ติดตามสถานะการณ์ต่างๆในต่างประเทศ??? วันนี้ในต่างแดน เกิดอะไรขึ้นบ้าง

หิมะตกอีกแล้วในภาคเหนือเวียดนาม นักท่องเที่ยวแห่ดูอีกระลอก


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 กุมภาพันธ์ 2557 07:40 น.


หิมะตกอีกแล้วในภาคเหนือเวียดนาม นักท่องเที่ยวแห่ดูอีกระลอก

นักท่องเที่ยวจอดรถบนโค้งของทางหลวงจาก อ.เมืองหล่าวกายไปยัง อ.ซาปา ที่อยู่ห่างออกไปราว 34 กม.บนเขา เพื่อชมหิมะที่ตกลงมาให้เห็นอีกระลอกหนึ่งในย่านนี้ สัปดาห์ที่แล้วสื่อของทางการรายงานว่าได้เกิดหิมะตกคล้ายกันนี้ในเขตที่ราบสูงเหมิ่วเซิน แหล่งท่องเที่ยวใน จ.ลังเซินทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศหลังจากอุณหภูมิลดลงต่ำลบ 1-2 องศา.


ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เกิดหิมะตกลงมาอีกครั้งหนึ่งในวันพุธ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ในเขต อ.ซาปา (Sapa) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมบนเขาในภาคเหนือเวียดนาม นักท่องเที่ยวนับพันๆ คนเดินทางกลับไปที่นั่นอีกครั้งหนึ่ง หลังจากทราบล่วงหน้าจากพยากรณ์อากาศ แม้ว่าจะตกไม่หนักเช่นครั้งแรกในช่วงปลายปีที่แล้วก็ตาม

หิมะเริ่มโปรยปรายลงตั้งแต่ตอนเช้าตรู่หลังจากอากาศเย็นลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 วันก่อนหน้านั้น ถึงแม้จะตกลงเป็นเวลาสั้นๆ แต่ก็มีปริมาณมากพอปกคลุมใบไม้ต้นไม้ตามรายทางจาก อ.เมือวหล่าวกาย (lao Cai) ไปยังซาปา และปกคลุมเนินเขาในเขตรอบนอกของเมืองท่องเที่ยวสำคัญแห่งภาคเหนือ มีรายงานเรื่องนี้ในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด

หิมะหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดฝนตกโปรยปรายลงในตอนบ่ายวันเดียวกัน แต่อุณหภูมิในทั่วอาณาบริเวณยังคงหนาวเย็นถึง -1 องศา มีหมอกลงจัด ศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์กลางในกรุงฮานอยแจ้งว่า มวลความกดอากาศสูงยังปกคลุมอยู่ทั่วภาคเหนือเวียดนามซึ่งจะทำให้อากาศหนาวเย็นตลอดสัปดาห์นี้.
.

กลับมาให้เห็นอีกครั้ง
เว็บไซต์ จ.หล่าวกาย

 

ยอดผู้เสียชีวิตหลังเกิดสึนามิในญี่ปุ่นแซงหน้ายอดผู้เสียชีวิตจากคลื่นยักษ์แล้ว


โตเกียว – ทางการท้องถิ่นของญี่ปุ่น รายงานว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากปัญหาสุขภาพแทรกซ้อน ซึ่งมีสาเหตุมาจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิปี 2554 ใน 1 ภูมิภาคของญี่ปุ่น มีมากกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติเอง

ข้อมูลซึ่งรวบรวมโดยเจ้าหน้าที่และตำรวจระบุว่า เกือบ 3 ปีหลังจากคลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มชายฝั่งญี่ปุ่น ประชาชน 1,656 คน ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดฟูกุชิมะเสียชีวิตจากความเครียดและอาการป่วยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติครั้งนั้น เปรียบเทียบกับจำนวนผู้เสียชีวิตจากคลื่นยักษ์สึนามิ ซึ่งอยู่ที่ 1,607 คน

เจ้าหน้าที่จังหวัดฟูกุชิมะที่รับผิดชอบด้านการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดคือ การที่ประชาชนอาศัยอยู่ในสภาพชั่วคราวมานานเกินไป โดยเกือบ 3 ปี หลังจากเกิดภัยพิบัติดังกล่าว ประชาชนจำนวนมากยังคงพลัดถิ่น ทั้งเนื่องจากบ้านของพวกเขาซึ่งอยู่บริเวณใกล้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยังไม่ได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย หรือเนื่องจากการสร้างที่อยู่อาศัยตามแนวชายฝั่งขึ้นมาใหม่เป็นไปอย่างเชื่องช้า

เจ้าหน้าที่ยังกล่าวว่า เช่นเดียวกับผู้ที่เสียชีวิตจากช่วงแรกของภัยพิบัติสึนามิ เนื่องจากไม่ได้รับการรักษาเบื้องต้นจากการที่สถานพยาบาลยังไม่สามารถให้บริการได้อย่างราบรื่น ประชาชนจำนวนมากกำลังเสียชีวิตจากความเครียดทางร่างกายและจิตใจจากการอาศัยอยู่ในที่พักพิงชั่วคราว เพิ่มขึ้นรวมถึงการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย สำนักงานการฟื้นฟูของญี่ปุ่น ระบุว่า นับจนถึงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ร้อยละ 90 ของผู้เสียชีวิตจากสาเหตุทางอ้อมเป็นผู้มีอายุตั้งแต่ 66 ปีขึ้นไป

นอกจากนี้รายงานระบุว่า ขณะที่จังหวัดอิวาเตะและจังหวัดมิยางิ มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากสึนามิมากกว่าในจังหวัดฟูกุชิมะ แต่จำนวนผู้เสียชีวิตจากสาเหตุอื่นที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติดังกล่าวของทั้ง 2 จังหวัดกลับน้อยกว่าในจังหวัดฟูกุชิมะ โดยอยู่ที่ 434 ราย และ 879 ราย ตามลำดับ. -สำนักข่าวไทย

 

ออสเตรเลียหนุนทำแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้

มะนิลา . - นางจูลี บิชอป รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย แสดงความสนับสนุนการจัดทำแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ เพื่อลดความตึงเครียดระหว่างจีนกับหลายประเทศที่อ้างสิทธิทับซ้อนกัน

นางบิชอป กล่าวระหว่างเยือนฟิลิปปินส์ว่า ได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นหารือกับนายอัลเบิร์ต เดล โรซาริโอ รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ ว่า รัฐบาลออสเตรเลียสนับสนุนการที่สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ผลักดันให้มีการร่างแนวปฏิบัติกับจีน เพื่อให้สามารถจัดการกับปัญหาได้ดีขึ้น และหวังว่าจะมีความคืบหน้าโดยเร็ว ขอให้ทุกฝ่ายงดดำเนินการใดๆ ที่จะทำให้ความตึงเครียดรุนแรงขึ้น รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าวย้ำว่า ออสเตรเลียไม่ได้เข้าข้างประเทศใด แต่ทะเลจีนใต้มีความสำคัญต่อออสเตรเลีย เนื่องจากเป็นเส้นทางส่งออกสินค้าร้อยละ 60 และเส้นทางนำเข้าสินค้าร้อยละ 40 ของออสเตรเลีย

อาเซียนพยายามผลักดันมานานกว่าทศวรรษเรื่องแนวปฏิบัติที่มีผลผูกพันทางกฎหมายกับจีน หวังลดความตึงเครียดและความเสี่ยงเกิดเหตุรุนแรงในทะเลจีนใต้ เนื่องจากสมาชิกอาเซียน 4 ประเทศ คือ บรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม อ้างสิทธิในทะเลจีนใต้บางส่วนหรือทั้งหมดทับซ้อนกับจีนและไต้หวัน. - สำนักข่าวไทย

 

?ปักกิ่งประกาศเตือนมลพิษในอากาศ?
กรุงปักกิ่งเมืองหลวงของจีนออกประกาศเตือนภัยเรื่องมลภาวะในอากาศเป็นครั้งแรกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยเตือนประชาชนให้ลดกิจกรรมนอกสถานที่และเลี่ยงเข้าไปในพื้นที่ก่อสร้าง เพราะอาจมีหมอกควันหนาทึบในอีก 3 วัน

วันศุกร์ 21 กุมภาพันธ์ 2557

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่งประเทศจีน เมื่อวันที่ 21ก.พ.ว่ามลภาวะในอากาศในกรุงปักกิ่งประเทศจีนแม้จะยังไม่ถึงระดับที่ไม่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยแต่ทางการก็ได้ออกมาตรการมากมายมาเพื่อหาทางที่จะปรับปรุงคุณภาพอากาศให้ดีขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแต่ปักกิ่งก็ยังคงเผชิญกับกลุ่มหมอกควันหนาทึบมาโดยตลอด

สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเทศบาลนครปักกิ่งแถลงผ่านทางเว็บไซต์โดยออกประกาศเตือนภัยสีเหลือง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับการเตือนภัยโดยใช้รหัสสีซึ่งเริ่มนำมาใช้เมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้วโดยคำเตือนนี้เป็นคำเตือนร้ายแรงระดับสองของคำเตือนรหัสสีซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด4สีเมื่อสามารถวัดอนุภาคในอากาศได้2.5PMซึ่งถือว่าไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพแม้จะยังไม่ถึงระดับที่เป็นอันตราย

สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเทศบาลนครปักกิ่ง แจ้งเตือนว่าปัญหาหมอกควันหนาทึบจะยังคงดำเนินต่อไปอย่างน้อย3วันรัฐบาลจึงขอเตือนประชาชนว่าหากไม่มีความจำเป็นควรหลีกเลี่ยงการอยู่นอกสถานที่และหากจำเป็นก็ควรจะเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ที่กำลังมีการก่อสร้างควรมีการฉีดน้ำ เพื่อไม่ให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย

นายกเทศมนตรีของนครปักกิ่งได้ให้สัญญาไว้เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมาว่าจะใช้งบประมาณ 1,500ล้านหยวน หรือ2,400ล้านดอลลาร์สหรัฐคิดเป็นเงินไทยราว 79,200ล้านบาทเพื่อยกระดับคุณภาพอากาศให้ดีขึ้นเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม

 

ช็อก! ผลการศึกษาชี้ เกาะ 1,500 แห่งอินโดนีเซียจะ “จมทะเล” ในปี 2050 ส่วน “จาการ์ตา” จะกลายสภาพเป็นทะเลสาบครึ่งเมือง


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 กุมภาพันธ์ 2557


เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์- ผลการศึกษาล่าสุดที่มีการเผยแพร่วันพุธ (26) พบข้อมูลอันน่าสะพรึงที่ระบุว่า ภายในปี ค.ศ. 2050 หมู่เกาะราว 1,500 แห่งจากทั้งหมดกว่า 17,000 แห่งของอินโดนีเซียจะหายไปจากแผนที่โลก เพราะถูกระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นท่วมจนมิด ขณะที่ “กรุงจาการ์ตา” เมืองหลวงของประเทศ จะถูกน้ำทะเลกลืนหายไปกว่า “ครึ่งเมือง”

ผลการศึกษาล่าสุดที่จัดทำโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) และ “เมเปิลครอฟท์” บริษัทจัดทำแผนที่ภูมิอากาศชื่อดังจากสหราชอาณาจักร พบว่า ภายในปี 2050 อินโดนีเซียซึ่งได้ชื่อว่าเป็นประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะต้องสูญเสียพื้นที่เกาะแก่งต่างๆ รวมแล้วกว่า 1,500 แห่งเพราะระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้อินโดนีเซียซึ่งมีจำนวนเกาะทั้งหมดกว่า 17,000 แห่งทั่วประเทศจะกลายเป็นหนึ่งในดินแดนที่มีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ผลการศึกษาดังกล่าวระบุว่า นอกจากเกาะจำนวนกว่า 1,500 แห่งของอินโดนีเซีย จะจมหายไปในทะเลภายในปี 2050 แล้ว กรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของประเทศที่เป็นบ้านของประชากรมากกว่า 26.7 ล้านคน ก็อาจมีพื้นที่ที่ต้องจมหายไปใต้ทะเลมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของเมือง โดยเฉพาะพื้นที่ตอนเหนือของเมืองที่จะกลายสภาพเป็น “ทะเลสาบน้ำเค็ม”

นอกจากนั้น ผลการศึกษายังพบว่า ภายในปี 2030 หรือก่อนหน้านั้น 20 ปี ท่าอากาศยานนานาชาติ “ซูการ์โน-ฮัตตา” บนเกาะชวา ซึ่งต้องรองรับผู้โดยสารจากทั่วโลกมากกว่าปีละ 57.8 ล้านคน และถือเป็นสนามบินที่มีการจราจรทางอากาศคับคั่งมากเป็นอันดับที่ 9 ของโลก ก็จะต้องจมอยู่ใต้ทะเลเช่นเดียวกัน หากระดับน้ำทะเลยังคงเพิ่มสูงขึ้นในอัตราปัจจุบัน

ด้านอัญชา ศรีนิวาสันต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ประจำธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย ระบุว่า อินโดนีเซียซึ่งมีจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่ห่างจากชายฝั่งภายในรัศมี “ไม่เกิน 3 กิโลเมตร” มากถึง 42 ล้านคน กำลังตกอยู่ภายใต้ภัยคุกคามใหญ่หลวงจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น และมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่อินโดนีเซียอาจต้องเผชิญกับระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นกว่า “90 เซนติเมตร” ภายในช่วงสิ้นศตวรรษนี้

ผู้เชี่ยวชาญของเอดีบียังเตือนว่า หากช่วงเวลาดังกล่าวมาถึงอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีชายฝั่งยาวที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก ถึงกว่า 80,000 กิโลเมตร ก็จะต้องเผชิญกับหายนะร้ายแรงที่ก่อให้เกิดความสูญเสีย มากกว่าเมื่อครั้งที่แดนอิเหนาต้องเผชิญกับพิบัติภัยสึนามิ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ปี 2004 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 280,000 รายใน 6 ประเทศ

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงประมงและกิจการทางทะเลของอินโดนีเซียระบุว่า ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้อินโดนีเซียต้องสูญเสียเกาะที่ต้องจมอยู่ใต้น้ำทะเลไปแล้วอย่างน้อย 24 เกาะ ระหว่างปี 2005-2007







ภายในปี ค.ศ. 2050 หมู่เกาะราว 1,500 แห่งจากทั้งหมดกว่า 17,000 แห่งของอินโดนีเซียจะหายไปจากแผนที่โลก




ภายในปี 2030 ท่าอากาศยานนานาชาติ “ซูการ์โน-ฮัตตา” บนเกาะชวา ซึ่งต้องรองรับผู้โดยสารจากทั่วโลกมากกว่าปีละ 57.8 ล้านคน และถือเป็นสนามบินที่มีการจราจรทางอากาศคับคั่งมากเป็นอันดับที่ 9 ของโลก ก็จะต้องจมอยู่ใต้ทะเลเช่นเดียวกัน

 

อังกฤษเตือนรัสเซีย จะได้รับผลเลวร้ายและราคาแพงในการส่งกำลังทหารบุกยูเครน ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวของประธาานาธิบดีโอบามาก่อนหน้านี้

วันจันทร์ 3 มีนาคม 2557 เวลา 18:34 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครนเมื่อวันที่ 3มี.ค.ว่านายวิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษเตือนรัสเซียเมื่อวันจันทร์ว่าจะเกิดผลลัพธ์เลวร้ายและราคาแพงหลังจากกองกำลังที่สนับสนุนเครมลินบุกเข้ายึดคาบสมุทรไครเมียในทะเลดำของยูเครนโดยนายเฮก กล่าวในกรุงเคียฟเมืองหลวงยูเครนสองวันหลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ปูติน ของรัสเซียได้รับอำนาจจากวุฒิสภาในการส่งทหารเข้าไปในยูเครนว่าสิ่งนี้ไม่ใช่แนวทางในศตวรรษที่21 ที่นานาชาติเขาทำกัน

“มันไม่ใช่วิธีที่สามารถยอมรับได้ในกาารปฏิบัติและจะส่งผลลัพธ์เลวร้ายและราคาแพง”เขากล่าวเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามนายเฮกก็ไม่ได้บอกว่าผลลัพธ์เลวร้ายอย่างไรแต่ก็ยืนยันว่าอังกฤษกำลังหารือทางเลือกทางเศรษฐกิจและการทูตไม่ใช่ทางทหารในการลงโทษรัสเซียถ้อยแถลงของเขาสะท้อนคำกล่าวก่อนหน้านี้ของประธานาธิบดีบารัคโอบามา ผู้นำสหรัฐซึ่งเตือนปูตินเมื่อสุดสัปดาห์ว่าการกระทำของมอสโกในยูเครนจะได้บทเรียนราคาแพง

 

ทหารรัสเซียรุกคืบยึดอาคารท่าเรือของยูเครน
รัสเซียได้ใจส่งทหารบุกยึดท่าเรือในเมืองเคิร์ช ที่อยู่ใกล้กับพรมแดนรัสเซีย และยังมีแนวโน้มว่า จะส่งกำลังทหารเข้ามาเพิ่มในยูเครนด้วย

วันจันทร์ 3 มีนาคม 2557 เวลา 19:19 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครนเมื่อวันที่ 3มี.ค.ว่าทหารที่สนับสนุนรัสเซียบุกเข้ายึดอาคารผู้โดยสารเรือเฟอร์รีข้ามฟากแห่งหนึ่งทางตะวันออกของเขตไครเมียในยูเครนเมื่อวันจันทร์ขณะเดียวกัน ก็มีความหวาดกลัวเพิ่มมากขึ้นว่ารัสเซียจะส่งกำลังทหารเข้ามาเพิ่มในเขตทะเลดำซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ในพื้นที่พิพาทรุนแรงขณะที่ นายกรัฐมนตรีอาร์เซนียัตเซนยุค ของยูเครนเรียกร้องให้ชาติตะวันตกให้การสนับสนุนทางการเมืองและเศรษฐกิจและกล่าวว่า เขตไครเมียยังคงเป็นส่วนหนึ่งของยูเครนแต่ก็ยอมรับว่า จนถึงวันนี้ยังไม่มีทางเลือกในการใช้กำลังทหารกางอยู่บนโต๊ะ

การยึดอาคารที่พักผู้โดยสารเรือข้ามฟากในเมืองเคิร์ชของยูเครน ห่างจากพรมแดนรัสเซียโดยทางเรือประมาณ20 กิโลเมตรมีขึ้นขณะที่รัฐบาลสหรัฐและยุโรปพยายามที่จะหาทางยุติและให้รัสเซียล้มเลิกการรุกรานยูเครน

เมื่อเช้าวันจันทร์ทหารหลายนายปฏิบัติการคุมเชิงอยู่ในอาคารที่พักผู้โดยสารดังกล่าวซึ่งเป็นท่าเรือที่จะไปรัสเซียทหารเหล่านี้ ปฏิเสธที่จะเปิดเผยสัญชาติแต่พวกเขาพูดภาษารัสเซียและรถยนต์หลายคันที่นำพวกเขามาก็ติดแผ่นป้ายทะเบียนรัสเซียเช่นกัน

 

วิกฤตยูเครนทุบตลาดหุ้นเอเชียร่วงระนาว??วิกฤตยูเครนทุบตลาดหุ้นเอเชียร่วงระนาว
วิกฤตความขัดแย้งยูเครนกับรัสเซีย ทุบตลาดหุ้นเอเชียร่วงระนาว เนื่องจากนักลงทุนทิ้งหุ้น หันไปพึ่งสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยมากกว่า

วันจันทร์ 3 มีนาคม 2557 เวลา 19:35 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากฮ่องกง เมื่อวันที่3 มี.ค.ว่าตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ต่างดิ่งลงในการปิดตลาดซื้อขายเมื่อวันจันทร์เนื่องจากมีความกลัวมากขึ้นเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซียจึงส่งผลให้บรรดาเทรดเดอร์พากันทิ้งหุ้นไปหาสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยกว่าส่วนค่าเงินเยนพุ่งขึ้นนอกจากนี้ ตลาดยังผิดหวังกับตัวเลขภาคการผลิตจากจีนซึ่งเพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราการเติบโตของประเทศเศรษฐกิจหมายเลข2 ของโลกแห่งนี้

โดยตลาดหุ้นโตเกียวร่วงลงร้อยละ 1.27หรือ 188.84 จุดอยู่ที่ 14,652.23จุด, ซิดนีย์ดิ่งลงร้อยละ 0.38หรือ 20.5 จุดอยู่ที่ 5,384.3 จุดและโซล ก็ทรุดลงร้อยละ 0.77หรือ 15.30 จุดปิดที่ 1,964.69 จุดส่วนฮ่องกง ก็ดิ่งลงร้อยละ1.47 หรือ 336.29จุด ปิดที่ 22,500.67จุด อย่างไรก็ตาม หุ้นเซี่ยงไฮ้สวนกระแส ปรับเพิ่มขึ้นมาได้ร้อยละ0.92 หรือ 18.93จุด ปิดที่ 2,075.23จุด เนื่องจากนักลงทุนไม่สนใจตัวเลขภาคการผลิตที่อ่อนแอก่อนการประชุมนโยบายประจำปีของรัฐบาลจีนในปลายสัปดาห์นี้

ความตึงเครียดดังกล่าวทำให้นักลงทุนลนลานเข้าไปพึ่งเงินเยนซึ่งได้รับการพิจารณาว่าเป็นการเสี่ยงที่มีความปลอดภัยในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจโดยในการซื้อขายช่วงบ่ายค่าเงินดอลลาร์อยู่ที่101.33 เยนเมื่อเทียบกับ 101.76เยนในนิวยอร์กเมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมาขณะเดียวกัน ค่าเงินยูโรอยู่ที่ 139.51 เยนเมื่อเทียบกับ 140.44เยนเมื่อวันศุกร์

 

บัน คี-มูน ร้องรัสเซียเจรจายูเครนยุติสถานการณ์เลวร้าย
เลขาธิการยูเอ็น เรียกร้องให้รัสเซียหลีกเลี่ยงการกระทำที่จะทำให้สถานการณ์ในยูเครนเลวร้าย พร้อมเรียกร้องให้เจรจากันเพื่อแก้ปัญหา

วันจันทร์ 3 มีนาคม 2557 เวลา 20:03 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครเจนีวาประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันที่ 3มี.ค.ว่านายบัน คี-มูนเลขาธิการสหประชาชาติหรือยูเอ็น เรียกร้องเมื่อวันจันทร์ให้รัสเซียหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายในยูเครนนายบนกล่าวต่อผู้สื่อข่าวก่อนกำหนดการประชุมกับนายเซอร์เกลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียว่าเขาได้เรียกร้องให้รัสเซียไม่ให้ดำเนินการ หรือใช้ถ้อยคำใดๆ ที่ทำให้สถานการณ์เสื่อมทรุดลง

ส่วนบรรดาผู้นำกล่าวกับผู้สื่อข่าวนอกรอบการประชุมมนตรีสิทธิมนุษยชนยูเอ็นในเจนีวาว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเคารพอย่างเต็มที่และป้องกันเอกราช,เอกภาพ,อธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน

นายบัน กล่าวอีกว่าขณะนี้เป็นความสำคัญอย่างยิ่งที่จะฟื้นฟูความสงบและไม่ขยายความตึงเครียดด้วยการเจรจากันในทันที พร้อมเรียกร้องให้รัสเซียเริ่มดำเนินการอย่างสร้างสรรค์และผ่านวิธีการสันติกับยูเครนเขาและนายลาฟรอฟจะหารือกันถึงแนวทางว่ายูเอ็นจะสามารถทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่รัสเซียและยูเครนได้อย่างไรบ้าง

 

รัสเซียลั่นศึกชิงไครเมียครั้งนี้ถอยไม่ได้
สหรัฐกดดันรัสเซียให้ถอนกำลังทหารออกจากเขตไครเมียของยูเครน มิเช่นนั้นจะงัดมาตรการคว่ำบาตรขึ้นมาใช้ แต่มอสโกไม่สน ยืนยันศึกครั้งนี้ถอยไม่ได้

วันอังคาร 4 มีนาคม 2557 เวลา 07:46 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ แถลงเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในยูเครน ท่ามกลางกระแสข่าวลือแพร่สะพัด ว่ากองทัพรัสเซียสั่งให้ทหารยูเครนในภูมิภาคไครเมียยอมจำนน มิเช่นนั้นอาจมีการ "ใช้กำลัง" ว่าการกระทำของรัสเซียถือว่าเจตนารุกล้ำอธิปไตยของประเทศอื่นอย่างชัดเจน และละเมิดกฎหมายสากลด้วย มอสโกกำลังเดินทางผิดอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากผลเสียในอนาคตจะตกอยู่กับรัสเซียเอง ไม่ว่าจะเป็นมาตรการคว่ำบาตรทางการทูตและเศรษฐกิจ

ต่อมานายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวโจมตีสหรัฐและตะวันตกว่า พยายามชี้นำให้ทุกฝ่ายตีความสถานการณ์ว่า มอสโกพยายามก่อความรุนแรง เพื่อจะได้ใช้วิธีที่ตัวเองต้องการคือคว่ำบาตรต่างๆนานา ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการเข้าไปแทรกแซงในสังคมยูเครนตอนนี้ ลาฟรอฟยืนกรานว่า มอสโกจำเป็นต้องลงมือ เพื่อพิทักษ์ความปลอดภัยของพลเมืองเชื้อสายรัสเซียในยูเครน

ขณะที่นายวิทาลี เชอร์กิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) แถลงต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) ยืนยันว่า ความเคลื่อนไหวของรัสเซียต่อยูเครนเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย พร้อมกับยอมรับว่า การใช้กำลังทางทหารต่อเคียฟมาจากคำร้องขอต่อรัฐบาลรัสเซีย ของอดีตประธานาธิบดีวิคเตอร์ ยานูโควิช

บรรยากาศในเขตไครเมียทางตอนใต้และตามเมืองใหญ่หลายแห่งทางตะวันออกของยูเครนตึงเครียดขึ้นทุกขณะ เมื่อกระทรวงกลาโหมรายงานว่า ทหารรัสเซียหลั่งไหลข้ามพรมแดนเข้ามาในยูเครนแล้วกว่า 16,000 นาย และฐานทัพรัสเซียในไครเมียขีดเส้นตายให้ทหารยูเครนในพื้นที่ยอมจำนนภายในเวลา 03.00 น. ตามเวลามาตรฐานสากลของวันนี้ ( 10.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) มิเช่นนั้นอาจใช้มาตรการ "ขั้นเด็ดขาด" ซึ่งมอสโกออกมาตอบโต้ว่าเป็นข่าวลือที่ "ไร้สาระ"

 

สหรัฐระงับสัมพันธ์ทหาร-การค้ากับรัสเซีย
รัฐบาลสหรัฐประกาศระงับความสัมพันธ์ด้านการทหารและเศรษฐกิจกับรัสเซียแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ความไม่สงบในยูเครน พร้อมกับเรียกร้องให้มอสโกถอนทหารกลับไป

วันอังคาร 4 มีนาคม 2557 เวลา 09:38 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ว่ากระทรวงกลาโหมสหรัฐ ( เพนตากอน ) ออกแถลงการณ์ระงับความร่วมมือทางการทหารกับรัสเซียทั้งหมดอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองในยูเครนที่ยังคงตึงเครียดอย่างหนัก พร้อมกับเรียกร้องให้มอสโกถอนทหารทั้งหมดออกจากภูมิภาคไครเมีย อย่างไรก็ตาม เพนตากอนยืนยันทหารอเมริกันและพันธมิตรในยุโรปยังคงประจำการอยู่ภายในฐานทัพของตัวเอง

ความร่วมมือทางทหารระหว่างสหรัฐกับรัสเซียในปัจจุบันนอกเหนือจากการซ้อมรบร่วมกันแล้ว เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านกลาโหมของทั้งสองฝ่ายจัดการหารือร่วมกันเป็นระยะ เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์และป้องกันการสื่อสารที่ผิดพลาด

ในเวลาไล่เลี่ยกัน แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการค้าและการลงทุนของสหรัฐ เผยว่ารัฐบาลตัดสินใจระงับการให้ความร่วมือทางการค้าและการลงทุนในระดับทวิภาคีกับรัสเซีย สืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในยูเครนเช่นกัน

 

รัสเซียขีดเส้นตาย ให้กองทัพยูเครนใน 'ไครเมีย' ยอมแพ้วันนี้

รัสเซียอ้างว่า อดีตประธานาธิบดีวิคเตอร์ ยานูโควิชของยูเครน เป็นผู้ขอให้ส่งกองทัพแทรกแซงสถานการณ์ในยูเครน ขณะที่กองทัพยูเครนในไครเมียเผย ถูกทหารรัสเซียขีดเส้นตายให้ยอมแพ้ภายในช่วงสายวันนี้...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 4 มี.ค. ว่า วิตาลี เชอร์คิน ทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ เผยในการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า วิคเตอร์ ยานูโควิช ประธานาธิบดียูเครนผู้ถูกโค่นล้ม เป็นผู้ขอให้รัสเซียส่งทหารเข้าไปในยูเครน เพื่อสร้างความสงบเรียบร้อยและบังคับใช้กฎหมาย
ในแถลงการณ์ของนายยานูโควิช ซึ่งนายเชอร์คินเป็นผู้อ่านเมื่อวันจันทร์ระบุว่า คำขอให้รัสเซียส่งทหาร เกิดขึ้นเพราะนายยานูโควิชเชื่อว่า รัสเซียกำลังอยู่บนปากเหวของการเกิดสงครามกลางเมือง ชีวิต, ความปลอดภัยและสิทธิของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของไครเมีย กำลังถูกคุกคาม รวมถึงมีการก่อความรุนแรงอย่างเปิดเผย นายเชอร์คินระบุด้วยว่า รัสเซียมองว่านายยานูโควิชเป็นผู้นำที่ถูกต้องตามกฎหมายของยูเครน ไม่ใช่รักษาการประธานาธิบดี โอเลกซานเดอร์ ตูร์ชีนอฟ


ทหารฝ่ายสนับสนุนรัสเซียปิดกั้นค่ายทหารเรือยูเครนในหมู่บ้าน โนวูเซิร์น ห่างจากเมืองซิมเฟอร์โรปัล เมืองเอกของไครเมียไปทางตะวันตกราว 91 กม.

อย่างไรก็ตาม ทูตสหประชาชาติจากประเทศตะวันตก ไม่ยอมรับข้ออ้างของรัสเซีย และยังคงกล่าวหารัสเซียว่ากำลังละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ โดยทูตสหรัฐฯ ซาแมนธา พาวเวอร์ กล่าวว่า รัสเซียต้องรับผิดชอบต่อการข่มขู่คุกคาม ขณะที่นายมาร์ค ลีออล แกรนต์ ปฏิเสธรับเรื่องที่ว่า มีการก่อการร้ายและภัยคุกคามต่อชนกลุ่มน้อยชาวรัสเซียในยูเครน และชี้ว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างความชอบธรรมในการใช้กำลังทหารของรัสเซียเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า สหรัฐฯ กำลังหามาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจและทางการทูตเพื่อโดดเดี่ยวรัสเซีย
อีกด้านหนึ่ง พลเรือตรี จอห์น เคอร์บี โฆษกของ 'เพนตากอน' กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เผยว่า สหรัฐฯได้ระงับปฏิบัติการความร่วมมือทางทหารทั้งหมดกับรัสเซียแล้ว ซึ่งรวมถึงการฝึกซ้อมทางทหาร, การประชุมระดับทวิภาคี, การเยี่ยมเยียนท่าเรือและการประชุมวางแผนทางทหาร จากการที่รัสเซียส่งทหารเข้าแทรกแซงยูเครน และสหรัฐฯ จะติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด
แต่นายเคอร์บีย้ำว่า สหรัฐฯ จะไม่เปลี่ยนแปลงกองทัพในทะเลดำ, ยุโรป หรือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน กองทัพเรือสหรัฐฯ จากปฏิบัติการในพื้นที่เหล่านี้ตามแผนเดิมที่วางเอาไว้


กลุ่มผู้ประท้วงฝักฝ่ายรัสเซีย บุกอาคารรัฐบาลเมืองโอเดสซา ไม่สำเร็จ

ทั้งนี้ สาธารณรัฐปกครองตนเอง ไครเมีย รวมถึงหลายเมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศยูเครน กำลังเผชิญกับความไร้เสถียรภาพตั้งแต่การถอดถอนประธานาธิบดียานูโควิชออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 22 ก.พ. โดยในวันจันทร์ กลุ่มผู้ประท้วงชาวยูเครนฝักฝ่ายรัสเซียพยายามจะบุกรุกเข้าไปในอาคารรัฐบาลท้องถิ่นในเมืองโดเนตสค์ และเมืองโอเดสซา
ขณะเดียวกัน ทหารรัสเซียและกองกำลังไม่ทราบฝ่ายแต่สนับสนุนรัสเซีย ยังคงปิดล้อมค่ายทหารยูเครนหลายจุดในคาบสมุทรไครเมียเอาไว้ โดยนายยูรีย์ เซอร์เกเยฟ ทูตยูเครนประจำสหประชาชาติ ระบุว่า รัสเซียส่งกองทัพเข้าไปในคาบสมุทรดังกล่าวมากกว่า 16,000 นายแล้ว
จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ของยูเครนในศูนย์บัญชาการกองทัพเรือในเมือง ซีวาสโตโปล ในสาธารณรัฐปกครองตนเอง ไครเมีย กองทัพของรัสเซียได้ปิดล้อมค่ายทหารหลายจุดในไครเมียเอาไว้ และยื่นคำขาดให้กองทัพเรือยูเครนยอมแพ้ โดยขีดเส้นตายถึงเวลา 10:00 น. วันอังคาร (ตามเวลาไทย) มิเช่นนั้นจะต้องเผชิญกับการจู่โจมเต็มอัตรา
ทหารระดับผู้บัญชาการของยูเครนคนหนึ่ง ยืนยันต่อสำนักข่าวอัลญะซีเราะห์ว่า ถูกทหารรัสเซียยื่นคำขาดให้วางอาวุธจริง และมีการใช้เรือลาดตระเวนบริเวณอ่าวคูรินายา และสเตรเลตสกายาด้วย อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาแหล่งข่าวในรัสเซียออกมาปฏิเสธเรื่องการขีดเส้นตายว่าไม่เป็นความจริง


ทหารยูเครนยืนอยู่หลังรั้วสำนักงานใหญ่กองทัพเรือในเมืองซีวาสโตโปล ขณะที่กองกำลังไม่ทราบฝ่ายปิดกั้นสถานที่แห่งนี้เอาไว้



ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ Next Generation Network

 

มะกันหนาวอีก พายุหิมะถล่มภาคตะวันออก ดับแล้ว 5 ศพ

พื้นที่ชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับพายุฤดูหนาวลูกที่ 5 ของปีนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย และเที่ยวบินถูกยกเลิกหลายพันเที่ยว...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 4 มี.ค. ว่า สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับพายุฤดูหนาวลูกที่ 5 ของปี 2014 โดยพายุหิมะรุนแรงสร้างความปั่นป่วนต่อการเดินทางในพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกของประเทศ ด้วยหิมะหนากว่า 1 ฟุตในบางพื้นที่ โรงเรียนหลายแห่งถูกปิด เช่นเดียวกับสำนักงานของรัฐบาลกลางหลายแห่งในกรุงวอชิงตันดีซี มีเที่ยวบินถูกยกเลิกไม่น้อยกว่า 2,900 เที่ยวบิน ส่วนใหญ่อยู่ในนครนิวยอร์กและกรุงวอชิงตัน
หิมะที่ตกลงมาทับถมอย่างรวดเร็วบนทางด่วนและถนนท้องถิ่นในภูมิภาค 'มิดแอตแลนติก' ของสหรัฐฯ ทำให้ถนนถูกปิดกั้นตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงช่วงบ่ายวันจันทร์ (ตามเวลาท้องถิ่น) บ้านเรือนและอาคารธุรกิจกว่า 30,000 แห่งในเมือง เมมฟิส, เทนเนสซี ได้รับผลกระทบจากไฟดับ หลังจากเกิดพายุลูกเห็บตกลงมาอย่างหนัก นอกจากนี้ยังมีการประกาศเตือนภัยหนาวในพื้นที่ตั้งแต่ชายแดนติดต่อกับประเทศแคนาดา จนถึงรัฐเทกซัสด้วย



พยากรณ์อากาศคาดว่า อุณหภูมิในพื้นที่ 'เกรต เพลนส์' (ตอนกลางของสหรัฐฯ) ไปจนถึงชาวฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก จะต่ำกว่าปกติประมาณ 15 องศาเซลเซียส ที่นิวยอร์กและบอสตันมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ -5 องศาเซลเซียสตั้งแต่เช้าวันจันทร์แล้ว ส่วนที่กรุงวอชิงตัน อุณหภูมิจะลดลงเหลือประมาณ -9 องศาเซลเซียส
กรุงวอชิงตันประสบปัญหาการยกเลิกเที่ยวบนอย่างหนักในวันจันทร์ โดยเที่ยวบินกว่า 80% ที่ท่าอากาศยานแห่งชาติเรแกน ถูกยกเลิก ขณะที่อีกกว่า 5,000 เที่ยวบินทั่วประเทศต้องล่าช้า
ด้านผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์, เดลาแวร์, มิสซิสซิปปี และ เทนเนสซี ประกาศภาวะฉุกเฉิน หลังต้องปิดโรงเรียนและที่ทำการรัฐบาลท้องถิ่น ส่วนที่รัฐแมร์รีแลนด์และเวสต์เวอร์จิเนีย ต้องปิดสำนักงานของรัฐบางส่วน หลังมีหิมะตกหนาถึง 1 ฟุต
ทั้งนี้ ถนนที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งในรัฐเวอร์จิเนีย เป็นสาเหตุทำให้ชาววัย 30 ปี เสียชีวิต หลังจากรถกระบะของเขาเสียหลังไปชนกับต้นไว้ นอกจากนี้ มีรายงานผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศอีก 4 รายในรัฐเทกซัส, โอคลาโฮมา และเทนเนสซี.





ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ Next Generation Network

 

ดินไหว 6.7 เขย่าชิลี อพยพคนนับแสน หวั่นเกิด 'สึนามิ'

ยูเอสจีเอสรายงาน เกิดแผ่นดินไหวระดับ 6.7 นอกชายฝั่งทางตะวันตกของชิลี ขณะที่ทางการสั่งอพยพประชาชนนับแสนคนในพื้นที่ชายฝั่ง เนื่องจากกลัวจะเกิดคลื่นสึนามิ แต่สุดท้ายเกิดเพียงคลื่นเล็กๆ เท่านั้น...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 17 มี.ค. อ้างข้อมูลจากสำนักสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) ว่า เมื่อเวลาประมาณ 4:16 น. ตามเวลาประเทศไทย เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 6.7 (ปรับลดจาก 7.0) ในทะเลนอกชายฝั่งทางตะวันตกของประเทศชิลี จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่ความลึกราว 20 กม. ห่างจากเมืองที่ใกล้ที่สุดคือเมืองท่า อิกคีเค ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 60 กม. และรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ถึงประเทศเปรู

แม้ไม่มีการประกาศเตือนจากหน่วยนานาชาติ แต่กองทัพเรือชิลีระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดคลื่นสึนามิขนาดเล็กระหว่างเมืองอาริกา และเมืองโตโกปิญา ทางตอนเหนือของประเทศ ทางการจึงเรียกร้องให้ประชาชนมากกว่าแสนคนในพื้นที่ชายฝั่งของแคว้นอาริกาและปาริญญาโกตา และโตโกปิญา อพยพชั่วคราวเพื่อป้องกันไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้มีรายงานเกิดความเสียหายเล็กน้อยเพราะแผ่นดิน เช่น กระจกหน้าต่างแตกเท่านั้น

ในเวลาต่อมา ริคาร์โด โตโร ผู้อำนวยการสำนักงานฉุกเฉินแห่งชาติแห่งกระทรวงมหาดไทย (โอเอ็นอีเอ็มไอ) เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า มีการอพยพผู้คนในแคว้นตาราปากา ประมาณ 80,000 คน, แคว้นอาริกาและปาริญญาโกตา 3,000 คน และในแคว้นอันโตฟากัสตา อีก 22,000 คน และวัดได้ว่าน้ำทะเลสูงขึ้นเพียง 32 ซม.เท่านั้น

ทั้งนี้ ชิลีเป็นหนึ่งในประเทศที่มีแนวโน้มเกิดแผ่นดินไหวมากที่สุดในโลก ในปี 2010 เคยเกิดแผ่นดินไหวระดับ 8.8 และเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 500 ราย บ้านเรือนและรีสอร์ตถูกทำลายกว่า 220,000 หลัง ขณะที่ 50 ปีก่อนหน้านี้ ชิลีต้องเผชิญแผ่นดินไหวระดับ 9.5 ซึ่งถือว่ารุนแรงที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติ มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 5,000 ราย


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ cisco พบกับข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับรุ่น SX20
วันที่ 17 Mar 2014

 

โอบามา'ไม่ยอมรับประชามติ'ไครเมีย' แย้มเล็งคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่ม

สหรัฐอเมริกาคัดค้านการทำประชามติของชาวไครเมีย ที่ต้องการแยกดินแดนจากยูเครนไปเข้าร่วมกับรัสเซีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาอย่างรุนแรง และระบุเป็นนัยว่า อาจคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่ม...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 17 มี.ค. ว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ บอกต่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์เมื่อวันอาทิตย์ ว่า การประชามติของชาวไครเมีย ซึ่งผลปรากฏว่าคะแนนเสียงกว่า 95.5% ต้องการให้คาบสมุทรไครเมียแยกตัวออกจากยูเครน ไปรวมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น ขัดต่อรัฐธรรมนูญของยูเครน

ชาวไครเมียดีใจกับผลการทำประชามติ
"ประธานาธิบดีโอบามาย้ำว่า การลงประชามติของชาวไครเมีย ซึ่งละเมิดรัฐธรรมนูญของยูเครน และเกิดขึ้นภายใต้การข่มขู่จากการแทรกแซงทางทหารของรัสเซีย จะไม่มีทางได้รับการยอมรับจากสหรัฐฯและประชาคมนานาชาติ" โฆษกทำเนียบฯ เปิดเผยคำพูดของนายโอบามาผ่านแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์
นอกจากนี้ โอบามา ยังเตือนอีกว่า การกระทำของรัสเซียละเมิดอธิปไตยและบูรณาภาพแห่งดินแดนของยูเครน และนั่นทำให้สหรัฐฯ และหุ้นส่วนในยุโรป เตรียมกำหนดความเสียหายเพิ่มเติมที่รัสเซียต้องจ่ายจากการกระทำของตัวเอง เป็นการบอกเป็นนัยว่า สหรัฐฯ และยุโรปกำลังเตรียมคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม หลังจากระงับการออกวีซ่าและอายัดทรัพย์ก่อนหน้านี้


วลาดิเมียร์ ปูติน
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีปูตินตอบโต้โอบามาว่า การประชามติในไครเมียถูกกฎหมายทุกประการ ทั้งตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติ อย่างไรก็ตาม ปูตินและโอบามาต่างเห็นด้วยว่า จำเป็นต้องหาหนทางสร้างเสถียรภาพในยูเครน โดยปูตินบอกต่อโอบามาว่า ภารกิจสังเกตการณ์ใดๆ ขององค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (โอเอสซีอี) จะต้องครอบคลุมทั่วยูเครน ไม่ใช่แค่ในไครเมีย
ทางด้านโอบามา ย้ำเช่นกันว่า วิกฤติในยูเครนยังสามารถแก้ไขได้ด้วยการเจรจา แต่ทำไม่ได้ตราบเท่าที่ทหารของรัสเซียยังคงบุกรุกดินแดนของยูเครน และจัดการซ้อมรบขนานใหญ่ตามแนวพรมแดน ซึ่งเชื่อมต่อกับยูเครนเช่นนี้.


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 17 Mar 2014

 

โสมเหนือยั่วอีก ทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ 25 ลูก

เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้อีก 25 ลูก เมื่อวันอาทิตย์ หลังขู่จะทดลองนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 เมื่อหลายวันก่อน...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 17 มี.ค. ว่า เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้อีก 25 ลูกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังขู่เมื่อสัปดาห์ก่อนว่าจะทำการทดลองนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 โดยเชื่อว่าเป็นการตอบโต้ที่เกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา จัดการร่วมฝึกซ้อมทางทหารประจำปี ตั้งแต่สิ้นเดือน ก.พ. โดยไม่สนเสียงค้านจากรัฐบาลเปียงยาง

โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้รายงานว่า เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธ 10 ลูก เมื่อเวลา 16:20 น. วันอาทิตย์ (ตามเวลาท้องถิ่น) ก่อนจะทดสอบยิงอีก 8 ลูก ในเวลา 20:03 น. ตามด้วยอีก 7 ลูก ในเวลา 21:30 น. โดยขีปนาวุธส่วนใหญ่ตกในทะเลญี่ปุ่นทางตะวันออกของเกาหลีเหนือ

โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุด้วยว่า กองทัพเกาหลีใต้จะจับตาดูการยั่วยุที่อาจเกิดขึ้นได้ จากฝั่งเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิด

ขณะเดียวกัน เจน ซากี โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ ทราบรายงานเรื่องเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธจำนวนมากลงสู่ทะเลแล้ว สหรัฐฯ จึงขอเรียกร้องให้เกาหลีเหนือหลีกเลี่ยงพฤติกรรมยั่วยุที่จะทำให้ความตึงเครียดเพิ่มขึ้น และสหรัฐฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ การยิงขีปนาวุธเมื่อวันอาทิตย์ของเกาหลีเหนือเกิดขึ้นเพียง 2 วัน หลังจากคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีเหนือขู่ว่า จะสาธิตยุทธศาสตร์การป้องปรามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (nuclear deterrence) ซึ่งบ่งชี้ว่า รัฐบาลเปียงยางกำลังเตรียมการทดลองปรมาณูครั้งที่ 4 ทำให้เกิดความวิตกว่าความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีเหนือจะพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง เหมือนเมื่อครั้งที่เกาหลีเหนือทดลองนิวเคลียร์ครั้งที่ 3 เมื่อ ก.พ.ปีก่อน


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 17 Mar 2014

 

มะกันดับ 4 ศพ-สูญหาย 18 รายสังเวย “โคลนถล่ม” ในหมู่บ้านใกล้ “ซีแอตเติล”


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มีนาคม 2557 08:47 น.




เอเอฟพี/รอยเตอร์ – เกิดเหตุโคลนถล่มบริเวณเทือกเขาใกล้กับเมืองซีแอตเติล รัฐวอชิงตันของสหรัฐฯ ส่งผลให้ชาวบ้านเสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย และยังสูญหายอีก 18 คน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรายงานวานนี้(23)

ตำรวจและพนักงานดับเพลิงซึ่งเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยระบุว่า มีชาวบ้านบาดเจ็บ 8 ราย และหนึ่งในนั้นเป็นเพียงทารกวัย 6 เดือน หลังโคลน, น้ำ และหินไหลถล่มลงมาทับบ้านเรือนประชาชนในเมืองโอโซ (Oso) ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของนครซีแอตเติลเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา(22) เหตุดินถล่มครั้งนี้ยังสร้างความเสียหายต่อถนนหลวง และบ้านเรือนอีก 6 หลัง

“เราได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลังความสามารถ” เจย์ อินสลี ผู้ว่าการรัฐวอชิงตันซึ่งได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ดังกล่าว ให้สัมภาษณ์ต่อ พร้อมระบุว่าได้ส่งทั้งเฮลิคอปเตอร์, เรือโฮเวอร์คราฟต์ และหน่วยกู้ภัย ไปถึงจุดเกิดเหตุแล้ว

ชารี ไอร์ตัน โฆษกหญิงประจำเทศมณฑลสโนโฮมิช บอกกับเอเอฟพีว่า “เรายืนยันได้ว่ายังมีชาวบ้านในพื้นที่สูญหายอีก 18 คน แต่ยังไม่สามารถระบุตัวตนได้”

ปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตนับว่ายากลำบากพอสมควร เนื่องจากพื้นดินที่อุ้มน้ำนั้นยังไม่เสถียร และทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเสี่ยงต่อการถูกดินถล่มลงมาทับ

ผู้ว่าการรัฐวอชิงตัน เผยว่า “หน่วยกู้ภัยบางคนที่เข้าไปช่วยชาวบ้านยังจมลงไปในโคลนถึงรักแร้” และต้องให้เพื่อนร่วมทีมช่วยกันดึงขึ้นมา

โรบิน ยังบลัด หนึ่งในผู้รอดชีวิต เผยต่อหนังสือพิมพ์ซีแอตเติลไทม์สว่า “จู่ๆ ก็มีกำแพงโคลนไหลลงมา... หนาประมาณ 25 ฟุต (8 เมตร) เห็นจะได้”

เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งผู้เสียชีวิต 3 รายหลังเกิดเหตุเพียงไม่กี่ชั่วโมง และเมื่อวานนี้(23) ผู้ปกครองเทศมณฑลสโนโฮมิชก็แถลงผ่านทวิตเตอร์ว่า ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 4 ราย

พื้นที่แถบเทือกเขาแคสเคดมีฝนตกหนักตลอด 2 -3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยพยากรณ์อากาศระบุว่าฝนจะลดลงเล็กน้อยในวันอาทิตย์(23) แต่จะมีฝนระลอกใหม่มาอีกตลอดทั้งสัปดาห์นี้

 

มาเลเซีย แอร์ไลน์ส MH66 ระบบไฟฟ้าไม่ทำงาน ขอลงฉุกเฉิน ฮ่องกง


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มีนาคม 2557 12:18 น.



(ภาพจากแฟ้มฯ) - เครื่องบินแอร์บัส เอ 330-300 ประเภทเดียวกับลำที่บรรทุกผู้โดยสาร 271 คน ออกเดินทางจากสนามบินกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย มุ่งหน้าสนามบินอินชอน เกาหลีใต้ แต่จำเป็นต้องขอลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินฮ่องกง เมื่อเวลา 2.53 น. วันจันทร์ที่ 24 มี.ค. ตามเวลาท้องถิ่น หลังเกิดปัญหากับระบบไฟฟ้าภายในห้องโดยสาร

เอเจนซี - เครื่องบินโดยสารสายการบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ MH66 ประสบปัญหาระบบไฟฟ้าขัดข้อง ต้องลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินฮ่องกง สลับเปลี่ยนเครื่องบินให้ผู้โดยสารเดินทางต่อไปยังที่หมายเกาหลีใต้อย่างปลอดภัย

เซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ รายงาน (24 มี.ค.) ว่าเครื่องบินโดยสารสายการบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินกัวลาลัมเปอร์สู่อินชอน เกาหลีใต้ ต้องลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินฮ่องกง เมื่อเวลา 2.53 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันจันทร์ที่ 24 มี.ค. เนื่องจากปัญหาระบบไฟฟ้าภายในห้องโดยสารไม่ทำงาน

รายงานข่าวอ้างคำแถลงการณ์ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่ระบุ เครื่องบินแอร์บัส เอ 330-300 เที่ยวบิน MH 66 ที่บรรทุกผู้โดยสาร 271 คน ออกเดินทางจากสนามบินกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย มุ่งหน้าสนามบินอินชอน เกาหลีใต้ จำเป็นต้องขอลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินฮ่องกง เมื่อเวลา 2.53 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันจันทร์ที่ 24 มี.ค. หลังประสบปัญหากับระบบไฟฟ้าภายในห้องโดยสารฯ

แถลงการณ์ระบุว่า นักบินสามารถนำเครื่องลงจอดได้อย่างปลอดภัย และประสานงานกับเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินของสนามบินฮ่องกง ในการอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารเดินทางต่อไปกับเครื่องบินลำใหม่ และได้เดินทางไปถึงที่หมายฯ อย่างปลอดภัยแล้ว

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเหตุขัดข้องดังกล่าว ทำให้จำเป็นต้องยกเลิกชั่วคราว เที่ยวบิน MH 67 เที่ยวบินขากลับจากสนามบินอินชอนสู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยเจ้าหน้าที่ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ได้จัดบริการสลับเปลี่ยนให้ผู้โดยสารทุกท่าน สามารถเดินทางเที่ยวบินขากลับไปกับสายการบินอื่นแล้ว โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติมทั้งสิ้น

 

มะกัน-อียู เล็งคว่ำบาตรด้าน 'พลังงาน' ต่อรัสเซีย รับกระทบศก.โลกแน่

ผู้นำสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ประชุมหารือเรื่องวิกฤติยูเครนเมื่อวันพุธ และกำลังพิจารณาจะคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม หากรัสเซียเคลื่อนไหวรุกล้ำพื้นที่อื่นๆ ในยูเครน...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 27 มี.ค. ว่า ผู้นำสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปกำลังหารือกันเรื่องการคว่ำบาตรที่รุนแรงยิ่งขึ้นต่อรัสเซีย หากมีการรุกล้ำเข้าไปในยูเครนมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวหลังการประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมว่า พวกเขากำลังคิดจะคว่ำบาตรรัสเซียในด้านพลังงาน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างแน่นอน

เมื่อวันพุธ นายโอบามา กับ เฮอร์มัน ฟาน รอมปุย ประธานสภาแห่งสหภาพยุโรป และโชเซ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป ออกมาเน้นย้ำเรื่องความร่วมมือระหว่างอียูและสหรัฐฯ ในวิกฤติของยูเครน "โลกจะปลอดภัยขึ้นและมากขึ้นอีกเมื่อยุโรปและอเมริการ่วมมือกัน" โอบามากล่าว เขายังชื่นชมผู้นำชาติสมาชิกอียูทั้ง 28 ชาติที่ร่วมมือกับสหรัฐฯ ออกมาตรการลงโทษรัสเซีย ซึ่งรวมถึงการยกเลิกวีซ่า และการอายัดทรัพย์ของเจ้าหน้าที่รัสเซีย

โอบามากล่าวด้วยว่า มาตรการเหล่านี้ถูกใช้หลังจากรัสเซียเคลื่อนไหว เพื่อผนวกรวมภูมิภาคไครเมีย และตอนนี้พวกเขากำลังพิจารณาการลงโทษเพิ่มเติมที่รุนแรงยิ่งขึ้น หากรัสเซียพยายามรุกล้ำดินแดนอื่นๆ ของยูเครน "เราทราบดีว่า การจะให้รัสเซียรู้สึกถึงผลกระทบต่อการลงโทษเหล่านี้ จะทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก"

โอบามาเผยอีกว่า กองกำลังสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) จะประจำการตามปกติในประเทศยุโรปตะวันออก ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ว่าจะถูกรัสเซียรุกรานด้วย ด้านนายฟาน รอมปุย กล่าวว่า การผนวกรวมไครเมียของรัสเซีย ถือเป็นความอัปยศแห่งศตวรรษที่ 21 และพวกเขาจะไม่ขอยอมรับมัน

ทั้งนี้ หลังจากผู้ประท้วงฝักฝ่ายอียูในภาคตะวันออกเคลื่อนไหวจนรัฐสภาถอดถอน อดีตประธานาธิบดี วิคเตอร์ ยานูโควิช ออกจากตำแหน่งได้สำเร็จ เมื่อ 22 ก.พ. ฝ่ายสนับสนุนรัสเซียในภาคตะวันออกของยูเครนก็ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อประท้วงรัฐบาลรักษาการที่จัดตั้งขึ้นใหม่ มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายแต่ชัดเจนว่าฝักฝ่ายรัสเซีย บุกยึดอาคารรัฐบาลท้องถิ่นในไครเมีย ส่วนรัสเซียทยอยส่งกองทัพกำลังเข้าไปในภูมิภาคแห่งนี้นับหมื่นนาย

เมื่อ 16 มี.ค. รัฐบาลท้องถิ่นของไครเมีย จัดการลงคะแนนเสียงประชามติ ซึ่งชาวไครเมีย 99.5% ตัดสินใจแยกตัวจากยูเครน ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย ดำเนินการเพื่อผนวกรวมไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอีกครั้ง และลงนามสนธิสัญญาเสร็จสิ้นกระบวนการเมื่อวันที่ 21 มี.ค. โดยเพิกเฉยต่อเสียงประณามและการคว่ำบาตรจากสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 27 Mar 2014

 

แปลกแต่จริง!ชาย'เกาหลีเหนือ'โดนบังคับไว้ผมทรงเดียวกับผู้นำ

สื่อมวลชนโสมขาว รายงานเรื่องแปลก ผู้ชายทุกคนของ"เกาหลีเหนือ"อาจต้องไว้ผมทรงเดียวกับผู้นำพวกเขา"คิมจองอึน"เท่านั้น หลังทางการ จ่อ ออกกฎบังคับ
วันที่ 27 มี.ค. ผุ้สื่อข่าวรายงานว่า สื่อมวลชนเกาหลีใต้ (โสมขาว) รายงานเมื่อวันพุธ 26 มี.ค. ว่า ผู้ชายทุกคนในเกาหลีเหนือ เร็วๆนี้ จะต้องไว้ผมทรงเดียวกับท่านผู้นำ"คิมจองอึน"เท่านั้น หลังจากก่อนหน้านี้ยังพอเลือกทรงผมของตนเองได้บ้างตามที่กำหนดไว้

สื่อมวลชนทั้ง โคเรีย ไทมส์ของเกาหลีใต้ และเรดิโอฟรีเอเชีย รายงานว่า กฎเกณฑ์การลงโทษของทางรัฐนี้บังคับใช้ในกรุงเปียงยาง เมืองหลวงของประเทศ ราว 2 สัปดาห์ก่อน และตอนนี้มันขยายขอบเขตครอบคลุมทั่วประเทศ แต่ก็มีบางส่วน ได้รับการสงวนไว้เพื่อภาพลักษณ์

"ทรงผมของท่านผู้นำของพวกเราไม่ธรรมดาเลย" แหล่งข่าวรายหนึ่งบอกกับเรดิโอฟรีเอเชีย "แต่มันไม่เหมาะกับทุกคนเสมอไป เพราะว่า แต่ละคนมีรูปร่างหน้าตาและศีรษะต่างกัน"


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ - Site
วันที่ 27 Mar 2014