จิต เป็นธรรมชาติที่มีอยู่ก่อนแล้ว

เอางี้ละกัน ผมก็ประเภทขี้เกียจ ลุงขันๆ อะโทดที โทดที อาจารขันๆ

อยู่ไหมเนี่ย รู้สึกว่าอยู่นะ อาจารขัน ถ้าตะกี้ ผมทำไห้ท่านรู้สึกเหมือน ถูกรบกวน
กระผม ก็กราบขอบอภัยด้วยนะครับ

แต่ถ้าอาจารลุงขัน ไม่ได้รู้สึกว่าถูกรบกวน กระป๋ม ก็ไม่กราบขออภัยนะครับ

หวังว่าอาจารลุง คงไม่รู้สึกว่าโดนรบกวนนะครับ หุหุ

แต่ถ้าอยู่ก็ออกมาชี้แจงหน่อยก็ดีนะ ศิษท่าน จะได้สบายใจ

 

ฉันไม่ถือศีล ได้ไหมน้อ
หุหุ

 

เมื่อกี้ยังบอกว่าจะบวชอยู่เลย หรือว่าจะไปปฏิบัติธรรมอะไรนี่แหละ ท่านก็ไปเรื่อย ผมว่าเรามากล่าวหรือหาสิ่งที่เป็นประโยชน์กับทั้งตัวท่านและตัวผมและคนอื่นๆมาแลกเปลี่ยนกันดีกว่า หรือไม่ก็ถกเถียงการตีความหมายของพระธรรมที่ได้ระหว่าง อายตนะ กับ จิต ก็ยังดีกว่า จริงไหม อีกอย่างถ้าท่านเป็นผู้ชอบดูจิตดูใจผมนักท่านก็เชิญดูตามสบายเลยครับเจออะไรบอกผมด้วย ลองอ่านจากที่ผมเขียนถึงท่านนี่แหละครับ ถึงยังไงผมก็ยินดี และมีความรู้สึกดี กับท่านทั้งหลายในที่นี้ไม่ใช่จะเฉพาะท่านหรอก และขออนุโมทนาบุญกับท่านและขอให้ท่านสมปราถนาในสิ่งที่ตั้งใจในธรรมในคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะครับ ขออนุโมทนา

 

คุณสองชาติ ผมขออนุญาติถือดาบฟ้าฟื้นกระทู้นะ ( กระทู้ต้นเรื่องไม่รู้หายไปไหน )

พุทธเวไนยะ : พระสุภัทท ท่านโชคดี ได้เกิดในสมัยของพระพุทธเจ้ามาสามสมัย
ได้มั้ง หากนับแบบสุ่มก็ 3 พุทธันดร ก็นานพอสมควร ไม่หละ นานมากๆ แต่สมัยสุด
ท้ายก่อนได้เจอพระสมณโคตม ท่านได้เกิดเป็นพี่น้องกับพระอัญญาโกทัญญะ ที่เป็น
สาวกองค์แรกที่ทำให้ไตรรัตนครบองค์ พระอัญญาฯท่านเป็นผู้พี่ ขยันทำบุญทุกกาล
ไม่ผัดผ่อน ผิดกับผู้น้อง ที่ชอบผัดผ่อน จะเอาข้าวมาถวายก็รอนู้น ต้องเก็บเกี่ยวเสร็จ
ถึงจะเห็นความสำคัญในการทำบุญ ฟังธรรม แต่โชคดีที่ได้ทำกับพระสัพพัญญูมาหลาย
พระองค์ พระองค์สุดท้ายจึงตรัสพยากรณ์ไว้ว่า ผู้พี่จะได้เป็นสาวกองค์แรก และ ผู้น้อง
จะได้เป็นคนสุดท้ายในสมัยพระสมณโคตมพุทธเจ้า ก็เลย ต้องเป็นพุทธเวไนยะ คนอื่น
มาตรัสสอนเพื่อล้างพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าไม่ได้

แต่ที่เป็นคนสุดท้ายนี่สำคัญนะ เพราะ อุปนิสัยชอบผัดผ่อน ...เอ ...คล้ายๆ แบบว่า
เอาไว้ชาติหน้าค่อยปฏิบัติ หรือ อีกสัก 2 ชาติค่อยปฏบัติ หรือ บวชคราวนี้บวชเล่นๆ
เดี๋ยวค่อยสมาทานการปฏิบัติทีหลัง อะไรทำนองนี้แหละ มันจะกลายเป็นอุปนิสัยที่
ผลัดผ่อนไปเรื่อยๆ กำหนดเลื่อนออกไปยาวเรื่อยๆ .....มีโอกาสคว้าแล้วก็ปล่อยหลุด
มือไป


pity_pig

 

กลัวจะเลยไปอีก 10 ชาติหรือ
ชาตินี้ ก็ถึงได้ ถ้าทำสมาธิให้ดี กำหนดสติ คิดก่อนพูด ระลึกได้ขณะพูด และ หลังพูด ทบทวนในสิ่งที่พูดไป เรียกว่า มีสติ ก่อนกาล ปัจจุบันกาล และ หลังกาล แล้วเราจะระลึกรุ้ตัวทั้งหมด ไม่เผลอเลย

เมื่อไม่เผลอ ก็จะมีสติมองเห็นลำดับ แห่ง การเกิดทุกอย่าง นั่นแหละ จะเป็นทางไปนิพพาน

 

แจ่มแจ้ง สาธุ อุตส่าไปหามาไห้ ขบคุณครับ หุหุ

คำว่า สุภัททะ มันมีความหมายมากกว่าที่ผมรู้อีก1แล้วนะเนี่ย
เมื่อก่อนก่อน ตอนได้คำว่าสุภัททะ นึกว่ามีความหมาย แค่2อย่าง
ความหมายที่3นี้ ทิ่มจี๊ดเลยครับ
ขบคุณอีกที เป็นประโยชต่อผมแท้ๆน้อ หุหุ
แต่ก็คงจะเป็น2ชาติอยู่ดีละมั๊ง ก็ชาตินี้จะจบอยู่ไม่นานนี้แล้วนี่

 

รับทราบขรับผม^^แต่ไม่เข้าใจตรงที่เป็นสีแดงๆอะนะ ทำไมคิดว่าผมชอบดูจิตดูใจคนอื่นหละครับ นั่นหละไม่ชอบที่สุดเลยนะ

 

ลุงขันนี้ น่ารักจริงๆด้วยแฮะ ถึงจะปากร้ายแต่ปากกะใจก็ตรงกัน ใจดี๊ดี
(ping)

 

หมายถึงอยากเข้าใจผู้อื่นด้วยใจและด้วยการกระทำต่างๆของตนครับ ในความหมายของผมนะครับ แต่ไม่ใช่มันก็ดีแล้วครับเพราะเป้าหมายคือการรู้ใจตนเองครับ

 

จะ บวช ก็เลือกวัดเสียหน่อยนะ บางที่เราจะหวังอะไรจากการบวชไม่ได้มาก
หากไม่เลือก วัด ให้ตรงกับความต้องการ

บางวัดนี่ วัดดังๆ เพื่อนมันบวชเล่นแค่ 3 เดือน กลับออกมา มันรวยเฉย
เพราะพระท่านพาไปออกงาน สวดตามบ้าน แล้วก็ออกงานในวัด ญาติ
โยมก็เยอะ เลยได้มาอื้อ เกือบเสียไป หากมีจิตยินดีเข้าหละยุ่ง

วัดบางวัดฝึกไม่นาน เอาไปปล่อยเดินป่า เดินเขา ก็ยุ่งหน่อย

ก็ต้องค้นหารายละเอียด และ แสดงรายละเอียดของเราให้ครบ จะได้ไม่
พบเจออะไรที่คลาดหวังมากเกินไป

 

วันนี้ก็นึกว่าจะได้บวช ทำไปทำมาน้องนางบอกว่า จะไปบวชที่ไหนก็ไป - -
ทำไมไม่บวชซะก่อนแต่งฮึ

เลยต้องชะลอไว้ก่อน สงสารเขากลัวเป็นบาป แต่ไม่นานคงยอมได้ดีๆ

เอาไว้ได้บวชแน่ๆต้องมารบกวนถามคุณหน่อยนะครับว่า วัดไหนดีที่ว่ารวยอะ











อะล้อเล่น หุหุ ขอบคูณมากครับ(||)

 

“ดูจิต” พิชิตโรค-รักษาใจ นับ เนื่องหลายร้อยหลายพันปีแล้ว ที่ซีกโลกฝั่งตะวันออก เชื่อกันว่า “จิต” เป็นแหล่งพลังหลักของชีวิตและวิญญาณ จิตมีพลังที่เร้นอยู่ภายใน และหากมีการฝึกฝน ร่างกายจะสามารถนำพลังในจิตมาใช้ได้ รวมถึงนำมารักษาโรคโดยไม่ต้องพึ่งพาแพทย์แผนปัจจุบันอีกด้วย

“โยมรู้ไหม โรคไมเกรน ปวดหัว เครียด นอนไม่หลับ กระทั่งโรคที่เกิดจากการทำงาน ที่เรียกกันว่าออฟฟิศซินโดรม ที่มีอาการ ปวดต้นคอ ปวดขมับ ปวดหัวไหล่ หรือปวดหลังนั้น เราสามารถรักษาอาการเหล่านี้ด้วยตัวเองได้ โดยใช้จิตตัวเองเป็นเครื่องมือการรักษา” ภิกษุในผ้าจีวรสีกลักเริ่มต้นประโยคด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา

ภิกษุรูปนั้น คือพระอาจารย์ธวัชชัย ธมฺมทีโป พระอาจารย์ใหญ่ ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติบ้านวังเมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา พระภิกษุผู้นำแนวคิดการ “ดูจิต” เพื่อรักษาโรคและรักษาใจมาสอนประชาชน ซึ่งได้รับความสนใจจากส่วนงานราชการ ตลอดจนองค์กรเอกชนต่างๆ ที่นิมนต์พระคุณเจ้าไปเทศนาสอนวิธีดูจิตเป็นจำนวนมาก ได้เมตตามาสอนวิธีอันเป็นประโยชน์นี้แก่ประชาชนที่ยังไม่รู้วิธี ในงาน The Memory Day สายใยผูกพัน จดจำกันตลอดไป ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่จัดไปก่อนหน้านี้
“พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า “ธรรมทั้งปวง รวมลงที่จิต” จิตของเราโดยพื้นฐานนั้น เป็นสิ่งที่ผ่องใจ แต่เมื่ออารมณ์ต่างๆ จากสัมผัสทั้ง 5 ตารับภาพ หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส และสัมผัสรู้สึกถึงสิ่งต่างๆ โดยรอบนั้น อารมณ์ที่มากับ 5 เข้ามากระทบจิตเรา โดยเฉพาะเรื่องไม่ดีทั้งหลาย จิตของเราก็จะหม่นหมอง ซึ่งจะส่งผลให้ไม่มีความสุข ดังนั้น เราจึงต้องฝึกจิต ดูจิต เพราะถึงที่สุดแล้ว จิตที่ดีเท่านั้น จึงจะนำความสุขมาให้ ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องดูจิตของเราอยู่เนืองๆ อยู่ตลอดเวลา”

พระอาจารย์ได้ยกตัวอย่างประโยชน์ของการดูจิตว่า เมื่อสิ่งไม่ดีเข้ามากระทบ 5 สัมผัส จะเกิดความ ไม่ชอบใจ ขุ่นใจ เศร้าใจ หรือกระทั่งความเครียด สิ่งเหล่านี้จะทำให้รู้สึกทุกข์ ความทุกข์และเศร้าหมองจากจิตที่รับรู้ ถ้ามากหรือสะสมในจิตใจมากๆ ก็จะส่งผลไปยังร่างกาย ทำให้เกิดโรคและอาการทางกายต่างๆ ต่างๆ ทั้งไมเกรน ปวดศีรษะ เครียด ปวดคอ ปวดขมับ ปวดไหล่ หรือปวดหลังได้

“ดังนั้น เราต้องดูจิต ตามจิตให้ทัน และพิจารณาจิตอยู่เนืองๆ แล้วปล่อยวางสิ่งที่ทำให้เศร้าหมอง จิตก็จะเป็นสุข ทุกข์ในใจก็จะไม่มี อาการทางร่างกายที่เกิดจากจิตก็จะหายไปด้วย”

พระอาจารย์ได้สอนวิธีการดูจิต ซึ่งสามารถทำได้เองตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ และแนะนำด้วยว่า ควรจะดูจิตตลอดเวลาเพื่อความเศร้าหมองจะได้เข้ามาแผ้วพานจิตไม่ได้ และที่สำคัญคือ นอกจากการดูจิตจะทำให้ผู้ทำผ่อนคลายแล้ว พลังจากจิตที่ฝึก ยังสามารถส่งพลังถึงผู้รับและแผ่เมตตาไปยังผู้ที่ล่วงลับไปแล้วได้ด้วย


เราคงเห็นกันคนละอย่าง ไม่รู้จะเถียงไปทำไม คุณลุงมหาภัย

 

ทางหลักหรือทางเอก ต่างฝ่ายต่างคนก็ค้นหาวิธีแต่ละคน เพราะเราสร้างบารมี
และการกลับมาสู้ภพไม่เท่ากัน ไม่งั้นเราก็อายุเท่ากันเกิด วันเดียวกัน
ตายวันเดียวนะซิ ใช่ไหม สิ่งที่ผู้อื่นเลือกใจเราบอกว่าผิด แต่มันถูกของเขานี่
ใช่ไหมล่ะ พอสักพักหนึ่งสัมมาสติเกิดขึ้นก็จะต่อยอดได้เอง เห็นเอง
โดยทีไม่ต้องไปบอกว่า"นี่ ๆ พวกเธอฉันกำลังหายใจเข้านะ พวกเธอหายใจออกน่ะผิด
พวกเธอต้องหายใจเข้าเหมือนฉันก่อนถึงจะถูก" ทั้งที่เราก็กำลังหายใจเหมือนกันแท้ ๆ
แล้วเราก็ไม่สารถมองเห็นลมหายใจผู้อื่นด้วย ขนาดลมหายใจเรายังไม่สามารถรู้ได้ตลอดเวลาเลย จริงไหม ???

 

คุณ ยังไม่เ้ข้าใจธรรม เปรียบเทียบไม่ถูก

เพราะว่า ถ้าคุณพูดแบบนี้ เท่ากับว่า ทางของเทวทัต ก็เทียบเท่าทางของพระพุทธองค์

ก็ในเมื่อ เทวทัตเขาบอกว่า ทางของเขาถูกนี่

การโต้แย้งแบบนี้ คือ การแถกไป เพราะไม่ได้ปรากฎ เหตุผลที่ชัดเจน

นี่แหละ ผมถึงบอกว่า คุณหลบภัยเป็น คนพูดจาใช้ไม่ได้

 

โดนขับไล่ ออกจากสำนัก ไม่สำนึก 555

จริงๆ แล้วน่าสงสารนะ ผมอ่านประกาศคณะ คมช แล้วนึกสงสาร สนธิ ลิ้ม ที่อุตส่าห์ สู้เพื่อชาติมาตั้งนาน สุดท้าย โดนตัดหางปล่อยวัด

จริงๆ แล้ว คมช ผิดเอง ไม่ใช่สนธิ ที่ผิด สนธิทำดีแล้ว
เมื่อ คมช ผิด ก็หาทางพ้นตัว ทำลายสนธิ

ขอโทษที่พูดการเมืองที่แต่งขึ้นเอง

 

เปล่าฮะ เพียงแค่ จะบอกว่า มันคนละวีธีการ เท่านั้นฮะ
แต่ว่าถ้าจำไม่ผิด ท่านเทวทัต จะเป็นพระศาสดา ต่อไปภายภาคหน้าโน้นไม่ใช่เหรอ คือธรรม ที่บอกเป็นทางเอก คือเราเจริญสติในปัจจุบันกายนะ สมถะก็ทำ
สวดมนต์ด้วย มีศีลนะ สรุป ผมเป็นคนดีและน่ารักฮะ
So this is what you mean
And this is how you feel
So this is how you see
And this is how you breathe
Sometimes
I know
Sometimes
I go down deep
Oh

 

<!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --> บานเป็นลูกคลื่น

 

อ.ขันธ์ นี่อ่อนหัดทางการเมืองจริง ๆ
อยู่กับธรรมะนี่ล่ะดีแล้ว

 

<TABLE id=post2227635 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ขันธ์<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2227635", true); </SCRIPT>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Oct 2006
สถานที่: หาไม่เจอว่าอยู่ตรงไหน
ข้อความ: 5,084
พลังการให้คะแนน: 830



</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_2227635 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->โดนขับไล่ ออกจากสำนัก ไม่สำนึก 555

จริงๆ แล้วน่าสงสารนะ ผมอ่านประกาศคณะ คมช แล้วนึกสงสาร สนธิ ลิ้ม ที่อุตส่าห์ สู้เพื่อชาติมาตั้งนาน สุดท้าย โดนตัดหางปล่อยวัด

จริงๆ แล้ว คมช ผิดเอง ไม่ใช่สนธิ ที่ผิด สนธิทำดีแล้ว
เมื่อ คมช ผิด ก็หาทางพ้นตัว ทำลายสนธิ

ขอโทษที่พูดการเมืองที่แต่งขึ้นเอง<!-- google_ad_section_end -->

</TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("2227635")</SCRIPT> </TD></TR></TBODY></TABLE>

.