จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]

    เตรียมตัวก่อนตายเพื่อพระนิพพาน


    ขอให้ทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจไว้ว่า เวลาที่เราป่วยไข้ไม่สบาย อย่าลืมกำหนดลมหายใจเข้าออก (อานาปานุสสติกรรมฐาน) จิตจะคลายจากความเจ็บปวดทุกขเวทนาได้

    ยามปกติ จิตอย่าทิ้ง อย่าห่างพระนิพพาน (อุปสมานุสสติกรรมฐาน) สิ่งที่จะทำให้อารมณ์คลายจากความเจ็บปวด ทรมานกายได้อย่างวิเศษมี 3 อย่างคือ

    1. กำลังสมาธิ จิตจับลมหายใจเข้าออก ตั้งมั่นในอานาปานุสสติ
    2. จิตระลึกถึงพระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง เป็นกำลังตัดความหลง
    3. กำลังจิตนึกถึงพระคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นพลังพระพุทธานุภาพ เป็นบุญกุศลใหญ่


    โรคภัยหายรวดเร็วไม่ทรมานก่อนตาย ถึงเวลาป่วยจริง ๆ ทุกข์เวทนามันจะน้อย ก็จำไว้ว่าร่างกายมีสภาพไม่ดี มันเป็นทุกข์ตลอดเวลา สมบัติที่เราจะได้จากร่างกายมี

    1. ความแก่มาหาเราทุกเวลา
    2. อาการหิว เจ็บป่วย ไม่สบายกายใจ มีเป็นปกติ
    3. ความปรารถนาไม่ค่อยจะสมหวัง มีเป็นปกติ
    4. ความตายเข้ามาถึงทุกวัน

    ทั้ง 4 ข้อนี้ถือไว้แต่ตอนต้นว่ามันเป็นธรรมดาของเรา เมื่อเกิดมาแล้วสิ่งทั้ง 4 ก็ต้องมีเป็นธรรมดา มันจะพังสลายตายเมื่อไรก็เชิญพัง พังเมื่อไรฉันขอไปพระนิพพานเมื่อนั้น ถ้าตั้งใจแบบนี้ความเจ็บปวดทุกข์เวทนามันจะน้อย ตั้งใจขึ้นมาอีกหน่อยหนึ่งว่า ขึ้นชื่อว่าร่างกายเลว ๆ ไม่ดีอย่างนี้ เราไม่ต้องการมัน จุดที่เราต้องการคือ พระนิพพาน

    พระราชพรหมยานมหาเถระ (หลวงพ่อฤาษี)
     
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เมืองหลวงของกิเลสล่มสลายแล้ว!!!

    บทสลายตัวของเมืองหลวงกิเลสของมนุษย์
    มนุษย์ธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ คงเอาชนะไม่ได้แน่
    แต่สามารถเอาชนะได้เฉพาะ ผู้ที่มีสติปัญญามากระดับนึงเท่านั้น
    เพราะกิเลสมันสร้างเมืองหลวงภายในจิตมนุษย์มายาวนาน หลายภพชาติ
    จิตมนุษย์ก็เลยไปไหนไม่ได้ คือไปนิพพานไม่ได้ หรือหาทางกลับบ้านเก่าไม่ได้
    เพราะมีบางสิ่ง บางอย่างมาคอยยึดเหนี่ยวรั้งจิตใจอยู่
    จิตมนุษย์จึงตกเป็นทาสของกิเลส และอยู่ในวังวนของสังสารวัฎตลอดเวลา

    จนมีมนุษย์ผู้ประเสริฐท่านนึง ท่านเป็นสัพพัญญู เป็นรู้แจ้งถึงสิ่งที่เห็น สิ่งที่เร้นอยู่ทุกสิ่งทุกอย่าง
    นั่นก็คือ พระพุทธเจ้าของพวกเรา
    มนุษย์ธรรมดาทั่วๆไป มักเดิน วิ่งตามกิเลส เห็นมีแต่พระพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้าที่ท่านเดินสวนกิเลส
    ผู้เจริญทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน...
    ถ้าเดินตามพระพุทธเจ้า เดินตามเหล่าพระอรหันตเจ้าย่อมจะออกจากทุกข์หรือวัฎฎสงสารของตนได้

    กิเลสเป็นของร้อน ส่วนธรรมะนั้นเป็นของเย็น..สบาย
    (ใครจะเอาแบบไหนก็เชิญ ตามสบาย)

    คุณสมบัติของผู้ปฎิบัติที่สามารถออกจากทุกข์ หรือออกจากวัฎฎสงสารของตนได้นั้น
    จะต้องประกอบไปด้วยอินทรีย์ ๕ เป็นอย่างต่ำ พยายามทำให้เสมอกัน สมดุลย์กัน
    ได้แก่ ๑.ความศรัทธา ๒.ความเพียร ๓.สติ ๔.สมาธิ ๕.ปัญญา

    กิเลสมนุษย์ยังมีอยู่จริง ตราบใดพวกเรายังครองขันธ์ ๕
    ผู้ปฎิบัติเพียงแค่แยกจิตออกมาจากขันธ์ ๕ เท่านั้น
    ไม่มีผู้ใดแยกกิเลสออกมาจากขันธ์ ๕ นอกจากจิตตนเอง
    แยกจิตออกมาจากทุกข์สิ่งทุกอย่าง แล้วรอกายนี้แตกดับสูญสิ้นไป เท่านั้นเอง

    เคยบอกไปหลายรอบแล้ว..ของแท้ ของจริงๆนั้นก็คือ จิตตนเอง มิใช่กายหยาบ

    **มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่พอจะพบเจอจิตตนก็คือ สติ
    และมีสิ่งเดียวเท่านั้นที่พอจะฝึกจิตมนุษย์ หรือเปลี่ยนแปลงจิตใจมนุษย์ไปในทางที่ดี
    นั่นก็คือ การเจริญกรรมฐาน หรือการภาวนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กันยายน 2013
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=5VTr4VIM72U]พระสัพพัญญูรู้แจ้งโลก 3/3 - YouTube[/ame]​

    มาฟังสารคดีนี้กัน
    เผื่อจะได้รักเคารพพระพุทธเจ้ามากกว่านี้ มากกว่าเดิม
    หรืออาจมีกำลังใจมากที่อยากจะปฎิบัติตามพระพุทธเจ้า ก็เป็นได้
    ขอให้ผู้เจริญทุกท่าน จงมองเห็นธรรม โดยเฉพาะ มองเห็นภัยวัฎฎสงสารของตน
    เห็นความสำคัญคำสอนของพระพระพุทธองค์
    และมีกำลังใจในการปฎิบัติตามพระพุทธเจ้า พร้อมหน้ากันด้วยเทอญ..สาธุ​
     
  4. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    จิตสร้างกรรมขึ้นมา ผลก็อยู่ที่จิต เพราะจิตส่งผลไปยังที่ควรแก่ผลนั้นเอง...
    แต่เจ้าของจิตดวงนั้นไม่รู้ไม่มีสิ่งที่ทําให้รู้..ก็มีพระพุทธเจ้า และพระสงฆ์สาวกที่ปรากฏว่าท่านสามารถรู้ได้...ฉะนั้นคนส่วนใหญ่จึงมักหลงเรื่องของตัวเองมาเป็นประจําโลกด้วยกัน ไม่มีใครยิ่งหย่อนกว่ากัน ผู้ปฏิบัติเอง จะรู้เองถ้าจิตสามารถมีสติปัญญาอันละเอียดยิ่งขึ้น แล้วผู้นั้นก็จะรู้ได้ทราบได้โดยไม่ต้องไปถามใคร ไม่มีอะไรเหนือวิสัยของสติปัญญาไปได้...เพราะบรรดากิเลสกลัวธรรม คือ"สติปัญญา"ไม่มีกิเลสตัวไหนเหนือธรรมไปได้ ถ้าฝึกให้สามารถรู้ได้เห็นได้นั้นเอง...
    ที่มา ธรรมะขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    ลูกขอน้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเกล้า
     
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอโมทนาบุญกุศลจากธรรมาทานของคุณแนทในครั้งนี้ด้วยครับ..สาธุ
    หลวงพ่อฯท่านก็ยังกล่าวถึงพลัง(โดยเฉพาะข้อ ๓) ก็คือ...
    เมื่อจิตมีกำลังต้องคอยหมั่นระลึกนึกถึงพระคุณหรือคุณงามความดีของพระพุทธเจ้าบ่อยๆ
    เพราะว่า...เป็นพลังพระพุทธานุภาพ เป็นบุญกุศลใหญ่

    พี่ภูชอบเรียกพลังนี้ว่า..พลังแห่งพระพุทธคุณ
    ถ้าหากผู้ปฎิบัติท่านใดรับได้ย่อมสัมผัสพลังพุทธะ พลังจากพระพุทธคุณอย่างมหาศาล อย่างหาที่สุดมิได้
    ประโยชน์สูงสุดก็คือ ทำให้เรามีกำลังใจในการละปล่อยวางหรือตัดกิเลสตนได้ผลเป็นอย่างดีเยี่ยม
    เสมือนมีเครื่องทุ่นแรง ประมาณนั้น แต่เราต้องมั่นใจในพระพุทธคุณมากเป็นพิเศษ
    เมื่อนักภาวนามีทั้งสติปัญญาดี มีทั้งศีลธรรมดีแล้ว ย่อมจะเข้าหาหรือเข้าถึงพระรัตนตรัยให้จงได้
    นักภาวนา หรือผู้เจริญย่อมไม่ลืมพระคุณของพระพุทธเจ้า นั่นเอง จึงจะเจริญในธรรมเป็นอย่างดี
    นักภาวนาจะขอรับพลังนี้ได้ แต่ถ้าจะให้ได้ผลดี จิตต้องละเอียดสักเล็กน้อย
    อันได้แก่ จิตที่มีปัญญาหรือจิตที่มีธรรม

    ปล.ใกล้งานบุญของหลวงพ่อเข้ามาทุกทีแล้ว
    ผู้ใดคิดว่าตนเป็นลูกหลานของหลวงพ่อก็ควรแสดงออก หรือแสดงความกตัญญูทางใดทางหนึ่งก็ได้

    ถ้าเราทรัพย์ไม่มี เวลาไม่มี ทำง่ายที่สุดก็แค่ส่งจิตไปกราบท่านเท่านี้ก็พอ หรือระลึกถึงคุณงามความดีของหลวงพ่อ
    ในครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านทำคุณประโยชน์มหาศาลให้ลูกหลานของท่านดูไว้หมดแล้ว
    ถ้าเราคิดว่าเราเป็นลูกหลานของท่าน อย่างน้อยที่สุดก็เป็นลูกที่ดีของพ่อโดยการนำคำสอนของพ่อมาปฎิบัติให้ได้
    เพราะคำว่าพ่อนั้น ไม่ต้องการอะไรจากลูกๆ พ่อขอเพียงแค่ให้ลูกเป็นคนดี มีศีลธรรม
    หรือเห็นลูกๆพากันปฎิบัติออกจากทุกข์ของตนได้ พ่อก็ดีใจมากแล้ว
    แต่ถ้าผู้ใดมีกำลังใจมาก ปฎิบัติเพื่อนิพพาน พ่อจะโปรดปรานมาก
    เพราะพ่อปรารถนาอยากให้ลูกทุกคนกลับบ้านเดิม

    ลูกขอกราบแทบเท้าหลวงพ่อฯด้วยเศียรเกล้า..สาธุๆๆ
     
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เพลงคำหวาน-หลวงพ่อพระราชพรหมยาน - YouTube

    ลูกคิดถึงพ่อ
    ลูกหลานขอร่วมรำลึกถึงคุณงามความดีของหลวงพ่ออย่างพร้อมเพรียงกัน
    พ่อได้จากพวกเราไปแล้วหลายปี และเดือนกันยาฯนี้ก็ครบรอบ ๒๑ ปี แห่งการมรณภาพของหลวงพ่อ
    ลูกจะเป็นคนดี และรับฟังคำสอนของพ่อ จะประพฤติ จะปฎิบัติตามพ่อ

    ด้วยรักและคิดถึงเต็มดวงจิต
    พระผู้เป็นยิ่งกว่าดวงใจ

    สมาคมจิตเกาะพระ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 กันยายน 2013
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เรื่องที่ ๕ คำนินทา​

    จาก หนังสือ พรหมวิหาร ๔

    เราเกิดมาเป็นคน เกิดมาเพื่อพบกับคำนินทา

    ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า นัตถิ โลเก อนินทิโต คนที่ไม่ถูกนินทาเลย ไม่มีในโลก
    คนที่บุญใหญ่ ถูกนินทาใหญ่ คนที่มีบุญเล็ก ถูกนินทาเล็ก อย่างพระพุทธเจ้า เขาไม่นินทานะ เขาด่าต่อหน้าเลยนะ โดนหนักกว่าเรามาก นั่นแหละท่านผู้มีบุญใหญ่ ด่าแหลก เห็นไหมล่ะ ... ?

    เรื่องนี้ไม่ เกี่ยวกับบุญกุศล ชาตินี้ชาติหน้าอะไรหรอก มันเป็นกฏธรรมดา เราเกิดมาแล้วถูกนินทาแน่ ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาไปนะ อีกประการหนึ่ง ขอให้คิดว่าคนที่นินทาคนก็ดี คนด่าคนก็ดี เป็นลักษณะของคนบ้า เราก็ไม่ถือคนบ้า ไม่ว่าคนเมาก็หมดเรื่อง ให้เขาบ้าเพียงฝ่ายเดียว

    อย่าง ที่พระพุทธเจ้าทรงตอบพราหมณ์ พระพุทธเจ้าท่านกำลังเทศน์อยู่ พราหมณ์โมโหที่ลูกศิษย์ของแกสรรเสริญพระพุทธเจ้า แกรู้ก็ไปชี้หน้าด่า พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็เลยปล่อยให้แกเทศน์แทน ตามพระบาลีท่านบอกว่า ด่าแบบทาสกรรมกรด่ากัน ด่าไปด่ามาแกเหนื่อยแกก็หยุดแล้วชี้หน้า

    " พระสมณโคดม แกแพ้ข้าแล้ว "

    พระพุทธเจ้าถามว่า " ตถาคตแพ้เธอตรงไหนเล่า ... ? " ท่านพูดเรียบๆ นะ

    พราหมณ์ตอบว่า " ข้าด่าแก แกไม่ด่าตอบนี่หว่า "

    พระพุทธเจ้าทรงตอบว่า " พราหมณ์ ตถาคตมีความรู้สึกว่า ถ้าใครโกรธตถาคตมา ตถาคตโกรธตอบ ตถาคตเลวกว่าคนนั้นนะ "

    โดนน็อคเลย อีตานั่นนั่งทรุดเลย ยกมือไหว้ กล่าวว่า " วาจาของท่านเป็นสุภาษิต เหมือนกับหงายของที่คว่ำมารับน้ำค้าง "

    ท่าน ก็เลยขอบวช บวชแล้วได้เป็นอรหันต์ แบบนี้ถึง ๔ คนด้วยกัน ไม่ทราบว่าทำบุญอะไร ด่าพระพุทธเจ้าเป็นอรหันต์ อย่าไปเอาเข้านะ นี่เพิ่งได้แค่ ๔ คน แต่อย่าไปว่าท่านนะ ท่านเป็นอรหันต์ไปนิพพานหมดแล้ว

    ไอ้นี่แหละการนินทาเราหลบไม่ได้ ต้องถือว่า ตามคติของพระพุทธเจ้าตรัสกับพระสงฆ์ ระหว่างพระองค์เดินไปกับพระสงฆ์ เมืองนาลันทา กับ กรุงราชคฤห์ ต่อกัน ที่พราหมณ์นำคณะตามไป ท่านลุงนินทาพระพุทธเจ้า หลานสรรเสริญพระพุทธเจ้า ตอนเช้าไปบิณฑบาต ชาวบ้านเขาก็เล่าให้ฟัง พระกลับมาฉันข้าวแล้วก็ไป เฝ้าพระพุทธเจ้า และเล่าให้พระพุทธเจ้าฟัง พระพุทธเจ้าก็บอกว่า

    พวกเธอทั้งหลาย จงอย่าสนใจในวาจาทั้งสอง คือนินทาและสรรเสริญ
    ถ้าเราดีเขานินทาว่าเลว เราก็ไม่เลวไปตามเขาพูด
    ถ้าเราเลวเขาสรรเสริญว่าดี เราก็ไม่ได้ดีไปตามคำเขาพูด
    เราจะดีหรือเลวอยู่ที่การประพฤติและปฏิบัติเท่านั้น


    พูดสั้น ๆ เท่านี้พระพวกนั้น ได้บรรลุมรรคผล นี่ต้องถือตามคตินี้นะ ถ้าไปคิดว่าเกิดมาชาตินี้ถูกนินทาแล้วกลุ้มใจตายลงนรกแน่

    หลวง พ่อถูกด่าทุกวัน บางทีป่วยแล้วยังได้ยินเสียงด่า เราก็นอนฟังสบาย เราไม่เหนื่อย คนด่าเหนื่อย โอ ... หนักมาก ฉันเจอมาเยอะ คนโชคดีเหมือนกัน เป็นลูกพระพุทธเจ้านี่ แต่เขายังด่าไกล ๆ แต่พระพุทธเจ้า ท่านด่าใกล้ ๆ พระพุทธเจ้าถูกด่ากราดเลยนะ

    จากหนังสือ ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๐๑ หน้า ๑๔๓ (ข้อคิดจากธรรมะ)​
     
  8. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]
     
  9. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    พลังของการให้

    การให้...หนึ่งในมงคล ๓๘ ประการ

    * ควรบำเพ็ญ ซึ่งทาน คือการให้
    ท่านว่าไว้ สวยงาม สามสถาน
    หนึ่งให้ของ สองธรรมะ ชนะมาร
    อภัยทาน ที่สาม งามเหลือเกิน *

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=7s22HX18wDY&sns=em"]
    http://www.youtube.com/watch?v=7s22HX18wDY&sns=em​
    [/ame]

    การให้ทาน คือ การให้ที่ไม่หวังผลตอบแทนโดยหมายให้ผู้ได้รับได้พ้นจากทุกข์ 
     
  10. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444

    [​IMG]


    "เหลืออีกเพียงก้าวเดียวลูกเอ๋ย ก้าวเดียวชาติเดียว
    ก้าวสุดท้ายนี้พ่อจะทำทุกอย่างทุกวิธีให้ลูกถึงชัยชนะเหมือนพ่อ
    พ่อจะทั้งล่อทั้งชน พ่อจะใช้ทั้งพระเดชและพระคุณ
    พ่อจะเอาหลังมือกำราบความดื้อในใจลูก แล้วเอาหน้ามือลูบหัวชื่นชม
    เมื่อลูกทำได้เหมือนพ่อ ตามพ่อมาเถิด
    พ่อคอยลูกทุกคนอยู่ที่ปลายทางแห่งความทุกข์นี้
    "


    ลูกขอกราบแทบเท้า พระเดชพระเดชพระคุณ หลวงพ่อฯ ผู้มีพระคุณอย่างเหลือล้น...
    พระคุณท่าน เผื่อแผ่ไปสงเคราะห์ เป็นกำลังใจให้ ลูกหลาน ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ...
    เพื่อพระนิพพาน
    จัดให้ตามคำขอ...คุณอุ๋ยUK...รับไปค่ะ. โมทนาสาธุค่ะ
     
  11. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ทาน ศีล ความข่มใจ การสำรวมในอินทรีย์ ๖

    (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)

    -การฝึกอบรมปฏิบัติ เดินจงลรม นั่งสมาธิ ต่อสู้กับอารมณ์

    ...ใหกำหนดรู้เมื่ออารมณ์มันเกิดขึ้น...

    "ทั้งหมดนี้ ถ้าใครมีไว้ในใจแล้ว ย่อมรู้แล้วนำมาต่อสู้กับอารมณ์นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์

    ใด จะเกิดจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เราผูัที่สำรวม ในอินทรีย์ ๖ แล้ว ย่อมผู้ผ่านอารมณ์

    เหล่านั้นไปได้ อารมณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ถ้าใครมีไว้ในใจแล้ว แลัวนำมาปฏิบัติ ก็นับได้ว่า

    ท่านฝั่งขุมทรัพย์อันประเสริฐไว้ในขันธสันดาน.....

    ...น้ำจะท้วม ไฟจะไหม้ โจรจะขโมย ก็เอาไปไม่ได้ เพราะเรามีเกาะป้องกัน

    ภัยต่างๆ และเราก็จะมีความอุ่นใจ เวลาตาย เราก็ไปอย่าง สงบ สบายไม่ต้องห่วงว่า

    หนทางนั้นจะลำบากเพราะเราทำหนทางเดินของไว้แล้ว เราจะมีความมั่นใจ ไม่ต้องกังวลใจ

    เพราะเราได้ฝั่งทรัพย์ไว้ในใจ เราได้บูชาแล้วซึ่งพระพุทธเจ้าพระพุทธศาสนา พระพุทธ

    พระธรรม พระสงฆ์ พ่อแม่ครูอาจารย์นี่แหละสอนให้เราให้มีความสำรวมอินทรีย์ทั้ง๖นี้ไว้

    จนเป็นขุมทรัพย์ที่จะพาเราไปได้ด้วยความสว่าง ขอฝากขุมทรัพย์นี้กับท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ

    ...ไม่นานเกินรอหรอกสิ่งที่เราฝั่งไว้ในใจเราจะเต็มไปด้วยบุญกุศลค่ะ.สาธุ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2013
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ลูกรัก...​

    พ่อไม่มีเวลาโอ๋ลูกอยู่หรอกนะ เพราะเวลาพวกเราเหลือน้อยแล้วเดี๋ยวมันจะมืดเสียกลางทางมันจะมองไม่เห็น รีบเดินกันหน่อย อะไรที่ลูกดีแล้วพ่อจะไม่พูดถึงเพราะมันดีอยู่แล้ว ที่พ่อจะพูดจะบอกก็ตรงลูกของพ่อยังพร่องอยู่ จบบทเรียนสอบได้แล้วรีบเรียนบทต่อไป รีบสอบรีบจบ ลูกของพ่อเป็นนักรบโดยสายเลือดไม่ต้องมานั่งโอ๋กันอยู่เหมือนพวกอื่นเขา เวลาที่ลูกกำลังเรียนกำลังสอบอย่าร่ำ ร้องเอะอะโวยวาย ทุกอย่างคือบทเรียนบททดสอบ แล้วมันจะผ่านไป พ่อไม่ได้ทิ้งลูกไปไหน พ่ออยู่กับลูกของพ่อทุกเวลา นึกออกไหมเราจะกลับบ้านกัน ใช่ไหมลูก...

    (เป็นคำพูดของหลวงพ่อฤาษีฯ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Porluesee.jpg
      Porluesee.jpg
      ขนาดไฟล์:
      98.4 KB
      เปิดดู:
      51
  13. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    "หลวงปู่ฝากไว้"

    -ธรรมะจะประคับประคองจิตของเรา ไม่ให้ตกไปในอบายภูมิทั้ง ๔...

    เหมือนกับเราข้ามเรือ ของหนักๆ ก็บรรทุกได้ไม่บมพาเราข้ามถึงฝั่งได้...

    ...อย่างเดียวกับธรรมะของพระพุทธเจ้า...

    ...ที่เราปฏิบัตินั้น ประคองจิตของเรา...

    -ไม่ให้ไปเกิดในกำเนิดของสัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย หรือตกนรก-

    ...ดังพุทธภาษิตที่กล่าวว่า...

    "ธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติธรรม ไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว"

    ...น้อมกราบหลวงปู่ทองด้วยความเคารพเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...
     
  14. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ...น้อมกราบแทบเท้าท่านพ่อฤาษีด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะ...

    ท่านพ่อห่วงลูกๆเสมอ ทุกวันนี้ลูกได้อ่านธรรมะฟังธรรมะของท่านพ่อทำให้ลูกมี

    ความมั่นใจในการปฏิบัติ ลูกสัญญาว่าจะรีบศึกษาและปฏิบัติเพื่อให้สอบผ่าน

    แล้วตามพ่อไป จะไม่ทำให้ท่านพ่อเหนื่อยค่ะ.

    ...กราบขอบพระคุณ คุณภูทยาน และทุกๆท่านที่นำธรรมะมาลงเป็น

    ธรรมทาน ให้ดิฉันได้มีสติเตือนตนเองอยู่เสมอจะทำอะไรก็ให้ได้คิดและก่อน

    จะทำอะไรให้มีสติเตือนตนเอง...เพราะการทำอะไรก็ตามถ้าเราทำพลาดไป

    มันจะติดใจเรา สิ่งที่ผิดนั้นยิ่งทำยิ่งตกยิ่งติด ลูกจะตั้งใจปฏิบัติ เพื่อที่จะได้

    กลับบ้านไปกราบท่านพ่อเจ้าค่ะ ขออนุโมทนากับธรรมะธรรมทานค่ะ...
     
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089

    ผู้ปฎิบัติคอยหมั่นทบทวนการปฎิบัติของตนอยู่เสมอ
    โดยเฉพาะ สังโยชน์ ๑๐ กรรมบท๑๐ อิทธิบาท๔ พรหมวิหาร๔
    มีสติรู้อารมณ์จิตตนอยู่ตลอดเวลา หัดไว้ให้เคยชิน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 กันยายน 2013
  16. Maneetree

    Maneetree เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +122
    น้อมรำลึก นึกถึงวัน ล่วงลาลับ
    สังขารดับ ไม่เกิดต่อ พ่อฤาษี
    ลูกน้อมกราบ สักการะ อัญชุลี
    สุขทุกที ที่เห็นยิ้ม อิ่มละไม

    พ่อเป็นดั่ง ต้นทางน้ำ นำพาลูก
    ช่วยฝังปลูก ปลุกให้ฟื้น รู้ตื่นได้
    นำคำสอน ผ่อนคลายทุกข์ เย็นสุขใจ
    ดำรงไว้ ในดวงจิต มิคิดลืม

    พ่อฤาษี ลิงดำ สอนธรรมนิ่ง
    รู้ละทิ้ง สิ่งยั่วใจ รู้หน่ายหนี
    เลิกอัตตา ละขันธ์ห้า ว่าตนมี
    คอยปลดชี้ ใช้หนี้ทุกข์ สุขนิรันดร์

    ......น้อมกราบสาธุๆ......

    มณีตรี....อุลตร้า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    วิปัสสนา ดูจิตตน - YouTube

    การวิปัสสนาก็คือ งานดูจิตตนเอง
    ขยันหรือบ้าดูจิตตนเข้าไป ถ้าไม่บ้าอยู่กับจิตตนก็ย่อมไม่ได้ผลแน่
    ทีพวกเราจมปักแต่กองทุกข์ รู้ทั้งรู้ว่าทุกข์ก็ยังจมปักกับมันอยู่ได้ ตั้งนานแสนนาน
    แต่งานดูจิตนี้ ต้องดูด้วยสติปัญญา ไม่ใช่ เดินชมนก ชมสวนที่จะมาปล่อยกาย ปล่อยใจทิ้งไปเฉยๆ
    เวลาดูจิต คือดูอาการของจิต เวลาดูจิตก็ต้องทำใจเป็นกลางให้ได้
    อย่าเอาสตินำหน้าจิต อย่าบงการจิต อย่าฝืนจิต เดี๋ยวจิตจะรู้สึกหนัก อันนี้ผิดทาง
    ในที่ขณะปฎิบัติ จะต้องเน้นที่ตัวจิตสบายก่อน ถ้าไม่ก็หยุดทำชั่วคราวก่อน
    อารมณ์ดี ค่อยกลับมาปฎิบัติกันใหม่ การปฎิบัติธรรมหรือการดูจิต เราจะต้องหมั่นทำความเข้าใจจิตตนมากๆ
    ถ้าหากผู้ปฎิบัติยังไม่เข้าใจจิตตนเองแล้ว อย่างอื่น ไม่ต้องพูดถึง คือไม่มีทางเข้าใจแน่
    เพราะจิตเราอยู่ที่จิตเรา ถ้าเราไม่พยายามทำความเข้าใจแล้ว ใครเขาจะมาเข้าใจ ไม่มีหรอก
    แ่ต่ถ้าผู้ใดเข้าใจจิตใจตนดีแล้ว ย่อมจะเข้าใจธรรมะอื่นได้เป็นอย่างดี
    ธรรมะคือจิต จิตก็คือธรรมะ เพราะธรรมะเกิดขึ้นภายในจิต นั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กันยายน 2013
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เพลง ธรรมะผลิบาน __ท่าน ว.วชิรเมธี - YouTube

    จิตอยู่กับธรรม จึงจะพ้นทุกข์ จึงจะสุขใจได้
    โมทนาสาธุกับผู้มีที่ศีล มีธรรม ผู้ที่กำลังปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบทุกท่าน
    จะต้องทำให้มาก ทำให้สม่ำเสมอด้วย จึงจะได้ผลดี..สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กันยายน 2013
  19. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089

    จิตคือผู้ยิ่งใหญ่ เพราะจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว
    แต่ทำไม คนส่วนใหญ่ถึงได้สนใจแต่สิ่งภายนอกจิตตนเอง
    ทั้งๆที่ก็รู้ว่า..ความสุข ความทุกข์ของคนเรานั้น ก็อยู่ภายในจิตของตนเองทั้งนั้นเลย

    ทุกคนชอบนะ คำว่า อรหันต์ หรือ นิพพานน่ะ
    ทุกคนอยากเป็นอรหันต์นะ อยากไปนิพพานนะ
    แต่เวลาปฎิบัติกลับไม่ค่อยสนใจจิตของตนเอง แล้วมันจะได้ไหม๊ อั่ยที่เราหวังๆกันอยู่น่ะ



    http://youtu.be/11hUocrel84
    เพลง ตามรอยบัว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กันยายน 2013
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เรื่องราวที่เกิดมาเป็นพระสูตรก็ดี พระธรรมวินัยก็ดี พระอภิธรรมก็ดี มาจากคำสั่งสอนของพระตถาคตเจ้า
    ซึ่งประกาศซึ่งพระธรรม อันเป็นหนทางพ้นทุกข์ อันเป็นแนวทางให้พระอริยสงฆ์เดินตามทางปฏิบัตินี้มาแล้วพ้นทุกข์
    ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทุกๆ พระองค์ตรัสเหมือนกันหมด ให้ดับที่เหตุแห่งธรรมนั้น

    พระพุทธเจ้าเป็นผู้แสดงธรรมให้งามทั้ง ๓ กาล อาทิ..
    กัลยานัง(งามเบื้องต้น คือ งามด้วยศีล มีอธิศีล - มีกรรมบถ ๑๐ พ้นจากอบายภูมิทั้ง ๔)
    มัชเฌกัลยานัง (งามท่ามกลาง คือ งามด้วยสมาธิจิต มีอธิจิต หมดอารมณ์ ๒ พ้นจากการเกิดมีขันธ์ ๕)
    ปาริโยสานะกัลยานัง (งามที่สุด คือ งามด้วยปัญญา มีอธิปัญญาตัดกิเลสให้เป็นสมุจเฉทปหาน ไปนิพพานได้)
    ยังบุคคล - พรหม - เทวดา ให้งามด้วย ศีล - สมาธิ - ปัญญา ได้เข้าถึงอริยมรรค อริยผล หมดจดแล้วจากกิเลสตามลำดับ

    นี่ก็เป็น พุทโธอัปปมาโณ นะ


    ที่มาที่ไป
    �ط��ѻ���� ������ѻ���� - �ѧ��ѻ����
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กันยายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...