ดูจิตให้ดูความพอดีเพื่อปรารภความเพียรละกิเลส (มัฌชิมาปฏิปทา)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 22 กรกฎาคม 2013.

  1. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,123
    พอดีเพิ่งกลับมาช่วงวันหยุด เหตุเพราะเชื่อว่า มีศรัทธาในคำสอน
    เกี่ยวกับสัมมาทิฏฐิ10 แม่มี พ่อมี จึงกลับไปเยี่ยมท่าน ไม่นานครั้ง

    เกี่ยวกับ อนุโลม ให้เป็นสัมมาทิฏฐิ เป็นกุศลธรรมเบื้องต้น เพื่อสร้างพละกำลังใจ ตรงนี้เข้าใจมานานแล้วไม่สับสน #41

    ก็ต้องขอบ คุณธรรมภูต ตกหลุมเป็นสัปบุรุษ ปฏิเสธไม่ได้ ที่ได้แจงรายละเอียด
    กับข้อความที่เคยนำมาแปะไว้ #42

    พอดีไปเจอ ในความคิดเห็นที่ 19 ของกระทู้
    นักปฏิบัติควรระวัง-อย่าหลงไปปรามาสพระปัจเจกพุทธเจ้า - Pantip


    ทีนี้จะควบ สุตมย ภาวนามย ก็ไปให้สุดฝันครับ ให้เสมือนฟังธรรมครูบาอาจารย์ และเห็นจริงตามพุทธพจน์

    ปล.อย่าไปฟังมาผิดๆ ถ้าฟังมาผิด ก็จะทำให้ปรารภความเพียรผิด เข้าใจผิดๆ เข้ามา

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 สิงหาคม 2013
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ทีนี้จะควบ สุตมย ภาวนามย ก็ไปให้สุดฝันครับ ให้เสมือนฟังธรรมครูบาอาจารย์ และเห็นจริงตามพุทธพจน์

    ตามนั้นครับ ความเพียรมีผล ความพยายามมีผล

    เจริญในธรรมที่สมควรแก่ธรรมทุกๆท่าน
     
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ขนาด"ท่านพระอาจารย์หลวงตามหาบัว" ที่มีคนนับถือจำนวนมาก

    คุณยังกล้าพูดว่า "ท่านน่าจะมีภูมิรู้ ภูมิธรรมพอตัว"อีกหรือ?

    มีแต่คำว่า ท่าน"เต็มภูมิ หรือใกล้เต็มภูมิ"แล้ว เท่านั้นที่เหมาะสม

    ถามตรงๆ หลงตัวเองอยู่หรือเปล่า? อย่าบอกนะว่า"เป็นอริยตราตั้งกับเค้าด้วย"

    ขนาด "สติปัญญาทางโลก" กับ "สติปัญญาทางธรรม" ยังแยกไม่ออกเลย

    ถ้าจะศึกษาของ"ท่านพระอาจารย์หลวงตา"นั้น ต้องเอาตั้งแต่ต้นจึงจะ รู้จริง

    มีที่ไหน ใครที่สามารถแยกสติ ออกจากสมาธิได้ มีแต่พวกขี้โม้เท่านั้น

    เมื่อพูดถึง"สติ" ละ"สมาธิ"ไว้ในฐานที่เข้าใจ

    เมื่อพูดถึง"สมาธิ" ก็ละ"สติ"ไว้ในฐานที่เข้าใจ

    อย่าพยายามมั่วแยกเองตามความพอใจของตนเลย

    การจะระลึกอะไรได้สำเร็จนั้น ต้องมีจิตใจที่สงบตั้งมั่น ใช่หรือไม?

    คนที่มีจิตใจสับสนวุ่นวาย กระสับการส่าย จะมีปัญญาระลึกได้หรือ? เฮ้อ!!!

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  4. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    ลองอ่านทำความเข้าใจก่อนนะครับ มีอะไรผิดแปลกแตกต่างไปก็ลองยกมา สนทนาสิครับ อย่ามัวแต่ย่ำอยู่กับ ความเห็นเดิมของตนสิครับ

    คุณธรรมภูติ เอาแต่สมาธิอย่างเดียว โดยอ้่างว่า ทำสมาธิจะได้สติไปในตัว
    ทั้งๆที่ ธรรมะของพระพุทธเจ้า ก็บอกว่า มหาสติคือทางสายเอก อริยมรรคมีองค์ 8 ก็กล่าวถึงสัมมาสติ ไม่เคยมีปรากฎในพระสูตรว่า ทำสมาธิจะได้สติไปในตัว
    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ก็บอกว่า สติเป็นพื้นฐานสำคัญ
    คุณธรรมภูติ จะไม่ฟังคำสอนของ พระพุทธเจ้า และ หลวงตามหาบัวเลยหรือครับ
    หรือว่า จะเอาคำสอนตนเองขึ้นเป็นใหญ่ครับ
    ลองตรองดูก่อนก็ได้ แต่ถ้าเกรงว่า ไม่มีทางลงให้กับตนเอง ก็ไม่ควรตำหนิผู้อื่น เพราะเมื่อเราผิดพลาด เรานั้นแหละจะไม่มีทางลง เพราะอัตตามันค้ำคอ แล้วพลอยจะทำลายพระพุทธศาสนาไป เพราะยืนกรานในความเห็นผิดๆของตนนะครับ
     
  5. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    อย่าไปเอาอะไรมาก กับธรรมภูต เลย

    ขนาดเรื่องพระสารีบุตรนับเม็ดฝนได้ บันทึกไว้ในพระไตรปิฎก มันยังไม่เชื่อเลย
     
  6. testewer

    testewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +758
    สังเกตุธรรมภูตหลงตนเองว่าเข้าใจธรรมถูก และก็ติเตียนคนอื่น ไม่เว้นแม้แต่พระอริยเจ้าตามที่เห็นในกระทู้ก่อนหน้านี้ เป็นเหตุให้เพ้อเจอ บ้าบอ แบบนี้ หลงตนว่าเข้าถึงธรรมเข้าใจธรรมถูกต้อง เป็นกฏแห่งกรรม ทำเองก็รับไปเอง

    ใครจะพูดคุยกับธรรมภูตก็เอานะ ตามสบาย
    ใครไม่รู้ก็ไปดูกระทู้ย้อนหลังแล้วกันว่าเป็นอย่างไร (บางคนหลงตนขนาดหนักไม่ฟังใคร)
     
  7. testewer

    testewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +758
    กรรมในการปรามาสหรือล่วงเกินพระอริยะเจ้า

    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖

    อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต

    พยสนสูตร

    [๘๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดด่าบริภาษเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลายกล่าวโทษพระอริยะ ภิกษุนั้นจะไม่พึงถึงความฉิบหาย ๑๐ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง ข้อนี้มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส

    ความฉิบหาย ๑๐ อย่างเป็นไฉน คือ

    ภิกษุนั้นไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ ๑

    เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว ๑

    สัทธรรมของภิกษุนั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว ๑

    เป็นผู้เข้าใจว่าตนได้บรรลุในสัทธรรมทั้งหลาย ๑

    เป็นผู้ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ ๑

    ต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างหนึ่ง ๑

    ย่อมถูกโรคอย่างหนัก ๑

    ถึงความเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่าน ๑

    เป็นผู้หลงใหลกระทำกาละ ๑

    เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ๑

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดด่าบริภาษเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย กล่าวโทษพระอริยะ ภิกษุนั้นจะไม่พึงถึงความฉิบหาย ๑๐ อย่างนี้ อย่างใดอย่างหนึ่ง ข้อนี้มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส ฯ

    จบสูตรที่ ๘


    อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต ทุติยปัณณาสก์ เถรวรรคที่ ๔

    ๘. พยสนสูตร

    อรรถกถาพยสนสูตรที่ ๘

    พยสนสูตรที่ ๘ ....พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

    ในคำว่า อกฺโกสกปิรภาสโก อริยุปวาที สพฺรหฺมจารีนํ นี้ พึงประกอบ สพฺรหฺมจารี กับ อกฺโกสนบท และ ปริภาสกบท. บทว่า เป็นผู้ด่าสพรหมจารี เป็นผู้บริภาษสพรหมจารี. ผู้ว่าร้ายด้วยอันติมวัตถุว่า เราจักฆ่าคุณของพระอริยะทั้งหลาย ย่อมชื่อว่า อริยุปวาที. บทว่า สทฺธมฺมสฺส น โวทายนฺตี ความว่า สัทธรรมคือศาสนาที่นับได้ว่า ไตรสิกขาของภิกษุนั้นย่อมไม่ถึงความผ่องแผ้ว. โรคเท่านั้น พึงทราบว่าอาตังกะ เพราะกระทำให้ชีวิตลำบาก ในคำว่า โรคาตงฺกํ นี้.

    จบอรรถกถาพยสนสูตรที่ ๘

    คัดลอกจาก กระทู้ที่ปรามาสพระรัตนตรัยจะแบนถาวรทุกชื่อ ช่วยกันร่วมกุศลดูแลสถาบันให้ดีงาม
     
  8. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ในพระไตรปิฎกนั้นกล่าวไว้ชัดเจนแล้ว มีพระพุทธองค์รับรอง

    แม้หลวงตามหาบัว ก็กล่าวไว้ชัดเจนแล้วเหมือนกัน
    www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=4583&CatID=2

    แม้หลวงปู่มั่น ก็มีความสามารถแห่งการรู้ ละเอียดรองจากพระสารีบุตร จิตสามารถ "นับ" เส้นผมได้ ไม่ใช่การ "คาดคะเน"

    ธรรมภูต บอกว่า การแอบอ้างว่าพระสารีบุตร นับเม็ดฝนได้ เป็นการโชว์โง่
    ธรรมภูต กำลังต่อว่า ผู้ที่บอกว่าพระสารีบุตรนับเม็ดฝนได้ ว่า โชว์โง่
    แต่เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ผมพูดขึ้นมาเอง เป็นเรื่องที่มีบันทึกในพระไตรปิฎก เป็นธรรมเทศนา ที่หลวงตามหาบัว เทศนาสั่งสอนลูกศิษย์

    ส่วนผมนั้น ก็แค่เชื่อครูบาอาจารย์ ยกคำครูบาอาจารย์พระอรหันต์มาพูด

    เช่นนี้แล้ว ถ้าจิตใจของธรรมภูต ซื่อตรงจริงๆ ธรรมภูต ก็ต้องบอกว่า ครูบาอาจารย์ โชว์โง่ ที่รับรองว่าพระสารีบุตรนับเม็ดฝนได้

    ถ้าธรรมภูต จะบิดเบือนธรรมะ จะบ่อนทำลายพุทธศาสนากันขนาดนี้ ก็พูดออกมาตรงๆ เลยสิ ว่า
    หลวงตามหาบัว ท่านพูดผิด พระสารีบุตรนับเม็ดฝนไม่ได้... หลวงตามหาบัวผิด ธรรมภูตถูก
    หลวงปู่มั่น ท่านเข้าใจผิด ท่านนับเส้นผมไม่ได้ แต่หลงไปเข้าใจว่าตัวเองทำได้... หลวงปู่มั่นผิด ธรรมภูตถูก
    พระพุทธองค์ ท่านพูดผิด พระสารีบุตรนับเม็ดฝนไม่ได้... พระพุทธองค์ผิด ธรรมภูตถูก

    ธรรมภูต ก็บอกไป ให้ชัดๆ เลย บอกว่า ปัญญาของธรรมภูต นั้น สูงกว่าปัญญาของพระอรหันต์ พระอรหันต์องค์ใด พูดว่าพระสารีบุตร "นับ" เม็ดฝนได้ คือผู้ที่โชว์โง่
     
  9. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    คำถามที่ 1. เมื่อไม่ระลึกรู้อยู่ที่"กรรมฐาน" จิตจะสงบตั้งมั่นเป็น"สมาธิ"ได้มั้ย?
    ตอบว่า ได้ครับ เมื่อนิวรณ์สงบตัวลงไป ตัวอย่างเช่น คนทั่วไปที่มีศีลคุ้มครองอยู่
    หรือ พระสงฆ์องค์เจ้าที่มิได้เข้าฌาณ ก็แสดงให้เห็นความสงบระงับไปของนิวรณ์ได้เช่นกัน
    เพียงแต่จะมีกำลังไม่มาก เมื่อเจอกิเลสเช่น กามราคะ หรือ โทสะ จิตอาจจะเสื่อมลงไปได้ เนื่องจากกำลังสมาธิไม่แน่นหนามั่นคง
    อีกทั้งกรรมฐานนั้น มีหลากหลาย เช่น พุทธานุสติ ธรรมานุสติ ก็เป็นกรรมฐานที่ไม่ใช่การกำหนดรู้เฉพาะจุด

    คำถาม 2-3 จิตที่สงบตั้งมั่นเพราะระลึกรู้อยู่ที่"กรรมฐาน"ได้ ใช่หรือไม่?
    แล้ว"กรรมฐาน" คืออะไร? ใช่ฐานที่ตั้งแห่งการงานหรือไม่?

    ตอบ ได้อธิบายแล้วในคำถามแรกครับ

    คำถามที่ 4 -5
    ตอบ ดอกเตอร์ เอาไม้ตีภรรยาตาย เพราะไม่สามารถต้านทาน โทสะได้ เพราะขาดสติ สัมปชัญญะ ยับยั้งชั่งใจ มิใช่เพราะขาดสมาธิ ข้อนี้เองแสดงให้เห็นว่า แม้คนทั่วไปที่มีสติสัมปชัญญะ ก็ยับยั้งชั่งใจได้ เพราะคนทั่วไปหลายคนที่โมโหแต่ก็สามารถยับยั้งชั่งใจได้
    แต่ดอกเตอร์ผู้เรียนรู้สูงย่อมมีสมาธิดีกว่าคนทั่วไป กลับไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ ก็เหตุว่า สติสัมปชัญญะ ในการรู้ผิดรู้ถูกนั้นมีน้อยกว่าอำนาจโทสะ มิใช่ขาดสมาธิเป็นเหตุ

    คำถาม 6 ถ้าลองจิตใจวุ่นวาย ไม่สงบ เอาสติมาจากไหน?
    ตอบ สติที่รู้ดีรู้ชอบ เมื่อฝึกดีแล้ว แม้จิตไม่สงบก็รู้ว่าจิตไม่สงบ จึงจะหาทางแก้ไขได้
    แม้จิตฟุ้งซ่านก็มีสติรู้ว่าจิตฟุ้งซ่านจึงจะระงับอาการได้
    แต่หาก คิดว่าใช้ฝึกสมาธิ ฌาณ อย่างเดียวในการระงับ นั้นเท่ากับว่า ไม่รู้จัก เหตุเบา เหตุหนัก
    ไม่รู้จักเครื่องมือ คือ สมาธิ ฌาณ นั้นใช้กับเหตุใด จิตไม่สงบบางครั้งนั้น เพียงพักผ่อนก็หายได้
    บางครั้ง แต่ออกไปมองฟ้า มองทะเล ก็เบาใจไปได้
    คุณของมหาสติมีดังนี้ มิใช่มีสมาธิแล้วสติจะเกิดได้ นั้นเป็นสติที่ไม่กว้างขวาง รู้เพียงงานสมาธิเท่านั้น
     
  10. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    เฮ้อ!!!...คนอะไรดื้อด้าน เก้อ-ยากจริงๆ
    เตือนไปก็หลายครั้ง ไม่รู้จักจำ
    ถ้าจะเสนอความคิดเห็นที่ขัดแย้ง ก็เสนอกันไปแก้กันไป ไม่ว่ากัน

    แต่การเข้ามาเป็นเพียงแค่หางเครื่องให้คนอื่นและคอยเสี้ยม
    ไม่ต้องเข้ามาก็ได้ ไม่ได้ช่วยให้ประเทืองปัญญาอะไรขึ้นเลย

    บอกคนพวกนี้ไปหลายครั้งไม่เคยฟัง อาจเพราะด้านจนขัดออกยาก
    การจะกล่าวหาว่าร้ายใคร ควรมีหลักฐานมายืนยันด้วย

    อย่างความกะล่อนปลิ้นปล่อนของ"อินทรบุตร"
    เดี๋ยว"ธรมภูต" จะขุดให้เห็นสันดาน ที่ขาดความซื่อสัตย์ต่อตนเองให้เห็น

    วันหลังไม่มีหลักฐานก็ไม่ต้องยก พระสูตรมาโชว์ก็ได้นะ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  11. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    เฮ้อ!!!...ดูคนหมดมุข แอบอ้างพ่อแม่ครูบาอาจารย์เหมือนต้นตำหรับเลย
    คนมันเขลาเบาปัญญาที่ดื้อด้าน
    จะขัดเกลาให้มีปัญญาขึ้นมาได้นั้น ไม่ใช่โอกาสที่จะเป็นไปได้

    ตามตรงๆเถอะ แกล้งโง่ เพื่อแก้ขวยหรือ มิน่าถึงอ่านที่อธิบายไปไม่เข้าใจ

    ต้นเหตุแห่งความพลิกลิ้นปลิ้นปล่อนมาจากกระทู้นี้
    เชิญช่วยกันระดมความคิดเห็นเรื่อง"จิต" เพื่อสัจธรรมความจริง - หน้า 15 - PaLungJit.org

    โดย"อินทรบุตรแอบอ้าง"พระสูตร"ว่า ท่านพระอาจารย์สารีบุตรนับ"เม็ดฝน"
    ^
    ^
    พอ"ธรรมภูต" แย้งไปว่า พระพุทธพจน์ไม่ได้ตรัสไว้ตรงไหนเลยว่า"นับเม็ดฝน"
    อย่ามั่วสิ พระพุทธองค์และท่านพระอาจารย์สารีบุตรจะเสียหายดังนี้
    V
    ^
    ^
    แล้วยกขึ้น"คะเนว่า" ชัดเจนว่า
    ท่านพระอาจารย์คะเน "หยาดน้ำฝน"ซึ่งเป็นการรวมตัวของ"เม็ดฝน" ได้ถูกต้อง

    แต่มีคนที่ขาดความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ก็พยายามหาบาปกรรมใส่ตัวอีก
    โดยการแอบอ้างพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายปฏิบัติมารับรองอีกแล้ว

    เหมือนใครบ้างคนจริงๆ ที่ชอบแอบอ้างเมื่อหมดหนทาง
    ทั้งโกหก-พกลม เพื่อเอาตัวรอด โดยไม่ละอายแก่ใจตนเองเลย ทำไปได้
    กล้าแอบอ้าง การ"นับเส้นผม" กับ "นับเม็ดฝน"ว่าเป็นเรื่องเดียวกัน

    ตกลงใครบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา มันยังไม่รู้ตัวอีกแน่ะ
    การบิดเบียน พระพุทธพจน์และธรรมะของพ่อแม่ครูบาอาจารย์นั้น
    เป็นเรื่องเลวร้าย บ่อนทำลายพระสัจธรรมความจริงให้ขาดความน่าเชื่อถือ
    โดยเฉพาะการแอบอ้าง เพื่ออวดโง่โชว์ภูมิแล้ว บอกได้คำเัดียว"นรก"ชัดๆ

    จำไว้นะ กลับตัวกลับใจเสียใหม่ยืนอยู่บนหลักเหตุผล อย่ากะล่อนปลิ้นปล่อนอีกหละ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  12. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    เฮ้อ!!!....บอกแล้วว่าไม่รู้ อย่าพยายามอวด
    ยิ่งอวดยิ่งบอกให้รู้ว่า"โง่แล้วไม่ยอมรับว่าโง่"
    หมดคำพูดจริง เพราะคนมันไม่มีพื้นฐานทางธรรมเลย
    ดีแต่อ่านมาก แบบคิดเองเออเองคนเดียวก็เอา
    น่าเศร้าใจจริงๆ ศาสนาเสียหาย เพราะคนอวดดีพวกนี้เอง

    พระพุทธพจน์ชัดเจน มันไม่เคยจะอ่าน จะฟัง จะจดจำ นำไปปฏิบัติ
    แค่คำว่า"ฌาน" มันยังหลงว่า ต้องหลับตาเท่านั้นจึงเป็น"ฌาน"
    มันไม่รู้จริงว่า คนที่ทรง"ฌาน"ได้นั้น ได้ทั้งลืมตาและหลับตา (โว้ย)

    เอ้า"สัมมาสมาธิ" ในมหาสติปัฏฐานไปอ่นซะ หลายๆรอบ
    จะได้เลิกเถียงคอป็นเอ็นเสียที่ คนโง่พออธิบายให้หาย"โง่ได้"
    ส่วนพวก"โง่แล้วยังพยายามอวดฉลาด"นั้สิ กลัวใจจริงๆ
    V
    สัมมาสมาธิ เป็นไฉน
    ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม
    บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่
    เธอบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น
    เพราะวิตกวิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิอยู่
    เธอมีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป
    บรรลุตติยฌาน ที่พระอริยทั้งหลาย สรรเสริญว่า
    ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข
    เธอบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัส
    โทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่
    อันนี้เรียกว่า สัมมาสมาธิ ฯ


    ^
    ^
    หาย"โง่เร็วๆ"นะ มัวแต่เอาสติ แต่ไม่เอาสมาธิ มันก็ไม่ใช่"มหาสติ"สิ
    ไม่มี "มหาสติ" ที่ไหนเกิดขึ้นมาได้เองโดยอัตโนมัติ
    โดยที่ไม่มี"สัมมาสมาธิ"เป็นเคื่องรองรับหรอก "จำเอาไว้นะ"

    ปล. อ่านคำตอบแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่า "มันมีความรู้เรื่องธรรมได้เพียงแค่นี้จริงๆหรือ"

    เจริญในธรรมที่สมควรแก่ธรรมทุกๆื่าน
     
  13. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ผมก็อาจจะโง่ เพราะผมไม่รู้ได้จริง ว่า พระสารีบุตร นับเม็ดฝน ได้จริงหรือเปล่า

    แต่ข้อนี้ ธรรมภูตก็เอาขาข้างนึง แหย่นรกเรียบร้อยแล้ว

    เพราะผู้ที่บอกว่า พระสารีบุตรนับเม็ดฝนได้ ไม่ได้มีแค่ผม แต่มีพระอรหันต์ ท่านกล่าวไว้ชัดเจนแล้วว่า เป็นการนับ

    แล้วธรรมภูต จะยกขาออกจากนรกได้อย่างไร? ไม่ใช่ด้วยการแย้งว่าผมโง่ หรอกนะ
     
  14. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    คุณธรรมภูติ ยกพระสูตรนี้มาเพื่อสนับสนุนความเห็นของตนเอง
    แต่ยังไม่เข้าใจ สองคำนี้คือ สติอยู่เป็นสุข และ สติบริสุทธิ์อยู่
    จึงตีความรวมไปว่า การทำสมาธินั้นจะทำให้สติเกิดได้ด้วย

    แต่ลืมไปว่า ทั้งสองคำนั้น คือ ผลแห่งพระอริยเจ้า ผู้เจริญครบในมรรคมีองค์ 8 แล้ว
    จึงดับอาสวะกิเลส และ นิวรณ์ รวมจิตเป็นหนึ่ง เมื่อนั้น สติอยู่เป็นสุข และ สติบริสุทธิ์จึงจะเกิด อันเป็นส่วนของผล มิใช่ส่วนของมรรค

    ซึ่ง สภาวะสมาธิ ที่คุณธรรมภูติฝึกมานั้น ได้เพียงสงบระงับกิเลสด้วยการข่มลงไป หาได้ใช้ปัญญาละวาง ตัวกิเลสไม่ เนื่องจาก มิได้เจริญสัมมาสติมาก่อน
    การทำสมาธิ การทำฌาณของคุณธรรมภูติได้แต่ ใช้วิธีการดึงจิตเข้าสู่เอกคตาจิต สติที่คอยดึงจิตนั้น ไม่กว้างขวางและรอบรู้ เพียงพอที่จะเห็นเหตุเห็นปัจจัยทั้งหลายได้ในชีวิตประจำวัน ก็อธิบายให้ฟังเพียงเท่านี้นะครับ คุณธรรมภูติยังอยู่ในภูมิโลกียะ อย่าไปเข้าใจผิดนะครับ
     
  15. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    จำเอาไว้นะ

    การที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่าน กล่าวยกย่อง"ความสามารถทางจิต"อาจารย์ของท่านนั้น

    เป็นเรื่องที่เรารับรู้ และเคารพในความคิดเห็นของท่านนั้น ไม่"ผิด"ตรงไหน

    แต่การที่เราซึ่งเป็นคนนอก เอามาเล่นโดยไม่พิจารณาให้รอบคอบนั้น นั่นแหละ"นรก"ชัดๆ

    การที่พระพุทธองค์จะทรงรับรองอะไรนั้น พระพุทธองค์ทรงได้พิจารณาแล้วว่า

    "จะไม่เป็นการเดือดร้อนในภายหลัง" โดยเฉพาะเรื่อง"นับเม็ดฝน" กับ"คะเนหยาดน้ำ"

    อีกอย่างเอาคำของพ่อแม่ครูบาอาจารย์มาอ้างโดยพละการ ท่านจะเสียหายได้

    ต้องเรียนถามท่านก่อนว่า ที่ท่านบอกไว้ว่า"ได้"ๆเพราะอะไรด้วย

    การแอบอ้างแบบนี้ต้องถือว่า"ผิด" เพราะพระพุทธพจน์ไม่ได้กล่าวเอาไว้

    สัจธรรมความจริงเป็นสิ่งเดียวที่ไม่กลัว"นรก" ไม่ว่าขุมไหนๆ

    เจริญในธรรมที่สมควรแก่ธรรมทุกๆท่าน
     
  16. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ไม่รู้ตัวหรือว่า "กำลังลบหลู่พระพุทธพจน์"อยู่อย่างน่าเกลียดเอามากๆ

    มีพระสูตรตั้งหลายพระสูตรตรัสไว้ชัดๆในเรื่องนี้

    จำไว้นะ ถ้าไม่รู้จัก"สัมมาสมาธิ" ก็อย่าโชว์อะไรที่ดูไปแล้วว่า"โง่ยิ่งไปกว่านี้อีกเลย"

    แค่คำว่า"สติ" ที่แปลว่า "การระลึก" ยังไม่รู้จัก แถมคุยอวดรู้ซะมากมาย

    ตอนนี้ดันเมฆ โม้อีกว่า"เมื่อนั้น สติอยู่เป็นสุข และ สติบริสุทธิ์จึงจะเกิด อันเป็นส่วนของผล"

    แล้ว"สัมมาสติ"ที่ว่าระลึกชอบแล้วนั้น ใช่เป็นเหตุให้เกิดผลคือ"สัมมาสมาธิ"หรือไม่?

    ก็บอกไปแล้ว แต่กลับไม่คิดจะจดจำนำเอาไป"ปฏิบัติ" จึงพยายามอวดโง่อยู่ตรงนี้

    อะไรที่เป็นอัญญะ มัญญะ ปัจจัยนั้น มันต้องเดินไปด้วยกัน จึงจะใช่

    แล้วแต่วาระว่า อันไหนก่อน อันไหนหลัง ตามวาระที่ต้องกระทำขณะนั้นๆ

    การจะคุยอะไรที่เกินภูมิตนเอง หัดรอบคอบไว้ก่อน อย่าจำจาก"อัตโนมัติอาจารย์"บ้างคน

    ที่เน้นแต่ "สติ"เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ นั่นมัน"สัญญาอารมณ์"ชัดๆ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  17. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    ที่คุณธรรมภูติ แย้งมาเช่นนั้น เพราะเหตุว่า คุณธรรมภูติ ไม่เข้าใจคำว่า มรรคและผล
    ทั้งสองอย่างนั้น ไม่ใช่ทำครั้งเดียว แต่ต้องทำจนแจ้ง เรียกว่า เจริญมรรค เจริญผล
    เมื่อ ผลของสมาธิ นั้นทำให้สติอยู่เป็นสุขและบริสุทธิ์ ก็เรียกว่า ผลในการดับกิเลส

    พระสูตรนี้ คุณธรรมภูติไม่เข้าใจเอง จึงคิดว่า สมาธินั้นทำให้เกิดสติไปด้วย
    แต่แท้จริงแล้ว พระสูตรนี้กล่าวถึง การทำมรรคให้แจ้ง เพื่อที่จะถอนอาสวะ โดยใช้ผลจาก อริยมรรค อริยผล
    นั้นถอนกิเลส จึงไม่ใช่พระสูตรที่ยืนยันว่า สติเกิดจากสมาธิ นะครับ
    ผลสุดท้ายจะเกิด ญาณรู้ว่า นี้คือมรรค นี้คือผล จิตนี้หลุดพ้นแล้ว นี้คือ สัมมาญาณะ
    คุณธรรมภูติยังไม่แจ้ง และเจริญมรรคยังไม่ตรงทาง
    อริยสัจยังไม่ปรากฎ อย่าเพิ่งประมาทวางใจในภูมิตนเองนะครับ
     
  18. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    จิตในส่วนละเอียดยังมี คนที่เจริญฌาณ ทั่วไป ส่วนมากไม่ใช่สัมมาสมาธิที่ถูกต้อง
    จะมีอุปกิเลส คือ กิเลสที่แฝงอยู่ คือยังยึดในส่วนของสังขาร ตาธรรมไม่เกิดจะไม่เห็นกิเลสส่วนนี้นะครับ
    เวทนาในเวทนา จิตในจิตนั้นยังมีอยู่มาก สมมติที่เป็นส่วนสังขารนั้นยังขึงตรึงสัตว์อยู่ทั้งตัวทั้งตน
    ในส่วนนี้ หากไม่เจริญ มหาสติปัฏฐาน 4 แล้วจะยังหลงยึดสังขารละเอียดมากมาย
    สังขารอันละเอียดนั้นแลเป็นส่วนของ สังโยชน์ที่ตีไม่แตก ผูกกันเป็นขันธ์ 5 ละเอียดแฝงอยู่
     
  19. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เห็นคนที่เอาธรรมะมาเล่น ก็มีแต่ธรรมภูต นั่นแหละนะ

    ถ้าธรรมภูต บอกว่า ผิด ก็ไปบอกกับหลวงตามหาบัว หลวงปู่เจี๊ยะแล้วกัน

    เพราะท่านแสดงธรรม ท่านก็แสดงให้แก่มหาชน ท่านก็เล็งเห็นประโยชน์แล้วเช่นกัน

    แล้ววิสัยของพระอรหันต์นั้น จะโกหก หรือ พูดในสิ่งที่ตนไม่รู้ หรือ ไม่แน่ใจ คงไม่ใช่วิสัยของท่านหรอกนะ

    สรุปแล้ว เอาผมออกจากเรื่องนี้ไปก่อน

    ระหว่าง ธรรมภูต บอกว่า พระสารีบุตร นับเม็ดฝนไม่ได้
    กับ หลวงตามหาบัว หลวงปู่เจี๊ยะ บอกว่า พระสารีบุตร นับเม็ดฝนได้

    จะเชื่อปุถุชนที่ปฏิบัติธรรมะยังไม่แตกฉาน หรือจะเชื่อพระอริยเจ้าดี?
     
  20. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    มุขเดิมเมื่อไหร่จะช่วยตัวเองได้ ใหหลวงพ่อหลวงปูช่วยตลอด
     

แชร์หน้านี้

Loading...