ติดตามสถานะการณ์

Kaokala Fc



สงกรานต์นี้...ชวนดู "ดาวอังคารใกล้โลก" คืนวันที่ 14 เม.ย.57

สมาคมดาราศาสตร์ชวนสังเกต "ดาวอังคาร" ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะโคจรเข้าใกล้โลกในวันที่ 14 เม.ย ปรากฎอยู่ใกล้ดวงจันทร์ ใช้กล้องส่องดูขั้วน้ำแข็งได้

สมาคมดาราศาสตร์ไทย เผยว่าในวัน 14 เม.ย. ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะเกิดปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ คือ ดาวอังคารใกล้โลก โดยอยู่ห่างจากโลก 92.4 ล้านกิโลเมตร สามารถเห็นด้วยตาเปล่าในตอนกลางคืนเห็นเป็นดาวเคราะห์สีแดงสว่างสุกใส ถ้าใช้กล้องโทรทรรศน์หรือกล้องดูดาว จะส่องดูขั้วน้ำแข็งของดาวอังคารได้ และดาวอังคารจัใกล้โลกอีกครั้ง ในวันที่ 31 พ.ค.59

วิธีการดูดาวอังคารด้วยตาเปล่า ซึ่งจะเห็นดาวอังคารมีสีแดงส้ม ดังนี้

1. ระหว่างวันที่ 9 – 14 เม.ษ. เวลาประมาณ 20:00 น. มองดูที่ทิศตะวันออกสูงจากขอบฟ้าประมาณ 3 กำปั้นมือ (มุมเงย 30 องศา)

2. วันสงกรานต์ 14 เม.ษ. ดวงจันทร์เพ็ญเต็มดวงใกล้ดาวอังคาร ซึ่งดาวอังคารมีสีแดงส้มอยู่ด้านซ้ายมือดวงจันทร์ห่างประมาณ 4 องศา

3. เวลาผ่านไปทุก 1 ชั่วโมงดาวอังคารจะมีตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลาประมาณ 23:30 น. ตำแหน่งดาวอังคารอยู่เกือบเหนือศีรษะ (กลางท้องฟ้า)

(ภาพจำลองปรากฏการณ์ดาวอังคารใกล้โลกในวันที่ 14 เม.ย.57 โดย วรเชษฐ์ บุญปลอด/สมาคมดาราศาสตร์ไทย)

ʧ

 

Kaokala Fc

10 เม.ย. สโนว์เดนจวก “ NSA โกหกคำโต” หาว่าไม่เคยแจ้งให้ตรวจสอบภายใน ก่อนแฉผ่านสื่อ



เอเจนซีส์ - เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน นักแฉระดับโลกให้สัมภาษณ์นิตยสารแวนิตี แฟร์ สื่อสหรัฐฯ ที่จะออกตีพิมพ์ในปลายสัปดาห์นี้ โต้หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐฯ NSA ที่อ้างว่า ไม่มีหลักฐานชี้ว่าสโนว์เดนยื่นเรื่องขอให้มีการตรวจสอบภายในถึงโครงการสอดแนมลับที่กระทบสิทธิส่วนบุคคลทั่วโลกก่อนที่เขาจะตัดสินใจนำไปเปิดเผยสู่สาธารณชน

สโนว์เดนในวัย 30 ปี ได้ให้การกับรัฐสภายุโรปในเดือนที่ผ่านมาว่า “ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ NSAจำนวนอย่างน้อย 10 คน เกี่ยวกับความกังวลของเขาต่อโครงการสอดแนมต่างๆของ NSA แต่ในท้ายที่สุดทำให้เขาต้องเผยแพร่ข้อมูลนี้ผ่านหน้าสื่อสู่สาธารณะ เนื่องจากทางหน่วยงานไม่ตอบสนองต่อข้อร้องเรียน ทั้งนี้สโนว์เดนได้พำนักอยู่ในรัสเซียประเทศที่อนุญาตให้เขาทำการลี้ภัยชั่วคราวเพื่อหนีการถูกจับกุมตัวจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯในความผิดการเผยแพร่เอกสารลับของประเทศ

ซึ่งถึงแม้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานจะออกมาโต้สโนว์เดน แต่นักแฉได้เปิดเผยต่อแวนิตี แฟร์ว่า เขาสามารถใช้อีเมลย้อนหลังเป็นหลักฐานยืนยันคำพูดของตนเองว่าหน่วยงาน NSAโกหก

(อ่านต่อ..

 

Kaokala Fc

10 เม.ย. สหรัฐฯ-เกาหลีใต้ “จ่อ” ระดมอากาศยานนับร้อยลำ-ทหารกว่าพันนาย ซ้อมรบร่วม “ครั้งใหญ่ที่สุด”



เอเอฟพี - กองทัพเกาหลีใต้แถลงวันนี้ (10 เม.ย.) ว่าจะจัดการซ้อมรบร่วมกับสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา ในเวลาที่เกาหลีเหนือออกมาแสดงท่าทีคุกคามหลายระลอก จนสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีทวีความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ

กองทัพอากาศโสมขาวเปิดเผยว่า การซ้อมรบปีละ 2 ครั้งที่ใช้ชื่อปฏิบัติการว่า “แมกซ์ธันเดอร์” ซึ่งจะเปิดฉากขึ้นในวันพรุ่งนี้ (11) ไปจนถึงวันที่ 25 เมษายน จะเป็นการซ้อมรบครั้งใหญ่ที่สุดที่มีอากาศยานเข้าร่วมถึง 103 ลำ และทหาร 1,400 นาย

คำแถลงของทัพฟ้าโสมขาวระบุว่า กรุงโซลจะส่งเครื่องบินขับไล่ เอฟ-15 เค เพื่อซ้อมรบร่วมกับเครื่องบิน เอฟ-15 และเอฟ-16 เอส ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ตลอดจนเอฟเอ-18 และอีเอ-18 ของกองทัพนาวิกโยธินสหรัฐฯ

“การซ้อมร่วมกันระหว่างกองทัพอากาศของสองประเทศจะเสริมสร้างความพร้อมรบ ในสถานการณ์ปัจจุบันที่คาบสมุทรเกาหลีกำลังทวีความตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ” กองทัพอากาศระบุ

คำแถลงยังเปิดเผยด้วยว่า การซ้อมรบครั้งนี้ให้ความสำคัญกับ “แผนการที่นำไปปฏิบัติได้จริง” เป็นต้นว่า การโจมตีข้าศึกอย่างแม่นยำ ภารกิจส่งเสบียงให้กำลังพลที่แทรกซึมในดินแดนศัตรู



(คัดลอก..

 

Kaokala Fc

9 เม.ย. สภายูเครนตีกันวุ่น - รัสเซียเตือนสงครามกลางเมือง



เมื่อ 8 เม.ย. บีบีซีรายงานว่า เกิดเหตุตีกันในรัฐสภายูเครน เมื่อผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์กล่าวหาสมาชิกฝ่ายชาตินิยมว่าหลงกลเป็นเครื่องมือให้รัสเซียใช้วิธีการสุดขั้วในวิกฤตของประเทศ ทำให้ฝ่ายชาตินิยมไม่พอใจตรงเข้าทำร้าย ความวุ่นวายดังกล่าวเกิดขึ้นต่อเนื่องจากเหตุการณ์กลุ่มผู้นิยมรัสเซียราว 1,000 คนบุกเข้ายึดสถานที่ราชการใน 3 เมืองใหญ่ทางฝั่งตะวันออกและเรียกร้องให้จัดประชามติเพื่อแยกตัวออกจากยูเครน กระทั่งต่อมา ฝ่ายยูเครนแจ้งว่ายึดคืนสถานที่ราชการได้แล้วในเมืองคาร์คิฟ ส่วนเมืองลูฮันสก์และโดเนตสก์จะได้คืนเช่นกัน

น.ส.เจน ซากี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา แถลงว่า นายจอห์น แคร์รี่ รมว.ต่างประเทศสหรัฐโทรศัพท์หารือโดยตรงกับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซียขอให้รัสเซียอย่าสนับสนุนกลุ่มที่ต้องการแยกดินแดนในยูเครน เพราะความพยายามที่จะแทรกแซงความมั่นคงของยูเครนจะทำให้เกิดผลเสียตามมา พร้อมเรียกร้องการเจรจาโดยตรงระหว่างสองฝ่ายภายใน 10 วัน

ด้านนายลาฟรอฟกล่าวว่า รัสเซียจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และปฏิเสธว่ารัสเซียเป็นผู้อยู่เบื้องหลังจากทำลายเสถียรภาพของยูเครน นอกจากนี้ยังเตือนยูเครนให้หลีกเลี่ยงการใช้กองกำลังทหารในฝั่งตะวันออก เพราะอาจจุดชนวนสงครามกลางเมืองขึ้น รัสเซียพร้อมจะเปิดเจรจากับสหภาพยุโรปและสหรัฐ โดยมีตัวแทนยูเครนฝั่งตะวันออกและยูเครนอีกฝ่ายเข้าร่วมด้วย

 

Kaokala Fc

10 เม.ย. อึ้ง โสมแดงไม่อาย เปิดตัวสัญลักษณ์องค์การอวกาศ ก๊อปปี้ "นาซ่า" ของสหรัฐเฉย



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ว่า เกาหลีเหนือได้ก๊อปปี้สัญลักษณ์ขององค์การบริหารการบินและอวกาศนาซ่า มาใช้กับหน่วยงานอวกาศของเกาหลีเหนือ โดยเปลี่ยนเป็นชื่อว่า "NADA"

รายงานระบุว่า เกาหลีเหนือได้เปิดตัวโลโก้สัญลักษณ์ดังกล่าว ในฐานะหน่วยงานอวกาศของเกาหลีเหนือที่มุ่งหมายจะมีชื่อเสียงในฐานะมหาอำนาจด้านอวกาศของโลก โดยสำนักข่าวเดอะ โคเรีย เซ็นทรัล ของเกาหลีเหนือ รายงานว่า ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้พยายามผลักดันพยายามพัฒนาโครงการด้านอวกาศเพื่อเปลี่ยนประเทศเป็นมหาอำนาจทางอวกาศ โดยดาวที่ล้อมรอบสัญลักษณ์นี้ เป็นรูปกลุ่มดาวฤกษ์หมียักษ์ ถูกออกแบบเพื่อยกย่องสดุดีอดีตท่านผู้นำคิม อิล ซุง และคิม จอง อิล

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้กลับถูกหลายฝ่ายล้อเลียนและวิจารณ์ว่า เห็นได้ชัดว่าเป็นการลอกเลียนสัญลักษณ์ขององค์การนาซ่าของสหรัฐ นอกจากนี้ โลโก้ดังกล่าวยังมีความหมายในภาษาสเปนแปลว่า "ไม่มีอะไรเลย"

อึ้ง โสมแดงไม่อาย เปิดตัวสัญลักษณ์องค์การอวกาศ ก๊อปปี้ "นาซ่า" ของสหรัฐเฉย : มติชนออนไลน์

 

Kaokala Fc

10 เม.ย. ระทึก ! หลังคาห้างจามจุรีสแควร์ถล่ม ยังไม่พบคนบาดเจ็บ



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา (10 เมษายน 2557) ได้เกิดอุบัติเหตุหลังคาของศูนย์การค้าจามจุรีสแควร์พังถล่มลงมาตรงบริเวณประตูทางเข้าถนนพระราม 4 ซึ่งเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสามย่าน สร้างความแตกตื่นให้กับผู้พบเห็นเหตุการณ์เป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมจะรายงานให้ทราบต่อไป

 

Kaokala Fc

เผยภาพมนุษย์คนแรกโพสต์ภาพลงอินสตาแกรมจากนอกโลก



ก้าวเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ เผยภาพมนุษย์คนแรกที่โพสต์ภาพลงอินสตาแกรม (Instagram) จากสถานีอวกาศนานาชาติ (8 เม.ย.57)

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2557 เกิดเหตุการณ์เล็ก ๆ ที่น่าจดจำสำหรับมนุษยชาติ เมื่อ Steven R. Swanson นักบินอวกาศชาวอเมริกันพร้อมกับเพื่อนชาวรัสเซียอีก 2 คนได้ขึ้นไปประจำการอยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station) ได้โพสต์ภาพถ่ายลงอินสตาแกรมที่ถูกถ่ายจากห้วงอวกาศเป็นภาพแรกของโลกผ่านบัญชี @iss ซึ่งเป็นบัญชีอินสตาแกรมของสถานีอวกาศนานาชาตินั่นเอง สำหรับภาพที่เขาโพสต์ลงอินสตาแกรมเป็นภาพของตัวเขาเองที่กำลังอยู่ภายในสถานีอวกาศพร้อมฉากหลังสีฟ้าที่มองผ่านกระจกด้านหลังคือ โลกที่ทุกคนอาศัยอยู่ พร้อมกับระบุข้อความในภาพนี้ว่า "Back on ISS, life is good." เขารู้สึกดีใจที่ได้กลับมาบนสถานีอวกาศแห่งนี้อีกครั้ง

สำหรับใครที่สนใจอยากติดตามความเคลื่อนไหว ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์อวกาศรายนี้ สามารถเข้าไปกด Follow ได้ที่ instagram.com/iss
http://instagram.kapook.com/view86121.html

 

Kaokala Fc

10 เม.ย. ข่าวกรองรัสเซียชี้'MH370'ถูกไฮแจ็ค! ไปอัฟกานิสถาน



ทีมค้นหากล่องดำ MH370 มั่นใจใกล้จะพบซาก ขณะที่ข่าวกรองรัสเซียชี้บินมาเลย์ถูกไฮแจ็คไปอัฟกานิสถาน

10 เม.ย. 57 หนังสือพิมพ์ เดอะ มิร์เรอร์ รายงานว่า ความคืบหน้าการค้นหาเครื่้องบินโดยสารโบอิ้ง 777-200ER เที่ยวบิน MH370 เริ่มมีความหวังเพิ่มขึ้นอีก หลังจากตรวจพบสัญญาณความถี่ที่เชื่อว่าถูกปล่อยออกมาจากกล่องดำ 4 ครั้ง ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

เมื่อทีมค้นหามั่นใจว่า พวกเขาทราบตำแหน่งที่สัญญาณถูกปล่อยออกมาแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะส่งเรือดำน้ำขนาดเล็กลงไปค้นหาซากเครื่องบินที่ก้นมหาสมุทร ที่อยู่ลึกลงไปราว 14,800 ฟุต โดยทุกฝ่ายหวังว่า เรือดำน้ำขนาดเล็กจะมีโอกาสได้ปฏิบัติภารกิจภายในอีก 2 วันข้างหน้า เนื่องจากมีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมว่าจะพบซากเครื่องบิน

ด้านแท็บลอยด์ เดอะซัน ได้รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากสำนักงานความมั่นคงแห่งสหพันธ์ของรัสเซีย หรือ FSB ว่า เครื่องบินถูกไฮแจ็คและถูกพาไปอัฟกานิสถาน บริเวณติดกับพรมแดนปากีสถาน ส่วนผู้โดยสารทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่ และถูกแบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม อาศัยอยู่ในกระท่อมที่ทำด้วยดิน และแทบจะไม่มีอาหารประทังชีวิต

การหายไปของ MH370 ได้กลายเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ใหญ่ที่สุดของโลกในรอบหลายทศวรรษ เพราะปริศนายังไม่กระจ่างจนถึงขณะนี้ ขณะที่ลูกเรือและผู้โดยสารรวม 239 คน ถูกฟันธงไปแล้วว่าน่าจะเสียชีวิตทั้งหมด หลังเกิดโศกนาฏกรรมกับ MH370 จำนวนนักท่องเที่ยวไปยังมาเลเซียได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

 

Kaokala Fc

อื้อฮือ!!ค่าใช้จ่ายค้นหา"บินมาเลย์ MH370" จ่อทำลายสถิติแพงที่สุดในโลก ทะลุ1.3 พันล้านบาท วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 14:08:04 น.



นับตั้งแต่เครื่องบินโบอิ้ง777-200ERของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินMH370 บินจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไปกรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ขาดการติดต่อกับหอควบคุมการบิน เมื่อวันที่ 8 มีนาคม การค้นหาเครื่องบินตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงขณะนี้เป็นเวลา34วันแล้วแต่ยังไม่พบร่องรอยเครื่องบินขณะที่ค่าใช้จ่ายในปฎิบัติการค้นหาคาดว่าสูงถึง1,300ล้านบาท

ปฎิบัติการค้นหาเครื่องบินใช้กองกำลังนานาชาติโดยเฉพาะการค้นหาในพื้นที่มหาสมุทรอินเดียตอนใต้ประกอบด้วยกำลังพลจาก 6 ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ออสเตรเลีย มาเลเซีย สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

ทั้งนี้รัฐบาลมาเลเซียโดย นายฮิสชามมุดดีน ฮุสเซน รักษาการรัฐมนตรีคมนาคม ยืนยันว่าเงินไม่ใช่ปัญหา ที่สำคัญคือการนำบุคคลอันเป็นที่รักที่โดยสารบนเครื่องบินกลับคืนสู่อ้อมกอดของครอบครัว

สำหรับจำนวนเงินที่ใช้จ่ายในการค้นหาเครื่องบินประเมินเบื้องต้นอยู่ที่33ล้าน-42ล้านดอลลาร์หรือราว1,056 ล้าน -1,344 ล้านบาท

ตัวเลขนี้เป็นการประมาณการณ์ของนายปีเตอร์ โรเบิร์ตส์ นักวิจัยอาวุโสด้านกองกำลังทางทะเลและกิจกรรมทางทะเล สถาบันรอยัลยูไนเต็ดเซอร์วิสแห่งสหราชอาณาจักร

นายโรเบิร์ตส์ให้ความเห็นว่า ค่าใช้จ่ายในการค้นหานั้น รวมค่าเชื้อเพลิง ค่าอะไหล่ และการส่งกำลังบำรุงรวมทั้งค่าเบี้ยเลี้ยงและที่พักของเจ้าหน้าที่

สำหรับการค้นหาเครื่องบินที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแพงที่สุดในโลก คือ การค้นหาเครื่องบินแอร์ฟรานซ์ ที่สูญหายขณะบินจากกรุงริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล ไปยังกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปี พ.ศ.2552 ฝรั่งเศสใช้ระยะเวลาค้นหา 3ปี ใช้เงินไปทั้งสิ้น 32 ล้านยูโร หรือ 1.4 พันล้านบาท คาดว่าสถิติดังกล่าวจะถูกทำลายโดยการค้นหาเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เอ็มเอ็ช 370



อื้อฮือ!!ค่าใช้จ่ายค้นหา"บินมาเลย์ MH370" จ่อทำลายสถิติแพงที่สุดในโลก ทะลุ1.3 พันล้านบาท : มติชน

 

ความหวังใหม่! เครื่องบินตรวจการณ์ทัพฟ้าออสซี่จับ “สัญญาณ” ได้เป็นครั้งที่ 5 ขณะค้นหา MH370 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 เมษายน 2557 19:21 น.



เอเอฟพี - ทีมค้นหาเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ที่หายไป ซึ่งต้องบากบั่นทำงานแข่งกับเวลาเพื่อหาตำแหน่งที่แน่ชัด ก่อนที่เครื่องส่งสัญญาณระบุตำแหน่ง “กล่องดำ” ของเครื่องบินลำดังกล่าวจะดับลง วันนี้ (10 เม.ย.) สามารถตรวจพบสัญญาณได้เป็นครั้งที่ 5 จึงจุดประกายให้เกิดความหวังว่าจะพบซากเครื่องบินลำนี้ในเร็วๆ นี้

ตัวส่งสัญญาณระบุตำแหน่งกล่องดำ และกล่องดำของเที่ยวบิน MH370 ใกล้จะหยุดทำงาน ภายหลังที่เครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER ลำนี้อันตรธานหายไปนานกว่า 1 เดือน ส่งผลให้ทีมค้นหาภายใต้การนำของออสเตรเลียต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อค้นหาตำแหน่งที่แน่ชัดของจุดที่เครื่องบินลำนี้ตกลงไป ก่อนจะส่งเรือดำน้ำลงไปยังก้นบึ้งหาสมุทรเพื่อค้นหาซากเครื่องบินลำนี้

ศูนย์ประสานร่วมระหว่างหน่วยงาน (เจเอซีซี) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองเพิร์ธระบุว่า เครื่องบินตรวจการณ์ พี - 3ซี โอเรียน ของกองทัพอากาศออสเตรเลียสามารถตรวจจับสัญญาณล่าสุดได้ในช่วงบ่ายของวันนี้ (10) ภายหลังหย่อนเครื่องตรวจจับสัญญาณใต้น้ำหลายสิบเครื่องลงไปในในน่านน้ำอันห่างไกลซึ่งเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการค้นหา

แองกัส ฮุสตัน ผู้อำนวยการเจเอซีซี ระบุในคำแถลงว่า “ข้อมูลประเภทเสียงยังต้องรอการวิเคราะห์ในคืนนี้ แต่มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นสัญญาณที่ส่งออกมาจากอุปกรณ์ซึ่งมนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น”

ทั้งนี้ เรือ “โอเชียนชีลด์” ของออสเตรเลีย ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์ค้นหาตำแหน่งเครื่องส่งสัญญาณแบบลากจูงชนิดพิเศษของกองทัพเรือสหรัฐฯ กำลังมุ่งทำการค้นหาในมหาสมุทรอินเดีย จุดซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเพิร์ธไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 2,280 กิโลเมตร ภายหลังสามารถจับสัญญาณได้สองครั้งเมื่อวันอังคาร (8)

สัญญาณที่ตรวจพบได้เมื่อวันอังคาร (8) มีลักษณะสอดคล้องกับสัญญาณที่เรือลำนี้จับได้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอีก 2 ครั้ง

 

Kaokala Fc

10 เม.ย. สหรัฐชี้รัสเซียตรึงทัพขู่ยูเครน



ซีเอ็นเอ็นรายงานเมื่อ 10 เม.ย. ถึงสถานการณ์ความไม่สงบในยูเครนว่า นายเจฟฟรีย์ ไพแอต เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงเคียฟ โพสต์รูปถ่ายจากดาวเทียมผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ เพื่อเปรียบเทียบจำนวนทหารรัสเซียในเมืองโรสตอฟ เมื่อเดือนต.ค. 2556 ก่อนการชุมนุมต่อต้านอดีตประธานาธิบดีวิกเตอร์ ยานุโควิช ไม่ปรากฏการตรึงกำลังทหารอย่างใด แต่สุดเมื่อวันที่ 2 เม.ย. กลับมีทหารจำนวนมากถึง 40,000 นาย กระจายกำลังตามแนวชายแดน

สหรัฐระบุว่าภาพดังกล่าวขัดกับคำกล่าวของนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซียที่อ้างว่า ไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่กองทัพรัสเซียจะตรึงกำลังในบริเวณดังกล่าว และการครหาว่ารัสเซียซ่องสุมกำลังทหารเพื่อโจมตีรัฐบาลยูเครน ถือเป็นการกล่าวหาที่ไร้ซึ่งเหตุผลและข้อเท็จจริง

วันเดียวกัน นายอาร์เซน อวาคอฟ รักษาการ รมว.มหาดไทยยูเครน แถลงแก้วิกฤตแบ่งแยกดินแดนของกลุ่มนิยมรัสเซียในพื้นที่ภาคตะวันออกภายใน 48 ชั่วโมง ด้วยการหารือประนีประนอมหรือใช้กำลัง

"มี 2 หนทางซึ่งตรงข้ามกันสำหรับยุติความขัดแย้งนี้ - การหารือทางการทูต และการใช้กำลัง เราพร้อมแล้วทั้ง 2 ทาง" นายอวาคอฟกล่าว

 

Kaokala Fc

(บินขับไล่เครื่องบินจีน-รัสเซีย-เกาหลีเหนือ แบบจัดหนักเลย!!)



10 เม.ย. เผยเครื่องบินขับไล่ญี่ปุ่นขึ้นบินมากสุด นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น

สำนักข่าวเอเอฟพีอ้างรายงานของทางการญี่ปุ่น ที่เปิดเผยตัวเลขการส่งเครื่องบินรบขับไล่ขึ้นปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมาว่า กองทัพอากาศญี่ปุ่นส่งเครื่องบินรบขึ้นปฏิบัติการเป็นจำนวน 810 ครั้งในช่วงปีงบประมาณล่าสุดจนถึงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มากที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็นเมื่อปี 2532

รายงานชี้ว่าช่วงสิ้นสุดสงครามเย็นเป็นปีที่ญี่ปุ่นส่งเครื่องบินขับไล่ขึ้นบินจัดการกับเครื่องบินของสหภาพโซเวียตเป็นจำนวน 812 ครั้ง โดยตัวเลขการส่งเครื่องบนขับไล่ขึ้นสู่ท้องฟ้าปีล่าสุด 810 ครั้งนั้น 415 ครั้งเป็นการปฏิบัติการผลักดันเครื่องบินสัญชาติจีน ท่ามกลางบรรยากาศการเผชิญหน้าเกี่ยวกับการอ้างสิทธิเกี่ยวกับดินแดนระหว่างสองประเทศ ขณะที่ 359 ครั้งเป็นการขับไล่เครื่องบินของรัสเซีย และ 9 ครั้งขึ้นบินขับไล่เครื่องบินของเกาหลีเหนือ

เผยเครื่องบินขับไล่ญี่ปุ่นขึ้นบินมากสุด นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น : มติชนออนไลน์

 

Kaokala Fc

วันที่ 11-16 เม.ย.57 กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ ความกดอากาศสูงจากจีนทำไทยมีฝนฟ้าคะนองและลมแรง



กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 22.00 น.ของวันพฤหับดีที่ 10 เมษายน 2557 บริเวณความกดอากาศสูงได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศจีนตอนกลางแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมถึงทะเลจีนใต้ในวันพรุ่งนี้ (11 เม.ย.57) ทำให้ลมตะวันออกพัดเข้ามาปกคลุมประเทศไทยในช่วงวันที่ 11-16 เมษายน 2557 ประกอบกับในช่วงวันที่ 14-15 เมษายน 2557 จะมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเพิ่มขึ้น ขอให้ประชาชนยังคงต้องระวังอันตรายจากลักษณะอากาศดังกล่าว ซึ่งอาจสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน ป้ายโฆษณา ต้นไม้ใหญ่ และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรงไว้ด้วย

 

สื่อรัสเซียปล่อยข่าว MH370 ถูกจี้ ทุกคนบนเครื่องยังรอดแต่กำลังอดตาย
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก capnaux.blogspot.com



หนังสือพิมพ์รัสเซียปล่อยข่าว MH370 ถูกจี้ไปลงชายแดนอัฟกานิสถาน และทุกคนรอดชีวิต

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2557 เว็บไซต์เดลี่สตาร์ รายงานว่า หนังสือพิมพ์รัสเซียลงข่าวอ้างคำเปิดเผยของหน่วยสืบสวนลับแห่งรัสเซียว่า เครื่องบิน MH370 ถูกกลุ่มก่อการร้ายจี้ให้บินไปลงที่ชายแดนอัฟกานิสถานที่ติดกับปากีสถาน ผู้โดยสารทุกคนยังมีชีวิตรอดแต่แทบจะไม่มีอาหารกิน

รายงานระบุว่า หนังสือพิมพ์ Moskovsky Komsomolets ของรัสเซีย ได้อ้างว่า จากคำเปิดเผยของหน่วยสืบสวนลับแห่งรัสเซียที่ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ ระบุว่านักบิน MH370 ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการหายไปของเครื่องบิน แต่เครื่องบินนั้นถูกจี้โดยกลุ่มก่อการร้ายที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ให้บินไปลงยังชายแดนอัฟกานิสถานที่ติดกับปากีสถาน โดย MH370 ได้ร่อนลงจอดบนถนนใกล้กับภูเขา ทำให้ปีกเครื่องบินได้รับความเสียหาย ส่วนผู้โดยสารทั้งหมดยังคงมีชีวิตรอด ถูกแบ่งเป็น 7 กลุ่มและถูกขังในกระท่อม แต่มีชีวิตอยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆ แทบไม่มีอาหารกิน

นอกจากนี้ แหล่งข่าวจากหน่วยสืบสวนลับแห่งรัสเซียรายนี้ยังเปิดเผยอีกด้วยว่า ในจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดที่รอดชีวิตนี้ 20 คนเป็นผู้เชี่ยวชาญชาวเอเชีย ถูกนำตัวไปอยู่ในที่หลบภัยในปากีสถาน

อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าการเปิดเผยดังกล่าวจะไม่มีน้ำหนักและไม่ได้ถูกเผยแพร่ต่อตามสื่อต่างประเทศเท่าไหร่นัก ส่วนหนึ่งก็เพราะรัสเซียเองก็ไม่ได้มีส่วนร่วมในการสืบสวนนานาชาติเกี่ยวกับการหายไปของ MH370 และสื่อรัสเซียหลายแห่งก็พยายามปล่อยข่าวว่า MH370 บินไปจอดที่ชายแดนอัฟกานิสถานและปากีสถานมาตั้งแต่แรกแล้ว ขณะที่ทางอัฟกานิสถาน ปากีสถาน และกลุ่มตอลิบานเองก็เคยออกมาเปิดเผยว่าไม่รู้เห็น ไม่เกี่ยวข้องกับการหายไปของเครื่องบินลำนี้แต่อย่างใด เพราะไม่ได้ประโยชน์ใดจากการกระทำเช่นนี้ ดังนั้น เนื้อหาข่าวที่หนังสือพิมพ์รัสเซียฉบับนี้นำมาลงจึงถูกวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตต่างประเทศว่า กำลังเล่นกับความรู้สึกของญาติผู้โดยสาร หลอกให้พวกเขามีความหวังขึ้นมาอีกครั้งและอาจนำมาซึ่งการกล่าวหาโจมตีทีมค้นหาที่กำลังปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องกลางมหาสมุทรอินเดีย เพื่อแกะรอย MH370 ซึ่งก็ใช้งบประมาณไปแล้วไม่ต่ำกว่า 1.4 พันล้านบาท

ทั้งนี้ สำหรับความคืบหน้าล่าสุดในการค้นหา MH370 นั้น เรือโอเชียน ชีลด์ ของออสเตรเลียที่บรรทุกอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณกล่องดำ สามารถตรวจจับสัญญาณใต้น้ำได้อีก 2 ครั้ง เมื่อเย็นวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้ทีมค้นหามีความหวังว่าอาจจะได้พบซากเครื่องบินในเร็ววันนี้

 

แผ่นดินไหวแรง 6.1 ริกเตอร์ “เขย่า” นิการากัว - เจ็บ 14 ราย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 เมษายน 2557 08:46 น.



เอเอฟพี - ชาวนิการากัวที่ตื่นตระหนกพากันละทิ้งบ้านเรือนวิ่งออกมาตามท้องถนน ขณะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.1 ริกเตอร์ในชาติแถบอเมริกากลางแห่งนี้เมื่อวันพฤหัสบดี (10 เม.ย.) ส่งผลให้บ้านเรือนเกือบร้อยหลังได้รับความเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 14 ราย

ชาวนิการากัวจากพื้นที่ต่างๆ ของประเทศต่อสายตรงถึงสถานีวิทยุยอดนิยม “เรดิโอยา” เพื่อบอกเล่าประสบการณ์ในเวลาที่ต้องเผชิญกับแรงสั่นสะเทือน พร้อมทั้งกล่าวว่าเกิดกระแสไฟฟ้าดับ และน้ำประปาหยุดไหล

โรซาเรียว มูรีโย ผู้เป็นทั้งโฆษกรัฐบาลกลาง และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของนิการากัว กล่าวผ่านสถานีวิทยุเรดิโอยาว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ทำให้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 14 ราย และบ้านเรือนได้รับความเสียหาย 89 หลัง

ทางด้าน สำนักสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) รายงานว่าแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นเมื่อเวลา 17.27 น.ของวันพฤหัสบดี (10) ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 06.27 ของวันนี้ (11) ในเมืองไทย) โดยมีจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเมืองลาร์เรย์นากาไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 18 กิโลเมตร และมีความลึก 10 กิโลเมตร โดยชาวนิการากัวรายงานว่า หลังแผ่นดินไหวผ่านพ้นไปเพียงไม่กี่นาที ก็เกิดอาฟเตอร์ช็อกรุนแรงตามมา

 

ตัวเลขการค้า'จีน'ดิ่งฮวบผิดคาด ตอกย้ำความกังวลศก.ชะลอตัว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 เมษายน 2557 22:25 น.



เอเจนซีส์ - ยอดส่งออกและนำเข้าของแดนมังกรไหลรูดลงหนักในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตั้งข้อสังเกตว่า ประเทศเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลกแห่งนี้กำลังเผชิญแรงต้านจากการแข่งขันที่ดุเดือดภายในภูมิภาค ตลอดจน “แรงเสียดทาน” จากคู่ค้ารายสำคัญ นอกจากนั้นข้อมูลตัวเลขนี้ยังเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตชะลอตัวลงของจีน

กรมศุลกากรจีนแถลงเมื่อวันพฤหัสบดี (10 เม.ย.) ว่า ยอดนำเข้าประจำเดือนมีนาคมลดลง 11.3% เทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว โดยอยู่ที่ 162,400 ล้านดอลลาร์ ส่วนยอดส่งออกขยับลง 6.6% เหลือ 170,100 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้า 7,700 ล้านดอลลาร์ จากที่ขาดดุลผิดคาด 884 ล้านดอลลาร์ในเดือนมีนาคม 2013

ข้อมูลนี้สวนทางโดยสิ้นเชิงกับการคาดการณ์ของพวกนักวิเคราะห์ที่สำรวจโดยสำนักข่าวดาว โจนส์ นิวส์ไวร์ ที่เล็งว่า ยอดส่งออกจะเพิ่มขึ้น 4.2% และยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 2.8% ขณะเดียวกัน ตัวเลขเช่นนี้ยังเป็นการตอกย้ำให้เห็นภาวะการเติบโตชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

ในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ จีนก็ขาดดุลการค้าผิดคาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เกือบๆ 23,000 ล้านดอลลาร์ อีกทั้งยังเป็นการขาดดุลครั้งแรกในรอบ 11 เดือนของแดนมังกร แต่เจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่า เนื่องจากเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับเทศกาลตรุษจีนที่มีวันหยุดยาว ดังนั้นจึงยังไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงของภาวะการส่งออก-นำเข้า

สำหรับในคราวนี้ เจิ้ง เย่วเซิง โฆษกกรมศุลกากรแถลงยอมรับว่า การค้ากับต่างประเทศของจีนกำลังเผชิญความยากลำบากบางประการ โดยที่ความได้เปรียบในการแข่งขันของการค้าอย่างเดิมๆ ได้ถูกบั่นทอนโดยปัจจัยลบต่างๆ ซึ่งรวมถึงการแข่งขันรุนแรงขึ้นจากประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาคอื่นๆ ตลอดจนการมีความขัดแย้งทางการค้ามากขึ้นกับพวกคู่ค้ารายสำคัญ

อย่างไรก็ดี เจิ้งสำทับว่า อุปสรรคเหล่านี้เป็นเพียงอุปสรรคระยะสั้นเท่านั้น

เมือมองกันตลอดช่วงไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) ของปีนี้ จีนมียอดเกินดุลการค้า 16,700 ล้านดอลลาร์ ลดฮวบจาก 43,100 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันปีที่แล้ว เนื่องจากยอดส่งออกลดลง 3.4% อยู่ที่ 491,300 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดนำเข้าขยับขึ้น 1.6% เป็น 474,600 ล้านดอลลาร์

หลิว ลี่กัง และ เจ้า หาว นักเศรษฐศาสตร์ของเอเอ็นแซด แบงก์ ตั้งข้อสังเกตว่า ยอดส่งออกเดือนมีนาคมอาจสูงกว่าตัวเลขที่ประกาศออกมา เนื่องจากถูกนำไปเปรียบเทียบกับมูลค่าเมื่อปีที่แล้วที่มีการตกแต่งให้สูงเกินจริง เพื่อเลี่ยงมาตรการควบคุมสกุลเงิน และนำรายได้เข้าประเทศเพิ่ม

ลูอิส คูจิส นักเศรษฐศาสตร์ของอาร์บีเอสขานรับว่า หากไม่มีการบิดเบือนข้อมูล ยอดส่งออกในเดือนที่ผ่านมาของจีนอาจขยายตัวถึง 5.2% เท่ากับเกาหลีใต้

แต่สำหรับการนำเข้านั้น จูเลียน อีวานส์-พริตชาร์ด นักเศรษศาสตร์ของแคปิตอล อิโคโนมิกส์ คาดว่า ยังคงมีปัญหาจริงๆ กล่าวคือมีการชะลอตัวอย่างทั่วด้านทั้งการนำเข้าเพื่อแปรรูปและการนำเข้าเพื่อส่งออกต่อ รวมถึงการนำเข้าเพื่อการบริโภคภายใ แถมยังมีแนวโน้มว่า การนำเข้าจะเซื่องซึมต่อไปจากการชะลอการใช้จ่ายด้านการลงทุน ซึ่งจะส่งผลกดดันการนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์และสินค้าทุน

ความต้องการนำเข้าที่ลดลงของจีนยังอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศอื่นๆ ตั้งแต่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปจนถึงออสเตรเลียและแอฟริกาใต้ ซึ่งป้อนสินแร่เหล็ก ชิ้นส่วน และสินค้าอื่นๆ ให้แก่อุตสาหกรรมแดนมังกร

กระนั้น นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง แสดงความเชื่อมั่นระหว่างร่วมประชุมผู้นำทางการเมืองและเศรษฐกิจทั่วโลกในงานป๋ออ่าว ฟอรัม บนเกาะไห่หนานเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ด้วยหลักการที่ประกาศไปแล้วและตัวเลือกด้านนโยบายมากมาย ปักกิ่งสามารถจัดการกับความเสี่ยงและความท้าทายทั้งหลายทั้งปวงที่อาจบังเกิดขึ้นมา

หลี่ยืนกรานปฏิเสธความคาดหวังของผู้คนบางฝ่ายที่ว่า แดนมังกรจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ โดยเขาให้เหตุผลว่า จีนต้องการทุ่มเทกับพัฒนาการอันเข้มแข็งในระยะกลางและระยะยาว มากกว่าการใช้นโยบายกระตุ้นระยะสั้นเพียงเพราะว่าเศรษฐกิจเกิดการผันผวนชั่วคราว

อย่างไรก็ดี เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลี่ได้เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีการประกาศมาตรการต่างๆ รวมถึงการขยายช่วงเวลางดเว้นภาษีสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก การก่อสร้างทางรถไฟ ที่อยู่อาศัยราคาถูก และโครงการอื่นๆ ที่นักวิเคราะห์มองว่า เป็นมาตรการกระตุ้นขนาดย่อมๆ

ผู้นำจีนนั้นต้องการให้อุปสงค์ภาคเอกชนเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตหลัก เพื่อลดการพึ่งพิงโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่บ่อยครั้งมักเป็นการลงทุนสูญเปล่า แม้คาดว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงในเฉพาะหน้า แต่ก็คุ้มค่าเพื่อแลกกับการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

 

ปูตินส่งหนังสือทั่วอียู เตือนยูเครนติดหนี้ค่าก๊าซกระทบลำเลียงสู่ยุโรป
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 เมษายน 2557 23:27 น.



เอเอฟพี - ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เมื่อวันพฤหัสบดี(10) ส่งหนังสือถึงเหล่าผู้นำอียู แสดงความกังวลใหญ่หลวงต่อการที่ยูเครนยังค้างชำระค่าก๊าซแก่รัสเซีย และเตือนว่าปัญหานี้อาจกระทบต่อการส่งมอบก๊าซแก่ยุโรป ความเคลื่อนไหวกดดันอียูท่ามกลางวิกฤตฝ่ายตะวันตก-ตะวันออกครั้งเลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น หลังจากมอสโกผนวกสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมียของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน

"วันนี้ หนังสือที่ลงนามโดยปูติน ได้ถูกส่งมอบไปยังเหล่าผู้นำชาติยุโรปตะวันออกและตะวันตกผ่านช่องทางทางการทูตแล้ว" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของปูตินให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวแห่งรัฐ อาร์ไอเอ โนวอสติ "ปูตินแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับปัญหาหนี้ของยูเครนและการส่งมอบก๊าซของรัสเซียที่เกี่ยวข้องกัน"

หนังสือดังกล่าวถูกส่งถึงเหล่าผู้นำยุโรปตามหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีรัสเซียในวันพุธ(9) ซึ่งในเนื้อหามีข้อเสนอต่างๆเกี่ยวกับแนวทางคลี่คลายปัญหานี้ "ข้อเสนอเหล่านั้นมีเป้าหมายคือต้องการให้ใช้มาตรการต่างๆอย่างเร่งด่วน เนื่องจากการแก้ไขสถานการณ์นี้ไม่สามารถรอเวลาต่อไปได้แล้ว" เปสคอฟกล่าว

ส่วนสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ อ้างคำพูดของนายเปสคอฟ บอกว่าปูตินเสนอให้ใช้กลไกของการเจรจาเพื่อพิจารณาสถานการณ์อย่างเร่งด่วน "มันเป็นสถานการณ์ที่ซับซ้อน ที่อาจส่งผลกระทบทางลบต่อการลำเลียงก๊าซของรัสเซียผ่านยูเครน"

ก่อนหน้านี้ในวันพุธ(9) นายปูตินเตือนว่ารัสเซีย อาจเริ่มต้นเรียกเก็บค่าก๊าซล่วงหน้าจากยูเครน ซึ่งขณะนี้ใกล้ล้มละลาย และติดค้างหนี้ค่าก๊าซธรรมชาติรัสเซีย เป็นเงิน 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมกันนั้นผู้นำรายนี้ยังบอกด้วยว่ารู้สึกประหลาดใจที่เหล่าประเทศอียู ที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลใหม่เคียฟ แต่กลับไม่ยอมทำอะไรเลยในการสนับสนุนยูเครน "สถานการณ์ไม่ควรคลุมเครือแบบนี้อีกต่อไปแล้ว" ปูตินกล่าว

ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นเดือน ก๊าซพร็อมของรัสเซียได้ปรับขึ้นราคาค่าก๊าซที่ส่งมอบแก่ยูเครนอีกราว 1 ใน 3 จากที่เคยลดราคาให้ก่อนหน้านี้ ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสองชาติอดีตสหภาพโซเวียต โดยเวลานี้ยูเครน ต้องจ่ายเงินค่าก๊าซถึง 458 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อก๊าซ 1,000 ลูกบาศก์เมตร แพงสุดในเหล่าลูกค้ายุโรปของก๊าซพร็อม

ยูเครนกล่าวหาว่ารัสเซียกำลังลงโทษพวกเขาต่อความทะเยอทะยานสานสัมพันธ์กับอียูและขู่นำเรื่องนี้ไปฟ้องร้องต่อศาลเอาผิดมอสโก

 

นกเหล็กออสซี่พบสัญญาณใต้น้ำอีก ยิ่งมั่นใจปริศนาMH370ใกล้คลี่คลาย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 เมษายน 2557 22:43 น.

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/G0_Y-ii78z8?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

New signals detected in MH370 search - BBC News - YouTube

เอเจนซีส์ - ทีมค้นหาเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เมื่อวันพฤหัสบดี (10 เม.ย.) สามารถตรวจจับสิ่งที่อาจจะเป็นสัญญาณเสียงชุดที่ 5 จากเครื่องมือที่มนุษย์สร้างขึ้นซึ่งกำลังจมอยูใต้มหาสมุทรอินเดีย จึงยิ่งเพิ่มความหวังว่าจะสามารถระบุตำแหน่งของวัตถุดังกล่าวนี้ได้ในเร็ววัน และส่งยานดำน้ำไร้คนขับออกไปพิสูจน์ทราบว่ามันเป็นกล่องดำของโบอิ้ง 777 ลำนี้ใช่หรือไม่

พล.อ.อ. แองกัส ฮุสตัน อดีตผู้บัญชาการกองทัพออสเตรเลีย ที่เป็นหัวหน้าศูนย์ประสานงานการค้นหาในบริเวณด้านใต้ของมหาสมุทรอินเดียอยู่ในเวลานี้ ออกคำแถลงระบุว่า เครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเล AP-3 โอไรออน ของกองทัพอากาศออสเตรเลีย ซึ่งกำลังทิ้งทุ่นลอยโซนาร์ลงไปยังพื้นน้ำใกล้เคียงกับบริเวณที่เรือแดนจิงโจ้เคยพบสัญญาณเสียง 4 ชุดก่อนหน้านี้ ได้ยิน “สิ่งที่เป็นไปได้ว่าเป็นสัญญาณ” จากเครื่องมือซึ่งมนุษย์สร้างขึ้นมา

“ข้อมูลเสียงดังกล่าวนี้จำเป็นจะต้องมีการวิเคราะห์เพิ่มเติมขึ้นในช่วงคืนนี้” คำแถลงบอก

ถ้าหากได้รับการยืนยันแล้ว สัญญาณล่าสุดนี้ก็จะยิ่งช่วยลดขนาดขอบเขตของบริเวณไล่ล่าค้นหาเที่ยวบิน MH370 ซึ่งสูญหายไปในขณะกำลังบินจากกัวลาลัมเปอร์มุ่งหน้าสู่ปักกิ่ง โดยที่มีลูกเรือและผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 239 คน

ก่อนหน้านี้ เรือ “โอเชียน ชิลด์” ของกระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย สามารถตรวจจับเสียงน่าสงสัยจากใต้น้ำได้ 2 ชุดในวันอังคาร(8) เพิ่มเติมจากที่พบแล้ว 2 ชุดในวันเสาร์ (5) สัญญาณเสียงเหล่านี้ได้รับการวินิจฉัยว่ามีความสอดคล้องกับเสียง “ping” ที่ปล่อยออกมาจาก “กล่องดำ” ซึ่งก็คืออุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบินและเสียงในห้องนักบินของเครื่องบิน

กองทัพอากาศออสเตรเลียกำลังปล่อยทุ่นลอยโซนาร์ลงน้ำ เพื่อให้สามารถระบุได้ชัดเจนยิ่งขึ้นถึงตำแหน่งที่ตั้งของเสียงสัญญาณที่เรือโอเชียน ชิลด์ ตรวจพบ

น.อ.(พิเศษ) ปีเตอร์ เลียวี แห่งกองทัพเรือออสเตรเลีย ระบุว่า ทุ่นลอยเหล่านี้แต่ละทุ่นจะผูกอยู่กับ “ไฮโดรโฟน” หรือไมโครโฟนใต้ดิน ซึ่งจะจมลงไปใต้น้ำเป็นระยะประมาณ 300 เมตร และแต่ละทุ่นสามารถส่งข้อมูลที่ตรวจจับได้ผ่านทางวิทยุกลับไปที่เครื่องบิน AP-3 โอไรออน


ภาพที่เผยแพร่โดยกองทัพอออสเตรเลียเมื่อวันพุธ (9) แสดงให้เห็นเครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเล AP-3 โอไรออน ของกองทัพอากาศแดนจิงโจลำหนึ่ง บินผ่านเรือโอเชียน ชิลด์ ขณะที่ทำการทิ้งทุ่นลอยโซนาร์ลงน้ำ เพื่อช่วยเหลือการค้นหาเที่ยวบิน MH370 (ดูรูป)

ทั้งนี้ หลังจากเรือโอเชียล ชิลด์ ตรวจพบสัญญาณเสียงรวม 4 ชุด ก็ช่วยให้สามารถหดพื้นที่ค้นหาในน่านน้ำมหาสมุทรอินเดีย บริเวณห่างจากทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเพิร์ท, เมืองหลวงของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ราว 2,300 กิโลเมตรลงมาได้มาก โดยที่ในวันพฤหัสบดี (10) มีการตีวงค้นหาลงมาเหลือราว 57,900 กิโลเมตร หรือราว 1 ใน 4 ของพื้นที่ค้นหาก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน

ทั้งนี้รายงานระบุว่าในวันพฤหัสบดีนี้เอง เครื่องบินของนานาชาติรวม 14 ลำและเรือ 13 ลำ ได้ช่วยกันค้นหาซากเครื่องบิน จากบรรดาสิ่งที่ลอยบนผิวน้ำมากมายที่ลูกเรือสังเกตเห็นเมื่อวันพุธ แต่เท่าที่เก็บกู้ขึ้นมายังไม่มีสิ่งใดที่เชื่อได้ว่า เชื่อมโยงกับ MH370

ภายในบริเวณค้นหานี้ ก็ครอบคลุมพื้นที่ 1,300 ตารางกิโลเมตรใต้ทะเล ที่เรือโอเชียน ชิลด์พยายามค้นหาตำแหน่งเสียงใต้น้ำเพิ่มเติมจากที่เคยตรวจจับได้

ถ้าหากจับสัญญาณเสียงได้อีกและสามารถลดพื้นที่ใต้น้ำที่ต้องค้นหาให้แคบลง ก็จะมีส่วนช่วยอย่างยิ่งในการเตรียมการก่อนที่จะส่งยานใต้น้ำไร้คนขับ “บลูฟิน-21” ออกมาปฏิบัติการสร้างแผนที่โซนาร์ของบริเวณใต้สมุทรที่ซากเครื่องบินอาจจะจมอยู่

บลูฟิน-21 ซึ่งมีลักษณะเป็นยานหุ่นยนต์ ต้องใช้เวลายาวนานเป็น 6 เท่าตัว ในการค้นหาพื้นที่ขนาดเดียวกันกับที่อุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณจากกล่องดำ (ทีพีแอล) ซึ่งกำลังลากจูงโดยเรือโอเชียน ชิลด์ สามารถทำได้ในเวลานี้ ด้วยเหตุนี้เองในเวลานี้จึงยังพึ่งพาทีพีแอลป็นสำคัญในขณะที่ยังพอจะใช้ได้ นั่นคือ ในเวลาที่พลังงานของแบตเตอร๊ของกล่องดำยังไม่หมดเกลี้ยง

เนื่องจากแบตเตอรี่ของกล่องดำโดยปกติแล้วมีอายุการใช้งานเพียง 30 วันโดยประมาณ และวันอังคาร (8) ที่ผ่านมาก็เป็นวันครบรอบ 1 เดือนที่ MH370 หายไป โดยยังไม่มีใครล่วงรู้สาเหตุ

แต่หากพลังงานแบตเตอรี่หมดลงก่อนที่จะหาพบ การค้นหาใต้มหาสมุทรลึกถึง 4,500 เมตรคงเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่ง

ขณะเดียวกัน ที่มาเลเซีย ซาฮิด ฮามิดี รัฐมนตรีมหาดไทยแถลงว่า จากการสัมภาษณ์บุคคล 180 คน ซึ่งรวมถึงญาติของผู้โดยสารและลูกเรือ รวมทั้งพนักงานสายการบินภาคพื้นดินและวิศวกร ยังไม่พบหลักฐานที่เป็นข้อสรุปสำหรับการสอบสวนหาสาเหตุที่ MH370 เปลี่ยนเส้นทางขณะมุ่งหน้าจากกัวลาลัมเปอร์สู่ปักกิ่งแต่อย่างใด

 

IATA จี้รัฐบาลทั่วโลกเพิ่มบทลงโทษ “ผู้โดยสารเครื่องบิน” ที่ไม่เคารพกฎ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 เมษายน 2557 09:48 น.



เอเอฟพี – สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association – IATA) เรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกใช้มาตรการรุนแรงยิ่งขึ้นตอบโต้ผู้โดยสารที่ “ก่อกวนความสงบ” จนอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อเที่ยวบินพาณิชย์

ไออาตา ซึ่งเป็นสมาคมสายการบินที่มีฐานอยู่ในเมืองมอนทรีออล บรรลุข้อตกลงในการประชุมระดับนักการทูตเมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงอนุสัญญาโตเกียว ปี 1963 ซึ่งกำหนดวิธีเอาผิดตามกฎหมายต่อผู้โดยสารที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบการบิน หรือมีพฤติกรรมก่อกวนความสงบจนอาจกระทบต่อความปลอดภัยของเที่ยวบิน

“ข้อตกลงครั้งนี้นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับทั้งผู้โดยสารและลูกเรือ” โทนี ไทเลอร์ ผู้อำนวยการใหญ่และผู้บริหารไออาตา ระบุในถ้อยแถลง

“สิ่งที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงมาตรการอื่นๆ ที่สายการบินบังคับใช้อยู่แล้ว จะช่วยป้องกันพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์บนเครื่องบินโดยสาร... แต่รัฐบาลทุกชาติก็จะต้องปฏิบัติตามและลงนามรับรองกฎระเบียบใหม่นี้ด้วย”

ไออาตา ได้รับแจ้งพฤติกรรมก่อกวนของผู้โดยสารบนเครื่องบินราวๆ 300 กรณีในแต่ละสัปดาห์

การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบในอนุสัญญาโตเกียวซึ่งเป็นผลมาจากการประชุมเจ้าหน้าที่จาก 100 ประเทศ จะมีผลบังคับใช้หลังจากมีรัฐบาลลงนามรับรองอย่างน้อย 22 ชาติ

กฎใหม่จะระบุชัดเจนยิ่งขึ้นว่าพฤติกรรมไม่เหมาะสมได้แก่อะไรบ้าง เช่น การข่มขู่ การทำร้ายร่างกาย หรือการฝ่าฝืนระเบียบด้านความปลอดภัย เป็นต้น และจะอนุญาตให้ทางการของประเทศที่เครื่องบินจดทะเบียน รวมถึงประเทศปลายทาง สามารถเอาผิดตามกฎหมายกับผู้โดยสารที่ก่อปัญหาได้ ซึ่ง ไออาตา ชี้ว่าจะเป็นการอุดช่องโหว่ที่ช่วยให้ผู้กระทำผิดร้ายแรงรอดพ้นจากการลงโทษมาแล้วหลายราย

“ผู้โดยสารที่ไม่เคารพกฎมีน้อยคน แต่พฤติกรรมของพวกเขาอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความปลอดภัยของเที่ยวบิน จุดมุ่งหมายของเราจึงอยู่ที่การป้องปรามพฤติกรรมเหล่านั้น โดยประกาศให้ทราบชัดเจนว่าอะไรบ้างที่ถือเป็นการไม่เคารพกฎ และจะมีบทลงโทษอย่างจริงจัง” ไทเลอร์ ระบุ

ไออาตา มีสมาชิกทั้งสิ้น 240 ประเทศ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 24 ของการสัญจรทางอากาศทั่วโลก



IATA

 

แม่ทัพใหญ่นาโต เผย อาจมีการส่งทหารอเมริกันไปประจำการเพิ่มในยุโรป รับมือภัยคุกคามรัสเซีย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 เมษายน 2557 13:47 น.



เอพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-พลอากาศเอกฟิลิป บรีดเลิฟ แห่งกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เผยในวันพุธ (9) อาจมีการตัดสินใจส่งทหารสหรัฐฯเข้ามาประจำการเพิ่มเติมในยุโรป เพื่อรับมือกับวิกฤตด้านความมั่นคงในยูเครน และความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารของรัสเซียเพื่อรุกรานอธิปไตยของเพื่อนบ้าน

พล.อ.อ. บรีดเลิฟเผยว่า ขณะนี้มีการหารือกันอย่างลับๆในหมู่ชาติสมาชิกทั้ง 28 ชาติของนาโต และในเบื้องต้นพบว่า สมาชิกส่วนใหญ่ของนาโตต้องการ “หลักประกัน” ว่าเสถียรภาพและอธิปไตยของยุโรปจะไม่ถูกคุกคาม ซึ่งหนึ่งในแนวทางที่ถูกพูดถึงมากที่สุดจนถึงตอนนี้ คือ การเสนอให้สหรัฐฯส่งกำลังทหารของตนเข้ามาประจำการในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะชาติสมาชิกนาโตที่มีพรมแดนติดต่อกับรัสเซียและยูเครน

อย่างไรก็ดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดนาโตชาวอเมริกันระบุว่า ข้อสรุปที่ชัดเจนในการเสริมสร้างความมั่นคงแก่ยุโรปจากภัยคุกคามของรัสเซีย อาจต้องรอหลังการประชุมกลุ่มนาโตในช่วงต้นสัปดาห์หน้า และมีความเป็นไปได้ว่าที่ประชุมอาจเสนอให้ชาติสมาชิกอื่นๆส่งกำลังทหารของตนเข้าร่วมกับสหรัฐฯในภารกิจดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บรีดเลิฟเพิ่งออกมาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนโดยระบุ กำลังทหารรัสเซียที่มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 40,000 คนที่ถูกส่งมาประชิดชายแดนด้านตะวันออกของยูเครนนั้น มีแสนยานุภาพมากพอที่จะรุกรานอธิปไตยและผนวกดินแดนต่างๆทางตะวันออกของยูเครนเข้ากับรัสเซียได้ภายในระยะเวลาเพียง 3-5 วันเท่านั้น หลังจากที่รัสเซียทำการผนวก “ไครเมีย” ที่จัดการลงประชามติแยกตัวออกจากยูเครนไปแล้วก่อนหน้านี้

ด้านชัค เฮเกิล รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นในวันพุธ (9) โดยยืนยัน สหรัฐฯพร้อมดำเนินทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องยุโรปจากภัยคุกคาม โดยยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ที่อาจมีการส่งกำลังทหารอเมริกันไปยังโรมาเนีย โปแลนด์ สโลวาเกีย และฮังการี ซึ่งเป็นชาติสมาชิกนาโตที่มีพรมแดนติดต่อกับยูเครน และอยู่ไม่ไกลจากรัสเซีย