คุณมีจิตสัมผัส-ความผูกพัน-สื่อพลังพุทธะ พลังเทพหรือไม่

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย MOUNTAIN, 7 มีนาคม 2006.

  1. tanthaibaby

    tanthaibaby เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +105
    มีรายละเอียดภาพนี้ไหมครับ(^_^)
    ขอบคุณครับ
    ทัคธ์ธีระ สกุลทับ
     
  2. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    คุณโอม ไม่น่าจะใช่วลีนี้นะครับ เพราะทำให้เข้าใจว่าศาสนาพุทธเกิดก่อนศาสนาพราหมณ์
    เหตุเพราะสิ่งนี้คือสิ่งเดียวกัน ลองถามพระองค์ดูแล้วกัน
     
  3. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,170
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


    นี่คือ อาจเป็น คำที่กล่าว กับ คนคนหนึ่ง ที่มาเกิดในยุคพศ. 25xx

    เพื่อมาสร้างบารมี เข้าสู่มรรค ผล นิพพาน โดยที่เค้ามีจิตส่วนหนึ่งเกี่ยวพันกับองค์มหาเทวะครับ


    จึงไม่ได้กล่าวผิดอย่างใดไม่


    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


    ก่อนยุคพระพุทธศาสนา แห่งสมเด็จพระสมณโคดม ก็มีมหาเทวะดำรงภาวะอยู่

    ก่อนมหาเทวะ องค์ปัจจุบัน ก็มีพระพุทธศาสนาแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    องค์ก่อนๆ


    ที่จ่ริงแล้วอะไรก่อน อะไรทีหลัง

    ไม่สำคัญเท่า กับ....


    ได้ทำนิพพานให้แจ้มแจ้ง
     
  4. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,170
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    ในยุคหลังกึ่งพุทธกาล


    พระอรหันต์ชั้นยอด ร่อยหรอลงมาก นับจากยุคทื่พระพุทธองค์ดับขันธ์ใหม่ๆ


    มาร ที่ยังอยู่มานับหลายพุทธันดร ยังอยู่ พร้อมสาวกมากมาย


    ดวงจิตเทวะ ทั้งหลายมาเกิดมาก ...เพื่อค้ำชูพระพุทธศาสนา และ บางส่วนต้องการกระทำมรรค ผล นิพพานให้แจ้ง เพื่อเป็นวิสุทธิเทพ เข้านิพพานในภัทรกัปป์นี้


    การจะค้ำชูพระศาสนา จะไม่สมบูรณ์ และพลาดง่าย ถ้า

    ไม่ดำรงตามมรรค ที่พระพุทธองค์วางไว้


    มารในร่างเทพ พรหม เยอะเหลือเกิน
     
  5. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,170
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    เมื่อครั้งองค์สมด็จพระสมณโคดม ยังทรงขันธ์ห้า

    ได้แสดงปาฏิกหาริย์ ไปยังเทวโลก พรหมโลก ด้วยกาย

    เพื่อโปรดเทวะ และ พรหม ที่มีธุลีในดวงตาน้อย

    และยังผลให้ หลายท่าน เป็นพุทธมามกะ

    บาง่ท่านมั่นในพระโพธิญาณ บางท่านจะเป็นสาวกรอในยุคสิ้นภัทรกัปป์


    ใครเป็นใคร มาสายไหน.......ตามสืบเองแล้วกัน
     
  6. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    แล้วทำไมต้องนำคติของมหเทพ ไปเกี่ยวข้องกับพระองค์
    ในเมื่อคติพราหมณ์ ถือว่ามหาเทพ เป็นพระผู้เป็นเจ้าของศาสนาพราหมณ์
    และทำไมจึงเอาคติของพราหมณ์ ทั้งมหาเทพ ทวยเทพ เทวัญ ไปเกี่ยวโยงกับพระองค์ท่านทำไม
    ตัวท่านสื่อสารกับมหาเทพอย่างไร จึงไม่ละเอียดพอที่จะรู้เรื่องราวสิ่งนี้เลย
    แยกให้ออกอะไรคืออะไร จะเอาคติพุทธ หรื่ออคติพราหมณ์ ก็เอาสักทาง
    มนตราแห่งโอม ที่ท่านใช้แทนตน ก็คงไม่ประโยชน์อันใด
    อย่าได้ไปเที่ยวโปรดหรือนำเสนอข้อมูลประมาณนี้อีก
    มันจะกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายตัวท่านเอง
     
  7. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    อย่าได้นำเสนอจากความรู้สึก อ้างอิงหลักฐาน
    หากพูดถึงประวัติศาสนตร์ศาสนา อะไรเกิดก่อนกัน
    อะไรเป็นต้นกำเนิดของอะไร ลืมเผ่าพันธุ์ตนเองในอดีตไปแล้วหรือ
    หรือว่าท่านยังไม่ลึกซึ้งพอ

    ท่านคิดว่าท่านแจ้งแล้วหรือยัง
     
  8. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,170
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    แจ้งข่าวดี สำหรับพี่น้องที่ต้องการทำบุญใหญ่ให้ตนและเจ้ากรรมนายเวร

    เชิญทำบุญพระอรหันต์กลางกรุง และ ครูอาจารย์สายพระป่ากว่า 120รูป
    ( ครูอาจารย์ 94 รูป พระติดตาม 30 รูป )


    ที่สวนทิพย์

    ตามกระทู้นี้นะครับ http://palungjit.org/showthrea...69#post1808069

    [​IMG]
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  9. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    แสดงว่าศาสนาพราหมณ์ ไม่มีหนทางแห่งการหลุดพ้น หรือโมกษะอย่างนั้นหรือ
    มีพระนิพพาน อย่างเดียวหรือ
    คติอื่นเขาก็มีสมาธิ สมาบัติ ปัญญาญาณเขาก็มี
    หนทางอันหลากหลาย สุดท้ายก็บรรจบที่เดียวกัน
    ในเมื่อท่านมาทางนี้ ทำไมไม่มุ่งไปทางเดียวละ
    จะได้ไม่ต้องติดพรหม
     
  10. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,170
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    [​IMG]


    ท่ามกลาง ความมืดครึ้ม แปรปรวนแห่งฟ้า


    ปรากฏ..อักษร สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์





    สลายจิตแห่งเทวะ
    และความเป็น ในสิ่งทั้งมวล

    เสวยสภาวะ ก่อกำเนิด จักรวาล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 มกราคม 2009
  11. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,170
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    ขอเวียนว่าย ตราบสิ้น อนันตกาล
    ขอเวียนว่าย ตราบสิ้น อนันตกาล
    ขอเวียนว่าย ตราบสิ้น อนันตกาล

    [​IMG]

    <!-- / message --><!-- attachments -->


    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]


    </FIELDSET>


    [MUSIC]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=3110[/MUSIC]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 มกราคม 2009
  12. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,170
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    [​IMG]
     
  13. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,170
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


    อนุโมทนา ในกุศลกรรมอันขาวบริสุทธิ์ ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 มกราคม 2009
  14. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    [​IMG]

    เจ้าพ่อเห้งเจีย
     
  15. Tharika

    Tharika สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +4
    คุณโอม

    ภาพที่ #1894 ท่านเป็นใครหรือค่ะ
     
  16. nunnapath

    nunnapath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +256


    ปางหนึ่งของพระศิวะใช่มั้ยค่ะ
     
  17. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ปางนี้เรียกว่า ฮายากีวะ (Hayagriva)
    [​IMG][​IMG]

    เป็นยิดัมที่ได้รับการนับถืออย่างมากอีกพระองค์หนึ่ง ถือว่าเป็นภาคดุร้ายของพระอมิตภะพุทธเจ้าหรือพระอวโลกิเตศวร ในงานพุทธศิลป์ พระองค์มีพระศอเป็นม้า 3 เศียร 6 พระกร 4 พระบาท บ้างก็มีปีกที่ใหญ่โตมาก อยู่ในท่าโอบรัดศักติ สิ่งที่น่าสังเกตโดยง่ายอีกประการหนึ่งก็คือ มีหัวม้าประดับอยู่ที่พระเศียรของพระองค์ พระหัตถ์ขวาทรงถือไม้เท้ากระโหลก พระหัตถ์ซ้ายถือเชือกขอ ส่วนพระหัตถ์อื่นๆ ทรงถือศาสตราวุทธครบครัน ทรงสวมมงกุฎกระโหลกห้าหัว สวมสร้อยกระโหลกห้าสิบหัว สวมอาภรณ์หนังมนุษย์ หนังช้าง นุ่งหนังเสือ ประดับงู ขาด้านขวางอ ด้านซ้ายเหยียดตรง เหยียบมารชายหญิงอันเป็นอวิชชา ประทับอยู่บนแท่นบัววงพระอาทิตย์ ล้อมรอบด้วยเปลวเพลิงแห่งปัญญาอันโชติช่วงเผาผลาญอวิชชาทั้งมวล ในคติศาสนาพราหมณ์ ปางนี้ถือว่าเป็นอวตารขององค์พระนารายณ์และพระแม่ลักษมี

    ที่คุณโอมนำเสนอ ก็คือ พระโพธิสัตว์วัชรปาณี
    มีข้อสังเกตุอยู่ว่า อาวุธที่ทรงถือ คือ วัชร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2009
  18. ไวท์โรส

    ไวท์โรส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    491
    ค่าพลัง:
    +192
    [​IMG]
    พระวัชรปาณิศิลปะอินเดียสมัยปาละ ราวพุทธศตวรรษที่13-14 สมบัติของ Metropolitan Museum of Art, New York

    [​IMG]
    พระวัชรปาณิ ที่ จันทิ เมนดุต ศิลปะชวา ราวพุทธศตวรรษที่13

    [​IMG]
    ในศิลปะทิเบตมักแสดงภาพพระองค์ในปางพิโรธเป็นส่วนมาก ทรงวัชระชูขึ้นในพระหัตถ์ขวา พระหัตถ์ซ้ายทรงเชือก สัญลักษณ์แห่งการจับอสูรหรือมาร คือกิเลสต่างๆมาทำลาย ทรงอาภรณ์อย่างเทวะปางพิโรธทั่วไป และเพลิงรัศมีลุกโชนข้างหลัง

    [​IMG]
    พระวัชรปาณิในปางของพระโพธิสัตว์หนุ่ม ทรงอาภรณ์อย่างกษัตริย์ ในศิลปะทิเบตจะแสดงภาพพระองค์ปางนี้แบบเดี่ยวๆไม่บ่อยนัก มักจะแสดงคู่กับพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ในฐานะบริวารแห่งพระอมิตาภะ โดยมีพระอมิตาภะเป็นประธานของภาพ

    [​IMG]
    อาเคียว(Agyo)หรือ กองโค ริกิชิ(Kongo rikishi)พระวัชรปาณิในญี่ปุ่นที่เป็นภาคพระโพธิสัตว์(กองโคชุ โบสัตสึ)นั้นไม่ค่อยแพร่หลายมากเท่ากับในภาค กองโค ริกิชินี้ ซึ่งมีหน้าที่คล้ายทวารบารอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าวัด พระพักตร์พิโรธ พระวรกายกำยำ กล้ามเนื้อเด่นชัด รูปนี้สูงราว8เมตรครึ่ง ศิลปะสมัยกามากุระ สลักจากไม้ อยู่ที่วัดโตได เมืองนาระ ประเทศญี่ปุ่น สังเกตวัชระขนาดใหญ่ในพระหัตถ์ขวา

    ข้่อมูลจาก http://paxpix.blogspot.com/2007/11/blog-post_21.html

    *********************************************************
    อีกข้อมูลค่ะ...

    คาถาประจำองค์


    โอม.เบนจา.ปา.นิ.โฮูม.เภต/​
    [​IMG]
    ธิเบตเรียก (ภ์ฉัค.นา.ร๋โด.ร๋เจ จีนเรียกกิมกังชิ้วผ่อสัก วัชรปาณิโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์แห่งพลังอำนาจ เป็นสัญลักษณ์ของพลังความโกรธเกรี้ยวและความและความสุขสงบ ในพุทธศาสนาวัชรยาน องค์วัชรปาณิทรงศักดิ์สูงมาก ท่านเป็นผู้รักษากฎของพระพุทธไวโรจนพุทธมีเรื่องเล่าว่า พระนาครชุนได้เข้าสู่เจดีย์เหล็กของวัชรปาณิโพธิสัตว์ในเมืองนาครนครได้นำคัมภีร์ของวัชรปาณิโพธิสัตว์(หนึ่งในคัมภีร์นั้นคือ มหาปรัชญาปารามิตา)และได้รับปัญญาทั้งมวลขององค์วัชรปาณิโพธิสัตว์มาด้วย วัชรปาณิโพธิสัตว์อยู่ในตระกูลวัชระ ซึ่งท่านก็คือองค์อวตารปางปราบมารของพระโพธิสัตว์มหาสถามปราบโพธิสัตว์(ไต้ซี่จี่ผู่สัก) โดยพื้นฐานการปฏิบัติวัชรยานแล้วต้องปฏิบัติในบทของท่านก่อน ด้วยว่าท่านสามารถช่วยเหลือผู้ปฏิบัติในการขจัดอุปสรรคหรือมารผู้ขัดขวาง ก่อกวนให้สิ้นไป
    วัชรปาณิโพธิสัตว์มีหลายปางเช่น หนึ่งหน้าสองแขน หนึ่งหน้าสี่แขน สามหน้าสี่แขน สามหน้าหกแขน หรือในปางยับยัม ในภาพเป็นปางหนึ่งหน้าสองแขนสามตา วรกายสีน้ำเงินเข้ม สวมมงกุฎกระโหลกห้าหัว ผมชี้ชึ้นสีแดง คิ้วดังเปลวเพลิง มีเขี้ยวทั้งบนและล่าง ลิ้นม้วน ดวงตากลมโต ท่าทางดุร้าย เป็นการแสดงบารมีเพื่อข่มโลกทั้งสาม มือขวาถือวัชรอยู่ในท่าที่ทรงพลังที่สุดในท่าสยบมาร มือซ้ายถือเชือกขอ ประดับกายด้วยกระดูกและงู นุ่งหนังเสือและผ้าตวนสีฟ้า ขาขวางอ ขาซ้ายเหยียด ยืนอยู่บนแท่นบัวพระอาทิตย์ ล้อมรอบด้วยเปลวเพลิงแห่งปัญญา ท่านทรงพลังแห่งการปกป้องพุทธธรรมมีพลังสูงสุด ในธิเบตภูมิประเทศค่อนข้างแห้งแล้ง ในช่วงที่เกิดภัยแล้งชาวธิเบตจะทำพิธีบูชาท่านเพื่อขอฝน มีตำนานเล่าว่าท่านมีหน้าที่ในการปกป้องภัยแก่นาคให้น้ำ ด้วยว่ามีนกสีทองคอยก่อกวนการทำหน้าที่ให้น้ำของนาค เมื่อนาคถูกก่อกวนก็จะหนีไปทำให้เกิดความแห้งแล้ง ในบางครั้งท่านก็ได้แปรงร่างเป็นนกสีทองเข้าโจมตีนกสีทองตัวจริงให้หนีไป(ในภาพบางภาพจะมีรูปนก อยู่ด้วย)ดังนั้นวัชรปาณิโพธิสัตว์จึงเป็นผู้ที่ทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล คำว่าปาณิในภาษาสันสฤตแปลว่าน้ำ วัชรปาณิโพธิสัตว์ท่านอยู่ทางทิศเหนือ เป็นหัวหน้าผู้ควบคุมเทพธรรมบาลทั้งปวง เทพสมบัติทุกองค์ อสูร ยักษ์ เจ้ามังกร หน้าที่หลักของท่านก็คือช่วยเหลือพระอมิตาภะพุทธเจ้านำพาสรรพสัตว์เข้าสู่พุทธภูมิ
    อานิสงฆ์ในการปฏิบัติธรรมในองค์วัชรปาณิโพธิสัตว์ เกิดบุญบารมีสุดประมาณ ได้รับการปกป้องภัยพิบัติซึ่งเกิดจากดิน น้ำ ลม ไฟ สมปารถนาในสิ่งที่ต้องการ
    ภาพวัชรปาณิโพธิสัตว์ส่วนใหญ่จะมีภาพโพธิสัตว์อีกสององค์อยู่ด้วยคือมัญชูศรีโพธิสัตว์ซึ่งก็คือพระปัญญาของพุทธเจ้า ภาพพระอวโลติเกศวรโพธิสัตว์ซึ่งก็คือพระเมตตาของพระพุทธเจ้าและวัชรปาณิโพธิสัตว์ซึ่งก็คือพลังอำนาจของพระพุทธเจ้าทั้งปวง

    จากข้อมูลของ http://www.mahayana.in.th/buddapic/bohdisat/varapani.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2009
  19. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,170
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    จากโพส 1890 ทราบไหมครับว่า...

    ในภาพ...

    ใต้อักษรศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นเมฆ สีดำเข้ม คือ อะไร?




    <TABLE class=tborder id=post1828263 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175></TD><TD class=alt1 id=td_post_1828263 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title --> <CENTER>

    </CENTER><!-- / message --><!-- attachments -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]

    </FIELDSET>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><IFRAME name=google_ads_frame marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=undefined&dt=1233080515593&format=undefinedxundefined&output=html&correlator=1233080515593&ea=0&frm=1&ga_vid=805058962.1211946911&ga_sid=1233079466&ga_hid=1699486695&ga_fc=true&flash=10.0.12.36&u_h=768&u_w=1024&u_ah=738&u_aw=1024&u_cd=32&u_tz=420&u_his=8&u_java=true&dtd=16" frameBorder=0 scrolling=no allowTransparency></IFRAME><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 มกราคม 2009
  20. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top>เทพเจ้าจีนในวัดไทย


    </TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1><CENTER>[​IMG]</CENTER>

    "วัด" เป็นคำที่ใช้เรียกสถานที่ทางพุทธศาสนามาแต่โบราณ ซึ่งปกติมีพระอุโบสถ พระวิหาร พระเจดีย์ รวมทั้งมีพระภิกษุสงฆ์อยู่อาศัย ทั้งนี้การสร้างวัดในสังคมไทย มีแบบอย่างที่เป็นอิทธิพลหลักจากลังกา เนื่องจากคนไทยนับถือพุทธศาสนาในลัทธิเถรวาท หรือหินยานผ่านมาทางสายของลังกา (แบบลังกาวงศ์) ซึ่งแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ ๑.วัดราษฎร์ ซึ่งหมายถึง วัดที่ชาวบ้านช่วยกันสร้างเพื่อไว้เป็นพุทธบูชา ได้แกวัดทั่วๆ ไป และ ๒.วัดหลวง ซึงหมายถึง วัดที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าแผ่นดิน ที่ทรงสร้างไว้

    <SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-1044823792492543";google_ad_slot = "8122705396";google_ad_width = 250;google_ad_height = 250;//--></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT>
    ส่วนมูลเหตุ คือ การสร้างให้เป็นศาสนสถาน เพื่อเอื้อต่อการกระทำศาสนพิธี และเหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ เป็นผลสืบเนื่องจากเนื้อหาคำสอนใน “ไตรภูมิ” ที่ทรงนิพนธ์ขึ้นโดย พระยาลิไท กษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย ประมาณ พ.ศ.๑๘๘๘ ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่จะเน้นในเรื่องของ ปุพเพกตปุญญตา อันเป็นเรื่องที่พรรณนาเกี่ยวกับสวรรค์และนรกเป็นอย่างมาก


    ด้วยเหตุดังกล่าว จึงกระตุ้นให้เกิดความกลัว ในเรื่องของการทำความชั่ว และเร่งสร้างบุญความดี เพื่อจะได้ขึ้นไปเสวยสุขบนแดนสวรรค์ หรือได้เกิดใหม่ในชาติภพหน้า ที่เพียบพร้อมด้วยฐานันดรศักดิ์ที่สูงส่ง หรือเพื่อสั่งสมบุญ สำหรับไปเกิดในยุคเดียวกับ พระศรีอาริยเมตตรัย หรือพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ ที่ชาวพุทธมีคติความเชื่อว่า จะอุบัติขึ้นหลัง พ.ศ. ๕๐๐๐ <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    “การสร้างวัด" ในพุทธศาสนา มีคติความเชื่อว่า เป็นการทำบุญที่ให้ได้มาถึงซึ่งอานิสงส์มากที่สุดนั่นเอง
    ด้วยเหตุนี้ คนไทยจึงนิยมสร้างวัดกันมาโดยตลอดทุกยุคทุกสมัย นอกเหนือจากจะเป็นการสร้างตามคติโบราณดังกล่าวแล้ว ในเวลาต่อมา ก็ยังมีปัจจัยสำคัญหลักบางประการที่เป็นเหตุจูงใจไปสู่การสร้างวัด ดังนี้


    ๑. สร้างเพื่อให้เป็นสิ่งคู่บ้านคู่เมือง ๒.สร้างเพื่อให้เป็นวัดประจำวัง ๓.สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นวัดประจำรัชกาล ๔.สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ ๕.สร้างขึ้นบนพื้นที่เดิม ซึ่งเคยเป็นที่ถวายพระเพลิงพระศพ หรือพระบรมศพ ๖.สร้างขึ้น ณ ที่ปรากฏเหตุการณ์สำคัญ และ ๗.สร้างขึ้นตามคติประเพณีนิยมบางประการ <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    นอกจากนี้ ก็ยังมีคติการสร้างเป็นวัดประจำเมือง อันเป็นคติที่สืบเนื่องแต่โบราณ ที่ทุกราชธานีจะต้องสร้างขึ้นไว้ให้เป็นวัดที่ต้องมีทุกๆ ราชธานี ที่ตั้งขึ้นใหม่ มี ๔ วัด คือ ๑.วัดมหาธาตุ ๒.วัดพระเชตุพน ๓.วัดราชบูรณะ และ ๔.วัดราชประดิษฐ์
    อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย คือ การสร้าง ศาลเจ้า และ เทพเจ้าจีน ไว้ในวัดด้วย อย่างกับกรณีของ วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา มีการสร้างเทพเจ้าตามคติความเชื่อของชาวจีน หลายองค์ เช่น ทีตี่แป่บ้อ (เทพยดาฟ้าดิน) เจ้าแม่สร้อยดอกหมาก (องค์ปฐมเหตุแห่งการสร้างหลวงพ่อโต) เทพเจ้ากวนอู (เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์) เทพเจ้าอุ่ย ท้อ (เทพเจ้าผู้รักษาพระพุทธศาสนา) พระสังกัจจายน์ (เทพเจ้าแห่งความสมบูรณ์พูลสุข) เจ้าแม่กวนอิม (เทพเจ้าแห่งความเมตตา) หลวงปู่ไต่ฮงกง โจวซือ (เทพเจ้าผู้อนุเคราะห์สัตว์โลก) และ เทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี้ย (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ)


    อย่างไรก็ตาม "คม ชัด ลึก" ได้รวบรวมเทพเจ้าตามคติความเชื่อของชาวจีน ที่นิยมสร้างในวัดไทยในอันดับต้นๆ คือ <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    ๑.พระสังกัจจายน์ ซึ่งพุทธสาวกที่ถูกนำมาสร้างเพื่อเป็นพุทธบูชา มีเพียงองค์เดียวที่โดดเด่นไม่ถกเถียงทั้งแบบมหายาน หินยาน นิยมการสร้างมาก แบบจีนนิยมสร้างมากกว่าในเมืองไทย มีวัดจีนหลายวัดที่สร้างพระสังกัจจายน์ใหญ่ เป็นเนื้อโลหะ เครื่องเคลือบ สมัยเช็งเตาปังโคย กังไส ก็เคยพบพระสังกัจจายน์ในจำนวนมาก

    ๒.พระโพธิสัตว์กวนอิม หรือ เจ้าเเม่กวนอิม เป็นพระโพธิสัตว์ที่มีคนนับถือกันมาก ช่วยให้คนพ้นทุกข์ ขอให้มีจิตใจเคารพบูชาอย่างซื่อตรง พร้อมท่องชื่อท่าน จะได้รับการคุ้มครองให้เป็นสุข หากต้องการขอบุตร ให้บูชากวนอิมส่งบุตร อยากหายไข้ บูชากวนอิมกิ่งหยก

    ๓.เทพกวนอู เป็นเทพที่ชาวฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ ให้ความนับถือกันมาก ท่านเป็นเทพที่มีความซื่อสัตย์ เเละเชื่อกันว่า สามารถขจัดภูตผีปีศาจได้ ตามร้านค้า บ้านเรือน ล้วนเเต่นับถือถือเทพเจ้าองค์นี้ คนพาลถอยห่าง เเละทรัพย์สมบัติเจริญรุ่งเรือง

    ๔.ฮก ลก ซิ่ว เเบ่งเป็น เทพฮก ถือทารกในมือเเสดงถึงลูกหลานเต็มบ้าน ท่าทีอ่อนโยน เทพฮกสีสันเเวววาว เทพซิ่ว มือถือผลท้อเซียน ใบหน้าเหี่ยวย่น เเสดงถึงอายุยืน สุขภาพเเข็งเเรง ปราศจากภัยพิบัติ เทพลก จะคาดเข็มขัดสีหยก มือถือหยกปรารถนา อำนวยยศศักดิ์เ เละทรัพย์สินเงินทองให้มนุษย์ ส่วนอีก ๒ องค์ ดูเเลอายุเเละความผาสุก

    และ ๕.เเปดเซียน เเปดเซียนที่ชาวจีนชนบทนับถือคือ ฮั่นถงหลี ฉางกั่วจิ้ว หลี่ถงปิน หันเซี่ยงจื่อ หลานไฉ่เหอ เหอเซียนกู่ จางกั๋วเหลา เเละ เถี่ยกว๋ายหลี่ เเต่ละเซียนมีความชำนาญ เเต่ละด้าน หากบูชาร่วมกันจะเข้มแข็ง

    อ.ราม วัชรประดิษฐ์ อาจารย์ประจำสาขาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก และนักโบราณคดี บอกว่า การสร้างเทพเจ้าจีนในวัดไทย เป็นประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
    เหตุที่มีการสร้างเทพเจ้า และศาลเจ้าตามคติความเชื่อของชาวจีนนั้น เพราะชาวจีนเป็นกำลังศรัทธาใหญ่ในการสร้างวัด โดยเฉพาะกรณีตำนานแห่งการสร้าง วัดพนัญเชิง เนื่องจากตำนาน เจ้าชายสายน้ำผึ้ง และ พระนางสร้อยดอกหมาก เป็นตำนานแห่งการสร้างวัดพนัญเชิง (หรือพแนงเชิง) ซึ่งแปลว่า “พระนางผู้มีแง่งอน” และเป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทั้งมีประวัติกล่าวถึงในพระราชพงศาวดารเหนือของจีน โดยอ้างอิงถึงของไทยด้วย จึงมีผู้มาสักการะทั้งชาวไทย และชาวจีน รวมถึงชาวต่างชาติอย่างไม่ขาดสาย

    ด้วยมีความเชื่อกันว่า เจ้าแม่สร้อยดอกหมากสามารถดลบันดาลให้ผู้ที่กราบไหว้สมปรารถนาดังที่ขอไว้ได้ทุกเรื่องทุกประการ บ้างก็มีการบนบานศาลกล่าวด้วยผ้าแพร ไข่มุก เรือสำเภา หรือนำสิงโตมาเชิด เมื่อได้สมหวังดังที่ปรารถนา ก็มาแก้บนดังที่ได้บนบานสานกล่าวเอาไว้
    บ้างก็มีความเชื่อในเรื่องของความรัก คู่ครอง และการขอบุตรจากเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก เมื่อได้สมหวังดังที่ขอ ก็มีการบอกต่อหรือเล่าขานต่อๆ กันมา จนเป็นความเชื่อ และมีผู้ศรัทธาหลั่งไหลเข้ามากราบไหว้กันอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ จนเป็นที่รู้จักสืบต่อกันมา โดยถือปฏิบัติกันมาเป็นประเพณีคือ เมื่อมานมัสการองค์ หลวงพ่อโต ในพระวิหารเสร็จแล้วจะต้องแวะมาสักการะเจ้าแม่สร้อยดอกหมากด้วยนั่นเอง
    เรื่อง - ภาพ "ไตรเทพ ไกรงู"




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    จากหนังสือพิมพ์ คมชัดลึก 28/1/52
    <SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><IFRAME name=google_ads_frame marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=undefined&dt=1233108038578&format=undefinedxundefined&output=html&correlator=1233108038578&ea=0&frm=1&ga_vid=2092326216.1213437835&ga_sid=1233104227&ga_hid=1740876889&ga_fc=true&flash=9.0.124.0&u_h=768&u_w=1024&u_ah=738&u_aw=1024&u_cd=32&u_tz=420&u_his=35&u_java=true&dtd=47" frameBorder=0 scrolling=no allowTransparency></IFRAME><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT>
    <SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><IFRAME name=google_ads_frame marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=undefined&dt=1233108112984&format=undefinedxundefined&output=html&correlator=1233108112984&ea=0&frm=1&ga_vid=2092326216.1213437835&ga_sid=1233104227&ga_hid=1708726443&ga_fc=true&flash=9.0.124.0&u_h=768&u_w=1024&u_ah=738&u_aw=1024&u_cd=32&u_tz=420&u_his=36&u_java=true&dtd=78" frameBorder=0 scrolling=no allowTransparency></IFRAME><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...