ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_6850.JPG
    (Dec 30) 20 ปีเงินยูโร' ฟุบ-ไปต่อ : เมื่อ 20 ปีก่อน โลกได้รู้จักกับสกุลเงินยูโร เป็นเงินเสมือนเพื่อชำระบัญชีและทำธุรกรรมทางการเงินที่มีอยู่จริงสกุลแรก จากนั้น 3 ปีต่อมาจึงมาในรูปธนบัตรและเหรียญกษาปณ์



    2 ทศวรรษที่ผ่านมาเงินยูโรได้ผ่านช่วงเวลาอันน่าจดจำมากมาย เริ่มตั้งแต่กำหนดอัตราแลกเปลี่ยน



    วันที่ 31 ธ.ค.2541 หนึ่งวันก่อนเปิดตัวเงินยูโรตามสนธิสัญญามาสทริชต์ก่อตั้งสหภาพยุโรป (อียู) ทางการประกาศอัตราแลกเปลี่ยนไว้ที่ 1 ยูโรเท่ากับ 1.95583 มาร์คเยอรมนี 6.55957 ฟรังก์ฝรั่งเศส และ 1.936,27 ลีร์อิตาลี เจ้าหน้าที่ธนาคารและตลาดหลักทรัพย์ยุโรปหลายหมื่นคนเตรียมความพร้อมเพื่อให้มั่นใจว่า ทุกอย่างจะเรียบร้อยเมื่อตลาดเปิดในวันที่ 4 ม.ค. ร้านรวง ติดราคาสินค้าทั้งในสกุลเงินท้องถิ่นและยูโร



    สกุลเงินทางการ



    วันที่ 1 ม.ค.2542 ยูโรกลายเป็นสกุลเงินทางการสำหรับประชาชน 291 ล้านคนใน 11 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรีย เบลเยียม ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี ไอร์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส และสเปน



    เงินสกุลใหม่ใช้สำหรับทำธุรกรรมจริงในธนาคาร การชำระเงินด้วยเช็ค เช็คเดินทาง และบัตรเครดิต ครั้นถึง วันที่ 4 ม.ค.ก็ได้เข้าตลาดอัตราแลกเปลี่ยน 1 ยูโรซื้อขายกัน ในอัตรากว่า 1.18 ดอลลาร์ แต่ไม่กี่สัปดาห์ให้หลัง ราคาร่วงลงเหลือไม่ถึง 1 ดอลลาร์ต่อ 1 ยูโร



    ล่วงเข้าสิ้นเดือน ต.ค.ปีเดียวกัน ยูโรดิ่งลงต่ำสุดที่ 0.8230 ดอลลาร์ ต่อมาในวันที่ 1 ม.ค.2544 กรีซเป็นประเทศที่ 12 ที่ร่วมใช้เงินสกุลเดียว



    เหรียญและธนบัตร



    สกุลเงินยูโรจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรมในปี 2542 อียูออกธนบัตร 1.5 หมื่นล้านยูโร และเหรีญกษาปณ์กว่า 5 หมื่นล้านยูโรไหลเวียนในระบบ



    ผู้คนต้องทำตัวให้คุ้นเคยกับการใช้เงินสกุลเดียว เริ่มต้นก็ใช้เครื่องคิดเลขคำนวณอัตราแลกเปลี่ยน ในช่วงที่แต่ละประเทศยังใช้เงิน 2 สกุล ทั้งสกุล ท้องถิ่นของตนและเงินยูโรไปจนถึง 1 มี.ค.2542 ครั้นถึง วันที่ 15 ก.ค. ยูโรก็กลับมามีมูลค่าเท่ากับดอลลาร์ อีกครั้ง



    จุดเด่นอย่างหนึ่งของธนบัตรยูโรคือใช้ภาพสะพานและหน้าต่าง แตกต่างจากธนบัตรอื่นๆ ที่ตีพิมพ์ภาพสัญลักษณ์ของชาติ



    เพิ่มสมาชิก



    ปี 2546 สวีเดนลงประชามติไม่ใช้เงินยูโร เช่นเดียวกับเดนมาร์กและอังกฤษ แต่ก็มีหลายประเทศ ที่เข้ามาร่วมใช้เงินสกุลเดียว ทั้งสโลวีเนีย ปี 2550, ไซปรัสและมอลตา ปี 2551, สโลวาเกีย ปี 2552, เอสโตเนีย ปี 2554, ลัตเวีย ปี 2557 และลิทัวเนีย ปี 2558



    วิกฤติหนี้สิน



    วันที่ 15 ก.ค.2551 เงินยูโรมีอัตราแลกเปลี่ยน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซื้อขายที่ 1.6038 ดอลลาร์ต่อ 1 ยูโร ในช่วงที่สหรัฐประสบปัญหาวิกฤติ สินเชื่อซับไพรม์ เดือน พ.ย.ปีนั้นยูโรโซนเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอยู่นาน 1 ปี



    ปี 2553 อียูติดหล่มวิกฤติหนี้สิน เดือน พ.ค.อียูและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ให้เงินช่วยเหลือ 1.1 แสนล้านยูโร เพื่ออุ้มกรีซ แต่กรีซก็ต้องมีแผนรัดเข็มขัดอย่าง เข้มงวด 1 เดือนต่อมาเงินยูโรดิ่งต่ำกว่า 1.20 ดอลลาร์



    เดือน พ.ย.ไอร์แลนด์ประสบปัญหาธนาคารหนี้ท่วม ต้องรับเงินช่วยเหลือจากอียู/ไอเอ็มเอฟ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามด้วยโปรตุเกสรับเงินช่วยเหลือ 7.8 หมื่นล้านยูโรในเดือน พ.ค.2554



    ปกป้องยูโร



    วันที่ 25 ก.ค.2555 ดอกเบี้ยระยะยาวสเปนพุ่งขึ้นเหนือระดับ 7.6% ทำให้กลัวกันมากว่ายูโรจะล่มสลาย วันรุ่งขึ้น มาริโอ ดรากี ประธานธนาคาร กลางยุโรป (อีซีบี) รับปากว่าจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาเงินยูโร



    เดือน ส.ค.อีซีบีซื้อคืนพันธบัตร 1 สัปดาห์ของชาติสมาชิกยูโรโซน มูลค่า 2.2 หมื่นล้านยูโร เพื่อพยุงอิตาลีและสเปนต่อมาอียูยอมรับใน เดือน ต.ค.ว่าจะล้างหนี้กรีซบางส่วนพร้อมกับให้ สินเชื่อชุดใหม่



    เลี่ยง 'เกร็กซิท'



    เดือน พ.ค.2557 เงินยูโรแข็งค่ามาอยู่ที่เกือบ 1.40 ดอลลาร์ ส่งผลกระทบต่อการส่งออก หลายเดือนต่อมาอ่อนค่าลงเกือบถึงระดับ 1.05 ดอลลาร์ต่อ 1 ยูโร ผลพวงจากอีซีบีเข้าซื้อสินทรัพย์เพื่อพยุงเศรษฐกิจ



    เดือน ก.ค.2558 กรีซได้รับเงินช่วยเหลือระลอกที่ 3 เพื่ออุ้มไว้ไม่ให้ต้องหลุดออกไปจากยูโรโซน อย่างที่เรียกกันว่า "เกร็กซิท"



    ธนบัตร 'บิน ลาเดน'



    ปี 2559 อีซีบีเผยแผนเตรียมยุติออก ธนบัตร 500 ยูโรภายในสิ้นปี 2561 ธนบัตรราคานี้รู้จักกันในชื่อ "บิน ลาเดน" เชื่อว่าเหล่าอาชญากรรมนิยมใช้ฟอกเงินและเป็นทุนหนุนการก่อการร้าย



    เปิดใจอดีตประธานยูโรกรุ๊ป



    กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 1 ม.ค.2562 จะครบรอบ 20 ปี เขตเศรษฐกิจใหญ่ในยุโรปใช้เงินยูโรเป็นเงินสกุลเดียวกัน "เจอโรน ดิสเซลโบลม" อดีตประธานยูโรกรุ๊ป กลุ่มรัฐมนตรีคลังประเทศที่ใช้เงินยูโร กล่าวว่า เงินยูโรเป็นที่มาของความมีเสถียรภาพ ท่ามกลางกระแสประชานิยม



    อดีตรัฐมนตรีคลังเนเธอร์แลนด์รายนี้ เคยเป็น ประธานยูโรกรุ๊ป ดูแล 19 ประเทศที่ใช้เงินยูโร ระหว่างปี 2013-2018 หลังผ่านพ้นวิกฤติหนี้สินกรีซ ถึงวันนี้ดิสเซนโบลมกล่าวว่า เงินยูโรจำเป็นต้องมีกันชนแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ป้องกันสิ่งที่จะสะเทือนตลาดในอนาคตแต่ก็ยังเป็นสมอเรือในช่วงเวลาที่อนาคตการเมืองยุโรปไม่แน่ไม่นอนจากพลังชาตินิยมที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ



    ต่อข้อถามที่ว่า ยูโรกรุ๊ปยังเป็นองค์กรตัดสินใจ ที่ดีที่สุดใช่หรือไม่ อดีตประธานยืนยันว่า 10 ปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า ยูโรกรุ๊ปตัดสินใจได้มีประสิทธิภาพมากที่สุดในอียู คณะรัฐมนตรีเห็นพ้องกัน เป็นเอกฉันท์ไม่เคยจำเป็นต้องโหวตลงมติ



    สำหรับฝันร้ายของสหภาพยุโรป (อียู) หนีไม่พ้น เรื่องวิกฤติหนี้สิน แล้วหากเกิดวิกฤติแบบกรีซขึ้นอีกครั้งจะหมายถึงจุดสิ้นสุดของยูโรโซนหรือไม่ ดิสเซลโบลม กล่าวว่า วิกฤติแบบกรีซ รวมถึงผลกระทบ แบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก ตอนนั้นปัญหาเกิดจากการ ปล่อยสินเชื่อสะเปะสะปะเพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ



    "เงินกู้จำนวนมากอนุมัติกันง่ายๆ โดยไม่ได้นำไป ลงทุนแต่นำไปบริโภค บ้างก็นำไปสร้างฟองสบู่ภาคอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นในช่วงที่เราลดกฎระเบียบภาคธนาคาร ซึ่งเป็น ความผิดใหญ่หลวงเหนือเรื่องใดทั้งหมด"



    ดิสเซลโบลม กล่าวว่า ยูโรโซนค่อยๆ ออกจาก วิกฤติแต่ฟื้นตัวแข็งแกร่งนับจากนั้น วิกฤติรอบต่อไป เป็นไปได้มากกว่ามาจากสหรัฐอีกรอบ หรือไม่ก็มาจากจีน สิ่งที่เราทำได้มากที่สุดตอนนี้คือเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้ยูโรโซนมีกันชนน้อยเกินไป ยูโรกรุ๊ปจึงต้องมีงานให้ต้องทำอีกมาก



    ภาพที่เห็นในตอนนี้คือหลายประเทศที่แม้ไม่เชื่อใจอียูนักอย่างอิตาลี ก็ยังอยากอยู่ในยูโรโซนต่อไป



    อดีตประธานยูโรกรุ๊ปกล่าวว่า คำตอบมีง่ายๆ คือ ยูโรและสถาบันของยูโรขณะนี้เป็นเครื่องรับประกัน ต่อเสถียรภาพ ที่นักการเมืองบางคนให้ไม่ได้



    ส่วนการจะทำให้ยูโรยืนยาวไปอีก 20 ปีในทัศนะ ของดิสเซลโบลม



    "คำตอบไม่ใช่เรื่องยาก ก็ต้องทำสภาพธนาคารให้แล้วเสร็จ ตั้งสหภาพตลาดทุนที่แท้จริงขึ้นในยุโรป ตอนนี้ธนาคารยังมีอิสระมากเกินไป และจำเป็นต้องมี การลงทุนในหุ้นให้มากขึ้น 2 องค์ประกอบนี้จะช่วยพัฒนาบรรยากาศการลงทุนได้มหาศาล"



    วิกฤติหนี้สินแบบกรีซ รวมถึงผลกระทบแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก


    Source: กรุงเทพธุรกิจ


    เพิ่มเติม

    - 20 years on, euro a currency giant on fragile footing: https://www.straitstimes.com/business/economy/20-years-on-euro-a-currency-giant-on-fragile-footing


    - A look back at the euro's 20 years: https://www.businesstimes.com.sg/companies-markets/a-look-back-at-the-euros-20-years
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_6851.JPG IMG_6852.JPG
    (Dec 30) 'กูรู&เซียน'ส่อง SET INDEX ลุ้น'6ปัจจัย'ปลดล็อกหุ้นไปต่อ : เปิดมุมมอง "กูรู & ขาใหญ่" วิพากษ์หุ้นไทยปี 2562 ฟื้นตัว 6 ปัจจัยบวกเปลี่ยนทิศทาง SET INDEX เป็น "ขาขึ้น" แม้ปัจจัยนอกบ้าน "ปั่นป่วน" แต่ยังไม่ถึงขั้นไร้มนต์เสน่ห์แนะธีมลงทุน จับหุ้นพื้นฐานดี- ราคาถูก...!!!



    เริ่มต้นปี 2561 ดัชนี SET INDEX ขึ้นต่อเนื่อง ก่อนจะทำ "จุดสูงสุด"ของปีที่ระดับ 1,838.96 จุด (24 ม.ค.) ครั้งแรกในประวัติการณ์ นับตั้งแต่ตลาดหุ้นไทยก่อตั้งมาในปี 2518 หรือ "ในรอบ 43 ปี"!! ก่อนที่นักลงทุนต่างชาติจะสลัดหุ้นไทยปีนี้ทิ้งกว่า "2.8 แสนล้านบาท" ตลาดหุ้นไทยส่อแววอาการน่าเป็นห่วงหนักขึ้น ในช่วง มิ.ย. หลังมีประเด็น "สงครามการค้า" (Trade War) ระหว่าง 2 มหาอำนาจเศรษฐกิจโลก จีน-สหรัฐ ด้วยการสร้างสถิติ "ต่ำสุด" ระดับ 1,629.26 จุด (21 มิ.ย.) ก่อนจะ "ทุบสถิติต่ำสุด" อีกครั้ง ที่ระดับ 1,546.62 จุด (27 ธ.ค.) "เป็นการทำสถิติต่ำสุดรอบ 1 ปี 7 เดือน นับตั้งแต่ พ.ค. 2560" สะท้อนผ่าน "ผลตอบแทน" ปี 2561 ตลาดหุ้น ทั่วโลกตกอยู่ในภาวะ "ติดลบ" ทุกตลาด โดยตลาดหุ้นไทย "ติดลบ 11.24%" (25 ธ.ค.) ติดลบต่ำกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคและตลาดเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย ติดลบ 16.7%



    ส่วนในอาเซียน เช่น สิงคโปร์ ติดลบ 12.6%, อินโดนีเซีย ติดลบ 11.8% , ฟิลิปปินส์ ติดลบ 17.4% หรือตลาดหุ้นขนาดใหญ่ในเอเชีย เช่น จีน ติดลบ 26.1% , เกาหลี ติดลบ 21.1% , ฮ่องกง ติดลบ 13.9% และไต้หวัน ติดลบ 12.3% สะท้อนว่าตลาดหุ้นไทย มีพื้นฐานแข็งแรง ตลาดผันผวนเกิดจากปัจจัยภายนอก ซึ่งเป็นเหมือนกันทั่วภูมิภาค



    ช่วงที่ตลาดหุ้นลงแรงต่อเนื่อง ผู้ที่เกี่ยวข้องเดินสายเรียก "ขวัญและกำลังใจ" เม่าน้อย-ใหญ่ ต่อเนื่อง ไล่มาตั้งแต่ "ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์"รองนายกรัฐมนตรี บอกว่า มองตลาดหุ้นไทยยังเป็น ตลาด Safe Heaven (การลงทุนปลอดภัย) เมื่อเทียบกับ ตลาดทั้งหมด "ตอนนี้ตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ต้องมาเตรียมตัวของเรา จะไปหวังพึ่งพาการส่งออกเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้" ขณะที่ "ภากร ปีตธวัชชัย" กรรมการและ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) บอกว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวลดลงไปใน ทิศทางเดียวกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก จากความกังวลของผู้ลงทุนในเรื่องความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นำไปสู่ความกังวลต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลก (GDP โลก)



    อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงสิ้นปี 2560 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยถือว่าปรับตัว ลดลงน้อยกว่าตลาดส่วนใหญ่ในทั่วเอเชีย ประเมินจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยที่ยังคงเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ประกอบกับผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2561 ของกลุ่มธนาคารเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่คาดการณ์ตัวเลข GDP ไทยปีนี้จะขยายตัว 4.2% และปีหน้า 4.0% ฟากนักวิเคราะห์แทบทุกสำนักต่างดาหน้ากัน ขยับเป้าหมายดัชนี SET Index ปี 2562 เพิ่มขึ้น !! โดยต่างมองว่า ปี 2562 ดัชนีหุ้นไทยจะทะยานขึ้นมาทุบสถิติสร้างประวัติศาสตร์ "จุดสูงสุด" ครั้งใหม่ หลังความกังวล (Panic) จางหายไป...



    บางสำนักระบุว่าจะไปถึง 1,800 จุด เรื่อยขึ้นไปถึง 1,900 และ 2,000 จุด !! สอดคล้องกับ "ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ"รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง (BLS) วิเคราะห์ตลาดหุ้นไทยปี 2562 ให้ "กรุงเทพธุรกิจ BizWeek" ฟังว่า ประเด็นที่ มองเป็น "ความเสี่ยง" ของ SET INDEX อาจจะ เข้ามา "ปลดล็อก" (Unlocker) ด้วย 6 ปัจจัย ได้แก่



    1.ประเด็นนโยบายธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีทิศทางหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น ภายในครึ่งปีแรกของปี 2562 เนื่องจากความ ผันผวนของตลาดเงิน-ทุน จากเดิมที่คาดการณ์ FED จะหยุดขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง ถือว่าประเด็นดังกล่าวอาจเข้ามาเปลี่ยนแปลงของ ตลาดหุ้นทั่วโลก



    2.ประเด็นยุโรปหยุดการซื้อพันธบัตร (QE) มองว่าประเด็นนี้ไม่มีอะไร "เซอร์ไพรส์" ตลาดมาก เพราะยังไม่เห็นอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่ให้เป้าหมายออกมา



    3.ประเด็นองค์การกลุ่มประเทศ ผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) หลังมีการประชุมของกลุ่ม OPEC บวกรัสเซียมีข้อสรุป ลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 1.2 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นผลกระทบเชิงบวก (Impact) ตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป มองว่า น่าจะทำให้ภาพรวมของราคาน้ำมันดิบโลกหยุดปรับตัวลง และเห็นการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบโลก



    "ตลาดหุ้นไทยหุ้นกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมีถ่วงน้ำหนัก SET INDEX เยอะมาก มูลค่าสูงเกือบ 38% ของตลาด ฉะนั้น ถ้าหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมีมี Impact ในเชิงที่เป็นข่าวดี และตัวเลขของราคาน้ำมันดิบหยุดร่วงลง และเห็นราคาน้ำมันฟื้นตัวก็จะเป็นผลดีมาที่ดัชนี SET Index ไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตลาดหุ้นไทยมีความ แตกต่าง เพราะว่าตั้งแต่กลางปีเราจะเห็นราคาน้ำมันร่วงมาตลอด"



    4.ประเด็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ในเรื่องการลงทุน-บริโภค สะท้อน ตัวเลขที่ผ่านมาของประเทศจีน "ลดต่ำ"เรื่อยๆ ซึ่งถือเป็นจุดที่มองว่ารัฐบาลจีน ไม่น่าจะปล่อยให้ตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าวไหลลงไปมากกว่าปกติแล้ว สังเกตง่ายๆ เรื่องของภาคการลงออกและการผลิต สินค้าอุตสาหกรรมของจีน อยู่ในระดับที่รัฐบาลไม่น่าจะปล่อยให้ลดต่ำไปมากกว่านี้แล้ว "ทำให้เราคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน"



    5.ประเด็นการเจรจาระหว่างจีนกับสหรัฐสำหรับประเด็นดังกล่าวถือเป็นเครื่องหมายคำถาม เพราะยังไม่สามารถคาดเดาผลการเจรจาจะออกมาในรูปแบบไหน จะเห็นสัญญาณ แค่กระแสข่าวที่ออกมาว่า จีนเริ่มผ่อนปรน ในบางเรื่องที่สหรัฐร้องขอ เช่น เรื่องของ ภาษีนำเข้ารถยนต์, การปลดล็อกในรายละเอียด มากขึ้นในบริษัทต่างชาติที่ลงทุนในจีน ถือว่า เป็นพัฒนาการที่ดีที่จะโยงไปสู่เรื่องของ การเจรจาที่อาจจะเป็นผลบวกในช่วงก.พ.



    6.ประเด็นเรื่องการเลือกตั้ง ตามสถิติที่มีมาตลอดได้รัฐบาลใหม่ที่มาจากการ เลือกตั้งข้อแรกที่จะทำคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ซึ่งตลาดหุ้นไทย จะฟื้นตัวมาก



    ขณะที่ ในช่วงเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา เริ่มเห็นสัญญาณต่างชาติทยอยกลับมาซื้อหุ้นไทย ถือเป็นเดือนแรกที่เงินไหลเข้ามาซื้อ ซึ่งเป็นไปตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเชีย และตลาดหุ้นไทยก็เป็นหนึ่งในตลาดหุ้นของเอเชียที่ต่างชาติซื้อหุ้น เพียงแต่ว่าทั้งปียังติดลบ สาเหตุที่เงินต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นเอเชียเกิดจากนักลงทุนมองว่า



    สหรัฐจะหยุดขึ้นดอกเบี้ย อาจจะ เป็นในช่วงไตรมาส 1 ปี 2562 ฉะนั้น ตลาดหุ้นสหรัฐอาจจะ ไม่มีอัพไซด์เท่ากับตลาดเอเชีย ซึ่งพอมีประเด็นดังกล่าวเงินต่างชาติเริ่มหาตลาดที่มีผลตอบแทนที่ดีกว่า จะสังเกตได้จากตลาดสหรัฐจะสวิง วันละ 1-2% แต่ตลาดเอเชียจะปรับตัวลงน้อยกว่า



    "หากเราสังเกตจะเริ่มเห็นเงินค่อยๆ ไหลเข้าตลาดเอเชีย ขณะที่ตลาดสหรัฐจะเริ่มเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง"



    "ชัยพร" บอกด้วยว่า ในปีหน้าอีกประเด็นที่คาดหวังคือการที่สหรัฐ-จีน มีปัญหากันอาจจะทำให้เห็นเงินโยกย้าย "ซัพพลายเชน" ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายจะได้รับผลบวกจาก การโยกย้ายเงินลงทุน เช่น อาจจะเป็น



    บริษัทต่างชาติที่ลงทุนอยู่ในจีน จะต้อง ย้ายฐานการผลิตออกเพราะเขากลัว เรื่องภาษียกตัวอย่าง ในสมัยที่ญี่ปุ่นกับสหรัฐ มีปัญหากัน ก็เห็นการโยกย้ายฐานการผลิตมาครั้งหนึ่งแล้ว โดยไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เป็นเป้าหมายปลายทางที่เงินลงทุน โยกย้ายมาปรับเปลี่ยนไลน์การผลิต หากดูจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่าธุรกิจที่จะย้ายฐานการผลิตจะเป็นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มอาหาร หรือบริษัทสัญชาติจีนก็ตามอาจจะต้องย้ายออก สำหรับการคาดการณ์เศรษฐกิจโลก ในปี 2562 "มอร์แกน สแตนเลย์" ธนาคารชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐ ประเมิน ว่า จะขยายตัว 3.8% จากปีนี้ที่ 3.9% จากผลกระทบสงครามการค้า ซึ่งคาดว่าจะกระทบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่ 0.19% จากคาดการณ์สหรัฐ จะปรับขึ้น ภาษีสินค้าจีนบางประเภท ไม่เกิน 25% และจีนจะปรับขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐ ไม่เกิน 15% ส่วนในกรณีที่สหรัฐ จะปรับขึ้นภาษีสินค้าจีนทุกประเภท ไม่เกิน 25% จะกระทบกับจีดีพีโลก ลดลง 0.49%



    อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวถือว่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดเกิด "ความกังวล" ส่งผลทำให้นักลงทุนไม่เชื่อ นักวิเคราะห์ ที่คาดการณ์เศรษฐกิจ จะเติบโต แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจกำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2563


    'บัวหลวง'มองหุ้นไทยปีหน้า 1,817 จุด



    "ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ" รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง บอกว่า มอง เป้าดัชนี SET INDEX ปี 2562 อยู่ที่ 1,817 จุด บนคาดการณ์ P/E ที่ระดับ 15.8 เท่า และกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยที่เติบโต 7.2% หรือคิดเป็น 117.7 บาท/หุ้น เนื่องจากบริษัทขนาดใหญ่ใน SET100 ยังคงเติบโตได้ดี



    "ปีหน้าตลาดหุ้นไทย เล่นยากมากกว่าปีนี้ เราคงพึ่งพิงกำไรจากราคาส่วนต่าง (Capital Gain) ยากมาก ดังนั้นนักลงทุนควรเลือกหุ้นที่มี อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล รองรับ และมองว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้น"



    สำหรับ กลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นธีมของการลงทุนปี 2562 คือ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศ กลุ่ม ท่องเที่ยว กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งกำไรเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคาร เริ่มเห็นกำไรดีขึ้น



    รับผลบวกจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างไรก็ตามก็คาดหวังการลงทุนภาคเอกชนไทยในโครงการต่อเนื่องจากภาครัฐ กลุ่มท่องเที่ยวก็เริ่มเห็นการฟื้นตัวได้ในปีหน้า จากตัวเลขเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา โดยรวมปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส ก่อนหน้าและช่วงเดียวกันของปีก่อน



    พร้อมกันนี้หุ้นที่น่าลงทุนแนะนำหุ้นกลุ่มอุปโภคบริโภค ไฟแนนซ์ โดยคาดการณ์ว่ากำไรของกลุ่มดังกล่าวจะเติบโตมากกว่า 20% ในปีหน้า และหุ้นกลุ่มธนาคาร จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น, กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม อีกทั้งแนะเพิ่มน้ำหนักในการลงทุนใน หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล และท่องเที่ยว เนื่องจากเชื่อว่าปีหน้าไม่ได้เป็นปีที่แย่กว่าปีนี้ และเชื่อว่าไม่ว่ารัฐบาลจะมาจากส่วนไหน จะยัง ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ส่วนหุ้นที่ควร "หลีกเลี่ยง" การลงทุน อาทิ หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมาตรการควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธปท. ทำให้แบงก์เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจจีนที่เติบโตลดลง อาจส่งผลต่อยอดซื้ออสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลงตามไปด้วย และหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากเมื่อจบการเปิดประมูล โครงการต่างๆ ก็จะ ชะลอตัว



    สำหรับการขึ้นดอกเบี้ยของธปท. มองว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดทุนและเศรษฐกิจมากนัก แม้ปีหน้าจะขึ้นอีก 0.25% เนื่องจากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยของไทยอยู่ในระดับต่ำมาก และตลาดรับรู้ประเด็นดอกเบี้ย ขาขึ้นไปแล้ว



    "ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในปีหน้า มองว่ายังคงผันผวนอยู่ จากปัจจัยภายนอกประเทศที่ยังมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะสงครามการค้าฯ ซึ่งเรามองว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ในต้นปีหน้า อีกทั้งยังมี เรื่องของราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง การดำเนินนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งทำให้ภาพของตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีแรกผันผวน แต่เชื่อว่าในครึ่งปีหลัง จะปรับตัวดีขึ้น"


    'ขาใหญ่'รีเทิร์น'ติดลบ'


    โจ-อนุรักษ์ บุญแสวง"อดีตนายกสมาคม นักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) หรือ วีไอ วิเคราะห์ตลาด หุ้นไทย ว่า ปี 2562 ดีกว่าปี 2561 เนื่องจากดัชนีมีการรับรู้ข่าวร้ายๆ ไปมากแล้ว แม้ว่าปีหน้า ตัวเลขเศรษฐกิจจะคาดการณ์ต่ำกว่าปีนี้



    โดยมองว่า ปัจจัยในประเทศน่าจะ ผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวบ้าง โดยมี 2 ปัจจัยที่น่าจะมาสนับสนุน ข้อแรก "การเลือกตั้ง" น่าจะเป็นสตอรี่เข้ามาเป็นปัจจัยบวกได้บ้าง และสอง "การอนุมัติโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ" ทำให้เศรษฐกิจกระเตื้อง ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังเป็นตัวกดดันตลาดหุ้น โดยเฉพาะเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน



    "มองการลงทุนระยะยาวดี ในภาวะตลาดหุ้นผันผวนหนัก โดยให้เลือกหุ้นเป็นรายตัว ให้ดูที่พื้นฐานความแข็งแกร่งของบริษัท เพราะว่าในการลงทุนระหว่างทางมีความไม่แน่นอน ฉะนั้น หากนักลงทุนไม่มีความรู้และจิตใจที่เข้มแข็งจะเห็นว่าบางคนไม่ได้ไปต่อเยอะ"



    สำหรับ "ผลตอบแทน" ปี 2562 พอร์ตหุ้น "ติดลบ" โดยในส่วนของนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (วีไอ) จะชอบตลาดหุ้นที่มีลักษณะขึ้นลงไม่หวือหวา โดยการลงทุนจะเลือกลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีอัตราการเติบโต



    จากการสำรวจการครอบครอง หุ้นของ "อนุรักษ์" พบว่า ในครึ่งปี 2561 มีหุ้นในพอร์ตหลากหลายตัว เช่น บมจ. เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ หรือ ASIMAR จำนวน 1,552,700 หุ้น คิดเป็น 0.60% บมจ. ซีเค พาวเวอร์ หรือ CKP จำนวน 41,608,600 หุ้น คิดเป็น 0.56% บมจ. เดนทัล คอร์ปอเรชั่น หรือ D จำนวน 1,510,000 คิดเป็น 0.76% บมจ. ฟินันซ่า หรือ FNS จำนวน 1,293,300 หุ้น คิดเป็น 0.52% บมจ. โฟคัส ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น หรือ FOCUS จำนวน 5,090,000 หุ้น คิดเป็น 2.68%



    บมจ. ฮั้วฟง รับเบอร์ (ไทยแลนด์) หรือ HFT จำนวน 3,676,000 หุ้น คิดเป็น 0.56% บมจ. วันทูวัน คอนแทคส์ หรือ OTO จำนวน 2,276,900 หุ้น คิดเป็น 0.81% บมจ. ควอลลีเทค หรือ QLT จำนวน 1,050,000 หุ้น คิดเป็น 1.07% บมจ. สยามอีสต์ โซลูชั่น หรือ SE จำนวน 1,334,000 หุ้น คิดเป็น 0.56% บมจ. ซีฟโก้ หรือ SEAFCO จำนวน 1,544,700 หุ้น คิดเป็น 0.51% บมจ. ที.เค.เอส. เทคโนโลยี หรือ TKS จำนวน 1,975,000 หุ้น คิดเป็น 0.55%



    "เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่าง" นักลงทุน ด้านเทคนิคเจ้าของพอร์ต "หลักพันล้าน" ประเมินตลาดหุ้นไทยปี 2561 ว่า ผลตอบแทน "ติดลบ" หลังตลาดหุ้นมีความผันผวนมาก โดยมองการลงทุนปีนี้ "เล่นยาก" ขณะที่ สัญญาณทางเทคนิคบอกให้ "ขาย"อีกด้วย



    "ปีหน้ายังมองตลาดหุ้นไม่ออกว่าจะขึ้นหรือลงต่อ แต่เชื่อว่าปัจจัยบวกในประเทศน่าจะเข้ามาช่วยให้บรรยากาศการลงทุนฟื้นตัว โดยเฉพาะเรื่องการเลือกตั้ง"



    จากการสำรวจการครอบครองหุ้นของ "วัชระ" พบว่า ในปี 2561 มีหุ้นในพอร์ตหลากหลายตัว เช่น บมจ. แกรททิทูด อินฟินิท หรือ GIFT จำนวน 5,800,000 หุ้น คิดเป็น 1.41% บมจ. พลาสติค และหีบห่อไทย หรือ TPAC จำนวน 1,400,000 หุ้น คิดเป็น 0.55%



    ช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนถือลงทุนระยะยาวดี เพราะระหว่างทางจะพบเจอความสวิง หากจิตใจไม่เข้มแข็งบางคนอาจไม่ได้ไปต่อ


    Source: กรุงเทพธุรกิจ
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    MOREMOVE


    #มอร์มูฟเป็นข่าว รู้หรือไม่!!? วงการแพทย์ของไทยรังสรรค์ผลงานวิจัยที่ดีๆ และมีคุณประโยชน์อย่างหลากหลาย ล่าสุด #ด้วยตระหนักในปัญหาสุขภาพเท้าที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ ซึ่งเกี่ยวกับรองเท้าที่สวมใส่มีขนาดไม่เหมาะกับเท้า ทำให้มีอาการเจ็บเท้า #ส่งผลกระทบในเรื่องสุขภาพและยังก่อให้เกิดความเสี่ยงในการหกล้ม ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้พัฒนา #รองเท้าสุขภาพเพื่อผู้สูงอายุและผู้ป่วยเบาหวาน นวัตกรรมรับ Aging Society คิดค้นเพื่อผู้สูงอายุโดยเฉพาะ


    ด้วยการผสมผสานองค์ความรู้ทางด้านการแพทย์และการดูแลผู้ป่วย ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถเดินและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ


    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : salika - https://bit.ly/2Rl6En2

    --------------------------------------------

    โดยเรื่องนี้ ผศ.พญ.ศิริพร จันทร์ฉาย รองหัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้คำแนะนำแก่ผู้สูงอายุในเรื่องรองเท้าไว้ด้วยว่า


    ▪️ผู้สูงอายุควรใส่รองเท้าที่มีรูปทรงเหมาะกับเท้าตนเอง มีขนาดพอดี ไม่คับเกินไป พื้นรองเท้าไม่ควรนุ่มหรือแข็งเกินไปและรองเท้าสำหรับผู้สูงอายุที่ดีควรมีสายรัดหลัง ทำให้ไม่ลื่น ไม่พลิกล้ม

    ▪️สำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาเข่าเสื่อม ถ้าใส่รองเท้าพื้นแข็งและส้นสูงมากจะทำให้การลงน้ำหนักที่เท้าผิดไป ส่งผลให้มีอาการเกร็งและปวดกล้ามเนื้อได้

    ▪️ผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องเท้า สามารถมารับการตรวจกับแพทย์และสั่งตัดรองเท้าได้ที่ฝ่ายเวชศาสตร์ฟื้นฟูโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งให้บริการทั้งในเวลาราชการ และคลินิกนอกเวลา นอกจากนี้ ยังมีคลินิกสำหรับผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวานในวันศุกร์ช่วงบ่ายอีกด้วย.


     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_6853.JPG
    (Dec 30) ญี่ปุ่นเผยข้อตกลง TPP มัผลบังคับใช้วันนี้: ข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก (TPP) ที่ไม่มีสหรัฐ หรือ TPP แบบที่มีสมาชิก 11 ประเทศ ได้มีผลบังคับใช้แล้วในวันนี้


    ข้อตกลง TPP ซึ่งมีชื่อทางการว่า Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership (CPTPP) ซึ่งได้มีการลงนามเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมานั้น จะมีการปรับลดภาษีสินค้าทางการเกษตรและสินค้าในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงจะมีการผ่อนคลายข้อกำหนดด้านการลงทุน และยกระดับการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา


    สมาชิกทั้ง 11 ประเทศหวังว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะเป็นเกราะป้องกันปัญหาการกีดกันทางการค้า หลังจากที่จีนและสหรัฐได้เปิดฉากทำสงครามการค้ามาเป็นระยะเวลาหลายเดือน


    เม็กซิโก, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, นิวซีแลนด์, แคนาดา และออสเตรเลีย ถือเป็น 6 ประเทศแรกที่ได้ให้การรับรองข้อตกลง CPTPP ส่งผลให้ข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ โดยข้อตกลง CPTPP จะมีผลบังคับใช้ในเวียดนามในเดือนม.ค 2562


    ทั้งนี้ ข้อตกลง CPTPP ได้มีการลงนามที่เมืองซันติอาโก ประเทศชิลี เมื่อเดือนมี.ค. 2561 เพื่อสร้างเขตการค้าที่มีสัดส่วนเกือบ 13% ของ GDP ทั่วโลก และครอบคลุมประชากรราว 500 ล้านคน โดยประเทศสมาชิก 11 ประเทศที่ร่วมลงนามประกอบด้วย ออสเตรเลีย บรูไน แคนาดา ชิลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ เปรู สิงคโปร์ และเวียดนาม


    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปัทมาสน์ ชนะรัชชรักษ์


    - At long last, 11-member Pacific trade deal takes effect: https://www.japantimes.co.jp/news/2...pacific-trade-deal-takes-effect/#.XChm8S2B3Vo


    - TPP-11 comes into force: http://the-japan-news.com/news/article/0005450072


    เรื่องเดิม

    - 11 ประเทศลงนามความร่วมมือการค้า "ทีพีพีฉบับแก้ไข" : https://www.dailynews.co.th/foreign/631405
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24


    ออสเตรเลีย



    ชาวออสเตรเลียที่กำลังทรมานกับคลื่นความร้อนที่ส่งผลต่อทั้งประเทศที่มีอุณหภูมิบันทึกได้ถึง 49.3°c นักดับเพลิงพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ที่จะเกิดไฟไหม้
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24


    อินโดนีเซีย



    ภาพทางอากาศโดยโดรน ที่เผยถึงหายนะอันยิ่งใหญ่ ที่ทิ้งไว้เบื้องหลังสึนามิ ในอินโดนีเซีย มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 430 คน
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24


    อินโดนีเซีย



    น้ำท่วมทำลายซากปรักหักพังด้านหลังทางเข้าทะเลใน กาลิมันตันประเทศอินโดนีเซียในวันนี้ (29 ธันวาคม)
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24


    อินโดนีเซีย



    อีกหนึ่งวิดีโอของภาพที่คลื่นเข้า พื้นที่บนชายหาดของ jungkat ในอินโดนีเซียทำให้เกิดน้ำท่วมในวันนี้ (29 ธันวาคม)
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24


    อินโดนีเซีย



    คลื่นแรงของทะเลเข้าพื้นทีีที่ชายหาด jungkat ใน west kalimantan, อินโดนีเซีย วันนี้ 29 ธ. ค.
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24


    ญี่ปุ่น



    พายุหิมะ ในวันศุกร์ที่ 28 ธันวาคมนี้ใน Nagano ญี่ปุ่น
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub


    1.

    ทรัมป์และวิหารโซโลมอนที่3


    ศูนย์การศึกษาMikdash ซึ่งเป็นองค์กรของอิสราเอลได้สร้างเหรียญที่ระลึกของวิหารโซโลมอนขึ้นมา โดยมีรูปทรัมป์อยู่ด้วย เพื่อที่จะให้เกียรติทรัมป์ในฐานะที่เขาได้ประกาศว่าจะย้ายสถานทูตอเมริกันจากเทล อาวีฟ ไปยังนครเยรูซาเลม

    https://www.alaraby.co.uk/english/news/2018/5/13/trumps-face-to-feature-on-newly-minted-israeli-coin


    คำประกาศของทรัมป์เท่ากับว่า สหรัฐได้รับรองว่านครเยรูซาเลมทั้งหมดเป็นของอิสราเอล ทั้งๆที่ปาเลสไตน์ที่กำลังถูกกลืนชาติต้องการให้เยรูซาเลมตะวันออกเป็นเมืองหลวงของตัวเอง


    ตั้งแต่มีการสร้างชาติอิสราเอลหลังสงครามโลกครั้งที่1 ตั้งแต่ปี1917มาจนถึงการสร้างรัฐอิสราเอลอย่างเป็นทางการในปี1948 ประธานาธิบดีของสหรัฐทุกคนรวมทั้งทรัมป์อยู่ในขบวนการนี้ ทั้งในทางลับและในทางเปิดเผย


    การสร้างรัฐอิสราเอลจะทำได้ก็ต้องยึดดินแดนปาเลสไตน์ และสร้างเงื่อนไขให้พวกยิวในยุโรปย้ายถิ่นฐานมาอยู่ในดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกแปลงโฉมเป็นรัฐอิสราเอล หรือดินแดนของไอซิส (Is) เทพีแห่งพระจันทร์ รา (Ra)เทพแห่งพระอาทิตย์ และเอล (El) เทพแห่งดาวเสาร์


    เหรียญที่ระลึกของวิหารโซโลมอนมีรูปทรัมป์เคียงคู่กับกษัตริย์ไซรัสของเปอร์เซีย ผู้ซึ่งได้อนุญาตให้ชาวยิวอพยพออกจากบาบิโลนกลับไปยังเยรูซาเลมเมื่อ2,500ปีที่แล้ว ทำให้มีการสร้างวิหารโซโลมอนแห่งที่2


    วิหารโซโลมอนแห่งที่1ถูกกษัตริย์บาบิโลนมีพระนามว่าNebuchadnezzar II ทำลายในปี587ก่อนคริสตกาล ส่วนวิหารโซโลมอนที่2ถูกพวกโรมันทำลายในปีึคศ. 70 ต่อมาศาสนาอิสลามบังเกิดขึ้น และพวกมุสลิมเข้าไปครอบครองพื้นที่เขาวิหารTemple Mountที่เป็นที่ตั้งของวิหารโซโลมอน พวกมุสลิมได้สร้างDome of the Rock และAl Aqsaขึ้นมา ทำให้เกิดสงครามครูเสดเพื่อแย่งชิงนครเยรูซาเลมที่เป็นบ่อเกิดของศาสนาจูดาห์ คริสต์และอิสลามระหว่างฝ่ายคริสต์ของยุโรปและมุสลิมที่อยู่ในพื้นที่ตะวันออกกลาง


    บนเหรียญที่ระลึกวิหารโซโลมอนมีข้อความของกษัตริย์ไซรัสที่ตรัสว่า 'และพระองค์ได้ทรงมอบหมายให้ข้าฯสร้างวิหารในเยรูซาเลม" (And he charged me to build a house in Jerusalem) ส่วนอีกด้านหนึ่งของเหรียญเป็นรูปวิหารโซโลมอนแห่งที่3ที่อยู่ในแผนที่จะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อต้อนรับวาระโลกใหม่ (New World Order)


    วิหารโซโลมอนที่3จะสร้างขึ้นมาได้อย่างไร ในเมื่อในพื้นที่เขาวิหารมีDome of the Rock และสุเหร่าAl-Aqsaตั้งอยู่แล้ว การยึดนครเยรูซาเอมให้อิสราเอลเท่ากับว่า ทรัมป์กำลังเล่นบทบาทสำคัญในการสร้างวิหารโซโลมอนที่3 ให้มาแทนที่ศาสนสถานของชาวมุสลิมด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งอย่างแน่นอน


    29/12/2018


     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    2.

    ทรัมป์และวิหารโซโลมอนที่3

    ในปีคศ 1983 ในขณะนั้นทรัมป์มีอายุ 32ปี และเป็นนักธุรกิจอสังหาฯที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของนิวยอร์ค เขาได้ถ่ายรูปเพื่อลงหน้าปกนิตยสารManhattan Inc ซึ่งตอนนี้เลิกกิจการไปแล้ว ในภาพนั้น ทรัมป์วางมาดปริศนาเหมือนภาพวาดโมนา ลิซ่าของลีโอนาโด ดาวิน ซี โดยที่ในมือทรัมป์ประคองนกพิรายสีขาว

    น้อยคนรู้ว่า ทรัมป์ในเวลานั้นมีความคิดความอ่านทางการเมืองที่ลึกซึ้งอยู่แล้ว ส่วนมากจะมองทรัมป์เป็นนักธุรกิจที่มีสไตล์การเจรจาที่ถึงลูกถึงคน เป็นหนุ่มหล่อเพลบอย ประสบความสำเร็จในชีวิตตั้งแต่หนุ่มๆ

    William Couponเป็นช่างภาพฝีมือดีที่เคยถ่ายภาพอดีตประธานาธิบดีคนอื่นๆมาก่อน เขาเชิญทรัมป์มาถ่ายภาพที่สตูดิโอของเขา โดยให้ทรัมป์ประคองนกพอลาบอยู่ในมือ เพราะว่าในตอนนั้น ทรัมป์มีความเห็นต่อต้านการแข่งขันสะสมอาวุธนิวเคลียร์มหาประลัยระหว่างสหรัฐและโซเวียตที่อาจจะทำลายล้างโลก ที่สำคัญ ทรัมป์ต้องการเสนอตัวเองเป็นนักเจรจาสันติภาพให้กับอิสราเอลและปาเลสไตน์ โดยเป็นตัวแทนอิสระที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่ในขณะเดียวกันทรัมป์อ้างว่า เขาทำงานลับๆให้กับรัฐบาลอเมริกันด้วยหลายอย่างอยู่เบื้องหลัง

    แสดงว่าทรัมป์ถูกกำหนดให้เล่นบทพระเอกสายพิราบที่จะมากอบกู้นครเยรูซาเลมเมื่ออย่างน้อย35ปีที่แล้ว

    ภาพเริ่มที่จะชัดเจนแล้วว่า ทรัมป์ไม่ได้เป็นนักธุรกิจอสังหาฯที่วันดีคืนดีกระโจนเข้าสู่สนามเลือกตั้งประธานาธิบดีเพื่อที่จะสร้างอเมริกาให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ผ่านสโลแกนMake America Great Again หรือAmerica First เกือบทุกคนเข้าใจว่าทรัมป์ ผู้ไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมืองมาก่อนเป็นม้ามืดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี2016 โดยสามารถเอาชนะเต็งหนึ่งอย่างฮิลลารี่ คลินตันได้อย่างพลิกล็อค

    ความจริงคือ ไม่มีการพลิกล็อค ไม่มีคำว่าม้ามืด ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าบังเอิญ ไม่มีคำว่าประชาธิปไตย มีแต่ระบบหวยล็อค ทรัมป์ถูกวางตัวให้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอย่างน้อยเมื่อ35ปีที่แล้ว โดยที่หนึ่งในบทบาทที่สำคัญของการเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์คือการรื้อฟื้นการสร้างวิหารโซโลมอนที่3

    ให้สังเกตุดูทรัมป์อุ้มนกพิราบในมือเมื่อ35ปีที่แล้ว โดยโพสท์ท่าของภาพวาดโมนา ลิซ่าเป็นปริศนาดาวิซี่ โค๊ด

    เหรียญที่ระลึกที่องค์กรยิวสร้างให้ทรัมป์และกษัตริย์ไซรัส ด้านหลังเป็นรูปวิหารโซโลมอนที่3ที่กำลังจะถูกสร้างขึ้นมา โดยมีนกพิรายคาบกิ่งมะกอก

    นกพิลาบในมือทรัมป์เมื่อ35ปีมาแล้ว และนกพิราบที่อยู่หลังเหรียญที่ระลึกที่มีข้อความว่าLike Doves to Their Nests เป็นนกพิราบตัวเดียวกัน เป็นการส่งสัญญานว่าได้เวลาที่จะกลับคืนสู่มาตุภูมิเพื่อสร้างวิหารเพื่อกอบกู้ความยิ่งใหญ่ให้กลับคืนมาอีกครั้ง

    29/12/2018
    https://www.topic.com/trump-and-the-dove

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    3.

    ทรัมป์และวิหารโซโลมอนที่3

    ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ทรัมป์ประกาศว่า ถ้าชนะการเลือกตั้ง เขาจะย้ายสถานทูตอเมริกันจากเทล อาวีฟไปยังนครเยรูซาเลม นโยบายนี้ของทรัมป์เท่ากับเป็นการตัดตอนปาเลสไตน์ให้สิ้นชาติ เพราะว่าปาเลสไตน์กำลังพยายามยื้อสุดฤทธิ์เพื่อรักษาเยรูซาเลมตะวันออกเป็นเป็นเมืองหลวงของตัวเอง หลังจากสูญเสียดินแดนให้กับชาวยิวไปเรื่อยๆจนเหลือแค่ชนวนกาซ่า และเวสท์แบงก์ ยูเอ็นได้แต่ปากว่า ตาขยิบไปตามฟอร์ม โดยท้ายที่สุดคงต้องโอนอ่อนตามทรัมป์ เพราะว่ายูเอ็นรับเงินเดือนจากสหรัฐเป็นหลัก

    อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าทรัมป์มีนโยบายที่ขัดแย้งกันในตะวันออกกลาง เขาต้องการให้สหรัฐถอนทหารออกจากซีเรีย แต่ในขณะเดียวกันเขาต้องการแซงชั่นอิหร่านให้จมดินไปเลย ถ้าถอนทหารอเมริกันออกจากซีเรีย แล้วอิสราเอลจะมีความมั่นคงได้อย่างไร

    ต้องเข้าใจว่านโยบายหลักของสหรัฐหลังมีการก่อเหตุ911ก็เพื่อทำสงครามครูเสดในตะวันออกกลางเพื่อนำไปสู่การสร้างรัฐอิสราเอลที่เข็มแข็ง และจะทำให้ความฝันในการสร้างวิหารโซโลมอนที่3เป็นจริง โดยที่ประเทศที่รายล้อมอิสราเอลจะต้องถูกทำลาย หรือจะต้องถูกทำให้อ่อนแอเพื่อที่จะไม่เป็นภัยต่ออิสราเอลต่อไป ไม่ว่าจะเป็นซีเรีย เลบานอน อิรัก และอิหร่าน อิยิปต์ ส่วนซาอุดิ อาราเบียไม่ต้องกังวลอะไรมาก เพราะว่ามีข้อตกลงลับกันแล้วว่าซาอุดิจะให้ความคุ้มครอง หรือเป็นรัฐกันชนให้แก่รัฐอิสราเอลเพื่อแลกกับการดำรงอยู่ของซาอุดิ

    ความเห็นของทรัมป์ในวัย32ปี เมื่อตอนที่เขาให้สัมภาษณ์กับนิตยสารManhattan Inc สะท้อนให้เห็นว่า ทรัมป์มีความคิดความอ่านที่ลึกซึ้งในเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ หรือไม่ก็ได้รับการวางตัวและการอบรมมาเป็นอย่างดีเพื่อว่าในวันข้างหน้าเขาจะได้เป็นประธานาธิบดีเพื่อสานต่ออุดมการณ์1,000ปีในการทำสงครามครูเสด โดยเป้าหมายสูงสุดคือการยึดนครเยรูซาเลมกลับคืนมาจากพวกมุสลิม เพื่อสร้างวิหารโซโลมอนที่3ให้เป็นศูนย์กลางของศาสนาโลกในวาระโลกใหม่

    ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ในปี1983 หรือ35ปีที่แล้วว่า ประเทศที่ปรารถนาจะมีอาวุธนิวเคลียร์ส่วนมากอยู่ภายใต้อิทธิพลของสหรัฐและโซเวียตในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ทั้ง2ประเทศมีอำนาจที่จะสร้างอิทธิพลเหนือประเทศอื่น ด้วยเหตุนี้ เราต้องใช้อำนาจของเราในการตอบโต้ทางเศรษฐกิจ และประเทศเหล่านั้นจะใช้อำนาจที่มีอยู่ในการตอบโต้เหมือนกัน แต่ทั้งสหรัฐและโซเวียตจะป้องกันไม่ให้ปัญหาบานปลาย

    ทรัมป์ยกตัวอย่างเช่นประเทศปากีสถานที่มีการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งโลกตะวันตกถือว่าเป็นภัยร้ายแรง เขาเปิดเผยวิธีการเจรจา หรือวิธีการจัดการกับประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ดังนี้:

    “บางที เราควรให้พวกเขาอะไรบางอย่าง เราเริ่มแบบเป็นคนดี แล้วสร้างแรงกดดันให้มากที่สุดเท่าที่จำเป็นจนกระทั้งได้บรรลุเป้าหมาย เราบอกกับพวกเขาให้ทำลายอาวุธ ถ้าหากว่าไม่สำเร็จ เราจะเริ่มตัดเงินช่วยเหลือ และตัดเพิ่มมากขึ้น เพ่ิมมากขึ้น เราทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อนำไปสู่การจลาจลความไม่สงบบนท้องถนน ทำให้พวกเขาไม่มีน้ำดื่ม ไม่มียา หาอาหารกินไม่ได้ เพราะว่านั้นเป็นวิธีเดียวที่จะจัดการให้สำเร็๗ คือให้ไปถึงประชาชน ให้มีการจลาจลก่อความไม่สงบ"

    https://www.mcclatchydc.com/news/politics-government/article122745894.html#storylink=cpy

    ทรัมป์คิดอย่างไรเมื่อ35ปีที่แล้ว ในตอนนี้เขาก็ทำเช่นนั้น ซึ่งเป็นนโยบายของลัทธิล่าอาณานิคมที่ใช้มาตลอดนับพันปีมาแล้ว ทรัมป์ทำสำเร็จในการแซงชั่นและสร้างการจลาจลจนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อที่รุนแรงในเวเนซูเอลลา

    ทรัมป์ได้ทำการแซงชั่นอิหร่านต่อมาเพื่อทำลายเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดภาวะข้าวยากหมากแพง และการประท้วงภายในประเทศ เพื่อนำไปสู่การล้มรัฐบาลอิหร่าน เพราะว่าอิหร่านเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคตะวันออกกลางที่เป็นภัยร้ายแรงที่สุดของการดำรงอยู่ของรัฐอิสราเอล แต่นโยบายนี้ของทรัมป์ไม่ได้ผล เนื่องจากว่าอิหร่านไม่ได้เป็นกรณีที่โดดเดี่ยว อิหร่านได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียและจีนอย่างเต็มทำให้สามารถยืนหยัดอยู่ได้

    นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเริ่มต้นแซงชั่นจีนทางเศรษฐกิจในลักษณะเดียวกันกับที่ทำกับอิหร่าน โดยหวังว่ารัสเซียจะอยู่เฉยๆ เพราะว่าอย่างที่ทรัมป์คิดเอาไว้ อาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐและรัสเซียมันคานกันได้ ไม่มีใครจะทำอะไรกัน ทำให้เปิดโอกาสให้สหรัฐจัดการประเทศที่เป็นเป้าเพื่อให้อยู่ในแถวทางการแซงชั่นให้ฉิบหายไปเลย

    ด้วยเหตุนี้ ทรัมป์จึงถูกฝ่ายตรงข้ามภายในประเทศโจมตีมาตลอดว่า เขาแอบตกลงอะไรลับๆ หรือได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย จริงหรือไม่จริงไม่อาจทราบได้ แต่รัสเซียและจีนไม่น่าจะหลงกลทรัมป์ เพราะว่าหนทางเดียวของการอยู่รอดคือรัสเซียและจีนต้องจับมือกันแน่น เพราะว่าระหว่างรัสเซียและจีน สหรัฐกลัวจีนมากกว่า เนื่องจากจีนมีอำนาจทางเศรษฐกิจและการเงิน รวมทั้งเทคโนโลยี่ที่ส่อแววว่าจะแซงหน้าสหรัฐในอีก10ปีข้างหน้า ส่วนรัสเซียเป็นมหาอำนาจจริง แต่เป็นมหาอำนาจทางอาวุธและความมั่นคง เศรษฐกิจของรัสเซียยังคงพึ่งพาการส่งออกพลังงาน รัสเซียไม่มีโครงสร้างพื้นฐานการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่เข้มแข็งเหมือนจีนที่จะไปทาบรัศมีของสหรัฐได้

    สำหรับทรัมป์ เรื่องทางโลกก็แก้ปัญหาไปตามเกมจักรวรรดินิยม ส่วนเรื่องทางศาสนาก็เดินหน้าตามกรอบที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว โดยที่ทรัมป์ต้องเดินหน้าสร้างเกราะคุ้มกันให้อิสราเอลต่อไป เพื่อสร้างวิหารโซโลมอนที่3โดยปราศจากอุปสรรค

    ในช่วงต้นปี 2017 ทรัมป์เดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกในฐานะประธานาธิบดี โดยเยือนซาอุดิ อิสราเอล และวาติกัน/อิตาลี ถือว่าเป็นการทัวร์ศาสนาก็ว่าได้ เพราะว่าซาอุเป็นศูนย์กลางของศาสนาอิสลาม อิสราเอลเป็นศูนย์กลางของศาสนาจูดาห์ และวาติกันเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์

    ที่นครเยรูซาเลมทรัมป์ได้เดินทางไปยังกำแพงร้องไห้ โดยสวมหมวกแค็ปของยิว และได้วางมือทาบบนกำแพงและสวดมนต์เพื่อขอพร อยากรู้เหมือนกันว่าทรัมป์กำลังบนบานอะไร?

    thanong
    29/12/2018


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    4.

    ทรัมป์และวิหารโซโลมอนที่3

    ดูเอาก็แล้วกันว่า ประธานาธิบดีของสหรัฐตั้งแต่บุชพ่อ คลินตัน บุชลูก และโอบามาต่างๆไปสวดมนต์ที่กำแพงร้องไห้ที่เขาวิหาร เพื่อแสดงเจตจำนงค์ที่แน่วแน่ว่าจะทำหน้าที่ต่อยอดให้การสร้างวิหารโซโลมอนแห่งที่3ให้สำเร็จให้จงได้

    29/12/2018

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    5.

    ทรัมป์และวิหารโซโลมอนที่3

    ให้ดูภาพของกำแพงร้องไห้ในส่วนที่เป็นเมืองเก่าของนครเยรูซาเลมชัดๆอีกที

    กำแพงร้องไห้ (Wailing Wall) หรือกำแพงตะวันตก (Western Wall) ทำมาจากหินปูน เคยเป็นกำแพงที่ล้อมรอบวิหารโซโลมอนที่2ที่สร้างโดยกษัตริย์แฮร๊อดที่บนเขาวิหาร (Temple Mount)มาก่อน ก่อนที่วิหารโซโลมอนจะถูกพวกโรมันทำลายในปีคศ 70 ในช่วงระยะเวลาไล่เลี่ยกันกับสมัยพระเยซู ที่ถูกพวกโรมันจับตรึงบนไม้กางเขน

    ตอนนี้ กำแพงร้องไห้คงเหลือความยาวเพียง488เมตร ชาวยิวจะมาสวดมนต์ที่กำแพงนี้ เพื่อรอการกลับคืนมาของพระเจ้าหรือพระเมสิอาห์ หรือรอการสร้างวิหารโซโลมอนที่3 ที่เรียกว่ากำแพงร้องไห้ เพราะว่าชาวยิวเวลาเดินทางมาถึงที่นี้เพื่อสวดมนต์กับพระเจ้าจะร้องไห้กันทุกคน เพราะโศกเศร้าอาดูรกับการที่วิหารโซโลมอนที่1 และที่2ถูกทำลาย

    ข้างหลังหรือถัดจากกำแพงบนเขาวิหารมีสถานก่อสร้างศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมคือDome of the Rock และสุเหร่าAl-Aqsa ครั้งหนึ่งบริเวณเดียวกันนี้เป็นที่ตั้งของวิหารโซโลมอน เขาวิหารถือว่าเป็นสมบัติของชาวมุสลิม ชาวยิวไม่ได้รับอนุญาติให้ขึ้นไปสวดมนต์จึงได้แต่สวดมนต์ที่นอกกำแพง

    การที่ทรัมป์ย้ายสถานทูตอเมริกันจากเทล อาวีฟมายังนครเยรูซาเลมก็เพื่อที่จะเดินเกมยึดเขาวิหารกลับมาให้ชาวยิว แน่นอนชาวอิสลามส่วนใหญ่ต้องไม่ยอม แม้ว่าอิสลามที่ยอมร่วมมือในแผนการนี้ก็ต้องมีบ้างเป็นธรรมดา จึงเป็นที่มาของการสร้างเหตุ911ที่นิวยอร์คเพื่อให้สหรัฐก่อสงครามตะวันออกกลางเพื่อล้มประเทศอิสลามต่างๆที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการสร้างวิหารโซโลมอน

    29/12/2018

    https://en.wikipedia.org/wiki/Western_Wall

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    6.

    ทรัมป์และวิหารโซโลมอนที่3

    ปูตินได้ไปเยือนกำแพงร้องไห้ในนครเยรูซาเลมเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้เขามือแตะกำแพงแล้วสวดมนต์อย่างขึงขังเหมือนประธานาธิบดีคนอื่นๆของสหรัฐ แต่ปูตินได้ไปคุกเข่าสวดมนต์ที่โบสถ์Holy Sepulcherที่อยู่ในย่านชาวคริสต์ และไม่ไกลจากกำแพงร้องไห้นัก

    ปูตินไม่ใช่พวกอัศวินแทมพล้าร์ เหมือนบุช คลินตัน โอบามา หรือทรัมป์ พวกอัศวินแทมพล้าร์ หรืออัศวินแห่งวิหารโซโลมอนต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นอัศวินแห่งมัลต้า (Knight of Malta) เพราะว่าปูตินนับถือศาสนาคริสต์นิกายรัสเซียนออโธด๊อกซ์ ที่นับถือพระเยซู ส่วนพวกแทมพร้าจะนับถือพระเจ้าฝ่ายมืดที่เป็นสาขาหนึ่งของจูดาห์ ผสมผสานกับศาสนาโบราณของอิยิปต์ และบาบิโลน



    เมื่อปูตินไม่ใช่พวกแทมพล้าร์ เขาจึงไม่มีอุดมการณ์ผูกพันใดๆที่จะรื้อฟื้นการสร้างวิหารแห่งโซโลมอนที่3เหมือนกับประธานาธิบดีของสหรัฐทุกคนนับตั้งแต่บุชตัวพ่อที่เปิดโฉมหน้าอย่างชัดเจน

    ปูตินไปเยือนอิสราเอล และกำแพงร้องไห้ที่เมืองเก่าของเยรูซาเลมในปี2012 นักข่าวถามว่า ปูตินสวดมนต์เพื่อพระเจ้าอย่างไรที่กำแพงร้องไห้?

    ปูตินตอบว่ากำแพงร้องไห้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวยิว และถือว่าเป็นหนึ่งในเป็นเสาหลักของศาสนาจูดาห์ ความจริงแล้วจูดาห์ก็เป็นหนึ่งใน4ศาสนาของรัสเซียที่มีการรับรองทางกฎหมาย เพราะฉะนั้นปูตินจึงคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เขาอยากจะมาเยือนกำแพงร้องไห้ของชาวยิวเพื่อที่เรียนรู้

    ปูตินบอกต่อไปว่า นอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่นที่สำคัญอีกด้วย ความขัดแย้งทั้งหมดในตะวันออกกลางในท้ายที่สุดแล้วอยู่ที่สถานที่นี้ (หมายถึงเขาวิหาร Temple Mount) เพราะว่ามันเป็นที่ที่มีการช่วงชิงกัน ปัญหาใหญ่ที่สุดที่ถกเถียงกันคือใครเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ เคยมีการสร้างโบสถ์ยิวมาก่อน แล้วสร้างกันไปสร้างกันมา

    ปูตินบอกว่า ความจริงเขาเคยมาเยือนสถานที่นี้มาก่อน รวมทั้งที่กำแพงร้องไห้ แต่ไม่เคยได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดอย่างจริงๆจังๆเหมือนครั้งนี้ ที่ได้รับฟังการบอกเล่าจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งมีประโยชน์มาก



    จากคำพูดนี้ทำให้เราเห็นชัดเจนว่า ปูตินเป็นคนนอก และเขาไม่เคยเข้าพิธีสาบานตนเหมือนผู้นำโลกคนอื่นๆที่จะปกป้องรัฐอิสราเอล และรื้อฟื้นการสร้างวิหารโซโลมอนที่3

    สรุปแล้วปูตินเป็นผู้ปกป้องศาสนาคริสต์หรือพระเจ้าฝ่ายสว่าง ส่วนทรัมป์และผู้ำนำสหรัฐคนอื่นๆอยู่ฝ่ายพระเจ้าฝ่ายมืดสายดาร์ค


    30/12/2018


     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    7.

    ทรัมป์และวิหารโซโลมอนที่3

    ฟังเพลง"พระเจ้าโปรดเมตตา" หรือเพลงสรรเสริญพระเจ้าของรัสเซียนโอทอด๊อกซ์ที่สะท้อนจิตวิญญานของชาวรัสเซียได้อย่างลึกซึ้ง



    30/12/2018

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    8.

    ทรัมป์และวิหารโซโลมอนที่3

    หน่วยงานของรัฐบาลกลางหลายแห่งของสหรัฐต้องปิดตัวเองลง ไม่สามารถให้บริการได้ เพราะว่าขาดเงินจากงบประมาณของรัฐบาลกลางตั้งแต่วันที่ 22ธันวาคมที่ผ่านมา สามารถเนื่องจากทรัมป์และพวกเดโมแครทงัดข้อกันเรื่องกำแพงเม็กซิโก

    ทรัมป์ต้องการเงินงบประมาณ$5,000ล้านเพื่อสร้างกำแพงกั้นพรมแดนระหว่างสหรัฐและเม็กซิโก โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันคนหลบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และการลับลอบขนขาเสพติด แต่พวกเดโมแครทไม่ไม่ด้วยในเรื่องนี้ ทำให้ทรัมป์ไม่ยอมตกลงงบประมาณแผ่นดินด้วย มีผลทำให้หน่วยงานรัฐบาลกลางหลายแห่งขาดเงินจากงบประมาณเพื่อดำเนินการ เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางไม่ได้รับเงินเดือน

    นอกจากนี้ ทรัมป์ยังขู่ว่าจะตัดเงินช่วยเหลือให้กับฮอนดูรัส กัวเตมาลา และเอล ซัลวาดอร์ ถ้าหากว่าสภาคอนเกรซไม่ผ่านกฎหมายให้เงินเขาสร้างกำแพงเม็กซิโก

    ทำไมทรัมป์ถึงต้องการสร้่างกำแพงเม็กซิโก ซึ่งเป็นนโยบายที่เขาหาเสียงช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดี? กำแพงเม็กซิโกเชื่อมโยงกับกำแพงร้องไห้ที่เยรูซาเลมอย่างไร? เรื่องนี้ เราจะพยายามหาคำตอบในอันดับต่อไป

    https://www.voanews.com/a/trump-continues-wall-campaign-as-shutdown-reaches-day-8/4721262.html

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คนเมืองกาญจน์

    IMG_6864.JPG
    รู้สึกกันไหมครับ? แผ่นดินไหวขนาด 4.9 ที่ อ.ศรีสวัสดิ์ ไหวค่อนข้างแรงกว่าทุกครั้งเลย แต่เขื่อนรับไหวจ้า..


     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers


    #ข่าวภัยพิบัติ

    30/12/18

    #อาเจนติน่า - เกิดพายุรุนแรงเมื่อวานนี้เวลา 19.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น)ด้วยฝนตกหนักจนท่วมถนนบางแห่ง. ลมแรงหลังคาเปิด ทำให้ต้นไม้หลายต้นในเมืองล้มลงและลูกเห็บขนาดลูกกอล์ฟที่นอกเหนือไปจากลมแรง และ พายุ

    เมื่อคืนลูกเห็บตก ใกล้เวลา 22.00(ตามเวลาท้องถิ่น) ในเมือง puan (สีลูกเห็บขาวเข้ม) และเมืองHuanguelén (ลูกเห็บโปร่งใส)


    สำหรับคืนนี้คาดว่าจะมีพายุรุนแรงมาก

    พร้อมภาพดาวเทียมหลอนๆของพายุ!!

    เครดิต : @ MeteoFedex #Argentina

    #Watchers


     

แชร์หน้านี้

Loading...