ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    La nueva era de la tierra - respaldo

    น้ำท่วมใน indoensia ทำลายสะพาน และบ้านถูกพัดไปตามกระแสน้ำ
    22.01.2019
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดร.มหาเดร์ลั่น “ทรัมป์สร้างกำแพงได้ เราก็ห้ามอิสราเอลเข้าประเทศได้“
    โดยกองบรรณาธิการ-23 มกราคม 2019

    479-1.jpg
    เดอะนิวอาหรับ – ในวันอังคาร (22 ม.ค.) ดร.มหาเดร์ มูฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ออกมาปกป้องประเทศของเขากรณีห้ามนักกีฬาอิสราเอลเข้าประเทศ โดยเขาได้เปรียบเทียบกับแผนของประธานาธิบดีอเมริกัน “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่จะสร้างกำแพงตามแนวชายแดนสหรัฐฯ กับเม็กซิโก

    มาเลเซียสร้างความโกรธแค้นให้อิสราเอลหลังจากบอกว่า ประเทศนี้จะไม่อนุญาตให้นักว่ายน้ำอิสราเอลเข้าประเทศเพื่อร่วมการแข่งขันในช่วงปลายปีนี้ อันเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่จะส่งผลต่อการเข้าแข่งขันพาราลิมปิกโตเกียว 2020

    “ทุกประเทศมีสิทธิ์ที่จะยอมรับหรือปฏิเสธการเข้าประเทศของบุคคลใดๆ” มหาเดร์กล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงเวียนนาเมื่อวันอังคาร

    “ คุณจะเห็นได้ว่าในอเมริกาตอนนี้พวกเขากำลังสร้างกำแพงสูงมากเพื่อป้องกันไม่ให้ชาวเม็กซิกันเข้าไปอเมริกา” เขากล่าว

    “เราก็มีแนวคิดแบบเดียวกัน ว่าคนที่ไม่พึงประสงค์สำหรับประเทศของเรา ก็จะถูกกันออกไปจากประเทศของเรา” ดร.มหาเดร์กล่าวเสริม

    มหาเดร์ยังตราหน้าอิสราเอลว่าเป็น “ประเทศอาชญากร” และว่า “หากประชาชนของพวกเขาต้องการแข่งขันกีฬา พวกเขาสามารถไปประเทศอื่นได้”

    เขากล่าวด้วยว่า นักกีฬาอิสราเอลได้รับการยกย่องจากประเทศหนึ่งซึ่งดำเนินการนอกกฎหมายสากล รวมถึงการสร้างนิคมตั้งถิ่นฐานในดินแดนที่ไม่ใช่ของตัวเอง

    “พวกเขาบุกเข้ายึดเรือของเราที่จะไปช่วยเหลือชาวกาซา มีหลายสิ่งที่อิสราเอลทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศและศีลธรรม” เขากล่าวกับผู้สื่อข่าว

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้วอิสราเอลออกโรงซัดการตัดสินใจของมาเลเซีย โดยบอกว่ามาเลเซียได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “การต่อต้านชาวยิวอย่างบ้าคลั่ง” (rabid anti-Semitism) ของมหาเดร์

    แต่ไหนแต่ไร ดร.มหาเดร์ นายกรัฐมนตรี วัย 93 ปี เป็นผู้ที่ได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาต่ออิสราเอลเกี่ยวกับการละเมิดต่อชาวปาเลสไตน์

    “เป็นสิทธิ์ของผมที่จะบอกพวกเขาว่าพวกเขาทำสิ่งผิดๆ มากมาย ทำไมเราไม่สามารถพูดอะไรต่อต้านอิสราเอล ต่อต้านชาวยิว?” มหาเดร์กล่าวในการตอบโต้ต่อข้อกล่าวหาต่อต้านชาวยิวเมื่อเร็วๆ นี้

    อิสราเอลได้เรียกร้องคณะกรรมการพาราลิมปิกสากลให้คัดค้านการตัดสินใจนี้ของมาเลเซีย หรือเปลี่ยนสถานที่แข่งขัน

    กัวลาลัมเปอร์ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับอิสราเอลได้ปฏิเสธคำขอจากหน่วยงานด้านกีฬาระดับโลกที่จะหาทางออกแก้ไขปัญหานี้

    ก่อนหน้านี้มาเลเซียก็เคยห้ามไม่ให้นักกีฬาอิสราเอลเข้าประเทศ นักเล่นกระดานโต้คลื่นชาวอิสราเอลสองคนต้องถอนตัวจากการแข่งขันที่เกาะลังกาวีหลังจากที่พวกเขาถูกปฏิเสธวีซ่าในปี 2558


    https://www.publicpostonline.net/22...Gl714veP5ovIY3jV_G-_UieaU0ivsDFy8-tyHm-t9xDPg
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thairath


    เผ่าไร่อ้อยไม่สนโลก เด็กนักเรียนวิ่งหนีวุ่น
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เครื่องบินรบอิสราเอลโจมตีฉนวนกาซาหลายระลอก การรุกรานครั้งใหม่ โดย กองบรรณาธิการ - 23 มกราคม 2019
    89e25510-bbfb-4c66-af99-7bbb63b9e24b.jpg
    การระเบิดระหว่างการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในกาซาเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2019 (ภาพถ่ายโดย Reuters)
    เครื่องบินทหารของอิสราเอลได้โจมตีทางอากาศหลายครั้งต่อเป้าหมายทางตอนเหนือของฉนวนกาซา เมื่อวานนี้ (22 ม.ค.) เพรสทีวีรายงาน

    “การโจมตีทางอากาศนี้เป็นปฏิบัติการต่อเนื่องจากการโจมตีก่อนหน้าในระหว่างวันนี้ เพื่อตอบสนองต่อเหตุยิงกองกำลังของเรา” กองทัพอากาศอิสราเอลกล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (22 ม.ค.)

    แถลงการณ์ยังระบุว่า เครื่องบินรบของอิสราเอลโจมตีเป้าหมายหลายครั้งที่ค่ายฝึกของฮามาส ขบวนการต่อต้านอิสราเอลแห่งปาเลสไตน์

    ทั้งนี้ยังไม่มีรายงานการบาดเจ็บล้มตาย

    ก่อนหน้านี้ในวันดังกล่าว มีชาวปาเลสไตน์อย่างน้อยหนึ่งคนถูกสังหาร ในขณะที่อีกสี่คนได้รับบาดเจ็บ จากเหตุกองกำลังอิสราเอลยิงปืนใหญ่เข้ามาในฉนวนกาซา หลังจากทหารอิสราเอลถูกยิงตามแนวพรมแดนระหว่างชายฝั่งทะเลและดินแดนที่ถูกยึดครอง

    อัรราฟ อัลกิดรา โฆษกกระทรวงสาธารณสุขกาซาระบุว่า ชาวปาเลสไตน์ที่เสียชีวิต คือ โมฮัมเหม็ด อัล – นาบาฮิน วัย 24 ปี

    ฮามาสยืนยันในภายหลังว่าเขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของกองทหารอิซุดดีน กอซซาม ปีกทางทหารของฮามาส

    การโจมตีนี้เกิดขึ้นหลังจากทหารอิสราเอลได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยใกล้กับรั้วชายแดนทางใต้ของฉนวนกาซา กองทัพอิสราเอลกล่าวว่าทหารได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนที่ยิงถูกหมวกนิรภัย


    https://www.publicpostonline.net/22...mFqBISl8kco1NvutFE2b8zW8ciMLqEWoBN0CtrSiIXxrc
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถานการณ์โลก ด้านความมั่นคง

    &h=282&url=https%3A%2F%2Fwww.almasdarnews.com%2Fwp-content%2Fuploads%2F2018%2F08%2Fnusra_idlib-1.jpg

    แกนนำกลุ่มก่อการร้ายอัลนุสรา(HTS)ส่งกำลังกลุ่มใหญ่เข้าโจมตีที่ตั้งกองทหารของฝ่ายรัฐบาลซีเรีย(SAA)ที่Abu-Duhur Air Baseและที่Abu-Sharjah โดยฝ่ายทหารฝ่ายรัฐบาลซีเรียเปิดทางปล่อยให้กลุ่มผู่ก่อการร้ายบุกลึกเข้าไปในแนวตั้งรัยของฝ่ายรัฐบาลเกือบ1.5กิโลเมตร แล้วทหารฝ่ายรัฐบาลก็กระชับแนวเข้าหากลุ่มผู้ก่อการร้ายบีบให้เหลือพื้นที่เล็กลงแล้วจัดการ ผู้ก่อการร้ายJabhatอัล-นุสราได้รับความเสียหายอย่างหนักตาย-บาดเจ็บจำนวนมาก และเล็ดลอดหนีกลับออกไปแบบทุรักทุเร/
    ---------------------------------
    กลยุทธอุบายค่ายร้างหรือเมืองร้างของอาจารย์ขงเบ้งตามพิชัยยุทธยังคงใข้ได้เสมอคือ"ไม่มีคือมี"หรือเท็จเป็นจริง"ที่ชอบใช้ในยุคสงครามสามก๊ก ตอนโจหยิ่นเข้าโจมตีเมืองซินเอี๋ยของเล่าปี่ ขงเบ้งใช้อุบายค่ายร้างแล้วแอบซุ่มทหารไว้สุดท้ายก็ตีกระหนาบทัพของโจหยิ่นแตกกระเจิง หรือตอนที่อาจารย์ขงเบ้งรบกับเบ้งเฮกก็ใช้อุบายค่ายร้างแล้วซุ่มทหารไว้สุดท้ายเบ้งเฮกถูกจับเป็นอีกครั้ง...
    https://www.almasdarnews.com/articl...ualties-in-failed-attack-against-syrian-army/
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    [....อย่างไรก็ดี หลายคนอาจจะรู้สึกว่ากรณีของไทยนั้นก็ควรจะแตกต่างออกไปสิ เพราะแกนกลางหลักของข้อเรียกร้องคือการแบ่งแยกดินแดน ไม่ใช่เรื่องศาสนา ซึ่งก็คงเป็นเช่นนั้นจริง แต่คำถามคือ เขามองว่าการแยกดินแดนนั้นคือการแยกดินแดนระหว่างใครกับใคร? เรื่องหนึ่งที่ต้องยอมรับ ไม่ว่าคุณจะนับถือศาสนาใดก็ตาม คือ ผู้ก่อเหตุในไทยโดยมาก (แบบมากๆ) แล้วเป็นคนมุสลิม (ทั้งนี้ไม่ได้ยกขึ้นมาเพื่อจะดิสเครดิตคนมุสลิมใดๆ) เพราะฉะนั้นจึงเป็นการง่ายมากครับในกรณีแบบนี้ที่จะใช้ “ความต่างทางศาสนามาเป็นเครื่องมือในการแบ่งแยกและสร้างความเป็นอื่น ร่วมไปกับการแบ่งแยกดินแดนด้วย”

    หากการแบ่งแยกดินแดนถูกมองว่าฝั่งนั้นคือดินแดนของคนพุทธ ฝั่งนี้คือดินแดนของคนมุสลิม หรือการมองว่าผู้ปกครองคนพุทธ เอารัดเอาเปรียบรังแกคนมุสลิมที่เป็นเจ้าของพื้นที่ เช่นนี้เป็นตัวอย่าง ก็สามารถสร้างความเป็นอื่นโดยใช้ฐานคิดทางศาสนาได้โดยง่ายแล้ว แม้แกนกลางของข้อเรียกร้องหลักจะเป็นเรื่องการแบ่งแยกดินแดนก็ตามที เพราะฉะนั้นพระภิกษุสงฆ์ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของความเป็นพุทธในพื้นที่ เป็นพุทธยิ่งกว่าใครไหนๆ จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ชัดเจนและมีแนวโน้มที่จะถูกเลือกเป็นเหยื่อมากที่สุดนั่นเอง


    ซึ่งการจะแก้ไขปัญหาที่ของวิธีคิดในลักษณะนี้คือการทำลายความเป็นอื่นของศาสนาให้มากที่สุด และไม่ใช่ในระดับพื้นที่นั้นๆ เป็นการเฉพาะด้วย แต่ต้องทำในสเกลระดับประเทศ


    ผมคิดว่าสังคมไทยปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าการพัฒนาต่างๆ ความเจริญต่างๆ งบประมาณในการเสริมความก้าวหน้ากระจุกตัวมาก โดยเฉพาะกับ ‘เมืองพุทธ’ ทั้งหลาย หากมองจากสายตาของคนที่รู้สึกว่าตนเองกำลังโดนเอารัดเอาเปรียบและแยกพวกอยู่ การพัฒนาเมืองในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เทียบกับพื้นที่อื่นๆ นั้นยังด้อยกว่ามาก งบประมาณเดียวที่ลงไปยังพื้นที่นี้ คือ งบประมาณที่ลงไปเพื่อตอบโต้ เพื่อปราบปราม ซึ่งนั่นยิ่งจะสร้างความเป็นอื่นและความเป็นศัตรูให้ดุดันยิ่งขึ้นไป


    หากจะลดความเป็นอื่น การตั้งใจพัฒนาความเป็นเมืองและชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เท่าทันพื้นที่อื่นๆ ถือว่าสำคัญครับ เพื่อให้คนในพื้นที่ ไม่ว่าจะฝั่งไหนฝ่ายไหนได้รับรู้ว่า “เราไม่ใช่พวกอื่นของกันและกัน เราต่างเป็นพวกเดียวกัน และพวกเขาได้รับการแยแส ดูแลอยู่โดยไม่ต่างจากใครในพื้นที่ไหนๆ” ด้วย]

    การบุกฆ่าพระในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กับบทเรียนในมุมก่อการร้ายศึกษา Posted On 21 January 2019 Kriddikorn Padermkurkulpong

    2 - Copy.JPG

    ก่อนจะเริ่มพูดถึงเนื้อหาอะไรโดยละเอียด ผมขอเริ่มด้วยการแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดการบุกยิงวัดรัตนานุภาพ ในจังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2561 จนมีผู้เสียชีวิตเป็นพระทั้งสิ้น 3 รูป (หนึ่งในนั้นคือ พระครูประโชติ เจ้าอาวาสวัด) และพระบาดเจ็บอีก 2 รูป ตัวผมเองขอร่วมประณามการกระทำในครั้งนี้ หรือครั้งไหนๆ ก็ตามในลักษณะเดียวกัน ทั้งยังเห็นด้วยว่าการพยายามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายและตามกระบวนการยุติธรรมนั้นต้องเกิดขึ้นโดยเร็วและถี่ถ้วนที่สุด ไม่ว่าจะกับการก่อเหตุในครั้งไหนๆ ก็ตามที

    ทั้งนี้ แม้ผมจะร่วมรู้สึกเสียใจไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยอย่างมาก กระนั้นผมเองก็ไม่คิดว่าการออกมาแต่เพียงประณามการกระทำ แสดงความเสียใจต่อผู้ที่สูญเสีย ใช้ทุกขุมกำลังจับตัวผู้ก่อเหตุขึ้นมา หรือกระทั่งมีความคิดเห็นที่เสนอให้ฆ่าพวกผู้ก่อเหตุให้เหี้ยนทั้งบางต่างๆ นานา เหตุการณ์อันน่าเศร้าได้เกิดขึ้นแล้ว (จริงๆ คือซ้ำแล้วซ้ำอีก) และมันก็ไม่ควรจะผ่านไปแล้วเหลือทิ้งไว้แต่ความเศร้าและโกรธแค้น แต่เหตุการณ์เหล่านี้ควรถูกนำกลับมาขบคิดและทบทวนอย่างจริงจังด้วย อย่างในกรณีล่าสุดนี้ คำถามพื้นฐานมากๆ เลยอาจจะเป็นว่า “ทำไมต้องมุ่งจู่โจมวัด หรือสังหารพระ?” เป็นต้น

    อย่างไรก็ดี แม้ตัวผมเองจะจบการศึกษาด้านก่อการร้ายศึกษา (critical terrorism studies) มา แต่ผมเองก็ต้องขอออกตัวอีกแรงๆ ไว้ก่อนว่าตัวผมเองนั้นไม่ใช่คนที่เชี่ยวชาญหรือกระทั่งมีความสนใจกับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพิเศษอะไร ยังมีคนที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้ระดับเจาะลึกมากกว่าผม ฉะนั้นมุมมองที่ผมอยากจะชวนมาคิดกันในวันนี้จึงเป็นมุมมองแบบก่อการร้ายศึกษาจากมุมกว้าง ที่พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในแบบที่ขอเพียงเราติดตามข่าวบ้าง รับรู้และสนใจเรื่องราวทางการเมืองบ้าง ไม่ต้องเป็นผู้ชำนาญการระดับรู้ลึกอะไรเกี่ยวกับพื้นที่นี้แบบคนที่ลงพื้นที่ทำวิจัยกันนานปี ก็สามารถนำเนื้อหาบทเรียนต่างๆ มาขบคิดต่อไปได้

    ประการแรกเลยที่ผมคิดว่าเราต้องเข้าใจกันก่อนก็คือ ต่อให้เราประณามผู้ก่อเหตุปานใด หรือโกรธแค้นผู้ก่อเหตุปานใดก็ตาม “พวกเขาไม่ได้แคร์” นะครับ ตรงกันข้าม พวกเขารู้อยู่แล้วว่าจะต้องโดนแบบนี้ และจงใจที่จะโดนแบบนี้เสียด้วยซ้ำ เพราะเมื่อเราประณามแล้ว เราโกรธแค้นแล้ว การกระทำของพวกเขาก็จะเป็นที่สนใจ และได้พื้นที่สื่อมากอย่างที่ได้เกิดขึ้นแล้ว ผมคิดว่าหลายๆ ท่านเองก็ทราบดีอยู่แล้วว่า การก่อความรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นเกิดขึ้นตลอด แทบจะไม่มีเดือนไหนเลยที่ว่างเว้น อย่างไรก็ดีแม้จะมีเหตุการณ์อยู่เรื่อยๆ แต่ผมคิดว่าปฏิเสธไม่ได้หรอกครับว่าอย่างน้อยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ข่าวความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้แทบไม่ได้รับความสนใจใดๆ เลย โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ความสนใจที่เกิดขึ้นกับกรณีการบุกวัดและฆ่าพระภิกษุในครั้งนี้

    ส่วนต่างของความสนใจนี้เองที่เราต้องนำมาคิด ทั้งนี้ผมอยากจะย้ำแรงๆ แบบขีดเส้นใต้ซ้ำๆ เลยนะครับว่าผมไม่ได้ต้องการจะสื่อว่าผู้ก่อเหตุไม่ผิด และเป็นพวกเรานี่แหละที่ผิด ไม่ใช่แบบนั้นครับ ผู้ก่อเหตุคือผู้ที่กระทำความผิด และสมควรได้รับการลงโทษ อย่างไรก็ดีการประกอบสร้างเหตุการณ์ที่นำมาสู่จุดนี้ได้นั้น ผมคิดว่าตัวสังคมเราเองก็ปฏิเสธความเกี่ยวข้องไม่ได้เช่นกัน

    ที่ผมบอกว่า ‘ส่วนต่างของความสนใจ’ นี้ต้องนำมาคิดก็เพราะว่า ผู้ก่อการร้ายไม่ว่าจะที่ใดในโลกก็ล้วนแต่ต้องการจะสื่อสารกึ่งเสนอข้อเรียกร้องที่ต้องการให้รัฐฟังและยอมรับตามครับ แต่พร้อมๆ กันไป สถานะของพวกเขานั้นก็เป็นศัตรูของรัฐด้วย

    ฉะนั้นการเรียกร้องการสื่อสารของผู้ก่อการร้ายจึงต่างจากการที่ประชาชนในรัฐออกมาชุมนุมอยากเลือกตั้ง/อย่าเลื่อนเลือกตั้ง เพราะแม้นั่นจะเป็นการสื่อสารต่อรัฐเหมือนกัน เป็นการเรียกร้องต่อรัฐเหมือนกัน แต่โดยหลักการแล้วสถานะของประชาชนนั้น ‘ไม่ใช่ศัตรูของรัฐ’ แบบผู้ก่อการร้าย (แต่กับรัฐบาลทหารที่ไม่ได้แยแสประชาชนนัก ผมก็ไม่แน่ใจในหลักการข้อนี้มากนัก) เพราะฉะนั้นสำหรับผู้ก่อการร้ายแล้ว วิธีการสื่อสารที่จะทำให้รัฐยอมตามพวกเขานั้นจึงแตกต่างออกไป

    เมื่อพวกเขาต้องการจะส่งสาร ต้องการให้มีการฟังอย่างจริงจัง ต้องการให้มีความคืบหน้ากับตัวข้อเสนอของพวกเขา (ผ่านการใช้ความรุนแรงอย่างที่รู้กันนั่นแหละครับ) แต่ทั้งรัฐไทย และทั้งตัวสังคมไทยเองกลับนิ่งเฉย ไม่สนใจ ไม่แยแส กระทั่งชาชินกับ ‘ความรุนแรงแบบเดิมๆ’ การมุ่งหาวิธีการแบบใหม่ๆ ที่จะเรียกร้องหรือสร้างพื้นที่ความสนใจ (ที่เรามักจะเรียกกันว่า ‘การยกระดับความรุนแรง’) ก็มักจะเป็นสิ่งที่ตามมาครับ ซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้มีมาโดยตลอดประวัติศาสตร์การก่อการร้ายของโลก ไม่ได้จำเพาะอยู่แต่ที่ไทย อย่างช่วง ทศวรรษ 1930s-ก่อนการยุติลงของสงครามเย็น การก่อการร้ายโดยมากแล้วก็มักจะลงมือกับพวกพื้นที่เชิงสัญลักษณ์ต่างๆ อย่าง อนุสาวรีย์ สถานทูต ฯลฯ โดยไม่ได้สนว่าจะมีคนตายอะไรไหม มีหรือไม่ก็ได้ เพราะต้องการจะแสดงออกถึงตัวตน และกดดันข้อเรียกร้องของตน แต่เมื่อสังคมเริ่ม ‘ชาชิน’ กับวิธีดังกล่าว ช่วงหลังสงครามเย็นเป็นต้นมา การก่อการร้ายโดยเฉลี่ยก็ดูจะยกระดับขึ้น (จนถูกเรียกชื่อว่า ‘ยุคการก่อการร้ายใหม่’ หรือ new terrorism age) ที่มุ่งเน้นการ ‘ฆ่าคนเป็นจำนวนมาก’ ด้วย จากเดิมที่จะมีคนตายหรือไม่ก็ไม่ใช่ประเด็นนัก

    กรณีการบุกวัด และสังหารพระภิกษุ โดยเฉพาะพระชื่อดังที่เป็นที่รักและเคารพในพื้นที่เองก็เช่นกัน ความเฉยชาของสังคมโดยรวมนี่แหละครับ ที่นำเรามาสู่จุดนี้ ผมไม่ได้เขียนแบบนี้เพื่อจะให้ความชอบธรรมกับการใช้ความรุนแรงของผู้ก่อเหตุ หรือผลักความผิดมาให้กับสังคมไทยอะไรทั้งสิ้นนะครับ “ไม่ ไม่ และไม่” เลย ผมยืนยันอย่างชัดเจนว่าพวกเขาผิด แต่ความผิดที่ว่านี้ไม่ใช่เราไม่มีส่วนเอี่ยวเลย อีกทั้งแม้ว่ามันจะเป็นการกระทำที่ผิดชัดๆ แน่นอน อย่างการก่อการร้าย ก็ไม่ได้แปลว่าเราควรจะเลิกทำความเข้าใจในเหตุผลเบื้องหลังของตัวการกระทำเสียเมื่อไหร่

    ตรงกันข้าม ผมพูดเสมอเวลาอธิบายถึงหัวข้อเกี่ยวกับการก่อการร้ายครับว่า “ผู้ก่อการร้ายเข้าใจเรา มากกว่าที่เราเข้าใจตัวพวกเขา” พวกเขารู้ว่าเราชอบอะไร ไม่ชอบอะไร รักอะไร นิยมอะไร และเราเกลียด หรือกลัวอะไรด้วย เขารู้ว่าอะไรที่จะสั่นคลอนเราได้ ทำให้เรารู้สึกไร้ซึ่งความมั่นคงได้ และความรู้สึกไร้ความมั่นคงนี้เองที่จะเป็นรากฐานสำคัญในการทำลายรัฐทั้งองคาพยพ เพราะภารกิจหลักของรัฐชาติสมัยใหม่นั้นคือการประกันความมั่นคงให้กับประชากรของรัฐ พวกเขารู้ถึงสิ่งเหล่านี้ดี และใช้มันต่อรองกับรัฐ ในขณะที่เราแทบจะไม่รู้อะไรจริงๆ จังๆ เกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายเลยโดยเปรียบเทียบ ฉะนั้นเมื่อเรายิ่งไม่รู้จักพวกเขา เรายิ่งจำเป็นต้องทำความเข้าใจให้มาก แม้สิ่งที่เราต้องพยายามเข้าใจจะเป็นความรุนแรงที่เลวร้ายปานใดก็ตาม

    พูดแบบง่ายๆ ก็คือ หยุดเฉยเมย หยุดเมินเฉย หยุดชาชินกับความรุนแรงไม่ว่าจะกรณีใดๆ ไม่ว่าจะกับพระภิกษุ อิหม่าม คนพุทธ คนมุสลิม หรือใครใดๆ ก็ตาม เราควรจะหยุดชาชินกับมันได้แล้ว ไม่เช่นนั้นความรุนแรงก็อาจจะถูกยกระดับอีก เหมือนอย่างเหตุการณ์ระเบิดที่ศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ เหตุการณ์ระเบิดในหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ระเบิดรถไฟ ระเบิดโรงแรม ฯลฯ

    นอกจากการต้องเลิกเมินเฉยแล้ว ยังต้องเรียกร้องให้ “หยุดการใช้วิธีเดิมๆ ในการแก้ปัญหานี้”

    เราแก้ปัญหานี้ด้วยวิธีการเดิมๆ มาเกือบจะ 2 ทศวรรษแล้ว ปัญหาไม่เพียงไม่ได้รับการแก้ไข แต่กลับหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เพราะพวกเขาไม่หยุดหรอกครับกับการมาโดนประณาม โกรธแค้น พวกเขาคือคนที่ลงมือปฏิบัติการโดยรู้ตัวอยู่แล้วว่าตัวเองอาจจะตายได้ ฉะนั้นเขาไม่หยุดด้วยคำก่นด่า ผู้ก่อการร้ายจะไม่หยุดตราบเท่าที่ข้อเรียกร้องของเขาจะได้รับการฟังอย่างตั้งใจและได้รับการตอบรับ ฉะนั้นหากคิดจะหยุด ‘การยกระดับความรุนแรง’ แบบกรณีที่เกิดขึ้นนี้ มีแต่เราต้องเรียกร้องให้รัฐบาลพูดคุย เจรจา และหาทางออกแบบที่ยอมรับกันได้ทั้งสองฝั่งครับ ไม่มีอะไรที่มีค่าหรือน้ำหนักมากกว่าชีวิตของประชาชนของคุณหรอก และอย่ามัวแต่คิดว่า “พวกนี้มันเป็นใคร ทำไมมามีอำนาจมาต่อรองหรือสั่งรัฐบาลได้” เพราะราคาที่ต้องจ่ายคือชีวิตคนจริงๆ และนั่นคือประการที่หนึ่งว่าทำไมจึงต้องเกิดการใช้ความรุนแรงกับวัดและพระภิกษุขึ้น (เป็นการพยายามทำความเข้าใจเหตุผลของผู้ก่อเหตุนะครับ ไม่ได้แปลว่าเห็นด้วยกับการกระทำใดๆ)

    ประการที่สอง คือเรื่องอำนาจตามธรรมชาติของมนุษย์ที่เรียกว่าโฮโมเซเปียนส์อย่างเราๆ นี่แหละครับ มนุษย์โฮโมเซเปียนส์มีทักษะทางภาษาที่สำคัญมากอย่างหนึ่งที่สิ่งมีชีวิตร่วมโลกอื่นๆ ดูจะไม่มี กระทั่งมนุษย์เฉกเช่นเดียวกันแต่ไม่ได้อยู่ในสายพันธุ์เราก็ไม่มี (อย่างน้อยก็ตามที่ Yuval Harari ผู้เขียนเรื่อง Sapiens ว่าไว้) นั่นคือความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อสื่อถึง ‘สิ่งซึ่งไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง’ ครับ มนุษย์เรารวมตัวกันได้ด้วยสิ่งต่างๆ ที่ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง ไม่ได้จับต้องได้นี่แหละครับ

    ชาติ ศาสนา มิตรภาพ ความเป็นธรรม ประชาธิปไตย สายสัมพันธ์ ความรัก สิ่งเหล่านี้คือ ‘พลังทางภาษา’ ที่ใช้พูดถึงสิ่งซึ่งไม่มีตัวตนอยู่จริงได้ และกลายเป็น ‘สำนึกร่วมหมู่’ ของชุมชนนั้นๆ ขึ้นมา อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดสำนึกร่วมหมู่ขึ้น ก็มักจะเกิด “ความเป็นเรา (หมู่เรา/พวกเรา) และความเป็นอื่น (หมู่อื่น/พวกอื่น)” ขึ้นด้วยเสมอ ไม่เพียงเท่านั้น ภายใน ‘ความร่วมหมู่ที่จับต้องไม่ได้’ นี้เอง ก็มักจะมีสิ่งซึ่งจับต้องได้ที่ทำงานเป็นกลไกในการขับเคลื่อนสำนึกร่วมหมู่อยู่ด้วยเสมอ อาจจะในรูปเชิงสัญลักษณ์ หรือตัวแทนที่ทำหน้าที่ให้สิ่งซึ่งจับต้องไม่ได้ทำงานได้จริงๆ ขึ้นมาก็ได้

    อย่าง ‘รัฐ’ เอง ที่เป็นสำนึกร่วมหมู่ที่จับต้องอะไรไม่ได้ แต่รัฐผนึกคนเอาไว้ได้ ก็มักจะถือว่ามี ‘รัฐบาล’ ทำหน้าที่แทน แน่นอนครับว่า “รัฐบาล ไม่เท่ากับ รัฐ” แต่ก็ถูกมองในฐานะแกนกลางของชุมชนทางการเมืองที่เรียกว่ารัฐไป เพราะรัฐบาลทำหน้าที่เป็นกลไกให้สิ่งซึ่งจับต้องไม่ได้ ผูกคนไว้ด้วยกันเพื่อให้รัฐทำงานตามหน้าที่ของมันต่อไปได้ ศาสนาก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นศาสนสถาน สถาบันศาสนาต่างๆ หรือตัวผู้บวชเอง “ต่างไม่ได้เท่ากับ ‘ตัวศาสนา’ โดยตัวมันเอง” เป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่ง แต่ไม่ได้เท่ากับตัวตนของศาสนานั้นๆ (ซึ่งคงเถียงกันไม่จบว่าคืออะไรบ้าง มีขนาดเท่าไหร่) อย่างไรก็ตาม ทุกศาสนาก็มีตัวกลางที่ทำหน้าที่แบบรัฐบาลในกรณีรัฐ คือ ทำให้ศาสนาดำเนินการ (operate) ต่อไปได้

    เพราะฉะนั้นภายใต้การใช้ความรุนแรงที่มีการแบ่ง ‘ความเป็นพวกเรา–พวกอื่น’ อย่างชัดเจนแบบการก่อการร้าย และในหลายกรณีมักจะถูกผลักดันด้วยคำสอนหรือการตีความทางศาสนา หรือใช้ศาสนาในการเป็นเครื่องมือสำคัญในการประกอบสร้างความเป็นอื่นนั้น ตัวผู้บวชที่ทำหน้าที่หรือมีภาพของการเป็นกลไกสำคัญ กลไกศูนย์กลางของชุมชนที่เรียกว่าศาสนา ก็ย่อมตกเป็นเป้าหมายได้ง่ายที่สุดกรณีหนึ่ง

    ทั้งนี้ผมไม่ได้พูดในเซนส์ที่ว่าศาสนาสอนให้คนใช้ความรุนแรงนะครับ แต่อย่างน้อยที่สุดที่จะต้องยอมรับ คือ ไม่ว่าจะเป็นพุทธ คริสต์ หรืออิสลามก็ตาม มักมีกลุ่มคนที่ตีความคำสอนอันนำไปสู่การใช้ความรุนแรงอยู่จริง และมีคนที่เชื่อในการตีความแบบนั้น “โดยไม่เกี่ยวกับว่าตัวคุณเอง ตัวเราเองนั้นจะเห็นด้วยกับการตีความที่ว่าหรือไม่” การเห็นด้วยเห็นต่างของเรามันไม่สำคัญ ประเด็นอยู่ที่ว่ามีคนที่เชื่อและเห็นด้วยตามการตีความแบบนั้นอยู่ นั่นทำให้ปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่าศาสนาเองเป็นบ่อเกิดของความรุนแรงมากที่สุดปัจจัยหนึ่งของโลก

    พุทธฆ่ามุสลิมในพม่า มุสลิมฆ่าพุทธในไทย คริสต์ฆ่ามุสลิมในตะวันออกกลาง มุสลิมไปฆ่าคริสต์อีกที่ในยุโรป แน่นอนว่ามีหลายกรณีที่การอ้างเรื่องศาสนานั้นไม่สมเหตุสมผลอย่างกรณี IRA ที่จะบอกว่าเป็นเรื่องคริสต์ฆ่าคริสต์นั้นก็ไม่สมเหตุสมผลนัก เพราะเหตุผลหลักคือเรื่องการแบ่งแยกดินแดนและมีการนำความเป็นศาสนาเข้ามาโยงน้อยมาก ในกรณีแบบนี้ก็ต้องบอกว่าปัจจัยหลักคือเรื่องชาตินิยม เป็นต้น

    การก่อการร้ายในหลายกรณีใช้คำสอนทางศาสนา หรือความเป็นอื่นทางศาสนามาเป็นตัวกระตุ้นที่สำคัญ และในกรณีแบบนี้นักบวชก็เป็นเหยื่ออยู่หลายครั้ง อย่างในปี 2016 บาทหลวงที่โบสถ์ในเมืองนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส ก็ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมด้วยการปาดคอ ทั้งยังใช้มีดแทงชายอายุ 86 ปีอีก 1 คนในโบสถ์ ผู้ก่อเหตุทั้งสองคนประกาศตัวว่าเป็นผู้สวามิภักดิ์กับ ISIS ซึ่งชัดเจนในเรื่องการใช้คำสอนทางศาสนามาเป็นเครื่องมือสำคัญในการชักนำและสร้างความเป็นอื่น

    อย่างไรก็ดี หลายคนอาจจะรู้สึกว่ากรณีของไทยนั้นก็ควรจะแตกต่างออกไปสิ เพราะแกนกลางหลักของข้อเรียกร้องคือการแบ่งแยกดินแดน ไม่ใช่เรื่องศาสนา ซึ่งก็คงเป็นเช่นนั้นจริง แต่คำถามคือ เขามองว่าการแยกดินแดนนั้นคือการแยกดินแดนระหว่างใครกับใคร? เรื่องหนึ่งที่ต้องยอมรับ ไม่ว่าคุณจะนับถือศาสนาใดก็ตาม คือ ผู้ก่อเหตุในไทยโดยมาก (แบบมากๆ) แล้วเป็นคนมุสลิม (ทั้งนี้ไม่ได้ยกขึ้นมาเพื่อจะดิสเครดิตคนมุสลิมใดๆ) เพราะฉะนั้นจึงเป็นการง่ายมากครับในกรณีแบบนี้ที่จะใช้ “ความต่างทางศาสนามาเป็นเครื่องมือในการแบ่งแยกและสร้างความเป็นอื่น ร่วมไปกับการแบ่งแยกดินแดนด้วย”

    หากการแบ่งแยกดินแดนถูกมองว่าฝั่งนั้นคือดินแดนของคนพุทธ ฝั่งนี้คือดินแดนของคนมุสลิม หรือการมองว่าผู้ปกครองคนพุทธ เอารัดเอาเปรียบรังแกคนมุสลิมที่เป็นเจ้าของพื้นที่ เช่นนี้เป็นตัวอย่าง ก็สามารถสร้างความเป็นอื่นโดยใช้ฐานคิดทางศาสนาได้โดยง่ายแล้ว แม้แกนกลางของข้อเรียกร้องหลักจะเป็นเรื่องการแบ่งแยกดินแดนก็ตามที เพราะฉะนั้นพระภิกษุสงฆ์ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของความเป็นพุทธในพื้นที่ เป็นพุทธยิ่งกว่าใครไหนๆ จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ชัดเจนและมีแนวโน้มที่จะถูกเลือกเป็นเหยื่อมากที่สุดนั่นเอง

    ซึ่งการจะแก้ไขปัญหาที่ของวิธีคิดในลักษณะนี้คือการทำลายความเป็นอื่นของศาสนาให้มากที่สุด และไม่ใช่ในระดับพื้นที่นั้นๆ เป็นการเฉพาะด้วย แต่ต้องทำในสเกลระดับประเทศ

    ผมคิดว่าสังคมไทยปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าการพัฒนาต่างๆ ความเจริญต่างๆ งบประมาณในการเสริมความก้าวหน้ากระจุกตัวมาก โดยเฉพาะกับ ‘เมืองพุทธ’ ทั้งหลาย หากมองจากสายตาของคนที่รู้สึกว่าตนเองกำลังโดนเอารัดเอาเปรียบและแยกพวกอยู่ การพัฒนาเมืองในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เทียบกับพื้นที่อื่นๆ นั้นยังด้อยกว่ามาก งบประมาณเดียวที่ลงไปยังพื้นที่นี้ คือ งบประมาณที่ลงไปเพื่อตอบโต้ เพื่อปราบปราม ซึ่งนั่นยิ่งจะสร้างความเป็นอื่นและความเป็นศัตรูให้ดุดันยิ่งขึ้นไป

    หากจะลดความเป็นอื่น การตั้งใจพัฒนาความเป็นเมืองและชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เท่าทันพื้นที่อื่นๆ ถือว่าสำคัญครับ เพื่อให้คนในพื้นที่ ไม่ว่าจะฝั่งไหนฝ่ายไหนได้รับรู้ว่า “เราไม่ใช่พวกอื่นของกันและกัน เราต่างเป็นพวกเดียวกัน และพวกเขาได้รับการแยแส ดูแลอยู่โดยไม่ต่างจากใครในพื้นที่ไหนๆ” ด้วย

    ประการที่สาม ผมอยากจะพูดถึงแต่เพียงสั้นๆ ครับว่าการเลือก ‘เหยื่อ’ แบบพระภิกษุสงฆ์ หรือครูในโรงเรียน หรือบุกโรงพยาบาลที่กลายเป็นกระแสและได้พื้นที่ความสนใจมากกว่า (อันนำมาซึ่งการเลือกลงมือกับคนกลุ่มนี้ ดังอธิบายไว้เป็น ‘ประการแรก’) เพราะเรื่องของ estimation หรือการอยู่ในกรอบการคาดคะเน

    ที่จะเขียนนี่ไม่ได้จะแช่งหรือประสงค์ร้ายอะไรนะครับ แต่เวลาที่เราได้ยินข่าวทหารเสียชีวิต หรือตำรวจเสียชีสิตในหน้าที่ต่างๆ แม้เราจะโศกเศร้าเสียใจไปกับการสูญเสียด้วย แต่พร้อมๆ กันไปเราอาจจะไม่ได้รู้สึกแปลกประหลาดใจหรือเซอร์ไพร์สมากนัก เพราะในระดับหนึ่งเรารู้อยู่แล้วว่าอาชีพกลุ่มนี้มีความเสี่ยง ต้องเอาชีวิตไปผจญกับอันตราย ฉะนั้นแม้เราจะไม่ได้ปรารถนาให้เจ้าหน้าที่คนใดๆ เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ แต่พร้อมๆ กันไปเราก็มีการ ‘เผื่อใจ’ ไว้อยู่แล้ว ด้วยตัวบทบาทของอาชีพที่พวกเขาทำ เพราะฉะนั้นการเสียชีวิตของบุคลากรด้านความมั่นคงเหล่านี้ แม้จะนำมาซึ่งความเสียใจ แต่ก็ไม่ได้เกิดกระแสความสนใจ เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์อะไรขึ้นมา (เกิดบ่อยๆ กลายเป็นชินอีกต่างหากประเทศนี้)

    แต่การฆ่าคนที่อยู่นอกกรอบการประมาณการ นอกพื้นที่การเผื่อใจของเราไว้ต่างหากครับ ที่จะทำให้เรารู้สึกตกใจ หวาดกลัว เพราะหากผู้ก่อเหตุเลือกฆ่าพระ ฆ่าครู บุกโรงพยาบาล หรือระเบิดรถไฟขึ้นมาแล้ว จะเป็นใครก็มีโอกาสโดนได้ แม้แต่คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่ได้เข้าปะทะก็ยังไม่รอดที่จะตกเป็นเหยื่อ ไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่พยายามตัดขาดตัวเองจากทางโลก ก็ยังอยู่ในข่ายความเสี่ยง ความรู้สึกแบบนี้แหละครับที่สั่นคลอนเรา “ความเหนือความคาดการณ์ ความคาดไม่ถึง ความไม่ได้ทำใจไว้” นั่นคืออีกเหตุผลหนึ่งครับที่พระได้กลายมาเป็น ‘ตัวเลือกของการก่อความรุนแรง’ ในวิธีคิดเรื่องการก่อการร้าย

    กับประเด็นนี้ ผมคงจะบอกอะไรไม่ได้มากไปกว่า การย้ำให้เข้าใจว่า การก่อการร้ายต่างจากการก่อสงคราม ที่ส่งทหารไปฆ่ากันและอาจจะเห็นแต่ความตายตามหน้าที่ แต่ในการก่อการร้ายนั้น คือ วิธีคิดที่ทำให้มองทุกคนในรัฐเป็นเหยื่อครับ ทั้งผู้ที่ถูกฆ่าและไม่ได้ถูกฆ่า และอย่างที่ได้บอกไปตั้งแต่ต้น ว่า “ผู้ก่อการร้ายเข้าใจพวกเรา มากกว่าที่เราเข้าใจพวกเขา” เสมอนะครับ ฉะนั้นแล้วก็คงต้องระวังตัวกันตามสภาพไป

    สุดท้าย ผมก็คงได้แต่ย้ำว่า เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีการจัดการเรื่องการก่อการร้ายได้แล้ว การส่งกองกำลังและใช้ความรุนแรงแก้ปัญหานั้นไม่ตอบโจทย์อะไร และทุกวันทุกนาทีที่คะยั้นคะยอจะใช้แต่วิธีการเดิม มันมีราคาที่แพงมากต้องแลกเปลี่ยนอยู่ อย่าดักดานไม่ยอมเจรจาและเปลี่ยนท่าทีเลย คุณเปลี่ยนใจเปลี่ยนความคิดผู้ก่อการร้ายด้วยกระสุนปืนไม่ได้หรอกครับ ถ้าพวกเขากลัวตายคงไม่หยิบเอาเสื้อกั๊กติดระเบิดมาใส่ไว้กับตัวหรอก

    Illustration by Kodchakorn Thammachart

    https://thematter.co/thinkers/monk-...0a9FnYPSOpWGIzkwPHX4LX2v6rJQp6ZDkyT94BI25Sshc
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถานการณ์โลก ด้านความมั่นคง

    55d2cb77-3f75-4919-851a-fef0c1a9305b.jpg
    รัสเซียปฏิเสธความต้องการของสหรัฐ:ที่เรียกร้องให้รัสเซียทำลายระบบ"ขีปนาวุธร่อน"ตัวใหม่ ซึ่งเป็นขีปนาวุธที่รัฐบาลสหรัฐกล่าวหาว่าเป็นการละเมิดสนธิสัญญา"นิวเคลียร์พิสัยกลาง"(INF)/ผู้ช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า ความต้องการของรัฐบาลสหรัฐในการถอดถอนระบบขีปนาวุธSSC-8/9M729นััน เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้พร้อมกล่าวปฏิเสธว่าอาวุธดังกล่าวไม่เป็นการละเมิดสนธิสัญญาINF/*(สนธิสัญญานิวเคลียร์พิสัยกลาง(INF)เป็นข้อตกลงสมัยสงครามเย็นที่มีการลงนามในปีค.ศ1987ซึ่งระบุให้"สหรัฐ-รัสเซีย"กำจัดอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่มีพิสัย1000-5500กิโลเมตร)/และยังกล่าวเพิ่มเติมว่าเราพร้อมจะแสดงการสาธิตการยิงขีปนาวุธดังกล่าวให้แก่สหรัฐ เราพร้อมแสดงความโปร่งใสเรื่องขีปนาวุธ9M729อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เนื่องจากมันได้สร้างความตื่นตระหนกให้แก่สหรัฐอย่างมาก(อิอิแขวะถากถางสหรัฐนิดหน่อย)เราได้เสนอการแสดงสาธิตการยิงขีปนาวุธและการบอกข้อมูลคร่าวๆให้แก่สหรัฐ ทั้งๆที่จริงเรื่องนี้ไม่ได้มีการระบุไว้ในเนื้อหาของสัญญาข้อตกลง(รัสเซียใจกว้างและเปิดเผย)ในขณะเดียวกันเรายืนยันว่า"สหรัฐก็ต้องแสดงท่าทีให้ชัดเจน"เพื่อบรรเทาความกังวลของเราด้วยกับเรื่องระบบAegis Ashoreซึ่งถูกเคลื่อนย้ายไปประเทศโรมาเนียและมีกำหนดการที่จะเคลื่อนย้ายไปยัง"ประเทศโปแลนด์"ในเร็วๆนี้เช่นกัน(สหรัฐใจกว้างๆหน่อยนะ)แถลงการณ์ดังกล่าวของฝ่ายรัสเซีย เกิดขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้"นายโรเบิร์ต วูด"ผู้แทนสหรัฐอเมริกา เรื่องการลดอาวุธเรียกร้องให้รัสเซีย"ทำลายขีปนาวุธ"เหล่านั้นในแบบที่สามารถตรวจสอบได้ เพื่อรักษาข้อตกลงในสนธิสัญญาINFพร้อมกล่าวหารัฐบาลรัสเซียว่า"สั่นคลอนความมั่นคงของโลก"(พูดผิดพูดใหม่ได้นะใครกันแน่)ผู้แทนสหรัฐยังกล่าวอีกว่าระบบขีปนาวุธนั้นมีความสามารถในการบรรทุกทั้งหัวรบแบบปกติและหัวรบนิวเคลียร์ ขีปนาวุธดังกล่าวเป็นการแสดงถึงการคุกคามอย่างรุนแรงโดยตรงต่อยุโรปและเอเซีย เนื่องจากมีพิสัย500-1500กิโลเมตร"นายโรเบิร์ต วูด"ผู้แทนสหรัฐกล่าวในที่ประชุมเรื่องการลดอาวุธ ซึ่งจัดขึ้นโดย"องค์การสหประชาชาติ"โดยไม่คาดคิด สหรัฐพบว่าเราไม่สามารถเชื่อใจรัสเซียว่าจะทำตามข้อตกลงการควบคุมอาวุธได้ การกระทำที่แข็งกร้าวและเป็นปรปักษ์ต่อโลกของรัสเซีย ทำให้ความตึงเครียดเพิ่มขึ้น(คนอะไรด่าชาติตัวเองก็เป็น)

    http://presstv.com/Detail/2019/01/2...1qDEmPFIJYQLqMzLCBt-_U4BBRwrzsPhrYvWlkhoBcksk
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    MOREMOVE

    #มอร์มูฟเป็นข่าว สมชื่อ!! 'ซีพี ออลล์' จริงๆ ค่ะ หลังจากก่อนหน้านี้สามารถเฉือนชนะประมูลโครงการเดินรถใน #โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม3สนามบิน #EEC เฟส 1 ช่วงกรุงเทพฯ-อู่ตะเภา ได้สำเร็จ ล่าสุด แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า #การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ระบุในข้อเสนอการว่าจ้างไว้ว่า ให้กลุ่มซีพีซึ่งชนะการประมูลดังกล่าวเข้ามาเดินรถในเฟส 2 ช่วงอู่ตะเภา-ตราด ระยะทาง 300-400 กิโลเมตร วงเงินลงทุนมากกว่า 3 แสนล้านบาทได้ด้วย #โดยไม่ต้องเปิดประมูล อ้างเหตุผล เพื่อความสะดวกสบายของประชาชน!??

    ทั้งนี้ อาจมีการว่าจ้างเอกชนรายเดิมเดินรถเหมือนกรณีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยในส่วนของการว่าจ้างที่ปรึกษาเข้ามาดูภาพรวมของโครงการเฟส 2 ถือว่าล่าช้ากว่ากำหนด เนื่องจากขั้นตอนจัดซื้อที่เพิ่มขึ้นตามกฎหมายใหม่และเจ้าหน้าที่ขาดประสบการณ์ ดังนั้น รฟท.จึงตั้งเป้าหมายลงนามสัญญาว่าจ้างดังกล่าวให้ได้ภายในเดือนนี้หรือ ก.พ. 2562.

    ------------------------------------------

    อ่านต่อ : https://www.posttoday.com/economy/577683 // https://www.thaipost.net/main/detai...wCUYGeqOxsIPukw6jOfDNqDh6ppnHC_nj630hb9ZyBlmg


     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ช่างศุภวิชญ์ จูเปรมปรี

    IMG_8141.JPG
    10:06 #ขณะนี้เกิดการพ่นลาวาและปะทุเขม่าของภูเขาไฟโปโปกาเตเปเตล (Popocatépetl) ในเม็กซิโก 21:06 ตามเวลาท้องถิ่นหรือ ทางการประกาศให้ ปชช และนักท่องเที่ยวอยู่ห่างจากภูเขาไฟในรัศมี 12 กม. ดูคลิป


     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ราชสีห์ จิตอาสา


    ภาพมุมสูง คนงานติดยอดเครนถล่ม ย่านพระราม 3 เหล็กเสียบขา เสียเลือดมาก แต่มีสติ เจ้าหน้าที่ปืนขึ้นไปช่วยนำเชือกโรยตัว นำตัวผู้บาดเจ็บลงมา


    ขอบคุณคลิป VDO ป่อเต็กตึ๊ง รส.


     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แดง วงศ์ทวิชาติ

    IMG_8142.JPG IMG_8143.JPG
    22 Jan 2019

    #EarthquakeDisaster (Update 6.7> 6.9)

    ☆M 6.7 - ภูมิภาคปรินซ์เอ็ดเวิร์ดไอแลนด์

    2019-01-22 19:01:43 (UTC)

    43.078 ° S 42.226 ° E

    ความลึก 10.0 กม


    ◇ แผ่นดินไหว 6.9 ครั้ง - ภูมิภาค Prince Edward Islands

    เมื่อวันอังคารที่ 22 มกราคม 2019

    # 22 มกราคม 19:19 : คำนวณขนาดใหม่จาก 6.7 เป็น 6.9


    อังคาร, 22 ม.ค. 19:01:44 UTC - 39 นาทีที่ผ่านมา

    ขนาด: 6.9

    ความลึก: 10.0 กม.

    ละติจูด / ลองจิจูด: 43.11 ° S / 42.3 ° E

    ภูเขาไฟที่ใกล้ที่สุด: ปรินซ์เอ็ดเวิร์ดไอแลนด์ (520 km)

    แหล่งข้อมูลปฐมภูมิ : GFZ


    > เป็นแผ่นดินไหวครั้งที่ M6 + ครั้งที่ 3 ของวันใน 24 ชม.

    > M6.4 ตีนอกชายฝั่งของซุมบาประเทศอินโดนีเซียที่ 05:10 UTC (13:10 เวลาท้องถิ่น) ที่ระดับความลึก 27 กิโลเมตร (16.7 ไมล์)

    > การสั่นสะเทือนนำหน้าด้วย M6.0 เมื่อ 23:59 UTC, 21 มกราคม,

    M4.9 เวลา 00:08, M4.5 เวลา 00:56 และ M4.8 เวลา 01:57 UTC


    <> จากโพสต์เมื่อวานดาวเคราะห์เรียงตัวชุดใหม่ มีดาวเสาร์เวียนมาเพิ่ม เป็น ดาวพฤหัส, ดาวศุกร์ และที่มาใหม่คือดาวเสาร์. เมื่อจัดตำแหน่งจึงเรียงเป็น 4 ดวงกับโลก ดูรูปและรายละเอียดในลิงค์นี้. >>>>>

    #ดาวเคราะห์จัดแนวเรียงตัวอีกชุด

    * ดาวเคราะห์วีนัส ( ดาวศุกร์) จูปิเตอร์ (ดาวพฤหัส) และดาวเสาร์ จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้าตะวันออกเฉียงใต้เช้าวันพุธ

    45 นาทีก่อนพระอาทิตย์ขึ้น...!

    > เมื่อนับรวมกับโลกจึงเป็นแนวทิศทางเดียวกัน อาจมีแผ่นดินไหวรุนแรงในทิศทางนี้ในเวลาใกล้สว่าง. หรือเช้า..!!

    https://timeline.line.me/post/_ddhErL1Jo8ALu3dWhvyTVFdc6afGLf7-Q_cFuHs/1154817832305010541


    https://earthquake.usgs.gov/earthquakes/eventpage/us2000j7dn/executive


    https://www.volcanodiscovery.com/ea...gnitude6-PrinceEdwardIslandsRegion-quake.html

    Cr.คุณมาร์.


     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชาวบ้านสันทรายเผยนาทีแผ่นดินไหว 3.2 ริกเตอร์เห็นบ้านโอนเอนแต่นึกว่าเวียนหัว
    เผยแพร่: 23 ม.ค. 2562 11:52 ปรับปรุง: 23 ม.ค. 2562 12:00 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000000807901.jpg


    ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - แผ่นดินไหว 3.2 ตามมาตราริกเตอร์ที่สันทราย จังหวัดเชียงใหม่ แรงสั่นสะเทือนรู้สึกได้หลายจุด แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย ชาวบ้านเผยช่วงเกิดเหตุเหมือนบ้านโอนเอนได้แต่เข้าใจว่าป่วยจนเวียนหัว




    562000000807902.jpg


    กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 22 ม.ค. 62 ขนาด 3.2 ตามมาตราริกเตอร์ มีจุดศูนย์กลางอยู่บริเวณอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ลึกลงไปใต้ดินประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งเบื้องต้นมีรายงานว่าประชาชนสามารถรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในหลายจุด อย่างไรก็ตามไม่มีรายงานความเสียหาย

    โดยวันนี้ (23 ม.ค. 62) จากการตรวจสอบที่วัดต้นจันทน์ ตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ในวัดไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ ขณะเดียวกัน จากการสอบถามพระเณรในวัดต่างบอกว่าในช่วงที่เกิดเหตุไม่รู้สึกและไม่ทราบว่าเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้น แม้เณรจะนอนอยู่บนกุฏิที่เป็นอาคาร 2 ชั้น ขณะที่จากการสอบถามประชาชนพบว่ามีทั้งที่รู้สึกและไม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวครั้งนี้

    562000000807904.jpg


    562000000807907.jpg


    ขณะที่ชาวบ้านบางรายที่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวครั้งนี้บอกว่า ในช่วงที่เกิดเหตุกำลังนอนหลับอยู่ในบ้านที่เป็นบ้านไม้ทั้งหลัง ระหว่างนั้นรู้สึกเหมือนบ้านโอนเอนไปมา แต่เข้าใจว่าตัวเองไม่สบายทำให้รู้สึกเวียนหัวจึงไม่ทันได้สนใจและนอนหลับต่อไป จนกระทั่งตื่นเช้ามาทราบข่าวว่าแผ่นดินไหว จึงสำรวจในบ้านแต่ไม่พบว่ามีทรัพย์สินหรือข้าวของใดๆ ได้รับผลกระทบเสียหาย

    ขณะที่จากการสอบถามประชาชนในพื้นที่อีกจำนวนหนึ่งบอกว่า ไม่ทราบและไม่รู้สึกว่าแผ่นดินไหว ทั้งที่ยังไม่ได้นอนหลับ ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในพื้นที่อยู่หลายครั้ง และรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือน แต่ไม่ได้ตกใจใดๆ เพราะเป็นเพียงแผ่นดินไหวเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตามไม่เคยประมาท

    562000000807908.jpg


    562000000807909.jpg


    https://mgronline.com/local/detail/9620000007792
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข่าวแผ่นดินไหวและภัยพิบัติที่ญี่ปุ่น โดย นร.เก่าญี่ปุ่น

    A6B58BC4-3505-448C-B376-71EE667F1E12.jpeg
    กรมอุตุฯญี่ปุ่น (JMA) บอกว่ามีปากปล่องภูเขาไฟ 21 แห่งทั่วญี่ปุ่น ที่มีความเสี่ยงที่จะปะทุกว่าปากปล่องอื่นๆที่เฝ้าระวังอยู่ เช่น ภูเขา Tokachi บนเกาะทางภาคเหนือของ Hokkaido, ภูเขา Fuji และภูเขา Hakone ที่ใกล้ๆโตเกียว, ภูเขา Aso และ ภูเขา Sakurajima โดยทางกรมจะติดตั้งกล้องใหม่และอุปกรณ์เฝ้าระวังเพิ่มเติมต่อไป


    https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/en/news/20190123_18/


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เชียงใหม่แผ่นดินไหว3.2! ไม่กระทบเขื่อนแม่งัด-แม่กวง 23 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 11:51 น.

    image_big_5c47ef8935240.jpg 23 ม.ค. 62 - ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือแจ้งว่า คืนที่ผ่านมา (22 ม.ค.) เกิดเหตุแผ่นดินไหวศูนย์กลางที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เวลาประมาณ 23.00 น. ที่ละติจูด 18.97 องศาเหนือ ลองจิจูด 99.03 องศาตะวันออก มีความแรงขนาด 3.2 ในระดับความลึก 1 กิโลเมตร ทำให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ได้รับรู้ถึงแรงสั่นไหวชัดเจนบริเวณ อ.สันทราย อ.แม่แตง และ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ขณะนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหาย ซึ่งจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้

    ทางสำนักชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ แจ้งยืนยันว่า ไม่มีผลกระทบกับเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลและเขื่อนแม่กวงอุดมธาราที่อยู่ใกล้ศูนย์กลางเหตุดังกล่าว โดย อ.สันทรายก็เพิ่งมีเหตุเมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่เป็นแผ่นดินไหวขนาดเล็กขนาด 1.9 และวันที่ 18 ม.ค.เกิดที่ อ.แม่แจ่มขนาด 2.0 ซึ่งเป็นแผ่นดินไหวต่อเนื่องจากที่เกิดในประเทศลาวและเมียนมาร์ขนาด 4.0 และ 4.9 เมื่อวันที่ 16 และ 17 ม.ค.ที่ผ่านมาด้วย

    ด้านนายไพรินทร์ ลิ่มเจริญ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เบื้องต้นยังไม่มีรายงานถึงความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าว แม้ว่าช่วงที่เกิดเหตุประชาชนในพื้นที่จะรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้ชัดเจน แต่เป็นระยะสั้นๆ ซึ่งได้ประสานให้ท้องถิ่นและปกครองพื้นที่ ทำการสำรวจผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยละเอียดแล้ว.

    https://www.thaipost.net/main/detail/27305
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Afnan Abdulloh

    IMG_8155.JPG IMG_8156.JPG IMG_8157.JPG
    ภาพที่เห็นจนเคยชิน ภาพที่ไม่ต้องสร้าง

    ภาพที่แสดงความนอบน้อมระหว่างเจ้าคณะจัังหวัดนราธิวาส กับ บรรดาอีหม่ามในพื้นที่ชายแดนใต้ ที่เดินทางมาแสดงความเสียใจกรณีเหตุการณ์กราดยิงพระ 4 รูป ในวัด

    พระเทพศีลวิสุทธิ์ เจ้าคณะจัังหวัดนราธิวาส บอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการกระทำของคนบางกลุ่ม ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องของศาสนา การแสดงความรักของเจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส ต่อบรรดาอีหม่ามและชาวมุสลิม ก็พอจะบอกได้ว่าท่านเข้าใจสถานการณ์มาก และไม่ยอมตกหลุมกับดักของผู้ก่อเหตุ

    เราจะไม่แตกแยก เพราะหากเราแตกแยก เราจะตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดี ที่ต้องการให้เราขัดแย้งกัน (แวอาแซ แวมามุ ประธานชมรมอีหม่าม สุไหงปาดี กรรมการอิสลามจังหวัดนราธิวาส )

    เมื่อคนในพื้นที่ต่างก็ยืนยันว่า พวกเขารักกัน ทำไมคนอื่น ที่เข้าใจสถานการณ์เพียงผิวเผิน จึงพยายามเติมไฟให้พวกเขา หรือจริงๆแล้วใครกันที่พยายามสร้างความแตกแยก


    ภาพ : PPTV


     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มหากรุณาโพธิยาลัย โรงเจวัดสว่างอารมณ์

    . ใกล้ถึงเทศกาลวันตรุษจีน หลายๆบ้าน คงเตรียมตัวการไหว้ขอพร เทพเจ้าแห่งโชคลาภ วันนี้นำเรื่องราวโดยสังเขปของ เทพเจ้าไฉ่เสินเหย๋ มาให้ทุกคนได้ศึกษากัน


    ไฉ่ซิงเอี้ย หรือ ไฉ่เสินเหย๋

    ( 财神 : CaiShen, God of wealth, God of fortune)

    โดยคำว่า "ไฉ่เสิน" หรือ "ไฉซิ้ง" มีความหมายว่า "ทรัพย์สิน" หรือ "สิริมงคล" "เอี๊ย หรือ เหย๋" หมายถึง "เทพเจ้า"


    โดยเทพเจ้าที่ได้รับการนับถือว่าเป็นเทพไฉ่เสินเหย๋

    มีด้วยกันหลายองค์ แต่องค์ที่ได้รับการบูชามากที่สุด คือ "ฟ่านหลี และ ปี่กาน" ซึ่งเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ โดยถือว่าเป็น "ไฉ่เสินเหย๋ฝ่ายบุ๋น" ขณะที่ "จ้าวกงหมิง" และ "กวนอู" ถือเป็นไฉ่เสินเหย๋ฝ่ายบู๊


    การบูชาเทพไฉ่เสินเหย๋ สามารถพบได้ในหลายประเทศในทวีปเอเชีย เช่น ทิเบต, จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, อินเดีย, ไทย, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, มาเก๊า, ฮ่องกง เป็นต้น


    เทพเจ้าองค์นี้ที่มีความเก่าแก่ที่สุด พบที่บนหน้าผาในทิเบต เรียกว่าปาง "ชัมภล"


    เชื่อว่าเทพไฉ่เสินเหย๋ จะเสด็จมายังโลกมนุษย์เพียงปีละครั้ง คือ ในวันตรุษจีน


    ดังนั้น ชาวจีนตั้งแต่โบราณเมื่อเข้าสู่วันตรุษจีน (นับตั้งแต่ 0.00 น.) จะทำการตั้งโต๊ะบูชาเทพเจ้าไฉ่เสินเหย๋ โดยการหันหน้าไปทิศต่าง ๆ ที่เชื่อว่าเทพเจ้าไฉ่เสินเหย๋จะเสด็จลงมา ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละปี โดยเวลาที่จะทำการบูชา คือ 23.00 – 01.00 น. ของวันตรุษจีน


    โดยทำการบูชาที่ดาดฟ้าบ้าน หรือหลังคาบ้าน หรือระเบียงบ้านชั้นสองหรือสาม หรือหน้าบ้านก็ได้ ซึ่งของที่ทำการถวายสักการะบูชาใช้ของหวาน เช่น ผลไม้, อาหารเจ, บัวลอย, สาคู หรือของรับประทานต่างๆ ที่มีสีสันสดใส แต่ไม่ใช้ของคาวหรือเนื้อสัตว์ และกระดาษเงิน กระดาษทอง พร้อมกับนำสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเงินทอง เช่น สมุดบัญชีธนาคาร, เช็ค หรือกระเป๋าเงิน มาตั้งวางไว้ด้วย เป็นต้น


    เมื่อเทียนธูปที่ใช้บูชาใกล้มอด ให้รีบเชิญเข้าบ้าน และปิดประตูหน้าต่างให้สนิท เพื่อให้ควันธูปที่เหลือนั้นตลบอบอวลอยู่ภายในบ้าน เชื่อว่าเป็นการอัญเชิญเทพเจ้าไฉ่เสินเหย๋เข้ามาประทับในบ้าน.


    โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล

    ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต.

    มหากรุณาพุทธาลัย โรงเจวัดสว่างอารมณ์ แคเเถว นครปฐม 。 佛統三王阿隆大佛禪寺。大悲佛殿


     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers



    #Volcano #Popocatépetl

    23/01/19

    เวลา 10:06น. เวลาไทย

    เกิดการพ่นลาวาและปะทุเขม่าของภูเขาไฟโปโปกาเตเปเตล (Popocatépetl) ในเม็กซิโก 21:06 ตามเวลาท้องถิ่นหรือ 10:06 เช้านี้เวลาไทย ทางการประกาศให้ ปชช และนักท่องเที่ยวอยู่ห่างจากภูเขาไฟในรัศมี 12 กม.

    Via: paipibut

    ลูกนี้ที่แอดมินลงเรื่อง UFO ไปเมื่อ 13/01/19

    #Watchers
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers


    #สภาพอากาศ

    23/01/19

    ดอยอินทนนท์ เช้านี้อุณหภูมิ

    -ยอดดอย 5 องศา

    -กิ่วแม่ปาน 6 องศา

    นักท่องเที่ยวยังเดินทางมาท่องเที่ยวเนืองแน่น เฉลี่ยวันละ 2-3 พันคน


    เวลา 07:05

    สนามบินสุวรรณภูมิ 23°C

    เชียงใหม่ 18°C

    เชียงราย 17°C

    ลำปาง 18°C

    เลย 15°C

    แม่ฮ่องสอน 15°C

    น่าน 17°C

    สกลนคร 14°C

    พิษณุโลก 21°C

    ปากช่อง 17°C

    หัวหิน 25°C

    พัทยา 22°C

    ภูเก็ต 24°C

    อุดรฯ 16°C

    อุบลฯ 16°C

    หนองคาย 16°C

    ร้อยเอ็ด 14°C

    เพชรบูรณ์ 20°C

    #เชียงใหม่ #ดอยอินทนนท์

    Via: MiKe ChiangMai,mrvob


     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แกนนำพูโลจี้กองทัพ! ทบทวนนโยบายเกณฑ์ทหารมาบวชพระชายแดนภาคใต้วันพุธ ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2562, 12.25 น.


    23 มค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานการเคลื่อนไหวของกระบวนการพูโล ที่นำโดยนายกัสตูรี มะโกตา ได้เผยข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงสามภาษาด้วยกัน ไทย มาเลเซีย และอังกฤษ โดยในเนื้อหามีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงนโยบายการให้กำลังพลทหารอาสามาบวชพระในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงเรียกร้องให้มีการทบทวนและยังเรียกกำลังทหารออกจากพลเรือน มิเช่นนั้นถ้าเกิดการสูญเสียในอนาคตต้องรับผิดชอบ


    นอกจากนั้นในคำแถลงยังได้ระบุถึงการสูญเสียโต๊ะอีหม่ามในรอบเดือนที่ผ่านมา เสียชีวิตไปแล้วถึง3ราย แล้วยังมีการก่อเหตุยิงพระยิงเจ้าอาวาทในวัดรัตนานุภาพ จึงเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่สืบสวนให้แน่ชัดว่าทั้งสองเหตุการณ์เป็นการกระทำของฝ่ายไหน โดยถ้อยคำแถลงดังนี้


    ตามที่พล.อ.อภิรัชต์ ผู้บัญชาการทหารบก เตรียมแผนรับทหารสมัครใจบวชตามวัดในเขตพื้นที่ยึดครองปาตานีนั้น แม้ว่ามันยังไม่ผิดกฎหมายภายใต้ IHL แต่ถ้าทหารคละเคล้าเต็มตามวัดต่างๆ สถานะวัดจึงเปลี่ยนเป็นแยกกันไม่ออกทันทีระหว่างทหารกับพลเรือน อาจถูกกำจัดโดยพลาดพลั้งถึงพลเรือนอีกก็เป็นได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นกองทัพไทยต้องรับผิดชอบต่อเหตุอันไม่คาดฝันเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้หากครั้งนี้เป็นการตอบโต้การสังหารเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้าอีกเหตุการณ์หนึ่ง แทนที่จะมีการสอบสวนอย่างละเอียดว่าใครเป็นผู้กระทำความผิดจริง แต่น่าเสียดายที่ท่านพล.อ.อภิรัชต์ จุดไฟเสียเองซึ่งก็ป่วยการที่เราทุกคนพยายามที่จะดับมันจนทุกวันนี้


    และอย่าลืมว่ามีหลายกรณีที่เราทราบดีว่าทางกองกำลังยึดครองไทยปฏิบัติการที่เรียกว่าเป็นการก่อความรุนแรงตามแผน! แค่เดือนนี้เดือนเดียว มีอิหม่ามเสียชีวิตสามคนแล้ว มีเด็กที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะของเจ้าหน้าที่ อ.ยะหริ่ง แม่ค้าหญิงถูกรีดไถโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นสุไหงโกลกนั้น กองกำลังยึดครองไทยยังจะทำตัวเยี่ยงอาชญากรเช่นนี้อีกนานสักแค่ไหน? ดังนั้นเราจึงขอให้พล.อ อภิรัชต์ ทบทวนหรือแผนการอันตรายของท่านเสีย เผื่อว่ากระบวนการสันติภาพที่กำลังดำเนินการด้วยดีในขณะนี้ เดินหน้าต่อไปเพื่อผลประโยชน์ของทุกคน


    https://www.naewna.com/local/390646
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2019

แชร์หน้านี้

Loading...