คลิป อ.เจน เตือนเรื่องภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย To Find The Thuth, 29 พฤศจิกายน 2012.

  1. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ชวนนิพพาน นี่ดีที่สุดแต่ทำไงล่ะจะเข้าสู่กระเเสพระนิพพานเสียก่อนจะพบเจอเหตุการณ์ภัยจากโลกพิบัติ
     
  2. yo09()

    yo09() เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +4,897
    ขอตอบคุณ Neoworld

    คุณสามารถเจริญกรรมฐานที่คุณพอใจ ในกรรมฐาน40กอง ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้
    ซึ่งหลายๆท่านคงจะทราบถึงวิธีปฏิบัติกันอยู่แล้ว แต่วันนี้ผมจะขอกล่าวถึงกรรมฐาน
    กองหนึ่ง ซึ่งครูบาอาจารย์บอกว่าเหมาะกับฆราวาสทั่วไปวิธีหนึ่ง คืออุปสมานุสติ-
    กรรมฐาน ในสมัยพุทธกาล มีภิกษุนิพพานด้วยวิธีนี้กันไม่น้อย เมื่อภิกษุเหล่าน้ันถึงแก่
    กาลมรณภาพ ก็มีผู้ทูลถามพระพุทธองค์ว่าภิกษุผู้บำเพ็ญมุ่งพระนิพพานด้วยวิธีนี้แล้ว
    มีคติอย่างไร พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ว่า "ภิกษุนั้น ถึงพระนิพพานแล้ว มีความ
    บริสุทธิ์เสมอพระอรหันต์ทั้งหลาย" วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่าย และเหนื่อยน้อยที่สุด เพื่อให้ถึง
    ซึ่งนิพพาน

    อุปสมานุสติกรรมฐาน ใช้การน้อมใจเข้าสู่ความบริสุุธิ์เป็นหลัก โดยไม่ต้องสู้รบปรบ
    มือกับกิเลสเลย คือกรรมฐานที่มนสิการพระนิพพานคือความบริสุทธิ์เป็นอารมณ์เสมอ
    พอจะตายตอนทิ้งร่าง ให้มนสิการความบริสุทธิ์อันหมดจด ไร้ธุลี สำคัญที่สุด ท่าน
    ต้องทำบ่อยๆ จนชำนาญ เพราะหากตายด้วยโรคที่มีเวทนา ท่านจะได้ทำใจได้ หาไม่
    เวทนาจะลากท่านลง

    การฝึกมนสิการความบริสุุธิ์ิ์ี้ ให้บริกรรมดังนี้
    " นิพพานนัง ปรมังสุขัง " สำหรับผู้ต้องการทำความสุขของตนให้บริสุทธิ์นิรันดร
    บริกรรมแล้วน้อมใจเข้าสู่พระนิพพาน อันมีแต่ความสุขบริสุทธิ์ล้วนๆ
    แต่สำหรับผู้ที่ไม่สนใจความสุข ขอให้พ้นทุกข์ได้ก็พอ ให้บริกรรมว่า " นิพพานนัง ปรมังสุญญัง " แล้วน้อมใจสู่พระนิพพานอันหมดจด สูญจากทุกข์แม้
    ธุลี

    ทั้งนี้ท่านนึกได้ตลอดเวลา แม้จะเดิน ยืน นั่ง นอน ทำงาน พูดคุย นึกใดๆก็นึกแต่
    นิพพานอันหมดจดเท่านั้น (จากหนังสือ "อริยศาสตร์" โดย อัคร ศุุภเศรษฐ์)

    หรืออย่างที่หลวงปู่ฤาษีลิงดำท่านก็เคยสอนไว้ว่าให้พิจารณาจนเบื่อร่างกายนี้ และ
    ไม่ต้องการมันอีก รักษาศีลให้บริสุทธิ์ และจิตจับนิพพานเป็นอารมณ์ ตั้งใจไปเลย
    ว่า " ตายเมื่อไหร่ จะนิพพานเมื่อนั้น "

    หรืออย่างในยุคนี้ที่มีสัญญาณจาก "สมเด็จพ่อองค์ปฐม" ผ่านมาทาง ท่าน ช. ว่า
    มนุษย์ธรรมดาสามัญก็นิพพานได้ ไปได้ทุกคน ทุกดวงจิต ไม่ต้องออกจากเรือน
    ไม่ต้องไปเป็นนักบวช หรือมุ่งเน้นการปฏิบัติทางกาย ถึงจะนิพพาน เพียงทำจิตให้
    เข้าใจถึงความจริงของธรรมชาติ แล้วก็ตั้งจิตสู่นิพพานได้เลย ท่านใดสนใจราย
    ละเอียดเพิ่ม เข้าไปดูที่ นิพพานชาตินี้กันเถอะ
    www.dantip.com


    มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฐา มโนมยา...
    ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จได้ด้วยใจ...

    ขอท่านโปรดใช้วิจารณญาณ และพิสูจน์เองเถิด

    ..สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น..

    " นิพพานชาตินี้กันเถอะ "
     
  3. khunfongbeer

    khunfongbeer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +668
  4. longhorn48

    longhorn48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2006
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +874
    ไม่เชื่อ และมาลบหลู่
     
  5. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    เขาถึงว่าผีหลอกคน มีน้อยกว่าคนหลอกผีไงคะ:cool:
    คิดแล้วผีก็น่าสงสารไม่น้อย
    มนุษย์เรายัง สคบ. ASEAN NHRI Forum มีพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ฯลฯ
    แต่ผีไม่มีหน่วยงานหรือองค์กรใดคุ้มครองเลย
    ใครเป็นอะไร ที่ไม่รู้สาเหตุก็โทษผีลูกเดียว เช่นผีเข้า ผีอำ ผีสิง :'(
     
  6. lovery_rung

    lovery_rung Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +53
    ทำความดีไว้เยอะๆ เป็นดีที่สุด
     
  7. หมูไม่น้อย

    หมูไม่น้อย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +57
    สมัยหนึ่งบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายที่บวชใหม่
    เข้าไปกราบทูลลาองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ตั้งใจจะไปเจริญพระกรรมฐานในป่า
    หวังให้บรรลุมรรคผล ตอนนั้นองค์สมเด็จพระทศพลจึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสถามว่า
    ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอไปลาพระสารีบุตรแล้วหรือยัง
    บรรดาพระทั้งหลายเหล่านั้นจึงกราบทูลว่า ยังพระพุทธเจ้าข้า

    พระพุทธเจ้าจึงทรงมีพระบัญชาว่า อย่างนั้นก่อนที่เธอจะไป เธอจงไปลาพระสารีบุตรเสียก่อน
    พระเหล่านั้นก็รับคำแล้วก็ลาพระพุทธเจ้าออกไปจากพระมหาวิหาร เข้าไปหาพระสารีบุตร
    พอเข้าไปถึงพระสารีบุตร พระสารีบุตรให้โอวาทอื่นพอสมควร
    แล้วพระทั้งหลายเหล่านั้นจึงได้ถามพระสารีบุตรว่า
    พวกกระผมเป็นปุถุมชน ถ้าจะปฏิบัติตนให้เป็นพระโสดาบันจะทำยังไงขอรับ
    พระสารีบุตรก็บอกว่า ถ้าพวกเธอทั้งหลายปรารถนาเป็นพระโสดาบัน ก็จงพิจารณาขันธ์ ๕ ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันนี้มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ ไม่มีในเรา
    ปลงให้ตกจนกว่าจะเลิกสังโยชน์ ๓ ได้ คือสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพตปรามาส
    เมื่อปลงขันธ์ ๕ อย่างเดียว สังโยชน์ ๓ มันจะขาดไปเอง เมื่อสังโยชน์ ๓ ขาดลงไปแล้ว พวกเธอก็จะได้เป็นพระโสดาบัน

    พระพวกนั้นก็เลยถามต่อไปว่า เมื่อผมเป็นพระโสดาบันแล้ว จะเป็นพระสกิทาคามีจะทำยังไง
    ท่านก็บอกว่า พิจารณาขันธ์ ๕ ตามแบบนั้นแหละ พิจารณาละเอียดลงไป ก็จะเป็นพระสกิทาคามีเอง

    พระพวกนั้นก็ถามต่อไปว่า เมื่อพวกกระผมเป็นพระสกิทาคามีแล้ว จะเป็นพระอนาคามีจะทำยังไง
    ท่านก็บอกว่า ปลงขันธ์ ๕ นั่นเอง ทำอย่างว่านั่นแหละ แล้วกามฉันทะกับปฏิฆะ คือการกระทบกระทั่งจิต การโกรธ ความพยาบาท มันก็จะสิ้นไปเอง ก็จะเป็นพระอนาคามี

    ท่านพวกนั้นก็ถามต่อไปว่า ถ้าผมเป็นพระอนาคามีแล้ว ผมจะเป็นอรหันต์จะต้องทำอย่างไร
    ท่านบอกว่า พิจารณาขันธ์ ๕ ตามที่บอกมานั่นแหละ ก็เป็นพระอรหันต์ไปเอง สังโยชน์ ๑๐ ก็จะขาดไป

    พระพวกนั้นก็ถามว่า เมื่อเป็นพระอรหันต์ละสังโยชน์ ๑๐ ได้แล้ว การพิจารณาขันธ์ ๕ ไม่ต้องทำต่อไปใช่ไหมขอรับ พระสารีบุตรตอบว่า ไม่ใช่ พระอรหันต์นี่แหละทำหนัก ยิ่งพิจารณาหนักเพื่อความอยู่เป็นสุข

    นี่แหละพระคุณเจ้าที่เคารพ เห็นหรือยังขอรับว่า ขันธ์ ๕ ตัวเดียวเท่านั้นแหละเป็นเหตุละกิเลสได้ทุกตัว ในขันธวรรคแห่งพระไตรปิฎกเท่าที่ดูผ่านมา เคยรู้แล้วที่พระพุทธเจ้าบอกว่า
    ธรรมะส่วนหนึ่ง หรือธรรมะอย่างหนึ่ง กองหนึ่ง ที่สามารถทำลายกิเลสได้ทั้งหมด
    ท่านวิจัยชื่อของกิเลสทั้งหมดเข้าไว้ มีธรรมะกองนี้เท่านั้นที่ทำลายกิเลสทั้งหมดนี้ได้
    นี่พระสารีบุตรกับพระพุทธเจ้าพูดเป็นเสียงเดียวกัน ท่านไม่ยักเถียงกันนะขอรับ น่าแปลกใจไหม
    เพราะคนที่เข้าถึงจริงๆ แล้วไม่มีใครเขาเถียงกัน ไอ้ที่ยังเถียงกันอยู่นะ มันยังไม่ได้อะไร
    (ธรรมเทศนาของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน สอนให้ละขันธ์5อันเป็นต้นเหตุแห่งกิเลส)
    :cool:
     
  8. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ดีครับ เรื่องคำทำนายภัยพิบัติ ต่อท้ายยังได้ธรรมะเพิ่มเติม..ขอแสดงความเห็นส่วนตัวนะครับ..เรื่องญาณเหล่านี้ที่บางคนสามารถทำได้ก็สืบเนื่องจากอดีตชาติได้เคยฝึกมามาก จึงเป็นไปได้ว่าเป็นของเก่าติดมา ต่างประเทศก็มีให้เห็นหลายคนครับ..ส่วนที่ครูบาอาจารย์ท่านใช้ทิพยจักขุญาณนั้น เกือบทั้งหมดที่ผมเจอ ท่านจะขอบารมีพระก่อนแล้วถามจากพระบ้าง ถามเทวดาบ้าง บางครั้งท่านก็ตอบ บ้างก็ไม่ตอบ บ้างตอบไม่หมดเพราะเป็นกฏของกรรม ทุกครั้งที่หลวงพ่อฤษีท่านตอบท่านจะบอกว่าถามพระบ้างหรือองค์นั้นองค์นี้บอกบ้าง ท่านว่าหลวงพ่อปานหลวงพ่อจง ก็ถามพระเอาครับ เพราะแน่นอนกว่า นี่ขนาดพระระดับนี้นะครับ..แล้วมโนมยิทธิที่หลวงพ่อสอนนี่ถ้าไปนั่งขัดสมาธิตั้งท่าก่อนก็โดนด่ายับเลยนะครับ ท่านให้ทรงญาณไว้ตลอดเวลา และต้องรู้ได้เดี๋ยวนั้น ท่านว่าลัดนิ้วมือเดียวนี่ถือว่าช้าไป เรื่องทิพยจักขุญาณนี่ผมเห็นว่าก็มีประโยชน์เหมือนกัน แต่ว่าน้อย ปัญญาจักขุเห็นจะมีประโยชน์กว่านะครับ เพราะเห็นแล้ว ลด ละ เลิก ได้จริง ...เล่านิทานให้ฟังบ้างละกันนะครับ..เมื่อประมาณปี 2549 ผมลงไปที่จ.กระบี่ อ.อ่าวลึกใต้ เพื่อเยี่ยมพี่ที่เป็นสหธรรมิก แกจะขายที่ดินติดชายทะเล เป็นป่าชายเลน ชวนกันไปดู ไปถึงระหว่างที่ทำใจสบายๆนั้น ไปเจอผีเจ้าที่แถวนั้นเข้า ท่านว่าที่ดินแถวนี้ในกาลข้างหน้าจะถูกคลื่นใหญ่ซัด แล้วท่านทำภาพให้ดู ตรงที่ผมยืนอยู่นี่น้ำซัดมาเหนือยอดไม้แถวนั้น ผมถามว่านี่ห่างจากชายทะเลกว่า 2 กม.น้ำยังซัดมาสูงขนาดนี้เชียวหรือ ท่านว่ามากวาดไปเกือบหมด ถามท่านว่าตายเยอะไหม ท่านว่าตายเยอะ ส่วนมากเป็นชาวมุสลิมที่อยู่ละแวกนั้น ถามท่านต่อว่าจะเกิดปีไหน ตรงนี้ท่านไม่ยอมตอบ ตอนหลังเลยเปลี่ยนมาถามท่านว่า แล้วภาคใต้นี่จะจมทะเลไหมครับ ท่านว่าอนาคตจะจมทะเลหมด แต่จะถามว่าเกิดปีไหนท่านไม่ตอบ ผมเองจะว่ากวนก็กวนประสาทคนนึงเหมือนกันนะ ถามตรงๆไม่ได้ก็ถามกันอ้อมๆก็ได้ จึงถามว่าชีวิตนี้ผมอยู่ทันได้เห็นภาคใต้จมทะเลไหมครับ ท่านว่าไม่ทันเห็น แกตายก่อน เรื่องก็จบแต่เพียงนั้น ทุกครั้งที่รู้นี่ก็ต้องบอกว่าไม่ได้คิดอยากจะรู้ เมื่อรู้แล้วก็ต้องบอกจากใจจริงครับว่า ไม่ได้เชื่อหรือว่าไม่เชื่อ คือเฉยๆ ดังนั้นไม่ว่าอนาคตจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่จริง ก็ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจใดๆ ถ้าท่านที่ฝึกมาจะเข้าใจว่า รู้ก็สักแต่ว่ารู้ ลักษณะนี้คือถ้าคนมาด่าว่าไม่จริง เราก็ไม่รู้สึกเดือดร้อน ใครจะว่าจริง เราก็ไม่รู้สึกยินดีอะไร หรือแม้แต่กาลภายหน้าเกิดขึ้นจริงตามที่รู้มา ก็เฉยๆไม่ได้รู้สึกยินดีอะไร เพราะใจมันไม่ได้ยึดถืออะไรๆเหล่านี้แล้วครับ ที่รู้สึกเสมอมาคือนี่เป็นสมบัติที่หลวงพ่อฤษีท่านให้ไว้ รวมทั้งความฉลาดของท่านในบทสมาทานพระกรรมฐาน แม้เมื่อหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ท่านจะบอกเสมอว่าเป็นวิชาขององค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่วิชาของท่านเอง นี่ก็เป็นความดีของหลวงพ่อ ท่านไม่เคยอวดตัวเอง แต่สิ่งที่ท่านทำให้กับลูกศิษย์นั้น หาที่สุดที่ประมาณไม่ได้ ที่ท่านด่าแล้วด่าอีก ก็คงเห็นความไม่เอาไหนของผมเอง และก็หวังว่ามันจะเลวน้อยลง นี่ก็ด่าด้วยเมตตาอย่างยิ่ง แม้ว่าจะถูกด่าจนเจียนจะกะอักเลือด ท่านก็คงหวังให้เลือดชั่วๆของกระผมนี่ออกไปเสียบ้าง....
    อยากจะบอกเพื่อนๆสมาชิกว่า "อย่าถือมงคลตื่นข่าว" , "อย่าประมาทในการปฏิบัติธรรม" "อย่าคิดว่าเราจะมีชีวิตจนกระทั่งได้เห็นภัยพิบัติ" "หายใจเข้าไม่หายใจออกหรือหายใจออกแล้วไม่หายใจเข้า เราก็จบแล้วนะ ภัยพิบัติที่กัดกินเราอยู่ทุกลมหายใจนี่คือพญามัจจุราช ไม่ว่าหลวงพ่อหรือใครๆ ไม่เคยรอดเลยครับ" อย่าสนใจภัยพิบัติภายนอกเลยครับ เรามาสนใจภัยพิบัติภายในกันเถอะ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2012
  9. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    หลวงพ่อพุธท่านเคยแนะนำว่า จะพิสูจน์เรื่องทิพยจักขุญาณ ก็เอาง่ายๆ หยิบกระเป๋าตังค์เราไปวางข้างหน้าแล้วถามเขาว่าในกระเป๋ามีเงินอยู่กี่บาท ถ้าเท่านี้ยังตอบไม่ได้ เรื่องการเห็นผีนั้นเป็นภพภูมิที่ละเอียดกว่า จะไปเห็นได้ยังไง ส่วนเทวดานั้นยิ่งละเอียดกว่าผี ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึง...
     
  10. mikky

    mikky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    892
    ค่าพลัง:
    +577
    การทำนายทายทักมันมีอยู่สามแบบ คือจากญาณทัศนะ จาดารอ่านดวงดาว และจากการเสี่ยงทาย ทั้งสามอย่างมันคลาดเคลื่อนได้ทั่งนั้น คนที่มีญาณถ้าไม่ใช่พระอรหันต์ ญานนั้นก็ไม่มั่นคง ปฏิบัติธรรมดีมีศีลมั่นคงแล้วก็ยังผิดได้ เพราะตัวกิเลสที่มันอยู่ในใจมันบิดเบือนได้ทุกสิ่ง

    ถ้าอ่านจากดวงดาว มันต้องมีการตความ เพราะดวงดาวไม่ได้บอกเป็นตัวอักษร .. เมื่อมันต้องตีความมันจึงขึ้นกับจริตของโหรว่าไปในทางใด และก็ผิดพลาดได้

    การเสี่ยงทาย มันขึ้กับความเมตตาปราณีของโอปปาติกะมี่อยู่รอบตัว บางทีไม่มีโอปปาติกะมาช่วย แต่หมอดูก็ยังทำนายไป เพราะเขาไม่รู้หรอก

    สรุป ศาสตร์การทำนายทายทักมันมีจริง แต่แม่นหรือไม่แม่นมันมีปัจจัยตามธรรมชาติ เวลาเขาดูไม่แม่นคนไม่เข้าใจก็ไปด่าเขา เราต้องใช้สติของตัวเองในการเชื่อ โอกาสที่จะเป็นจริงมันก็มี ไม่เกิดก็มี
     
  11. Phrayaram

    Phrayaram Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +41
    .. ขอขวางสักครั้งเถิดครับ ..ในเวลานี้มีบุคคลที่กล่าวอ้างถึงความมีญาณทิพย์เกิดขึ้นมากมายหลายสิบคนมากครับตามสื่อ มีทั้ง
    สาวๆ สวย ๆ มีทั้งหนุ่มๆหน้าตาหล่อเหลา มีทั้งที่สูงอายุแต่ดูดี บุคคลเหล่านี้เกิดขึ้นจากการมีกลุ่มผู้สนับสนุนให้เป็น ด้วยเพราะผลประโยชน์แท้ๆ ...

    ถ้าถามผมว่าคนพวกนี้มีญาณทิพย์อย่างว่าจริงไหม ... กระผมขอเอาศีรษะเป็นประกันต่อสาธุึชนทุกท่านเลยว่าคนเหล่านี้ไม่ได้
    มีญาณอะไรทั้งนั้น เพียงแต่มีเชาว์ปัญญาที่จะกล่าวอ้างหลักธรรมและหลักกฎแห่งกรรมตามที่ได้เรียนรู้มา โดยกล่าวถึงในเชิงที่เท่ากันอย่างหลักตามสมการเท่านั้น .. เรื่องเวรเรื่องกรรม จะมีผู้ใดล่วงรู้ก็หาไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นอจิณไตย มีเหตุปัจจัยปรุง
    แต่งมาประมาณมิได้

    ฉะนั้นการที่บุคคลกล่าวอ้างว่าผู้นั้นชาติก่อน กาลก่อนได้ทำกรรมดังนั้นดังนี้ จึงเป็นการกล่าวอ้างทั่วๆไปที่คนเราเกิดมาก็ต้อง
    สร้างกรรมกันทุกคนทั้งนั้น มันก็ต้องมีที่ไปตรงกับสิ่งที่ผู้ถูกทำนายเคยได้กระทำมาแน่อยู่แล้ว ...

    ส่วนการทำนายทายทักว่ากาลภายหน้าจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับผู้ใด หรือเกิดขึ้นเป็นพิบัติภัยใดๆแก่มนุษยชาติอย่างที่
    ว่ามาก็มิอาจล่วงรู้ได้ เหตุเพราะผู้ที่ล่วงรู้ถึงสิ่งเหล่านี้ ควรต้องเป็นภิกษุซึ่งสำเร็จในวิชชา ๘ ประการ ละทิ้งอาสวะกิเลสได้เจียน
    สิ้นแล้ว อยู่ในอารมณ์แห่งพระนิพพานหรือจะเรียกว่า เป็นอริยสงฆ์ในชั้นอรหัตตมรรค ใกล้ลุถึงอรหัตตผล นั่นเอง

    ส่วนคนทั่วไปไม่อาจกล่าวอ้างถึงการถือศีลอยู่ในเหย้าเรือน เพียรกระทำสมาธิจนสำเร็จในระดับหนึ่งแล้วอ้างเป็นโคตรเซียน อภิมหาเซียนได้เนื่องจาก อำนาจแห่งศีล ๕ หรือศีล๘ ยังไม่เพียงพอต่อการปฎิบัติให้ลุถึงอรหัตตมรรค อรหัตตผลได้ เพราะแสดงอยู่ในตัวว่ายังเป็นผู้ยินดีและจำเป็นที่จะอยู่ทางโลก ไม่ตัดขาดนั่นเอง ...

    ถึงตรงนี้หากจะกล่าวว่าผู้อ้างตนมีญาณทิพย์ได้กระทำสิ่งใดเป็นประโยชน์บ้าง ก็คงพอมีตรงที่ให้ผู้คนที่ยังยึดมั่นในคุณพระรัตนตรัยไม่เพียงพอได้รู้อย่างมีสีสันว่าเวรกรรมมีจริง โดยพวกเขาก็จะรับรู้อยู่บนพื้นฐานแห่งความงมงาย .. ไม่นานก็ลืมสิ้น ..

    โทษของความเชื่อที่งมงาย ที่สำคัญเห็นจะเป็นว่าผู้ที่หลงเชื่อนั้น มักจะกลายเป็นผู้มีโทสะแข็งกร้าว และมีความดันทุรังอยู่ในตัวเองสูงมาก คนเหล่านี้จะกลายเป็นคนพาลได้โดยง่าย..

    การสนับสนุนให้บุคคลเรียนรู้หลักความเป็นไปของโลกและเหตุการณ์ต่างๆ ตามความจริง ตามธรรมะของตถาคตจึงเป็นสิ่งที่่ต้องเร่งกระทำเพื่อให้เกิดทักษะการสอนในเรื่องนี้ที่สื่อกันได้โดยง่ายเท่าที่จะเป็นไปได้ตามวุฒิภาวะของแต่ละวัยที่ต่างกันจึงเป็นสิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่ง .. ไม่ใช่อวดอ้างยกตนเป็นผู้วิเศษเพื่อหากินกันอย่างที่เป็น ... บาปนัก ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2013
  12. มหาละลวย

    มหาละลวย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +717
    อปฺมาเทนฺ สมฺปาเทถาติ ฯ
     
  13. Chakkrapong

    Chakkrapong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +213
    อาจารย์ท่านนี้มีพระคุณต่อข้าพเจ้ามาก หากไม่ได้ท่าน ข้าพเจ้าผู้นี้คงจะตกตกนรกโลกันต์เป็นแน่แท้
    ถ้าข้าพเจ้าได้ติดตามท่านผู้นี้เพื่อสร้างบุญสร้างกุศลด้วยแล้ว คงจะเป็นบุญของข้าพเจ้านัก

    ส่วนผู้ปรามาศเพราะเห็นผิดนั้น นั่นก็เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่ทำแล้วต้องกล้ารับผิดชอบกันด้วยนะครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2013
  14. kurochang

    kurochang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +111
    โกหก ตกนารก
     
  15. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ภัยพิบัติผมว่าต้องเกิดขึ้นแน่นอนเพราะโลกในปัจจุบันคนชั่วเยอะมาก แต่จะเกิดขึ้นตอนไหนก็เท่านั้นเอง

    เพราะตอนนี้ในความคิดผมมันยังไม่แน่นอนว่าจะเกิดช่วงไหน เทวดานางฟ้า ท่านคงเลื่อนไป-มา

    เพราะมีตัวแปรหลายอย่างที่ทำให้ไม่มีความแน่นอน แต่ผมคิดว่าไม่เกินปี 2561 เพราะฉะนั้นเร่งทำความเพียร ทำทาน รักษาศีล

    แล้วก็เจริญภาวนา ผมเชื่อว่าไม่ต้องดันทุรังไปไหน เดี๋ยวบุญที่เราสร้างก็ดนให้เรารอดเองครับ สาธุๆๆ
    ...................................................................................................

    ตัดถ้อยคำมาอ้างอิงครับ
    ผมอยากจะเถียงคนที่ชอบพูดว่าทุกวันนี้คนชั่วเยอะมาก ๆ คืออมากกว่าคนดี ผมว่าไม่จริง ทุกวันนี้คนดีเพิ่มขึ้นมาก ๆ เลย คนชั่วลดจำนวนลงไปมาก ๆ เลย ทั้งนี้เพราะการศึกษาเป็นต้นเหตุ สื่อเป็นต้นเหตุ เราอาจเห็นแต่เรื่องไม่ดีไม่งามลงตามหน้าสื่อ แต่นั่นมีไม่มากเท่ากับคนดีทำความดี เพียงแต่สื่อไม่ได้นำลงเท่านั้น

    ถ้าเราศึกษาประวัติศาสตร์ เราจะพบความชั่วร้ายของมนุษย์ในอดีตที่ผ่านมา ทุกยุคสมัย แม้แต่สมัยที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่คนชั่วก็มากกว่าคนดี เฉพาะในประเทศอินเดียมีวรระ 4 คนที่อยู่วรรณะสูงก็กระทำย่ำยีคนวรรณะต่ำยิ่งกว่าสัตว์เสียอีก สิ่งเหล่านี้เริ่มห่ยไปหลังกึ่งพุทธศตวรรษ ตั้งแต่ ดร.เอ็ม เบ็ดก้า นำพุทธศาสนาเข้าไป ทำให้คนชั้นต่ำออกจากศาสนาฮินดูมาเป็นชาวพุทธ พวกฮินดูก็เลยข่มไม่ได้ เพราะกฎหมายใหม่ได้คุ้มครองไว้ด้วย

    ส่วนศาสนาคริสต์เล่า ก็ใช้ความงมงายในลัทธิประเพณีเป็นเครื่องมือ ผู้นำศาสนาอาศัยอำนาจล้นฟเาสั่งประหารคนที่ตัวเองลงความเห็นว่าชั่ว เป็นแม่มดหมอผี คนไหนมีญาณวิเศษที่สามารถทำนายทายทักได้เหมือนตาเห็นล้วนถูกพวกพระลงความเห็นเป็นสาวกของซาตาน แล้วถูกจับไปเผาทั้งเป็น พวกนักวิทยาศาสตร์ที่มีความเห็นขัดแย้งกับพวกพระล้วนถูกจับมาลงโทษ นอกจากนั้นยังมีการค้าทาส มีการจับคนทางอัฟริกาไปขายเป็นทาส มีชีวิตไม่แตกต่างจากสัตว์เลี้ยง ถูกขายไปขายมา ทำไม่ถูกใจเจ้าของก็ถูกฆ่าหรือโบยตี

    เมื่อประเทศใกล้เคียงกันเกิดเขม่นกันก็ถือหอกดาบรบฆ่ากันจนเลือดนองแผ่นดิน ประชาชนพลเมืองถูกกระทำย่ำยีทุกแห่งหน เอาในประเทศไทยนี่แหละ เมื่อยุคต้นกรุง เมื่อพระยากาวิละร่วมกับกองทัพไทยของพระเจ้ากรุงธนบุรี และต่อมาของกรุงเทพ ฯ พากันขับไล่พม่าออกจากเมืองเหนือ ก็พากันกวาดต้อนเอาคนเหนือลงมากุงเทพ ฯ เชื่อมั้ยว่าคนเชียงแสน-เชียงราย ที่ถูกต้อนลงมานั้น เขาเอาเฉพาะผู้ใหญ่ที่แข็งแรงเท่านั้น ถ้าแก่เกินไปก็ฆ่าทิ้งเสีย ถ้าเด็กเกินไปก็กดน้ำฆ่าเสียให้ตาย ถ้าเด็กพอรู้ความแต่เป็นภาระในการโยกย้ายก็พาขึ้นเรือไปกลางแม่น้ำโขง แล้วพาเรือล่มให้เด็ก ๆ จมน้ำตายเสีย

    ส่วนหญิงสาวก็ถูกฉุดคร่าอนาจาร พวกทหารไทยไปรบลาวก็ฉุดเอาสาว ๆ ลาวมาข่มขื่น ไปรบทางเหนือก็เอาสาว ๆ ทางเหนือข่มขืน ก็เป็นเช่นนี้ทุกแห่งหน พม่ามาปล้นไทยก็ทำแบบเดียวกัน ไทยไปปล้นเขมรและลาวก็ทำแบบเดียวกัน

    อันจิตตกต่ำดำมืดนั้นแผ่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก ใครมีอำนาจเหนือกว่าก็กระทำย่ำยีผู้อ่อนกำลังกว่า ฝรั่งมีอาวุธปืนและเรือใหญ่ก็ปล้นสะดมภ์ไปทั่วโลก

    ในด้านพุทธศาสนาเล่า คำสอนอยู่ในคัมภีร์ พระคือผู้คงแก่เรียน เล่าคัมภีร์ได้คล่องปาก กษัตริย์เลื่อมใสอุปภัมภ์ คำสอนของพระเน้นเรื่องการให้ทาน สร้างวัด สร้างพระพุทธรูป สร้างพระธาตุเจดีย์ แล้วจะได้บุญเยอะ ผู้มีกำลังสร้างคือกษัตริย์และขุนนาง ชาวบ้านเป็นกุลีไม่มีค่าแรงงาน หาพระที่จะนำการปฏิบัติกรรมฐานเข้าถึงนิพพานแทบไม่มี ศาสนาจึงเป็นประเพณีนิยม ทำบุญให้ทาน ชาวบ้านถือว่าพุทธศาสนาคือพระพุทธรูปประธานที่นั่งอยู่ในวัด คำสอนคือคัมภีร์นิทานที่พระนำมาอ่านให้ฟังในท่วงทำนองต่าง ๆ ซึ่งเน้นหนักในการบำเพ็ญทานทั้งสิ้น ส่วนเรื่องภาวนายังอยู่ในตำรา ศีลอยู่ในพิธีกรรมแต่ละงาน เสร็จงานก็เสร็จกันไปในแต่ละพิธี ไม่มีใครเอามาปฏิบัติ

    แล้วหันมาดูพุทธศาสนาวันนี้สิ ดูไปทั่วโลก หันมาดูคริสต์ศาสนาทุกวันนี้สิ ดูไปทั่วโลก มันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นทั้งนั้น ในประเทศไทยนี่เริ่มดีมาตั้งแต่ยุคพระอาจารย์มั่น พระอาจารย์เสาร์ พาศิษย์ออกเดินธุดงค์และสอนธรรมภาคปฏิบัติ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 24 แล้วครับ นอกจากนั้น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง สนธิสัญญาต่าง ๆ เกิดขึ้น ประเทศต่าง ๆ ก็เริ่มอยู่กันมาอย่างสงบ พวกล่าอาณานิคมทั้งหลายก็หยุด เมืองขึ้นทั้งหลายเริ่มปลดปล่อยตัวเองได้ ความสงบสุขกลับมาจนถึงทุกวันนี้

    เชื่อสิ ทุกวันนี้คนดีมากกว่าคนชั่วหลายเท่าตัว และคนชั่วจะเริ่มหดหายไปจากสังคมเรื่อย ๆ เนื่องเพราะคนฉลาดขึ้น ทำให้คนที่เคยเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นค่อ ๆ หมดอำนาจลงเรื่อยๆ

    ดังนั้น เรื่องภัยพิบัติที่มันจะเกิดหรือไม่เกิดมันไม่เกี่ยวกับคนดีหรือชั่ว มันเป็นธรรมชาติของโลกที่เป็นอยู่เช่นนี้ มันมีเหตุปัจจัยของมัน ต้องใช้หลักวิทยาศาสตร์ อย่าใช้หลักความเชื่อ อย่างที่ ดร.อาจองพูดนั้นถูกต้อง ถ้าแผ่นดินมันจะหวั่นไหวครั้งใหญ่มันเกิดจากน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิคมีจำนวนมากขึ้น มันทำให้น้ำหนักของโลกเสียความสมดุลย์ ทำให้การหมุนของโลกมีปัญหา มันจึงมีการปรับตัวของมันเอง ด้วยการเคลื่อนย้ายแผ่นทวีป มันค่อย ๆ เคลื่อน ไม่ได้เคลื่อนเปลี่ยนเหมือนที่เล่าลือกันจนตกอกตกใจ ต้องใช้เวลาหลายสิบปี อาจเป็นร้อยปี แผ่นดินไหวแต่ละครั้งมันก็เขยิบไปทีละนิด ส่วนน้ำทะเลมันก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น มันไม่ได้พุ่งมาเหมือนสินามิจนแว็บเดียวถึงนครสวรรค์เมื่อไหร่ ประเทศที่อยู่แนวเลื่อนวงแหวนไฟมีโอกาสเช่นนั้น แต่ประเทศไทยไม่เป็นหรอก อย่าได้พากันเป็นกระต่ายตื่นตูมไปเลย

    และไอ้ดาวนิบิรุ หรือ PX หรือ XP อะไรนั่นก็ไม่มีจริง

    ใช้เชื่อและสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง คนที่ปั่นกระทู้ภัยพิบัติให้คนหวาดกลัวแตกตื่นนี่อาจมีธุรกิจเกี่ยวข้องกับความหวาดกลัวของคนก็ได้ ลองแสวงหาข้อมูลให้ดีแล้วจะพบความจริง แล้วมันจะโผล่ความจริงให้เราเห็นเรื่อย ๆ
     
  16. To Find The Thuth

    To Find The Thuth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +416
    สาธุนะครับ ใช่ครับทุกอย่างทีเหตุ มีปัจจัย จึงทำให้เกิดให้ดับ ที่ผมกล่าวไปข้างต้นก็แค่ความคิดเห็นส่วนตัวของเด็กวัยรุ่นที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่มีความรู้อะไรมาก ได้แต่พิจารณาตามความเข้าใจของตน และมองจากภาพรวมเท่านั้น

    แต่อ่านความคิดเห็นของคุณก็ทำให้พิจารณาได้ว่า ทุกอย่างมีขึ้นมีลง และตอนนี้ผมคิดว่ามันกำลังถึงช่วงลงอยู่(หลังจากจิตใจมนุษย์สูงขึ้นตอนนี้เป็นช่วงขาลง) ใช่ครับอาจเป็นเพราะการศึกษา แต่การศึกษาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้คนเป็นคนดีได้ ต้องมีจริยธรรมด้วย(ลองดูสิ เด็กสมัยนี้มีการศึกษาสูงกว่าเมื่อก่อน มีเครื่องมีช่วยในการศึกษา แต่ทำไมจริยธรรมถึงได้แย่ลงมาก)

    และตอนนี้เทคโนโลยีทำให้มนุษย์จิตใจต่ำลงอย่างรวดเร็วด้วย เพราะธรรมชาติจิตของคนเรามันไหลตามกระแสกิเลส มีส่วนน้อยที่จะมาอดมาทนทวนกระแสดิเลส ผมเชื่อนะครับ คนดีมีเยอะก็จริง แต่คนดีจริงๆ คือ คนที่รู้สัจธรรมของโลก ของจักวาล ที่จะมาทำบุญกุศลแผ่เมตตาสงเคราะห์โลก มีน้อย แต่กำลังจะเพิ่มขึ้น เพราะกรรมจัดสรร แต่จะเพิ่มมากเท่าคนที่ปล่อยใจให้เป็นไปตามกิเลสหรอ?


    เรื่องภัยพิบัติผมก็ไม่รู้เหมือนกันจะเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า รู้แค่ว่าทุกอย่างมันมีเหตุ มีผลของมัน และเหตุผลสำคัญเลยก็คือคนนี้แหละ เอาง่ายๆนะครับ เมื่อก่อนโลกเราสภาพดีกว่านี้(คนก็ดีกว่านี้เหมือนกัน) แล้วมาดูตอนนี้โลกเราสภาพแย่(เป็นเพราะใครละครับ)

    แล้วถ้าจะย้อนไปในประวิติศาสตร์ที่มีการฆ่าฟันกันผมก็คงตอบว่า คนในสมัยนั้นมีจริยธรรมกว่าคนสมัยนี้ อย่างน้อยคนสมัยนั้นก็มีการยอมเสียสละ ยอมอดทน ใครๆ ก็อยากอยู่สบายกันทั้งนั้น คงไม่มีใครอยากออกไปเสี่ยงชีวิตหรอกครับ แต่เป็นเพราะสถานะการณ์มันบังคับ ถ้าไม่สู้ ก็เสียชาติ และมีพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ที่มีบารมีมาเกิด

    ทุกอย่างมีเหตุมีผล ใช่ครับ แต่บางอย่าง(เอาตรงๆ เรื่องพุทธศาสนานี้ละครับ พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนให้เชื่อ แต่ท่านสอนให้รู้ ให้นำไปปฏิบัติ ไอสไตน์ ยังยกย่องพุทธศาสนาเลย)มันหาเหตุผลให้คนรู้กันหลายๆ คนไม่ได้ เพราะมันละเอียดเกินไป จนต้องรู้ได้เฉพาะบุคคลเท่านั้น ถึงจะมีการเขียนบอกไว้ในทำนองเดียวกัน แต่คุณมาถามเหตุ ถามผล ผมก็อธิบายให้คุณเห็นเป็นรูปธรรมไม่ได้หรอกครับ

    วิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้แค่เรื่องหยาบๆ เท่านั้นและเห็นเป็นรูปธรรม มีเหตุ มีผลคนเลยยอมรับ
    แต่พุทธศาสนาพิสูจน์ในเรื่องที่มันละเอียดอ่อนวิทยาศาสตร์มาก และมีเหตุมีผลเช่นกัน แต่คุณต้องไปทดลองด้วยตัวเอง เพราะสิ่งที่ทดลองคือ จิตใจของคุณ

    ปล. ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ และไม่เถียง เพราะบางอย่างผมยังไม่รู้จริง รู้บ้างไม่รู้บ้าง ตามวัย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 มกราคม 2013
  17. Chakkrapong

    Chakkrapong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +213
    ส่วนตัวผมก็ไม่ได้คิดว่าอาจารย์เจนจะทายถูก 100% แต่ผมเชื่อนะว่ามีญานทิพย์จริง เพราะผมไปลองมาแล้วครับ

    เพราะเท่าที่เคยเสวนาด้วย พบว่าทายผิดอยู่แค่เรื่องเดียว นอกนั้นทายถูกหมด ซึ่งก็ไม่น่าแปลกครับ เพราะท่านไม่ใช่อริยบุคคล แต่ยังเป็นปุถุชน กิเลศก็ยังมี แต่ทายได้ถึงขนาดนี้สำหรับผมแล้วถือว่าเก่งมากๆครับ
    ผมเชื่อว่าอาจารย์แกมีญานจริงๆ เพราะผมเคยไปลองดี(จนเจอดี)ครับ ถ้าใครได้อ่านประวัติผมมาแล้วนี่ จะรู้ได้เลยว่าเมื่อก่อนผมเป็นพวกมิจฉาทิฐิดิ่งเลย คือหัวเอียงซ้ายสุดๆ เพราะผมเรียนการเมือง
    ตอนนั้นผมบ้าอุดมการและวิทยาศาสตร์ตะวันตกสุดๆ ถึงขั้นที่ว่าใครมาพูดก็ไม่เชื่อ เถียงกลับหมด ด่ากลับหมด และก็ยังมีความพยายามที่จะตั้งลัทธิของตัวเองขึ้นมาเพื่อทำการปฏิรูปสังคมด้วยวิธีการที่รุนแรงเด็ดขาดอีก (ดีนะที่ยังทำไม่สำเร็จ ถ้าทำสำเร็จนี่ไปกันใหญ่เลย)
    ศาสนานี่ เมื่อก่อนผมปฏิเสธไม่พอนะ ยังจ้องจะทำลายอีก แต่สุดท้ายผมก็มากลับใจได้เพราะอาจารย์นั่นแหละ นี่ถ้าไม่มีอาจารย์เจนนะ ผมคงจะฆ่าคนไปมากมายเพราะมิจฉาทิฐิ และก็คงต้องลงโลกันต์เป็นแน่แท้ (ในตอนที่ได้เจออาจารย์นี่ ผมกำลังร่างแผนพัฒนาประเทศของตัวเอง ที่มีการทำลายสถาบันศาสนาเป็นขั้นตอนหนึ่งในนั้น ซึ่งผมใช้เวลาร่างมาเกือบๆครึ่งปี อีกแค่ไม่กี่อาทิตย์ก็จะเสร็จแล้ว นี่ถ้าไม่มาเจออาจารย์เจนนะ ผมคงจะร่างมันจนเสร็จ แล้วเอาไปเผยแพร่ไปแล้ว ดีนะที่มาเจออาจารย์ก่อน ผมเลยฉีกมันทิ้งทันเวลา)

    แต่ที่แน่ๆล่ะ อาจารย์ไม่ได้บอกว่าให้ไปแก้กรรมด้วยการทำพิธีกรรมอะไรแปลกๆเสียหน่อย ท่านบอกว่าให้ผมหันเข้าวัดทำบุญไหว้พระต่างหาก
    อามิสสินจ้างท่านก็ไม่เอา
    เราคงจะต้องทำความเข้าใจนะครับว่าธรรมะมีวิธีการเผยแผ่หลายวิธี สิ่งที่อาจารย์กำลังทำอยู่นั้นก็ "อาจจะ" เป็นการเผยแผ่วิธีหนึ่ง ซึ่งออกจะดูพิศดาร แต่ก็ได้ผล

    ทุกวันนี้ที่ผมหันกลับมานับถือศาสนาอีกครั้งนี่ ผมเน้นความสนใจไปที่การปฏิบัติ และหลักธรรมในการดำรงชีวิต พระไตรปิฎก คือเน้นที่การแสวงหาปัญญา พิสูจน์ได้ ส่วนพวกเครื่องรางของขลังหรือพวกทรงเจ้าเข้าผีนี่ ผมไม่ให้ความสำคัญ ผมไม่ได้บอกว่าไม่มีจริงนะ แต่บอกว่าไม่ให้ความสำคัญต่างหาก ผมจะเน้นไปที่ปัญญามากกว่า ดังนั้นหากจะบอกว่าอาจารย์ทำให้ผมงมงาย นี่ไม่ใช่แล้ว

    กับอาจารย์เจนนั้นผมเชื่อ ของจริงแน่นอนครับ แต่ก็ไม่ได้ยึดถืออะไรมาก

    ทำไมคนที่เป็นพวกสัจนิยมขั้นรุนแรงอย่างผมยังเชื่ออาจารย์เจน? ท่านไม่สงสัยกันบ้างดอกรึ?

    ผมไม่ใช่ทั้งศิษย์หรือญาติกับอาจารย์ท่าน เราไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกันทั้งสิ้น ดังนั้นที่โพสนี่ผมจึงไม่มีเจตนาจะโฆษณาใดๆทั้งสิ้นครับ
    สำหรับสมาชิกท่านใดที่ปรามาสอาจารย์ไป ผมคงจะไม่มีสิทธิ์ใดๆไปบอกให้ท่านหยุดได้หรอก เพราะเมื่อก่อน ตอนที่ผมบ้าอุดมการการเมืองสุดๆนั้น ผมก็เคยมองอาจารย์ว่าเป็นพวกต้มตุ๋นแบบนี้เหมือนกัน แถมยังคิดไปไกลถึงขั้นอยากจะทำลายอาจารย์เพื่อให้สังคมดีขึ้นด้วยซ้ำไป แต่ในทุกวันนี้ที่ผมได้รู้จักอาจารย์แกดีขึ้น ผมก็เลยหยุด แล้วรู้สึกผิด อยากไปขอขมาท่าน ท่านก็ยังบอกว่าไม่ต้องการเลย
    ดังนั้นผมถึงเข้าใจนะ ว่าทำไมหลายๆท่านถึงได้มองอาจารย์แบบนั้น ซึ่งการที่ผมจะห้ามไม่ให้ท่านทำนั้น จึงเป็นเรื่องไม่สมควร
    แค่อยากให้ท่านได้หยุดคิดสักหน่อยเท่านั้น ว่าควรแล้วรึที่คนดีต้องถูกกระทำเช่นนี้ มันยุติธรรมแล้วหรือที่คนดีต้องกลายเป็นจำเลย ก็เท่านี้แหละครับ
    -----------------
    ในความคิดของผมเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัตินะครับ ผมว่าอาจารย์แกเห็นจริง แต่สิ่งที่อาจารย์แกเห็นนั้น "ไม่แน่" ว่าจะเกิดหรอก เพราะเท่าที่ผมรู้มา ญานที่แน่นอน ก็คงจะมีเพียงญานของพระอริยบุคคลเท่านั้น เช่น พระพุทธเจ้าทำนายว่าพระโพธิสัตว์องค์ใดแน่ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต พระโพธิสัตว์องค์นั้นในภายหน้าก็จะต้องได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน ไม่มีทางที่จะลาพุทธภูมิก่อนได้เลย ทั้งนี้เพราะทุกคำทำนายของพระอริยบุคคลนั้น ล้วนแล้วแต่เที่ยงแท้แน่นอนทั้งสิ้น
    แต่อาจารย์แกยังเป็นปุถุชนอยู่ ของแบบนี้พลาดกันได้อยู่แล้ว ไม่ว่ากัน (ขนาดทายเรื่องของผมนี่ก็ยังถูกไม่หมดเลย แต่ได้ถึงขนาดนี้ต้องเรียกว่าของจริงแล้วล่ะครับ)
    ซึ่งการที่เราจะทำให้คำทำนายของแกคลาดเคลื่อน หรืออย่างน้อยๆก็ขอแค่ให้ภัยพิบัตินั้นไม่สร้างความเสียหายแก่เราเท่าใดได้นั้น ก็คงจะต้องตามที่บางความเห็นแนะนำนั่นแหละครับ คือเราต้องหันมาสร้างความดี แล้วชีวิตเราก็จะพบเจอแต่สิ่งดีๆ
    ดังนั้นท่านที่ทำดีอยู่แล้ว จึงไม่ต้องกังวลอันใดครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2013
  18. zuvara

    zuvara Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2012
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +70
    ยิ่งเห็น ยิ่งรู้มาก ยิ่งเสื่อมไว เหตุอยากช่วย มนุษย์
     
  19. chpu

    chpu Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +28
    ทัวร์บุญญาณทิพย์ 13 ทำบุญถวายพระไตรปิฎก สืบสานพระศาสนา จ.สมุทรปราการ 27 ม.ค
    เพื่อสืบสานพระพุทธศาสนา เพื่อส่งเสริมการศึกษาพระธรรมวินัยแด่พระภิกษุสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
    ณ วัดจากแดง จ.สมุทรปราการ และ
    วัดสุวรรณประสิทธิ์ ซึ่ง สองวัดนี้ขึ้นชื่อด้านการศึกษาพระไตรปิฎกอย่างเคร่งครัด

    นอกจากนี้ เราจะไป

    ขอพร หลวงพ่อโต วัด บางพลีใหญ่ใน สักการะ หลวงพ่อโต 1 ใน 3 พระพุทธเจ้า 3 พี่น้องที่ศักดิ์สิทธิ์มากด้านการกลับดวงชะตา
    จากร้ายกลายเป็นดี
    ร่วมถวายสังฆทานหมู่ , ทำบุญโลงศพ ,ปิดทองพระพุทธบาทจำลอง ,ทำบุญซื้อที่ดินถวายวัด

    หมดเคราะห์ หมดโศก ทำบุญที่วัด วัดอโศการาม สักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุในพระธุตังคเจดีย์

    แวะทานอาหารเช้าที่ตลาดน้ำโบราณ 100 ปี บางพลี

    สักการะ ขอพร องค์พระพิฆเนศ ที่ศาลหลักเมือง พระประแดง จ. สมุทรปราการ องค์พระพิฆเนศองค์แรกของประเทศไทยที่เก่าแก่ที่สุด
    และศักดิ์สิทธิ์ ขอพรความสุข ความสำเร็จ ความมั่งคั่งให้บังเกิดตลอดปี 2556

    เที่ยวชมฝูงนกนางนวล ที่ สถานตากอากาศบางปู

    ทานอาหาร โต๊ะจีนสุดอร่อยที่ สวนอาหารภูมิเศรษฐี บางปู

    อ.มีญาณ ในเว็บญาณทิพย์จะมาร่วมทัวร์บุญครั้งนี้

    นำโดย อ.เจน ญาณทิพย์มีข้อสงสัยสอบถามได้ที่เบอร์

    0912140214ค่าใช้จ่ายในการมาร่วมงานนี้ คนละ 650 บาท
    ทัวร์บุญญาณทิพย์ 13 ทำบุญถวายพระไตรปิฎก จ.สมุทรปราการ 27 ม.ค ( นำโดย อ.เจน ญาณทิพย์ ) - ห้อง รักไร้พ่าย - หน้าแรก ญาณทิพย์ - Powered by Discuz!
     
  20. chin_ps

    chin_ps สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +12
    มีพระรูปหนึ่งอยู่ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เล่าให้ชาววัดฟังว่า ปี ๕๖, ๕๗ และ ๕๘ ส่วน ๕๙ เริ่มเบา

    พระท่านเกรงว่าจะโดน(พวกเทพ)หลอก เลยตรวจสอบดู ๓ ครั้ง ปรากฏว่าเขาทำเป็นภาพให้ดู (ทั้งเทพ และยักษ์ ที่มาแสดงให้ท่านรับทราบ)

    ภัยพิบัติจะเกิดที่ประเทศต่างๆ และประเทศไทย ๆ จะเกิดที่ใต้ก่อน เกิดหนักกว่าที่ผ่านมา ภาพที่เขาดลบันดาลให้เห็น เช่น จังหวัดภูเก็ต ปัตตานี มองเห็นมีแต่น้ำเต็มไปหมด แล้วค่อยเกิดขึ้นทางภาคเหนือ ..อีสาน ตามลำดับ (น้ำที่ไหลจากเหนือ ต้องลงสู่ภาคกลางแน่นอน รับรองงานนี้หนัก)

    ส่วนมากท่านก็จะเล่าให้พระอ.ที่นั่น และญาติโยมชาวบ้านฟัง ไม่ค่อยได้ไปเปิดเผยที่ไหน

    ท่านบอกว่าตรวจสอบดู ๓ ครั้ง ภาพก็ปรากฏทั้ง ๓ ครั้ง ..เรื่องภัยพิบัติ ไม่ใช่แต่น้ำท่วมอย่างเดียว ยังมีอื่นๆ ที่จะทำให้เสียหาย เช่น พายุ เป็นต้น

    ฟังดู ถ้าป้องกัน ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย อยู่ที่ว่าจะระวังกันได้แค่ไหน อย่างน้อยก็ได้เตรียมทำใจไว้ก่อนว่า เกิดหนัก หรือเบา ก็แล้วแต่คนเชื่อ จะไม่เชื่อ ก็ไม่มีใครบังคับ

    รับฟังมา เมื่อมีเหตุ ก็เล่าไปตามที่รับรู้รับฟังมาเช่นกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...