะมีขนาดปรากฏเล็กกว่าประมาณ 14% และมีความสว่างน้อยกว่าถึง 30%



ซูเปอร์ฟูลมูนซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปีที่ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกที่สุดในคืนเทศกาลโคมไฟวันที่ 19 ก.พ. นี้ ครั้งต่อไปต้องรอถึงปี 2081


https://th.rti.org.tw/news/view/id/2000568

 

เทศกาลโคมไฟ





เทศกาลโคมไฟ หรือว่า วันหยวนเซียว (元宵節) คือวันที่ 15 ของเดือน 1 ตามปฏิทินจันทรคติ หรือที่เรียกกันว่า ชูสืออู่ นั่นเอง คำว่า 元หยวน มีความหมายว่า แรก ส่วน宵เซียว แปลว่า กลางคืน จึงใช้เรียกคืนที่พระจันทร์เต็มดวงครั้งแรกในรอบปีหลังผ่านพ้นตรุษจีน คล้ายกับเป็นวันตบท้ายเทศกาลตรุษจีนแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ซึ่งในปีนี้ ตรงกับวันที่ 12 ก.พ. 2549 สำหรับคืนสำคัญนี้ มีประเพณีว่า ชาวจีนจะต้องรับประทานบัวลอยกันในครอบครัวและออกไปชมโคมไฟที่จะนำมาประดับประดากันอย่างสวยงาม ดังนั้น จึงมีการเรียกเทศกาลนี้อีกอย่างว่า เทศกาลโคมไฟ (燈節)



ประเพณีการชมโคมไฟนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อสองพันกว่าปีก่อนในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก จนมาถึงราชวงศ์ถังประเพณีนี้ยิ่งมีความพิถีพิถันมากขึ้น ภายในพระราชวังหรือตามท้องถนน ทุกหนทุกแห่ง ล้วนมีการแขวนโคมไฟ และยังพัฒนาไปเป็นตึกโคมไฟ ต้นไม้โคมไฟ หรือวงล้อโคมไฟ เป็นต้น

วันหยวนเซียวได้รับการสืบทอดเรื่อยมา จนกระทั่งในราชวงศ์ซ่งที่ยิ่งให้ความสำคัญกับเทศกาลโคมไฟนี้ และกิจกรรมต่างๆ ในเทศกาลดังกล่าวก็ยิ่งคึกคัก รวมทั้งมีการฉลองติดต่อกันถึง 5 วัน นอกจากนี้ รูปแบบของโคมไฟที่ประดับประดาก็ยิ่งหลายหลากมากขึ้นด้วย สำหรับในราชวงศ์หมิง มีการขยายระยะเวลาในฉลองประเพณีโคมไฟนี้ออกไป ยาวนานถึง 10 วัน และเป็นการชมโคมที่ยาวที่สุดของจีน ขณะที่เมื่อมาถึงราชวงศ์ชิง ที่แม้ว่าประเพณีดังกล่าวได้ลดลงเหลือเพียง 3วัน ก็ตาม แต่ความยิ่งใหญ่ตระการตากลับไม่ได้ลดน้อยลงตามไปด้วยเลย

ในวันเทศกาลสำคัญต่างๆ ของชาวจีนนั้น มักจะมีอาหารประจำเทศกาล หรือก็คืออาหารสิริมงคลนั่นเอง ซึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเทศกาลโคมไฟนี้ ก็คือ การรับประทานถังหยวน หรือว่า บัวลอย เพียงแต่ว่าบัวลอยที่ว่านี้ไม่มีไข่หวาน ดังที่คุ้นตาและคุ้นปากกัน



บัวลอย หรือว่า ถังหยวน ทำจากแป้งข้าวเจ้า ภายในมีทั้งไส้หวานและไส้เค็ม ปั้นเป็นลูกกลมๆ แล้วนำไปต้มหรือนำไปทอด ในยุคแรกนั้น ชาวจีนเรียกขนมนี้ว่า ฝูหยวนจึ (浮圓子) ต่อมาถูกเรียกว่า ถังถวน (湯糰) หรือว่า ถังหยวน(湯圓) โดยคำว่าถวนหรือหยวนนั้น ออกเสียงใกล้เคียงกัน อีกทั้งยังมีความหมายที่ดีและเป็นสิริมงคลอีกด้วย เนื่องเพราะ ถังหยวนหรือว่าถังถวนนี้ เป็นตัวแทนของคำว่า ถวนถวนหยวนหยวน (團團圓圓) ซึ่งหมายถึง การอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันของคนในครอบครัว นอกจากนี้ ยังหมายถึง หยวนหม่าน (圓滿) ที่แปลว่า สมบูรณ์พูนสุขนั่นเอง

http://www.oecschool.com/Festival/YuanxiaoJie.php

 

John Traczyk


นี่เป็นสิ่งที่หายากและผิดปกติอย่างมาก สิ่งนี้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น มีการรบกวนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานในความถี่ของโลกที่เรียกว่า Schumann Resonance ซึ่งมีความถี่สูงสุดถึง 67 Hz


Schumann Resonance ใช้วัดส่วนความถี่ต่ำ (ELF) ของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าของโลก เสียงสะท้อนของ Schumann คือเสียงสะท้อนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากทั่วโลก ซึ่งถูกสร้างและกระตุ้นการปล่อยสายฟ้าในช่วงจากพื้นผิวโลกและไอโอโนสเฟียร์ ดาวเคราะห์โลก มีความถี่(Schumann Resonance ) คงที่ปกติที่ 7.83 Hz


เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2560 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ Schumann Resonance มีค่าความถี่ 36+ Hz ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติเมื่อในปี พศ.2557 ความถี่นี้เพิ่มขึ้นจากปกติ 7.83 เฮิร์ตซ์ไปยังความถี่บางช่วงในระดับ 15-25 เฮิร์ตซ์ - ดังนั้นการกระโดดจาก 7.83 เฮิร์ตซ์เป็น 36+ เฮิร์ตซ์เป็นเรื่องใหญ่ ความถี่เพิ่มขึ้นมากกว่าห้าเท่าในระดับความถี่พ้อง เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2560 มันสร้างสถิติสูงสุดอีกครั้งที่ 60 Hz ตั้งแต่นั้นมาก็มีการพุ่งเข้าหาช่วงความถี่เหล่านี้และความถี่ที่สูงกว่าเป็นประจำ


นี่เป็นสัญญาณเบื้องต้นสำหรับพลังแห่งสวรรค์ที่ถูกเขย่า นี่คือสัญญาณของมังกรแดงผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังเข้าใกล้, ระบบดาวแคระน้ำตาลและการบรรลุถึงวิวรณ์ 12: 3-5


This is extremely rare and highly unusual. This has only occurred one other time. There is an ongoing prolonged disturbance in the frequency of the Earth, called the Schumann Resonance, spiking as high as 67 Hz so far.


The Schumann Resonance measures the low frequency (ELF) portion of the Earth's electromagnetic field. Schumann resonances are global electromagnetic resonances, generated and excited by lightning discharges in the cavity formed by the Earth's surface and the ionosphere. The planet has a normal steady frequency of 7.83 Hz.


On January 31st, 2017, for the first time in recorded history, the Schumann Resonance spiked to frequencies of 36+ Hz. It was considered an anomaly when in 2014 this frequency rose from its usual 7.83 Hz to somewhere in the 15-25 Hz levels—so a jump from 7.83 Hz to 36+ Hz is a big deal. That’s more than a five-fold increase in resonant frequency levels. On April 24, 2017 it set another record spike of 60 Hz. It has since then been regularly spiking into these ranges and higher.


These are the precursory signs to the powers of heaven being shaken. These are the signs of the approaching great red dragon, a brown dwarf star system, and the fulfillment of Revelation 12:3-5


http://sosrff.tsu.ru/?page_id=7