ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,154
    ค่าพลัง:
    +97,152
    May 23, 2025 ปลดพรึบพรับ! เพเม็กซ์ ยักษ์รัฐวิสาหกิจเกือบ 90 ปี พลังงานปลดพนักงานครั้งใหญ่กว่า 3,000 คน วิกฤตหนี้พุ่งสูงกว่า 3 ล้านล้าน เจรจารัฐบาลหาเงินไถ่ถอนหุ้นกู้กว่า 6 แสนล้านในปี 69

    เพเม็กซ์ (Pemex) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ผลิตพลังงาน และน้ำมันดิบชื่อดังจากประเทศเม็กซิโก เปิดเผยว่าเตรียมตัดลดค่าใช้จ่าย และควบคุมการลงทุนในอนาคต โดยการเตรียมปลดพนักงานครั้งใหญ่มากถึง 3,114 คน หรือคิดเป็น 28% ของจำนวนพนักงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน การเตรียมปลดพนักงานในครั้งนี้จะทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้สูงถึง 10,500 ล้านเปโซเม็กซิกัน หรือ 543.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 17,932 ล้านบาท

    การปลดพนักงานครั้งใหญ่ที่่กำหนดไว้ 28% จะมีผลกระทบกับพนักงานที่มีสถานะอยู่ในสหภาพแรงงาน ซึ่งปัจจุบันมีพนักงานสังกัดสหภาพแรงงานในสัดส่วนมากถึง 80% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในปัจจุบันที่มีมากกว่า 130,000 คน

    สาเหตุในการปลดพนักงานครั้งใหญ่เป็นผลมาจากรัฐวิสาหกิจเพเม็กซ์มีผลการดำเนินงานที่ขาดทุนสะสมอย่างรุนแรงและต่อเนื่องมากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.3 ล้านล้านบาท ในไตรมาสที่ 1 ผ่านไป พบว่า เพเม็กซ์มีภาวะหนี้สูงถึง 101,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.33 ล้านล้านบาท ที่สำคัญ เพเม็กซ์กำลังเจรจากับรัฐบาลเพื่อขอความช่วยเหลือในการกำหนดแผนการไถ่ถอนหุ้นกู้รวมมูลค่า 18,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 617,100 ล้านบาทที่จะครบกำหนดในปี 2026 นี้

    โดยเฉพาะในธุรกิจสำรวจและผลิตรวมถึงโรงกลั่นน้ำมัน ผลการดำเนินงานพบว่าขาดทุนสุทธิถึง 4 ไตรมาสติต่อกันของปี 2024 ส่งผลขาดทุนสุทธิ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 990,000 ล้านบาท นอกจากนี้อุตสาหกรรมผลิตน้ำมันดิบในประเทศเม็กซิโกถึงจุดอิ่มตัวเนื่องจาก กำลังการผลิตน้ำมันดิบและอื่นๆลดลงมาเหลือที่ 1.62 ล้านบาร์เรล รถลดลงถึง 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 ทำสถิติต่ำสุดในรอบเกือบ 40 ปี

    ทั้งนี้ เพเม็กซ์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1938 ดำเนินกิจการมาอย่างยาวนานถึง 87 ปีในปัจจุบัน

    #บริษัทน้ำมัน #ปลดพนักงาน #ตกงาน #เม็กซิโก #หนี้ #พลังงาน #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/16VGj2RvEJ/
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,154
    ค่าพลัง:
    +97,152
    May 22, 2025 ไปไวเกิน! สตรีทฟู้ดบรรทัดทองหมดเสน่ห์ รายได้ทั้งย่านวูบ 40% ร้านอาหารแห่ถอดใจขาย-เซ้งพรึบ นักท่องเที่ยวเอเชียหดหาย จีนเมินมา 80% กระแสราคาไม่ตรงปกคุณภาพอาหาร

    นายสิทธิฉันท์ วุฒิพรกุล ที่ปรึกษาสมาคมผู้ประกอบการถนนบรรทัดทอง เปิดเผยว่า บรรยกาศการท่องเที่ยวและทานอาหารตามย่านถนนบรรทัดทองอยู่ในภาวะซบเซา บริเวณย่านนี้เป็นแหล่งรวมร้านอาหารและคนรุ่นใหม่ที่ได้รับนิยมอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้มีเม็ดเงินสะพัดในพื้นที่ดังกล่าววันละกว่า 4-7 ล้านบาท โดยเฉลี่ยค่าใช้จ่ายต่อหัวที่คนละ 250 บาท/วัน

    ขณะนี้ สารพัดปัจจัยลบมากมายเกิดขึ้น ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจซบเซา กระแสข่าวด้านลบเกี่ยวกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาใช้จ่ายในพื้นที่หายไปอย่างมาก นักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนหายไปราว 80% ขณะที่รายได้ของผู้ประกอบการในภาพรวมหดตัวไปกว่า 40% ขณะเดียวกันผู้ประกอบการในพื้นที่ยังมีภาระค่าเช่าที่เดือนละ 5-6 หมื่นบาท ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นจนบางรายแบกรับภาระไม่ไหว ต้องปิดร้านปิดกิจการไปเป็นจำนวนมาก
    �นอกจากนี้ กระแสข่าวด้านลบเกี่ยวกับราคาอาหารที่สูงเกินจริง และคุณภาพไม่สมราคา ซึ่งเรื่องดังกล่าวทางสมาคมฯ ได้หารือกับผู้ประกอบการเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาแล้ว เบื้องต้นมีแนวทางรวมกลุ่มผู้ประกอบการ เพื่อทำคำสั่งซื้อสินค้าจากผู้ผลิตเป็นล็อตใหญ่ ซึ่งจะทำให้สามารถต่อรองราคาได้ และช่วยทำให้ต้นทุนผู้ประกอบการลดลงได้

    ที่ปรึกษาสมาคมผู้ประกอบการถนนบรรทัดทอง เปิดเผยต่อไปว่า มีแผนปรับพื้นที่ย่านบรรทัดทอง ให้เป็นไนท์สตรีทฟู้ด เพื่อเพิ่มเวลาในการหารายได้มาชดเชยรายได้ส่วนที่หายไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินความเป็นไปได้อีกครั้ง

    #บรรทัดทอง #สตรีทฟู้ด #จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย #ร้านอาหาร #จีน #ทัวร์ #นักท่องเที่ยว #กรุงเทพ #เซ้งร้าน #ปิดกิจการ #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/1AfTiLWgxQ/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,154
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ชมรมแท็กซี่สนามบินขอนแก่น
    ลั่น หากต้องการพลังแท็กซี่จากต่างจังหวัดเพื่อร่วมปิดทำเนียบรัฐบาล แท็กซี่ขอนแก่นพร้อมเข้ากรุงเทพทันที ไม่ทนรถส่วนบุคคลขับผ่านแอปและแท็กซี่ป้ายดำ BTimes

    May 22, 2025 จะไปหา! ชมรมแท็กซี่สนามบินขอนแก่นพร้อมเสริมทัพแท็กซี่เมืองกรุงปิดทำเนียบรัฐบาล ไม่ทนแท็กซี่เรียกผ่านแอปยันป้ายดำ

    นายอำพล โคตรบุญมา ประธานชมรมแท็กซี่สนามบินขอนแก่น กล่าวว่า ปัญหารถป้ายดำ และปัญหาของรถส่วนบุคคลที่มารับจ้างผ่านระบบแอพพลิเคชั่นเป็นปัญหาที่ผู้ประกอบการแท็กซี่เรียกร้องและต่อสู้มาตลอด แต่ก็ไม่มีหน่วยงานใดทำจริงจัง หรือมีความชัดเจนในเรื่องนี้ จนล่าสุดผู้ประกอบการแท็กซี่ที่กรุงเทพฯ ได้มารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้เกิดการจัดระเบียบและแก้ไขปัญหา อย่างที่ขอนแก่น ทุกวันรถแท็กซี่ที่ขึ้นทะเบียนกับสนามบินและเป็นสมาชิกชมรมฯมีมาให้บริการวันละ 40 คัน ทุกวันต้องแข่งกันรถแท็กซี่ป้ายดำ วันละ 6 คันและรถส่วนบุคคลที่มารับจ้างผ่านแอพพลิเคชั่นอีกว่า 30 คัน ทั้งที่สนามบินต่างจังหวัดจะมีเที่ยวบินเฉพาะช่วงเช้า ช่วงเที่ยงและช่วงเย็น

    แท็กซี่ถูกกฎหมายต้องปฎิบัติตามระเบียบของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งเป็นต้นทุนที่ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบ ทั้งเรืองใบขับขี่รถสาธารณะของคนขับรถแต่ละคัน,การทำประกันภัยชั้น 1,ประเภทรถต้องมีเครื่องยนต์และขนาดที่กำหนด,การเข้ารับการตรวจสอบตามรอบที่กำหนด,การอบรมพนักงานขับขี่และการฝึกการปฐมพยายาลเบื้องต้น ขณะที่รถยนต์ส่วนบุคคลที่มาขับให้บริการนั้นใช้รถอะไรก็ได้ ใบขับขี่รถสาธารณะก็ไม่มี บางคันก็ไม่มีประกันภัย ดังนั้นการออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังหวังว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาและช่วยคนที่ทำมาหากินอย่างถูกต้องให้ได้รับความชอบธรรมเสียที

    ขณะที่นายทวีโชค สาใส รองประธานชมรมแท็กซี่สนามบินขอนแก่น กล่าวว่า รถป้ายดำและรถยนต์ส่วนบุคคลที่มารับจ้างผ่านระบบแอพพลิเคชั่น บางคันแต่งรถแบบแท๊กซี่ ขณะที่บางคนก็ห้อยว่าคำว่าแท็กซี่ เดินหาลูกค้าในสนามบิน ซึ่งก็มีทั้งตำรวจพื้นที่ ตำรวจท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่สนามบินพบเห็นแต่ก็ไม่ทำอะไร แท็กซี่ที่ถูกต้องซึ่งต้องรันคิว กำหนดรอบของการรับ-ส่งผู้โดยสาร ทุกคันตรวจสอบได้ กดมิเตอร์ และสามารถติดตามได้หากผู้โดยสารลืมสิ่งของ แต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือหรือแก้ไขใดๆ ที่สำคัญเฉพาะสนามบินขอนแก่น ที่รถถูกต้องต้องแข่งกับรถส่วนบุคคลที่มาให้บริการแบบผิด อีกวันละกว่าหลายสิบคัน จึงขอเป็นกำลังใจให้กับสหกรณ์แท็กซี่กรุงเทพฯได้เดินหน้าต่อสู้ต่อไปอย่างเต็มที่และหากต้องการพลังจากแท็กซี่จากต่างจังหวัดเพื่อร่วมกันปิดทำเนียบรัฐบาล แท็กซี่ขอนแก่นก็พร้อมที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯทันที เพราะเป็นเรื่องที่ร่วมต่อสู้กันมาโดยตลอด

    #แท็กซี่ #กรุงเทพ #ขอนแก่น #ปิดทำเนียบรัฐบาล #ปิดสนามบิน #แท็กซี่ป้ายดำ #แกร็บ #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/1EamHwRrj5/
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,154
    ค่าพลัง:
    +97,152
    กำลังไม่ซื้อแซงทิ้งห่างกำลังซื้อ ทุบยอดผลิตรถยนต์ในไทยเม.ย.ดิ่งจัดใน 3 ปี 6 เดือน รวม 4 เดือนทรุดกว่า -11% ส่งออกรถยนต์มุดลึก -6% BTimes

    May 22, 2025 กำลังไม่ซื้อฉุด! กำลังซื้อทรุด ฉุดยอดผลิตรถยนต์ในไทยเม.ย. ดิ่งลง ในรอบ 3 ปี 6 เดือน รวม 4 เดือนทรุดกว่า -11% ส่งออกรถยนต์มุดลึก -6%

    นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดผลิตรถยนต์เดือนเม.ย.2568 ผลิตได้ 104,250 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.40% ต่ำสุดในรอบ 44 เดือน หรือ 3 ปี 6 เดือน นับจากเดือน ก.ย.2564 เนื่องจากยอดผลิตเพื่อส่งออกอยู่ที่ 67,085 คัน ลดลงจากปีก่อน 6.73% สอดคล้องกับการส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 65,730 คัน ลดลงจากปีก่อน 6.31% เพราะมีการเปลี่ยนรุ่นรถยนต์นั่งบางรุ่น และการเข้มงวดในเรื่องเทคโนโลยีช่วยเหลือเรื่องความปลอดภัย และการปล่อยคาร์บอนในบางประเทศคู่ค้า โดยรถยนต์ไฮบริด (HEV) ส่งออกเพิ่มขึ้น 87.96% ถือเป็นเดือนแรก แต่จำนวนไม่มาก จึงทำให้ส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกาเหนือ ซึ่งคงต้องติดตามผลการเจรจาของไทย และประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยกับสหรัฐต่อไป

    ส่วนยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ เดือนเม.ย.อยู่ที่ 37,165 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13.52% สวนทางกับยอดขายรถยนต์ภายในประเทศอยู่ที่ 47,193 คัน ลดลงจากปีก่อน 0.97% จากรถกระบะมียอดขายลดลง 21.7% และรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ (PPV) ลดลง 20.5%

    ทั้งนี้ เนื่องจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถกระบะ จากหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจในประเทศที่อ่อนแอ เพราะดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงลดลง จากอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงลดลง 3.83% การลงทุนภาคเอกชนไตรมาสหนึ่งปีนี้ลดลง และค่าครองชีพที่ยังสูง ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงในทิศทางเดียวกัน

    ขณะที่ ภาพรวมยอดผลิตรถยนต์ 4 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.2568) อยู่ที่ 456,749 คัน ลดลง 11.96% เนื่องจากยอดผลิตเพื่อส่งออกอยู่ที่ 303,881 คัน ลดลง 12.07% ตามยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 290,288 คัน ลดลง 14.79% ส่วนยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ อยู่ที่ 152,868 คัน ลดลง 11.72% เป็นไปในทิศทางเดียวกับยอดขายในประเทศอยู่ที่ 200,386 คัน ลดลง 4.80%

    #ยอดผลิตรถยนต์ #สอท. #กำลังซื้อ #ยอดขายรถ #ส่งออกรถยนต์ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/1DZy2sbpDg/
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,154
    ค่าพลัง:
    +97,152
    รัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งห้าม #มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) รับนักศึกษาต่างชาติเมื่อวานนี้ (22 พ.ค.) ขณะที่นักศึกษาต่างชาติปัจจุบันถูกบังคับให้ต้องย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยอื่น หรือไม่ก็จะถูกเพิกถอนสถานะวีซ่า โดยรัฐบาล ทรัมป์ ยังขู่จะขยายมาตรการกวาดล้างนี้ไปยังสถาบันการศึกษาอื่นๆ ด้วย
    .
    คริสตี โนเอม รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ทางกระทรวงเพิกถอนใบอนุญาตรับรองโครงการ Student and Exchange Visitor Program ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดโดยมีผลบังคับสำหรับปีการศึกษา 2025-2026
    .
    โนเอม ยังกล่าวหามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งนี้ว่า “บ่มเพาะความรุนแรงและลัทธิเกลียดชังชาวเซมิติก และร่วมมือกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน”
    .
    ทางมหาวิทยาลัยระบุว่า คำสั่งของรัฐบาล ทรัมป์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อนักศึกษาฮาร์วาร์ดหลายพันคนถือว่าผิดกฎหมาย และเข้าข่ายเป็นการแก้แค้น
    .
    ฮาร์วาร์ดซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยในกลุ่มไอวีลีก (Ivy League) ที่ตั้งอยู่ในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ กลายมาเป็นหนึ่งในสถาบันสำคัญที่ถูกรัฐบาล ทรัมป์ เล่นงาน หลังจากที่ทางมหาวิทยาลัยปฏิเสธไม่ยอมส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถือวีซ่านักศึกษาบางคนให้กับกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ
    .
    ฮาร์วาร์ดรับนักศึกษาต่างชาติเกือบ 6,800 คนในปีการศึกษา 2024-2025 หรือคิดเป็นร้อยละ 27 ของจำนวนนักศึกษาทั้งหมด ตามข้อมูลสถิติของมหาวิทยาลัย
    .
    ในปี 2022 นักศึกษาชาวจีนถือเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดของนักศึกษาต่างชาติ โดยมีจำนวน 1,016 คน รองลงมาได้แก่นักศึกษาจากแคนาดา อินเดีย เกาหลีใต้ อังกฤษ เยอรมนี ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และญี่ปุ่น
    .
    สถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ยังไม่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐฯ
    .
    “ความสามารถในการรับนักศึกษาต่างชาติที่จ่ายค่าเทอมสูงเป็นพิเศษ และนำเงินเหล่านี้มาช่วยอุดหนุนค่าใช้จ่ายหลายล้านดอลลาร์ของมหาวิทยาลัย ถือเป็นสิทธิพิเศษ (privilege) ไม่ใช่สิทธิที่พึงมี (right)” โนเอม ระบุในถ้อยแถลง
    .
    รัฐมนตรีหญิงผู้นี้ยังระบุในจดหมายที่ส่งถึงฮาร์วาร์ดว่าจะ “ให้โอกาส” มหาวิทยาลัยขอคืนใบอนุญาตรับนักศึกษาต่างชาติ ด้วยการส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับนักศึกษาต่างชาติที่ทางกระทรวงต้องการภายใน 72 ชั่วโมง ซึ่งรวมถึงคลิปวิดีโอหรือคลิปเสียงที่บันทึกกิจกรรมการประท้วงของนักศึกษาเหล่านั้นในรอบ 5 ปี
    .
    ฮาร์วาร์ดวิจารณ์การกระทำของรัฐบาลสหรัฐฯ ว่า “ผิดกฎหมาย” และยืนยันว่าทางสถาบันยังคง “มีความมุ่งมั่นอย่างเปี่ยม” ที่จะให้ความรู้แก่นักศึกษาต่างชาติต่อไป
    .
    “การแก้แค้นเช่นนี้เสี่ยงที่จะก่อความเสียหายร้ายแรงต่อประชาคมฮาร์วาร์ดและต่อประเทศชาติของเรา อีกทั้งยังเป็นการบ่อนทำลายภารกิจทางวิชาการและการวิจัยของฮาร์วาร์ดด้วย” มหาวิทยาลัยระบุ
    .
    สมาชิกสภาคองเกรสสายเดโมแครตหลายคนก็ได้ออกมาประณามคำสั่งห้ามฮาร์วาร์ดรับนักศึกษาต่างชาติ โดย ส.ส. ไฮเม ราสกิน ชี้ว่า “เป็นการโจมตีต่อความเป็นอิสระและเสรีภาพทางวิชาการของฮาร์วาร์ดอย่างที่ไม่อาจทนรับได้” พร้อมกล่าวหารัฐบาลสหรัฐฯ ว่ามีเจตนาแก้แค้นที่ ฮาร์วาร์ด แสดงจุดยืนต่อต้าน ทรัมป์
    .
    เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ ได้ประกาศระงับเงินอุดหนุน 3,000 ล้านดอลลาร์ที่รัฐต้องจ่ายแก่ให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และทำให้มหาวิทยาลัยต้องยื่นฟ้องศาลเพื่อคัดค้านคำสั่งนี้
    .
    ขณะเดียวกัน ผู้พิพากษาศาลสหรัฐฯ ก็มีคำตัดสินวานนี้ (22) ว่า รัฐบาล ทรัมป์ ไม่มีสิทธิเพิกถอนสถานะวีซ่าของนักศึกษาต่างชาติโดยปราศจากกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมาย หลังจากที่ก่อนหน้านั้น ทรัมป์ พยายามเพิกถอนวีซ่านักศึกษาต่างชาติหลายร้อยคนทั่วสหรัฐฯ และไม่แน่ชัดว่าคำตัดสินของศาลในครั้งนี้มีส่วนทำให้รัฐบาลยกระดับเล่นงานมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดหนักขึ้นหรือไม่
    .
    ระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการ The Story with Martha MacCallum ทางสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ โนเอม ได้ถูกพิธีกรตั้งคำถามว่าจะพิจารณาใช้มาตรการกดดันในลักษณะนี้กับมหาวิทยาลัยอื่นๆ อีกหรือไม่? เช่น มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เป็นต้น
    .
    “แน่นอน เราทำแน่” เธอให้คำตอบ “นี่ถือเป็นคำเตือนไปยังมหาวิทยาลัยทุกแห่งให้ต้องจัดระเบียบสิ่งต่างๆ ให้เหมาะสม”
    .
    หลังจากที่สาบานตนเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 เมื่อเดือน ม.ค. ทรัมป์ ได้ออกมาตรการกวาดล้างผู้อพยพหลายอย่าง และยังพยายามที่จะเพิกถอนวีซ่าและกรีนการ์ดของนักศึกษาต่างชาติหลายคนที่เข้าร่วมการชุมนุมประท้วงสนับสนุนปาเลสไตน์
    .
    ที่มา: รอยเตอร์

    https://www.facebook.com/share/p/16V7cvqEfx/
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,154
    ค่าพลัง:
    +97,152
    คณะผู้เจรจาการค้าของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กำลังกดดันให้สหภาพยุโรป (อียู) ต้องลดการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ฝ่ายเดียว โดยระบุว่าหากไม่มีการผ่อนปรน การเจรจาเพื่อขอหลีกเลี่ยงอัตราภาษีตอบโต้ 20% ของสหรัฐฯ ต่ออียูก็จะคืบหน้าไปต่อไม่ได้ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส
    .
    ไฟแนนเชียลไทม์สอ้างแหล่งข่าวไม่ประสงค์ออกนามซึ่งระบุว่า เจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เตรียมแจ้งต่อ มารอส เซฟโควิช กรรมาธิการด้านการค้าของยุโรปในวันนี้ (23 พ.ค.) ว่า "หมายเหตุอธิบาย" ล่าสุดที่บรัสเซลส์แจ้งมานั้นยังไม่เป็นไปตามความคาดหวังของฝ่ายสหรัฐฯ
    .
    สื่อฉบับนี้ยังระบุด้วยว่า สหภาพยุโรปพยายามผลักดันให้มีการกำหนดกรอบการเจรจาร่วมกัน ทว่าจุดยืนของทั้ง 2 ฝ่ายยังคงมีความแตกต่างกันอย่างมาก
    .
    รอยเตอร์ยังไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของรายงานนี้ ขณะที่คณะกรรมาธิการยุโรปและสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ก็ยังไม่ได้ตอบข้อซักถามจากผู้สื่อข่าวรอยเตอร์
    .
    สหรัฐฯ กำหนดอัตราภาษีศุลกากร 25% สำหรับรถยนต์ เหล็ก และอะลูมิเนียมที่นำเข้าจากสหภาพยุโรปเมื่อเดือน มี.ค. และ 20% สำหรับสินค้าอื่นๆ ในเดือน เม.ย. จากนั้นจึงประกาศลดอัตราภาษีนำเข้าลงเหลือครึ่งหนึ่งจนถึงวันที่ 8 ก.ค. โดยกำหนดกรอบเวลา 90 วันสำหรับการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงด้านภาษีที่ครอบคลุมมากขึ้น
    .
    สหภาพยุโรปซึ่งมีสมาชิก 27 ประเทศได้ตอบสนองสหรัฐฯ ด้วยการระงับแผนของตนเองที่จะขึ้นภาษีตอบโต้สินค้าบางรายการของอเมริกา และเสนอให้ใช้อัตราภาษีเป็น “ศูนย์” สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมทั้งหมดจากทั้ง 2 ฝ่าย
    .
    ที่มา: รอยเตอร์

    https://www.facebook.com/share/p/18mjyrke5k/
     

แชร์หน้านี้

Loading...