ติดตามสถานะการณ์

เมื่อ"เมืองหรูจีน"กลายเป็น"เมืองผี" เกลื่อนด้วยด้วยคฤหาสน์ แต่ไร้ผู้อาศัยแม้แต่คนเดียว (ชมภาพ) วันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 12:01:20 น.



ท่ามกลางการชื่นชมเยินยอในฐานะประเทศที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่จีนยุคใหม่ก็มีเรื่องราวที่น่าอายและสะท้อนถึงโปรเจ็กต์หรูหราอย่างสุดชุ่ย

เมื่อเมืองบางแห่งอยู่ในสภาพเป็นเสมือน"เมืองผี"หรือ"เมืองของคนตาย"ที่ถูกสร้างอย่างหรูหรามาหลายปีแต่กลับไร้ผู้เข้าพักอาศัยแม้แต่รายเดียว

เมื่อ 6 ปีก่อน เมืองเบ่ยไฮ่ ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลกวงซี ชาง ได้ถูกแปรสภาพให้เป็นเมืองหรูหรือเมืองที่สร้างให้เศรษฐีเข้าอยู่อาศัย เต็มไปด้วยคฤหาสน์กว่า 100 หลัง แต่ละหลังมีมูลค่ากว่า 3 ล้านหยวน (ราว 15 ล้านบาท) โดยทางการกวงซี ซาง หวังว่า เมืองนี้จะกลายเป็นเมืองที่บูมเพราะเป็นแหล่งอาศัยของมหาเศรษฐีโดยเมืองทั้งหมดถูกสร้างเกลื่อนไปด้วยตึกระฟ้า ห้างสรรพสินค้า ทางหลวง และสวนสาธารณะ แต่กลับกลายเป็นเมืองร้าง ผู้คนเมินที่เข้ามาอาศัยเพราะถือว่าเป็นเมืองนี้"เขตมืด"เนื่องจากอยู่ห่างจากศูนย์กลางทางเศรษฐกิจสำคัญ ๆ ของประเทศจีน

โดยคนงานบางรายอุตส่าห์ลงทุนนำเงินออมตั้งแต่รุ่นปู่ทวดเพื่อมาซื้ออสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ แต่ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเมืองนี้ได้เพราะมันห่างไกลจากแหล่งเมืองใหญ่ของประเทศ และเศรษฐีอื่น ๆ ก็เมินที่จะเข้ามาจับจองอาศัยอยู่ด้วย และสถานการณ์ล่าสุด เหล่าคฤหาสน์ทั้งหลายยังต้องการเงินมาใช้สำหรับรักษาสภาพไม่ได้ทรุดโทรมด้วย

ที่ผ่านมา ทางการเมืองเบ่ยไฮ่คาดว่าเมืองนี้จะบูมและเติบโตอย่างรุ่งเรืองจากเป็นผลพวงจากนโยบายที่รัฐบาลจีนบังคับให้ชาวจีนลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์แต่เฉพาะในประเทศและห้ามการลงทุนนอกประเทศขณะที่นักวิเคราะห์บอกว่า ณ วินาทีนี้ จีนเป็นดินแดนแห่งฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ มีการสร้างตึกอาคารมากมายเกินความจำเป็น และเกินความต้องการของตลาดผู้บริโภค

ขณะที่บางรายบอกว่า ความเป็นจีนยุคใหม่ได้ทำให้เห็นถึงการขยายชุมชนเมืองใหญ่โตที่สุดเท่าที่โลกเคยเห็น สะท้อนได้จากเมืองผีแห่งนี้ ขณะที่ชาวท้องถิ่นบางรายกล่าวประณามว่า เมืองนี้เป็นตัวแทนแห่งความบ้าของสังคมจีน ซึ่งสร้างที่อยู่อาศัยตั้งตระหง่านเฉย ๆ โดยไม่มีคนอยู่!









เมื่อ"เมืองหรูจีน"กลายเป็น"เมืองผี" เกลื่อนด้วยด้วยคฤหาสน์ แต่ไร้ผู้อาศัยแม้แต่คนเดียว (

 

ชาวไต้หวันประท้วง ค้านสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งที่ 4
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 เมษายน 2557 14:25 น.

การประท้วงของชาวไต้หวัน ที่ต้องการให้รัฐบาล ระงับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์แห่งที่ 4 ลุกลามบานปลาย กลายเป็นการปะทะกันกับตำรวจปราบจลาจล หลังจากตำรวจฉีดน้ำแรงดันสูง หวังสลายกลุ่มผู้ประท้วงที่พากันยึดพื้นที่ย่านการค้าในกรุงไทเปเป็นที่ชุมนุม จนทำให้การจราจรเป็นอัมพาต

 

ซาอุฯ ผวา เหยื่อไวรัส'เมอร์ส'พุ่งไม่หยุด ล่าสุดดับแล้ว 94 ศพ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 28 เม.ย. 2557 02:08



ผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส เมอร์ส ในซาอุดีอาระเบียเพ่ิมขึ้นอีก 2 รายในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็น 94 ราย ขณะที่สังคมกำลังวิตกกับการระบาดที่รวดเร็วขึ้นของไวรัสตัวนี้...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 27 เม.ย. ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส 'กลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง' หรือ 'เมอร์ส' (Middle East Respiratory Syndrome: MERS) ในประเทศซาอุดีอาระเบีย เพิ่มขึ้นอีก 2 รายเป็น 94 รายแล้ว ขณะที่ทางการเริ่มไม่สามารถสร้างความมั่นใจแก่สังคมที่กำลังวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ

จำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อเมอร์สที่เพิ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ประชาชนหวาดกลัวการระบาดของไวรัสตัวนี้มาขึ้น โดยภายในเดือนเม.ย.เพียงเดือนเดียว มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสเมอร์สแล้วถึง 31 ราย หรือว่าหนึ่งในสามของจำนวนผูู้เสียชีวิตในประเทศทั้งหมด ที่พบตั้งแต่เชื้อตัวนี้ถูกพบครั้งแรกเมื่อเม.ย. 2012

กระทรวงสาธารณสุขแห่งซาอุดีอาระเบียแถลงเมื่อวันอาทิตย์ว่า ผู้เสียชีวิต 2 รายล่าสุด คือหญิงชราวัย 63 ปี ซึ่งป่วยเรื้อรังมาเป็นเวลานาน เสียชีวิตเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่เมืองเจดดาห์ ทางตะวันออกของประเทศ ส่วนอีกรายเป็นชายชราวัย 78 ปี เสียชีวิตที่กรุงริยาด เมืองหลวงของซาอุดีอาระเบีย ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ป่วยที่พบทั้งหมดตั้งแต่ที่พบไวรัสเมอร์ส เพิ่มขึ้นเป็น 323 รายแล้ว

ทั้งนี้ เหล่าผู้เชี่ยวชาญยังประสบปัญหาในการทำความเข้าใจไวรัสเมอร์ส ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนสำหรับป้องกัน โดยมันถูกพิจารณาว่าเป็นไวรัสที่มีอัตราทำให้เสียชีวิตสูงกว่าไวรัส 'ซาร์ส' ซึ่งอยู่ในกลุ่มโคโรนาไวรัสเช่นเดียวกัน แต่มีอัตราการติดต่อของเชื้อต่ำกว่า

ในเดือนนี้ การระบาดของไวรัสเมอร์สเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมารัฐบาลซาอุดีอาระเบียประกาศปลดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกจากตำแหน่งโดยไม่เผยเหตุผล และตั้งนาย อาเดล ฟาคีห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานขึ้นเป็นรักษาการรมว.สาธารณสุข และสัญญาว่าจะดำเนินการเรื่องไวรัสเมอร์สอย่างโปร่งใส

อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลต่อไวรัสเมอร์สได้แพร่กระจายไปทั่วรวมถึงในหมู่เจ้าหน้าที่พยาบาลของโรงพยาบาล 'คิง ฟาห์ด' ในเมือง เจดดาห์ ทางตะวันตกของประเทศ ส่งผลให้โรงพยาบาลแห่งนี้ต้องปิดบริการห้องฉุกเฉิน และมีแพทย์อย่างน้อย 4 คน ยื่นใบลาออกหลังจากปฏิเสธไม่รักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสเมอร์สเพราะกลัวติดโรคไปด้วย

ขณะที่ประชาชนยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ แม้รัฐบาลจะออกมายืนยันว่าการระบาดยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ โดยชายซาอุฯคนหนึงระบุว่า เขาติดสินใจให้ลูกสาววัย 6 ขวบหยุดเรียนและอยู่แต่ในบ้าน เพราะกันไว้ดีกว่าแก้ นอกจากนั้น ที่เมืองเจดดาห์ยังประสบปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัย เนื่องจากปริมาณความต้องการของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 10 เท่าในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ กระทรวงสาธารณสุขของซาอุฯยังคงยืนยันไม่ใช้มาตรการเพิ่มเติมใดๆที่สนามบินต่างๆ นอกเหนือจากมาตรการป้องกันตามปกติ แม้ในเดือนก.ย.จะมีวันสำคัญทางศาสนาอย่างพิธี 'ฮัจ' ที่ชาวมุสลิมจำนวนมากจะแห่แหนมาแสวงบุญยังเมืองเมกกะ และเมืองเมดินา

ซาอุฯผวา เหยื่อไวรัส'เมอร์ส'พุ่งไม่หยุด ล่าสุดดับแล้ว 94 ศพ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ผวาข่าวลือภูเขาไฟสหรัฐฯปะทุใกล้ระเบิด
โดย ทีมข่าวต่างประเทศ 28 เม.ย. 2557 00:08



เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนของสหรัฐฯ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่เชื่อมต่อระหว่าง 3 รัฐทางภาคตะวันตก ทั้งไวโอมิง มอนตานา และไอดาโฮ ชี้แจงข้อเท็จจริงหยุดกระแสข่าวลือว่าภูเขาไฟในเยลโลว์สโตนกำลังปะทุหนักใกล้ระเบิด หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.8 ริกเตอร์ในเขตอุทยานฯ เมื่อ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นมีผู้เผยแพร่คลิปวีดิโอในเว็บไซต์ยูทูบเห็นฝูงสัตว์ป่าอพยพออกจากพื้นที่ ทำให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตนำข้อมูลไปเผยแพร่ต่อกันตั้งแต่ช่วงต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากแตกตื่นว่าจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่

ทั้งนี้ โฆษกอุทยานฯ ยืนยันภูเขาไฟในเยลโลว์สโตนไม่ได้ปะทุพ่นควันรุนแรงแต่อย่างใด พร้อมอ้างอิงข้อมูลสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) ระบุว่าแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อ 30 มี.ค.ถือว่ารุนแรงสุดในรอบ 30 ปี แต่เป็นแผ่นดินไหวระดับปานกลางเท่านั้น ส่วนกรณีสัตว์ป่าอพยพเป็นเพราะถึงฤดูกาลตามธรรมชาติ

ขณะเดียวกัน สำนักงานอุตุนิยมวิทยาสหรัฐฯ แถลงข่าวพายุทอร์นาโดลูกแรกของฤดูกาลในสหรัฐฯ ปีนี้อยู่ระหว่างเคลื่อนออกจากรัฐนอร์ทแคโรไลนาเมื่อ 26 เม.ย. หลังทำให้บ้านเรือนประชาชนเสียหายหนักราว 200 หลัง ทั้งทำให้ มีผู้บาดเจ็บราว 15 ราย พร้อมประกาศเตือนประชาชนในรัฐหลุยเซียนา, อาร์คันซอ, เท็กซัส รวมถึงพื้นที่ลุ่มแม่น้ำมิสซิสซิปปีตอนล่าง เตรียมรับภัยพายุทอร์นาโด.

ผวาข่าวลือภูเขาไฟสหรัฐฯปะทุใกล้ระเบิด - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล

อเล็กซ์เตือนว่ารัสเซียกำลังเปิดเผยสุดยอดอาวุธบนน่านน้ำอเมริกา ถ้ากองกำลัง NWO ในยูเครนเปิดการโจมตีใด ๆ กับประชาชน - ผลประโยชน์ของรัสเซียเมื่อไหร่ พวกเขาก็พร้อมแล้วสำหรับสงครามนิวเคลียร์

<iframe width="640" height="390" src="//www.youtube.com/embed/Vkce6I5vVH4" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

แต่ดูเหมือนว่ากลุ่มชนชั้นของมะกันจะไม่สนใจ หนำซ้ำอาจเข้าทางสำหรับแผนการบางอย่าง?

 

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล



เหตุการณ์ช้างชนช้างอาจเริ่มในพฤษภาฯและอาจบานปลายทั่วโลก : Dave Hodges เตือน
Five Weeks Away From World War III | Dave Hodges – The Common Sense Show

“ช่วยบอกหน่อยครับว่า วันที่อาจารย์จะกลับมาและวันสิ้นยุคนั้น จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แล้วจะมีอะไรบอกเหตุให้รู้ก่อนไหมครับว่ามันจะเกิดขึ้นแล้ว”

"เมื่อคุณได้ยินเสียงสงครามเกิดขึ้นใกล้ๆและได้ข่าวว่ามีสงครามที่อื่น ไม่ต้องตกใจ เพราะมันจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่นั่นยังไม่ใช่เป็นวันสุดท้ายของโลก
ชนชาติหนึ่งจะลุกฮือขึ้นต่อสู้กับอีกชนชาติหนึ่ง อาณาจักรนี้จะลุกฮือขึ้นต่อสู้กับอาณาจักรโน้น จะเกิดการกันดารอาหาร และเกิดแผ่นดินไหวหลายแห่ง
แต่นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของปัญหาเหมือนเจ็บท้องเตือนก่อนคลอดลูก มัทธิว 24 3-8

Let’s agree to go to war.


http://thecommonsenseshow.com/siteupload/2014/04/russia-attacks-america-4.jpg

 

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/6Pfn2yg1TJo?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ทัวร์มหัศจรรย์ลึกลับเกี่ยวกับวาติกัน ! สัญญาณแปลก (2014)
Vatican Magical Mystery Tour! Strange Signs! (2014)

 

Vyt Alivety ได้แชร์ รูปภาพ ของ Pattharnun Sileewalodomporn

อันตราย !!!



อีก 1 ชีวิต ที่ต้องสังเวยให้กับ โทรศัพท์มือถือ

อย่าใช้โทรศัพท์ ไม่ว่าจะรับ หรือ โทรออก ขณะที่เครื่องกำลังชาร์จ แบตเตอรี่ เพราะแรงสั่นสะเทือนของพลังงานที่แผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
มีความรุนแรง ถึง 1000 เท่า !!!!!!

โดยแรงสั่นสะเทือนจะพุ่งเข้าสู่หัวใจเร็วมาก มือที่จับโทรศัพท์ จะถูกเผาไหม้ ดังภาพ

และอันตรายดังกล่าว เกิดขึ้นได้กับทุกยี่ห้อ

ช่วยแชร์บอกเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ให้ทราบกันด้วยนะคะ !!!

 

Little Duck

หนอนนับล้าน!! บุกหมู่บ้าน ห้องนอน โดนทับเละ

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/jDMpLfPiBOA?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

พายุฤดูร้อนถล่มเชียงราย-บ้านพังกว่า 450 หลัง
โดย ทีมข่าวภูมิภาค 27 เม.ย. 2557 19:30



พายหมุน-ลูกเห็บพัดถล่มพื้นที่ อ.ป่าแดด-เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย นานหลายชั่วโมง รวม 2 อำเภอ บ้านเรือนเสียหายกว่า 450 หลังคาเรือน ทางการเร่งช่วยด่วน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 เม.ย. นายสว่าง ม่อมดี ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จ.เชียงราย ได้รับรายงาน จาก น.ส.ภัทราวดี ปัญญาบุญ นอภ.ป่าแดด ว่า ตั้งแต่เมื่อช่วงเวลาเย็นของวันที่ 26 เม.ย จนถึงกลางดึกที่ผ่านมา มีพายุหมุน พร้อมมีลูกเห็บขนาดเท่าหัวแม่มือ ตกกระหน่ำกระทบใส่หลังคาบ้านเรือนประชาชน ติดต่อกันนานหลายชั่วโมง ทำให้หลายพื้นที่ใน อ.ป่าแดด ได้รับความเสียหายอย่างมาก

หลังรับรายงาน นายสว่าง จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งลงพื้นที่เข้าตรวจสอบความเสียหาย และช่วยเหลือประชาชน จากการตรวจสอบความเสียหายในเบื้องต้น พบว่า บ้านเรือนประชาชนเสียหายทั้งหมด 2 ตำบล 315 ครอบครัว 21 หมู่บ้าน ส่วนใหญ่จะถูกพายุหมุนลูกเห็บตกกระทบหลังคาแตกเป็นรู หลังคาบ้านหลายหลังถูกลมพายุหอมพัดไป เจ้าหน้าที่ได้เร่งทำการซ่อมแซมฟื้นฟูโดยด่วน

ขณะเดียวกัน พายุลูกเห็บนี้ยังสร้างความเสียหายขึ้นในเขตเทศบาล ต.เวียงป่าเป้า และ ต.สันสลี อ.เวียงป่าเป้า อีกด้วย ได้รับความเสียหายกว่า 150 ครัวเรือน 12 หมู่บ้าน ในเบื้องต้น ฝ่ายปกครอง อ.เวียงป่าเป้า ร่วมกับ ผู้นำท้องถิ่น ได้ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือ โดยการนำเจ้าหน้าที่ พร้อมกระเบื้อง เข้าซ่อมแซมหลังคา และยังได้ประกาศเตือนประชาชนให้เฝ้าติดตามสถานการณ์ภัยธรรมชาติอย่างใกล้ชิด หากมีเหตุเกิดขึ้น ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยด่วน.

พายุฤดูร้อนถล่มเชียงราย-บ้านพังกว่า 450 หลัง - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

"นพ.ประเสริฐ"เตือนไทยต้องเฝ้าระวัง "ไวรัสอีโบลา" ชี้ร้ายแรงมากถึงขั้นเสียชีวิต ไม่มีวัคซีน-ยารักษา
วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 16:26:52 น.


ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ

ข่าวการระบาดของโรคในต่างประเทศ โรคหนึ่งที่น่าสนใจ คือ เชื้ออีโบลา (Ebola Haemorrhagic Fever) ซึ่งเป็นกลุ่มโรคไข้เลือดออกจากไวรัสอีโบลา ซึ่งเป็นโรคที่ร้ายแรงมากถึงเสียชีวิต เนื่องจากยังไม่มีวัคซีนป้องกัน และยารักษา

ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และที่ปรึกษากรมควบคุมโรค(คร.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้ข้อมูล ว่า การระบาดครั้งแรกของไวรัสชนิดนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2519 จัดเป็นโรคไข้เลือดออกชนิดใหม่เกิดขึ้นที่ประเทศซูดานและประเทศซาอีร์ ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกา โดยผู้ป่วยรายแรกของโลกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2519 เป็นเพศชายอายุ 44 ปี เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่โรงเรียนมิชชันนารี ไปขอรับการรักษาที่ "โรงพยาบาลมิชชั่นนารียัมบูกุ" ด้วยอาการไข้ซึ่งคิดว่าเป็นไข้จับสั่น (มาลาเรีย) และได้รับการรักษาโดยการฉีดคลอโรควิน ซึ่งมีอาการทุเลาขึ้น ในเวลาต่อมาภายใน 1 สัปดาห์มีคนไข้ในโรงพยาบาลได้รับการฉีดยาโดยใช้เข็มฉีดยาร่วมกับคนไข้รายนี้ ซึ่งปกติจะไม่ใช้เข็มฉีดยาที่ยังไม่ได้ฆ่าเชื้อร่วมกัน แต่เมื่อมีการทำเช่นนี้ปรากฎว่า หลังจากนั้นก็ป่วยเป็นไข้เลือดออกอีกหลายคน ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะป่วยอยู่ระหว่าง 4 สัปดาห์แรกของการระบาดหลังจากนั้นโรงพยาบาลจึงได้ปิดการให้บริการเนื่องจากแพทย์ 11 นาย จาก 17 นาย ที่ปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้ป่วยและตาย

โรคนี้แพร่โรคติดต่อกันได้จากการสัมผัสกันด้วย เรียกว่ามีการแพร่ติดต่อ จากคน-สู่-คน ผู้ป่วยเกิดขึ้นทุกกลุ่มอายุและทุกเพศ แต่สตรีอายุระหว่าง 15-29 ปี จะเป็นกลุ่มที่มีความชุก อัตราป่วยชุกกว่ากลุ่มอื่น จากการระบาดครั้งแรกในประเทศซูดานมีผู้ป่วย 284 คนโดยมีอัตราป่วย/ตายเท่ากับร้อยละ 53 อีกไม่กี่เดือนต่อมาโรคก็อุบัติขึ้นที่เมืองยัมบูกุประเทศซาอีร์อีก มีผู้ป่วยในการระบาดครั้งแรก 318 คนอัตราป่วย/ตายสูงกว่า การระบาดในซูดานคือสูงถึงร้อยละ 88

ล่าสุดในปี 2557 เกิดการระบาดของอีโบลา ในแอฟริกาตะวันตกขึ้นอีก โดยเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2557 องค์การอนามัยโลกได้รับแจ้งจากกระทรวงสาธารณสุข ประเทศกีนีว่ามีการระบาดของโรคไข้เลือดออกอีโบล่าในเขตป่าทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ มีรายงานผู้ป่วยแล้ว 86 ราย ตาย 60 ราย มีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์-สาธารณสุขป่วยและตายด้วย 4 ราย และยังมีรายงานผู้ป่วยที่เข้าข่ายสงสัยในประเทศที่มีเขตแดนติดต่อกันอีกหลายราย อาทิ ประเทศไลเบเรียและ เซียยร่า เลโอน โดยได้ส่งเลือดตัวอย่างไปชันสูตรโดยวิธีพีซีอาร์ที่หอชันสูตรโรคติดเชื้อระหว่างประเทศที่ เมืองลียอง ประเทศฝรั่งเศส ก็ยืนยันได้ชัดเจนว่าเป็นโรคติดเชื้อไวรัสอีโบล่าสายพันธุ์ ซาอีร์

โดยวันที่ 17 เมษายน 2557 ในทวีปแอฟริกา เริ่มจากประเทศกินี มีรายงานผู้ป่วยที่มีอาการเข้าได้กับไวรัสอีโบลา จำนวน 202 ราย เสียชีวิต 125 รายและผู้ป่วยยืนยัน 108 ราย ต่อมาประเทศลิเบอเรีย มีรายงานผู้ป่วย 27 ราย เสียชีวิต 13 รายและผู้ป่วยยืนยัน 6 ราย ซึ่งองค์การอนามัยโลก ไม่แนะนำให้มีการจำกัดการเดินทางหรือการค้ากับประเทศเหล่านี้ มีเพียงรายงานเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2557 ว่า ผู้ป่วยอีโบล่าในประเทศกินีเพิ่มขึ้นเป็น 208 ราย ตาย 136 ราย

สำหรับความเสี่ยงของประเทศไทย โดยสำนักโรคอุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค ประเมินว่า การแพร่กระจายของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา อาจมาสู่ประเทศไทยได้จากการนำเข้าสัตว์ที่อาจเป็นแหล่งรังโรค เช่น สัตว์ป่า ลิงชิมแปนซี หรือการแพร่เชื้อของผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ผ่านการเดินทางเข้ามาประเทศไทยจากประเทศที่มีการระบาดของโรค

อย่างไรก็ตาม โรคนี้ยังไม่มียารักษา ต้องรักษาแบบประคับประคองและรักษาตามอาการ และยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรค ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขไทยมีการติดตามสถานการณ์จากองค์การอนามัยโลก ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศเฝ้าระวังผู้ป่วย โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือคนไทยที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาด ส่วนกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เตรียมความพร้อมในการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการแล้ว

ประเด็นคือ อย่าตื่นตระหนก ขอเพียงตระหนัก ติดตามข่าวเป็นระยะ และหมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเป็นพอ

"นพ.ประเสริฐ"เตือนไทยต้องเฝ้าระวัง "ไวรัสอีโบลา" ชี้ร้ายแรงมากถึงขั้นเสียชีวิต ไม่มีวัคซ

 

In & Outside World



Planet X, Nemesis, Nibiru มีอยู่จริง
ดาวเคราะห์ ที่มีขนาดใหญ่ อยู่รอบนอกระบบสุริยะ ของเรา
(ปัจจุบัน ยังไม่มีผล อะไรต่อโลก เพราะอยู่ห่างไป 1,000หน่วย ดาราศาสตร์) (1 AU = ระยะทาง ระหว่างโลกและ ดวงอาทิตย์ ในระยะที่ ดาวพลูโต อาทิตย์ = 40 AU)

University Park (USA) - Mit dem Weltraumteleskop WISE haben NASA-Astronomen von 2010 bis Ende 2011 den gesamte Himmel im infraroten Lichtspektrum nach bislang noch unbekannten Objekten abgesucht. Jetzt wurde der Abschlussbericht der Himmelsdurchmusterung vorgelegt: Obwohl WISE einige tausend neue Sterne entdecken konnte, gibt es keine Hinweise auf einen bislang unbekannten großen Planeten jenseits der Umlaufbahn des Pluto. Zuvor hatten einige Astronomen und Autoren die Existenz eines solchen Körpers immer wieder unter Namen wie Planet X, Nemesis, Tyche oder Nibiru vermutet.

"Die Suche mit WISE im infraroten Spektrum des gesamten Himmels fand kein Objekt von mindestens der Größe des Saturn innerhalb eines Abstandes von 10.000 Astronomischen Einheiten (1 AU = Abstand zw. Sonne und Erde, Abstand Pluto-Sonne = ca. 40 AU) und kein Objekt größer als Jupiter im Umkreis von 26.000 AU", erläutert die Pressemitteilung der NASA.

Aufgrund der WISE-Daten stellen die NASA-Forscher demnach fest, dass es "in unserem Sonnensystem wahrscheinlich keinen weiteren großen und entfernten Gasplaneten (Planet X) oder gar einen Zwergstern als bislang unbekannten stellaren Begleiter unserer Sonne (Nemesis) gibt", so Kevin Luhman vom Center for Exoplanets and Habitable Worlds an der Penn State University und Erstautor eines jetzt im "Astrophysical Journal" veröffentlichten Fachartikels (DOI: 10.1088/0004-637X/781/1/4).

Doch obwohl WISE keinen weiteren Planeten oder stellaren Begleiter finden konnte, sind die Astronomen mit der Ausbeute der Himmelsdurchmusterung alles andere als unzufrieden. So beschreibt eine zweite, in gleichen Fachjournal veröffentlichte Studie (DOI: 10.1088/0004-637X/783/2/122), mehrere tausend bislang unbekannte Sterne und Braune Zwerge (Himmelskörper zwischen Gasplanet und Stern) in unserer kosmischen Nachbarschaft.

"Selbst in unserer direkten Nachbarschaft hatten sich Sternensysteme bislang regelrecht vor uns versteckt und wurden nun erst durch WISE im Infrarotspektrum sichtbar", erläutert Ned Wright von der University of California und Hauptuntersucher der WISE-Mission.

Insgesamt hat WISE demnach 3.525 Sterne und Braune Zwerge innerhalb 500 Lichtjahren um unserer Sonne herum neu entdeckt. "Mit WISE haben wir Objekte gefunden, die wir bislang vollkommen übersehen haben", zeigt sich auch Davy Kirkpatrick vom Infrared and Processing Analysis Center der NASA am California Institute of Technology, begeistert. Zu den faszinierendsten Entdeckungen mit WISE gehört unter anderem ein Stern in nur 20 Lichtjahren Entfernung im Sternbild Norma (Winkelmaß) und das Braune Zwergpaar "WISE J104915.57-531906" (s. Abb.o.) in nur 6,5 Lichtjahren Entfernung.

 

Vyt Alivety ได้แชร์ รูปภาพ ของ Voice TV



นายบารัก โอบามา ออกมากล่าวเตือนเมียนมาร์ว่า การกดขี่ชาวมุสลิมในประเทศ จะทำให้เมียนมาร์ไม่สามารถก้าวไปสู่สังคมประชาธิปไตยได้สำเร็จ

ชมคลิป โอบามา เตือนเมียนมาร์เรื่องการกดขี่โรฮิงญา - Voice TV 21

#VoiceTV #เมียนมาร์ #สิทธิมนุษยชน #Barack_Obama

 

Vyt Alivety ได้แชร์ รูปภาพ ของ Voice TV



ผู้นำเกาหลีเหนือปลุกระดมกองทัพ ย้ำให้เตรียมความพร้อมรับมือสงครามกับสหรัฐฯ ที่อาจเกิดขึ้นเร็วๆนี้ Via@sutthiporn_b

#ผู้นำเกาหลีเหนือ #สงคราม #VoiceTV

 

ตำนาน,เรื่องเล่า,สิ่งเหนือธรรมชาติ



(พ) พาน วางตั้ง (ฟ) ฟัน สะอาดจัง

Jesus Apple

 

Kaokala Fc

27 เม.ย. ท้าพิสูจน์ ! ตาทวดอินเดียอ้างอายุ 179 ปี



ตาทวดชาวอินเดียแห่งเมืองพาราณสี กล่าวอ้างว่ามีอายุถึง 179 ปี ระบุมีหลักฐานพร้อมให้ตรวจสอบ ซึ่งหากเป็นจริงก็จะกลายเป็นบุคคลอายุยืนมากที่สุดในโลกเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่ และเคยได้รับการบันทึกจากสถาบันกินเนส

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองลัคเนา ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ว่า นายมหาชตะ มูราซิ ชาวอินเดียแห่งเมืองพาราณสี ริมฝั่งแม่น้ำคงคา ในรัฐอุตตรประเทศ ทางเหนือของอินเดีย สร้างความฮือฮาและกลายเป็นจุดสนใจไปทั่วโลก เมื่อเขากล่าวอ้างว่า ปีนี้เขามีอายุได้ 179 ปีแล้ว และยืนยันว่ามีหลักฐานเป็นเอกสารให้พิสูจน์ ซึ่งหากข้อกล่าวอ้างเป็นความจริง เขาจะกลายเป็นมนุษย์ที่มีอายุยืนที่สุดในโลก เท่าที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน และมากที่สุดเท่าที่สถาบันบันทึกสถิติโลกกินเนส เคยให้การรับรอง

นายมูราซี กล่าวว่า เขาเกิดเมื่อวันที่ 6 มกราคม ปี ค.ศ. 1835 หรือ พ.ศ. 2378 ที่เมืองบังกาลอร์ ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ แต่ตอนหลังย้ายไปอยู่เมืองพาราณสี ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองลัคเนา เมืองเอกของรัฐอุตตรประเทศ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 320 กม. เมื่อปี พ.ศ. 2446 และเริ่มประกอบอาชีพช่างทำและซ่อมรองเท้าในปี 2500 ก่อนจะเกษียณและใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเมื่ออายุได้ 122 ปี

นายมูราซีกล่าวอีกว่า เขามีหลักฐานเป็นเอกสารและอื่นๆ ที่พร้อมจะให้พิสูจน์ เขามีอายุยืนยาวมาก จนได้เห็นการเสียชีวิตของลูกหลานและเหลนนับไม่ถ้วน และว่า ตลอดชีวิตเขาไม่เคยเจ็บป่วยรุนแรงถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล "สงสัยท่านยมบาลคงจะลืมผมไปแล้ว" นายมูราซี กล่าวต่อผู้สื่อข่าว
ท้าพิสูจน์ ! ตาทวดอินเดียอ้างอายุ 179 ปี | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ระทึก! ไฟไหม้บ่อขยะเทศบาลเมืองลาดสวาย ปทุมฯ กว่า 10 ไร่ คาด 4-5 วันดับ
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 27 เมษายน 2557 18:50 น.







เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลลาดสวาย,เทศบาลบึงยี่โถและเทศบาลเมืองคูคต กำลังช่วยกันฉีดน้ำสกัดเพลิงที่กำลังลุกไหม้บ่อขยะ เนื้อที่กว่า 10 ไร่ ซึ่งเป็นที่เก็บขยะของเทศบาลเมืองลาดสวาย จังหวัดปทุมธานี คาดใช้เวลาประมาณ 4- 5 วันกว่าจะควบคุมเพลิงจนแน่ใจได้ว่าเพลิงจะสงบ

ปทุมธานี - ไฟไหม้กองขยะเนื้อที่กว่า 10 ไร่ หลังเทศบาลเมืองลาดสวาย จ.ปทุมธานี เบื้องต้นคาด 4-5 วันกว่าจะดับ เจ้าหน้าที่สเร่งระดมฉีดน้ำควบคุม พร้อมจัดเวรยามเฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง ชาวบ้านผวา! หมอกควันพร้อมเขม่าลอยคลุ้ง หวั่นมลพิษเหมือนกรณีไฟไหม้บ่อขยะแพรกษา จ.สมุทรปราการ

เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (27 เม.ย.) เกิดเหตุเพลิงไหม้บ่อทิ้งขยะ หลังเทศบาลเมืองลาดสวาย หมูที่ 5 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานีในเนื้อที่กว่า 10 ไร่ ซึ่งเป็นที่เก็บขยะของทางเทศบาลเมืองลาดสวาย โดยขยะดังกล่าวนั้นมีอยู่จำนวนมากหลายร้อยตัน ด้านเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลลาดสวาย เทศบาลบึงยี่โถ และเทศบาลเมืองคูคต กำลังเร่งดับไฟที่กำลังลุกไหม้กองขยะดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เพลิงได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็วเนื่องจากมีลมพัดโหมกระหน่ำทำให้ไฟลุกไหม้ขึ้นตลอดเวลา ทั้งนี้ เจ้าหน้าดับเพลิงได้ระดมกำลังฉีดน้ำสกัดอยู่ตลอดเวลา คาดว่าจะใช้เวลากว่า 4-5 วัน เนื่องมีขยะเป็นจำนวนกว่าหลายร้อยตันคาดว่าไฟไม่น่าจะดับลงง่ายๆ

เบื้องต้นเทศบาลเมืองลาดสวาย ได้จัดกำลังเฝ้าระวังเพลิงลุกลามตลอด 24 ชั่วโมงในบริเวณที่เกิดเหตุ โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวส่งผลให้มีหมอกควันพร้อมเขม่าลอยกระจายออกมาเป็นบริเวณกว้าง ส่งผลให้ชาวบ้านใกล้เคียงหวั่นวิตกผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเหมือนกรณีไฟไหม้บ่อขยะในซอยแพรกษา 8 อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ที่เกิดขึ้นในวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา

 

MySci ได้แชร์ รูปภาพ ของ สำรวจโลก



ทำอย่างไรถึงจะได้รับข้อความที่ Facebook สำรวจโลก โพสทุกครั้ง

วิธีง่ายๆ ... ใต้ "ภาพหน้าปก" หรือ "Cover Page" ให้กดที่คำว่า "ถูกใจแล้ว" หรือ "Liked" จะมีแถบด้านล่างเขียนว่า "รับการแจ้งเตือน" หรือ "Get Notifications" ให้กดที่คำว่า "รับการแจ้งเตือน" หรือ "Get Notifications" จะมีเครื่องหมาย "ถูก" ขึ้นมา เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้รับข่าวสารจาก Facebook สำรวจโลก ทุกข้อความ ไม่ตกหล่น

เหตุผลที่ต้องทำตามขั้นตอนเหล่านี้ เนื่องจาก Facebook จะสุ่มตัวอย่างสมาชิก เพื่อส่งข้อความให้กับบางคน บางข้อความ เท่านั้น ดังนั้นคุณจึงอาจจะไม่ได้รับข้อความจาก สำรวจโลก ที่ Post ในแต่ละครั้ง

ข้อควรระวัง : เมื่อทำขั้นตอนต่างๆ เสร็จแล้ว คุณต้องเห็นคำว่า "ถูกใจแล้ว" หรือ "Liked" คุณถึงจะเป็นสมาชิกกับ Facebook สำรวจโลก แต่ถ้าเห็นคำว่า "ถูกใจ" หรือ "Like" แสดงว่าคุณได้หลุดจากการเป็นสมาชิก Facebook สำรวจโลก และจะไม่ได้รับข้อความใตๆ อีกเลย

กรุณากด "แบ่งปัน" หรือ "Share" เพื่อให้เพื่อนๆ ได้ทราบโดยทั่วกัน
สอบถามรายละเอียดได้ที่ แสดงความคิดเห็น หรือ Comment

 

In & Outside World



Asteroid 2013 TV135 returning in 2032: Can it strike Earth?
2013 TV135 เคยผ่านมาแล้ว ผ่านไป
แต่รอบหน้า ปี 2032 จะเข้าใกล้โ,กมากกว่าเดิม มีโอกาศ ส่งผลกระทบต่อโลก
..
เสียดาย ที่ข้าพเจ้าคงอยู่ไม่ถึงปีดังกล่าว..

Asteroid 2013 TV135 returning in 2032: Can it strike Earth? - Baltimore Education Headlines | Examiner.com

 

In & Outside World



อดีต นักวิทยาศาสตร์ นาซา ได้อธิบาย ภาวะโลกร้อน จากฝีมือมนุษย์ "ไร้สาระ "
(ในที่สุดก็ เหมือนดั่งคิด)

Former NASA Scientist: Global Warming is "Nonsense"

A former NASA scientist has described global warming as "nonsense", dismissing the theory of man-made climate change as "an unsubstantiated hypothesis" and saying that it is "absolutely stupid" to blame the recent UK floods on human activity.
NICK HALLETT | 2014-04-27

Professor Les Woodcock, who has had a long and distinguished academic career, also said there is "no reproducible evidence" that carbon dioxide levels have increased over the past century, and blamed the green movement for inflicting economic damage on ordinary people.

Professor Woodcock is Emeritus Professor of Chemical Thermodynamics at the University of Manchester and has authored over 70 academic papers for a wide range of scientific journals. He received his PhD from the University of London, and is a Fellow of the Royal Society of Chemistry, a recipient of a Max Planck Society Visiting Fellowship, and a founding editor the journal Molecular Simulation. (h/t Climate Depot)

Professor Woodcock told the Yorkshire Evening Post:
"The term 'climate change' is meaningless. The Earth's climate has been changing since time immemorial, that is since the Earth was formed 1,000 million years ago. The theory of 'man-made climate change' is an unsubstantiated hypothesis [about] our climate [which says it] has been adversely affected by the burning of fossil fuels in the last 100 years, causing the average temperature on the earth’s surface to increase very slightly but with disastrous environmental consequences.
"The theory is that the CO2 emitted by burning fossil fuel is the 'greenhouse gas' causes 'global warming' - in fact, water is a much more powerful greenhouse gas and there is 20 time more of it in our atmosphere (around one per cent of the atmosphere) whereas CO2 is only 0.04 per cent.

"There is no reproducible scientific evidence CO2 has significantly increased in the last 100 years."
He also said:
"Even the term 'global warming' does not mean anything unless you give it a time scale. The temperature of the earth has been going up and down for millions of years, if there are extremes, it's nothing to do with carbon dioxide in the atmosphere, it's not permanent and it's not caused by us. Global warming is nonsense."
Professor Woodcock dismissed evidence for global warming, such as the floods that deluged large parts of Britain this winter, as "anecdotal" and therefore meaningless in science.
"Events can happen with frequencies on all time scales in the physics of a chaotic system such as the weather. Any point on lowland can flood up to a certain level on all time scales from one month to millions of years and it’s completely unpredictable beyond around five days."
Also, the only reason we regularly hear that we have had the most extreme weather "since records began" is that records only began about 100 years ago.
"The reason records seem to be being frequently broken is simply because we only started keeping them about 100 years ago. There will always be some record broken somewhere when we have another natural fluctuation in weather.
"It's absolutely stupid to blame floods on climate change, as I read the Prime Minister did recently. I don't blame the politicians in this case, however, I blame his so-called scientific advisors."
When asked how can say this when most of the world's scientists, political leaders and people in general are committed to the theory of global warming, Prof Woodcock answered bluntly:
"This is not the way science works. If you tell me that you have a theory there is a teapot in orbit between the earth and the moon, it's not up to me to prove it does not exist, it's up to you to provide the reproducible scientific evidence for your theory.
"Such evidence for the man-made climate change theory has not been forthcoming."
This lack of evidence has not stopped a whole green industry building up, however. At the behest of that industry, governments have been passing ever more regulations that make life more difficult and expensive.
"...the damage to our economy the climate change lobby is now costing us is infinitely more destructive to the livelihoods of our grand-children. Indeed, we grand-parents are finding it increasingly expensive just to keep warm as a consequence of the idiotic decisions our politicians have taken in recent years about the green production of electricity."
Professor Woodcock is the latest scientist to come out against the theory of man-made global warming. James Lovelock, once described as a "green guru", earlier this month said that climate scientists "just guess", and that no one really knows what's happening.
Judith Curry, chair of the School of Earth and Atmospheric Sciences at the Georgia Institute of Technology, also said that she was "duped into supporting the IPCC" and added "If the IPCC is dogma, then count me in as a heretic."
- See more at: Former NASA Scientist: Global Warming is "Nonsense" | In El Dorado County

Former NASA Scientist: Global Warming is "Nonsense" | In El Dorado County