จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Talnoi

    Talnoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +112
    การสร้างสติกันง่ายๆ ได้จาก...
    1.ทำจิตเกาะพระ โดยการระลึกถึงพระบ่อยๆ เนืองๆ อย่างต่อเนื่อง
    (ทำในกรณีที่จิตไม่เบื่อเกาะพระนะ)
    2.ทำความรู้สึกตัวทุกอิริยาบถของตนเอง
    (ทำในกรณีที่จิตเบื่อพระ...เป็นบางครั้ง)


    (จากข้อความคุณครูภู)

    กราบขอบพระคุณมากค่ะ ที่แนะแนวทาง
    เพราะกำลังสับสน ว่าจะทำอะไรตอนไหน
    เริ่มจะเห็นทางบ้างแล้วค่ะ (เด็กใหม่ค่ะ)
    สาธุ
     
  2. คมวรรณ

    คมวรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +1,050
    จิตเกาะพระ..จิตพิสัยขอรับทุกๆท่าน..มโนกรรม(ความคิดที่ขาดสติและจิตควบคุม).. เป็นตัวการวางแผนใหญ่
    เป็นกรรมใหญ่ที่ชักนำไปสู่วจีกรรม และกายกรรม
    หากคิดบ่อย ๆ จะนำไปสู่นรกขุมใหญ่
    ขุมเดียวกับพระเทวทัต อเวจีมหานรก

    เราทุกคนจึงควรควบคุมความคิดของเราให้ดี

    เพื่อไม่สร้างกรรมเพิ่มขึ้นให้แก่ตนเองและครอบครัว
    ไม่สร้างกรรมเพิ่มขึ้นให้แก่สังคม ประเทศชาติ และโลก

    ยุคพระศรีอริยเมตไตรกึ่งพุทธกาล
    เป็นการเปรียบเทียบภาวะอันดีงามของโลก
    ที่มีแต่คนดี ไมมีการแก่งแย่งแข่งขัน เอาเปรียบกัน
    ไม่ต้องมีตำรวจ เพราะเราต่างดูแลกันเองด้วยธรรม

    เราจะมีการปกครองโดยพระมหากษัตริย์
    "ผู้ครองแผ่นดินโดยธรรม" สืบต่อประเทศ
    เพื่อเป็นมหาอำนาจของโลกในทางธรรมต่อไป

    และด้วยภาวะโลกใหม่ที่มีการปรับพลังของจักรวาล
    ผู้คนจะมีความสุข มีสุขภาพแข็งแรง และอ่อนเยาว์ขึ้น

    คนที่มีความดีขั้นต่ำที่เป็นพระโสดาบันขึ้นไปเท่านั้น
    ที่จะรอดชีวิตอยู่ (อาจไม่นับคนที่รอดเพราะเสียสติ)

    ผู้ที่เห็นทุกข์ของการเกิด แก่ เจ็บและตาย
    ผู้ที่เห็นทุกข์จากโศกนาฏกรรมใหญ่ของโลก

    จึงเป็นยุคของผู้ที่จะก้าวล่วงไปสู่พระนิพพานโดยแท้จริง
    เสมือนยุคแห่งสมเด็จพระศรีอริยเมตไตรในอนาคตกาล

    ดังนั้น ปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ จึงหมดไป

    แต่นี่คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังภัยพิบัติใหญ่
    ซึ่งยังไม่ทราบว่า จะเกิดขึ้นเมื่อไร
    แต่พุทธทำนายไม่เคยผิดพลาด เมื่อไรเท่านั้น

    เราทำไมไม่สร้างนิพพานบนดินให้เกิดขึ้น
    ในใจของเรา ในครอบครัวของเรา ในสังคมของเรา
    ด้วยการรู้จักรักโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน
    รักบนพื้นฐานของพรหมวิหารสี่ เริ่มที่ความเมตตา

    การเตรียมการใด ๆ จะไม่สำเร็จได้หากไม่ยึดมั่นในศีล

    การสร้างพระเพื่อลดภัยพิบัติใด ๆ จะไม่บรรลุวัตถุประสงค์
    อันดีงาม หากผู้สร้างยังมีศีลด่างพร้อย หรือไม่มีศีล

    พระเครื่อง วัตถุมงคลก็เช่นกัน
    จะสามารถรับพลังของท่านได้เราต้องมีพลังความดี มีบุญบารมีที่เพียงพอ

    ท่านจึงจะคุ้มครองได้
    เปรียบเสมือนโจรที่ห้อยพระเต็มคอ ในที่สุดก็ต้องตาย เพราะพระท่านช่วยไม่ได้

    การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ทั้งที่ฆ่าด้วยตนเอง และมีส่วนทำให้เกิดการฆ่า
    เป็นการผิดศีลที่เกิดมาช้านาน ด้วยคนคิดว่าไม่ผิด

    แต่ผลกรรมกำลังตามทัน
    อาสาสมัครจากเจ้ากรรมนายเวรเพื่อทวงความแค้นที่ถูกทำร้าย ถูกฆ่า
    ได้รับอนุญาตให้มาประจำการแล้ว

    เราไม่สามารถเปลี่ยนกรรมที่ผ่านมาได้
    แต่เราสามารถเปลี่ยนกรรมในปัจจุบันและอนาคตได้
    ไม่มีใครไม่เคยทำผิด แต่ผิดแล้ว ต้องการแก้ไขหรือไม่
    ยังไม่สายที่จะตั้งมั่นในพรหมวิหาร 4 และศีล
    ควบคุมความดีงามทั้งกาย วาจา ใจ โดยเฉพาะความคิด

    ตั้งมั่นในความดี บุญบารมีแห่งพระรัตนตรัย แห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    และสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะปกป้องเราทุกคนได้ นึกถึงพระไว้เสมอ

    ท่านแผ่บารมีคุ้มครองเราทุกคนทุกวัน
    แต่เราต่างหากที่ปฏิบัติตน ปฏิบัติจิตจนสามารถรับบารมีของท่านหรือไม่

    ความหอมใด ๆ ไม่หอมเท่าความหอมของศีล

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะแยกสัตว์โลกตามความหอมของศีล


    รักษาและเชิดชู
    ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
     
  3. kongkiatm

    kongkiatm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,263
    สาธุ ครับ ได้ปรับใหม่แล้ว ยังมีนิดนิด ด้วยความอยากดี ฮ่า ฮ่า วันแรกดี วันต่อมาไม่ได้ดังหวัง ขอบพระคุณที่ช่วยย้ำเตือนอีกครั้ง

    วันนี้สติตามอารมณ์ได้ดีขึ้นมาก มากว่าแต่ก่อน รู้แล้ววางได้เร็วขึ้น

    ขอบพระคุณและอนุโมทนา ครูจิตบุญทุกท่าน
     
  4. kongkiatm

    kongkiatm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,263
    สาธุครับ จัดวางกำลังใจใหม่แล้วครับ

    ขอให้ข้าพเจ้าเจริญในศีล
    ขอให้ข้าพเจ้าเจริญในสมาธิ
    ขอให้ข้าพเจ้าเจริญในปัญญา
     
  5. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    สวัสดีค่ะครูภู ครูเพ็ญ ครูดัช ครูนก ครูวิทย์ ครูลูกหว้า ครูลูกพลัง ครูนิวเวป ครูน้องหนู ครูจารุณี ครูทุกท่านและผู้ที่กำลังฝึกปฏิบัติ รวมถึงท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ
    ช่วงนี้ที่บ้านมีแต่คนป่วย ที่น่าเป็นห่วงคือแม่ที่เป็นอัมพาต และลูกสาวที่อยู่หอพัก ป่วยพร้อมกันอาการใกล้เคียงกันคือ ทานอะไรไม่ได้จะอาเจียน ลูกสาวตัวร้อนนอนในห้องพักคนเดียวที่หอ เย็นวันนั้นจึงต้องรีบไปหา แม่ก็อาการไม่ค่อยดี ป้อนโจ๊กไปได้ 4-5 คำและให้กินยา พาเข้านอนแล้วจึงบึ่งรถไปที่หอพัก ระยะทางก็ไกลอยู่ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงเศษ(ถ้ารถไม่ติด)แต่เย็นนั้นฝนก็ตก ขณะที่รถกำลังแล่นไปหาลูกสาว ทั้งที่ตัวเองก็เป็นไข้อยู่ แต่รู้สึกจิตตัวเองนิ่งมาก ถามว่าแม่จะเป็นอะไรไหมหนอ? มีเสียงตอบกลับมาว่า ไม่เป็นไร พอรับลูกสาวก็รีบบึงกลับมาบ้านดูแม่ก่อน แม่หลับไม่มีอะไร จึงพาลูกไปโรงพยาบาล เช้าวันต่อมาแม่บอกสบายดีขึ้น แต่ตอนบ่ายเริ่มถ่าย 2 รอบ พาแม่เข้าห้องน้ำล้างตัวเพราะถ่ายเหลว ลูกสาวอาการดีขึ้นจะกลับหอแล้ว พรุ่งนี้มีเรียน 2 วิชา ทำไงดี พาแม่เข้าห้องนอนใส่ผ้าอ้อม ให้กินน้ำเกลือและยาฆ่าเชื้อ และรีบบึ่งรถไปส่งลูกสาวที่หอ รีบกลับมาแม่ถ่ายออกมาเต็มผ้าอ้อม จึงต้องมาเช็ดทำความสะอาด ขณะที่เช็ดอุจจาระเหลวๆนั้นก็นึกนี่แหละหนอมนุษย์มีอะไรดีบ้างหนอ เกิดมาก็มีแต่เจ็บมีแต่ป่วย เดี๋ยวเดียวก็ตาย แล้วก็มาเกิดใหม่อีก วนเวียนอยู่อย่างนี้ มือก็เช็ดๆๆๆก้น ให้แม่พลิกไปพลิกมาเช็ดล้างทีละด้าน จนสะอาด แม่ก็ถ่ายไหลออกมาอีก ก็ค่อยๆๆเช็ดใหม่ จนเสร็จใส่ผ้าอ้อมให้ใหม่ ปูผ้ารองให้แม่ แม่บอกว่าขอโทษนะ แสงจันทรบอกแม่ว่า ไม่ต้องขอโทษหรอก ไม่เป็นไรนะ นอนพักให้สบาย แม่ก็ยิ้มแล้วหลับ เช้าวันนี้แม่ตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์ที่ดี บอกว่าหายแล้ว นี่แหละหนอ มีเกิดแล้วดับไปทุกอย่าง ถามว่าในขณะที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆนั้น ถามว่าตัวเองทุกข์หรือไม่ ตอบว่าไม่ เพราะเหตุใดจึงไม่ทุกข์ เพราะทุกอย่างมีเกิด ก็มีดับ เมื่อเรารู้ เราปล่อยวาง เนื่องจากทุกสิ่งอย่างย่อมเป็นไปตามวาระ........
     
  6. คมวรรณ

    คมวรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +1,050
    วันนี้มารายงานตัวครับ..ว่าเกิดจากใจลอยหรือว่าขาดสติหรือว่าจิตลอยคับ.ขณะจิตเกาะพระไปด้วยคับ..บ้านแทบแตก..เพราะได้ช่วยคุณแม่บ้านสั่งเด็ดใบกะเพรา..สองกําเพื่อทําหมูผัดกระเพรา..แต่มีใบโหระพารวมอยู่อีกสองกําด้วยคับ.(ผมไม่ได้ยินแม่บ้านบอกว่ามีใบโหระพารวมอยู่ด้วยคับ..จึงเด็ดผัดรวมหมด)..ฮือๆเศร้าคับผม..
     
  7. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    โมทนาสาธุกับทุกท่านในกระทู้ อ่านนะจ๊ะของทุกท่านเลย
    ไม่มีเว้นแม้แต่ท่านเดียวนะ แต่ไม่ได้ตอบแค่นั้นเองจ๊ะ
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  8. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    สติกับการลืม
    มาแปลกอีกแร๊ว ดชน 555555
    จริงๆแล้วจะมาเขียนเรื่องอื่นแต่นึกขึ้นได้เมื่อคุณศรีจิตบุญใหม่
    ท่านได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับการลืมมา ก็เลยเอามาเขียนให้อ่านกัน
    เป็นเรื่องเป็นราว หรือ อาจจะไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวก็เป็นได้
    เพราะธรรมะของ ดชน นี้หาคนเข้าใจยากซะเหลือเกิน 555555
    การลืมในที่นี้มิได้เป็นการลืมทั่วๆไป คือ ลืมอะไรๆแบบ
    ลืมได้เรื่อยๆ หาสติไม่ได้ สตังค์ก็หดหายกระจายออก ประมาณนี้ 5555
    การลืมในที่นี้คือการลืมแบบมีสติ คือ เมื่อเราฝึกจิตเกาะพระ
    หรือฝึกเจริญสติมากๆ หรือ ใครก็ตามที่มีสติเยอะๆ แล้วนี้
    คือสติ ตามจิตไปได้ตลอด มองเห็นจิตทำนั่น นู่น นี่
    แม้จิตจะว๊อกแวก ล๊อกแลก ไปทางใด สติก็จะตามจิต
    ไปได้ตลอด มองเห็นจิตตลอด เป็นพี่เลี้ยงที่แสนดี พี่เลี้ยงที่
    ส่งมาจากแดนอรหันต์(อันนี้ ดชน พูดเอง อิอิ)
    คำถาม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการลืม พล่ามมาซะเยอะ
    (ไผคิดฟะ 5555)
    เกี่ยวสิ ก็เคยบอกหลายต่อหลายท่านไปแล้วนะว่า(จำไม่ได้ไผบ้าง)
    สติจะคอยบอกคอยเตือนจิต ว่าสิ่งนี้ดี สิ่งนั้นไม่ดี สิ่งนู้นสีดำ สิ่งโน้นสีขาว
    จิตยิ่งใหญ่จริง มีอำนาจจริง (ซึ่งหากใช้อำนาจนี้ไปในทาง
    ที่ผิด ก็ม้วยมรณา หมดอำนาจวาสนากันไป)
    แต่จิตก็เป็นเหมือนเด็ก เด็กที่ยังไม่รู้ประสีประสา
    เมื่อมีอะไรเข้ามา จิตก็จะกระโดดเกาะ ดี ไม่ดี ไม่รู้แหละ
    จิตท่านไม่สนใจ เกาะหมด วันหนึ่งเมื่อกรรมดีของดวงจิตนั้นๆ
    ได้โคจรเข้ามาถึง จิตก็จะมีพี่เลี้ยงชื่อ พี่สติ(ตามที่พี่ภูตั้งให้ พี่สติ)
    มาคอยดูแลเอาใจใส่ คอยบอกคอยว่ากล่าวตักเตือน
    เมื่อใดที่จิตจะทำอะไร พี่สติก็จะบอกให้รู้ว่า ควรหรือไม่ควร
    พี่สติอาจมาช้าเกิน บางครั้ง จานก็อาจแตกไปแล้วหลายใบ
    (โกรธคุณ สา)
    พี่สติอาจมาช้าไปนิด หลุดสะบัดหน้า (ใส่คุณ สา)ไปแล้ว 55555
    แต่เมื่อใดที่พี่สติอยู่ตรงนี้ อยู่กับเธอ(จิต)ตรงนี้ จะไม่มีอาการใดๆ
    เพราะพี่ท่านได้เข้าไปบอกนายน้อยไปแล้วว่า ขันติ อุเบกขา เจรจากัน
    ให้หรอย หรอย 55555
    (ไผ คือนายน้อย) นายน้อยก็คือจิตไง (แล้วทำไม ถึงเรียกนายน้อย)
    ก็นายน้อยยังบ๊ใหญ่เทื่อเน้อ (แล้วนายน้อยจะใหญ่ เมื่อไหร่)
    นายน้อยจะเป็นนายใหญ่ได้ ก็ต่อเมื่อนายน้อยได้รับการฝึกฝน
    ให้อยู่ได้นิ่ง เมื่อนิ่งได้ นายน้อยจะค่อยๆขยายตัวออก ๆๆๆๆๆๆๆๆ
    จนเป็นนายใหญ่ โดยมีพี่สติ อยู่ด้วยหรือคอยตามดูอยู่ตลอดเวลา
    ใครที่พี่สติยังตามไม่ทันจิตก็รีบๆฝึกตามกันไปเด้อ นายน้อยของท่าน
    จะได้เติบโต ซะที555555
    ...พล่ามเยอะเกิน ทีนี้ เมื่อพี่สติอยู่กะจิตได้อย่างต่อเนื่อง
    พี่สติก็จะคอยบอก(อ๊าว ก็บอกมาหมดแล้วว่า อะไรเป็นไร ยังจะมีอีกเรอ นึกว่า จิตรู้หมดแล้ว)
    ให้จิตอยู่กับปัจจุบัน... ฟังก่อนสิเฟ้ย....
    สติก็คือ ตัวรู้ รู้มันไปเป็นขณะๆไป
    จนจิตไม่เอาอะไรกับอดีต อนาคต อีกแร๊ว จิตรักพี่เลี้ยง
    ท่านนี้มาก อยู่ด้วยกันตลอด จิตก็เลยเกาะอยู่กับปัจจุบันตลอด
    เช่นกัน พอจิตเกาะอยู่กับปัจจุบันบ่อยๆ ทีนี้หละ ดชน เอ๋ย...
    เมื่อกี้ตูยังกดรหัส อยู่ดีๆ แต่ตอนนี้ตูลืม ลืมแบบ วิ๊ป แบบ วื๊ป
    แบบนึกยังไงก็นึกไม่ออก เหมือนไม่เคยมีสิ่งนี้อยู่ในมโน ของตูเลย
    ต้องทิ้ง คือหยุดหา ไม่เอาแล้วเฟ้ย เข้าเมลล์ไม่ได้ตูก็ไม่เข้าแล๊ว
    พอไม่ง้อ เอ็อ มาเอง อาจใช้เวลาช้า หรือ นาน ก็ตามแต่ 555555
    หรือ ตูกำลังสอนโยคะ ค้างขาไว้
    แล้วอยู่ๆ ตูก็ลืมท่าไปซะงั้น นึกเอาเองว่า อะไรจะเกิดขึ้น ขายังห้อยเติ้งอยู่ข้างบน ชะเอ๊ย
    หรือ กำลังคุยอยู่กับใครบางคนอยู่ดีๆ ตูก็นึก
    ชื่อเจ้าบ๊ ออก แล้วตูพยายามหาชื่อมรึง ว่าเมื่อกี้ตูเรียกมรึงว่าไร
    มันเป็นได้ถึงเพียงนี้
    โอ๊ย ยิ่งเรื่องภาษาที่เขียนนี้ ไม่ต้องพูด
    บางคำตูนั่งจ้องเลย ว่าถูกมั้ยคำนี้ ทั้งๆที่เป็นคำที่เขียนอยู่บ่อย
    มีอีกเยอะ เขียนไปได้ฮากันท้องแข็ง แต่อย่าเล่าเลย สมเพทตัวเอง555555
    พี่ภู บอกอาการเช่นนี้ว่า สัญญาตกกระป๋อง 55555
    ครูเพ็ญ หัวเราะใหญ่เลย 55555.....................
    ทีนี้ คงเข้าใจกันแล้วว่า สัญญาตกกระป๋องคือ อิหยัง
    ใครที่มีอาการเช่นว่า ไม่ต้องตกใจใดๆ เป็นเรื่อง
    ธรรมชาติ ธรรมดา ธรรมะ
    นั่นแล
    โมทนาสาธุ
    ปล.ไผอ่านบ๊รู้เรื่องก็ขอให้ลืมไปซะเน้อ นายเน้อ
     
  9. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    • ปุ จ ฉ า

    ผมได้พากเพียรอย่างหนักในกา<WBR>รปฏิบัติกรรมฐาน
    แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้ผล<WBR>คืบหน้าเลย

    ...

    • วิ สั ช น า

    เรื่องนี้สำคัญมาก
    อย่าพยายามที่จะเอาอะไรๆ ในการปฏิบัติ
    ความอยากอย่างแรงกล้าที่จะห<WBR>ลุดพ้นหรือรู้แจ้งนั้น
    จะเป็นความอยากที่ขวางกั้นท่<WBR>านจากการหลุดพ้น

    ท่านจะเพียรพยายามอย่างหนัก<WBR>ตามใจท่านก็ได้
    จะเร่งความเพียรจากทั้งกลาง<WBR>คืน กลางวันก็ได้

    แต่ถ้าการปฏิบัติ
    ยังประกอบด้วยความอยากที่จะ<WBR>บรรลุเห็นแจ้งแล้ว
    แต่ถ้าการปฏิบัติถ้านานเท่า<WBR>ใดหรือหนักเพียงใด
    ปัญญา (ที่แท้) จะไม่เกิดขึ้นจากความอยากนั้<WBR>น

    ดังนั้นจงเพียร แต่ละความอยา<WBR>กเสีย



    จงเฝ้าดูจิตและกายอย่างมีสติ<WBR>
    แต่อย่ามุ่งหวังที่จะบรรลุถึ<WBR>งอะไร
    อย่ายึดมั่นถือมั่นแม้ในเรื่<WBR>องการปฏิบัติหรือในการรู้แ<WBR>จ้ง

    วิสัชชาธรรม : หลวงพ่อชา สุภัทโท

    ขอขอบคุณ ที่มา : FB ธรรมโอสถ
     
  10. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    จริงๆแล้วการหมั่นคอยเข้าไปนึกระลึกถึงพระ
    ก็เป็นได้ทั้งการฝึกจิตและสติ
    ฝึกจิตให้อยู่นิ่งอยู่กับพระ ฝึกสติคือ รู้ตัวว่า เออ เราลืมนึก
    ถึงพระ นึกเลยดีกว่า รู้ตัวขึ้นมาในเวลานั้นๆก็คือสติมาแล้ว
    คำว่า เออ เราลืม นี่แหละคือสติ คือตัวรู้
    การฝึกสติทางกายก็คอยตามดูกายเคลื่อนไหว หันซ้าย ย้ายขวา
    รู้ รู้แขนขยับ ปากเขยิบ เป็นการรู้อาการกาย เป็นการฝึกสติ
    อย่างหนึ่ง แต่การฝึกสติทางใจ ก็คือ ตามดูจิตรู้ใจคิด จิตไปไหนๆ
    จิตโกรธ จิตดี จิตเซ็ง จิตหงุดหงิด จิตเบื่อ จิตเหงา จิตรัก
    จิตนั่น จิตนี่ จิตนู่น จิตโน่น(ไปเรื่อยตามแต่จิต) ก็ดูไปรู้มันไป
    ดูซิว่าจะไปถึงดาวไหนกันเชียว อย่าให้ตัวรู้หลุด หลุดเมื่อไหร่
    โหระพา ได้ เปลี่ยนพันธ์เป็นกระเพรา ว่าไปแล้ว ก็อร่อยทั้ง
    สองอย่างนะ 55555 ตอนมันออกมาไม่เห็นแบ่งว่าเป็นกระเพราหรือ
    โหระพาหรือหมูกันเลยอ่ะ555555 (โทษที ธรรมะไม่เครียดนะ)
    นึกถึงพระแล้ว จิตคงความสบายดี ก็ค้างคงความสบายในอารมณ์
    นั้นไว้ พระหายไม่เป็นไร จิตวิ่งไปไหนๆดูมันหน่อยพอมันเริ่มไป
    มากต้านไม่อยู่ ทานไม่ไหว จิตไม่นิ่ง วิ่งเข้าไปเกาะพระซะเลย
    ฝึกจิตเกาะพระ ก็ควรฝึกสติควบคู่ไปด้วย จะได้หนุกๆ ไม่เครียด
    ไม่มีจานลอย หรือไม้กวาดบิน 55555 เอ๊า..เอาใหม่ ขอโมทนากับ
    ความเพียรของท่านหลายๆเด้อ และขอเป็นกำลังใจ บุญบารมีใด
    ที่ข้าพเจ้าได้ทำมาและกำลังทำอยู่ก็ขอยกให้กับท่านผู้มีความเพียรท่านนี้ให้เดินไปถึงจุดหมายปลายทางที่ท่านได้ตั้งไว้เทอญ
     
  11. โลกุตร

    โลกุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2012
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +124
    ขอบคุณ พี่ภู และ คุณลูกพลัง ที่ช่วยตอบคำถามผมครับ
     
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สงสัยจะหมดสต๊อก "จิตบำเพ็ญ"
    พี่ภูเห็นขันธ์5 ครูเพ็ญเหนื่อยมาก
    ไหนจะเหนื่อยกับทางโลก งานประจำที่ของท่านทำอีก
    ขอเตือนกับผู้ปฎิบัติ ได้โปรดทำตามคำแนะนำครูก่อนนะ
    แต่ถ้าคุณทำสำเร็จแล้ว ก็จะเป็นตาของคุณที่จะไปทำอะไรต่อมิอะไร
    เพราะครูมีหน้าที่เพียงแต่ ส่งพวกคุณให้ถึงประตูนิพพานเท่านั้น
    ที่เหลือคุณเท่านั้นที่จะเดินหรือไม่เดิน ก็เป็นเรื่องของทุกคนแล้ว

    ใครปฎิบัติไม่จริงจังกับครูเพ็ญนะ ขอบอก ท่านปล่อยเกาะเลยนะ
    แต่จริงๆแล้ว ท่านก็ไม่ได้ทิ้งซะทีเดียวหรอก แต่ท่านจะเข้าอุเบกหนีลูกศิษย์(ชั่วคราว)
    แหม๊ลำบากจริงๆนะ เป็นครูสอนธรรมะเนี๊ย สอนธรรมะเฉยๆจะไม่เหนื่อยขนาดนี้
    นี่ไงหล่ะ พี่ภูถึงขอบายงานสอนเนี๊ย
    เพราะผมมองเห็นจิตคนทั่วๆไปแล้ว แต่ละท่านนี่ขยันเกิด-ดับเสียจริงๆ
    คืนนี้ไม่บ่นมากแล้ว เพราะมีครูดัชช่วยพร่ำไปแล้ว
    หายไปไหนหลายวันเลยครูดัช พี่ภูคิดถึงนะ
    มีไรมาเล่าให้กันฟังบ้าง เป็นธรรมาทาน
    เอาแต่เรื่องธรรมะนะ ทางโลกไม่เอาแล้ว ร้องยี้..
    วันนี้ครูเพ็ญหาย ผมรู้แล้ว...ฮ่าๆ
    ผมอยากให้ครูเพ็ญได้พักผ่อนบ้าง ท่านแฮ๊กๆ
    พี่ภูอยากให้ผู้ปฎิบัติทั้งหลาย สงสารครูทั้งหลายกันมั่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 สิงหาคม 2012
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    คุณลูก! (คมวรรณ) อย่าเพิ่งไปพูดแบบนั้น
    โดยเฉพาะกับผู้มาใหม่ หรือ ผู้ปฎิบัติใหม่
    พี่ภูเข้าใจทุกคนนะ ในฐานะพี่ภูผ่านร้อน ผ่านหนาว
    ผ่านมาหลายฝน (18ฝน18หนาว) น้องคมวรรณทันไหม๊เพลงนี้
    สรุปว่าแก่ก็ได้ แต่พี่ภูไม่อยากเป็นคนแก่แล้วแก่เลย
    หรือ แก่กะโหลกกะลา แต่จิตเราต้องแก่ตามร่างกายด้วยนะ
    คือจะต้องแก่ฝ่ายบุญ ฝ่ายกุศล

    คุณลูก(คมวรรณ)ครับ ไปๆมาเรียกเธอว่าลูกซะงั้น!
    พี่ภูทราบดีว่า หนูก็เพิ่งมือใหม่หัดขับเหมือนกัน
    พี่ภูขอให้หนูฝึกขับจิตตนเองให้เก่งๆก่อนนะ
    ผู้ปฎิบัติที่ดีจะต้องมีระเบียบวินัยในตนเอง
    คือให้อยู่ในที่เฉพาะของการปฎิบัติของตนเอง
    อย่าปล่อยจิตตนเองออกมาเผ่นผ่าน ให้สติอยู่ที่กาย จิตอยู่ที่พระ
    ปล่อยให้ครูเขาทำหน้าที่ของเขาไป
    หน้าที่ใคร หน้าที่มัน อย่ามั่ว เดี๋ยวจะยิ่งมั่วกันไปใหญ่
    ทำไปๆ ให้จิตเกาะพระเข้าไว้ อย่าไปเกาะกระทู้มาก
    เดี๋ยวจิตจะไปยกกระทู้แทนที่จะยกจิตตนเอง เดี๋ยวผิดวัตถุประสงค์
    ผู้ปฎิบัติไม่ควรไปดูจุดอ่อนผู้อื่น หรือไปเพ่งโทษผู้อื่น
    ให้ดูที่จิตตนเองว่ายังมีความเลวอยู่ไหม๊
    พี่ภูเชื่อเหลือเกินว่า ผู้ที่เข้ามาฝึก หรือมาอ่านในกระทู้นี้ก็ดี
    พี่ภูถือว่า เขาเป็นคนดีหมด แต่ที่เขาไม่ดีมาแต่ก่อนนั้น
    พี่ภูไม่สนใจ สนใจแต่กรรมดีในปัจจุบันเท่านั้น
    ที่นี่โจรกลับใจก็รับ เพราะรักคนอื่นเท่ากับรักตนเอง
    อย่าไปถือว่าเราดีกว่าคนอื่น อย่าไปเปรียบเทียบ
    อย่าเพิ่งไปฟันธงว่าเขาเลว ถึงเขาเลวก็ไม่เกี่ยวกับตนเอง
    เสียเวลาการปฎิบัติมรรคผลของเราเปล่าๆ

    เพราะฉะนั้น พวกเราจะต้องให้โอกาสคนที่จะมาปฎิบัติความดี
    กลับตัวกลับใจ พวกเราจะต้องให้กำลังใจกันนะ อย่าเพิ่งไปซ้ำเติม
    อย่าเพิ่งไปตำหนิ เพราะคนเราศีลไม่เสมอกัน
    เนื่องจากจิตละเอียดไม่เท่ากัน นั่นคือ เหตุผลหลัก
    ทำไมพี่ภูพูดเช่นนี้ เพราะเมื่อก่อนศีลพี่ภูทะลุ ไม่เพียงแต่ขาดเฉยๆ
    รู้จักป่ะ คำว่า ทะลุ คือ มันยิ่งกว่าขาด สวดมนต์ก็ไม่เป็น

    แต่สำหรับเรื่องศีล ไม่มีใครรักษาศีล5 ได้บริสุทธิ์ผุดผ่องกันหรอก
    เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าจิตยังหยาบอยู่
    ศีลไม่ใช่เป็นเรื่องกฎหมาย แต่ศีล(หยาบ)จะอยู่ที่ความเหมาะสมมากกว่า
    เพราะคนที่เกิดมานี้ ก็คือ คนหลงด้วยกันทั้งนั้นแหล่ะ
    หรือว่ามีคนจะเถียงว่า ไม่จริ๊ง ไม่จริง มีไหม๊ ถ้ามีพี่ภูหลบ
    แต่พี่ภูทราบดีกว่า จิตคุณลูกนี่ดีมากแล้วนะคร๊าบบ
    ฝึกจิตให้ดียิ่งๆขึ้นไปนะลูก แต่ถ้าจิตเธอยกเมื่อไหร่
    เดี๋ยวจะยกให้เป็นครูสอนจิตเกาะพระคนต่อไป
    จิตยกเมื่อ อย่าหนีพี่ภูไปก็แล้วกัน มาช่วยครูสอนก่อน

    ขอพูดเรื่องศีลของคนเราหน่อยนะ
    การปฎิบัติธรรม ไม่ว่าจะกรรมฐานกองไหนตาม
    ก็เหมือนกัน คือผู้ปฎิบัติจะต้องรักษาศีล5ให้ครบก่อน
    แต่ถ้าใครไม่สนใจเรื่องศีล(ศีลของตนเองนะ ไม่ใช่ศีลคนอื่น)
    จะไม่เจริญก้าวหน้าในทางธรรมเท่าที่ควร
    ไม่เชื่อก็ลองดู
     
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ทุกข์เท่านั้นที่เกิด ทุกข์เท่านั้นที่ดับ
    นอกนั้นไม่มีอะไรเกิด ไม่มีอะไรดับ


    ยังมีคนที่ไม่ค่อยจะเข้าใจว่า ฉันเป็นทุกข์ทำไม?
    ยังมีไหม๊? ยกมือขึ้นดิ (นั่น เพี๊ยบเลย)
    นับประสาอะไรกับผู้ไม่ปฎิบัติ พวกเราที่กำลังปฎิบัติกันอยู่นี้
    ก็ยังไม่หลุดพ้นทุกข์กันเลย
    เพราะเหตุผลหลักๆ ก็คือ พวกเราไม่ยอฝึกสจิ หรือ ฝึกจิตกันนี่
    จิตจึงไม่เข้าใจเรื่องทุกข์ ในเมื่อจิตไม่เข้าใจทุกข์แล้ว
    ตัวเราเองนี่แหล่ะ จะเป็นทุกข์สาหัสมากไปจนวันตาย
    ถึงมีลมหายใจก็ยังหลง ตายไปก็ยิ่งหลงหนักเข้าไปใหญ่
    หลงเกิดกันอีก หลงมีกายกันอีก หลงว่าร่างกายนี้เป็นของเรากันอีก
    เพราะเราเข้าใจผิดกันนี่เอง

    ฝึกซะนะจิตน่ะ ไม่ฝึกก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจ และไม่หลุดพ้นทุกข์กันซะทีนึง
    เราแค่อ่านฟังธรรมกันเฉยๆ ก็ไม่พ้นทุกข์ไปได้
    เพราะพระพุทธเจ้าท่านปูทางให้กับชาวพุทธกันไปเรียบร้อยแล้ว
    นั่นก็คือ อริยมรรค (หนทางแห่งการดับทุกข์)
    ทุกข์เกิดที่ไหน ก็ดับที่นั่น แล้วทุกข์เกิดที่ไหนหล่ะ! ที่จิตใจ
    แล้วจิตใจใครหล่ะ ใครทุกข์ก็คนนั้นแหล่ะ!
    ที่พูดมาเนี๊ย รู้ทุกคนแล้ว เหลือแต่ดับไม่เป็น เพราะไม่รู้จะเอาอะไรไปดับ
    ทุกข์เป็นนามนะน้องสาวเอ๊ย! ไม่ต้องไปหาให้เมื่อย เพราะหาอย่างไรก็ไม่พบ
    เพราะทุกข์เป็นนาม ไม่มีรูปร่าง มะเร็งพอไหว เพราะถ้าพบเมื่อไหร่ตัดทิ้งลูกเดียว
    แต่นี่เป็นทุกข์ เป็นนาม จิตก็เป็นนามอีก ใช้ตาเปล่า ตาเนื้อก็มองไม่เห็น
    เพราะฉะนั้น ทั้งความทุกข์ ทั้งจิตของคนเราจะต้องใช้นามเป็นผู้ตามดู
    ตามรู้ทุกข์ที่เกิดภายในจิตใจของตนเองให้ได้ นั่นก็คือ สติ

    เฉพาะเรื่องสติเพียงอย่างเดียว พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงมีพระวิสัยทัศน์กว้างไกล
    จึงมีกรรมฐานตั้ง 40กอง แคบลงมาอีกหน่อยก็คือ จริต๖
    กรรมฐาน หรือ การเจริญสติภาวนานี้ จะเป็นอุบายแค่ทำให้จิตคนเรานิ่งเท่านั้นเอง
    บางคนแค่ทำให้จิตนิ่งเฉยๆ ก็ใช้เวลากันยาวนานมากเลย เอ่อคนนะคนเรา
    ไม่รู้จักจะพูดอย่างไรดี ยามดี ยามว่าง ยามสุขก็ไม่เข้ามาดูกันหรอก
    เมื่อทุกข์มาเยือนเมื่อไหร่ เมื่อนั้นพวกเราอยากที่จะศึกษษธรรมะกันสักที
    แต่ถ้าใครคิดว่า รอให้เกษียณก่อน รอให้แก่ก่อน ปฎิบัติธรรมเป็นเรื่องของคนแก่
    เมื่อก่อนผมก็เข้าใจแบบนี้นะ โอ้ถ้าใครคิดเหมือนผมเมื่อก่อนนะ คิดผิดมากๆเลย
    ถามว่า คนแก่มันทุกข์เป็นคนเดียวหรอ มันเลือกที่ไหนหล่ะ ความทุกข์น่ะ
    แต่บางท่านเกดทุกข์น้อยก็พอทน แต่บางท่านเป็นทุกข์มาก
    ไม่มีทางออกให้ชีวิตตนเอง
    แต่ถ้าใครทุกมากๆ ก็จะมีทางออกแค่สองทาง ก็คือ

    ๑. ฆ่าตัวตาย
    คุณนึกว่าตายแล้ว จบสิ้นกันหรอ ตายแต่กาย แต่จิตไม่ได้ตายไปตามกายนะ อย่าเข้าใจผิด
    ๒. หันหน้าเข้าหาธรรม นั่นคนที่เข้ามาที่กระทู้ผมน่ะ มีเพี๊ยบ คือดีหนึ่ง ประเภทสอง
    ไม่ใช่กระเทยนะ อย่าเข้าใจผิด คือพวกที่พอจะมีบุญหน่อยนึง เวลามีความทุกข์เข้ามาเยือน
    ก็จะมีอะไรมาดลจิตดลใจให้เราต้องหันหน้าเข้าหาธรรม อันนี้เป็นเรื่องจริง
    แต่ถ้าบุญใครหมดพอดี และก่อนหน้าที่จะตาย ก็ไม่เคยประกอบคุณงามความดี
    กรรมไม่ดีก็จะนำพาเราไปในทางที่ไม่ดีกันอีก คือให้ไปทุกข์ในโลกวิญญาณต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 สิงหาคม 2012
  15. ทิวลิปขาว

    ทิวลิปขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +1,555
    สาธุ คุณครูดัช อ่านธรรมคุณครูแล้วไม่เครียดจริงๆขำขันมันฮาทั้งได้ความรู้ทั้งได้ปัญญา

    ว่าแล้วก็ส่งการบ้าน เลยดีกว่า... คุณครูจิตบุญทุกท่านนะคะ

    และขอบคุณ ครูลูกพลังก่อนที่เมตตาแนะนำทางให้
    วันนี้จิตเกาะพระได้ องค์เดียว ดีมากเลย คือไม่เปลี่ยนสลับไปเปลี่ยนมา

    ดิฉันปฏิบัติโดยน้อมจิตคิดถึงพระ ตรงกลางจิตกลางใจเหมือนคิดถึงพ่อคิดถึงแม่ด้วยความรัก เคารพ บูชา อารมณ์ของใจนี่คิดถึงบ้านมากอยากไปกราบท่านมากๆ (คืออารมณ์เบื่อโลก เบื่อความทุกข์ เบื่อสุขมีมานานแล้ว ส่วนมากมันจะทุกข์มากกว่าสุข )แต่ขอให้ลูกได้เห็นทางก่อนนะเจ้าค่าแล้วลูกจะไปกราบเบื้องบาท

    กลับบ้านเก่า ไม่รู้ยังงัยคิดถึงคำนี้ขึ้นมาคนชอบพูดว่ากลับบ้านเก่าในความหมายที่ว่าไปตาย ทั้งที่ตายแล้วไปรู้ว่าไปไหน
    แต่ในความรู้สึกของตัวเองความหมายว่ากลับบ้านเก่า คือ นิพพาน

    อารมณ์ความรู้สึกมันเตื้นตันมาที่คอหอย ขนลุกซ่าน อบอุ่นที่กลางอกทุกที (อย่างนี้เค้าว่า ปิติ กะมั่ง) ก็วางปิติไว้

    จิตสอนจิต จะมีมาตลอดเลย หลายอย่าง พิจารณาเป็นไตรลักษณ์ได้ง่ายขึ้น
    แต่ก็มีนะ ลืมภาวนา แต่เราก็รู้นะว่าเราลืมภาวนา เราลืมพระ
    จิตสอนยังมาบอกเราอีกนะ มีแต่เรานั้นแหล่ะลืมพระ แต่พระไม่เคยลืมเรา แฮะแฮะค่า....จะจำไว้บอกตัวเอง

    สรุปว่า...สนุกดูจิต ดูกาย สนุกภาวนา สนุกคิดถึงพระ
    แต่ก็มีเหมือนนะกัน จิตเครียด
    ก็พิจารณาเข้าไปว่าทำไมเราถึงเครียด
    พอถึงจุดหนึ่งที่เราเข้าใจความเครียดมันก็หายไปเอง

    เพราะดิฉันก็มีปัญหากับจิตเครียดเหมือนกันเมื่อก่อน ถ้านั่งสมาธิแล้วชอบเพ่ง เลยติดเป็นนิสัย นิสัยเลยเสีย ติดเพ่ง ทำอะไรแล้วชอบเพ่ง ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะเพ่ง ทำให้ปวดหัวปวดขมับเลยนั่งสมาธิไม่ได้ตั้งนานสองนาน
    ตอนนี้เลยมาทำสมาธิ แบบรู้สึกตัว จิตก็เกาะพระไปด้วย
    จิตสอน ยังบอกตัวเองนะ ว่าใจให้อยู่กับตัว จิตไปอยู่กับพระท่าน

    สรุปรายงาน เจ็ดวันที่เริ่มทำจิตเกาะพระ
    ทำให้รู้สึกกาย เห็นตัวเอง เห็นการคลื่นไหว ของร่างกายขึ้นมาได้นิดนึง
    ทำให้เห็นจิต เห็นอารมณ์ตัวเอง เห็นความเบื่อ ก็รู้ว่ามันเบื่อ เห็นว่าขาดสติ ลืมภาวนา ก็รู้ว่าลืม เห็นว่าเผลอ ก็รู้ว่าเผลอ ใจลอย ก็รู้ รู้ว่าจิตมันเครียด ก็รู้เห็นขึ้นมาได้นิดนึง
    เข้าใจนิดนึงอย่างลางๆ ที่พระท่านว่า เดินทางสายกลาง
    เข้าใจนิดนึงอย่างลางๆ ที่พระท่านว่า รับรู้แต่ไม่รับเอา
    ด้วยปัญญาที่เมื่อก่อนคิดว่าอยู่ปลายๆหางอึ่ง ตอนนี้น่าจะขยับขึ้นมากลางหางอึ่ง
    ตอนนี้แอบดีใจหน่อยๆ เออ...เราก็เข้าใจธรรมะที่พระท่านพูด

    สรุปต่อท้ายว่า สติยังไม่ต่อเนื่อง สมาธิยังไม่นิ่งค่าาา









     
  16. คมวรรณ

    คมวรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +1,050
    ขอขอบพระคุณ..คุณครูดั๊ซครับผม..
     
  17. คมวรรณ

    คมวรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +1,050
    รับทราบขอรับ คุุณครูภู..
     
  18. คมวรรณ

    คมวรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +1,050
    ขอขอบพระคุณ..คุณครูดั๊ซครับผม..
     
  19. คมวรรณ

    คมวรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +1,050
    ขอขอบพระคุณ..คุณครูภู..ครับผม..
     
  20. คมวรรณ

    คมวรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +1,050
    รับทราบ..ขอบพระคุณ..ครูภูคับ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...