คู่มือรักษาโรคด้วย "พลังจักรวาล"

ในห้อง 'ลงประกาศ ซื้อ-ขาย หรือทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย Little yoda, 5 ตุลาคม 2007.

  1. ha801

    ha801 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +928
    อ่ะน่ะ ถ้ามีอีกก็บอกล่วงหน้าแล้วกันน่ะ;aa21
     
  2. ajmin

    ajmin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +628
    ก็รู้สึกว่าเขาจะมีจัดระดับ21ที่อินเดียสิ้นปีนี้อะนะ แต่ไม่แน่ใจอ่า
     
  3. sureesan1

    sureesan1 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2008
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +16
    ว่าแต่การฝึกเปิดจักระเนี่ย แตกต่างจากการฝึกกำลังภายในยังไงอ่ะ หรือว่าเหมือนกัน อ่ะ อยากรู้ ไครรู้ช่วยตอบผมที่ ผมฝึกมันก็ไม่แตกต่างไรกันสักหน่อยเลย
     
  4. ha801

    ha801 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +928
    การฝึกจักระ ต่างกับฝึกกำลังภายในครับ มันคนละอย่างกัน
    การเปิดจักระ ก็ส่วนการเปิดจักระ
    การเปิดจักระนั้นทำให้ร่างกายสามารถดูดรับพลังมา เพื่อใช้ในการรักษาสุขภาพ;aa19
     
  5. ajmin

    ajmin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +628
    มาดันกระทู้
     
  6. Bkkianmar

    Bkkianmar Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +55
    2 ชุด 4 เล่ม ค่ะ
    ขอบพระคุณ
     
  7. battosai

    battosai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +346
    ช่วยส่งรายละเอียดเกี่ยวกับการชำระเงินด้วยนะครับ
    ผมขอสั่งจอง เล่ม1 กับเล่ม2 ครับ
    himura-kanchin@hotmail.com
     
  8. sureesan1

    sureesan1 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2008
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +16
    ศูนฝึกสอนภาคเหนือที่เชียงใหม่ มีด้วยหรอครับ แล้วอยู่แถวไหนอ่ะ แบบว่าอยากลองไปดูอะครับ เผื่อจะได้ความรู้กลับมาบ้างอ่ะ
     
  9. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    ศูนย์ที่เปิดสอนภาคเหนือรู้สึกว่าจะมีที่เชียงใหม่ที่เดียว ลองโทรไปเช็คดูนะครับ
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]THAILAND
    S.H.Y. CHIANGMAI
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]FOUNDATION[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]
    Visit the Website
    Dr. Ampornsri Na Lamlieng
    45 Moo. 5, T. Maesa A. Maerim
    Chiangmai 50180 - Thailand
    Tel: +66-53-297707
    Fax: +66-53-299080
    E-Mail: shycm@shy.th.org[/FONT][/FONT]
     
  10. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    “แสงออร่า”ของคน
    โดย อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข
    <DD> <DD>“แสงออร่า”ของคน เป็นแสงรัศมีที่ล้อมรอบกายหยาบอยู่ทุกทิศทาง แสงออร่ามี 3 มิติ คนที่มีสุขภาพแข็งแรง แสงออร่าจะเป็นรูปกลมรี หรือรูปไข่ล้อมรอบกายหยาบ ซึ่งคนทั่วไปมีแสงออร่าล้อมรอบประมาณ 8-10 ฟุต ผู้นำศาสนาโบราณสามารถแผ่รัศมีได้หลายไมล์ เป็นเหตุให้เขาสามารถชังจูงสานุศิษย์ชุมนุมในบริเวณที่เขาเดินทางไป

    <DD>- ยิ่งสุขภาพกาย สุขภาพใจดีเท่าไหร่ แสงออร่าก็ยิ่งมีความสั่นสะเทือนมาก และแผ่รัศมีได้ไกลขึ้น แสงออร่ายิ่งสั่นสะเทือนมาก เราจะยิ่งมีพลังทำสิ่งที่ต้องทำและอยากทำมากขึ้น และยิ่งได้รับผลกระทบจากพลังภายนอกน้อยลง

    <DD>- แสงออร่ายิ่งอ่อน ก็ยิ่งทำให้พลังภายนอกเข้ามาก่อกวนง่ายขึ้น ทำให้เราถูกครอบงำและเหน็ดเหนื่อยมากขึ้น แสงออร่าที่อ่อนแออาจส่งผลให้เราล้มเหลว เจ็บป่วย และไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต

    <DD>“แสงออร่า” หรือแสงรัศมีของคนมี 2 ลักษณะ แสงนั้นรวมถึงพลังจากกายทิพย์ด้วย กายทิพย์เป็นแนวพลังที่มีความเข้มแตกต่างกัน ล้อมรอบและแทรกซึมอยู่ในกายหยาบ มีหน้าที่สำคัญในการช่วยประสานและดูแลกิจกรรมกายวิญญาณในกายหยาบ กายทิพย์เป็นเพยงส่วนหนึ่งของแสงออร่าเท่านั้น
    ลักษณะของแสงออร่า

    <DD>1. แสงออร่าของแต่ละคนมีความถี่ไม่เหมือนกัน <DD>2. แสงออร่าของเราจะสัมพันธ์กับแสงออร่าของคนอื่น <DD>3. แสงรัศมีของคนสัมพันธ์กับแสงรัศมีของสัตว์ พืช แร่ธาตุ และสิ่งอื่นๆ ด้วย <DD>4. ยิ่งติดต่อกันใกล้ชิดและยาวนาน จะยิ่งมีการแลกเปลี่ยนพลังกันมากขึ้น <DD>5. แสงออร่าและการเปลี่ยนแปลง มีผลต่อร่างกาย อารมณ์ จิตใจ และวิญญาณของบุคคล
    การอ่านแสงออร่า

    <DD>1. สีที่อยู่ใกล้ร่างกายมากที่สุดมักบ่งบอกถึงสภาพและพลังของร่างกาย สีที่อยู่ห่างออกไปบ่งบอกถึงอารมณ์ จิตใจ และจิตวิญญาณที่ส่งผลกระทบต่อสีของร่างกายได้ <DD>2. สียิ่งสดใสและเย็นตาก็ยิ่งดี สียิ่งหนาทึบและขุ่นมัวก็ยิ่งแสดงถึงความไม่สมดุล การทำงานมากเกินไป และปัญหาที่เป็นไปได้อื่นๆ ตรงตำแหน่งที่สีนั้นปรากฏอยู่ <DD>3. สีเข้มๆ แต่สดใสก็บ่งบอกถึงระดับพลังที่สูงได้เช่นกัน การมีสีเข้มไม่จำเป็นต้องไม่ดีเสมอไป <DD>4. แสงออร่ามักมีมากกว่าหนึ่งสี โดยแต่ละสีจะบอกถึงเรื่องที่แตกต่างกันไป เราต้องเรียนรู้ว่าสีที่ต่างกันนี้ส่งผลอย่างไร และผลของสีที่ผสมกันเป็นอย่างไร <DD>5. เมื่อเรามองเห็นออร่าผู้อื่น ให้จำไว้ว่า เรากำลังมองผ่านแสงออร่าของเราเอง และการอ่านออร่าคนอื่น จำเป็นต้องรู้จักออร่าตนเองก่อน ถ้าแสงออร่าเรามีเหลืองเป็นส่วนใหญ่ คนอื่นสีน้ำเงินเราอาจเห็นเป็นสีเขียว ปรับเปลี่ยนไปตามจิตใต้สำนึก จึงอย่างด่วนสรุป <DD>6. อย่าตัดสินใจคนด้วยสิ่งที่เห็นจากแสงออร่า <DD>7. เรียนรู้การใช้จิตในการอ่านแสงออร่า สีและความชัดเจนบ่งบอกถึงสิ่งที่แตกต่างกันทั้งสิ้น <DD>8. แสงออร่าเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยครั้ง อารมณ์ การใช้ร่างกายและจิตอย่างหนัก ส่งผลต่อแรงสั่นสะเทือนของสีและแสงออร่า แสงออร่าเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเราอายุมากขึ้น เมื่อเราพัฒนาความสามารถในการมองแสงออร่า เราจะพบว่า แต่ละคนจะมีสีเด่นเพียงสีเดียวหรือหลายสี (แม้โทนสีอาจเปลี่ยนไป) ที่ปรากฏอย่างต่อเนื่อง สีที่รองลงมาและความเกี่ยวข้องกันของสีหนักและสีรอง <DD>9. สีและโทนสีที่เราเห็นมักจะเป็นสีเทาหรือน้ำเงินอ่อน ฝึกไปเรื่อยๆ ก็จะมองเห็นเอง อย่ากำหนดเวลาให้ตนเอง แต่ควรฝึกทุกวัน จะเห็นความเปลี่ยนแปลงภายใน 4-6 สัปดาห์ อย่างน้อยที่สุดเราจะเริ่มมองเห็นแสงออร่า แม้ว่าจะยังไม่เห็นสี <DD>10. เมื่อเราพัฒนาความสามารถในการมองออร่า จำไว้ว่า เราไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งกับพลังของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต เราต้องใช้ความสามารถในการมองออร่าอย่างมความรับผิดชอบ </DD>
    เรียบเรียงโดย
    งานถ่ายทอดเทคโนโลยี
    กองการแพทย์ทางเลือก
     
  11. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    แบบฝึกหัดให้เห็นแสงออร่า

    1. การมองยอดขอบไม้ตัดกับท้องฟ้า
    1.1 นอนหงายบนสนามหญ้าที่ไร้เมฆหมอก
    1.2 มองต้นไม้ที่อยู่ไกลออกไป ไล่จากโคนไปยังยอดไม้
    1.3 เพ่งเส้นขอบยอดไม้ที่ตัดกับท้องฟ้า อย่าเพ่งให้มากนัก ให้ทำสบายๆ พยายามดูรายละเอียดท้องฟ้าให้มากที่สุด แล้วเปลี่ยนเป็นมองผ่านๆ
    1.4 เราเริ่มรู้สึกถึงความสลัวลางๆ ตรงเส้นขอบยอดไม้ ให้สังเกตเฉยๆ จะเห็นสีที่อ่อนใสกว่าสีท้องฟ้าไกลโพ้น ล้อมเป็นกรอบ เห็นได้ชัดในฤดูใบไม้ผลิ เมื่อพลังชีวิตของต้นไม้ได้รับการกระตุ้น โดยมีพลังและการเติบโตจากรากถึงยอดไม้ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแสงออร่าของต้นไม้

    2. การมองแสงออร่าของผู้อื่น
    2.1 ให้เพื่อนยืนพิงพนังโล่งสีขาวๆ หากเริ่มฝึก ให้ใช้ห้องที่มีแสงสลัว จะเห็นผลมากกว่า เรายืนหรือนั่งห่างออกไป 8-10 ฟุต แต่ต้องเห็นเพื่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า รวมทั้งบริเวณรอบๆ ตัวเขาด้วย
    2.2 เพ่งสายตาอยู่ที่หน้าผากของเพื่อน จากจุดนี้ให้มองรอบตัวเพื่อตามเข็มนาฬิกา ทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้หลายๆ ครั้ง เพื่อเป็นการกระตุ้นโคนและรอดในดวงตา
    2.3 กลับมาเพ่งที่หน้าผาก หรือที่จุดที่สูงที่สุดนานอีกประมาณ 15-30 วินาที
    2.4 เปลี่ยนการเพ่งมองมาเป็นการมองรอบตัวเพื่อน แล้วสังเกตนิ่งๆ แสงออร่าที่ศีรษะและที่หัวไหล่มักปรากฏชัดกว่าที่อื่น ให้ทำซ้ำๆ เท่าที่จำเป็น เราจะเริ่มมองเห็นแสงออร่าของผู้อื่น

    โดย อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข
     
  12. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    การเสริมพลังออร่า

    <DD>1. แสงแดด <DD>2. การออกกำลังกาย <DD>3. อากาศบริสุทธิ์ <DD>4. การรับประทานอาหารน้อยๆ แต่บ่อยๆ การรักษาลำไส้ให้สะอาด <DD>5. การทำสมาธิ <DD>6. ดนตรี / การร้องเพลง <DD>7. กลิ่นหอม – เครื่องหอม / น้ำมันหอม / หญ้าหางหนูผสมกับหญ้าหวาน / กำยาน / กลิ่นการ์ดิเนีย <DD>8. คริสตัล และหิน
    การปกป้องแสงออร่า

    <DD>เทคนิคที่ 1 การป้องกันไม่ให้สูญเสียพลัง
    <DD>ปิดวงจรพลังของเรา ด้วยการนั่งไขว้ข้อเท้าและแตะนิ้วมือเข้าหากัน (เพียงแตะนิ้วโป้งและนิ้วชี้ก็ได้) วงจรพลังของเราก็จะปิดลง พลังก็ไม่ออกนอกตัวเรา <DD>เทคนิคที่ 2 การหายใจเพื่อพลัง
    <DD>- อากาศบริสุทธิ์และการหายใจอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ <DD>- ฝึกหายใจ ที่เรียกว่า “ไอดา-พิงกาละ” และความสมดุลของการหายใจ เรียกว่า “สุสุมนา” ช่วยเพิ่มพลังให้แสงออร่าอย่างรวดเร็ว ทำขั้วแม่เหล็กร่างกายสมดุล เพิ่มความจดจำข่าวสาร ทำให้สมองสองซีกสมดุล และกระตุ้นพลังระหว่างกัน เป็นการหายใจเข้าด้วยจมูกข้างหนึ่งกลั้นไว้ หายใจออกทางรูจมูกอีกข้าง ทำอย่างน้อยข้างละ 4-5 ครั้ง การทำเช่นนี้จะทำให้พลังแทรกซึมไปทั่วร่างกายและแสงออร่าได้เร็วขึ้น <DD>เทคนิคที่ 3 กระแสวนเพื่อการชำระล้าง
    <DD>ช่วยขจัดเศษซากพลังออกไป ทำให้ไม่มีการสะสมและสร้างความสมดุลขึ้นภายในแสงออร่า ใช้เวลาเพียง 5 นาที
    <DD>1. นั่งลงและผ่อนคลายร่างกาย หายใจตามเทคนิคที่ 2 จะสวดมนต์ก่อนก็ได้ <DD>2. นึกถึงภาพดวงไฟเล็กๆ สีขาวใสหมุนวนเริ่มก่อตัวขึ้น เหมือนพายุทอนาโดลูกเล็กๆ ขณะที่เริ่มเป็นรูปกรวย ขยายดวงไฟให้ใหญ่ขึ้นพอที่จะล้อมรอบแสงออร่าของเราได้ ปลายกรวยเคลื่อนลงมาที่กระหม่อมไปตามฐานกลางของร่างกาย <DD>3. ต้องหมุนตามเข็มนาฬิกา เมื่อสัมผัสกับแสงออร่าของเรา ให้นึกว่ากระแสนั้นดูดซับและเผาไหม้เศษซากพลังที่สะสมอยู่ <DD>4. ให้มอง รู้สึกและจินตนาการว่า กระแสนี้ได้เคลื่อนลงมาผ่านแสงออร่าและตัวเราทั้งหมด เป็นการชำระล้างพลังจากภายนอกที่พอกพูนอยู่ตลอดวันให้หมดสิ้นไป <DD>5. เมื่อกระแสวนนี้เคลื่อนผ่านตัวเรา ให้ปล่อยให้พลังนี้ออกไปจากตัวเราทางเท้าลงไปยังใจกลางโลก มองตามกระแสวนที่นำเศษซากพลังลงไปยังภพที่อยู่ต่ำลงไป เพื่อเอาไปใช้ประโยชน์ในการชีวิตเบื้องล่างในโลกนี้ </DD>
    โดย อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข
     
  13. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    <DD>
    ออราลิน (Auralin Therapy)</B>
    <DD>เป็นการวมกันของ 2 ศาสตร์ ของวิถีตะวันออกและวิถีตะวันตก ศาสตร์แรกก็คือ ออร่า (Aura) ออร่า คือ การรักษาโรคด้วยการใช้แสง ใช้สมาธิ ใช้มือในการบำบัดคนด้วยรัศมีรอบๆ ที่เรียกว่า รักษาคลื่นแม่เหล็ก เพื่อให้เกิดความสมดุลของประจุบวก/ลบ ซึ่งมนุษย์เรามีรังสีแม่เหล็กอยู่ในตัวเอง แต่เราจะมองไม่เห็นแสงออร่าที่ว่านี้ หรือบางคนเขาเรียกว่า “กายทิพย์” นั่นเอง รักษากายทิพย์โดยการใช้มือ ซึ่งศาสตร์นี้ทำในยุโรป ในอเมริกา นิยมรักษากันมากเพื่อปรับความสมดุลของคลื่นแม่เหล็กและออร่า พอรวมอีกแบบหนึ่งที่เห็นพวกในอะบอริจินที่ออสเตรเลีย เห็นพวกทิเบต เห็นพวกลามะรักษาโรค คือ ใช้ดนตรี ก็เห็นว่าออราลิน หรือออร่า มารวมกับสิ่งที่เป็นเครื่องดนตรี คือ ไวโอลิน ทำให้เกิดศาสตร์ใหม่ขึ้นมา
    วิธีการแสดงกลไกของออราลิน เธอราปี

    <DD>โดยการใช้ดนตรีไวโอลิน บรรเลงกันสดๆ ในการรักษา ซึ่งไม่มีโน้ตเพลงเลย เล่นตามอารมณ์ ตามความรู้สึก แล้วก็รักษาคนด้วยการรวมวิธีของออร่าด้วย มีการรวมกันของพลัง 3 ส่วน คือ ส่วนแรก ส่วนของผู้รักษา คือนักออร่า เธอราปี ส่วนที่สองคือนักไวโอลินบำบัด ส่วนที่สามคือผู้ถูกรักษา เอาพลัง 3 ส่วนมารวมกัน ซึ่งจะมีการรับ/ส่ง คลื่นพลังเสียงดนตรีของนักออร่าบำบัดกับนักไวโอลิน และพลังสัญญาณมือของนักออร่าบำบัด มาถ่ายทอดเป็นเสยงอีกทีหนึ่ง เพราะว่าในขณะที่ทำการรักษา ผู้ที่ถูกบำบัดหลับตาอยู่ ไม่สามารถเห็นมือที่เคลื่อนไหวลูบไล้ไปรอบๆ ตัว เสียงดนตรีก็จะต้องเล่นสัมพันธ์กัน แต่จะรู้สึกเหมือนกับว่าเราได้รับการรักษาโดยตรง ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลยนอกจากเสียงดนตรีกับตัวเรา และในขณะนั้นจิตวิญญาณของนักดนตรี นักออร่าบำบัด และผู้ถูกบำบัด จะรู้สึกว่ารวมเป็นพลังเดียวกัน และยังต้องใช้ความรัก ความเมตตา ใช้สมาธิส่งผ่านมายังผู้ที่ถูกรักษาพร้อมๆ กัน ทำให้เกิดการรักษาที่สมบูรณ์ขึ้น
    ใช้รักษาโรคอะไรบ้าง

    <DD>โรคพื้นฐานเกี่ยวกับประสาทอัตโนมัติ ความเครียด นอนไม่หลับ ความวิตกกังวล ภูมิแพ้ต่างๆ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ย้ำคิดย้ำทำ หงุดหงิดง่าย และอื่นๆ
    เรียบเรียงโดย
    งานถ่ายทอดเทคโนโลยี
    กองการแพทย์ทางเลือก
    </DD>
     
  14. saramander

    saramander สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +2
    เรือวิ่งเฉียดสงขลา พอจะเล่นเน็ตได้ ก็เลยมาหาข่าวหน่อย อยากเรียนต่อระดับ 5.1 จะสามารถเรียนที่ไหนได้ครับ จะเปิดเมื่อไร ผมเอง นี่อีกสามสี่วันเรือก็จะถึงแล้ว คงจะมีเวลาอยู่บ้านอีกสักพักนึง ครับ ดีใจที่มีหลายคนสนใจ ในวิชาพลังจักรวาล เพราะ สั่งหนังสือกันเพียบเลย ขออนโมทนาด้วยละกัน ครับ
     
  15. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    สถานที่เรียนต่อครับพลังจักรวาล
    1.มูลนิธิเพื่อฝึกพลังจักรวาล ถ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ครับ ค่าเรียน
    โทร. 02 969-9161- 2
    http://www.uethailand.org/ourcenter_th.html


    2.มูลนิธิวิทยาศาสตร์ทางจิตเพื่อการพัฒนา (ศูนย์ S.S.D.) ซ.ลาซาล (สุขุมวิท 105)
    โทร. 02-399-3059
    02-399-4331-2 กด 3
    http://www.ssdthailand.org/index.htm

    โทรสอบถามราบละเอียดกำหนดการเรียน และค่าเรียน
    ได้เลยครับ ใกล้ที่ไหนก็ไปที่นั่น
     
  16. triangle-w

    triangle-w เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    3,417
    ค่าพลัง:
    +21,412
    ในการศึกษาวิชาใดๆในโลกนี้ ขอเพียงให้ท่านศึกษาวิชาที่ท่านได้ศึกษาอยู่อย่างถ่องแท้ และมีความตั้งใจศึกษาให้ถึงระดับสูงสุดได้ ก็เพียงพอที่สามารถจะช่วยเหลือผู้อื่นได้แล้วครับ การจะศึกษาวิชาอื่นใดเพิ่มเติมขอให้ศึกษาวิชานั้นๆก่อนว่า วิชานั้นๆสามารถฝึกรวมกับวิชาที่มีอยู่เดิมได้หรือไม่ ก็ขอฝากให้ทุกท่านใช้วิจารณญาณของตัวท่านเองด้วยครับ
    จงดำเนินตนด้วยความไม่ประมาทเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2008
  17. jokerpalm

    jokerpalm Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +46
    2 เล่มเลยครับ

    joker_genius@hotmail.com

    พอจะมีแหล่งให้ศึกษาอีกไหมครับ
     
  18. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    รัตนชาติบำบัด
    [​IMG]

    มีหลาย ๆ ท่านที่สงสัยว่า พลังบำบัดจากหินมีจริงหรือไม่ อยากแนะนำเป็นกลาง ๆ ขึ้นอยู่ความเชื่อ ความศรัทธาของแต่ละ บุคคลค่ะและได้อ่านหนังสือที่น่าสนใจมากๆ เล่มนึง คือ หนังสือ รัตนชาติบำบัด ประสบการณ์จากการใช้จริง ซึ่งผู้เขียนคือ พญ.ลลิตา ธีระสิริ เป็นแพทย์แผน ปัจจุบัน ได้ลองนำ ไปใช้กับตัวเองและคนข้างเคียง จนเกิดความแน่ใจแล้ว เลยแนะนำ ให้ผู้ป่วย ทดลองใช้บ้างเพราะรู้สึกว่า ไม่น่าจะเสียหาย อะไร เหมือนใส่เครื่องประดับสวยๆ เท่านั้น เอง ซึ่งคุณหมอ ได้เตือนว่า อย่าคาดหวัง ผลการรักษามากมายจากการ ใช้หิน หรือคริสตัล รัตนชาติบำบัด มีมาเป็นพัน ๆ ปี อย่าลืมว่าสมัยนั้น เราไม่มียาเหมือนปัจจุบัน พลังจากธรรมชาติจะ ค่อยเป็น ค่อยไปและจะได้ผลในคนที่อยู่กับธรรมชาติ จึงเหมือนวิถี ธรรมชาติบำบัด ต้องใช้ประสานกันไปกับวิธีทางธรรมชาติอื่น ๆ ด้วย เช่น ต้องปรับเปลี่ยน อาหาร เปลี่ยนพฤติกรรมออกกำลังกาย บริหารจิต ให้สงบ ผ่อนคลาย และใช้สมุนไพร ควบคู่ไปด้วยค่ะ<O:p
    [​IMG]ทำไมรัตนชาติจึงใช้บำบัดโรคได้ ในสมัยก่อน คนโบราณ ได้ใช้คริสตัล หรือหินสี บำบัดโรคมาแล้ว ทั้งนี้ เนื่องจากคริสตัล หรือหินสี มี 'พลัง' ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องซับซ้อน และมีหลากหลายทฤษฎี ที่กล่าวถึงเหตุผลของการบำบัดโรคโดยรัตนชาติ ดังนี้

    1. ทฤษฎี คลื่นสั่นสะเทือน (Vibrational Theory)
    ร่างกายคนเราประกอบขึ้นจากคลื่นสั่นสะเทือนทั้งสิ้น การที่สามารถคงรูปร่างได้และอวัยวะต่าง ๆ ทำงานตามหน้าที่ปกติ เนื่องจากคลื่นสั่นสะเทือนทำงานตามปกติคลื่นพลังดังกล่าว
    <O:p[​IMG]

    2. ทฤษฎีจักระ (Chakra Theory)
    <O:pเป็นทฤษฎีของอินเดียโบราณ หลักการเบื้องต้นคือ พลังแห่งชีวิตของคนเรา จะเคลื่อนอยู่ในร่างกายขึ้นลง เป็นสองแนว มีลักษณะเป็นเกลียว และจะมี จุดตัดกัน ตรงตำแหน่งกลางของลำตัว ซึ่งถือว่าเป็นจุดตัด ของแนวเคลื่อนของพลังแห่งชีวิต 7 แห่งคือ
    [​IMG]<O:p
    1.จักระกลางกระหม่อม ตรงกับ ต่อมไพเนียล
    <O:p2.จักระที่หน้าผาก ตรงกับ ต่อมใต้สมอง
    <O:p3.จักระที่ลำคอ ตรงกับ ต่อมไทรอยด์ และ พาราไทรอยด์
    <O:p4.จักระที่หน้าอก ตรงกับ ต่อมไทมัส<O:p
    5.จักระเหนือสะดือ ต่อมผลิตอินซูลินในตับอ่อนและต่อมหมวกไต
    <O:p6.จักระที่ท้องน้อย ตรงกับ รังไข่ และอัณฑะ
    7.จักระที่ก้นกบ ตรงกับเบอร์ซ่า ช่วยควบคุมภูมิต้านทาน<O:p<O:p
    จึงนิยมวางคริสตัล หรือหินสีไว้ตรงจักระ เพื่อให้ส่งพลังไปปรับ ความคล่องตัวและบรรเทาอาการต่าง ๆ ให้คลายลงได้ เช่น วางลาพีส ลาซูลี ไว้ตามจักระต่าง ๆโดยให้ผู้ป่วยนอนลง แล้ววางลาพีส ลาซูลี ไว้ที่ หน้าผาก ลำคอ กลางหน้าอก ท้องและท้องน้อย เพื่อปรับการทำงาน ของจักระ ทั่วร่างกาย จะเสริมสุขภาพให้ดีขึ้น หรือวางซิทรินไว้เหนือสะดือ จะช่วย บรรเทา อาการระบบทางเดินอาหาร ปวดท้องกระเพาะอาหารอักเสบ อาหารไม่ย่อย ควบคุม ระดับน้ำตาลในเลือดได้

    3. ทฤษฎีการถ่ายเทพลังงาน (Exchange Energy Theory)
    สิ่งมีชีวิตทุกประเภท สร้างพลังออกมา ตลอดเวลา ที่มีชีวิตร่างกายของเราจึงมีพลังออกมาครอบคลุมรอบตัวหากร่างกายทำงานผิดปกติ สร้างพลังงานออกมามากบ้าง น้อยบ้างทำให้สมดุลของพลังงานเปลี่ยนไป จะทำให้เกิดอาการไม่สบายขึ้นได้
    [​IMG]<O:p</O:p
    การใช้คริสตัล หรือหินสี ซึ่งมีพลังงานในตัวเองมาเสริมพลังในกรณีที่พลังแห่งชีวิตลดลงหรือในกรณีที่พลังในตัวเรามีมากเกินไปก็อาจใช้คริสตัลมาดูดซับเอาพลังออกไปเพื่อคืนความสมดุลแก่ร่างกาย ผลก็คืออาการป่วยเจ็บจะหายไปได้เอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    [​IMG]ตัวอย่างเช่นในโรคไทรอยด์เป็นพิษ พลังงานตรงไทรอยด์ออกมามากเกินไปหากใช้กร้อนมรกตวางตรงตำแหน่งไทรอยด์ มรกตให้พลังเย็นมันจะดูดซับพลังส่วนเกินออก ทำให้อาการทุเลาลงได้หรือในกรณีที่บางคนเกิดอาการท้อแท้เหนื่อยอ่อน เซ็ง ไม่อยากทำอะไรเป็นเพราะพลังแห่งชีวิตลดลงกว่าปกติหากเอาควอตซ์สีชมพูวางตรงหน้าอกพลังจากควอตซ์สีชมพู จะไปเพิ่มพลังให้กับร่างกาย กระตุ้นให้กระปรี้กระเปร่า สดใสและมีชีวิตชีวาขึ้น<O:p</O:p

    4. ทฤษฎีดูดพิษ (Toxic Deduction Theory) มีคริสตัล หรือหินสีหลายประเภท โดยเฉพาะคริสตัล ตระกูลควอตซ์มีความสามารถดูดซับพลังลบหรือความเจ็บป่วยออกจากร่างกายได้<O:p</O:p
    [​IMG]<O:p</O:p
    หากเจ็บปวดตรงไหน ก็เอาควอตซ์ ไปวางตำแหน่งนั้น อาการเจ็บปวดจะหายไปเช่น ปวดเข่าเข่าเสื่อม หรือมีอาการอักเสบ หากเอาควอตซ์ใส ไปวางไว้ที่เข่าทั้งสองข้างนานประมาณ 10 นาที ควอตซ์จะดูดเอาพิษออก จะทำให้รู้สึกสบายขึ้น อาการปวดเข่าน้อยลงหรือแขนบวมหากสวมใส่ไหมทอง อาการบวมจะค่อย ๆ หายไป<O:p</O:p
    [​IMG]<O:p</O:p

    5. ทฤษฎีเหมือนรักษาเหมือน (Like Cures Like Theory)ทฤษฎีนี้ได้รับอิทธิพลจากตะวันตก เพราะในเยอรมัน และอังกฤษมักจะใช้ทฤษฎี "เหมือนรักษาเหมือน"เช่นเอายาควินิน ซึ่งเวลาใครกินเข้าไปจะเกิดอาการคลื่นไส้ ปวดศีรษะ เช่นเดียวกับอาการของ ไข้มาลาเรีย มารักษาไข้มาลาเรียได้ผลการรักษาที่ดี มีประสิทธิภาพ<O:p</O:p
    [​IMG]<O:p</O:p
    - พลอยตาเสือ (Tiger's Eye) มารักษาอาการที่เกี่ยวกับตา<O:p</O:p
    - หินหยดเลือด (Blood Stone) มารักษาอาการเกี่ยวกับเลือด เช่น เลือดออก โรคหัวใจปวดประจำเดือน<O:p</O:p
    - เนไฟรต์ (Nephrite) รักษาอาการทางไต เพราะในภาษาโบราณ เรียกไตว่า Nephron <O:p</O:p

    6. ทฤษฎีสี (Color Theory)เราสามารถแบ่งสีได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มสีร้อน เช่น แดงส้ม เหลือง และกลุ่มสีเย็น เช่น ม่วง ฟ้า เขียวเฉกเช่นเดียวกับกลุ่มโรค ที่ตามความเชื่อตะวันออก แบ่งโรคออกตามอาการที่เป็นร้อนกับเย็นเช่นกัน ดังนั้นโรคร้อน จึงใช้สิ่งเย็นมารักษา หรือโรคเย็นจึงใช้สิ่งร้อน มาบรรเทาเป็นต้น การรักษาด้วยคริสตัล หรือหินสี ก็ใช้สีเอกลักษณ์ของคริสตัลนั้น ๆ มารักษาโรคตามความร้อน ความเย็นเช่นเดียวกัน เช่นหากมีความก้าวร้าวมาก ต้องการให้ใจเย็นลง ก็ให้ใช้เทอร์ควอยส์ซึ่งมีสีอยู่ในกลุ่มเย็นมาสวมใส่ หรือทางกลับกัน หากเซื่องซึม ไม่กระฉับกระเฉงก็ใช้หินสีชมพูมากระตุ้น ให้ดีขึ้นเป็นต้น<O:p</O:p
    [​IMG]<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    7. ทฤษฎีโปรแกรมจิต (Mind Programming Theory)เป็นทฤษฎีสมัยใหม่ และเป็นที่นิยมกันมาก เช่นการตั้งความฝันแล้วต้องทำให้ได้ เป็นการตั้งเจตจำนงแล้วต้องทำให้บรรลุเหมือนกับการตั้งโปรแกรมคอมพิวเตอร์แล้วให้คอมพิวเตอร์ทำตามนั้นนั่นเองการบำบัดด้วยคริสตัล หรือหินสี ก็เช่นเดียวกันโดยการโปรแกรมจิตลงไปว่าต้องการให้คริสตัลช่วยอะไร โดยอาจตั้ง โปรแกรมโดยผู้รักษาหรือด้วยตัวเอง<O:p</O:p
    [​IMG]<O:p</O:p
    เช่น การใช้สตาร์ ออฟ เดวิด เจ้าของ อาจตั้งจิตให้ทำธุรกิจดี มั่งคั่งแล้วตั้งจิตไปยังจุดกึ่งกลางของจานนั้น หรือบางคนเขียนความตั้งใจหรือที่จะโปรแกรมใส่กระดาษชิ้นเล็ก ๆ วางไว้จุดกลาง แล้วให้หินกลมหรือเหลี่ยมทับไว้โดยอธิษฐานได้เพียงครั้งละ 1 อย่าง หากความต้องการบรรลุผล ก็นำ สตาร์ ออฟ เดวิดนั้น มาล้าง แล้วโปรแกรมอันใหม่ ในครั้งต่อไปได้<O:p</O:p

    (จากหนังสือรัตนชาติบำบัด ประสบการณ์จากการใช้จริง ของ พญ.ลลิตา ธีระสิริ) <O:p</O:p
    ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.stonelover.com<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 00.jpg
      00.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.6 KB
      เปิดดู:
      1,509
    • 01.jpg
      01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.5 KB
      เปิดดู:
      1,514
    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      19.5 KB
      เปิดดู:
      1,503
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      24.8 KB
      เปิดดู:
      1,596
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.1 KB
      เปิดดู:
      1,453
    • 3_1.jpg
      3_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      17.1 KB
      เปิดดู:
      1,457
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      17.2 KB
      เปิดดู:
      1,465
    • 4_1.jpg
      4_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.2 KB
      เปิดดู:
      1,477
    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.2 KB
      เปิดดู:
      1,495
    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.5 KB
      เปิดดู:
      1,449
    • 7.jpg
      7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.7 KB
      เปิดดู:
      1,442
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2008
  19. sureesan1

    sureesan1 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2008
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +16
    ผมโทรไปแล้วแต่ไม่มีไครรับ สายอ่ะ เว็บก็กำลังปรับปรุง เลยติดต่อเค้าไม่ได้ทำไงดีครับ เซก ให้ที่ได้ป่าว ฃเอาให้มันแน้นอนหน่อยนะครับ
     
  20. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    ลองโทรไปวันธรรมดานะครับ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00- 15.30 ครับผม
    มีคนไปที่เชียงใหม่ติดต่อเรียนที่นั่นหลายคนแล้วครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...