** ฉันทะ ** วัตถุมงคล หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา **

โอนสำหรับรายการที่่ี 756, 758, และ 759 รวม 1,047 บาท ธ.กรุงเทพ เมื่อเช้า 19/8/2554

ส่งที่
สุรชัย ศรีอรุณลักษณ์
48/9 ม.9 ถ.บางกรวย-ไทรน้อย
ต.บางเลน อ.บางใหญ่ นนทบุรี 11140

ขอบคุณมากครับที่แบ่งปันพระของหลวงปู่ :d

 

แจ้งส่งพัสดุ EMS ครับ 19/08/2011 เวลา 09:02:16
คุณสุรศักดิ์ EH 4690 9897 7 TH ขอบคุณมากครับ
คุณเพิ่มศักดิ์ EH 4690 9896 3 TH ขอบคุณมากครับ
คุณจงเกษม EH 4690 9898 5 TH ขอบคุณมากครับ


วันนี้ขอไม่ลงรายการนะครับ(โหลดภาพไม่ค่อยได้ด้วยครับ) วันจันทร์ 20:30ลงให้ครับ

ผู้ที่ได้รับรางวัลเริ่มจัดส่งลงทะเบียนวันพรุ้งนี้นะครับ ขอบคุณมากครับ

 

ขอบพระคุณมากครับ....

 

ขอแสดงความยินดีกับทุกๆคนที่ได้รับรางวัลครับ...

 

เป็นข้อมูลที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยครับเยี่ยมมากครับ แล้วพอมีเหรียญจตุพิธพรชัยของหลวงปู่สี บ้างไหม

 

ขอขอบพระคุณทุก ๆ ท่านครับ และกราบขอบพระคุณหลวงปู่ครับ

 

ได้รับพระแล้วครับ

 

ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ถูกรางวัลทุกท่านด้วยครับ;ปรบมือ;ปรบมือ;ปรบมือ;ปรบมือ

 

รูปลูกสาวครับพี่ตุ้ย/พี่โจ(หนูหายแย้ว)

 

......ไม่มีครับผม......

 

ยินดีด้วยครับ...หน้าเหมือนคุณพ่อหรือคุณแม่ครับเนี้ย

 

มาช้า......ขอแสดงความยินดีกับผู้ให้, ผู้ที่ถูกรางวัลและผู้ร่วมงานทุกท่านค่ะ
อบอุ่นจังเลยค่ะบ้านหลังนี้

 

ยินดีกับทุกท่านด้วยครับผม

 

หน้าเหมือนคุณแม่+น้องสาวคนเล็กของผมครับ

 

การถ่ายทอดวิชาของหลวงปู่

การถ่ายทอดวิชาของหลวงปู่

[FONT=verdana,geneva]สิ่งที่พบเห็นในยุคหลัง ๆ และคิดว่าวันข้างหน้าด้วยก็คือการมีผู้แอบอ้างเป็นญาตหลวงปู่บ้าง เป็นทายาทเรียนวิชาอาคมขลัง ฯลฯ จากหลวงปู่บ้าง จึงขอบันทึกเรื่องราวไว้เป็นเกร็ดความรู้เสริมในเรื่องนี้ไว้สักหน่อย[/FONT]
หลวงปู่ดู่ท่านเล่าให้ฟังว่าวิชาอาคมต่าง ๆ เป็นการเรียนรู้ในช่วงที่ท่านยังมิได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมตรงตามทางของพระ พุทธองค์ ดังนั้น ท่านจึงมิได้คิดจะถ่ายทอดให้ผู้ใดเพราะไม่เห็นประโยชน์ในทางการปฏิบัติเพื่อ ความพ้นทุกข์
หลวงปู่มุ่งถ่ายทอดแต่วิชาพ้น ทุกข์คือศีล สมาธิ และปัญญา ส่วนเรื่องการสร้างพระและการลงเหล็กจารนั้นท่านสอนให้แต่พระเท่านั้น (เพราะท่านไม่ต้องการให้ฆราวาสมาเสียเวลาในส่วนนี้ และไม่ใช่กิจของฆราวาสผู้ประพฤติธรรม) เท่าที่ได้ยินก็มีเพียง ๓ ท่าน คือ หลวงน้าลำใย หลวงน้าดำ และหลวงน้าสายหยุด ส่วนหนึ่งก็เป็นอุบายให้พระทั้ง ๓ ท่าน เร่งปฏิบัติสมาธิภาวนาเพื่อจะเป็นที่พึ่งแก่ญาติโยม รวมทั้งแบ่งเบาภาระของหลวงปู่ไปบ้างนั่นเอง พระที่ได้รับการตั้งองค์พระหรือจารจากพระอาจารย์ทั้ง ๓ ท่าน (เรื่องการตั้งองค์พระ ได้ยินว่าหลวงน้าเสริมก็ช่วยหลวงปู่ด้วย) จะถูกนำมาให้หลวงปู่อธิษฐานซ้ำ
โดย เฉพาะอย่าง ยิ่งในช่วงท้าย ๆ ของหลวงปู่ หลวงปู่ท่านชราภาพและไม่ค่อยแข็งแรง หลวงน้าดำก็จะเป็นหลักในการลงเหล็กจารในวัตถุมงคลต่าง ๆ แทนหลวงปู่ ก่อนที่จะนำกลับไปให้หลวงปู่อธิษฐานจิตซ้ำอีกครั้ง
ตลอด หลายปีก่อนหลวงปู่จะมรณภาพก็ไม่เห็นปรากฏว่าหลวงปู่มีญาติคนใด นอกจากลุงยวงที่มาอยู่คอยรับใช้และได้บวชอุทิศหลวงปู่ในช่วงท้ายของชีวิต เช่นกัน รวมทั้งก็ไม่เห็นหลวงปู่สอนวิชาอะไรให้ใครนอกจากสอนธรรมะแก่ทุกคน จะได้รับมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับความขวนขวายของศิษย์นั้นเอง ส่วนวิชาแปลก ๆ หรือวิชาอาคมอะไรที่อ้าง ก็ไม่น่าจะเป็นได้ เพราะหลวงปู่เป็นบุคคลสาธารณะ ท่านแทบไม่มีเวลาส่วนตัว การรับแขกก็มีที่เดียวคือหน้ากุฏิท่าน ไม่มีการสอนเฉพาะบุคคลในที่ลับใดทั้งสิ้น หากจะมีการอบรมหรือสอนวิชา (พิเศษ) ย่อมต้องปรากฏแก่สาธารณชนอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ แต่ก็ไม่พบว่ามีกรณีเช่นนั้น เพราะหลวงปู่ท่านเน้นการปฏิบัติสมาธิภาวนาเป็นหลักจริง ๆ
ทั้งในปัจจุบันและอนาคต หากใครได้ยินได้ฟังการปรากฏตัวของผู้เป็นญาติก็ดี เป็นทายาทอาคมขลังก็ดี ฯลฯ ก็ขอให้พิจารณาตามข้อมูลข้างต้นให้ดีเพื่อจะได้ไม่หลุดไปจากหนทางที่หลวงปู่ ท่านตั้งใจพาดำเนินคือการปฏิบัติเพื่อให้ได้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนคือ ศีล สมาธิ และปัญญา เท่านั้น ไม่มีวิชาพิสดารอื่นใด หรือการต้องพึ่งกับอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับใด ๆ จนเสียหลักการฝึกตนให้เป็นที่พึ่งแห่งตน


ที่มา : Luangpudu.com / Luangpordu.com

 

นิมิตหลวงปู่ทวดในกุฏิหลวงปู่ดู่

[FONT=verdana,geneva]เพิ่งกลับมาจากวัดสะแก อาบน้ำอาบท่าเสร็จก็มาส่งการบ้านทันทีตามสัญญาครับ[/FONT]
[FONT=verdana,geneva][/FONT]
[FONT=verdana,geneva]นิมิตหลวงปู่ทวดในกุฏิหลวงปู่ดู่[/FONT] [FONT=verdana,geneva][/FONT]
[FONT=verdana,geneva]มี เหตุการณ์สำคัญที่หลวงปู่ท่านห้ามเล่าในคราวที่ท่านยังมีชีวิต แต่เพิ่งได้รับการเปิดเผยจากโยมอุปัฏฐากของหลวงปู่ในช่วงวันวิสาขบูชาปีนี้ (พ.ศ. ๒๕๕๔ - ภายหลังหลวงปู่มรณภาพล่วงไปแล้ว ๒๐ ปี) นั่นก็คือการเกิดนิมิตหลวงปู่ทวดที่ปรากฏให้เห็นด้วยตาเนื้อบนเตียงนอนในกฏิหลวงปู่ดู่[/FONT]
[FONT=verdana,geneva] [/FONT] [FONT=verdana,geneva]เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปีท้าย ก่อน ที่หลวงปู่จะมรณภาพ ซึ่งเป็นระยะเวลาเดียวกันกับนิมิตพระพุทธรูปบ้าง พระสงฆ์หรือหมู่สงฆ์บ้าง ซึ่งปรากฏให้เห็นบนองค์พระพุทธรูปและพระบูชาต่าง ๆ ที่ตั้งเรียงรายในหอสวดมนต์ หน้ากุฏิหลวงปู่ ไม่เว้นแม้ กระทั่งบนแจกัน หรือแม้แต่บนรางน้ำหน้ากุฏิหลวงปู่ แต่นิมิตมหัศจรรย์ที่ยังไม่เคยมีใครทราบมาก่อนแม้กระทั่งลูกศิษย์หลวงปู่ ทั้งหลายเพราะเหตุที่หลวงปู่มีคำสั่งไว้ นั่นก็คือนิมิตหลวงปู่ทวดที่ไปปรากฏบนแผงมุ้งลวดหน้าเตียงนอนของหลวงปู่[/FONT]
[FONT=verdana,geneva] [/FONT] [FONT=verdana,geneva]เรื่อง มีอยู่ว่า คุณป้าซึ่งเป็นศิษย์เก่าแก่ท่านหนึ่ง เธอเป็นคนอยุธยา มีบ้านไม่ไกลจากวัดเท่าใดนัก เธอมีโอกาสเข้าไปนั่งกรรมฐานในกุฏิหลวงปู่อยู่บ่อยครั้ง (ปรกติหลวงปู่จะให้ศิษย์เข้าไปนั่งกรรมฐานในกุฏิ ส่วนตัวท่านก็นั่งรับแขกอยู่ด้านนอก) [/FONT]
[FONT=verdana,geneva] [/FONT] [FONT=verdana,geneva]ใน ช่วงที่เกิดพุทธนิมิตและสังฆนิมิตทั่วบริเวณกุฏิหลวงปู่นั้นเอง ขณะที่เธอเข้าไปนั่งสมาธิได้ในกุฏิหลวงปู่ได้ไม่นาน เธอก็ได้ยินเสียงกุกกักในห้อง ทีแรกเธอก็ไม่ได้สนใจ มุ่งทำความสงบใจเรื่อยไป ในใจคิดว่าคงเป็นเสียงใครมาตักน้ำมนต์หลวงปู่อยู่ใกล้ ๆ แต่เสียงนั้นยังไม่ยอมหยุด เธอจึงลืมตาและหันไปมองบริเวณที่มาของเสียง เธอต้องสะดุ้งเมื่อภาพที่เห็นเบื้องหน้าคือหลวงปู่ทวดที่ปรากฏให้เห็นด้วยตา เนื้อบนแผงมุ้งลวดที่ครอบเตียงนอนของหลวงปู่ข้าง ๆ ที่เธอนั่งสมาธิ [/FONT]
[FONT=verdana,geneva] [/FONT][FONT=verdana,geneva]เธอ ไม่แน่ใจตัวเองจึงเอามือปาดตาตัวเอง แต่นิมิตหลวงปู่ทวดก็ยังคงอยู่อย่างเดิม จากนั้นก็ไม่เป็นอันนั่งสมาธิ รีบลุกขึ้นนั่งคุกเก่ากราบนิมิตหลวงปู่ทวดด้วยความตื่นเต้นตกใจ แล้วออกจากกุฏิมากราบเรียนหลวงปู่ดู่ที่หน้ากุฏิทันที เมื่อเล่าถวายหลวงปู่ด้วยอาการที่ยังไม่หายตื่นเต้นเสร็จแล้ว หลวงปู่ก็กำชับว่า“แกอย่าไปบอกใครเชียว”[/FONT][FONT=verdana,geneva] [/FONT] [FONT=verdana,geneva]แต่ ก็นั่นแหละ แกก็อดไม่ได้ที่จะบอกน้องชายซึ่งเป็นโยมอุปัฏฐากหลวงปู่ น้องชายแกฟังครั้งแรกก็ทำมือทำไม้ว่าตาฝาดกระมัง เป็นไปไม่ได้ พี่สาวจึงขอให้น้องชายขออนุญาตหลวงปู่เข้าไปพิสูจน์นิมิตหลวงปู่ทวดด้วยตาตน เอง และแล้วน้องชายผู้นั้นก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นนิมิตหลวง ปู่ทวดจริง ๆ เขาก้มลงกราบ แล้วออกมาเล่าให้พี่สาวฟัง ต่างจึงเป็นประจักษ์พยานให้กันและกัน[/FONT]
[FONT=verdana,geneva] [/FONT][FONT=verdana,geneva]นี่ ถ้าเผยแพร่ในสมัยที่หลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่ก็อาจมีคนปรามาสว่าหลวงปู่อยากดัง แต่นี่เวลาผ่านไปยาวนานกว่า ๒๐ ปีแล้ว เรื่องราวนี้จึงถูกนำมาเผยแพร่ จะได้ไม่มีใครว่าหลวงปู่ว่าองค์ท่านอยากดัง เรื่องนี้บันทึกไว้ด้วยศรัทธาความเชื่อมั่นส่วนตัวของลูกศิษย์ทั้งสองท่าน ว่า “หลวงปู่ดู่อยู่ที่ไหน หลวงปู่ทวดก็อยู่ที่นั้นด้วย”

[/FONT]ที่มา : Luangpudu.com / Luangpordu.com

[FONT=verdana,geneva][/FONT]

 

วันนี้หล่มสักน้ำท่วมครับ:'(

 

พี่ตุ้ยครับโอนเข้าธนาคารกรุงเทพแล้วครับ 3,200บาท ขุนแผนเนื้อซีเมนต์
ขอบคุณครับพี่ตุ้ยใจดี..
สุรชัย สีระสา หมู่บ้านพฤกษาบี 40/2840 ซ. 30/5 ถ.เลียบคลองสาม
ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120

 

ค่ำคืนนี้เงียบจัง...

 

ขอบคุณครับ..คุณเอมี่..ที่นำบทความดีๆ ของคุณพรสิทธิ์มาถ่ายทอดให้เพื่อนๆ ได้อ่านเพิ่มพูนความรู้กันเป็นประจำ..

ความจริงบทความนี้..ถ้าคนที่ใกล้ชิดกับวัดสะแก หรือทราบจากเรื่องเล่า, ข่าวลือ, ข่าวพูดต่อๆกัน, ถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่หลายท่านในปัจจุบันซะหน่อย ก็พอจะเข้าใจน่ะ สิ่งที่พี่เค้าเตือน พยายามจะสื่อสารถึงเรื่องอะไร แต่บางที่มันก็เหมือนน้ำท่วมปาก พูดมาก รู้มากไป บางที่มันก็ยากที่จะพูด

การเข้าหาพระหาเจ้า ไม่ว่าจะที่ไหนๆ วัดไหนๆ เดี๋ยวนี้คนเขาไม่ค่อยใช้ดวงตาพิจารณา พิเคราะห์ ใช้สติหลักธรรม ในการพิจารณาปฏิปทาโดยแยบยลกันแล้วน่ะ ส่วนใหญ่จะใช้หูเพียงฟังกันซะเป็นส่วนมาก ก็เลยเกิด "ทนายหน้าหอ" หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "หน่วย Promotion" ขึ้นเยอะ ประเภทเก่งอย่างนั้น อย่างนี้ ศิษย์คนเดียวที่ได้ถ่ายทอดวิชาบ้าง หลานแท้ๆคนเดียวบ้าง ประเภทอะไรๆ ก็สุดยอด ปากต่อปาก ผ่านกาลเวลา นานวันเข้า จากเรื่องเท็จ ก็กลายเป็นเรื่องจริง จากคนหรือพระธรรมดาๆ ก็กลายเป็นเกจิฯ ขึ้นมา บางที่จึงเป็นเรื่อง น่าเป็นห่วงจากความผิดเพี้ยนในเบื้องต้นนี้มากที่เดียว

คิดว่าคงเป็นประมาณนี้ล่ะครับ สิ่งที่พี่เค้าอยากจะถ่ายทอด เตือนๆกันไว้ บางที่หลวงพี่ หลวงพ่อ หลวงตา หลวงน้า หรือท่านนั้นๆ อาจไม่รู้เรื่องราวอะไรภายนอกด้วยหรอก แต่พวกหน่วยหน้านี่ล่ะตัวดี

ความเป็นหลวงปู่ดู่ ที่สุดก็ต้องหลักธรรมปฏิบัติ อย่างที่คุณพรสิทธิ์พูดไว้ล่ะครับ เห็นด้วยอย่างยิ่ง..สาธุ...สาธุ....สาธุ

ปล. เรื่องลงเหล็กจารนี้ก็เหมือนกัน ความจริงที่เห็นๆกัน ก็จะมีแต่หลวงลุงดำเท่านั้นน่ะที่เป็นหลัก และหลวงปู่ฯท่านมอบหมายให้จารแทนท่าน ตอนชราภาพมากแล้ว นอกนั้นเป็นไม่มี และเป็นที่รู้กัน ก่อนที่หลวงลุงท่านจะลงเหล็กจาร จะต้องจุดธูปเทียนขอขมา และอธิษฐานจิตขออนุญาติและขอบุญบารมีครูบาอาจารย์ก่อนทุกครั้ง และทำเฉพาะกิจที่ได้รับมอบหมายตามคำสั่งหลวงปู่เท่านั้น เกินเลยจากนั้นเป็นไม่กล้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าวัตถุมงคลใดที่หลวงปู่ฯ อธิษฐานจิตแล้ว หลวงลุงจะไม่อธิษฐานจิตซ้ำ หรือลงเหล็กจารทับโดยเด็ดขาด ถือเป็นการลบหลู่ครูอาจารย์ อวดตน เสมอเทียบชั้นครูบาอาจารย์

เซียนนิวส์เองก็เคยถามหลวงลุงท่านว่า ใช้วิชาอะไรที่หลวงปู่ฯสอนให้หรือไม่ขณะจาร หลวงลุงเองก็ตอบชัดเจนว่า ไม่เคยใช้วิชาอะไรเสก หลวงปู่ไม่ได้สอน สอนแต่ธรรมะ กับการปฏิบัติเท่านั้น ที่จารได้เยอะๆ ก็เพราะหลวงปู่สั่ง เราเพียงทำตามท่าน แล้วก็จะจารได้เอง มือไปเอง