ติดตามสถานะการณ์

นาโต้ รับมือรัสเซียสะสมขีปนาวุธ ตอบโต้สหรัฐถอนสนธิสัญญานิวเคลียร์ #Khaosod #ข่าวสดรอบโลก

 

Clima Extremo 24


เยอรมนี


ตรวจพบ Magma ที่เพิ่มขึ้น ภายใต้ภูเขาไฟ Laacher See, เยอรมัน


ภูเขาไฟ Laacher See อยู่ห่างจากเมืองหลวงของเยอรมันประมาณ 37 กิโลเมตร จะเตรียมพร้อมสำหรับการระเบิดของภูเขาไฟหรือไม่?


เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การปรับปรุงเครือข่ายแผ่นดินไหวในพื้นที่ใน Eifel ตะวันออกใน Rhineland-Palatinate ประเทศเยอรมนี นักวิทยาศาสตร์ได้ตรวจและพบแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งที่มีความถี่ต่ำมากในเปลือกโลกชั้นล่าง และชั้นบนใต้ภูเขาไฟ Laacher See volcano .


Laacher See เป็นภูเขาไฟรูปแคลดีรา รูปทะเลสาบตั้งอยู่ใน Rhineland-Palatinate ประเทศเยอรมนีประมาณ 37 กิโลเมตรทางใต้ของกรุงบอนน์ เมืองที่ใกล้ที่สุดคือ Andernach ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 8 กิโลเมตร การก่อตัวทางธรณีวิทยานี้ตั้งอยู่ในเทือกเขาไอเฟล และเป็นส่วนหนึ่งของทุ่งภูเขาไฟไอเฟลตะวันออก ทะเลสาบเกิดจากการปะทุของ Plinian เมื่อประมาณ 12,900 ปีมาแล้วโดยมีดัชนีการระเบิดของภูเขาไฟที่ 6 ในระดับเดียวกับการปะทุของ Pinatubo ในปี 1991 โดยมีห้อง magmatic ที่ตื้นประมาณ 5-8 กิโลเมตรและเปล่งออกมา โดยมีปริมาณแมกมารวม 6.7 km3


กิจกรรมแผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่องและการปล่อยก๊าซภูเขาไฟที่พบใน Laacher See บ่งชี้ว่าระบบ magmatic ที่ใช้งานอาจเชื่อมต่อกับโซนละลายของเสื้อคลุมบน


micro-terretemotos ที่ตรวจพบในปัจจุบันบ่งบอกถึงการขนส่งในระบบท่อภูเขาไฟและใช้เพื่อสรุปช่องทางป้อนเข้าและออกจากอ่างเก็บน้ำแมกมา


ตามที่นักวิทยาศาสตร์ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์นานาชาติ "Geophysical Journal International"


นักวิทยาศาสตร์ยอมรับว่าพวกเขาไม่สามารถบอกได้อย่างแน่นอนว่าแมกมาจำนวนมากกำลังเพิ่มขึ้น และไม่ได้คาดหวังว่าภูเขาไฟจะเกิดการปะทุในทันที หรือในอนาคตอันใกล้


เมื่อพวกเขาเพิ่มมันแสดงให้เห็นว่ามีกิจกรรม เช่นเดียวกับกิจกรรม magmatic และเป็นครั้งแรกที่พวกเขามีการพิสูจน์โดยตรงกับภูเขาไฟ Laacher See ขอบคุณสัญญาณคลื่นไหวสะเทือน


ผู้อำนวยการด้านวิทยาศาสตร์ การศึกษาได้อธิบายว่ามันเป็นภูเขาไฟที่ทำลายล้างซึ่งปะทุขึ้นเมื่อ 13,000 ปีที่แล้วด้วยความรุนแรงจนทำให้เถ้าภูเขาไฟหยุดเส้นทางของแม่น้ำไรน์


ด้วยความเคารพต่อฟองอากาศของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่ได้รับการสังเกตในบางพื้นที่ของทะเลสาบนักวิทยาศาสตร์ยอมรับว่ามีอันตรายในภูมิภาคเช่นเดียวกับที่ใดก็ตามที่มี CO2 เนื่องจากเป็นก๊าซ อันตรายอย่างยิ่งและเขาเสริมว่าเขาคิดว่ามันเป็นสิ่งต้องห้าม ที่จะลงไปว่ายน้ำในทะเลสาบหรืออย่างน้อยเขาก็ไม่แนะนำให้ทำเช่นนั้น


เพื่อที่จะตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างการเกิดแผ่นดินไหวในพื้นที่และกิจกรรม magmatic ที่เป็นไปได้ ให้ดีขึ้นในภูมิภาค Eifel ตะวันออกนักวิจัยได้แนะนำให้เพิ่มการติดตามธรณีเคมี เพื่อวิเคราะห์ก๊าซที่ปล่อยออกมา รวมถึงการวัดทางธรณีวิทยาที่พบบ่อย ของพื้นผิวโลก ควรทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อทำแผนที่และจดบันทึกลักษณะของแหล่งกักเก็บแมกมาภายใต้ภูเขาไฟ Laacher See นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์แนะนำให้ประเมินความเสี่ยงของภูเขาไฟ Laacher See


อยากรู้ว่าพวกเขายอมรับว่าไม่รู้ว่าหินหนืดขึ้นสู่พื้นผิวใต้ภูเขาไฟได้อย่างไร แต่ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็มั่นใจว่าการระเบิดของภูเขาไฟจะไม่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ... แม้ว่าเราจะมีความสุขที่ได้รู้ว่าพวกเขาแนะนำการประเมินความเสี่ยง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันอาจตีราคาต่ำเกินไป (แนวโน้มในการปะทุ ต่ำเกินไป)

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Feb 13) โซรอสเตือนยุโรปอาจล่มสลายเหมือนสหภาพโซเวียต : นายจอร์จ โซรอส นักลงทุนระดับมหาเศรษฐีพันล้าน ฉายาพ่อมดการเงินโลก กล่าวว่า ยุโรปควรตื่นจากหลับได้แล้ว และยอมรับว่ากำลังเผชิญกับภัยคุกคามขนานใหญ่จากภายในและภายนอก

โซรอส กล่าวว่า ยุโรปกำลังเดินละเมอไปสู่การถูกลืมเลือน และชาวยุโรปควรตื่นขึ้น ก่อนที่จะสายเกินไป ซึ่งหากไม่ตื่นขึ้นมา สหภาพยุโรป ก็จะเป็นเหมือนกับสหภาพโซเวียต และลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ล่มสลายเมื่อปี 2534 สหภาพยุโรปกำลังเผชิญกับช่วงเวลาแห่งการปฏิวัติ และผลลัพธ์ก็มีความไม่แน่นอนสูง
นอกจากนี้ นายโซรอส ยังระบุว่า สิ่งที่แย่ที่สุดคือผู้นำของยุโรป รวมทั้งประชาชนชาวยุโรปต่างก็ไม่ยินดีกับการรับรู้เรื่องนี้

คำเตือนของโซรอส มีขึ้นหลังจากอียู ประกาศหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจยูโรโซนปีนี้,ปีหน้า กังวลสงครามการค้า หนี้ภาครัฐพุ่ง โดยคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (อียู) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของยูโรโซนในปีนี้ และปีหน้า จากการคาดการณ์ที่ว่าประเทศขนาดใหญ่ในยูโรโซนจะมีเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง โดยได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ และหนี้ภาครัฐที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ อีซี คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะมีการขยายตัว 1.3% ในปีนี้ ลดลงจากระดับ 1.9% ในปีที่แล้ว และคาดว่าจะดีดตัวสู่ระดับ 1.6% ในปีหน้า จากก่อนหน้านี้ ที่อีซีคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะมีการขยายตัว 1.9% ในปีนี้ และ 1.7% ในปีหน้า

นอกจากนี้ อีซียังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของอียู ซึ่งไม่รวมสหราชอาณาจักร จะมีการขยายตัว 1.5% ในปีนี้ ลดลงจากระดับ 2.1% ในปีที่แล้ว และคาดว่าจะดีดตัวสู่ระดับ 1.8% ในปีหน้า ส่วนเศรษฐกิจของเยอรมนี คาดว่าจะมีการขยายตัว 1.1% ในปีนี้ ลดลงจากระดับ 1.5% ในปีที่แล้ว

ขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจของฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และเนเธอร์แลนด์ จะชะลอตัวลงเช่นกัน โดยอิตาลีชะลอตัวมากที่สุดสู่ระดับ 0.2% ในปีนี้

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
- The EU could collapse in the same way the Soviet Union did, George Soros warns: https://www.cnbc.com/2019/02/12/the...ixnE0xAvlpljTJQxNw9ckL3KWSMiBYXXh-9vFZqMoipzw

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Feb 13) ทรัมป์ยืนยันจะไม่ยึดกับกำหนดการปรับขึ้นอัตราภาษีศุลกากรวันที่ 1 มี.ค.กับจีน : ประธานาธิบดี Trump กล่าวว่า การเลื่อนกำหนดการปรับขึ้นอัตราภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าจากจีน (เดิมคือวันที่ 1 มี.ค 62) มีโอกาสเป็นไปได้ หากการเจรจาการค้าระหว่างทั้งสองประเทศมีแนวโน้มได้ข้อสรุป

โดยผู้เจรจาทั้งสองฝ่ายระดับ mid–level ได้เริ่มหารือในวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการหารือครั้งสุดท้ายระหว่าง นาย Robert Lighthizer, U.S. Trade Representative นาย Steven Mnuchin, Treasury Secretary และนาย Liu He, Chinese Vice Premier ในวันพฤหัสบดี และวันศุกร์นี้

ความเห็นดังกล่าวของประธานาธิบดี Trump เป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าสหรัฐฯ ต้องการ commitment จากจีนในการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างด้านการค้าระหว่างประเทศ มากกว่าคำมั่นสัญญาจากจีนในการซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่มีผลระยะสั้น

ทั้งนี้ เสนาธิการของประธานาธิบดี Trump ให้ความเห็นว่าการหารือในสัปดาห์นี้มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นการแสดงออกถึงความคืบหน้าอย่างน่าเชื่อถือ ต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อนักลงทุนในตลาดการเงิน และต่อสถาบันการเงิน

อนึ่ง การปฏิรูปความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน เป็นหนึ่งในคำสัญญาด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ ที่ประธานาธิบดี Trump เคยกล่าวไว้ตั้งแต่ช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง โดยผู้สนับสนุนนโยบายดังกล่าว เริ่มกังวลว่าประธานาธิบดี Trump จะไม่สามารถทำตามคำสัญญาที่เคยกล่าวไว้ได้

Source: BOTSS

- Trump says he may not stick to March deadline on China tariffs:
https://www.cnbc.com/2019/02/12/tru...HviB9bXglBas7iWehcHJ0om2rVC3TkRd8MafleCelqrVk

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Feb 12) Update: สภาครองเกรสสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงชั่วคราวเรื่องงบประมาณการสร้างกำแพงชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก - ค่ำวานนี้ สภาครองเกรสสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงชั่วคราวเรื่องงบประมาณการสร้างกำแพงชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก โดยเห็นชอบให้สร้างกำแพงความยาว 55 ไมล์ มูลค่า 1.375 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในบริเวณ Rio Grande Valley ของรัฐ Texas

ทั้งนี้ ประธานาธิบดี Trump กล่าวว่า ตนยังไม่พอใจกับข้อตกลงดังกล่าวเนื่องจากงบประมาณที่ได้ยังห่างจากที่ตนเสนอไปมูลค่า 5.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. อยู่มาก

อย่างไรก็ดี ตนก็พร้อมที่ประนีประนอมและพิจารณาข้อตกลงดังกล่าว นอกจากนี้ ประธานาธิบดี Trump ยังได้ระบุว่า ตนไม่คิดว่าจะเกิด government shutdown อีกรอบ แต่หากเกิดขึ้นอีกครั้งต้องโทษเป็นความผิดของสมาชิกพรรค Democrats

อนึ่ง ข้อตกลงชั่วคราวนี้ ได้รวมถึงร่างงบประมาณค่าใช้จ่ายที่จำเป็น 7 ฉบับ เพื่อให้รัฐบาลสามารถเปิดดำเนินการต่อได้ และการถอนข้อเรียกร้องของพรรค Democrats ที่ต้องการให้ลดจำนวนเตียงนอนของผู้อพยพที่ถูกกักตัวอยู่ที่ชายแดนของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ข้อตกลงชั่วคราวยังต้องถูกร่างเป็นกฎหมายและผ่านความเห็นชอบจากทั้งสองสภา รวมถึงได้รับการอนุมัติจากประธานาธิบดี Trump ก่อนคืนวันศุกร์นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิด government shutdown อีกรอบ

Source: BoTSS

*********
สมาชิกคองเกรสบรรลุข้อตกลงชั่วคราวเลี่ยงชัตดาวน์ หลังเดโมแครตเสียงอ่อนต่อข้อเสนอทรัมป์ : นายเควิน แมคคาร์ธี ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า การเจรจาระหว่างสมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในการหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) รอบที่ 2 ในวันที่ 15 ก.พ. ประสบความคืบหน้า

นายแมคคาร์ธีระบุว่า ทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราว โดยพรรคเดโมแครตมีท่าทีอ่อนลงต่อข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการสร้างกำแพงกั้นแนวชายแดนที่ติดกับเม็กซิโก

นายแมคคาร์ธียังกล่าวว่า นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้แสดงการคัดค้านต่อข้อเรียกร้องของปธน.ทรัมป์ และขณะนี้ พรรคเดโมแครตเห็นพ้องต่อแนวคิดในการสร้างรั้วความยาวมากกว่า 55 ไมล์

แหล่งข่าวในสภาคองเกรสเปิดเผยว่า ตัวแทนการเจรจาจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวในการหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ โดยที่ประชุมเห็นพ้องกันในการสร้างรั้ววงเงิน 1.4 พันล้านดอลลาร์ แต่ไม่ใช่กำแพงคอนกรีตที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องการ

ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์เรียกร้องให้มีการสร้างกำแพงความยาว 215 ไมล์ วงเงิน 5.7 พันล้านดอลลาร์กั้นชายแดนเม็กซิโก ซึ่งส่งผลให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพรรคเดโมแครต และรีพับลิกันในสภาคองเกรส จนนำไปสู่ภาวะชัตดาวน์ 35 วัน ซึ่งเป็นสถิติยาวนานเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐ

นอกจากนี้ ข้อตกลงชั่วคราวดังกล่าวจะลดจำนวนเตียงในสถานกักกันผู้อพยพที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายลง 17% จากปัจจุบันที่ระดับ 49,057 เตียง สู่ระดับ 40,520 เตียง

Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

- The tentative deal to avoid a 2nd shutdown would give Trump less than 25% of the money he wants for the wall: https://www.businessinsider.com/ten...pBiySb-nG_iBZTbLbFkbXGCUsh5iNi_7w4gArXuIbHP-s

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Feb 12) Coca-Cola ออกรส Orange Vanilla เป็นรสชาติใหม่ในรอบ 10ปี! Coca-Cola ได้ประกาศออกรสชาติ Orange Vanilla เป็นรสชาติใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการ ซึ่งเบื้องหลังของการออกรสชาตินี้เกิดขึ้นจากทีมการตลาดของ Coca-Cola ต้องการที่จะ Relaunch แบรนด์ Coke Zero ที่เป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จพอสมควร

รสชาติใหม่นี้เป้นการสร้างสีสันให้ Coca-Cola ในรอบ 10 ปีเลยทีเดียว เพราะเป็นรสชาติใหม่ที่ออกในรอบ 10 ปี หลังจากที่ได้ออกรสชาติ Vanilla Coke และ Cherry Coke Zero เมื่อปี 2007

แต่ก็เพื่อสร้างการเติบโตให้มากขึ้นจึงจำเป็นต้องหารสชาติใหม่มาเพิ่ม ในตอนแรกได้มีหลายรสชาติเป็นตัวเลือกอยู่ไม่น้อย อย่าง ราสเบอร์รี่, มะนาว และขิง แต่สุดท้าย Orange Vanilla ก็ได้รับชัยชนะในที่สุด

ในตลาดประเทศออสเตรเลีย และแคนาดาได้มีโค้กรสส้มวางจำหน่ายอยู่แล้ว ซึ่งเป็นโปรโมชั่นในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น

โดยที่ทาง Kate Carpenter ผู้อำนวยการด้านแบรนด์ของ Coca-Cola ได้บอกว่า ตลาดประเทศสหรัฐอเมริกาน่าจะชื่นชอบรสชาติใหม่นี้ เชื่อว่าจะเป็นไอเท็มในช่วงฤดูร้อน เหตุผลที่ใช้รสชาติ Orange Vanilla ผสมกันนั้น ก็เพื่อให้ผู้บริโภคย้อนวันวานนึกถึงไอศกรีมรสส้ม เป็นอะไรที่คลาสสิกไม่น้อย

และอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Coca-Cola ต้องออกรสชาติใหม่ๆ ก็คือ พฤติกรรมผู้บริโภคชาวอเมริกันเริ่มต้องการความหลากหลายมากขึ้น บางคนยังมีพฤติกรรมติดน้ำอัดลมอยู่ แต่เทรนด์สุขภาพที่มาแรงก็ทำให้กลุ่ม Diet Coke มีการเติบโต การออกรสชาติใหม่นี้จึงช่วยกระตุ้นความสนใจมากขึ้น

โดย Ratirita

Source: Brandinside.asia
https://brandinside.asia/coca-cola-...55MHb_AoPE0bU7qNmnboUS6hWqT5xoWWaVxsbYaXjSSzs

- Coca-Cola is debuting its first new flavor across America in more than a decade:
https://www.businessinsider.com/coc...3E7aPsqAah6dEF1Yy4Mev3YxeLF8r9IOFIAfbLC6CsnOY

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Feb 12) โอเปกหั่นคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันปีนี้ เหตุเศรษฐกิจชะลอตัว: กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ระบุในรายงานประจำเดือนก.พ.ว่า โอเปกได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้ อันเนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ขณะที่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกมีการผลิตมากขึ้น

ทั้งนี้ รายงานระบุว่า ความต้องการใช้น้ำมันโลกจะมีการขยายตัวเพียง 1.24 ล้านบาร์เรล/วัน โดยลดลง 50,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนที่แล้ว

นอกจากนี้ อุปสงค์น้ำมันดิบของโอเปกจะลดลงสู่ระดับ 30.59 ล้านบาร์เรล/วัน โดยลดลง 240,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนที่แล้ว

ส่วนการผลิตน้ำมันของโอเปกลดลง 797,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 30.806 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนม.ค. ซึ่งเทียบเท่ากับการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตราว 86%

ขณะเดียวกัน โอเปกปรับเพิ่มตัวเลขการผลิตน้ำมันของประเทศนอกกลุ่มโอเปกจำนวน 80,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 2.18 ล้านบาร์เรล/วัน จากการที่สหรัฐเพิ่มกำลังการผลิต

Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

- OPEC cut production by nearly 800,000 barrels a day in January, pumping just above its oil target :
https://www.cnbc.com/2019/02/12/ope...Qqy58FhN-ZWZvB0Ds3Fm_VfxanH1wR0sQbUJagG4VwLtM

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Feb 12) เฟดนำทัพ เบรกดอกเบี้ยโลกขาขึ้น : การกลับลำของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา นับเป็นการเปลี่ยนทิศทางครั้งใหญ่ของแบงก์ชาติทรงอิทธิพลเบอร์ 1 ของโลก ที่กำลังทำให้นโยบายการเงินทั่วโลกในปีนี้เปลี่ยนทิศทางตามไปด้วย

ตลอดทั้งปี 2018 ที่ผ่านมา เฟดยืนยันมาตลอดว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง จนนำไปสู่การขึ้นดอกเบี้ยทั้งหมด 4 ครั้งในปีเดียว พร้อมทิ้งท้ายในการประชุมสิ้นปีเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า จะทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปต่อ

แต่ผ่านไปเพียง 1 เดือน เฟดกลับส่งสัญญาณใหม่ในการประชุมครั้งที่ผ่านมาว่า จะใจเย็นอดทนรอต่อ "การปรับ ดอกเบี้ย" ครั้งต่อไป โดยไม่ได้พูดถึง "การทยอยขึ้นดอกเบี้ย" เหมือนที่ผ่านมา เนื่องจากเหตุผลที่อัตราเงินเฟ้อไม่ขยับและโลกยังเต็มไปด้วยความเสี่ยงของเศรษฐกิจจีนกับยุโรปที่ชะลอตัว ซึ่งนอกจากสัญญาณใหม่เรื่องดอกเบี้ยแล้ว เฟดยังเพิ่มความยืดหยุ่นเรื่องการลดขนาดงบดุล ทำให้นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองตรงกันว่า นี่อาจเป็นสัญญาณของการยุติวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นที่ดำเนินมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา กับการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว 9 ครั้ง

และสัญญาณจากเฟดครั้งนี้เองยังเป็นการปลดล็อกความตึงเครียดของภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นทั่วโลกให้สามารถผ่อนเกียร์ลงมาได้ในปี 2019 นี้ ที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนสูงจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ทั้งจากเศรษฐกิจจีน ยุโรป เบร็กซิต สงครามการค้าที่ยังไม่รู้ว่าจะจบลงแบบไหน รวมไปถึงค่าเงินที่กำลังแข็งค่าหนักเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐจนกระทบการส่งออกด้วย

ที่จริงแล้ว ก่อนหน้าที่เฟดจะปรับท่าทีครั้งล่าสุด นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเคยให้ความเห็นมาบ้างแล้วว่า แม้เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต่อในปีนี้ แต่บรรดาแบงก์ชาติส่วนใหญ่โดยเฉพาะในเอเชียอาจจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยตาม เพราะผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน จะเริ่มส่งผลกระทบแบบเห็นได้ชัดหนักขึ้นในปีนี้ และยังต้องรับมือกับจีน รวมถึง เบร็กซิต ทำให้แบงก์ชาติในบางประเทศเลือกที่จะขึ้นดอกเบี้ยกันไปในปี 2018 เพื่อลดระยะห่างของดอกเบี้ยตนเองกับเฟดในจังหวะที่ภาวะเศรษฐกิจยังดีอยู่ และคงนโยบายดอกเบี้ยไปยาวๆ ในปีนี้จนกว่าจะถึงช่วงปลายปี หรือพ้นครึ่งปีหลังไปมากกว่า เช่น เกาหลีใต้และไทย

อย่างไรก็ดี เมื่อมีตัวแปรใหม่อย่างเฟดเข้ามา ทิศทางการคงดอกเบี้ยจึงยิ่งยืดหยุ่นได้มากขึ้นกว่าเดิมจนถึงขั้นมองกันใหม่ว่า อาจจะสามารถไปถึงขั้น "ลดดอกเบี้ย" ลงได้ด้วย หากภาวะเศรษฐกิจปีนี้แย่กว่าที่คาดไว้

ธนาคารกลางของ "ออสเตรเลีย" คือแบงก์ชาติรายแรกที่เริ่มส่งสัญญาณดังกล่าวออกมาแล้วในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา โดย ฟิลิป โลว์ ผู้ว่าการแบงก์ชาติออสเตรเลียกล่าวถึงความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยหลังจากนี้สามารถออกมาในทิศทาง "ขึ้น" หรือ "ลง" ได้ทั้งสองแบบ โดยขึ้นอยู่กับอัตราเงินเฟ้อและความแข็งแกร่งของตลาดการจ้างงานในประเทศ เป็นปัจจัยหลัก

มิญ จาง นักค้าเงินอาวุโสจากธนาคารซิลิคอนวัลเลย์ แบงก์ ให้มุมมองกับรอยเตอร์สว่า การเปิดช่องลดดอกเบี้ยส่งผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดต่อค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียที่อ่อนค่าลงทันที 1.48% เพราะสัญญาณแบงก์ชาติครั้งนี้เป็นสายพิราบ หรือผ่อนคลายมากกว่าที่คาดกันเอาไว้ และเปลี่ยนไปจากในช่วงประมาณ 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา ที่มีแต่คนคุยกันเรื่องดอกเบี้ยขาขึ้น หรือนโยบายการเงินที่ตึงตัวขึ้น แต่ตอนนี้สัญญาณกำลังเปลี่ยนไปแล้ว แม้จะยังไม่ถึงขั้นการเงินผ่อนปรนง่ายๆ แต่ที่แน่ๆ คือจะไม่ตึงตัวอย่างที่เคยคาดกันไว้ก่อนหน้านี้

แต่ที่เซอร์ไพรส์กว่าอย่างเหนือความคาดหมายก็คือ "อินเดีย" เพราะธนาคารกลางอินเดียเป็นแบงก์ชาติรายแรกที่ประกาศ "ลดอัตรดอกเบี้ย" หลังการเปลี่ยนทิศทางของเฟด และเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2017 โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินลงมติอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ 4 ต่อ 2 เสียง ให้ลดดอกเบี้ยลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 6.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมให้ทิศทางดอกเบี้ยต่อไปเป็นระดับปานกลาง คือสามารถขึ้นหรือลดดอกเบี้ยครั้งหน้าได้ โดยขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจในขณะนั้น

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์บางส่วนคาดการณ์กันว่าแบงก์ชาติอินเดียภายใต้ผู้ว่าการคนใหม่ ชักติกันตา ดาส จะส่งสัญญาณผ่อนคลายทิศทางดอกเบี้ยก่อนเป็นสเต็ปแรกในการประชุมครั้งนี้ เพื่อเปิดช่องให้ลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปหรือภายในปีนี้ ขณะที่อินเดียกำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นระหว่างเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้

แบงก์ชาติอินเดียให้เหตุผลเอาไว้ว่า แม้การลงทุนจะยังฟื้นตัวดี แต่โดยหลักแล้วมาจากการใช้งบประมาณลงทุนของรัฐ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการทางการเงินเพื่อกระตุ้นการลงทุนและบริโภคจากภาคเอกชน หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจอินเดียในไตรมาส 3 ปีที่แล้ว โตน้อยกว่าที่คาดอยู่ที่ 7.1% เพราะการอ่อนแรงลงในภาคการบริโภคและภาคเกษตร

แม้การลดดอกเบี้ยของอินเดียอาจจะมีปัจจัยทางการเมืองเรื่องการเลือกตั้งเข้ามามีอิทธิพลด้วย แต่ทิศทางที่เริ่มเปลี่ยนไปของแบงก์ชาติ 2 แห่งดังกล่าวก็อาจจะพอส่งสัญญาณได้ว่า เมื่อเฟดแบะท่า แบงก์ชาติทั่วโลกก็พร้อมที่จะพากันยืดหยุ่นนโยบายการเงิน และอาจทำให้วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นทั่วโลกในปีนี้ต้องชะงักงันหรือจบลงอย่างแท้จริง

โดย นันทิยา วรเพชรายุทธ

Source: Posttoday

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Feb 12) มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 1 ราย หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่คลังสินค้าในกรุงโดเกียว: จ้าหน้าที่เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่คลังสินค้าแห่งหนึ่งที่กรุงโดเกียว

นอกจากนี้ เหตุการณ์เพลิงไหม้ดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินบางเที่ยวของสนามบินฮาเนดะซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียง

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เมื่อเวลา 13.25 น.ตามเวลาท้องถิ่น โดยคลังสินค้าดังกล่าวเป็นของบริษัทมารูฮา นิชิโร คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาหารทะเล

Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

- Tokyo warehouse fire kills 3, affects flights at nearby airport: https://english.kyodonews.net/news/...rXzvWyFVO1DNFHZTiAaM44FibY8CV8TcyRgrGb5l9jvak

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Feb 12) แบงค์ชาติยืนยันธนาคารต้องสื่อสารกับลูกค้าเมื่อระบบมีปัญหา, การเปิดเผยข้อมูลยกระดับได้มากขึ้นตามความเหมาะสม : หลังจากที่ผมได้เขียนบทบรรณาธิการถึงธนาคารแห่งประเทศไทยถึงเรื่องการกำกับดูแลธนาคารที่มีปัญหา ก็ได้มีโอกาสไปพูดคุยกับคุณสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ที่รับผิดชอบการกำกับดูแลบริการเหล่านี้โดยตรง โดยตอบรับว่าการกำกับดูแลการแจ้งเตือนประชาชน ต้องเพิ่มความเข้มงวดต่อไป

สำหรับการเปิดเผยข้อมูลเสถียรภาพของระบบไอทีธนาคาร ทางธปท. จะเห็นด้วยว่ามีความสำคัญและกำลังออกแบบการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะมากขึ้น แต่ก็อาจต้องพิจารณารูปแบบการนำเสนอที่เหมาะสมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งลูกค้าและผู้ใช้ข้อมูล ซึ่งอาจมีการออกแบบการเปิดเผยข้อมูลที่ตรงกับกลุ่มผู้ใช้ต่อไป

ในแง่ของการรายงานปัญหาต่อผู้ใช้เมื่อระบบมีปัญหา ถ้าเป็นปัญหารายธนาคารเอง ธนาคารจะมีกระบวนการในการแก้ไขปัญหากับลูกค้า ซึ่งธนาคารต้องสื่อสารตรงออกมาอย่างรวดเร็ว และหากมีปัญหาเป็นวงกว้างกว่าธนาคารใดธนาคารหนึ่งหรือกระทบระบบ สมาคมธนาคารและธปท. จะสื่อสารในวงที่กว้างขึ้น เพื่อให้ข้อมูลและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เมื่อครั้งพร้อมเพย์ล่มปลายปี 2560 แล้วใช้เวลาหลายชั่วโมงถึงจะประกาศต่อประชาชนนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนได้เรียนรู้และปรับกระบวนการทำงาน เพื่อแก้ไขแล้ว แต่ยังคงต้องมีการปรับปรุง ทั้งเรื่องยกระดับมาตรฐานและการสื่อสารกับลูกค้า ซึ่งในปีนี้ ธปท. มีแผนผลักดันเรื่องนี้

ข้อมูลหนึ่งที่คุณสิริธิดาระบุเพิ่มเติม คือ ปัจจุบันมีเครื่องมือที่ช่วยตรวจสอบการชำระเงินที่บางครั้งระบบเกิดหน่วง ทำให้มีการตัดเงินจากบัญชีต้นทาง แต่ปลายทางยังไม่ได้รับ จึงได้มีการพัฒนา QR Code ที่ช่วยตรวจสอบ โดยเมื่อลูกค้าชำระเงินที่ร้านค้าด้วย QRCode แล้ว ในสลิปการชำระเงินของลูกค้าใน mobile application จะมี QR Code ที่ร้านค้าสามารถใช้แสกนดูได้ว่า มีการตัดเงินในบัญชีลูกค้าส่งไปที่ร้านค้าผู้รับจริง ซึ่งจะเป็นหลักฐานการทำรายการให้ผู้รับมั่นใจได้ว่าจะได้รับเงิน

Source: Blognone

https://www.blognone.com/node/108071

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Feb 12) แบงก์ชาติปรับเกณฑ์โครงการคลินิกแก้หนี้ระยะ 2 ขยาย ขอบเขตรวมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลของผู้ประกอบการ non-bank : นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า โครงการคลินิกแก้หนี้เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศในการแก้ปัญหาหนี้ของประชาชนอย่างเป็นระบบ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้บัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคล ที่ไม่มีหลักประกันกับเจ้าหนี้หลายราย ให้มีโอกาสจัดการแก้ไขปัญหาหนี้ของตนได้ ซึ่งโดยปกติจะทำได้ยาก เนื่องจากเจ้าหนี้แต่ละรายมีหลักเกณฑ์ที่ต่างกันและลูกหนี้จะต้องเจรจากับเจ้าหนี้แต่ละรายด้วยตนเอง

สำหรับโครงการในระยะที่ 1 ครอบคลุมเฉพาะหนี้ของธนาคารพาณิชย์ แต่ในระยะ 2 จะขยายขอบเขตให้รวมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลของผู้ประกอบการ non-bankด้วย ซึ่งจะทำให้โครงการนี้มี impact และสามารถช่วยเหลือประชาชนได้กว้างขวางและเบ็ดเสร็จมากขึ้น เพราะหนี้ส่วนนี้มีสัดส่วนจำนวนลูกหนี้กว่า 70% ของทั้งหมด และจากข้อมูลลูกหนี้ที่ติดต่อกับโครงการที่ผ่านมา พบว่า เป็นลูกหนี้ที่มีเจ้าหนี้ non-bankรวมอยู่ด้วยจำนวนสูงพอสมควรอย่างไรก็ดี เป็นที่น่ายินดีว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการ non-bankอย่างน้อย 8ราย เห็นถึงความสำคัญของโครงการที่จะช่วยแก้ปัญหาหนี้สิน ให้ประชาชน และแสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการ ได้แก่
1. บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด

2. บริษัท ซิตี้คอร์ปลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด

3. บริษัท เทสโก้ คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด

4. บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด

5. บริษัท พรอมิส (ประเทศไทย) จำกัด

6. บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด

7. บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)

8. บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ คาดว่าลูกหนี้ของ non-bank จะสามารถเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2562เนื่องจากต้องรอให้การแก้ไขกฎหมายเพื่อขยายขอบเขตให้บริษัทบริหารสินทรัพย์สามารถรับจ้างบริหารหนี้ NPL ของ non-bank มีผลบังคับใช้ ซึ่งปัจจุบันผ่านการพิจารณาของ สนช. แล้ว

นอกจากนี้ เพื่อให้การดำเนินการของโครงการมีประสิทธิภาพและสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ที่สุจริตและมีความตั้งใจให้แก้ไขปัญหาได้มากขึ้น จึงปรับปรุงหลักเกณฑ์เพิ่มเติมใน 2 ส่วนสำคัญดังนี้

1. คุณสมบัติการเข้าโครงการที่เดิมต้องเป็น NPL ก่อนวันที่1 เมษายน 2561 ปรับเป็น ต้องเป็น NPL ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2562

2. ปรับปรุงเกณฑ์การพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ และวิธีการชำระหนี้ ให้ยืดหยุ่น ง่าย และสอดคล้องกับสถานะลูกหนี้แต่ละรายได้มากขึ้น

โดยเกณฑ์ใหม่จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562 2 จุดเด่นของโครงการคลินิกแก้หนี้ นอกจากที่เป็น one stop service ในการแก้ปัญหาหนี้ที่มีเจ้าหนี้หลายรายแล้ว อีกเรื่องที่สำคัญ คือ การให้โอกาสลูกหนี้ผ่อนชำระได้สูงสุดถึง 10 ปี ซึ่งจะทำให้ภาระที่ต้องจ่ายต่อเดือนไม่มากจนเกินที่จะรับได้ เช่น ลูกหนี้ที่มียอดหนี้ 100,000 และ 50,000 บาท จะผ่อนชำระขั้นต้นเพียงประมาณ 1,200 และ 600 บาทต่อเดือนตามลำดับ และจากการสอบถามลูกหนี้ที่ติดต่อได้เบื้องต้น พบว่ามีลูกหนี้อย่างน้อย 300-400 ราย ซึ่งเดิมปรับโครงสร้างหนี้ไม่สำเร็จหรือไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ จะสามารถแก้ไขหนี้ได้สำเร็จเพิ่มขึ้นตามเกณฑ์ใหม่ หรือ เพิ่มขึ้นประมาณ 30%จากปัจจุบัน

นายนิยต มาศะวิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) และ นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ทั้ง 2 หน่วยงานจะลงนามใน MOU โดย NCB จะยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจสอบรายงานข้อมูลเครดิต (รายงานเครดิตบูโร) สำหรับลูกหนี้ที่มาติดต่อและลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ผ่านช่องทางที่สำนักงานของ SAM เพื่อลดภาระของลูกหนี้ที่สมัครเข้าโครงการ(ปกติมีค่าใช้จ่าย 100 บาท) รวมทั้งจะร่วมกันปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบและส่งข้อมูล ซึ่งจะทำให้การปรับโครงสร้างหนี้เริ่มได้เร็วขึ้นและใช้เวลาโดยรวมสั้นลง

อนึ่ง ตั้งแต่ได้เริ่มดำเนินการ โครงการคลินิกแก้หนี้ได้ให้คำปรึกษาแนวทางแก้ไขหนี้แก่ลูกหนี้ 33,900 ราย (debt counselling) และมีลูกหนี้ที่สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำเร็จและลงนามสัญญาแล้ว 1,087 ราย (debt restructuring)

สำหรับประชาชนที่มีปัญหาหนี้บัตรเดรดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลกับเจ้าหนี้หลายราย สามารถติดต่อเพื่อขอคำแนะนำการเข้าร่วมโครงการและการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ได้ที่โครงการคลินิกแก้หนี้ บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) Call Center โทร. 0 26102266 หรือทางเว็บไซต์www.debtclinicbysam.com

Source: การเงินธนาคาร
https://www.moneyandbanking.co.th/new/24027/2/แบงก์ชาติปรับเกณฑ์โครงการคลินิกแก้หนี้ระยะ-2-ขยาย

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Feb 12) หยุดสงกรานต์ยาวๆ! ครม.ไฟเขียว “12 เม.ย.” เป็นวันหยุดราชการ : เมื่อเวลา 14.00 น. พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนจรี (ครม.) เห็นชอบวันหยุดราชการเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ คือ วันศุกร์ที่ 12 เม.ย. 2562

ส่วนรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน ภาคเอกชน และหน่วยงานอื่นๆ นั้นให้พิจารณาตามความเหมาะสม

ทั้งนี้สำหรับช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้นั้น จะมีวันหยุดยาวตั้งแต่วันที่ 12-16 เม.ย.2562

Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
https://www.prachachat.net/general/news-289351

 

Clima Extremo 24

ออสเตรีย

วิดีโอที่น่ากลัว ที่รวบรวมช่วงเวลาที่สายฟ้าฟาดลงมาใน Ruden ประเทศออสเตรีย

 

Clima Extremo 24

คอสตาริกา

ภูเขาไฟPoásในคอสตาริกายังปะทุอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เถ้าถ่านไปตกยังชุมชนหลายแห่ง

ภูเขาไฟPoásได้ลงทะเบียนกิจกรรม freatomagmatic นั่นคือการบอกแหล่งที่มาของ magma โดยตรงเกี่ยวข้องกับแหล่ง hydrothermal ของภูเขาไฟ ทำให้ขับก๊าซและเถ้าไปตกอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง และทำให้ปิดการเยี่ยมชมหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญของประเทศ แจ้งโดยเจ้าหน้าที่

การเริ่มต้นของการปะทุอยู่ที่เวลา 1:50 น. วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2019

 

Clima Extremo 24

ชิลี

ผ่านเครือข่ายโซเชียล ผู้ใช้ประณามผู้เยาว์ว่าเป็นผู้ทำให้เกิด(เริ่มต้น)ไฟป่าใน Coronel หนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในจังหวัดConcepción

 

Clima Extremo 24

สหรัฐอเมริกา

เราเห็นสัตว์ที่ถูกแช่แข็งโดยคลื่นลมเย็น หลังอุณหภูมิลดลงต่ำ

 

ถ้าเห็นโพสต์ไหนที่ผมไปแชร์ มาจาก เฟสบุ๊ก แล้วดูวีดีโอไม่ได้ ช่วยบอกดวยครับ เจ้าของเฟสน่าจะไปตั้งค่าเฉพาะไว้ เลยเอามาลงในเว็บไม่ได้ ผมจะได้หาวิธีเอามาลง หรือเปลี่ยนวีดีโอไปที่เฟสอื่นแทน เพราะข่าวภัยพิบัติมี หลายเฟสมากที่นำมาลงคล้ายๆ กัน

CLIMA EXTREMO 24
CHILE

A través de redes sociales, usuarios denunciaron a menores de edad de iniciar incendios forestales en Coronel, una de las zonas más afectadas en la provincia de Concepción.

 

ทรัมป์ส่งสัญญาณพร้อมเลื่อนเส้นตายเจรจาการค้ากับจีน
เผยแพร่: 13 ก.พ. 2562 02:32 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯเผยในวันอังคาร(12ก.พ.) ว่าเขาจะพิจารณาขยายเวลาสำหรับบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับจีน หลังจากเส้นตายเดิมจะถึงกำหนดในวันที่ 1 มีนาคม

"ถ้าเราใกล้บรรลุข้อตกลง อยู่ในจุดที่เราคิดว่าเราสามารถบรรลุข้อตกลงกันจริงๆ ผมอาจปล่อยผ่านไปสักพักหนึ่ง" ทรัมป์บอกกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว แต่เขาย้ำา "จะว่าไปแล้ว ผมก็ไม่อยากจะทำแบบนั้น"

ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่โต๊ะเจรจาทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รอบใหม่ได้มีขึ้นอีกครั้งในกรุงปักกิ่งในสัปดาห์นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าในวันที่ 1 มีนาคม ซึ่งหากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงก่อนวันดังกล่าว ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้

"จีนต้องการบรรลุข้อตกลงอย่างยิ่ง สิ่งต่างๆกำลังดำเนินไปด้วยดีในการเจรจา และในขณะที่ยังไม่ได้ตกลงกันถึงกำหนดการพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน แต่เขาบอกว่าเขาคาดหมายว่ามันจะเกิดขึ้นสักวันหนึ่ง" ทรัมป์ระบุ

ข้อพิพาทเดิมพันสูงดังกล่าวกระพือความกังวลว่ามันอาจลุกลามบานปลายส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก หลังจากเมื่อปีที่แล้ว ทรัมป์ เล่นงานจีนด้วยการรีดภาษีสินค้านำเข้า 25% มูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ และจากนั้นต่อมาก็เรียกเก็บภาษีจากสินค้าจีนอีกมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ ในอัตราภาษี 10%

อัตราภาษีสินค้านำเข้าเหล่านั้นทั้งหมดจะถูกปรับขึ้นเป็น 25% หากว่าทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงภายในวันที่ 1 มีนาคม

เศรษฐกิจของจีนส่งสัญญาชะลอตัวออกมาแล้ว ในขณะเดียวกันสงครามการค้าก็ยังสั่นคลอนความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจสหรัฐฯ เนื่องจากมาตรการรีดภาษีตอบโต้กันไปมาทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้นและส่งผลกระทบต่อตลาดส่งออกหลัก

นอกจากนี้แล้ว ยุทธศาสตร์ก้าวร้าวดังกล่าวของทรัมป์ ยังล้มเหลวในการลดตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐกับจีน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เขาวางเอาไว้ในขั้นแรก

https://mgronline.com/around/detail/9620000015249

 

Kelly Hannabas

Facebook เอาโพสต์ของฉันที่ลงเมื่อวานออก ดังนั้นที่นี่คือการโพสต์ซ้ำ
Facebook took my post down yesterday so here is a repost.

 

พายุหมุนพัดถล่มลพบุรี บ้านพังกว่า 20 หลัง เสียหายกว่า 30 ล้านบาท
วันที่ 12 ก.พ. 2562 เวลา 11:20 น.

ความคืบหน้าหลังจากช่วงเย็นวานนี้ เกิดพายุฝนและลมกรรโชกแรงถล่มพื้นที่อำเภอเมืองลพบุรีและอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ก่อนจะมีพายุหมุนพัดบ้านเรือนชาวบ้านพังเสียหาย

ล่าสุดเช้าวันนี้ นายอนันต์ จรุงโรจน์รัศมี นายอำเภอบ้านหมี่ ลงลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่ตำบลหนองเต่า อำเภอบ้านหมี่ พบว่าบ้านเรือนชาวบ้านถูกพายุพัดถล่มพังเสียหาย 20 หลัง และโกดังท่าข้าว ถูกลมพัดหลังคาจนพังเสียหายถล่มลงมาด้านล่าง มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท

ซึ่งนายอำเภอบ้านหมี่ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่ ฝ่ายปกครอง พร้อมประสานงานกำลังทหารจากกรมรบพิเศษที่ 2 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทหารจากกรมทหารปืนใหญ่ที่ 72 กองพลทหารปืนใหญ่ และกำลังเจ้าหน้าที่กองร้อยรักษาความสงบพื้นที่อำเภอบ้านหมี่ เร่งให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน เก็บเศษซากหลังคา และเร่งซ่อมบ้านเรือนให้ชาวบ้าน ให้มีที่อยู่อาศัยตามปกติเร็วที่สุด

https://news.ch7.com/detail/326298/...U3s0SK-fhv1ZOHpEF59YP2AIVcjwZDtyd2_dLEI8p7EQY