ซัดดัมเป็นพระโพธิสัตว์ ?

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 21 ธันวาคม 2010.

  1. no-ne

    no-ne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,199
    ค่าพลัง:
    +3,381
    ที่คุณบอกมาทั้งหมดนี้ ทำให้ดิฉันเข้าใจแล้วค่ะ ขออนุโมทนาด้วย ที่ไขข้อกระจ่าง เห็นถกกันหลายวัน อันนี้น่าจะได้ข้อสรุปแล้วนะคะ เพราะน่าจะตามนี้จริงๆ ค่ะ

    ท่านสุเมธดาบส ได้รับพุทธพยากรณ์ ก่อนพระชาติที่เป็น พระเตมีย์นานมาก และชาติก่อนที่พระองค์จะเป็นพระเตมีย์ ท่านได้เสวย ทุกขเวทนา ในนรก ทั้งๆ ที่ได้รับพยากรณ์แล้ว
     
  2. เฉยฉิบ

    เฉยฉิบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +251
    มโนมยิทธิของหลวงพ่อฤาษี หลวงพ่อเคยเล่าว่า ท่านเคยใช้กำลังของตัวเองดูเหตุการณ์ต่างๆ ปรากฎว่าผิด(ท่านใช้คำว่าเจ๊ง หลวงพ่อเคยเจ๊งมาแล้ว)โดยได้แนะนำลูกศิษย์ในเวลาต่อมาว่า ให้นึกถึงองค์สมเด็จท่านก่อน ขอบารมีท่าน แล้วจะไม่มีผิดเพราะไม่ได้รู้ด้วยกำลังของเราเอง แต่รู้โดยพระองค์ท่านบอกหรือทำภาพให้ดู ถึงตรงนี้แล้วก็ไปคิดเอาเองก็แล้วกันว่า พระอาจารย์ท่านรู้ทราบสิ่งต่างๆได้ยังไง แต่ถ้ายังสงสัยอยู่ ก็ต้องบอกได้คำเดียวว่า อีกนาน...
     
  3. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    [​IMG]ลัทยาเทศ [​IMG]
    พระ อนิยตโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญสร้างสมบุญบารมี ตลอดระยะเวลาอันยาวนานของสังสารวัฏฏ์ แม้มีโอกาสได้สร้างกองกุศลต่อหน้าพระพักตร์ของพระพุทธเจ้านับเป็นแสนเป็นล้านองค์ แต่บุญบารมีที่สร้างสมนั้นยังไม่บริบูรณ์เพียงพอ จึงจะยังไม่ได้รับพุทธพยากรณ์ หรือถ้าจะมีพุทธพยากรณ์ ก็เป็นเพียงพุทธพยากรณ์โดยอ้อมว่ามีโอกาสตรัสรู้เป็น พระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคตหรือไม่ แต่ยังไม่ชี้ชัดจำเพาะเจาะจง
    แต่ เมื่อพระอนิยตโพธิสัตว์สร้างสมบุญบารมีจนสมบูรณ์ ถึงพร้อมด้วยอรหัตมรรค คือพร้อมที่จะสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้ ก็จะได้รับพุทธพยากรณ์โดยตรงจากพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ในอสงไขยนั้น ในกัปนั้น และทรงพระนามว่าอย่างนั้น การได้รับพุทธพยากรณ์โดยตรงจากพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแ รกนี้ เรียกว่าได้รับ ลัทยาเทศ พระอนิยตโพธิสัตว์นั้นก็จะกลายเป็น พระนิยตโพธิสัตว์ ผู้เที่ยงแท้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในทันที
    พระ นิยตโพธิสัตว์นั้น ทุกครั้งที่ได้พบกับพระพุทธเจ้าองค์ต่อๆ มา ก็จะได้รับพุทธพยากรณ์ซ้ำ ว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล แต่เฉพาะขณะที่ได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกที่เรีย กว่าลัทยาเทศนั้น พระโพธิสัตว์ผู้นั้นต้องสมบูรณ์พร้อมด้วยธรรมสโมธาน ๘ ประการ จึงจะได้รับพุทธพยากรณ์เป็น พระนิยตโพธิสัตว์

    อัฏฐธรรมสโมธาน ๘ ประการ คือ
    ๑. มนุสสัตตัง มีอัตภาพเป็นมนุษย์
    ๒. ลิงคสัมปัตติ เป็นบุรุษเพศ ไม่เป็นสตรีหรือบัณเฑาะก์
    ๓. เหตุ ถึงพร้อมด้วยอุปนิสัยพร้อมบรรลุมรรคผลได้ในขณะนั้น
    ๔. สัตถารทัสสนะ พบพระพุทธเจ้าเฉพาะหน้า
    ๕. ปัพพัชชา อยู่ในเพศบรรพชิต
    ๖. คุณสัมปัตติ เป็นผู้มีโพธิญาณ คือ อภิญญา ๕ และสมาบัติ ๘
    ๗. อธิกาโร มีการกระทำที่ยิ่งใหญ่ แม้ชีวิตของตนก็สละแด่พระโพธิญาณได้
    ๘. ฉันทตา เป็นผู้มีจิตรักพระโพธิญาณมั่นคง
    (เล่ม ๗๓ อรรถกถาพระสุตตันตปิฎก พุทธวงศ์ รัตนะจงกรมกัณฑ์)



    ตามคุณสมบัติข้อ3 คือจิตพร้อมบรรลุมรรคผลในขณะนั้น หรือสามารถสำเร็จเป็นพระอรหันได้ทันที และตลอดเวลา

    และข้อ6 มีอภิญญา5 และสมาบัติ8


    ท่านจึงระลึกชาติได้ว่าท่านเคยลงนรกมาจริง แต่เป็นชาติที่ห่างไกลจากความเป็นนิตยโพธิสัตว์นัก

    และที่ท่านบอกว่าก่อนที่ท่านจะเกิดเป็นพระเตมีย์ชาติเดียวท่านอยู่ในนรกนั้น
    มันยิ่งไปกันใหญ่เพราะท่านเสวยชาติ เป็นทศชาติ 10ชาติสุดท้ายอันยิ่งใหญ่

    พระพุทธเจ้าท่านระลึกชาติได้ตั้งแต่ชาติแรกจนชาติสุดท้ายเลยนะครับ
    ท่านจะกล่าวถึงชาติไหนก็ได้ นี่เป็นพุทธวิสัย ที่พระสาวกมิอาจเอื้อม

    ไม่ว่ายังไงผมจะขอปกป้องพระเกียรติคุณของพระนิตยโพธิสัตว์ทุกพระองค์จนถึงที่สุด





     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2010
  4. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ท่านสุเมธดาบส ได้รับพุทธพยากรณ์ ก็ได้ชื่อว่าเป็น พระนิตยโพธิสัตว์

    ดังนั้นไม่มีการลงนรกแน่ ๆ


    แต่พระเตมีย์ ได้ทรงระลึกชาติว่า เมื่อชาติก่อนได้ลงนรกมา 7,000 ปี


    ดังนั้น คำว่า ชาติก่อนได้ลงนรก น่าจะเป็นชาติที่เกิดก่อนเป็นท่าน สุเมธดาบส หรือเปล่า ?


    แบบนี้ต้องนั่งอ่านพระไตรปิฎก แต่ไม่มีเวลาค้นซะด้วยซิ รอผู้เฉลยท่านต่อไป
    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 ธันวาคม 2010
  5. AVATAAR

    AVATAAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +603
    น่าจะอยู่ในพระไตรปิฎกทั้งหมด...ฉะนั้นแล้วเราไม่ต้องตีความเป็นความคิดเห็นเป้นของตนเอง
    แต่...คัดเอาที่เขียนไว้ในพระไตรปิฎกมาก็น่าจะพิจารณาได้ครับ

    คำตรัสของพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎกจะไม่ขัดแย้งกันเองครับ...
     
  6. ตุ๊โต้ง

    ตุ๊โต้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +223
    เอ้า! ขอเอาคำพูดสุดท้ายของ ชัดดัม ก่อนโดนประหาร ที่เจอในหนังสือขวัญเรือนมาให้ฟังกัน
    ก่อน ชัดดัมจะตายแกพูดกับคนอิรักที่สาปแช่งแกให้ไปลงนรกว่า "พวกแกคิดว่านี้เป็นการกระทำที่กล้าหาญนักหรือ?" ไม่รู้ว่าแกพูดประชดพวกที่ไปถล่มอิรักรึป่าว
     
  7. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    คนกินข้าวมันก็ต้องถ่าย หากอยากได้บริวารก็ต้องอุปถัมป์ค้ำจุนเขา ต้องแสดงให้เขาเห็นความดี(ต้องไปช่วยเขา) อเมริกาโหดร้ายมันกล่าวหาเขา สร้างข้อมูลเท็จคนก็เชื่อโดยขาดวิจารณญาณ น่าสงสารเขาออก ผมเข้าใจนะ คนที่ถูกกล่อมบ่อยๆ มันก็ต้องเคลิ้มตาม ก็มันเอาข้อมูลเท็จมากรอกตา กรอกหูทุกวัน ไปฟังเข้าก็เรียบร้อยเมาข้อมูล
    ศรัทธา กับ ปัญญา จะคิดกันคนละแบบ คนที่ศรัทธาสิ่งใดแล้วก็จะมองว่าดีไปหมด ความคิดคล้ายทาสผู้ซื่อสัตย์ภักดีต่อนาย ทำผิดแค่ไหนก็ยังมองว่าดี โดยมองไม่เห็นความเป็นจริงว่าบุคคลย่อมเป็นไปตามกรรม ส่วนคนที่มีปัญญาจะมองที่เหตุ ปัจจัยและผล ความคิดคล้ายเสนาบดีที่ปรึกษา เห็นว่าสิ่งใดไม่ดี ไม่ควรก็คอยท้วงติง ห้ามปราม แนะนำแต่สิ่งที่ดีมีประโยชน์ให้
    ฉะนั้นผมเห็นว่าตราบใดที่คนเรายังไม่บรรลุธรรม ก็ยังมีโอกาสตกนรกอยู่หากทำความชั่ว ระหว่างการบำเพ็ญบารมีของเหล่าพุทธภูมิทั้งหลายมันก็ต้องมีพแล้วหากจะบอกว่าพุทธภูมิ ต้องไม่ทำชั่วนี่ผมยังสงสัยอยู่ เพรา
     
  8. ปิจังงัง

    ปิจังงัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +29
    ไม่รู้ที่จะเขียนไปเกี่ยวหรือเปล่า...
     
  9. ปิจังงัง

    ปิจังงัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +29
    ขอเข้ามามีส่วนร่วมนิดนึงครับ

    เมื่อ 15 ปี ที่แล้ว เพิ่งจะแยกกายละเอียดได้ ไปพบกับพระองค์หนึ่งคุยกับฆราวาส ...ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าพระคุณเจ้าเป็นใคร (ตอนนี้รู้แล้ว) แต่ฆราวาสนี่
    ชัดเลยซัดดัม ...อีกประเด็นหลวงปู่ท่านทักชื่อผมแล้วพูดว่าคนละพวก...ตอนนั้นก็งง เพราะไม่รู้เรื่องอะไร....ที่จะเล่ามีแค่นี้ครับ

    " สัมมาสัมพุทธะ เป็นอจินไตย และเป็นผลที่ได้ดำเนินมา
    โพธิสัตว์ คือเหตุและวิถีทางเพื่อสัมมาสัมพุทธะ "

    ผิดถูกประการใด ขออภัยล่วงหน้าครับ
     
  10. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    ขอโอกาส เเสดงความคิดสักเล็กน้อย ตอนแรก ก็เหมือน จะมันในการแสดงวาทะแต่
    ข้าพเจ้าไม่เข้าใจว่า จะเถียงกันทำไม อ้างโน่นนี่นั่น บ้างก็ตามตำรา บ้างก็ครูอาจารย์
    ข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกคน เชื่อในกรรมเเละผล ของกรรม
    กรรม เป็นใหญ่ เเม้ท่านผู้ไปดี(พระอริยะ)กระทำกรรมอันส่งผลให้ กรรมดี ไม่ให้ผล ก็ยังต้องรับผลนั้น(ไม่ได้เว้น) แต่มิได้ไปนรกเพราะมีกรรมดีอันหนักกางกั้นเมื่อท่านผู้ไปยังไม่ดี หรือผู้ปฏิบัติเพื่อไปดี กระทำกรรมอันเป็นเหตุให้ไป นรกก็ย่อมไปนรก กระทำกรรมอันเป็นเหตุให้ไปสวรรค์ ย่อมไปสวรรค์(ถ้า กรรมดีท่านเยอะท่านก้ ไปดี) กระทำกรรมอันเป็นเหตุให้ ไปนิพพานย่อมนิพพาน
    พระโพธิสัตว์ ท่านไม่กลัว นรก หรอกมั้งครับ ไม่สิ ท่านไม่กลัวอะไรเลย นั่นคือสิ่งที่น่าสรรเสริญยิ่ง

    ผู้มิใช้องค์พระสัมมา มิอาจทราบได้แน่ ว่าท่านเหล่าใดได้ กระทำกรรมอันใดไว้ นานเท่าใด เพราะกรรมที่มีอยุ่ นั้น เหมือน การเขียนบนกระดาษซ้ำๆ กันจน ไม่ทราบ ว่ากรรมใดก่อน ใดหลัง เหตุใด จึงพากันถกเรื่อง อจินไตย
    บางทีการสนทนามันเริ่มจากความไม่มีอะไร พุดคุยกันขำๆ แต่ ลงท้ายด้วย ความฟุงซ่าน ความมีมานะ ความแตกแยก หรือบางทีก็ได้อะไรดีๆๆ
    แต่ก็บังคับ จิต พวกท่านไม่ได้ หรอกนะครับ เหอๆๆๆ นี่ก็กรรม เหอๆๆ
    อนุโมทนาในความดีที่จะเกิดขึ้นนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2010
  11. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    ผมเองก็พุทธภูมิ แต่ก่อนไม่รู้หรอก และไม่คิดด้วย พอถึงเวลามันรู้เอง เป็นเองและไม่ลา เพราะมาไกล คือใจมันแข็งเกินกว่าจะลา ฮ่า ฮ่า ฮ่า
    <O:p</O:p
    ผมไม่รู้ว่าผมเป็นนิยต หรืออนิยต เพียงแต่ถ้าผมประมาทก็ลงนรกสถานเดียวแต่ผมก็ไม่กลัวนรก แม้แต่อเวจี หรือยิ่งกว่าอเวจีอาจเป็นเพราะเคยผ่านมาแล้วอย่างโชกโชนเลยเกิดความเคยชิน ฮิ ฮิ ฮ่า ฮ่า

    <O:p</O:pแต่อย่างไรเสีย ผมก็ไม่อยากลงนรกเพราะมันไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยกับการที่ต้องสอบตก และเป็นการเสียเวลาเทียบกับการมาท่องเที่ยวบนโลกมนุษย์ไม่ได้ สนุกดีออก ฮ่า ฮ่า
    <O:p</O:p
    ผมมีเรื่องมาเล่ามากมาย ไว้โอกาสดี ๆ จะมาเล่าแต่ในที่นี้จะขอเล่าเรื่องพวกพุทธภูมิให้ฟังคำว่าพุทธภูมิในที่นี้ คือ บุคลลที่ปราถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า

    <O:p</O:pพวกพุทธภูมิทั้งหลายนี่แหละที่สร้างปัญหาให้โลกมนุษย์ พูดเช่นนี้ งงไหมล่ะผมหมายถึงพุทธภูมิเด็ก ๆ พุทธภูมิน้อย ๆ ไง ผมไม่อยากใช้คำว่าพระโพธิสัตว์เพราะคำว่าพระโพธิสัตว์ดูยิ่งใหญ่เกินไป อย่าลืมพุทธภูมิก็เป็นปุถุชนคนธรรมดากิเลสหนาและพระราชาส่วนมากตั้งแต่อดีตดึกดำบรรพ์มา 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นพุทธภูมิ

    ที่พุทธภูมิทำให้โลกวุ่นวายเพราะพุทธภูมิอิจฉาริษยาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันเอง(ก็ยังมีกิเลสอยู่นี่ครับ) พุทธภูมิแต่ละพุทธภูมิเขาก็มีบริวารที่ตามภพตามชาติตามสายบารมีกันมา ยกตัวอย่างในสมัยอดีตที่นิยมการแผ่ขยายอาณาเขตโดยการทำศึกสงครามซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าใครมีบารมีมากกว่ากัน (ดูแล้วน้ำเน่าจริง)มันเป็นค่านิยมเลย เช่นถ้าสามารถสังหารข้าศึกที่มีตำแหน่งนั้น ๆ หรือจำนวนเท่านั้นเท่านี้ ก็จะได้ปูนบำเหน็จเป็นที่ดินบ้าง เป็นเงินทองบ้าง ทำให้เป็นค่านิยมต้องรับราชการทหาร และต้องทำสงครามเพื่อจะได้รับการปูนบำเหน็จความดีความชอบ

    <O:p</O:pชัดดัมก็พุทธภูมิ ศาสดาในศาสนาอื่น ๆ ก็พุทธภูมิ เห็นไหมพุทธภูมิสามารถเกิดนอกพุทธศาสนาได้ เพราะทุกศาสนามีศีล 5 เป็นพื้นฐานเหมือนกัน ที่นี้จะขอยกตัวอย่างเรื่องพุทธภูมิอิจฉาริษยาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันเอง

    <O:p</O:pบุเรงนอง นี่ก็พุทธภูมิ เห็นอโยธยามีความเจริญรุ่งเรืองเกิดความโลภ (เห็นไหมกิเลสของพุทธภูมิ) แต่ว่าบุเรงนองเขาก็มีเหตุผล คือถ้าเขายึดอโยธยาได้ หรือไม่เขาก็บีบให้อโยธยาตกลงทางการค้าและเศรษฐกิจโดยให้เขามีผลประโยชน์ทางการค้าด้วย ที่เขาทำก็เพื่อความอยู่ดีกินดีของชาวพม่า ซึ่งก็คือบริวารที่ติดตามสร้างบารมีกับเขามานั่นเอง แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ นี่ก็พุทธภูมิ เขาก็แน่เหมือนกันเขาไม่ยอม พม่าก็เลยมีอยู่ทางเดียว คือ ทำศึกสงคราม แต่ก็ต้องหาเหตุผลในการทำศึก เห็นไหมพุทธภูมินี่ฉลาดแกมโกง แต่ก็มีแค่ในสมัยของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ถ้าในสมัยพระศรีอารย์จะไม่มีพวกพุทธภูมินี่ฉลาดแกมโกง เพราะมันเป็นวิบากกรรมของพระพุทธเจ้าในเรื่องนี้ แต่ในที่นี้จะไม่ขอพูดเพราะเรื่องมันยาว

    <O:p</O:pบุเรงนองรบกับสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ ไม่สามารถเอาชนะได้ เพราะพุทธภูมิเหมือนกันเก่งเท่ากัน บุเรงนองก็ต้องวางแผนใหม่ คือให้สมเด็จพระมหาธรรมราชาซึ่งขณะนั้นเป็นเจ้าเมืองพิษณุโลก นี่ก็พุทธภูมิเหมือนกัน และเป็นพระบิดาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ นี่ก็พุทธภูมิทั้งคู่

    <O:p</O:pแผนการคือให้สมเด็จพระมหาธรรมราชาผิดใจกับสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ โดยให้สมเด็จพระมหาธรรมราชา มาเข้ากับพวกตน ซึ่งก็เป็นไปตามแผน สุดท้ายอโยธยาตกเป็นเมืองขึ้นของผู้ชนะสิบทิศ แต่เป็นผู้แพ้ในการสอบที่ได้คะแนนน้อย ไม่รู้ว่าสอบตกหรือเปล่า ใครรู้ช่วยบอกที

    <O:p</O:pที่สมเด็จพระมหาธรรมราชาผิดใจกับสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ ก็คือน้อยใจที่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ไม่ส่งทัพหลวงมาช่วย ที่ครั้งก่อนที่บุเรงนองบุกอโยธยาสมเด็จพระมหาธรรมราชายังยกทัพไปช่วย แต่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์อาจจะมีเหตุผลคืออาจจะเป็นกลลวงพม่าที่อาจจะตีตลบหลังกรุงอโยธยาสมเด็จพระมหาธรรมราชาก็สู้อย่างเต็มที่ ที่แพ้ก็เพราะในเมืองพิษณุโลกเกิดโรคระบาด และเสบียงอาหารขาดแคลน

    <O:p</O:pเหตุการณ์นี้ทำให้นึกถึง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นี่ก็พุทธภูมิเหมือนกัน ในสมัยที่พระองค์เป็นเจ้าเมืองตาก ตอนใกล้เสียกรุงครั้งที่ 2 พม่าบุกมาทางเหนือตีเมืองต่าง ๆ แตก และตีมาถึงเมืองตาก พระเจ้าตากเห็นสู้พม่าไม่ได้ก็ถอนครัวหนีมาอยู่กรุงอโยธยา แต่โชคร้ายที่พระองค์เก่งและเด่นเกินหน้า ทำให้พวกอำมาตย์และขุนนางต่าง ๆ อิจฉาริษยา แต่ขุนนางดี ๆ ก็มีอยู่ ในช่วงนี้มีพระเจ้าเอกทัศน์เป็นกษัตริย์ นี่ก็พุทธภูมิ (แต่เป็นภูมิเด็ก ๆ พุทธภูมิน้อย ๆ) และที่สำคัญเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของกรุงศรีอยุธยา ในสมัยนั้นยังมีพระเจ้าอุทุมพร นี่ก็พุทธภูมิบารมีมาก ซึ่งเป็นน้องชายพระเจ้าเอกทัศน์ โดยยกราชสมบัติให้พี่คือพระเจ้าเอกทัศน์ที่ใช้จิตวิทยาในการแย่งราชบังลังค์ และพระเจ้าอุทุมพร ก็ออกบวช เห็นไหมพุทธภูมิแย่งกันเอง ฮ่า ฮ่า ฮ่า

    <O:p</O:pที่เขียนมาทั้งหมดนี้ ก็เพื่อจะบอกให้รู้ว่า พุทธภูมิก็มีกิเลส และพุทธภูมิพวกนี้แหละที่ทำให้โลกวุ่นวาย และพุทธภูมิก็มีทั้งฝ่ายบู๊ และฝ่ายบุ๋น พวกบู๊ ก็ออกรบทัพจับศึก พวกบุ๋นก็ถือศีลออกบวช เป็นนักปราชญ์

    <O:p</O:pดังนั้น พุทธภูมิที่มีปัญญาส่วนมากจะไม่ขอเกิดมาเป็นทหารจับอาวุธฆ่าฟันทำสงคราม เช่นพุทธภูมิบางคนก็อธิษฐานขอเกิดเป็นปุถุชนคนธรรมดายากจน ไม่ขอเกิดเป็นกษัตริย์ ที่ต้องทำสงคราม ฆ่าคน หรือตัดสินประหารชีวิตนักโทษที่จะทำให้มีโทษปาณาฯ ติดตัวไป โดยเฉพาะการตัดสินลงโทษคนที่บริสุทธิ์ ไม่มีความผิด

    หรือพุทธภูมิบางคนก็บวชตลอดชีวิต แต่เชื่อเถอะ พุทธภูมิไม่สามารถเลือกบวชได้ทุกชาติ เพราะท่านต้องสร้างบารมี 30 ทัศ บางชาติท่านต้องมีเมียมีครอบครัว ทีนี้แหละสนุกแน่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอิ๊ก เอิ๊ก อ๊าก อ๊าก ตัวใครตัวมัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2010
  12. มรรค 8 ประการ

    มรรค 8 ประการ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    884
    ค่าพลัง:
    +2,642
    ผมว่าเรื่องนี้ไม่พูดให้เป็นประเด็นแตกปลายกันออกไปอีกน่ะครับ เรื่องแบบนี้เป็นอจินไตย ไม่มีผู้ใดจะรู้ได้ดีไปพระพุทธองค์ พุทธภูมิส่วนใหญ่ก็มีความคิดในลักษณะที่ตนเองเข้าใจ แต่ก็อย่าลืมว่า ถ้ายังไม่ใช่นิยตก็ยังไม่รู้อีกเยอะ เหมือนผู้บริหารกับหัวหน้าแผนกต่างๆในบริษัท ผู้บริหารจะรู้ข้อมูลทุกอย่างในบริษัท ส่วนหัวหน้าแผนกจะรู้เฉพาะในสิ่งที่ตนรับผิดชอบมากกว่า ฉะนั้นจึงต่างกันมากในเรื่องข้อมูล ในเรื่องนี้ถ้าท่านใดอยากรู้ว่าเป็นนิยตจะปิดอบายภูมิหรือลงนรก ก็ต้องไปพิสูจน์กันเอง ถึงจะได้เข้าใจมากขึ้น ไม่งั้นจะกลายเป็นการมิจฉาทิฐิกันไป
     
  13. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    ๑. พระโพธิสัตว์ - หน่อพุทธภูมิ - การแบ่งภาค
    [​IMG]เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๓ วันหนึ่ง ขณะที่ผู้เขียนกำลังนั่งคุยกับหลวงปู่ ท่านได้ถามผู้เขียนว่า
    "เคยได้ยินเรื่องการแบ่งภาคไหม"
    ผู้เขียนเรียนตอบท่านว่า
    "เคยครับ ในเรื่องรามเกียรติ์ พระรามแบ่งภาคมาจากพระนารายณ์ มีจริงหรือครับหลวงปู่"
    หลวงปู่ท่านนิ่งอยู่อึดใจหนึ่งแล้วตอบว่า
    "มีจริงเหมือนกัน อย่างหลวงปู่ทวดแบ่งภาคมาเกิดไงละ"
    เกี่ยวกับเรื่องนี้ เคยมีนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรียนถามหลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ตอบว่า
    "มี...แต่ทำได้ในพวกหน่อพุทธภูมิ"
    หลวงปู่ท่านเคยบอกผู้เขียนว่า
    "แกรู้ไหมว่า ในหลวงท่านเป็นใคร ท่านคือผู้ปรารถนาพุทธภูมิ กำลังใจของท่านพวกนี้จะต้องเป็นผู้นำหมู่คณะ ดูอย่างวัวยังมีจ่าฝูง นกก็ต้องมีหัวหน้าฝูง วัดก็ต้องมีเจ้าอาวาส อย่างหลวงพ่อใหญ่ (พระโบราณคณิสร อดีตเจ้าอาวาสวัดสะแก) แต่หน่อพุทธภูมิที่มีบารมีเต็มแล้ว สูงแล้ว เขามักจะไม่เป็นกษัตริย์ เพราะจะมีภาระหนักหน่วง ส่วนใหญ่เขามักเป็นคนธรรมดาแล้วบวชพระ แต่จะบำเพ็ญบารมีจนในที่สุดจะกระเทือนถึงพระราชวงศ์เอง พระเจ้าแผ่นดินองค์นี้ท่านมีบุญมาก และเป็นแบบอย่างให้ข้าราชการผู้ใหญ่ทำตาม"
    ผู้เขียนจึงเรียนถามท่านต่อไปว่า
    "หลวงปู่ครับ หน่อพุทธภูมิที่บารมีเต็มแล้ว ท่านก็ไม่ต้องมาเกิดแล้วใช่ไหม รอการตรัสรู้เลยที่ชั้นดุสิต หรืออย่างหลวงปู่ก็ไม่ต้องมาเกิดแล้วใช่ไหมครับ"
    หลวงปู่ตอบว่า
    "กำลังของพุทธภูมิมีหน้าที่ที่จะทำให้มหาชนมีความสุข ถ้ามีคนเรียกร้องหรือบ้านเมืองเกิดยุคเข็ญก็ต้องลงมาช่วย จะคิดเอาแต่สบายได้ยังไง นั่นไม่ใช่ความคิดของหน่อพุทธภูมิ อย่างนี้พระอรหันต์สำเร็จแล้ว ท่านก็ไม่ต้องยุ่งกับใคร ไม่ต้องทำอะไรแล้วซิ"
    หลวงปู่ท่านตอบคำถามของผู้เขียนเสร็จแล้ว ท่านปรารภถึงการจัดการเรื่องศพของท่านต่อไปว่า
    "ถ้าข้าตายแล้วอย่าเก็บศพไว้นาน เจ็ดวันเผาเลย ไม่เผาก็โยนทิ้ง เดี๋ยวจะกลายเป็นหากินกับศพ"
    ผู้เขียนได้แย้งท่านว่า
    "กลัววัดจะร้าง"
    หลวงปู่ท่านตอบว่า
    "เรื่องเผาไม่เผา ต้องแล้วแต่คำสั่ง ดูอย่างหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ท่านสั่งไม่ให้เผา เพราะกลัวพระเณรจะอดอยาก แต่สำหรับข้าให้เผา เวลาจะเผาให้เผายืน ข้าจะได้ไปไหนได้"
    ผู้เขียนจึงถามท่านว่า
    "หลวงปู่ไม่ไปนิพพานหรือ"
    ท่านตอบว่า
    "จะไปได้อย่างไร คนนี้ก็เรียก คนนั้นก็ร้อง ข้าไปแค่หัวตะพานก็พอ ดูอย่างหลวงปู่ทวดซิ มีคนเรียกร้องท่านมากมาย บารมีท่านเต็มท้องฟ้า อย่างข้าเอง คนไหนคิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงเขา คนไหนไม่คิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงเขา เพราะในวันหนึ่งๆ ข้าต้องอธิษฐานไปให้หมู่คณะทุกวันไม่เคยขาด วันละ ๓ ครั้ง เขาจะได้ไม่เป็นอันตรายทั้งเช้ามืด ตอนเย็น ตอนกลางคืน ก่อนนอน เพื่อเป็นการช่วยเหลือหมู่คณะ"
    ผู้เขียนฟังจบ พร้อมกับสำนึกในเมตตาของหลวงปู่ที่มีต่อลูกศิษย์อย่างมาก หลวงปู่ท่านได้ย้ำด้วยความเมตตาต่อไปอีกว่า
    "คิดถึงพระครั้งหนึ่ง บารมีพระมาถึงเราไปกลับ ๗ เที่ยว รวมแล้ว ๑๔ ครั้ง ได้กำไรดีไหมล่ะ นี่มีในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าบอกกับพระอานนท์ ถ้าเราคิดถึงพระได้เหมือนกับคิดถึงแฟนเมื่อไหร่ แสดงว่าจะดีแล้ว"
    ในเรื่องการแบ่งภาค ตามความเห็นของผู้เขียนเข้าใจว่า ท่านลงมาเกิดทั้งองค์ คงจะไม่ใช่เป็นการแบ่งจิตมาเกิด เนื่องจากหน่อพุทธภูมิที่มีบารมีสูงแล้ว ท่านจะมีพลังจิตสามารถตั้งพุทธนิมิต ธรรมนิมิต สังฆนิมิตได้ ซึ่งรวมเรียกว่าเป็นพลังงานหรือบารมีธรรมที่ท่านสร้างมา ซึ่งหลวงปู่เรียกรวมว่า "ภูตพระเจ้า" นั่นเอง สิ่งเหล่านี้จะเป็นบารมีที่คอยติดตาม รักษาคุ้มครองไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางของศาสนา จวบจนกระทั่งท่านได้ปฏิบัติธรรมไปถึงจุดหนึ่ง ทำให้ท่านได้รู้ถึงอดีตที่เคยทำมา ซึ่งตรงกับมงคล ๓๘ ในข้อที่ว่า "ปุพเพจะกตะ ปุญญะตา" บุญที่เคยทำมาแต่ก่อนนั้นเป็นมงคล ดังนั้น ผู้ที่สนใจทางศาสนาได้ จึงถือว่ามีบุญแต่เก่าก่อน มาค้ำชูอุดหนุน บางคนเคบเป็นโจร เมื่อถึงเวลาผลบุญเก่าเข้ามาเสริม ก็สามารถพลิกจิตให้เกิดปัญญาได้ อาทิเช่น พระองคุลีมาล เป็นต้น
    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ได้เคยอธิบายถึงท่านที่ได้พระโสดาบัน เมื่อมาเกิดใหม่ ไม่ใช่จะรู้ว่าตนเองเป็นพระอริยบุคคลเลยทีเดียว แต่ต้องมาปฏิบัติธรรมอีกระยะหนึ่ง จึงจะรู้อดีตได้ ซึ่งในหน่อพุทธภูมิก็คงเช่นเดียวกัน หลวงพ่อมหาวีระ ท่านเคยกล่าวถึงหน่อพุทธภูมิที่มีบารมีเต็มขั้น ซึ่งเป็นปรมัตถบารมี จึงจะไม่ตกนรกอีก เสมือนพระโสดาบัน ซึ่งไม่ตกไปสู่อบายภูมิอย่างแน่นอน พระบางองค์อาจบรรลุอรหัตตผล โดยไม่ผ่านขั้นตอนโสดาสกิทาและอนาคามีผล ซึ่งผู้เขียนมีความเห็นว่าเป็นไปได้ ๒ กรณีคือ กรณีที่ ๑ พระองค์นี้เคยเป็นพระโสดาบันมาแล้วในอดีต กรณีที่ ๒ คือ พระองค์นั้นบรรลุอรหัตตผลโดยฉับพลันทันทีตลอดสายเช่น การบรรลุอรหัตตผลของพระสีวลี เริ่มตั้งแต่เป็นเณรได้เป็นพระโสดาบัน เมื่อท่านมาบวชเป็นพระ ในขณะที่ปลงผมจนกระทั่งเป็นพระเรียบร้อย ท่านก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ทันที
    หน่อพุทธภูมิที่มีการสร้างบารมีถึง ๓๐ ทัศน์ มีอยู่อย่างหนึ่งคือ ปัญญาบารมีขั้นปรมัตถ์ จึงทำให้ท่านไม่ต้องไปอบายภูมิ เพราะท่านล่วงรู้ถึงสัจจะธรรมต่างๆ ทำให้ไม่หลงตน
    ผู้เขียนเคยกราบเรียนถามหลวงปู่โดยอ้างพระไตรปิฎก ซึ่งได้กล่าวถึงบุญที่ถวายทานกับพระอริยะขั้นต่างๆ กำลังบุญไม่เสมอกัน แต่ในพระไตรปิฎกไม่ได้กล่าวถึงหน่อพุทธภูมิ
    หลวงปู่ท่านได้ตอบผู้เขียนว่า
    "หน่อพุทธภูมิ ถ้าเปรียบไปแล้ว ก็คือ พระอนาคามี เพราะกำลังจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า แต่จัดเป็นพระอนาคามีชั้นพิเศษ คือเหมือนกันแต่ท่านยังไม่เอา หลวงปู่ท่านจึงยังไม่สอนใครถึงนิพพาน เพราะถึงไม่ใช่กิจของท่าน แต่ท่านรู้ทั้งนั้น บารมีทั้ง ๑๖ อสงไขย ไม่รู้ได้อย่างไร หลวงปู่ทวด จิตท่านยังมีจุดดำอยู่ แกว่าจริงไหม"
    ผู้เขียนตอบว่า
    "ถ้าไม่มีท่านก็สำเร็จแล้วซิครับ แต่จุดดำนั้นเป็นจุดของความเมตตา ที่ท่านจะโปรดสัตว์ เพื่อจะให้สมกับคำว่า ศรีอริยเมตไตรย ดังนั้น จุดดำนี้ผมถือว่า มีค่าน้อยมากตัดทิ้งไปได้เลย"
    หลวงปู่ท่านพยักหน้ายิ้มรับ และทำให้ผู้เขียนเข้าใจถึงพระธาตุหลวงปู่ทวด ที่ท่านเสด็จมาเอง สัณฐานค่อนข้างกลม สีน้ำตาลดำ หลวงปู่ท่านบอกว่า คือพระธาตุหลวงปู่ทวด ซึ่งถ้าเราอ่านตามพระไตรปิฎก พระธาตุจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วเท่านั้น ไม่มีการกล่าวถึงพระธาตุจากหน่อพุทธภูมิเลย เพราะท่านก็เปรียบเสมือนพระผู้บริสุทธิ์ การซักฟอกธาตุขันธ์จึงย่อมเป็นไปได้ ทำให้เข้าใจถึงฟันและเกศาของหลวงปู่ที่เป็นพระธาตุเช่นกัน ผู้เขียนนึกถึงคำพูดของหลวงพ่อมหาวีระ ที่กล่าวถึงพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีสูง พระอรหันต์ยังให้ความเคารพ เมื่อผู้เขียนกราบเรียนถามหลวงปู่ ท่านตอบว่า
    "คงจะจริง ดูอย่างหลวงปู่ทวดนั่นไง เวลาปลุกเสกพระ พระโดยมากก็ร้องขอความช่วยเหลือจากท่าน"

    ที่มา
    http://www.dharma-gateway.com/monk-home-hist-index-page.htm


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2010
  14. เฉยฉิบ

    เฉยฉิบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +251
    ถาม : ......................

    ตอบ : เหตุผลที่สำคัญสุดที่หลวงพ่อท่านลาพุทธภูมิเพราะว่า ตอนช่วงนั้นท่านเป็น พระครูปลัด ทำหน้าที่เหมือนกับเลขานุการส่วนตัวของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดอนงคาราม

    ตอนนั้นเกิดเหตุว่า เจ้าคณะจังหวัด ท่านหนึ่งเบียดเบียนพระในจังหวัด วัดไหนมีพระเก่าหรือวัตถุโบราณ ก็ใช้อำนาจไปยึดของเขามา ถ้าเขาไม่ให้ก็จับเจ้าอาวาสสึกบ้าง ถอดออกบ้าง พอหลวงพ่อทราบเรื่อง ท่านก็รายงานไปตามระดับชั้นของทางคณะสงฆ์ พอเรื่องขึ้นไปถึงข้างบนก็เงียบ รายนั้นแทนที่จะโดนถอดหรือว่าโดนลงโทษ กลายเป็นว่ารายงานไปครั้งใดเขากลับได้ตำแหน่งเพิ่มขึ้นทุกทีิๆ

    หลวงพ่อสืบไปสืบมาจนในที่สุดก็เจอว่า ตัวเป้งเลยเป็นตัวหนุน ท่านก็เลยเกิดสลดใจขึ้นมา โดยวิสัยของพุทธภูมิถ้าเพื่อความสุขส่วนรวม แม้กระทั่งลงนรกก็ยอมทำ

    หลวงพ่อบอกว่า "ถ้าหากว่าไม่ลาพุทธภูมิเพื่อเป็นพระอริยเจ้า ด้วยกำลังใจแบบนั้น เดี๋ยวต้องไปฆ่าเขาแน่ " นี่แหละ..สาเหตุใหญ่ที่สุด

    ถาม : ผมจำได้ว่า ถ้าใครฆ่ากันแล้วก็ต้องฆ่ากันทุกๆ ชาติ ในเมื่อหลวงพ่อปรารถนาพุทธภูมิแล้ว คนที่ปรารถนาพุทธภูมินั้นนรกปิดประตูแล้ว ทำไม ..?

    ตอบ : ตำราไหนวะ ? พุทธภูมิปิดนรก โตไทยพราหมณ์เป็นนิยตโพธิสัตว์ ปัจจุบันนี้ยังอยู่ในอเวจีมหานรก..! พุทธภูมิต่อให้ปฏิบัติขนาดไหนก็ตามอารมณ์จะไม่ตัดเป็นพระอริยเจ้า เป็นได้แค่เทียบเท่าเท่านั้น คือ ทำได้เหมือนกับพระอริยเจ้า แต่ยังไม่ใช่พระอริยเจ้า

    เนื่องจากหลวงพ่อท่านบำเพ็ญบารมีมา ด้วยการสละตัวเองเพื่อความสุขส่วนรวมอยู่เสมอ เพราะฉะนั้น..ถ้ามีอะไรบางอย่างที่ จำเป็น ต้องละเมิดศีลเพื่อความสุขส่วนรวม พุทธภูมิเขาก็ยอม ไม่ใช่ว่าพุทธภูมิไม่ลงนรก พุทธภูมิท่านไม่กลัวนรก ถ้าเป็นสิ่งที่ทำเพื่อส่วนรวมท่านเต็มใจลงต่างหาก


    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๔
     
  15. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    เทียน ฤ จะเทียบกับตะวัน ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2010
  16. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    หลวงพ่อมหาวีระ ที่กล่าวถึงพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีสูง พระอรหันต์ยังให้ความเคารพ
    แล้วที่ไม่เคารพ เค้าเรียกอะไรครับ
    อรหมุน ฤ
     
  17. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559

    สาธุ ครับ
    อนุโมทนาครับ

    ผมว่าเรื่องนี้มันเป็นขบวนการครับ ทั้งพระสงฆ์ พ่อค้า นักธุรกิจ นักการเมือง คนใหญ่คนโตในบ้านเมือง สรุป ถ้าผลประโยชน์ลงตัวก็โอเค

    สมมุติ ถ้าเป็นผม ก็คงทำอะไรไม่ได้ ปล่อยให้เป็นไปตามเวรตามกรรม วางอุเบกขา และคิดว่ากลุ่มคนที่ทำธุรกิจด้านนี้ สุดท้ายกรรมตามสนอง
     
  18. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    ผมเห็นด้วยที่หน่อพุทธภูมิที่มีบารมีเต็มขั้น ซึ่งเป็นปรมัตถบารมี จึงจะไม่ตกนรกอีก

    แต่ส่วนมากจะอยู่ใน 10 ชาติสุดท้าย

    สำหรับการบรรลุอรหัตตผล โดยไม่ผ่านขั้นตอนโสดาสกิทาและอนาคามีผล หรือการบรรลุอรหัตตผลโดยฉับพลันทันที นั้น ที่จริงมีขั้นตอนครับ ยกเว้นเสียแต่ว่าคุณได้โสดาสกิทามาแล้วในอดีตชาติ แล้วมาต่ออนาคาและอรหัตตผลในชาตินี้ แต่การที่จะมาต่อ ไม่ใช่อยู่ดี ๆ จะมาต่อเลยหาได้ไม่ ต้องเหตุปัจจัย บารมีหนุนพร้อม

    และสำหรับการบรรลุอรหัตตผล จากปุถุชนไปสู่อรหัตตผล แบบฉับพลันทันที นั้น ที่จริงมันก็ผ่านขั้นต่าง ๆ (โสดา สกิทาคา อนาคา อรหัตตผล) แต่มันจะเร็วมาก เร็วกว่า 1 วินาที หรือประมาณ 1/1000000 วินาที อะไรทำนองนี้ แล้วแต่ว่าใครจะเร็วช้าเร็วมาก

    ขนาดองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังผ่านเป็นขั้นเป็นตอน แต่มีความเร็วมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2011
  19. เฉยฉิบ

    เฉยฉิบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +251
    บุพกรรมของโตไทยพราหมณ์
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #998049; COLOR: #998049" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ถาม : ทำไมจิตของพวกสุนัขถึงไม่ตกต่ำมากกว่าที่มนุษย์เราเป็นอยู่ ?
    ตอบ : เพราะความหยาบของจิตของเขา ทำให้เขาต้องจำกัดอยู่ในร่างของสัตว์เดรัจฉาน ก็เป็นการลงโทษมามากพอแล้ว อีกอย่างหนึ่งโอกาสที่เขาจะทำผิดในลักษณะที่เรียกว่า ละเมิดสิ่งที่เป็นกรรมใหญ่มันน้อย โอกาสจะลงอบายภูมิก็ยาก

    แต่ว่ามีเหมือนกันนะ เช่น โตไทยพราหมณ์ สมัยที่เป็นลูกสุนัขไปขวางทางพระพุทธเจ้า ป่านนี้ยังอยู่อเวจีอยู่เลย

    ถาม
    : แค่ขวางทางหรือครับ ?
    ตอบ : ใช่...คือตั้งใจขับไล่พระพุทธเจ้าไม่ให้เข้ามาในเขตของตัวเอง เพราะกลัวว่าพระพุทธเจ้าสอนเอาสาวกของตัวเองไปหมด

    โตไทยพราหมณ์ท่านตั้งใจจะเป็นพระพุทธเจ้า...(หัวเราะ)

    ถาม
    : หมาคิดได้อย่างนี้เลยหรือครับ ?
    ตอบ : ตอนเป็นคนก็คิดอย่างนั้น พอเป็นหมาจำได้ก็เอาแบบเดิม

    ถาม
    : โอโฮ...น่ากลัวมากเลยนะเจ้าคะ ?
    ตอบ : จ้ะ...เรื่องของกรรมมันน่ากลัวมาก แต่ว่าคนเราส่วนใหญ่มองเห็นต้นไม่เห็นปลายก็เลยไม่กลัว

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
     
  20. ใต้แสงดาว

    ใต้แสงดาว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +80
    พระนิตยโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญบารมีถึงระดับปรมัตถ์เท่านั้นครับที่ไม่ตกนรกและเกิดเป็นสัตว์เดรฉาน ก็คือการบำเพ็ญบารมีสามสิบทัศครั้งสุดท้ายจนครบ เพื่อรอการตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่พระโพธิสัตว์ได้รับพุทธพยากรณ์ก่อนที่จะเป็นพระนิตยโพธิสัตว์ บารมีอยู่ในช่วงอุปบารมีเท่านั้น เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้วจึงจะเป็นพระโพธิสัตวผู้เที่ยงแท้ที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเรียกว่าพระนิตยโพธิสัตว์ แต่ต้องบำเพ็ญบารมีก้าวล่วงจนถึงปรมัตถ์บารมีต่อไปตามลำดับจนครบบารมีสามทัศ...แค่นี้ก่อนเพื่อความเข้าใจนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...