ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_7009.JPG
    (Jan 1) กำจัดจุดอ่อน'สหกรณ์' จุดเปราะบางเสถียรภาพการเงิน: ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ธนาคาร แห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้แสดงความกังวลปัญหาสหกรณ์ออมทรัพย์มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมีข่าวมาต่อเนื่องเกี่ยวกับปัญหาผู้บริหารสหกรณ์การยักยอกเงิน หรือผู้บริหารสหกรณ์ขาดความรู้ความสามารถ รวมไปถึงการลงทุนที่ไม่เหมาะสมและมีความเสี่ยงต่อสมาชิกสหกรณ์ที่ฝากเงินด้วยกันเอง รวมไปถึงธุรกรรมการเงินระหว่างสหกรณ์ด้วยกันเอง หากเกิดปัญหาล้มละลายและลุกลามมาถึงเสถียรภาพของระบบการเงิน



    โดยปัจจุบัน "สหกรณ์ออมทรัพย์ และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน" มีสินทรัพย์รวมกันกว่า 2 ล้านล้านบาท มีการทำธุรกรรมการเงินรับเงินฝากและปล่อยสินเชื่อคล้ายๆ กับระบบสถาบันการเงิน



    ในสายตา ธปท. ในฐานะผู้กำกับนโยบายการเงิน ยังมองว่า "สหกรณ์ออมทรัพย์" ถือว่าเป็นจุดอ่อนหรือ จุดเปราะบางของระบบเสถียรภาพ ระบบการเงิน แม้แต่ล่าสุดในรายงานผลการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2561 ระบุชัดเจนถึงความเป็นห่วงและยังต้อง จับตาความเปราะบางในบางจุดที่อาจมีนัยต่อเสถียรภาพการเงินข้างหน้า



    พฤติกรรมการแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น (Search for Yield) และมีการประเมินความเสี่ยง ต่ำกว่าที่ควร (Under pricing of Risks) โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสหกรณ์ออมทรัพย์



    ในรายงานระบุชัดเจนว่า พบพฤติกรรม Search for Yield ผ่านสหกรณ์ออมทรัพย์ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง สะท้อนจากเงินรับฝากและเงินลงทุนในหลักทรัพย์ที่ยังขยายตัวสูง รวมทั้งพบว่าสหกรณ์ออมทรัพย์ขนาดใหญ่บางแห่งกู้ยืมเงินระยะสั้นเพื่อมาลงทุนในหลักทรัพย์มากขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและความผันผวนของมูลค่าเงินลงทุน



    อย่างไรก็ตาม การที่ที่ประชุมเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สหกรณ์ที่ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นั้นเป็นจุดเริ่มต้น ที่ดีในการยกระดับการกำกับดูแลระบบสหกรณ์ แต่ต้องเร่งพัฒนากระบวนการกำกับดูแลความเสี่ยงและธรรมาภิบาล เพื่อให้ระบบสหกรณ์ออมทรัพย์มีความเข้มแข็งสามารถดำเนินงานได้สอดคล้องกับปรัชญาของสหกรณ์โดยไม่ส่งผล กระทบต่อเสถียรภาพการเงินโดยรวม



    วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ขณะนี้ร่างกฎหมายสหกรณ์ ที่มีการปรับปรุงเกณฑ์การกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนียน โดยยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแล และยกระดับธรรมาภิบาลเพิ่ม มากขึ้นได้ผ่าน สนช.แล้ว อยู่ระหว่างรอลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา

    "

    ในกฎหมายใหม่ จะให้อำนาจ นายทะเบียน คือ กรมส่งเสริมสหกรณ์ สามารถออกกฎเกณฑ์กำกับดูแลที่ ชัดเจนได้ จากเดิมจะมีอำนาจในลักษณะส่งเสริมเป็นหลัก" วิรไท กล่าว



    นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือการ "จัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษา" ขึ้นมา โดยมีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ในการที่จะวางกรอบกฎเกณฑ์ให้คำแนะนำเกี่ยวกับกรอบกฎเกณฑ์การกำกับดูแล ซึ่งกฎเกณฑ์ที่จะออกมา ต้องปรึกษา ธปท. ปรึกษาคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และกระทรวงการคลัง เพื่อให้แน่ใจว่าจะปิดช่องโหว่เรื่องสหกรณ์ได้



    สำหรับสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ. สหกรณ์ฉบับใหม่ ที่กำลังเตรียมประกาศใช้ ซึ่งจะมีการคุมเข้มสหกรณ์ออมทรัพย์-เครดิตยูเนี่ยน รวมไปถึงการวางหลักเกณฑ์กำกับ กรรมการ-ผู้จัดการสหกรณ์ปล่อยกู้ยากขึ้น พร้อมแต่งตั้งผู้สอบ บัญชี



    พ.ร.บ.สหกรณ์ฉบับใหม่ที่จะเพิ่มเติมและแตกต่างจาก พ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ศ. 2542 ที่ได้ถือใช้มาถึงปัจจุบันนั้น อาทิ การกำหนดประเภท ลักษณะของสหกรณ์ และวัตถุประสงค์ ขอบเขตการดำเนินกิจการสหกรณ์แต่ละประเภท การปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับสมาชิกสมทบสหกรณ์ การแก้ไขเพี่มเติมเกี่ยวกับบทบัญญัติ ผู้ตรวจสอบกิจการ งบการเงินและการสอบบัญชี



    ที่สำคัญมีการแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับอำนาจกระทำการของสหกรณ์กรณีเรื่องการรับฝากเงิน จากนิติบุคคล การกำหนดบทบัญญัติเกี่ยวกับการดำเนินงานและการกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และเครดิตยูเนี่ยน และการแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนสหกรณ์เกี่ยวกับการกำหนดระบบบัญชี การ แต่งตั้งผู้สอบบัญชี การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์



    อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่รอประกาศใช้กฎหมายสหกรณ์ฉบับใหม่ กรมส่งเสริมสหกรณ์ก็ได้การเตรียมพิจารณารายละเอียดที่จะต้องออกเป็นกฎกระทรวงและระเบียบนายทะเบียนสหกรณ์ตามที่ พ.ร.บ.สหกรณ์ฉบับใหม่กำหนดไว้ ซึ่งจะประกอบด้วย กฎกระทรวง 13 เรื่อง และระเบียบนายทะเบียนสหกรณ์ 3 เรื่อง ทั้งหมดจะต้องออกบังคับใช้ภายใน 2 ปี ตามที่กำหนดไว้ในบทเฉพาะกาล ซึ่งจะออกประกาศเป็นช่วงๆ จนครบตามที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะสาระสำคัญในมาตรา 89/2 เรื่องของการกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์ และเครดิตยูเนี่ยน ต้องมีกฎกระทรวง ออกมาทั้งหมด 12 ฉบับ ซึ่งกรมจะเร่งรัด ดำเนินการ เบื้องต้นได้มีการเสนอร่างกฎกระทรวงและระเบียบนายทะเบียนสหกรณ์ในที่ประชุมกรรมาธิการได้พิจารณาใน เบื้องต้นแล้ว แต่อาจจะต้องมีการปรับปรุงในรายละเอียดบางส่วนเพื่อให้ครอบคลุมและสอดคล้องกับพระราชบัญญัติสหกรณ์ฉบับใหม่ที่กำลังจะประกาศใช้



    นี่เป็นจุดเริ่มต้นการจัดระเบียบและการสะสางปัญหา "สหกรณ์ออมทรัพย์" ที่เรื้อรังมานาน ทั้งๆ ที่สหกรณ์มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนและสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ทั้งด้าน การเป็นแหล่งเงินลงทุนและเป็นแหล่งเก็บออมเงินของประชาชนรากหญ้า ที่แท้จริง


    โดย ชีวรัตน์ กิจนภาธนพงศ์

    Source: Posttoday
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2019
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_7010.JPG
    (Jan 1) ดาวโจนส์ปิดฉากปีจอ ทำสถิติปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในรอบ 10 ปี: ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นวันทำการสุดท้ายของปี 2561


    อย่างไรก็ดี ดาวโจนส์ยังคงทำสถิติปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในปีที่แล้ว นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกเมื่อ 10 ปีก่อนหน้านี้


    ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาทั้งปี 2561 ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 5.6%, ดัชนี S&P 500 ทรุดตัวลง 6.2% และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 3.9% โดยดัชนีทั้ง 3 ต่างปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งในปีดังกล่าว ดัชนีดาวโจนส์, ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq รูดลง 33.8%, 38.5% และ 40% ตามลำดับ


    นอกจากนี้ ปี 2561 ยังเป็นปีที่ดัชนีดาวโจนส์ และดัชนี S&P 500 ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี และดัชนี Nasdaq ร่วงลงเป็นครั้งแรก หลังจากดีดตัวขึ้นติดต่อกัน 6 ปี


    ขณะเดียวกัน ในปีที่แล้ว ยังเป็นครั้งแรกที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง แม้ว่าสามารถดีดตัวขึ้นในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี


    เมื่อพิจารณาไตรมาส 4 ของปี 2561 พบว่า ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเกือบ 12% ซึ่งเป็นการปรับตัวย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2552 ส่วนดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 13.97% และ 17.50% ตามลำดับ ซึ่งเป็นการปรับตัวย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2552


    และเมื่อพิจารณาเฉพาะเดือนธ.ค. ดัชนีดาวโจนส์, ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ต่างทรุดตัวลงไม่น้อยกว่า 8.7% โดยดัชนีดาวโจนส์ และดัชนี S&P 500 ทำสถิติปรับตัวในเดือนธ.ค.2561 ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2474 และดิ่งลงเมื่อเทียบรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2552


    นักวิเคราะห์ระบุว่า นักลงทุนพากันเทขายหุ้นในเดือนธ.ค. ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน


    source -อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ


    https://www.cnbc.com/2018/12/31/stock-market-wall-street-stocks-eye-us-china-trade-talks.html
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_7011.JPG
    (Jan 1) ธนาคารในสหรัฐอาจยกเลิกการสนับสนุนค่าเดินทางและค่าที่พักให้กับพนักงานที่ต้องการเดินทางไปกลับระหว่างลอนดอนและเมืองต่างๆ ในยุโรป ภายหลัง Brexit : ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ จำนวน 4 แห่ง ประกาศเตือนว่าธนาคารอาจยกเลิกการสนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางและที่พักให้กับพนักงานที่ต้องการเดินทางไปกลับระหว่างลอนดอนและเมืองต่างๆ ในยุโรปเป็นประจำ เพราะในช่วงไตรมาสแรกของปี 2019 ธนาคารมีแผนจะย้ายพนักงานจำนวนกว่าพันคนจากลอนดอนไปประจำการที่ ปารีส แฟรงก์เฟิร์ต และ ดับลิน รวมถึงเมืองอื่นๆ ในยุโรป เพื่อให้ยังคงสามารถให้บริการแก่ลูกค้าในยุโรปได้อย่างต่อเนื่องหลังจาก Brexit


    เนื่องจากลอนดอนมีความน่าสนใจในหลายด้าน อาทิ วัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยว ที่ดูดให้พนักงานธนาคารและพนักงานในกลุ่มธุรกิจการเงินต้องการให้ครอบครัวยังคงพักอาศัยอยู่ในลอนดอนต่อไปภายหลัง Brexit แม้ตนเองจะต้องย้ายออกไปทำงานในยุโรปก็ตาม


    ผู้บริหารกลุ่มธนาคารดังกล่าวระบุว่า หลังจาก Brexit การเดินทางไปกลับระหว่างลอนดอนและเมืองต่างๆ ในยุโรปอย่างเป็นประจำจะไม่ใช่ทางเลือกในระยะยาวสำหรับพนักงานอีกต่อไป และต้องการให้พนักงานย้ายไปพักอาศัยในยุโรปอย่างถาวร ซึ่งถือเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ของสหภาพยุโรปที่ต้องการให้พนักงานของบริษัทที่ทำงานอยู่ในสหภาพยุโรปอยู่อาศัยในยุโรปจริงๆ


    Source: BOTSS


    - US banks to cut London-EU commuting support for staff after Brexit:

    https://www.ft.com/content/a456ce4c-039c-11e9-99df-6183d3002ee1
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ช่างศุภวิชญ์ จูเปรมปรี

    IMG_7019.JPG
    ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุ “ปาบึก” (PABUK)"

    ฉบับที่ 9 ลงวันที่ 02 มกราคม 2562 เวลา 17.00 น.


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers


    ปรากฏการณ์ #ดาวเคียงเดือน

    02/01/18

    ดาว (ศุกร์) เคียงเดือน (ดวงจันทร์) เหมือนรอยยิ้มของใครสักคนบนฟ้า

    เครดิตภาพ: camerapark

    #Watchers


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers


    #ข่าวภัยพิบัติ

    ⚠️ #WARNING #เตือน #พายุโซนร้อนปาบึก #PABUK

    // พายุโซนร้อนปาบึก แนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้น //

    02/01/18

    07:00 อัพเดทจาก JMA (อุตุญี่ปุ่น) ศูนย์กลางพายุโซนร้อน "ปาบึก" น่าจะเข้ามาถึงกลางอ่าวไทย

    ช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 4 ม.ค.นี้ และมีแนวโน้มจะขึ้นฝั่งที่ อ.ละแม จ.ชุมพร ในช่วงกลางวันด้วยความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง 55 น็อต ความกดอากาศ 990 hPa ควรมีมาตราการอพยพ ปชช ออกจากชายฝั่ง


    Accuweather เตือนฝนหนักมากปริมาณมากกว่า 150 มม.อาจถึง 300 มม. ในภาคใต้ของไทยจากพายุโซนร้อน "ปาบึก" นั่นหมายถึงน้ำท่วมแน่นอน


    ภาพ3 ภาพดาวเทียมจาก TWC แสดงตำแหน่งของพายุโซนร้อน "ปาบึก" PABUK เมื่อ 09:03 ที่ผ่านมา


    Tropical Storm Pabuk forms over South China Sea, max wind 40 mph (65 km/h), forecast to move toward southern Thailand and strengthen.

    เครดิต : paipibut, ARGuard, Accuweather, Jay Hobgood

    #Watchers


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers


    #Space #Mars

    // ตะลึงภาพแอ่งน้ำแข็งใหญ่ทางเหนือของ #ดาวอังคาร //


    ภารกิจดาวเทียมสำรวจดาวอังคารชื่อมาร์ส เอ็กซ์เพรส (Mars Express) ขององค์การอวกาศยุโรป (European Space Agency-ESA) ถูกปล่อยออกจากโลกเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2546 และเดินทางไปถึงดาวอังคารใน 6 เดือนต่อมา ดาวเทียมได้ยิงเครื่องยนต์ต้นกำลังเข้าสู่วงโคจรรอบดาวเคราะห์สีแดงเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ในปีเดียวกัน ปี พ.ศ.2561 นี้ก็เป็นวาระครบรอบ 15 ปีของจุดเริ่มต้นแผนการด้านวิทยาศาสตร์ที่สำคัญของดาวอังคาร


    เมื่อไม่นานมานี้ยานมาร์ส เอ็กซ์เพรส ได้ค้นพบสิ่งที่บ่งชี้ว่าใต้พื้นผิวดาวอังคารที่เป็นน้ำแข็งนั้นเคยเป็นทะเลสาบ และล่าสุดกล้องถ่ายรูปสเตอริโอความละเอียดสูง (High Resolution Stereo Camera-HRSC) บนยานก็ได้บันทึกภาพความสวยงามของแอ่งน้ำแข็งโคโรเลฟ คราเตอร์ (Korolev crater) ที่ตั้งชื่อตามเซอร์เก โคโรเลฟ บิดาแห่งเทคโนโลยีอวกาศโซเวียต แอ่งแห่งนี้ตั้งอยู่บนที่ราบทางตอนเหนือของดาวอังคาร ในแอ่งมีน้ำแข็งหนาราว 1.8 กิโลเมตร โดยภาพถ่ายมาเป็นแถบจำนวน 5 แถบในวงโคจรที่แตกต่าง และนำมารวมเข้าด้วยกันสร้างเป็นภาพเดียว ทำให้มีมุมมองที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นของภูมิประเทศทั้งในและรอบแอ่งโคโรเลฟที่กว้างราว 82 กิโลเมตร


    การที่แอ่งเป็นน้ำแข็งก็เนื่องมากจากปรากฏการณ์ที่เรียกว่าการควบแน่นด้วยความเย็น (cold trap) ซึ่งส่วนที่ลึกที่สุดของแอ่งโคโรเลฟทำหน้าที่เป็นกับดักความเย็นตามธรรมชาติ อากาศที่เคลื่อนไหวเหนือน้ำแข็งที่เย็นตัวลงและจมลง ก่อให้เกิดชั้นของอากาศเย็นที่อยู่เหนือน้ำแข็ง ทำให้น้ำแข็งในแอ่งมีเสถียรภาพของความเย็นอย่างถาวร.


    Credit picture : NASA MGS MOLA Science Team

    Credit picture : ESA/DLR/FU Berlin, CC BY-SA 3.0 IGO

    Via: Thairath

    #Watchers


     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers


    #SUN ACTIVITIES

    02/01/19

    วันแรกของปี 2562 ที่ดวงอาทิตย์นั้นไม่ได้สงบเงียบเนื่องจากเราเห็นการเกิดขึ้นของจุดดับใหม่ (แต่เป็นของวัฏจักรเก่า)

    AR 12732 ภูมิภาคนี้เพิ่งจะมีการลุกจ้าปะทุ B2.8

    ติดตามตอนต่อไป!

    เครดิต : Halo CME

    #SUN_Watchers


     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers


    #ข่าวภัยพิบัติ #พายุโซนร้อนปาบึก

    // ดร.ธรณ์ เตือนรับมือ พายุ “ปาบึก” คาดใจกลางพายุผ่าน สมุย-พะงัน แนะอย่าประมาท //


    02/01/18

    ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้อ่าวไทย โดยเฉพาะจังหวัดสุราษฎร์ธานีและชุมพรตอนใต้ เตรียมรับมือพายุ “ปาบึก” (PABUK) แนะให้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดจากกรมอุตุนิยมวิทยา โดยระบุเนื้อหาบางตอนว่า " เราแทบไม่เคยเจอไต้ฝุ่นหรือพายุแรงๆ เพราะอ่าวไทยไม่ได้อยู่ในเส้นทางประจำของพายุ ผิดกับหลายประเทศเพื่อนบ้านที่โดนกันมาปีละหลายลูก เมื่อไม่คุ้นเคย การเตรียมการรับมืออาจไม่ถนัดเหมือนเจอประจำ นอกจากนี้ พื้นที่แต่ละแห่งยังเสี่ยงไม่เท่ากัน บางแห่งริมอ่าวไทยอาจเป็นแหลมทรายยื่นไปในทะเล หรือเป็นชายฝั่งหันรับลมเต็มๆ จึงต้องระวังเพิ่มให้มาก โดยเฉพาะพื้นที่เคยโดนในอดีต พายุเคลื่อนตัวช้า แค่ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ณ ตอนนี้จ่ออยู่ที่ปากอ่าวไทยด้านใต้แหลมญวน เวียดนามเองก็เริ่มได้รับผลกระทบบ้างแล้ว


    โดยปรกติพายุจะแรงในทะเล เมื่อขึ้นฝั่งจะเบาลงอย่างเร็ว ตอนนี้ปาบึกอยู่ในทะเล และจากจุดนั้นจนถึงในอ่าวไทย ไม่มีแผ่นดินใดขวางกั้น


    พายุในช่วงเข้าอ่าวไทย จึงน่าจะมีความรุนแรงใกล้เคียงตอนนี้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครทำนายได้เป๊ะๆ แต่ดูจากแนวโน้ม เส้นทางของพายุจะขึ้นกับลมหนาวที่มาจากเหนือ หากลมแรง พายุจะลงล่างหน่อย ตอนนี้ลมหนาวเริ่มเบาลง เส้นทางพายุทแยงขึ้นเหนือ มีแววว่าใจกลางพายุอาจผ่านแถวสมุย-พะงัน ก่อนเข้าไปที่สุราษฎร์ธานีและชุมพรตอนใต้


    โดยย้ำว่า ใครจะไปเที่ยวแถวอ่าวไทยในจุดเสี่ยง หลังวันที่ 5-6 คงไม่มีปัญหา พายุข้ามไปแล้วและคงลดแรงลงเยอะ คนกทม.หรือภาคอื่นๆ คงไม่ได้รับผลกระทบ เตรียมตัวช่วยพี่น้องชาวใต้ไว้หน่อยก็ดี ทั้งหมดนี้ อ่านแล้วอาจน่ากลัว แต่ผมถือว่าไม่ประมาทย่อมดีกว่า หวังว่าเพื่อนธรณ์คงปลอดภัยและทรัพย์สินไม่เสียหาย ติดตามข่าวจากกรมอุตุฯ อย่างใกล้ชิดตั้งแต่เย็นวันนี้เป็นต้นไป"


    ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุดีเปรสชัน บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน พายุปาบึก (PABUK) แล้ว โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 6.1 องศาเหนือ ลองจิจูด 109.8 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศใต้ค่อนทางตะวันตกเล็กน้อยอย่างช้าๆ คาดว่าจะเคลื่อนผ่านปลายแหลมญวน และเคลื่อนลงอ่าวไทยในช่วงวันที่ 2-3 มกราคม 2562 โดยจะมีผลกระทบต่อภาคใต้ในช่วงวันที่ 3-5 มกราคม 2562 ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากไว้ด้วย


    สำหรับชื่อ พายุปาบึก นั้น ตั้งมาจากชื่อ ปลาบึก ปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นพายุหมุนเขตร้อนที่ก่อตัวทางมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกตอนบนและทะเลจีนใต้


    เครดิต : ผจก.

    #Watchers


     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจนจิรา จันทรเสนา


    "กองทัพเรือ"

    สั่งการเรือหลวงอ่างทอง เตรียมความพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุ "ปาบึก" (PABUK)


    โดยในวันที่ 3 ม.ค.62 เวลา 13.00 น.

    ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย จัดสาธิตการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ณ เรือหลวงอ่างทอง ท่าเรือแหลมเทียน สัตหีบ จ.ชลบรี


    (แฟ้มภาพ)


     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หนุมานมุนี มุ ฤกษ์อัศวบุญชัย


    ปาบึก มาไวกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะนี้ผลกระทบเริ่มแล้ว ที่ ภาคใต้ตอนล่าง ในจังหวัด ปัตตานี นราธิวาส


    ในขณะอุตุญี่ปุ่นเตือน ปาบึกจะทวีความรุนแรงขีดสุดเกือบๆพายุไต้ฝุ่น ด้วยความเร็วลมใกล้จุดศูนย์กลาง ถึง 60kt หรือประมาณ 111กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยลมกระโชก 85kt หรือประมาณ 157กิโลเมตร/ชั่วโมง (ความกดอากาศต่ำกว่า 986hPa) พืนที่จุดหมุนของพายุจะกินเกือบทั้งอ่าวไทย

    ในวันที่4 มกราคม นี้ ในอ่าวไทย


    สำหรับคลื่นลมECMWF ได้คาดการณ์ว่าจะสูงถึง 8.2 เมตร บริเวณด้านหน้าขวาของตาพายุ ในช่วงบ่ายวันศุกร์นี้


    ดังนั้นจะค่อนข้างรุนแรงมาก น่าจะแรงกว่าแฮเรียตที่เคยเข้าแหลมตะลุมพุกในอดีตที่ผ่านมา


    #ปาบึกจะจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทย


     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หนุมานมุนี มุ ฤกษ์อัศวบุญชัย


    จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ "ปาปึก"มาเที่ยวนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ แหล่งปิโตรเลียม ปลาทอง แท่นชื่อ T15 ในอ่าวไทย อพยพเรียบร้อยแล้ว ใช้เรือลากจูง2 ลำ ตอนนี้ลากแท่นเข้า สัตหีบ ต้องใช้เก็บสมอทั้งคืน คนงานได้นอน ได้พักผ่อนก็สว่างซะแล้ว


     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หนุมานมุนี มุ ฤกษ์อัศวบุญชัย


    คสช...ทัพบกเตรียมพร้อมทั้งอุปกรณ์ ทั้งกำลังพล เพื่อเตรียมเข้าช่วยเหลือประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากพายุปาบึกที่กำลังจะเข้าภาคใต้อีกไม่นาน.....@!!@


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หนุมานมุนี มุ ฤกษ์อัศวบุญชัย


    เรือหลวงเตรียมพร้อม!!


    “ผบ.ทร.”สั่ง “เรือหลวงอ่างทอง” เตรียมพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุ “ปาบึก” (PABUK) ถล่มภาคใต้


    พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ สั่ง เตรียมพร้อมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุ “ปาบึก”โดยให้ เรือหลวงอ่างทอง ซึ่งเป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ เตรียมนำกำลังพลและเครื่องมือเพื่อเข้าปฏิบัติการช่วยเหลือ ด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ”

    โดย รล.อ่างทอง เตรียมความพร้อม 3 มค. ที่ ท่าเรือแหลมเทียน สัตหีบ ชลบุรี


    “เรือหลวงอ่างทอง”สามารถปฏิบัติการในทะเลต่อเนื่องได้ไม่น้อยกว่า 45 วัน ปฏิบัติการในทะเลได้ถึง Sea State 6 และรองรับกำลังพล360นาย


    รวมทั้งใช้เฮลิคอปเตอร์ ที่มากับเรือในการนำผู้ป่วยกลับมารักษาที่เรือได้อีกด้วย


    ภาพ/ข่าว:Wassana Nanuam


     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    WisdomNews


    ปตท.สผ. อพยพเจ้าหน้าที่

    แท่นขุดเจาะกลางทะเล เข้าสู่ฝั่งเป็นที่เรียบร้อย


     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai


    ... “ถ้าทรัมป์ถอนทหารจากซีเรีย อิหร่านจะสานฝันเส้นทางชีอะห์ขายแก๊สให้ยุโรป”


    ... ทรัมป์ประกาศเมื่อ 19 ธันวาคม 2018 ว่าจะถอนทหารออกจาก “ซีเรีย” เพราะอ้างว่าไอซิสจะแพ้แล้วหลังจากโดน “รัสเซีย” ปราบปรามอย่างหนักในสามปีที่ผ่านมา


    ... และทำให้พันธมิตรบริวารลูกสมุนนั้นต่างงงและไม่พอใจอย่างมาก เช่น “เคิร์ด” นั้นออกมาตำหนิ “อเมริกา” ว่าทรยศเพื่อนเพราะว่า เคิร์ดนั้นเป็นเหมือนทหารรับจ้างของอเมริกาในการรังควานปั่นป่วน “ตุรกี” เอาใจอเมริกามาโดยตลอด แล้วอยู่ๆจะมาทิ้งกันได้อย่างไร


    ... แต่นักวิเคราะห์จาก “อัลจาซีร่า” ก็บอกว่าเรื่องแบบนี้ต้องดูกันยาวๆ ทรัมป์อาจจะเดินตามซ้ำรอย “ลุงโอบาม่า” ก็ได้


    ... เพราะว่าในตอนนั้น ปี 2011 ลุงโอบาม่า ได้ประกาศจะถอนทหารประหยัดงบประมาณโดยได้เริ่มทยอยถอนหทารออกจาก “อิรัก” ในปีนั้น เพื่อจะถอนกำลังออกจากประเทศ ซึ่งความจริงนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะหนึ่งในสาเหตุที่แท้นั้นนอกจากเรื่อง หนึ่ง อเมริกาต้องการคงกำลังรักษาแหล่งน้ำมันที่อุดมในอิรักด้วยพลังงานธรรมชาติแล้วเอามาขายเลี้ยงไอซิสป่วนอิรักและอิหร่าน แล้วสาเหตุที่สองก็คือ สร้างไอซิสมาป่วนในอิรักเพื่อไม่ให้เกิดโครงการเดินท่อแก๊ส จาก “อิหร่าน อิรัก ซีเรีย ออกทะเลเมดิเตอร์เรเนียน” หรือ “เส้นทางสายพระจันทร์เสี้ยวชีอะห์” ไปขายยุโรปได้


    ... โดยอ้างว่าปี 2014 นั้นเมือง “โมซุล” เมืองทางตะวันตกของฝั่งแม่น้ำไทกริส ห่างจากกรุงแบกแดดไป 400 กิโลเมตร และเป็นเมืองอุดมน้ำมันอันดับต้นๆของอิรัก ตกไปอยู่ในมือของไอซิสอีกครั้งทำให้สุดท้ายแล้ว “อเมริกา” ก็ต้องเก็บทหารไว้ที่ “อิรัก” อยู่จนถึงปัจจุบัน ( เหมือนการเล่นละครจ้างเลี้ยงทหารรับจ้างไว้เพื่อพระเอก จะได้คงทหารเอาไว้ปราบโจรต่อไป )


    ... เพราะ “อิรัก” คือประเทศที่ส่งออกน้ำมันมากเป็นอันดับ 12 ของโลก และมีน้ำมันสำรองมากเป็นอันดับ 5 ของโลก โดยร้อยละ 20 ของแหล่งน้ำมันในอิรักอยู่ทางเหนือใกล้กับเมือง Kirkuk, Mosul หรือ โมซุล และ Khanaqin. ซึ่งตอนหลังสงครามในปี 2003 นั้น ชาวเคิร์ดที่ช่วยอเมริกาโค่นซัดดัม ก็พยายามจะเข้ามาครอบครองบ่อน้ำมันแถบนั้น โดยการช่วยเหลือของอเมริกา ( ขณะที่อันดับ 1 ในน้ำมันสำรองมากสุดในโลกนั้นคือ เวเนซุเอล่า ที่กำลังถูกแทรงแซงอย่างหนัก )


    ... โดยสมัยโอบาม่านั้น ได้พยายามออกสื่อว่า “ใช้ทหารรับจ้าง” ไม่อยากเอาทหารอเมริกันไปตาย แต่จ้างทหารรับจ้างท้องถิ่นไปตายแทน เช่นทหารรัฐบาลอิรัก ทหารเคิร์ดที่ฝันจะมีรัฐเอกราชของตน และกองทหารชาวชีอะห์ในอิรักมาช่วยรบกับไอซิส ซึ่งปีนั้นเอง เป็นจุดเริ่มที่ “ตุรกี” ไม่พอใจอเมริกา” เพราะว่าอเมริกาทั้งฝึกฝน อบรม ให้ความช่วยเหลือทั้งการเงิน การทหารกับชาวเคิร์ด Kurdish YPG มาตลอดอย่างมาก ที่ตุรกีถือว่าพวกนั้นเป็นก่อการร้ายในประเทศ


    ... ซึ่งนอกจากจะอ้างว่าปราบยาก ใช้เวลาปราบนานแล้ว “น้ำมันดิบจากอิรัก” ยังถูกนำมาดูดไปขายอย่างผิดกฏหมายในตลาดมืด เพื่อเอาเงินไปเลี้ยงจ้างไอซิสอีก จากการเปิดเผยของรัสเซีย โดยผ่านดินแดน “ตุรกี” โดยมี “อิสราเอล” เป็นฝ่ายจัดการหาตลาดยุโรปให้ ทำกันเป็นขบวนการ


    ... แท้จริงแล้ว “ทรัมป์” ต้องการถอนทหารออกจากซีเรีย ตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2018 แล้ว แต่ให้เวลากับฝ่ายปฏิบัติการ จนได้ประกาศจริงๆในเดือน 19 ธันวาคม ที่ผ่านมา


    ... ปัจจุบันนี้ “ชาวเคิร์ด” ในซีเรีย ภายใต้การสนับสนุนของ อเมริกา นั้นได้ครอบครอง 1 ใน 3 ของดินแดนซีเรีย ที่เป็น “ส่วนที่มีประโยชน์” ทั้งสิ้น เช่น น้ำมัน แหล่งน้ำ เขื่อน โรงผลิตไฟฟ้า และพื้นที่เพราะปลูกที่อุดมสมบูรณ์ สิ่งที่ประเทศพันธมิตรยุโรปและบริษัทน้ำมันอเมริกากลัวก็คือ “รัสเซีย” อาจจะใช้กำลังเข้ามายึดครองแหล่งน้ำมัน น้ำ เขื่อน โรงไฟฟ้าเหล่านี้ ไปจากกบฏชาวเคิร์ดแล้วเอาไปให้รัฐบาลอัสสาดแทน ซึ่งพวกเขารับไม่ได้ เพราะยิ่งจะทำให้รัฐบาลซีเรีย เข้มแข็งมากขึ้นอีก


    ... นอกจากเรื่องแหล่งน้ำมันในอิรัก ซีเรียแล้ว ยิ่งนานๆไป ไอซิสในอิรักก็ยิ่งแตกสาขาเข้าไปใน “ซีเรีย” อีก และนักวิเคราะห์มองว่าตั้งแต่ 2014 นั้นมา สงครามใน “อิรักและซีเรีย” เป็นแค่ “สงครามตัวแทน” ที่อเมริกาพยายามจะอยู่หลังฉากมากกว่า โดยปล่อยให้ประเทศมหาอำนาจในดินแดนนี้ ทั้ง ตุรกี อิหร่าน ซาอุดิอาระเบีย เข้ามาเล่นเองแล้วเมกาคุมจังหวะเกมห่างๆมากกว่า และเป็นเกมการสกัดการค้าน้ำมัน “เส้นทางท่อแก๊ส สายอิหร่าน อิรัก และซีเรีย” ด้วย


    ... ไม่ใช่แค่นั้น หลังจากสงครามในอิรัก ปี 2003 จบลงหลังจากพังทลายของระบบซัดดัม ที่นับถือนิกายซุนหนี่ “อิหร่าน” ได้สนใจทำ “เส้นทางสายพระจันทร์เสี้ยวชีอะห์” โดยคล้ายเส้นทางสายไหมของนิกายชีอะห์ ที่จะเชื่อมจาก “อัฟกานิสถาน ไป อิหร่าน อิรัก ซีเรีย เลบานอน และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน” ซึ่งโครงการท่อแก๊สข้างต้นก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น


    ... ซึ่งตอนที่ โอบาม่าประกาศในปี 2011 ว่าจะถอนทหารออกจากอิรักในปี 2011 นั้น ทำให้ความหวังของอิหร่านในโครงการ “เส้นทางพระจันทร์เสี้ยวชีอะห์” สว่างไสวมากขึ้น แต่แล้วก็เกิดตัวละคร ทหารรับจ้างนามว่า “ไอซิส” ขึ้นมาทำลายความหวังของอิหร่านในที่สุด โดยมีอเมริกา ซาอุด อิสราเอล ตุรกี เคิร์ด ร่วมมือกันทำลายฝันของอิหร่าน ไม่ใช่แค่นั้น ในปี 2018 นี้ อเมริกาก็ยิ่งตอกย้ำที่จะพาประเทศบริวารกลับมาคว่ำบาตรกับอิหร่านอีกครั้งหนึ่งหลังจากยอมผ่อนปรนตั้งแต่ปี 2015 แค่สองสามปี


    .... “สงคราม อิรัก อัฟกานิสถาน ซีเรีย เลบานอน” ก็เป็น “สงครามตัวแทน” ระหว่าง ขั้วอิหร่าน ซีเรีย อิรัก รัสเซีย เลบานอน กับอีกฝ่ายคือ ซาอุดิอาระเบีย และอิสราเอล เคิร์ด ที่มีอเมริกา ยุโรป บริษัทน้ำมันหนุนหลัง


    ... ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า ถ้า “อเมริกา” โดยทรัมป์ถอนทหารออกจากซีเรียจริงๆ จะทำให้ “อิหร่าน” จะพยายามเข้ามาสร้างอิทธิพลและสานฝันที่ไม่สำเร็จเมื่อ 2003 ให้กลับมาเป็นจริงอีกครั้ง เพราะว่าตอนหลังพวกเขาพยายามจะพัฒนาแหล่งแก๊ส South pars ให้เป็นแหล่งพลังงานแล้วขายไปยุโรปโดยผ่านโครงการ “เส้นทางสายไหมของชีอะห์” หรือ “เส้นทางพระจันทร์เสี้ยวชีอะห์” นี้ให้ได้


    ... นอกจาก “เคิร์ด” แล้ว “อิสราเอล” ก็เป็นอีกประเทศที่ไม่พอใจการตัดสินใจประกาศถอนทหารออกจากซีเรียในครั้งนี้ เพราะว่าจะทำให้อิทธิพลของพวกเขาในซีเรียหายไปมากกว่าเดิม ยิ่งตอนหลังรัสเซียส่งเครื่องยิงสกัดจรวดมาให้ซีเรีย ยิ่งทำให้อิสราเอลเจองานยากขึ้น


    ... อีกประเทศที่ลำบากใจถ้าอเมริกาถอนออกจากซีเรียก็คือ “ซาอุดิอาระเบีย” ก็เพราะว่า ซาอุดต้องการเอาทหารและทีมงานของอเมริกา มาคานอำนาจกับ “ตุรกีและอิหร่าน” เข้ามาก้าวก่ายสกัดในการสร้าง “เส้นทางพระจันทร์เสี้ยวสายชีอะห์” โดยก่อนหน้านั้นพวกเขาก็สั่งซื้อเครื่องบินรบของอเมริกาชุดใหญ่เป็นประวัติศาสตร์เพื่อจะจ้างอเมริกาให้ทำตามนโยบายเอาใจซาอุดทั้งยิงจรวดใส่ซีเรียและถอนออกจากข้อตกลงผ่อนผันเรื่องนิวเคลียร์เพื่อกลับมาคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในสถานการณ์ที่ซาอุดกำลังเสี่ยงกับการกบฏและแย่งชิงบัลลังค์ในประเทศ ยิ่งทำให้การเมืองซาอุดนั้นยากขึ้นกว่าเดิม


    ... ขณะที่ “ตุรกี” ก็จะได้ใจ เพราะว่าพวก “เคิร์ดในซีเรีย หรือ PKK ที่ตุรกีเชื่อว่าเชื่อมโยงต่อกับเคิร์ดในตุรกี ที่มีอเมริกาหนุนหลังนั้น จะอ่อนแอลง และพวกเขาเคยประกาศว่าจะส่งกองทัพข้ามไปในภาคเหนือของซีเรีย เพื่อทำลายพวกนั้น เพราะเชื่อว่าพวกนั้นจะได้รับการส่งเสริมจากอเมริกาสร้างเป็นรัฐอิสระที่จะมาทิ่มแทงและปั่นป่วนตุรกีในระยะยาว ดังนั้นถ้าอเมริกาถอนทหารออกจากซีเรียจริง ตุรกีจะเจองานง่ายกว่า


    ... ฝ่าย “เคิร์ด” นั้น ถ้าอเมริกาถอนความสนับสนุนออกไป อาจจะทำให้พวกเขาต้องหันไปหาเจ้านายคนใหม่ ที่สามารถสานฝันเขาได้ ส่วน “ไอซิส” นั้น อาจจะปรับกลยุทธฺในการดำรงอยู่ ในการสานต่อแนวคิดของทหารรับจ้างต่อไป


    … คำถามคือ ทรัมป์จะนำอเมริกาถอนทหารได้จริงไหม ได้นานเท่าไหร่ จะซ้ำรอยโอบาม่าหรือไม่ ที่ถอนได้แค่ 2011 – 2014 แค่สามปี หลังจากนั้นก็ถูกสร้างเกมขัดแย้งเพื่อจะกลับส่งทหารเข้าไปที่เดิมในอิรัก เหมือนเดิม เพื่อจะสกัดโครงการ “เส้นทางสายพระจันทร์เสี้ยวชีอะห์” ของอิหร่านและพันธมิตรหรือไม่ ?


    .


    .

    … Iran is also interested in the US-controlled Syrian territories, albeit for completely different reasons. Since the US invasion of Iraq in 2003, Iran has been working hard to establish a “Shia Crescent” from western Afghanistan to the Mediterranean Sea. The US withdrawal from Iraq in 2011 brought Iran one step closer towards achieving that goal. Yet, the rise of ISIL and the loss of a huge swath of territories in eastern Syria and western Iraq to the group denied Iran the possibility of keeping a land corridor open from Tehran to Damascus and to Hezbollah in Lebanon. Iran supported the US war on ISIL and even sought membership in the international coalition against the armed group, with the expectation that the US will leave the region once this fight is over. Now that the US is doing just that, Iran will resume its efforts to have the trans-Syria land corridor reopened by trying to increase its influence over northeast Syria.


    … Saudi Arabia also has strategic interests in the area. Over the past year, Riyadh exerted tremendous efforts to convince President Trump to maintain a substantial military presence in northeast Syria to counterbalance both Turkey and Iran. Last November, the Saudis committed $100m to convince the US to keep its troops in Syria. At one point, Riyadh even offered to send troops to patrol the area alongside the US and the YPG. Hence the US decision to leave the area likely caused major disappointment for the Saudis and encouraged them to play an even more hands-on role in the country's future.


    .

    https://www.aljazeera.com/indepth/opinion/withdrawal-syria-region-181223131305616.html


     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thairath


    แถลงการณ์ ปตท.สผ.ฉบับที่ 2 พายุปาบึก จะผ่านแท่นบงกชเต็ม ๆ จึงต้องพาพนักงานขึ้นฝั่งทั้งหมด เพื่อความปลอดภัย


     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_7020.JPG
    (Jan 1) ทองคำ 2019 คัมแบ็ก ขึ้นแน่ แต่ไม่สุด : ทุกครั้งที่โลกเกิดความผันผวนเอาแน่เอานอนไม่ได้ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง "ทองคำ" มักจะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยตัวแรกๆ ที่นักลงทุนหันมาถือตุนแทนที่สินทรัพย์เสี่ยงเสมอ ซึ่งหากเป็นไปตามสมมติฐานที่ว่านี้ แล้ว ปีหน้า 2019 ก็ควรจะเป็นปีของทองคำที่จะ "คัมแบ็ก" กลับมาอีกครั้ง หลังจากซบเซามาหลายปี



    ที่จริงแล้ว ราคาทองเริ่มมีสัญญาณชีพฟื้นตัวมาตั้งแต่ช่วงเดือนสุดท้ายของปี 2018 กันแล้ว เพราะ ได้ปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นทั่วโลก ที่ผันผวนหนัก โดยเฉพาะตลาดสหรัฐ ที่ขึ้น-ลงกันอย่างผันผวนสุดโต่งวันละ 1,000 จุด จนกดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และช่วยดันให้ราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน



    ราคาทองสปอตเมื่อวันศุกร์ที่ 28 ธ.ค. หรือศุกร์สุดท้ายของปี 2018 เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ปรับตัวขึ้น 0.2% ไปอยู่ที่ 1,277.33 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ก่อนหน้านี้ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดรอบ 6 เดือนได้สั้นๆ ที่ 1,282.09 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลอดทั้งสัปดาห์ปรับตัวขึ้นไป 1.7% ส่วนสัญญาทอง ฟิวเจอร์สไม่เปลี่ยนแปลงโดยอยู่ที่ 1,280.40 ดอลลาร์/ออนซ์



    นักวิเคราะห์มองว่าปี 2019 เป็นปีที่ทองคำน่าจะมีโอกาสกลับขึ้นมาสูงเพราะเป็นปีที่โลกยังเต็มด้วยปัจจัยเสี่ยง ทั้งเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลกที่มีแนวโน้มจะแย่ลงเพราะสงครามการค้า เบร็กซิตที่จะถึงเส้นตายในเดือน มี.ค.นี้แล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ผ่านรัฐสภาอังกฤษออกมา จนมีความเป็นไปได้ 50/50 ที่จะ "ไม่ได้ดีล" ทันกำหนด รวมถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจ "จีน" จะแย่ลงกว่าที่คาดไว้



    อีกปัจจัยหนุนสำคัญคงเป็นเรื่องของ "ดอลลาร์" ที่มีการมองกันว่าจะอ่อนค่าลงในปีหน้า เพราะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดคาดการณ์ขึ้นดอกเบี้ยปีหน้าจาก 3 ครั้ง เหลือ 2 ครั้ง



    เบนจามิน หลู นักวิเคราะห์ของบริษัท ฟิลลิป ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำในปี 2019 อยู่ในทิศทางที่ดีมาก เนื่องจากปีหน้าเต็มไปด้วยปัจจัยเสี่ยง อาทิ เบร็กซิต รวมถึงความเสี่ยงการกู้ยืมที่สูงในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนให้ราคาทองคำแพงขึ้น อย่างน้อยก็ในช่วงไตรมาสแรกปีหน้า



    ขณะที่ นาอีม อัสลัม นักวิเคราะห์โภคภัณฑ์ ค่าเงิน และหุ้น ระบุใน ฟอร์บส์ ว่า แม้ราคาทองคำตลอดทั้งปี 2018 นี้ (ถึงวันที่ 19 ธ.ค.) จะลงไปราว 4% แต่ปีหน้าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น เพราะมีความเสี่ยงทั้งในแง่เศรษฐกิจ และด้านภูมิรัฐศาสตร์ในยุโรปและตะวันออกลาง รวมถึงมีความเสี่ยง ต่อเก้าอี้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐมากขึ้นด้วย โดยราคาทองอาจขึ้นไปได้ถึง 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่หากเศรษฐกิจโลกยังประคองตัวไปได้ และเฟดผ่อนนโยบายการเงินขาขึ้นลงมา ก็อาจทำให้ราคาทองขึ้นไปได้เพียง 1,400 ดอลลาร์/ออนซ์



    อย่างไรก็ตาม นอกจากปัจจัยหนุนโอกาสทองคำข้างต้นแล้ว ก็ต้องไม่ลืมด้วยว่าปัจจัยหลักอย่าง "ภาวะเงินเฟ้อ" นั้นดูทรงแล้วไม่น่าเป็นห่วงเท่าไรนัก เพราะราคาน้ำมันยังขึ้นได้ไม่มาก และยังไม่แน่ชัดว่าการลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ (โอเปก) ที่ร่วมกับรัสเซีย จะออกมาได้ผลหรือไม่



    หากเงินเฟ้อไม่ขึ้นและเศรษฐกิจไม่ดีจนลดแรงกดดันของเฟดและแบงก์ชาติต่างๆ ลง เหตุผลที่จะต้องซื้อทองคำก็อาจจะลดลง และหากแย่ไปกว่านั้น ก็คือ ทองคำอาจกลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ "ผันผวน" มากขึ้นตามสินทรัพย์เสี่ยงไปด้วย



    ริชาร์ด ฟู หัวหน้าฝ่ายเอเชียแปซิฟิกของบริษัท อมัลกาเมท เมทัล เทรดดิ้ง มองว่า แม้แต่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำเองก็อาจเจอความผันผวนหนักในปีหน้าได้เช่นกัน และคาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวระหว่าง 1,150-1,375 ดอลลาร์/ออนซ์



    เว็บไซต์คิตโค รายงานว่า ผลสำรวจความเห็นคนทั่วไป (Main Street) ที่มีต่อราคาทองในปีหน้า ค่อนข้างออกมาในเชิงขาขึ้นและเชื่อว่าทองคำจะเป็น ขาขึ้นสูง โดย 34% เชื่อว่าจะขึ้นไปทะลุ 1,500 ดอลลาร์/ออนซ์ ต่างจากความเห็นของนักวิเคราะห์ของแบงก์ใหญ่ (Wall Street) ส่วนใหญ่ที่มองว่าขึ้นได้แค่เล็กน้อย เพราะแม้จะมีปัจจัยเสี่ยงช่วย แต่ปัจจัยหลักอื่นๆ ที่จะหนุนราคาทองให้ขึ้นได้อย่างหวือหวานั้นยังไม่ชัดเจน



    แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์และเอบีเอ็น อัมโร มองบวกที่ 1,400 ดอลลาร์/ออนซ์ และซิตี้แบงก์ให้ราคาพื้นฐานเฉลี่ยที่ 1,300 แต่ถ้ามีกรณีที่ทำให้ตลาดหุ้นปีหน้าแย่หนัก ราคาทองอาจขึ้นไปถึง 1,400 ขณะที่นักวิเคราะห์จากไอเอชเอส มาร์กิต ให้ราคาทองปีหน้าที่ประมาณ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์



    ส่วนแบงก์ฝรั่งเศส บีเอ็นพี พาริบาส์ ให้ราคาเฉลี่ยต่ำที่สุดที่ 1,145 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือมองสวนว่าทองคำจะเป็นขาลงมากกว่าขาขึ้นโดยหลุด 1,200 เพราะเงินเฟ้อจะไม่ขึ้นในปีหน้า และเชื่อว่าหุ้นที่ร่วงหนักในช่วงหลัง มานี้เป็นเพียงการปรับฐานมากกว่าจะเปลี่ยนจากตลาดกระทิงมาเป็นตลาดหมีถาวร และจะทำให้มีแรงซื้อกลับไปในตลาดหุ้นอีกครั้ง



    นอกจากเรื่องเงินเฟ้อและทิศทางเศรษฐกิจขาลง ปีหน้าก็ยังเต็มไปด้วยปัจจัยต่างๆ ที่ยังมีโอกาสสวิงขึ้น-ลงเสมอ และอาจทำให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีโอกาสผันผวน และคัมแบ็กได้ไม่สุดอย่าง ที่ควรจะเป็นเช่นกัน


    โดย นันทิยา วรเพชรายุทธ


    Source: Posttoday
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_7021.JPG
    (Jan 2) นายกฯอินเดียเผยอดีตผู้ว่าแบงก์ชาติแจ้งลาออก หลายเดือนก่อนไขก๊อกในเดือนธ.ค. : นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย เปิดเผยว่า นายอูร์จิต ปาเทล อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดีย ได้แจ้งต่อเขาเกี่ยวกับความประสงค์ในการลาออกจากตำแหน่ง หลายเดือนก่อนที่เขาจะประกาศลาออกในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว


    "ท่านผู้ว่าการฯได้แจ้งต่อผมเกี่ยวกับความต้องการในการลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากเหตุผลส่วนตัว โดยท่านได้เขียนจดหมายส่วนตัวถึงผมเป็นเวลา 6-7 เดือนก่อนที่จะตัดสินใจลาออก" นายโมดีกล่าวในการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อในวันนี้


    ต่อข้อถามที่ว่า นายปาเทลถูกรัฐบาลกดดันให้ลาออกหรือไม่ นายโมดีกล่าวว่า "ไม่มีเรื่องเช่นนี้ โดยผมยอมรับว่าคุณปาเทลทำงานได้ดีในตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดีย"


    อย่างไรก็ดี เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า รัฐบาลอินเดียและธนาคารกลางอินเดียต่างก็มีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับนโยบายการเงิน และความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ขณะที่รัฐบาลหวังที่จะเข้าใช้ทุนสำรองของธนาคารกลางที่มีเป็นจำนวนมาก


    รัฐบาลอินเดียออกแถลงการณ์ผ่านทางกระทรวงการคลังในวันที่ 31 ต.ค.ในปีที่แล้ว โดยเน้นย้ำว่า ความเป็นอิสระของธนาคารกลางอินเดียถือเป็นเรื่องที่สำคัญ และรัฐบาลจะยังคงทำการปรึกษาหารือกับธนาคารกลางเพื่อให้มุมมองเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ และแนะนำทางออกที่เป็นไปได้


    ความตึงเครียดระหว่างธนาคารกลางอินเดียและรัฐบาลได้ปรากฎชัดเจนเมื่อกลางเดือนต.ค. หลังจากที่นายไวราล อาชาร์ยา รองผู้ว่าการธนาคารกลาง กล่าวว่า การบ่อนทำลายอิสรภาพของธนาคารกลางถือเป็นหายนะครั้งใหญ่ ขณะที่รัฐบาลพยายามลดอำนาจของธนาคารกลาง และกดดันให้ธนาคารกลางผ่อนคลายนโยบายการเงินก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพ.ค.2562


    นอกจากนี้ นายอรุณ เจทลีย์ รมว.คลังอินเดีย ยังได้ตำหนิธนาคารกลางที่ไม่ได้สกัดกระแสการปล่อยสินเชื่อในช่วงปี 2551-2557 ซึ่งส่งผลให้ภาคธนาคารมีหนี้เสียมากถึง 1.50 แสนล้านดอลลาร์


    ขณะเดียวกัน สื่อระบุว่า รัฐบาลอินเดียได้ใช้อำนาจภายใต้มาตรา 7 ของพรบ.ธนาคารกลางอินเดีย ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสามารถสั่งการผู้ว่าการธนาคารกลางในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของประชาชน


    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ


    - India’s central bank governor wanted to step down months before resignation, Modi says: https://www.cnbc.com/2019/01/01/rbi-governor-wanted-to-step-down-months-before-resignation-modi.html
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_7022.PNG
    (Jan 2) แบงก์ใหญ่สหรัฐปรับระบบให้รางวัลรูดบัตรเครดิต: กลุ่มธนาคารยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน รวมทั้ง เจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ซิตี้กรุ๊ป อิงค์ และอเมริกัน เอ็กซ์เพรสส์ ปรับระบบการให้รางวัลสำหรับลูกค้าที่ใช้บัตรเครดิตของธนาคารซื้อสินค้าหรือบริการ เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการลดต้นทุนการดำเนินงาน


    เว็บไซต์วอลสตรีท เจอร์นัล รายงานอ้างแหล่งข่าววงในว่า บรรดาธนาคารยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน รวมทั้ง เจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ซิตี้กรุ๊ป อิงค์ และอเมริกัน เอ็กซ์เพรสส์ ปรับระบบการให้รางวัลสำหรับลูกค้าที่ใช้บัตรเครดิตของธนาคารซื้อสินค้าหรือบริการ โดยไม่ได้เลิกใช้ระบบการให้รางวัลทั้งหมด เพียงแต่ต้องการกระตุ้นให้ลูกค้าของธนาคารใช้บัตรเครดิตมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ลดการให้โบนัสเป็นรางวัลล่วงหน้าแก่ลูกค้า


    ที่ผ่านมา ธนาคารชั้นนำของสหรัฐเสนอรีวอร์ด หรือ รางวัลแก่ลูกค้าที่ใช้บัตรเครดิตในรูปแบบต่างๆ อาทิ มอบสิทธิเดินทางด้วยเครื่องบินฟรีแก่ผู้ถือบัตรเครดิตระดับพรีเมียม เพื่อดึงดูดลูกค้าและกระตุ้นให้ลูกค้าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมากขึ้น แต่ในยุคปัจจุบัน ลูกค้าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตอย่างมีความรู้ ความเข้าใจมากขึ้น ทำให้ระบบการใช้รางวัลของธนาคารกลายเป็นภาระแก่ธนาคารมากขึ้น ทำให้ธนาคารบางแห่งต้องปรับกลยุทธใหม่ในการให้รางวัล


    ทั้งนี้ ต้นทุนของการให้รางวัลแก่ผู้ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของธนาคารชั้นนำในสหรัฐเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15% ต่อปี รวมถึงในช่วงไตรมาส3ของปี 2561 ประกอบกับค่าธรรมเนียมที่ธนาคารเคยได้จากบริษัทต่างๆ รวมทั้งกลุ่มค้าปลีกก็ลดลง


    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/822847#cxrecs_s


    - Big banks look to cut back, alter credit card rewards programs: WSJ: https://www.reuters.com/article/us-...redit-card-rewards-programs-wsj-idUSKCN1OV1SX
     

แชร์หน้านี้

Loading...