คนเล่านิทานอัพเดท "แผนจัญไร"

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Apinya17, 23 กันยายน 2014.

  1. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    https://scontent-ams2-1.xx.fbcdn.ne...=58bc9d1cd381ac266810915956467c5c&oe=56C2E846

    " ข่าวลือ ข่าวลวง"

    ตอน 5

    เป็นเวลากว่า 3 ปี ที่ซาอุดิอารเบียใช้เวลากวาดกลุ่มอัลไคดา ให้หมดไปจากบ้านตัวเอง อัลไคดาหมดไปจากซาอุ แต่ไม่ได้สูญพันธ์ กลับขยายตัวแพร่กระจายไปทั่วตะวันออกกลาง และอาฟริกา ในปี ค.ศ.2009 กลุ่มอัลไคดาที่หลบออกไปจากซาอุ ไปโผล่ที่เยเมนแทน และมีแผนที่จะระเบิดเครื่องบินที่จะบินไปอเมริกา บิน นาเยฟ หรือ MBN ตามที่อเมริกาเรียก ได้แจ้งข่าวนี้ไปทางวอชิงตัน และในที่สุดก็จับตัวคนที่พกระเบิดขึ้นเครื่องบินได้ (อ่านรายละเอียดตอนนี้ได้ในนิทานเรื่อง "แผนชั่ว")

    บิน นาเยฟ ได้รับความชื่นชมจากอเมริกาอย่างยิ่ง ถึงขนาดเรียกเขาว่า เป็นเจ้าพ่อข่าวกรอง บิน นาเยฟ ยังแสดงผลงานต่อ เมื่อ อับดุลลา อสิรี Abdullah Asiri อัลไคดา ระดับหัวหน้าคนหนึ่ง ตกลงจะมอบตัว โดยมีเงื่อนไขว่า จะมอบตัวกับ บิน นาเยฟ คนเดียวเท่านั้น และถ้า บิน นาเยฟ ตกลง เขาอาจจะพูดให้พี่ชาย อิบราฮิม อสิรี Ibrahim Asiri มือวางระเบิดคนสำคัญ มามอบตัวอีกด้วย บิน นาเยฟ ตกลง และนัดมอบตัวกัน ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ.2009

    เมื่อพบกัน ทั้ง 2 นั่งบนเบาะที่วางบนพื้น หันหน้าเข้าหากัน หลังจากนั้น อสิรี ก็ร้องไห้ และหยิบโทรศัพท์ที่ซ่อนมาในเสื้อคลุม ขอโทรไปหาครอบครัว และพูดกับพี่ชาย พูดเสร็จก็ยื่นโทรศัพท์ให้บิน นาเยฟ บอกว่าพี่ชายจะพูดด้วย ระหว่างที่ บิน นาเยฟ ยื่นมือไปรับโทรศัพท์ พร้อมกล่าวคำทักทาย อิสิรี ก็กดระเบิดที่ซ่อนมาในทวารหนัก ระเบิดเป็นหลุมลึกใต้เบาะที่เขานั่ง ส่วนตัวเขา แหลกละเอียด ตายต่อหน้า บิน นาเยฟ ซึ่งโดนสะเก็ดระเบิดด้วย แต่ไม่สาหัส

    ในปี ค.ศ.2011 เจ้าชายนาเยฟ the Black Prince ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นมงกุฏราชกุมาร ซึ่งทำให้ฝั่งอเมริกาตาเหลือกไปทั้งทำเนียบในวอชิงตัน และ ในปีนั้นเอง ตะวันออกกลางก็เกิดเทศกาลอาหรับสปริง ที่อเมริกาอ้างว่า ได้รับการชื่นชมจากพวกตะวันตกอย่างยิ่ง ที่ผู้นำเผด็จการทั้งหลาย ต่างร่วงผล่อยไปตามๆกัน ไล่มาตั้งแต่ตูนิเซีย อียิปต์ และมาถึง บาห์เรน เพื่อนบ้านของซาอุดิ อารเบีย

    มันเป็นการเขียนเสือให้วัว หรืออูฐ กลัว หรือเปล่านะ

    เจ้าชายนาเยฟ เดือดดาลมาก ที่โอบามา บีบให้มูบารัคประธานาธิบดีของอียิปต์ลาออก และเมื่อบาห์เรน ซึ่งดูเหมือนจะเจอเทศกาลอาหรับสปริงไปด้วย นาเยฟ ไม่ยอมให้บาห์เรนเป็นเหมือนอียิปต์ เขาให้ราชวงศ์ซาอูด ช่วยราชวงศ์ของบาห์เรน ซึ่งเป็นนิกายสุนนีด้วยกัน จึงทำให้เกิดมีการเผชิญหน้ากัน ระหว่างนิกายชีอะ กับสุนนี่ในบาห์เรนอีกด้วย การปราบปรามในบาห์เรนใช้ไม้แข็ง หรือลูกตะกั่ว ซึ่งอเมริกาอ้างว่า ได้ประท้วงการใช้ความรุนแรงอย่างนั้นแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ และกองทัพของซาอุดิอารเบีย ก็ยังอยู่เต็มในบาห์เรนจนทุกวันนี้

    เจ้าชายนาเยฟ หรือ the Black Prince ในสายตาของอเมริกา ได้ชื่อว่า เป็นผู้ที่เข้มงวด และใช้อำนาจของซาอุดิอารเบียอย่างเต็มอัตรา อเมริกาเหน็บแนมว่า เจ้าชายนาเยฟ กำลังส่งเสริมให้ซาอุดิอารเบียใช้อำนาจของราชวงศ์ซาอูด แบบ "Pax Saudiana" คือสันติภาพและเสรีภาพแบบซาอุดิอารเบีย ใครที่ไม่ปฏิบัติตาม เป็นผู้ก่อการร้ายทั้งสิ้น

    ... แล้วต่างอะไรกับ Pax Americana ของอเมริกา ต้องเป็นประชาธิปไตย ต้องมีเสรีภาพ ต้องทำตามที่กูบอกเท่านั้น...ไม่งั้นเป็นผู้ก่อการร้าย....ฮาครับ

    นอกจากนี้ เจ้าชายนาเยฟ ยังถูกอเมริกาวิจารณ์ว่า เจ้าชาย เป็นคนยุ กษัตริย์ อับดุลลาห์ ว่า อย่ายอมใจอ่อน กับพวกที่ต้องการให้มีการปฏิรูปเด็ดขาด ขณะที่กษัตริย์อับดุลลาห์ มีแนวโน้มที่จะเดินสายกลาง โดยพยายามจะเปลี่ยนประเทศ อย่างช้าๆเป็นขั้นตอน เน้นให้ประชาชนมีการศึกษามากขึ้น และ เคยพูดว่า อาจเปิดทางให้ผู้หญิงมีสิทธิขับรถได้ด้วย นอกจากนี้ กษัตริย์อับดุลลาห์ ยังจัดสรรเงินเป็นจำนวนมาก เพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของชนชั้นกลาง และชั้นล่างของ ซาอุดิอารเบียอีกด้วย

    ถึงกระนั้น ในสายตาของอเมริกา กษัตริย์อับดุลลาห์ ก็ไม่เคยแตะเรื่องที่เกี่ยวกับความเชื่อของศาสนาเลย และเจ้าชาย บิน นาเยฟ ที่รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยแทนพ่อ ก็เคร่งครัดเรื่องศาสนา และดำเนินการรุนแรง กับผู้ที่กระทำผิดทางคำสอนของศาสนาเช่นกัน

    อเมริกาบอก บิน นาเยฟ อาจจะเชี่ยวชาญ ในการจัดการกับผู้ก่อการร้ายในราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย แต่ไม่เห็นอันตราย ของการห้ามประชาชนที่จะแสดงความเห็นอย่างอิสระ และทำให้ความพยายามของอับดุลลาห์ ที่จะปฏิรูปประเทศ ก็เลยเหมือนกับค้างอยู่กลางทาง

    เจ้าชายนาเยฟ ขึ้นมาเป็นมงกุฏราชกุมารได้เพียงปีเดียว ใน ปี ค.ศ.2012 ก็ล้มป่วยและสิ้นพระชนม์ในวัย 78 ปี ที่โรงพยาบาลในเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ พร้อมกับเสียงถอนหายใจโล่งอก ดังยาวไปทั้งทางเดินที่ทำเนียบในวอชิงตัน .....นี่ ผมเขียนตามถ้อยคำ ที่คนเขียนบทความเกี่ยวกับ the Black Prince ใช้เลยนะครับ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    21 ต.ค. 2558

    หมายเหตุ : เชิญเชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วย
    ภาพประกอบจาก google
     
  2. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    "ข่างลือ ข่าวลวง"

    ตอน 6

    เมื่อเจ้าชาย บิน นาเยฟ ขึ้นมารับตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยแทนพ่อ เขาพยายามหาวิธีที่จะลดจำนวนผู้ก่อการร้าย โดยใช้นโยบายฟื้นฟูมากกว่า นโยบายลงโทษ

    ผู้ก่อการร้ายที่ถูกจับกุมมีประมาณ 3,500 คน และส่วนใหญ่เป็นพวกอัลไคดา ในระหว่างถูกคุมขัง "นักโทษ" จะได้รับการดูแลอย่างดี มีที่พักอาศัยที่ไม่เหมือนเป็นคุก มีญาติมาเยี่ยม ออกไปร่วมงานของครอบครัวได้ ส่วนญาติก็ได้รับการดูแลด้านที่อยู่อาศัย การกินอยู่ดีขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้ครอบครัวเป็นผู้กล่อมเกลาลูกหลานตัวเอง ให้กลับมาเห็นชอบจากการหลงผิด

    อเมริกาไม่ชอบวิธีการนี้เลย สื่ออเมริกาโจมตีนโยบายนี้อย่างรุนแรง

    แต่ในขณะเดียวกัน ในเรื่องเกี่ยวกับศาสนา บิน นาเยฟ ก็ไม่ต่างกับพ่อ เขาใช้นโยบาย เข้มงวด เช่นเดียวกับพ่อ โดย ถือว่าผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา คือผู้ก่อการร้ายต่อราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย

    ....เหมือนอเมริกากำลังบอกว่า กับ อัลไคดาที่เคร่งศาสนา แม้จะก่อการร้าย ซาอุดิอารเบีย ปฏิบัติอย่างหนึ่ง แต่กับ ผู้ที่ไม่เคร่งศาสนา ซาอุดิอารเบีย มองเป็นผู้ก่อการร้าย...

    อเมริกาบอกว่า เรื่องการเข้มงวดแบบนี้ กำลังเป็นประเด็นที่ทำให้อเมริกาและชาติตะวันตกที่เป็นประชาธิปไตยตั้งคำถามว่า การกดขี่ทางความคิด การกำจัดสิทธิในการแสดงความเห็นนั้น เหมาะสมหรือไม่ สำหรับผู้ที่อเมริกาจะนับเป็นเพื่อนด้วย ...

    นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ the Economist ยังเรียกร้องให้อเมริกาเลิกทำธุรกิจกับซาอุดิอารเบียได้แล้ว และอเมริกาควรจะเอาจริงกับการเรียกร้องให้ซาอุดิอารเบีย มีความโปร่งใสในการบริหารบ้านเมืองด้วย ในบทบรรณาธิการของ the Economist ที่เขียนหลังจากที่กษัตริย์ ซาลมาน ขึ้นครองราชย์สดๆ ชื่อ " An Unholy Pact" บอกว่า การโอบอุ้มพวกวะฮาบี อย่างที่ราชวงศ์ซาอูดกำลังทำอยู่ ไม่ใช่เป็นอันตรายต่อโลกภายนอกเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายต่อราชวงศ์เองอีกด้วย
    ที่ไปส่งเสริมพวกหัวรุนแรงอย่างนั้น (extremism)

    ...เรื่องนี้ คงไม่ต้องขยายกันมาก ผมว่า เราคุ้นเคยกันดี กับความกร่าง ความเสือก ของสื่ออเมริกา เวลาเขียนเรื่องเกี่ยวกับในบ้านคนอื่น อเมริกาไม่เคยให้เกียรติเพื่อน ไม่ว่าเพื่อนคนไหน ...

    อเมริกาบอกว่า โอบามา สนับสนุนซาอุดิอารเบีย อย่างเต็มที่มาตลอด และเป็นประเทศแรกในตะวันออกกลางที่เขามาเยี่ยม หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานาธิบดี แต่โอบามาบอกว่า ขณะที่ซาอุดิอารเบียอ้างว่า กำลังถูกคุกคามจากเรื่องนอกบ้าน โดยเฉพาะเรื่องอิหร่าน แต่ดูเหมือนเรื่องคุกคามในบ้านอาจจะร้ายแรงกว่า และการที่ซาอุดิอารเบีย ไม่ให้ความสนใจกับวัยรุ่นในประเทศ ที่มีเป็นจำนวนมากและว่างงาน และมีความเชื่อที่จะนำไปสู่การทำลาย เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง และเขาจะต้องพูดผู้นำประเทศอย่างจริงจังแล้ว เพื่อให้ซาอุดิอารเบีย มีนโยบายปกครองประเทศ ที่มีเสรีภาพมากกว่านี้

    ....เหมือนเป็นคำเตือนที่ดี ของเพื่อนที่หวังดี ต่อซาอุดิอารเบีย ....อเมริกา ดีอย่างนั้นเขียวหรือ....หรืออเมริกา กำลังคิดอะไร

    แต่กษัตริย์ซาลมาน ก็ดูเหมือนไม่ฟังอเมริกา และกลับยิ่งขยับเข้าไปใกล้กับ
    วะฮาบีมากขึ้น กษัตริย์ซาลมาน มีสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มวะฮาบี มานานกว่า 50 ปี ในช่วงที่เขาเป็นผู้ว่าการนครริยาร์ด ตั้งแต่มีพลเมืองประมาณ 2 แสนคน บัดนี้ มีมากถึง 7 ล้านคน แต่นครริยาร์ด ก็ยังเป็นเมืองที่เคร่งศาสนาที่สุด อย่างไม่เปลี่ยนแปลง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 ต.ค. 2558

    หมายเหตุ : เชิญเชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วย
    ภาพประกอบจาก google
     
  3. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    "ข่าวลือ ข่าวลวง"

    ตอน 7

    อเมริกาบอกว่า อิสลามกลุ่มวะฮาบีของซาอุดิอารเบีย เป็นอิสลามนิกายสุนนี ที่เคร่งครัดที่สุดในภูมิภาค แต่บัดนี้ กลับมีพวกเคร่งศาสนาอย่างสุดขั้ว ที่ไม่ยอมรับและเกลียดชาวต่างชาติ รุนแรงกว่าพวกวะฮาบี โผล่ขึ้นมาอีก คือ พวกรัฐอิสลาม Islamic State หรือที่เรารู้จักพวกเขาในชื่อ IS พวกนี้ก่อตัวขึ้นในอิรัค และซีเรียในช่วงปี ค.ศ.2014 เป็นกลุ่มใหม่ที่ออกมาท้าทายโลก และอเมริกาเหน็บว่า ดูเหมือนจะท้าทายโครงการฟื้นฟูผู้ก่อการร้ายของ เจ้าชาย บิน นาเยฟ เสียด้วยซ้ำ

    กลุ่ม IS นี้ มีรากมาจากพวกอัลไคดาในเมโสโปเตเมีย (อาณาจักรออโตมานเดิม) และดำดินแอบอยู่เมื่อตอนที่อเมริกาบุกอิรัค ในช่วงปี ค.ศ.2007 จนเมื่ออเมริกาถอยกองกำลังต่างชาติออกไป พวก IS จึงโผล่ขึ้นมาและมีประโคมข่าวการปรากฏตัวของพวกเขาน่าดู

    ในช่วงปี ค.ศ.2012- 2013 พวก IS บุกเข้าไปทลายคุกในอิรัก ที่พวกผู้ก่อการร้ายอัลไคดาถูกคุมขังอยู่ หลังจากคุกแตก ก็มีการรวมตัวมาสร้างฐานใหม่ ขยายออกมาทางซีเรีย

    ในช่วงหน้าร้อนของปี ค.ศ.2014 กลุ่ม IS บุกอย่างรวดเร็ว แบบสายฟ้าแลบ เข้าไปยึดเมืองโมซุล Mosul เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรัคได้ และตั้งเป็นรัฐที่มีผู้นำทางศาสนาเป็นผู้ปกครอง caliphate เพื่อปกครองอิสลามทั้งปวง (และเมืองนี้ ก็เป็นเมืองที่มีน้ำมันมากที่สุดเมืองหนึ่งของอิรัค อันนี้ผมเพิ่มเติมให้ เพราะเห็นใบตองแห้งทำเป็นลืมใส่ เรื่องสำคัญ)

    ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 กลุ่ม IS ประกาศว่าพวกเขาจะยึดมัสยิดต่างๆ ในนครเมกกะและเมดินา และจะขับไล่พวกราชวงศ์ซาอูด ออกไปให้หมด

    หลังจากนั้น สื่อตะวันตกลงภาพวิหารกะบะห์ Kaaba ในนครเมกกะ ที่มีธงสีดำของกลุ่ม IS ที่โบกไสวอยู่ด้านบน กองกำลังของกลุ่ม IS ยังโจมตีด่านป้องกันของซาอุดิอารเบียมาตลอดแนวเขตแดนอิรัค และยังส่งนักรบพลีชีพเข้าไปโจมตีมัสยิดของพวกชีอะ ที่อยู่ในซาอุอิอารเบียอีกด้วย เพื่อให้ทั้ง 2 นิกายตีกันเองอีกต่อหนึ่ง

    บิน นาเยฟ ในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย ได้จับกุมกลุ่ม IS ได้หลายร้อยคน และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้กลุ่ม IS บุกเข้ามาในซาอุดิอารเบีย บิน นาเยฟ ให้สร้างรั้วยาว 600 ไมล์ ตลอดแนวเขตแดน ระหว่างซาอุดิอารเบียกับอิรัค เช่นเดียวกับที่สร้างรั้วกั้นแนวเขต ระหว่างซาอุดิอารเบียกับเยเมน ยาว 1 พันไมล์ เพื่อกันให้อัลไคดาออกไปจากคาบสมุทรอารเบีย

    ...อ่านเผินๆ เหมือน อเมริกาจะชมวิธีวิธีการปราบ IS ของซาอุดิอารเบีย แต่ อ่านอีกที น่าจะตรงข้ามกันมากกว่า....

    ระหว่างที่ยังครองราชย์ กษัตริย์อับดุลลาห์ (ที่สิ้นพระชนม์เมื่อเดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015) ได้ตั้งน้องต่างมารดา เป็นมงกุฎราชกุมารไป แล้ว 2 คน คือ เจ้าชายสุลต่าน และเจ้าชายนาเยฟ the Black Prince แต่ปรากฏว่า ทั้ง 2 คน กลับสิ้นพระชนม์ก่อนกษัตริย์อับดุลลาห์เสียอีก กษัตริย์ิอับดุลลาห์ จึงตั้งเจ้าชายมุคริน น้องต่าง มารดาอีกคน ขึ้นเป็นมงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 2 ในปี ค.ศ.2012 ต่อจากมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 คือ เจ้าชายซาลมาน

    ในความเข้าใจของอเมริกา เจ้าชายมุคริน ค่อนข้างใกล้ชิดกับกษัตริยอับดุลลาห์ และเป็นแนวร่วมในการคิดปฏิรูปประเทศเช่นเดียวกัน

    เมื่อเจ้าชายซาลมาน ขึ้นครองราชย์เมื่อเดือนมกราคม ต้นปีนี้ (2015) ก็ตั้ง เจ้าชามุคริน เป็นมงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 1 และแต่งตั้งเจ้าชาย บิน นาเยฟ เป็นมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 2 และมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี เป็นที่คาดหมายกันว่า เจ้าชายมุคริน ลูกชายคนที่ 35 ของ อิบน์ ซาอูด จะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อไป และนำประเทศสู่ยุคใหม่ จากรุ่นลูก สู่รุ่นหลาน

    แต่แล้วก็มีข่าวเกี่ยวกับราชวงศ์ซาอูดเกิดขึ้น ที่ทำให้ทั้งในตะวันออกกลางและในตะวันตก โดยเฉพาะที่วอชิงตัน สั่นเสทือนอย่างไม่เคยมีมาก่อน

    เช้ามืดของวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมานประกาศปลดเจ้าชายมุคริน ออกจากตำแหน่งมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 และแต่งตั้งให้เจ้าชาย บิน นาเยฟ ขึ้นเป็นมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 แทน และแต่งตั้งลูกชายตนเอง เจ้าชาย มูฮะหมัด บิน ซาลมาน เป็นมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 2

    นี่เป็นครั้งแรก ที่มีการปลดมงกุฏราชกุมาร และโดยไม่มีการบอกเหตุผล

    อเมริกาให้ความสนใจรายการแต่งตั้งนี้มาก เพราะ บิน นาเยฟ มงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 ไม่มีลูกชาย มีแต่ลูกสาว 2 คน และ บิน ซาลมาน ก็อายุยังไม่ถึง 30 บิน ซาลมาน จึง มีโอกาสสูงมาก ที่จะเป็นกษัตริย์คนต่อไป และมีคนคาดการเอาไว้แล้วด้วยซ้ำว่า ไม่แน่หรอกว่า บิน นาเยฟ จะได้ขึ้นครองราชย์ แม้จะเป็นลำดับ 1 วันใดวันหนึ่งเขาก็อาจถูกปลดได้ เพื่อให้แน่ใจ บิน ซาลมาน จะได้ขึ้นมาครองราชย์แน่นอน ... เสี้ยมล่วงหน้าเลยนะพี่..

    เจ้าชาย บิน ซาลมาน หรือที่อเมริกาเรียกว่า MBS ละอ่อนวัยไม่ถึง 30 ไม่เป็นที่ปลื้มของญาติพี่น้องด้วยกัน เพราะเขาว่ากันว่า มีนิสัยโหด ยะโส โอหัง นอกจากนี้ บินซาลมาน ยังได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลนโยบายน้ำมัน ที่เขาไม่มีประสพการณ์เลย แค่นั้นก็ทำให้ญาติๆ และอเมริกา หรี่ตามองแล้ว กษัตริย์ซาลมานยังให้ บิน ซาลมาน คุมความมั่นคง คือดูแลกิจการพระราชวัง และเป็นรัฐมนตรีกลาโหมอีกด้วย

    แล้วรัฐมนตรีกลาโหมใหม่ ก็ฉลองตำแหน่งด้วยการสั่งถล่มเยเมน อย่างที่ซาอุดิ อารเบีย ไม่เคยทำมานานกว่า 70 ปีแล้ว ละอ่อนหนุ่มเลือดพลุ่งแรงจริง

    และสุ้มเสียงของอเมริกา ก็ดูเหมือนจะไม่ปลื้มละอ่อนหนุ่มเอาเสียเลย

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    23 ต.ค. 2558

    [​IMG]
     
  4. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    "ข่าวลือ ข่าวลวง"

    ตอน 8

    เยเมน เป็นเหมือนหนามตำตีน ซาอุดิอารเบียมาตลอดเวลากว่า 70 ปีมาแล้ว

    อิบน์ ซาอูด เคยยกพลไปทำสงครามกับเยเมน เมื่อปี ค.ศ.1934 กองทัพซาอุ ยึดพื้นที่ริมทะเลแดงได้ แต่ไม่สามารถยึดพื้นที่ตามแนวภูเขาและตัวเมืองชั้นในได้สัญญาสงบศึกระหว่าง 2 ประเทศ ที่ทำขึ้น ทำให้เยเมนต้องเสียหลายเมืองตามแนวเขตแดนให้แก่ซาอุดิอารเบีย และทำให้ขบวนการทวงดินแดนของเยเมนไม่เคยหมดไป

    เมื่อตอนปี ค.ศ.1960 ซาอุ สนับสนุนราชวงศ์เซดี ที่ปกครองเยเมน ในการต่อสู้กับฝ่ายอียิปต์ ที่ให้การสนับสนุนขบวนการเป็นสาธารณรัฐของเยเมน ที่ประกาศว่า จะโค่นล้มระบบกษัตริย์ทั้งคาบสมุทรอารเบีย

    แต่พอถึงเดือนมีนาคมปีนี้ (2015) ฝ่ายซาอุ ดันยิงจรวดเข้าถล่มกลุ่มฮูตติ ที่เป็นพวกกับกบฏเซดี ซึ่งกำลังรุกเข้าไปครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในเยเมนได้ และขับไล่รัฐบาลเยเมนที่พวกซาอุดิอารเบียสนับสนุน พ่ายแพ้หนีออกไปจากเมืองซานะ เข้าไปพึ่งใบบุญของซาอุดิอารเบีย ตั้งแต่ปีที่แล้ว

    โอ้ย วุ่นกันฉิบหาย.... อย่าเพิ่งงงนะครับ อ่านช้าๆ หลายหนก็ได้ เพราะนี่เรากำลังจะเข้าไปสู่จุดชี้ชะตา ของซาอุดิอารเบีย และก็อาจจะเป็นจุดชี้ชะตา ของอเมริกาด้วยก็ได้....

    เขาว่า ซาอุ ตัดสินใจส่งจรวดให้เยเมน เพียงเพราะฝ่ายซาอุไปได้ข่าวมาว่า พวกเซดีตกลงใจที่จะให้เส้นทางบินแก่อิหร่าน ที่จะบินตรงจากเตหะรานมาเยเมน และเยเมนยังตกลงใจที่จะให้อิหร่านใช้ท่าเรือฮูเดดาห์ Hudaydah ของเยเมน แถมกำลังมีการเจรจาจะซื้อน้ำมันราคาถูกระหว่างเยเมนกับอิหร่านอีกด้วย

    สรุปว่า เยเมนได้รับจรวด เพราะซาอุดิอารเบียประสาทกินเรื่องอิหร่าน

    เรื่องนี้ทำให้ซาอุ ออกแขกจริงๆ และไปรวบรวมเพื่อนขี่อูฐด้วยกัน ให้มาไล่ถล่มเยเมน นอกจากพรรคพวกแถวอ่าวแล้ว ยังมี จอร์แดน โมรอคโค และอิยิปต์บอกเอาด้วย แต่ที่น่าสนใจ โอมานและปากีสถาน เพื่อนเก่าบอก ไม่เอากับซาอุด้วย เออ น่าคิด

    สำหรับโอมาน เข้าใจว่าพยายามจะวางตัวเป็นกลาง เพราะยืนอยู่ใกล้ปากอิหร่านเหลือเกิน และยิ่งเป็นอิหร่านที่กำลังมาแรงเสียด้วย ก็ไม่แปลกเท่าไหร่ ที่โอมานจะทิ้งระยะห่างจากซาอุ

    แต่สำหรับปากีสถาน ซึ่งเคยว่าไงว่ากันกับอเมริกา และ อยู่ในบัญชี ประเภทสามารถรูดบัตรเติมเงินกับซาอุดิอารเบียได้มาตลอดนี่ ... ยิ่งกว่าน่าสนใจ

    อเมริกาอ้างว่า ตัวเองให้การสนับสนุนซาอุในเรื่องยิงจรวดใส่เยเมนเฉพาะ ด้านงานข่าวกรอง และด้านสภาพพื้นที่ในเยเมน แม้ว่าทางริยาร์ดจะแจ้งทางอเมริกาล่วงหน้า ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะยิงจรวดลูกแรกใส่เยเมน

    การบุกเยเมนในครั้งนี้ของซาอุดิอารเบีย ถือเป็นนโยบายต่างประเทศเชิงรุก มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของซาอุดิอารเบีย ที่ผ่านๆมา ซาอุ จะทำอย่างไม่เปิดเผย แถมซ่อนไปซ้อนมาเสียอีกด้วยซ้ำ

    ในความเห็นของอเมริกา การที่ซาอุดิอารเบียยิงจรวดใส่เยเมนในครั้งนี้ นับว่าเป็นเรื่องอันตรายกับซาอุเองอย่างยิ่ง

    ...อ้าว แล้วทำไมไม่เตือนเพื่อนรักกันเลย จริงๆ ต้องด่าด้วยซ้ำ อยู่ๆจะไปยิงจรวดใส่บ้านคนอื่นเขาง่ายๆ อย่างนี้ได้ไงวะ ที่แค่ยังไม่มีการเลือกตั้ง มึงยังเสือกปากเข้ามาไม่เลิก...

    และจนถึงทุกวันนี้ การสู้รบที่เยเมน ก็ไม่ได้เกิดผลดีกับซาอุแต่อย่างใด ต่างฝ่ายต่างยังยันกันอยู่ ฝ่ายซาอุกับพวกอ้างว่าคุมได้แล้วทางอากาศ ชายฝั่งและท่าเรือทางใต้ของเอเดน ขณะที่ฝ่ายซาดีฮูตติและพวก ก็อ้างว่าควบคุมทางเหนือของเยเมนได้เกือบหมดแล้ว

    และระหว่างที่ซาอุและพวกฟาดฟันยุ่งอยู่กับพวกฮูตติ จึงเป็นโอกาสให้อัลไดดาขยายฐานเข้าไปยึดได้เมืองใหญ่ ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นถิ่นเดิม ที่พ่อของบิน ลาเดน เคยอยู่มาก่อนที่จะอพยพไปอยู่ในซาอุดิอารเบีย

    สงครามเยเมน จึงเสมือนเป็นบททดสอบ บทแรกของกษัตริย์ซัลมาน เกี่ยวกับกิจการต่างประเทศ ที่อาจจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความมั่นคงของซาอุดิอารเบีย คาบสมุทรอารเบีย และรวมไปถึงภูมิภาคด้วย

    การรบเยเมน มีทั้งมิติเรื่องระหว่างนิกาย และเรื่องชิงความเป็นใหญ่ในภูมิภาค ระหว่างซาอุกับอิหร่าน แต่ที่สำคัญ ในความคิดของอเมริกา สงครามเยเมนยังเป็นสงครามที่แสดงให้เห็นว่า เทศกาลอาหรับสปริง ที่ซาอุดิอารเบียต่อต้านมาตลอดนั้น ยังไม่จบลง...

    อเมริกาเชื่อว่า การต่อสู้ที่เยเมน จะดึงฝ่ายอื่นๆเข้ามาร่วมรายการเพิ่มขึ้นอีก จะยืดเยื้อ และขยายวงออกไปนอกเยเมนถึงประเทศอื่นๆอีกด้วย ...เป็นการวิจารณ์ ที่ทำให้มองเห็น เยเมน กำลังเป็นไฟลามทุ่ง....

    นอกจากนี้ อเมริกายังคาดการณ์ เหมือนเป็นลางร้ายอีกว่า เยเมนอาจจบลง อย่างเป็นจุดด่างของการครองราชย์ของกษัตริย์ซาลมาน และเป็นการจบสิ้นของความทะเยอทะยานของทั้ง บิน นาเยฟ และ บิน ซาลมาน ไม่ว่าทั้ง 2 คน จะได้มีส่วนร่วมกับสงครามนี้อย่างไร ชัดเจนว่า บิน ซาลมานที่เป็นรัฐมนตรีกลาโหม คงเป็นคนที่สูญเสียมากที่สุด ที่ผ่านมา เขาเป็นคนที่พ่อเชื่อใจมาก เป็นตัวแทนพ่อ ไปเยี่ยมรัสเซียและฝรั่งเศส และเมื่อกษัตริย์ซาลมาน ยกเลิกแผนที่จะไปพบโอบามา ที่แคมป์เดวิด เพื่อที่จะไปบอกกับโอบามา ว่าตนเองขุ่นเคืองขนาดไหน เกี่ยวกับเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน กษัตริย์ซัลมาน ก็ส่งเจ้าชายทั้ง 2 คน ทั้ง MBN และ MBS ไปพบโอบามาแทนตน ซึ่งโอบามา กลับพูดเร่งรัดเรื่องการปฏิรูปประเทศ แต่ก็สนับสนุนเรื่องสงครามกับเยเมน

    และในที่สุด เมื่อถึงเวลาที่กษัตริย์ซัลมานเดินทางไปวอชิงตันเข้าจริงๆ การสนทนากลับสั้น และฝ่ายซาอุกลับเป็นฝ่าย (ต้อง)ฟัง และการสนทนากลับเน้นไปที่ลูกมากกว่าพ่อ

    ...แต่ โปรดสังเกตดูรูปภาพการสนทนา ระหว่างนายโอบามา กับ กษัตริย์ซาลมาน ที่ผมเอามาลงประกอบนิทานตอนนี้ ผมกลับเห็นสวนทาง กับไอ้เขี้ยวซีไอเอ ผมดูว่า ใบตองแห้งน่าจะเป็นฝ่าย ใกล้จะลงไปนั่งกับพื้น พนมมือพูดกับกษัตริย์ซาลมานร่อมร่อแล้ว เหมือนกับเป็นตัวปลอม คนละคน กับที่พูด กับคุณพี่ปูติน หรือ อาเฮียสี ช่วงวันประชุมสหประชาชาติ อย่างไม่น่าเชื่อ น่าสนใจนะครับ

    ไอ้เขี้ยวยาวซีไอเอ ยังบอกว่า บิน นาเยฟ อาจจะเป็นคนที่เข้ากับอเมริกันได้มากที่สุด ในจำนวนผู้ที่อยู่ในเส้นทางที่จะครองบัลลังค์ซาอูด และเขาอาจจะเป็นคนที่เก่งเรื่องข่าวกรองมากที่สุดในโลกตะวันออกกลาง ที่อเมริกาชื่นชม ถึงขนาดบอกว่า ฉลาดที่สุดในรุ่นเดียวกัน และต่างกับพ่อของเขา the Black Price และ บิน นาเยฟ ดูเหมือนจะพอทำงานร่วมกับอเมริกันได้ และเข้ากับโอบามาได้ดี ที่แคมป์เดวิด แต่ บิน นาเยฟ มีเรื่องต้องรับผิดชอบมากกว่าทุกคนในรุ่นเดียวกัน และมันจะมากขึ้น หลังเทศกาลอาหรับสปริงจบจริงๆ ในตะวันออกกลาง อเมริกาบอกว่า บิน นาเยฟ น่าจะรู้ดีว่า เขาต้องมีเพื่อนในยามนั้น...

    ที่เล่ามาทั้ง 8 ตอนนี้ สรุปได้ว่า เป็นรายการ ทั้งขู่เข็ญ ทั้งเปิดโปง ทั้งปิดปาก ของอเมริกา ต่อเพื่อนรัก ที่คบกันมากว่า 70 ปี อย่างน่าชื่นชมในฝีมือการเขียน

    ซีไอเอเก๋า เขี้ยวยาวเจ้าของบทความขู่สท้านโลก ตบท้ายว่า.... แต่วอชิงตัน จะทำใจยอมรับ อย่างไม่หลอกตัวเอง ไม่มีภาพลวงตา หรือเหมาเอาเอง ได้หรือไม่ว่า ซาอุดิอารเบียที่เป็นประเทศ ที่ยังปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชที่ใหญ่ที่สุด ที่ยังเหลืออยู่ในโลก กับราชวงศ์ซาอูด จะไม่มีวันยอมเปลี่ยนแปลง การปกครองประเทศของตน ไปจากแบบที่เป็นอยู่ปัจจุบันอย่างง่ายๆ และราชวงศ์ซาอูด ก็จะไม่มีวันตัดขาดกับกลุ่มวะฮาบีและเปลี่ยนแปลงความเชื่อของเขา และไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ซัลมาน เจ้าชายบิน นาเยฟ หรือเจ้าชายบิน ซาลมาน รวมทั้งราชวงศ์ที่เหลือทุกคน ต่างมีความเชื่อว่า พวกเขาอยู่รอดมาได้เช่นนี้กว่า 250 ปีแล้ว ท่ามกลางการเมืองที่ร้อนระอุ และรุนแรง และพวกเขาก็คิดว่า จะอยู่รอดแบบนี้ ต่อไป...

    ซาอุดิอารเบียและอเมริกา จะจับมือกันต่อไปไหม จะจับมือแบบอยู่รอดด้วยกัน หรือจับมือฉิบหายไปด้วยกัน หรือพวกเขาจะแยกทางกันเดิน และแยกทางกันเละ ... รออ่านตอนสุดท้ายของนิทานเรื่องนี้ อย่าพลาดนะครับ!

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    24 ต.ค. 2558

    หมายเหตุ : เชิญเชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วย
    ภาพประกอบจาก google

    [​IMG]
     
  5. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    "ข่าวลือ ข่าวลวง'

    ตอนสุดท้าย ( มี 5 ตอน)

    ตอนสุดท้าย 1

    ตกลงข่าวเรื่องกษัตริย์ซาลมานป่วยหนัก รวมทั้งข่าวปฏิวัติในซาอุดิอารเบีย ที่ออกมาเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ มันเป็นข่าวลือ ข่าวลวง โดยใคร และ หวังผลอะไร

    ข่าวที่ว่ากษัตริย์ป่วยหนัก ถึงขนาดไม่รู้ตัว ความจำเสื่อม ทำร้ายตัวเอง จนต้องเอาเข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาล น่าจะเป็นข่าวลือแบบโคมลอย จากผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ต่อทั้งตัวกษัตริย์เอง ราชวงศ์ และประเทศซาอุดิอารเบีย เพราะจริงๆแล้ว เมื่อ 2 วันนี้เอง มีข่าวว่ากษัตริย์ซาลมานเพิ่งพูดโทรศัพท์กับคุณพี่ปูตินของรัสเซีย เกี่ยวกับเรื่องซีเรีย และอื่นๆ

    ใครล่ะ ที่จะได้ประโยชน์จากข่าวลือทำนองนี้ ก็เป็นได้ทั้งจากภายในซาอุเอง จากฝ่ายที่เสียประโยชน์เสียอำนาจ ที่มีตั้งแต่พวกราชวงศ์ด้วยกัน และ ไม่ใช่พวกราชวงศ์ แต่เคยมีอำนาจและเสียอำนาจ จากคำสั่งของกษัตริย์ซาลมาน ที่เปลี่ยนแปลงผู้มีหน้าที่สำคัญหลายคน ทั้งในเดือนมกราคม และเดือนเมษายน

    ส่วนจากภายนอกประเทศ อเมริกาคงไม่แคล้วตกเป็นจำเลย ตัวการให้ปล่อยข่าว เพราะสื่อที่ลงข่าวลือ รายแรกคืออิสราเอล ตามมาด้วยสื่อในตะวันออกกลางและสื่ออังกฤษ ก็เป็นพรรคพวกของของอเมริการะดับชั้นต่างๆ ทั้งนั้น

    ถ้าอเมริกาให้ปล่อยข่าวลือ หรือข่าวลวงนี้ แปลว่า อเมริกาต้องมีความไม่พอใจหรือ ต้องการกดดัน ซาอุดิอารเบีย ถ้าพิจารณาจาก บทความของคุณซีไอเอเขี้ยวยาวแล้ว คงพอเห็นอาการเฟืองขัดเกลียวบิ่น ระหว่างซาอุดิ อารเบียกับอเมริกา ค่อนข้างชัดเจน แม้คำชม หรือคำบอกเล่า ก็ยังมีการแฝงหลายนัย เกินกว่าที่จะแปลว่า เขารักกันจริง คงเป็นแค่ ยังทิ้งกันไม่ได้มากกว่า

    และถ้ามีความไม่พอใจ อเมริกาไม่พอใจซาอุดิอารเบีย เกี่ยวกับการเรื่องราชวงศ์ หรือไม่พอใจ ที่ซาอุดิอารเบีย ไปถล่มเยเมน หรืออเมริกาไม่พอใจ ทั้ง 2 เรื่อง

    คงต้องทำความเข้าใจ กับวิธีการคิดของอเมริกาเสียก่อน อเมริกาไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงในซาอุดิอารเบียว่า จะดีหรือไม่ดีกับซาอุดิอารเบียอย่างไร อเมริกามองกลับทางว่า การเปลี่ยนแปลงนั้น กระทบกับผลประโยชน์ตัวเองหรือไม่ อย่างไร มากกว่า และด้วยความคิดอย่างนี้ อเมริกาจึงให้ความ "สนใจ" กับความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับราชวงศ์ ซาอุดิอารเบียในระดับสูงมาก เพราะราชวงศ์ซาอูด คือ "อำนาจ" ของซาอุดิอารเบีย และอเมริกา กับซาอุดิอารเบีย ก็มีเรื่องเกี่ยวพันกันมากมาย การเปลี่ยนแปลงของ "อำนาจ" ในซาอุดิอารเบีย จึงอาจจะกระทบกับอเมริกามาก มันไม่ใช่เรื่องอเมริกา ชอบ ไม่ชอบใคร

    จะว่าไป อเมริกาก็สนใจมองความเปลี่ยนแปลงในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเกี่ยวกับ "อำนาจ" ของทุกประเทศ ในวิธีคิดอย่างนี้แหละ สนใจมากน้อย ก็แล้วแต่ "ประโยชน์" ที่อเมริกาจะได้จะเสียในประเทศนั้น มีมากน้อยแค่ไหน และถ้าเราไม่ทำความเข้าใจในความคิดนี้ หรือ "สันดาน" ที่แท้จริงของอเมริกาว่าเป็นอย่างนี้ เราก็คงจะสับสน ไม่เข้าใจพฤติกรรมของอเมริกา และเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญ ถ้าเรื่องนั้นมาเกี่ยวกับบ้านเรา และเราสับสนในพฤติกรรมและสันดานของอเมริกาแล้ว เราก็ไม่แคล้ว ที่จะตกเป็นเหยื่อ หรือ ถูกใช้เป็นพรมเช็ดเท้าของอเมริกา อย่างที่เป็นๆกัน

    เริ่มที่ผู้ปกครองคนใหม่ของซาอุดิอารเบีย ไม่ว่าบทความจะเขียนโดยใคร จากถังขยะความคิด หรือหน่วยงานใดของรัฐบาลอเมริกัน สิ่งที่สรุปได้ คือ อเมริกาอยากรู้ว่า จะพูดกับคนที่มาใหม่รู้เรื่องไหม คนมาใหม่ เชื่อฟังอเมริกาแค่ไหน นโยบายใหม่ของคนใหม่ สอดคล้องกับความต้องการของอเมริกาไหม หรือเอาให้ชัดๆ อเมริกา จะ "สั่ง" หรือ "กำกับ" คนปกครองใหม่ ได้มากน้อยแค่ไหน

    เมื่อขึ้นครองราชย์ในเดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมานอายุ 79 ปีแล้ว อเมริกาจึงมองไปที่มงกุฏราชกุมาร อันดับ 1 และอันดับ 2 กับตำแหน่งสำคัญๆ เช่น รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้ที่คุมความมั่นคง และผู้ที่คุมนโยบายน้ำมันของซาอุดิอารเบีย เพราะตำแหน่งเหล่านี้ มีผลกระทบกับผลประโยชน์ของอเมริกา ทั้งในซาอุดิอารเบีย และในอเมริกาเองด้วย (หมายเหตุ: ตามธรรมเนียม กษัตริย์ซาอุดิอารเบียจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอง)

    สำหรับเจ้าชายมุคริน อายุ 70 ปี มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 1 อเมริกาคุ้นเคยดี และเห็นว่า "คุย" กันได้ น่าจะมีแนวคิดปฏิรูป ตามที่อเมริกาต้องการ

    มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 2 เจ้าชาย บิน นาเยฟ อายุ 55 ปี อเมริกาก็คุ้นเคยอีก แม้จะไม่ชอบพ่อ แต่คิดว่า คุยกับลูกได้

    รัฐมนตรีส่วนใหญ่ไม่มีเปลี่ยนแปลง มีเพียงด้านความมั่นคง ที่กษัตริย์ซาลมาน แต่งตั้งให้ลูกชาย คือ เจ้าชาย บิน ซาลมาน คุมด้านความมั่นคง อเมริกาบอก เป็นไก่อ่อน ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่อเมริกาก็ยังไม่ขยับอะไร เพราะอาจสั่งไก่อ่อนซ้ายหัน ขวาหันง่ายดี

    กษัตริย์ใหม่ครองราชย์ยังไม่ถึง 3 เดือนดี ปลายเดือนมีนาคม ค.ศ.2015 ซาอุดิอารเบีย ก็สั่งรวมพล พรรคพวก มีอียิปต์ มอรอคโค จอร์แดน อามิเรต คูเวต การ์ตา บาห์เรน รวมไปถึงซูดาน เพื่อโจมตีพวกฮูตติ ที่ยึดครองเยเมนได้ จากสงครามกลางเมืองในเยเมนที่ยืดเยื้อมาปีกว่า และไล่รัฐบาลเยเมน ที่ซาอุสนับสนุนกระเจิงออกไป

    ซาอุดิอารเบีย ยอมให้พวกฮูตติครอบครองเยเมนไม่ได้ เพราะพวกฮูตตินี้ ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน คู่แข่งสำคัญของซาอุดิ และเยเมนก็อยู่ติดกับซาอุดิอารเบีย ขนาดมองเห็นขนจมูกกัน วันที่ 26 มีนาคม ซาอุอารเบีย จึงสั่งยิงจรวดใส่ฐานทัพอากาศของฮูตติ ที่เมือง Taiz และเมือง Sa'dah

    การยิงจรวดถล่มเยเมน รายการดังกล่าว อเมริการู้เรื่องดี เพราะเป็นคนให้ข้อมูลข่าวกรอง และบอกสภาพพื้นที่แก่ซาอุดิอารเบีย อย่างนี้น่าจะไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนเรื่องเป็นประชาธิปไตย ไม่ต้องพูด เพราะพวกราชวงศ์ซาอูดบอกแล้วว่า ยังไม่อยากเป็นเหมือนควีนเอลิซาเบธของอังกฤษ รัฐธรรมนูญก็ยังไม่รู้จัก แต่ก็ไม่เป็นไร มีน้ำมันแยะแบบนี้ จะทำอะไรก็ได้ อเมริกาไม่สั่งคว่ำบาตร ไม่ตัดสัมพันธ์ ไม่เดินสายให้นานาชาติช่วยกันด่า แน่นอน รักกันฉิบหายเลย

    คุณทหารช่วยจำไว้นะครับ เคลื่อนทัพคราวหน้า อย่าทำแค่ปฏิวัติ ปิดช่องแคบมะละกามันด้วยเลย หมดเรื่อง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 ต.ค. 2558

    หมายเหตุ : เชิญเชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วย
    ภาพประกอบจาก google

    [​IMG]
     
  6. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    IT WAR

    +++ ค่อย ๆ เชื่อมเหตุการณ์กันดี ๆ นะ จากตอนท้ายของ หน้า 19 เรื่อง Windows 10 violates your privacy by default, here's how you can protect yourself - TechRepublic

    +++ จากนั้นมาที่ การประกาศของ Facebook

    Facebook announces surge in govts' demands for personal user data ที่นี่

    https://www.rt.com/news/321719-facebook-report-government-requests/

    ตัวคำประกาศของ Facebook อยู่ที่นี่

    https://newsroom.fb.com/news/2015/11/global-government-requests-report-4/

    ‘Incredibly intrusive’: Windows 10 spies on you by default

    https://www.rt.com/usa/311304-new-windows-privacy-issues/

    +++ สงครามไม่ใช่ว่าจะใช้กำลังทหารกันอย่างเดียว ปัจจุบัน สงคราม IT ได้เข้ามาอยู่ซึ่ง ๆ หน้าของทุกคนแล้ว ก็เครื่อง Windows 10 ของคุณนั่นแหละ ที่จะส่งข้อมูลตัวคุณไปยัง Microsoft และ “trusted partners” ปัญหาคือ ใครคือ บุคคลที่ Microsoft เอ่ยถึง “trusted partners” เป็นใคร CIA NSA หรืออื่น ๆ (คงไม่ต้องพูดถึง องค์การก่อการร้ายโลก) ค่อย ๆ ทำความเข้าใจกันเอานะ

    Microsoft having access to contacts, calendar details, and “other associated input data” such as “typing and inking” by default.

    +++ Microsoft อาจรวบรวม contacts, calendar details, and “other associated input data” such as “typing and inking” by default. เวลาที่คุณ Print เอกสาร แน่นอน เอกสารนั้นย่อมส่งเข้าสู่ Microsoft ด้วย บัตรประชาชน รูปถ่าย selfi เจ๋ง ๆ เลย GPS ถึงตัว เอกสารธนาคาร สรุปแล้ว "ทุกชนิด ที่คุณทำงานบน Windows 10"

    +++ สมัยก่อน ๆ คงเคยคุ้น ๆ กับ spam mail ที่ส่งมาทาง hotmail กันบ้างนะ แต่สมัยนี้ "มันกินคุณทั้งเป็น แบบหน้าด้าน ๆ เลย"

    +++ ใครที่มีเพื่อนที่พอเป็น ภาษาอังกฤษ ก็ให้เพื่อน ๆ ช่วย ๆ กันแปลให้ฟังนะ หากเป็นคนไม่มีเพื่อน หรือ จำเป็นที่จะต้อง "ช่วยตนเอง" ก็ให้ใช้ https://translate.google.com/ ช่วยบ้างก็ได้ แม้ว่าการแปลจะฟังแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่ก็พอช่วยเดาความได้บ้างนะ

    +++ ภัยมาถึงตัวแล้ว จะ "นิ่งดูดาย" ก็แล้วแต่ แต่ผมไม่ได้ใช้ Microsoft Account มานานแล้ว ทางด้าน Internet Browser ผมก็ใช้ Firefox (ไม่มี 64 bits) หากต้องการ 64 bits อย่างที่ผมใช้ในขณะนี้ ที่สามารถใช้ Securities ทุกอย่างใน Firefox ได้ก็ให้ใช้ Palemoon ไปกด download ได้จากที่นี่

    The Pale Moon Project homepage

    +++ ผมใช้มา 4-5 ปีแล้ว หากต้องการศึกษาเกี่ยวกับ palemoon ก็อ่านได้จาก forum ที่นี่

    Pale Moon forum • Index page

    +++ ใครที่ยังไม่เป็น Linux ก็หัด ๆ ใช้กันได้บ้างแล้วนะ ง่าย ๆ คือ Knoppix แค่ download แล้ว burn ใส่ DVD จากนั้นก็ boot จาก DVD โดยตรง แล้วก็ "เริ่มหัดใช้ได้เลย" ไม่ทำให้ windows ในเครื่องเสียหายอีกด้วย คิดว่าเป็น "เกมส์คอมพิวเตอร์" ตัวหนึ่งก็ได้ แต่สักวันหนึ่ง "มันอาจมีส่วน ช่วยคุณให้พ้นภัย ก็เป็นได้นะ" ไป download ได้ที่

    KNOPPIX Download

    +++ ใครมีเพื่อนที่เป็นทาง IT ก็ขอความช่วยเหลือแบบช่วยกันนะ
     
  7. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    IT War Cyber War

    +++ มันมาแย้ว...

    https://www.rt.com/news/322237-anonymous-isis-war-france/

    +++ ตรงนี้ ค่อย ๆ ดูเอาเด้อ.....

    แฉ ความลับ: ไขปริศนา..ใครสั่งการกลุ่ม IS CIA โจมตีสั่งตายชาวฝรั่งเศส ภายใต้ลัทธิประชาธิปไตย

    +++ เลือกระบบปฏิบัติการ (Operating System) ในคอมพิวเตอร์ของคุณ ให้ดี ๆ เน้อ...
     
  8. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
  9. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    ช้าไปแล้ว หุ หุ หุ เสียรู้มันมานานแล้ว ทุกอย่างมันเข้าถึงกันหมดเลย
     
  10. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    เรื่องนี้ผมเขียนตั้งแต่บ่ายวันศุกร์ ที่ 13 พย ตั้งใจจะเอาลงให้อ่านเช้าวันเสาร์ มาเจอเหตุการณ์ ศุกร์ 13 ที่ปารีส เลยต้องชลอไว้ แต่เห็นว่าเรื่องราวมันต่อเนื่องกัน และต่อเร็วเหลือเกิน เลยเอามาลงให้อ่านรวดเดียว และคงเห็นกันแล้วว่า รายการสกัดลมหวน รวมทั้งคิดบัญชี มันรุนแรงจริงๆ แล้วอย่างนี้ เรื่องมันจะจบ แบบต่างคนต่างอยู่ ได้หรือ......
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง "ลมหวน"
    ตอน 1
    วันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ.2015 เครื่องบินโดยสารรัสเซียที่มีผู้โดยสารจำนวน 224 คน บินขึ้นจากเมือง Sharm El-Sheikh ในอิยิปต์ มุ่งหน้าไป St Petersburg เกิดเหตุร่วงลงพื้นดิน ผู้โดยสารลูกเรือเสียชีวิตหมด ข่าวสับสนอยู่หลายวัน ถึงสาเหตุของเครื่องบินตก ล่าสุดบอกว่า ถูกระเบิดจากในหรือนอกเครื่อง โดยอังกฤษออกมาปูดก่อนว่า เครื่องบินโดนระเบิด หลังจากนั้น อเมริการับลูก บอกมีความเป็นไปได้สูงมาก แต่อียิปต์ เจ้าของสถานที่ และรัสเซียผู้เสียหายยังไม่เห็นด้วย
    ทำไมต้องเป็นเครื่องบินรัสเซีย ที่มีชาวรัสเซียนั่งมาเต็มเครื่อง และทำไมต้องเกิดเหตุที่อียิปต์
    สื่อตะวันตกหัวรุนแรงบอกว่า นี่น่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อการร้าย ที่ฝัก
    ฝ่ายการ์ตา และมักจะก่อเรื่องวุ่นวายแถบไซนายของในอียิปต์ ถ้าเป็นเรื่องจริง อียิปต์กับการ์ตา คงมองหน้ากันไม่สนิท
    อียิปต์ แม้จะถูกลากไปร่วมรายการถล่มเยเมนกับก๊วนเสี่ยปั๊มใหญ่ ซาอุดิอารเบียตั้งแต่เดือนมีนาคมต้นปี แต่ในเรื่องเกี่ยวกับซีเรีย อียิปต์ไม่ได้คอเดียวกับก๊วนเสี่ยปั๊มใหญ่ และ Adbel Fattah el-Sisi ประธานาธิบดีของอียิปต์ ออกจะไม่เห็นด้วยกับซาอุและการ์ต้าด้วยซ้ำ ที่มุ่งหน้าจะแก้ปัญหาซีเรีย ด้วยการเขี่ยอัสสาดให้พ้นไปจากซีเรียอย่างเดียว
    แต่เรื่องนี้ คงไม่น่าจะทำให้อียิปต์ถึงกับตกเป็น "เป้า"
    อียิปต์ มี "เรื่อง" ที่ทำให้มีคนขัดใจมากกว่านั้น
    นาย Abdel Fattah el- Sisi อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของอียิปต์ ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอียิปต์ ด้วยคะแนนเสียงถล่มทะลายเกือบเอกฉันท์ เมื่อประมาณปลายเดือนพฤษภาคม ค.ศ.2014 และแค่ในช่วง 3 เดือนแรก จากที่รับตำแหน่ง เขาเดินทางไปพบกับคุณพี่ปูตินที่มอสโคว์ ถึง 3 ครั้ง หลังจากนั้น สัมพันธ์อียิปต์-รัสเซีย ก็ถูกสื่อตะวันตกจับจ้อง และตีข่าวว่า หรือ ลมกำลังหวน...
    รัสเซีย (สหภาพโซเวียตในขณะนั้น) กับอียิปต์ เคยเป็นมิตรรักกันมาก่อน ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเฉพาะสมัยนายพลนัสเซอร์ เป็นประธานาธิบดีอียิปต์ แต่สัมพันธ์อียิปต์-รัสเซีย มาจางลงหลังจากที่ประธานาธิบดีอันวาร์ ซาดัด ที่สังกัดฝ่ายอเมริกาเต็มตัว ขึ้นมาปกครองอียิปต์แทนนัสเซอร์ ท่ามกลางข่าวลือว่า ซาดัต ที่เป็นมือขวาของนัสเซอร์ ดัดหลัง วางยาพิษนัสเซอร์จนเสียชีวิต แต่สื่อออกข่าวว่านัสเซอร์หัวใจวายตาย
    เมื่อซาดัตขึ้นปกครองอียิปต์ รายการแรกๆที่เขาทำคือ สั่งปลดที่ปรึกษาด้านการทหารชาวรัสเซียจำนวน 15,000 คน ส่งกลับบ้านหมด และหลังจากนั้นซาดัต ก็ประกาศสิ้นสุดสนธิสัญญาว่าด้วยความสัมพันธ์กับรัสเซีย ในปึ ค.ศ.1976 และกองทัพอียิปต์ก็กลายเป็นกองทัพ (ยุค) ของอเมริกา
    Sisi เป็นประธานาธิบดีได้แค่ 3 เดือน ไปจู๋จี๋กับคุณพี่ปูตินบ่อยขนาดนั้น ก็ต้องมีคนเขม็งมองจนตาคว่ำ เขาไปคุยอะไรกันนักหนา
    คู่รักลมหวนบอกว่า อียิปต์เป็นประเทศที่นำเข้าข้าวสาลีสูงสุดประเทศหนึ่ง ส่วนรัสเซียก็มีพื้นที่กว้างใหญ่ ปลูกข้าวสาลีส่งให้อียิปต์ถึง 1 ใน 4 ของจำนวนที่อียิปต์ต้องการ เราก็ไปคุยกันเรื่องข้าวสาลี ... ไม่จริงมั้ง ซื้อข้าวขายข้าว มันจะต้องบินไปบินมา ไปซื้อขายด้วยตัวเองบ่อยงั้นเชียวหรือ เด็กๆ มันก็ทำได้
    คู่รักลมหวนบอก แล้วเราก็คุยเรื่องอาวุธ อย่าลืมว่า อียิปต์เคยมีกองทัพใหญ่ที่สุดในแถบตะวันออกกลาง ตั้งแต่สมัยที่ใครๆยังเลี้ยงอูฐอยู่เลย แต่ตอนนี้เหตุการณ์แถวบ้านเรา มันห่างกับคำว่า "สงบ" มากมาย เราจึงจำเป็นต้องมีการปรับปรุงด้านกองทัพ และรัสเซียก็มีอาวุธทันสมัยเหมาะกับการใช้ของกองทัพเรา ...
    แล้วอียิปต์ก็เลยทำสัญญาซื้ออาวุธจากรัสเซีย รอบแรกประมาณ 3.5 พันล้านเหรียญเท่านั้นเอง อียิปต์ไม่ได้รวยเหมือนเพื่อนบ้านนะ อาวุธที่ซื้อก็มีหลากหลาย ตั้งแต่ระบบสกัดจรวดอันโด่งดัง จนถึงเครื่องบินรุ่น Sukhoi ที่บางกองทัพ ได้ยินชื่อแล้วขยาด ถึงขนาดมีทหารยื่นใบลาออกน่ะ ... แน่ะ หลุดมาแล้ว เรื่องอาวุธ มีอะไรอีก บอกมาให้หมด
    อียิปต์ไม่รวยน้ำมัน ไม่มีพลังงานพอสร้างความสว่างให้ประเทศ ที่กำลังต้องฟื้นฟูเรื่องการท่องเที่ยว หลังจากไอ้ชั่วตัวไหนไม่รู้ มันมาจัดเทศกาลอาหรับสปริงแถวนี้ จนฉิบหายไปหมด อียิปต์เลยคิดจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดย Rosatom ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของรัสเซีย รับงานนี้ไปแล้ว ... โอ้โห ชิ้นปลามัน นี่เขาคงคู่รักลมหวนจริง ๆนะ เล่นเอามีคนกินแห้วกันเป็นแถวๆ อย่างนี้ คู่รักคู่ขุด มิหงุดหงิด อิจฉาแย่หรือครับ
    มีอีกมั้ย รายการช๊อปปิ้ง ยังอมอะไรไว้ ... อ้อ เราก็สั่งซื้อแก๊สจาก Rosnet ของรัสเซียด้วย มันเป็นเรื่องธรรมดานี่นะ เพราะรัสเซียเขาเจ้าพ่อแก๊สอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องตื่นเต้นกันเลย
    สำหรับ Sisi การเป็นเพื่อนกับรัสเซีย มีความหมายกับอียิปต์ ในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง อย่าลืมว่า สหภาพโซเวียตเป็นคนช่วยสร้างเขื่อนอัสวานให้อียิปต์ หลังจากที่อเมริกาทิ้งอียิปต์ในช่วงนัสเซอร์เป็นประธานาธิบดี สหภาพโซเวียตยังช่วยสร้างอู่ต่อเรือใหญ่ที่อเล็กซานเดรีย โรงถลุงเหล็ก และศูนย์อุตสาหกรรมอลูมิเนียมให้อียิปต์อีกด้วย
    สื่อตะวันตกค่ายชาวเกาะใหญ่บอกว่า ทั้งรัสเซียและอียิปต์ ต่างเจอความขมของตะวันตกเหมือนกัน และคงอยากจะสร้างสัมพันธ์ระหว่างพวกขม ด้วยกัน รัสเซียเจอเรื่องแซงชั่น อียิปต์เจอพิษอาหรับสปริง และ Sisi คงซึ้งในวิธีการโยนทิ้งพรมเช็ดเท้าของอเมริกา จากกรณี มูบารัคและมอร์ซิ ของกลุ่มมุสลิมบราเธอร์ฮูด ที่อเมริกาส่งเสริม เปรียบเทียบกับการที่รัสเซียเข้ามาช่วยเพื่อนเก่าอย่างซีเรีย แบบนี้ Sisi ก็คงไม่ต้องคิดมาก ในการเลือกใช้นโยบายลมหวลกับรัสเซีย
    และอียิปต์ก็มีความหมายกับรัสเซีย ไม่น้อยเช่นเดียวกัน
    ในแถบเมดิเตอร์เรเนียน รัสเซียมีฐานทัพเรืออยู่ที่ซีเรียประเทศเดียว นี่ถ้าเหตุการณ์ในซีเรียมันยกระดับขึ้นเรื่อยๆ มีอียิปต์เป็นเพื่อนอยู่ริมทะเลแถบนั้นอีกราย มันก็ไม่เลว จะได้มานั่งรำลึกเรื่องความหลังด้วยกัน
    แน่นอนรายการลมหวนนี้ น่าจะสร้างความกังวล และหงุดหงิดให้แก่หลายคน และหลายมุม
    ขอแถมสักหน่อยครับ อาหรับสปริงในอียิปต์ ก็มาจากการจัดรายการของอเมริกานั่นเอง และเมื่อมอร์ซิ ของกลุ่มมุสลิมบราเธอร์ฮูด ที่อเมริกาก็เป็นฝ่ายหนุนอีกนั่นแหละ ขึ้นมาปกครองอียิปต์ อเมริกาก็ตัดความช่วยเหลือทางทหารที่เคยมีให้อียิปต์ทิ้งเสีย เพราะอ้างว่า อิยิปต์ไม่เป็นประชาธิปไตย มอร์ซิ ไม่ยอมจัดการเลือกตั้ง จริงๆ ไอ้มาตรการหลังเขาแบบนี้ของอเมริกา ก็มีดีเหมือนกันนะ ทำให้ท่านใบตองแห้ง มีอาชีพเสริม ทำหน้าที่เป็นพนักงานช่วยขายอาวุธรัสเซียให้คุณพี่ปูติน หมดเทอมเมื่อไหร่ ไปสมัครเป็นพนักงานประจำ ขายอาวุธของรัสเซียได้เลย ฮา
    ท่านใบตองแห้ง อย่าลืมไปทวงค่าคอมจากคุณพี่ปูตินนะครับ แต่จะได้ค่าคอมมาเป็นอะไร ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน....
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 พ.ย. 2558
    หมายเหตุ : เชิญเชร์กันตามสบาย
     
  11. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง "ลมหวน"

    ตอน 2

    เขาว่าคนเราคบเพื่อนดี ย่อมเป็นศรีแก่ตัว

    ตั้งแต่ลมเริ่มหวน ชวนเพื่อนเก่ามานั่งนึกถึงความหลัง อีอิปต์ก็เหมือนชะตาจะเริ่มเปลี่ยน

    เมื่อประมาณ วันที่ 30 สิงหาคม นี้เอง (ค.ศ.2015) บริษัท ENI ยักษ์ใหญ่ทางด้านน้ำมันของอิตาลี ออกข่าวว่า ENI ได้เจอแหล่งแก๊สใหญ่มหึมา Zohr ที่อ่าวลึกของอียิปต์ ในเมดิเตอร์เรเนียน แหล่งแก๊ส Zohr นี้ อาจจะเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดในโลกที่เจอก็ได้ อาจจะทำเอาแหล่งแก๊ส Leviathan ของอิสราเอล ที่ตีปี๊บตอนประกาศไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ว่าใหญ่ที่สุด กลายเป็นของเล่นเด็กไปเลย

    แหล่ง Zohr อยู่ห่างจากริมฝั่งอียิปต์ ประมาณ 100 ไมล์ และอยู่ลึกประมาณ 1,450 เมตร ครอบคลุมเนื้อที่ประมาณ 100 ตาราง กม ประเมินว่า จะมีแก๊สประมาณ 850 พันล้านคิวบิกเมตร หรือเท่ากับน้ำมัน 5.5 พันล้านบาเรล

    ENI บอกว่า นอกจากเจอแก๊สแล้ว อาจจะเจอแหล่งน้ำมันในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย ในปริมาณที่อาจสูงถึง 1.1 ล้านล้านคิวบิกเมตร

    ENI ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของอิตาลี และเป็นผู้ผลิตน้ำมัน และแก๊สรายใหญ่ของอียิปต์ ตั้งแต่ ค.ศ.1954 โดยทำผ่าน IEOC บริษัทลูกได้ทำสัญญากับรัฐบาลอียิปต์ เมื่อเดือนมิถุนายนนี้ โดยตกลงจ่ายเงินให้อิยิปต์ เป็นจำนวน 2 พันล้านเหรียญ สำหรับการสำรวจแหล่งพลังงานในแถบไซนาย อ่าวสุเอซ และแถบเมดิเตอร์เรเนียน และตรงบริเวณสามเหลี่ยมไนล์

    การพบแหล่งแก๊ส Zohr ถือเป็นข่าวดีของทั้ง อิตาลีและอียิปต์ เพราะจะทำให้เศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ ที่กำลังอ่วม ลืมตาอ้าปากกับเขาได้เสียที และสำหรับอียิปต์ จะเปลี่ยนสถานะจากผู้นำเข้าแก๊ส เป็นผู้ส่งออกแก๊สเสียด้วยซ้ำ

    แต่ข่าวการพบแหล่งแก๊ส Zohr ของอียิปต์ ก็สร้างความแรงกระเพื่อมเอาเรื่อง

    รายแรกที่ออกมาส่งเสียง คงเดากันออก เป็นอิสราเอล ที่เพิ่งนอนฝันหวาน หลังเจอแหล่งแก๊ส Leviathan กับ Tamar รัฐมนตรีพลังงานของอิสราเอล บอกว่า การเจอแหล่ง Zohr ของอียิปต์อาจทำให้แผนส่งออกแก๊สของอิสราเอล กลายเป็นฝันร้าย หรือฝันสลายเลยก็ได้ จะทนไหวหรือครับ ลงทุนกันไปเยอะแยะ ค่าวิ่งล้อบบี้ ค่าหัวคิวก็จ่ายไปแล้ว

    หุ้นส่วนของอิสราเอล ในการสำรวจและผลิตแก๊ส คือ Noble Energy และ Delek Group รายแรกเป็นบริษัทฝั่งอเมริกา รายหลังฝั่งอิสราเอล

    Noble Energy ฝั่งอเมริกา มีชื่อผู้ถือหุ้นน่าสนใจ ชื่อ จอห์น แครี่ รัฐมนตรีต่างประเทศ ของใครไม่รู้ ซึ่งอ้างว่าถือมานานแล้ว ข่าวบอกว่า มูลค่าหุ้นในปี ค.ศ.2013 อยู่ที่ประมาณล้านกว่าเหรียญเอง จิ๊บจ๊อยมาก ก็นั่นมันคงเป็นราคาก่อนประกาศว่าอิสราเอลเจอแก็ส เมื่อถูกสื่อคุ้ยเจอว่าถือหุ้น คุณรัฐมนตรี ก็ตอบแบบโรเนียวว่า ผมมีสมบัติแยะ จำไม่ได้ว่า มีอะไรที่ไหนบ้าง

    นอกจาก Noble Energy จะมีชื่อรัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกาถือหุ้นแล้ว ยังมีกองทุนชื่อ BDS ถือหุ้นในมูลค่า ณ ต้นปี ค.ศ.2015 ประมาณ 118 ล้านเหรียญ เขาว่า เจ้าของกองทุนตัวจริง ชื่อ จอร์จ โซรอส เบื่อหูกับชื่อนี้ไหมครับ กองทุนนี้ เป็นที่สังเกตกันว่า เอาไว้ล่อแมงเม่าในตลาดหุ้น จากสถานการณ์เกี่ยวกับบริษัท

    ตั้งแต่มีข่าวว่าเจอแก๊ส ยังไม่ทันขุดได้ Noble Energy กับ Delek Group ก็มีแต่ข่าวว่ากัดกัน เกี่ยวกับการเป็นเจ้าของ และส่วนแบ่งมาตลอดเวลา ทำให้หุ้นขึ้น หุ้นลงสนุกสนาน แต่ฝ่ายทางการอิสราเอลชักไม่สนุกด้วย แสดงว่ากำลังมีใครคิดจับมือเล่นกลกันหรือยังไง

    ปลายปี ค.ศ.2014 อิสราเอลทำสัญญาว่าจะส่งแก๊สให้จอร์แดน เป็นเวลา 15 ปี ในราคา 1 หมื่น 5 พันล้านเหรียญ จากแหล่ง Leviathan ถือเป็นข้อตกลงทางการค้าระหว่างอิสราเอลกับจอร์แดน ที่ใหญ่ที่สุด แต่แล้วในเดือนธันวาคม ทางการอิสราเอลประกาศว่า จะไม่อนุญาตให้ Noble Energy กับ Delek เป็นผู้ดำเนินการขายแก๊ส ไม่ว่าจากแหล่ง Leviathan หรือ Tamar เพราะมีทีท่าว่า 2 บริษัท กำลังสมคบกันครอบงำตลาดแก๊ส แปลว่า ไอ้ 2 บริษัทจะฮั้วกันน่ะครับ ชาวบ้านก็จุกสิ และสัญญาที่ทำกับจอร์แดน ก็อาจจะต้องยกเลิกด้วย

    อย่างนี้ คุณหน้าตก จอห์น แครี่ ก็ต้องขยับ เดี๋ยวขาดทุนฉิบหาย พณ.ท่าน บอกกับอิสราเอลว่า สัญญาที่ Noble ทำกับจอร์แดนและอียิปต์ น่าจะเป็นผลดีกับอิสราเอลนะ มันเป็นเรื่องความมั่นคงของภูมิภาค เข้าใจไหม อูย..... นานๆที จะเห็นบทเข้มของคุณหน้าตก แต่ไม่ใช่มีแต่ท่านผู้ถือหุ้นหน้าตกที่เข้ามายุ่งนะ เขาว่า ที่จุ้นมาก่อนหน้านั้นคือ คุณผัวเมียคลินตัน ที่ผมยังหาโยงใยชัดๆไม่เจอ ซ่อนเก่งจัง ก็เป็นอดีตทนายทั้งคู่ มีแต่สื่อลงว่า ผัวเมียคู่นี้ ลุ้นเรื่อง Noble จนออกนอกหน้า อ้อ เล่นบทนักล๊อบบี้มีระดับ

    คราวนี้ เนทันยาฮู เข้าใจ มันเป็นเรื่องของความความมั่นคงนี่นะ เพราะฉะนั้น กฏหมายเรื่องการฮั้วกัน ก็เอามาใช้ไม่ได้สิ อย่างนี้ Noble ก็ทำสัญญาได้เหมือนเดิม หารูออกได้เก่งจังคุณยิว

    แต่เรื่องนี้ ทำให้นาย Steinitz รัฐมนตรีพลังงานของอิสราเอลบอกว่า การล่าช้าอย่างไม่เป็นเรื่องของอิสราเอล ทำให้เราเห็นโอกาสวิ่งผ่านหน้า และเลยเราไปแล้ว

    เดิม อิสราเอลมีแผนจะขายแก๊สส่วนหนึ่งให้อียิปต์ เพื่อเป็นการร่วมทุน ให้อียิปต์ไปขายต่อทางยุโรปใต้ เพราะอิยิปต์มีท่อส่งกับอิตาลี แต่ยังติดปัญหาว่า อิสราเอลจะเอาแก๊สจากแหล่ง Leviathan หรือ Tamar ไปขายให้อียิปต์ดีนะ ซึ่งตอนนั้น ผู้ถือหุ้นของทั้ง 2 แหล่ง น่าจะกำลังเล่นละครทะเลาะกันให้แมงเม่าดูอยู่ จนในที่สุด อเมริกา เข้ามาบีบอิสราเอลว่า ให้เอาจากแหล่ง Leviathan (ที่ฝั่งอเมริกาถือหุ้นมากกว่า) ทั้งๆที่ ระยะทางจากแหล่ง Tamar มาถึงอียิปต์ใกล้กว่า และประหยัดต้นทุนให้อียิปต์มากกว่า

    มาถึงตอนนี้ อียิปต์เจอแก๊สเองแล้ว เรื่องแก๊สอิสราเอล จึงน่าจะกลายเป็นไข่ฝ่อฝันค้าง แบบนี้คงมีคนฮึดฮัดขัดใจ

    ตกลงแล้วมันเกี่ยวกับคู่รักลมหวนเขายังไงนะลุง เกี่ยวสิครับ จำไม่ได้หรือ หัวโจกใหญ่ในตะวันออกกลางมี 3 ราย อิหร่าน ซาอุดิอารเบีย และ อิสราเอล แต่ละโจกก็พยายามหาพวกลำแข็งๆ มาสนับสนุนตัวทั้งนั้น ยามนี่ใครจะอยากได้พันธุ์ไม้เลี้อย

    อียิปต์ เคยรุ่ง และก็เคยร่วง ตอนร่วงก็ไม่มีใครสนใจ แถมจะถีบให้ห่างตัวเสียด้วยซ้ำ อิสราเอลส้มหล่นเจอแก๊ส กะจะมาขายอียิปต์ที่อยู่บ้านใกล้กัน เผื่ออียิปต์จะได้หือไม่ออก เพราะเห็นใครๆ ก็กลัวคนมีน้ำมัน คนมีแก๊สกันทั้งนั้น อิสราเอลมีแต่ปากกับเงา คราวนี้ขอใช้ของจริงบ้าง หนอย... อียิปต์ดันเจอแก๊สบ้าง อย่างนี้อิสราเอลก็อ้าปากค้าง อดงับ

    แค่นี้เหมือนยังจะไม่พอให้เห็นชัด อยู่ดีๆ เขาก็ลมหวนกัน แม้ยังไม่รู้ชัดว่าทำไม แต่ธรรมดา ลมมันไม่ค่อยพัดหวนนะครับ ยิ่งหวนแรงๆ ฮู้ย ขนลุกเลยครับ

    อัสสาดของซีเรียกำลังจะหล่น รัสเซียยังยกทัพเข้ามาช่วย ไม่ใช่รัสเซียดีจริง ซีเรียก็ต้องมีของดี คราวนี้ก็เช่นกัน อยู่ดีๆ Sisi บินถี่ ไปคุยกับคุณพี่ปูติน หลังจากนั้น ข่าวของคู่รักลมหวนก็ทยอยออกมา 2-3 เดือนมานี้ ไอ้ลูกกะตาที่จับจ้องอยู่แถวซีเรีย ก็ต้องคงตาแหกกว้าง กวาดไปถึงอียิปต์ด้วย

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 พ.ย. 2558

    หมายเหตุ : เชิญเชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วย
    ภาพประกอบจาก google

    [​IMG]
     
  12. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง "ลมหวน"

    ตอน 3 (จบ)

    ลมหวนอียิปต์รัสเซีย นี่ มันมีเรื่องเหลือเชื่อแยะจริง

    ไม่รู้จำกันได้ไหมครับ เมื่อปี ค.ศ.2010 รัสเซีย จ้างฝรั่งเศสต่อเรือรบ Mistral 2 ลำ

    Mistral ซึ่งเป็นเรือรบแบบทันสมัยมาก เป็นระบบ amphibious สะเทินน้ำสะเทินบก ท๊อปคลาส มีอุปกรณ์ ระบบ อาวุธติดตั้งชั้นเยี่ยมยอดทั้งนั้น บรรจุกำลังพลได้ ถึง 900 กองร้อย รวมทั้งรถถัง และเฮลิคอปเตอร์ 16-25 ลำ เรือแต่ละลำ ยังสามารถรองรับคนได้อีกถึง 25,000 คน คุณพี่ปูตินจะเอาไปทำอะไรครับ เรือขนาดใหญ่อย่างนี้

    เมื่ออเมริกา อียู นาโต้ รู้ข่าวนี้ ก็ช่วยกันรุมด่าฝรั่งเศสให้ล้มเลิกการรับจ้างต่อเรือ มันเหมือนสร้างกระบองให้ยักษ์ เข้าใจไหม แต่ฝรั่งเศสกำลังถังแตก การต่อเรือให้รัสเซีย จะเป็นการหางานให้กับช่างต่อเรือ ฝรั่งเศส 2,500 คน ซึ่งระยะหลัง ไม่มีใครใจถึงจ้างต่อเรือรบ มีแต่ตัดงบ อู่ต่อเรือรบของฝรั่งเศส และยุโรป จึงใกล้จะล้มละลาย หรือทิ้งร้างเสียด้วยซ้ำ ถ้าเป็นอย่างนั้น เมื่อไหร่ที่ฝรั่งเศสต้องการจะต่อเรือรบของตัวเอง จะไปเอาช่างต่อเรือมาจากไหน คิดแบบนี้ ฝรั่งเศสจึงเมินคำด่าของพรรคพวก

    หลังจากการต่อรองอย่างยืดยาว ในที่สุด ฝรั่งเศสตกลงคิดราคา 2 ลำ รวมแล้วประมาณ 1.7 พันล้านเหรียญ กำหนดส่งมอบเรือลำแรก ในปี ค.ศ.2014 เรือสร้างเสร็จตามกำหนด ในเดือนกันยายน 2014 แต่ฝรั่งเศสส่งมอบเรือให้รัสเชียไม่ได้ เพราะอเมริกา อียู ดันเสนอให้สหประชาชาติ ลงมติคว่ำบาตรห้ามค้าขายกับรัสเซียจากกรณียูเครน เรือรบก็เลยค้างส่ง ค่าจ้างก็เลยค้างรับ เหงื่อหัวล้านลุงโอลองแตกพลั่ก

    รัสเซียบอก ถ้าไม่ส่งมอบเรือรบ นอกจากจะไม่จ่ายเงินค่าจ้างที่เหลือแล้ว ตามสัญญา ฝรั่งเศสก็ต้องจ่ายค่าปรับให้รัสเซีย ประมาณ 1.53 พันล้านเหรียญ ลุงโอลอง ร้อง อ๊วกแน่กู ค่าจ้างก็ได้ไม่ครบ ค่าปรับก็ต้องจ่าย งบประมาณกูตูดขาดแน่ ฝรั่งเศสจึงบินไปบินมา เจรจากับคุณพี่ปูตินที่มอสโคว์ ตั้งแต่กลางปี 2014 สื่อเดาว่านี่จะเป็นคู่รักใหม่ คุณพี่ปูตินจะหอมกรุ่นไปหน่อยไหม เปล่าหรอกครับ ฝรั่งเศสลูกหนี้ ไปขอต่อรองรัสเซียเจ้าหนี้ ทั้งขอผ่อนเวลา และราคาค่าปรับ สื่อตะวันตกลงข่าวแบบนี้ให้อ่านกันไหม ไม่ลงหรอกน่า เพราะเสียหน้าฝรั่งเศสหมด

    อเมริการู้ข่าว บอกอย่างนี้ นาโต้ควรรับซื้อเรือรบ 2 ลำนี้ไว้ใช้เอง อย่าให้หลุดมือไปถึงรัสเซียเป็นอันขาด ดีแต่สั่ง แล้วเงินล่ะใครจ่าย มีทั้งค่าซื้อ ค่าปรับ สมาชิกนาโต้ บางคนบอกเรื่องอะไร เราต้องควักกระเป๋าจนๆของเรา ไปให้ฝรั่งเศสรวย แล้วเรื่องนาโต้ซื้อเรือแทน ก็เลยเงียบหายไป

    แต่ฝรั่งเศส เป็นคนคิดสร้างคลองสุเอซให้อียิปต์รวย และได้เป็นเจ้าของจุดยุทธศาสตร์สำคัญ แต่ภายหลัง อียิปต์เสียรู้ สันดานขี้โกงของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ต้องขายหุ้นคลองสุเอซให้กับอังกฤษ จนนายพลนัสเซอร์ มายึดคลองสุเอซกลับมาเป็นของประเทศอียิปต์อีกที และเป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้อเมริกาและอังกฤษ เกลียดนัสเซอร์เข้ากระดูกดำที่รู้ทัน และตามประวัติศาสตร์ที่ฝรั่งเขียน นัสเซอร์ก็กลายเป็นไอ้ตัวร้ายในสายตาของตะวันตก แต่ระหว่างอียิปต์กับฝรั่งเศส ยังนับว่า มีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

    ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา (ค.ศ.2015) อย่างเงียบๆ ระหว่างที่โลกกำลังตื่นเต้นเรื่องคุณพี่ปูตินนำทัพเข้าไปในซีเรีย อียิปต์ก็ลงนามกับฝรั่งเศส ตกลงซื้อเรือรบ Mistral เจ้าปัญหาทั้ง 2 ลำ มาจากฝรั่งเศส และหลังจากนั้นเดือนกว่า การตกลงเรื่องจำนวนค่าชดเชย ระยะเวลาการจ่าย ระหว่างฝรั่งเศสกับรัสเซีย ก็สรุปกันได้ ลุงโอลอง เช็ดเหงื่อหัวล้าน โล่งอก ท่ามกลางความงุนงงในความรวดเร็วของการทำดีลรายการนี้ คุณพี่ปูตินแกแบ่งภาคเข้าฉากได้เก่งนะ

    จริงๆ ฝรั่งเศสปวดหัวกับเรื่องรบ 2 ลำนี้มาก Vladivostok กับ Sevastopol ได้ถูกออกแบบให้มีระบบการติดต่อ ระบบการยิงจรวด และฐานขึ้นลงของเครื่องเฮลิคอปเตอร์ ตามสเปคและระบบ ที่จะให้เข้ากับระบบอื่นๆของรัสเซียได้ ใครที่จะซื้อเรือรบ 2 ลำนี้ ก็ต้องมีระบบที่เข้า หรือรองรับได้ นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ของรัสเซีย ก็ขนมาดูแลการต่อเรืออย่างใกล้ชิด ทั้งในการก่อสร้าง และการติดตั้งระบบ ทำความรู้จักระบบนี้อย่างดี เพื่อสร้างความชำนาญในการใช้ และบำรุงรักษาต่อไป และน่าจะถึงขนาดสร้างเองได้ ไม่ต้องจ้างใครอีก...

    แล้วแบบนี้ รัสเซียจะอยากให้ใครได้เรือรบ 2 ลำ นี้ไป ใครได้ไป ก็เท่ากับรู้ระบบของรัสเซียหมด ขณะเดียวกัน คนซื้อก็คงเสียวไส้ เพราะกลัวรัสเซียที่รู้ระบบ จะสามารถเจาะเข้ามาสกัดการใช้งานของระบบเรือได้หมด จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า จะขายเรือรบเจ้าปัญหานี้ได้ ฝรั่งเศสอาจต้องรื้อระบบทั้งหลายนี้ออก และนั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายอีกมหึมา และราคาเรือก็ตก ค่าปรับก็ต้องจ่ายเต็ม วุ้ย คิดทางไหน ก็มีแต่ปวดหัวล้านทั้งนั้น

    รัสเซียไม่อยากให้ใครได้เรือรบ 2 ลำนี้ไป ไม่แปลกนะ เพราะรัสเซียลงทุนให้สร้างเอง เพื่อเข้ากับระบบของรัสเซีย แต่ดันมีคนที่ไม่อยากให้รัสเซีย ได้เรือรบ ที่มีระบบชั้นเยี่ยมนี่ไปด้วยเหมือนกัน คงเอากันออกนะครับว่า เป็นใคร

    ไอ้ที่ส่งมอบเรือรบไม่ได้ มาจากไหนล่ะ การแซงชั่นเริ่มจากใครล่ะ ใครเริ่มเรื่องที่ยูเครน (ของจริง) มันโยงกันหมด กลับไปหานิทานเรื่องก่อนๆมาอ่านหน่อยนะครับ เล่าซ้ำไม่ไหว

    แต่อียิปต์ บอกเรื่องนี้ไม่น่ามีปัญหาสำหรับเรา เพราะเราใช้ระบบความมั่นคงหลายอย่าง ที่คล้ายกับของรัสเซียอยู่แล้ว เอาละ สมมุติว่าเป็นเรื่องจริง แล้วอียิปต์จะเอาเงินมาจากไหนมาซื้อ รวยนักหรือ ตอนแรกมีข่าวลือว่า อียิปต์อาจจะกู้เงินจากซาอุดิอารเบีย โดยซาอุจะใช้เองลำนึง อีกลำให้อียิปต์ใช้ เอาไว้ช่วยป้องกันคลองสุเอซ ที่ก็มีความหมายกับซาอุไม่น้อยเหมือนกัน ก็เป็นเส้นทางส่งน้ำมันของเสี่ยปั๊มใหญ่ออกทะเลแดง ขึ้นเหนือผ่านสุเอซไปให้ยุโรป แต่ข่าวลือนี้ ตัดทิ้งไปได้เลย น่าจะเป็นข่าวปล่อยดูทีท่า ถ้าซาอุให้อียิปต์กู้เพื่อไปซื้อเรือรบนี้ และหรือซาอุจะใช้เรือรบนี้เอง ผมว่าน่าจะมีใครกลับไปเลี้ยงอูฐอย่างเดิมดีกว่า

    เขาว่าคนกลาง ที่จัดการให้การเจรจาซื้อขายรายนี้เกิดขึ้น คือ บริษัท Sistemy Upravleniya ซึ่งผู้ถือหุ้น คือ รัฐบาลรัสเซีย !

    นอกจากนี้ มีข่าวว่า เนื่องจากรัสเซีย ได้สร้างเฮลิคอปเตอร์รุ่นพิเศษ Ka-52k ที่จะใช้กับเรือ 2 ลำนี้ไว้แล้ว ดูเหมือนอียิปต์ก็เลยเตรียมสั่งซื้อ คอปเตอร์รุ่นพิเศษนี้ด้วย

    พอนึกออกไหมครับว่า ในที่สุดแล้ว ใครจะเป็นเจ้าของเรือรบ 2 ลำนี้กันแน่....

    รายการนี้ มันเป็นรายการพิเศษจริงๆ น่าจะเป็นอย่างที่เขาเรียกว่า ได้ด้วยกันหมด ฝรั่งเศสก็ขายเรือได้ ตูดไม่ขาด ไม่เสียหน้า ไม่เสียเงิน แต่เป็นหนี้บุญคุณบางคน ส่วนอียิปต์ก็ได้เพื่อน ได้อาวุธ และรัสเซีย ก็(น่า) จะได้ใช้เรือที่ตัวเองสั่งต่อ โดยมีระบบพิเศษ เข้ากับระบบอื่นๆของตัวเอง รวมทั้งได้เพื่อน และได้บุญคุณ

    ที่สำคัญ รัสเซีย ได้สร้างเครือข่ายสำคัญเพิ่มขึ้น ในบริเวณที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ จุดรัดคอ 3 จุด choke points ในบริเวณตะวันออกกลาง

    จุดสำคัญแรก ที่อ่าวโอมาน น่าจะอยู่มือแล้ว ภายใต้การดูแลของอิหร่าน โดยมีโอมานที่อยู่อีกฟาก ทิ้งชาวอ่าวโหนสิบล้อเกาะท้ายอิหร่านไปเรียบร้อย

    จุดบน ที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รัสเซียคุมด้านบน จากฐานทัพของตัวที่ริมฝั่งของซีเรียแล้ว ตอนนี้ ถ้าจับมือกับอียิปต์ จะคุมคลองสุเอซได้อีกด้วย เรื่องนี้มีความสำคัญมาก

    เหลือจุดสุดท้ายคือ ที่เยเมน ที่ตอนนี้เสี่ยปั๊มใหญ่และพรรคพวก กำลังระดมพรรคพวกไปชิง เพราะถ้าเสียเยเมน กลุ่มอ่าวอาจหัวทิ่มทรายตายทั้งเป็นและตายทั้งก๊วน ขึ้นบนก็ลำบาก ลงล่างก็เหนื่อย แล้วจะส่งออกน้ำมันทางไหนคร้าบ

    แบบนี้ รายการสกัดลมหวน จึงรุนแรงเหลือเกิน แต่เรื่องของอียิปต์ รัสเซียจะมีเพียงเท่านี้หรือ....

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 พ.ย. 2558

    หมายเหตุ : เชิญเชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วย
    ภาพประกอบจาก google

    [​IMG]
     
  13. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    แฉแหลก..ฉีกหน้ากากลัทธิประชาธิปไตยแท้จริงคือลัทธิสงคราม และเผด็จการก่อการร้ายใหญ่


    พ.ศ 2504 อเมริกามีประธานาธิบดี จอห์น ฟิตซ์เจอรัล เคเนดี เป็นผู้นำเขาพยายามยุติสงครามเย็น ด้วยการฟื้นฟูสัมพันธไมตรีกับสหภาพโซเวียติ ลดกำลังทางทหาร ลดอำนาจของ CIA, กลุ่มกลาโหม และ พ่อค้าอาวุธสงคราม เขากำลังพยายามเปิดโปงความกระหายสงครามของกลุ่มอิลลูมินาติ

    นาย Normand Hodges อดีตเจ้าหน้าที่ CIA ที่ปัจจุบันเกษียณแล้วมีอายุ 78 ปี เขากำลังเข้ารักษาอาการป่วยอยู่ในโรงพยาบาลเซนทารา เจเนรัล ได้แฉความจริงช็อกโลกว่า โดยเขาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยระดับสูงให้กับ CIA มาเป็นเวลานานกว่า 41 ปี


    และหนึ่งในหน้าที่การทำงานของเขาก็คือ "การลอบสังหารบุคคลต่างๆ ให้กับรัฐบาลอเมริกา " ซึ่งมีทั้งดารานักแสดง นักวิทยาศาสตร์ รวมถึงผู้ที่อาจจะมีภัยต่อสหรัฐอเมริกา เขาได้รับการฝึกฝนความเชี่ยวชาญมาเป็นพิเศษ ทั้งทางด้านศิลปะการป้องกันตัว มือปืนสไนเปอร์ วัตถุระเบิดและสารพิษ


    และตลอดเวลาที่เขาเป็นเจ้าหน้าที่ CIA เขารับคำสั่งรัฐบาลจ้าวลัทธิประชาธิปไตย ลอบสังหารคนสำคัญในอเมริกาและทั่วโลกมาแล้วกว่า 37 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ "มาริลิน มอนโร" ดาราฮอลีวู๊ดผู้โด่งดัง โดยเขาแฉว่าทาง CIA มีหลักฐานว่า มาริลิน มีสัมพันธ์ชู้สาวกับประธานาธิบดีเคเนดี้


    และเธอยังมีสัมพันธ์ชู้สาวกับ ฟิเดล กัสโตร ผู้นำคิวบาที่เป็นศัตรูกับอเมริกาอีกด้วย แค่ความกลัวว่าข้อมูลของสหรัฐอเมริกาจะรั่วไหลไปถึงพวกคอมมิวนิสต์ นายจิมมี เฮย์วอร์ธ ผู้บังคับบัญชาของเขาจึงสั่งให้เขาสังหารมาริลิน มอนโร โดยทำให้เหมือนกับว่าเธอฆ่าตัวตายด้วยการใช้ยาเกินขนาด


    ในวันที่ 5 สิงหาคม 2505 เป็นคืนที่เขาลงมือลอบสังหารมาริลิน มอนโร ด้วยการลักลอบเข้าไปในห้องนอนของเธอซึ่งเป็นเวลาที่เธอกำลังนอนหลับอยู่ จากนั้นก็ฉีดยาให้เธอจนเธอถึงแก่ความตาย เขาไม่เคยลงมือฆ่าผู้หญิงเลย ดังนั้นเธอจึงเป็นผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่เขาลงมือสังหาร



    วันที่ 22 พฤศจิกายน 2506 ประธานาเคนาดีพลาด เมื่อนายลินดอน บี จอห์นสัน เป็นรองประธานาธิบดี ได้สมคบคิดคิดกับ CIA และพ่อค้าอาวุธสงคราม กระทำการรัฐประหารชิงอำนาจ โดยการใช้มือปืนลอบยิงสังหารประธานาธิบดีเคเนดี ขณะนั่งรถเปิดประทุนทักทายประชาชนคนอเมริกันจำนวนมาก ในเมืองดัลลัส รัฐเทกซัส


    อิลลูมินาติใหญ่ที่สมรู้ร่วมคิดสังหารเคเนดี คือ ตระกูล บุช เพราะต้นตระกูลร่ำรวยมาจากได้สัมปทานรถไฟผูกขาด และธุรกิจธนาคาร โดยนายจอห์น HW บุช เคยทำงานเป็นเอเย่นยี่ปั้วในโครงการของ CIA ที่วางแผนจัดทีมมือปืนสังหารฟิเดล คาสโตร ผู้นำคิวบา

    แต่แล้วเขากลับใช้แผนนั้นเอามาสังหารประธานาธิบดีเคเนดีเสียเอง เพื่อสร้างสถานการณ์ป้ายสีความผิดให้ ฟิเดล คาสโตร ผู้นำคิวบา เมื่อเคเนดีตายแผนการชิงอำนาจสำเร็จ ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนั้น นายลินดอน บี จอห์นสัน เข้าสวมตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีต่อทันที เขาเปลี่ยนนโยบายรัฐบาล


    โดยการเดินหน้าสงครามเย็น-สงครามตัวแทนเต็มตัว ส่งกำลังทหารเข้าไปก่อสงครามในเวียดนามเพื่อฆ่าเด็ก ผู้หญิง และคนชราตายไปหลายล้านคน อ้างว่าทำไปเพื่อปกป้องลัทธิประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน และวางแผนต่อเนื่องให้อเมริกาประกาศสงครามกับประธานาธิบดีฟิเดล คาสโตร แห่งคิวบาด้วย


    ผู้นำอเมริกาคนต่อๆ มาจากลินดอน บี จอห์นสัน เช่น นิกสัน ฟอร์ด ได้แต่งตั้ง
    บุช ผู้พ่อ มาเป็นผู้อำนวยการ CIA วางฐานอำนาจและลงรับสมัครเป็นประธานาธิบดี และซื้อเสียงจนชนะเลือกตั้ง และบุชผู้พ่อ ก็พยายามสร้างเรื่องก่อสงครามกับประเทศอื่นเรื่อยมา เช่น ปล้นอิรัก อ้างว่าปกป้องคูเวต แต่แท้จริงคือการปล้นบ่อน้ำมัน


    บุชผู้ลูก รับหน้าที่ต่อร่วมกับ CIA กระทรวงกลาโหม กระทรวงต่างประเทศ จัดฉากให้เกิดเหตุการณ์ 9-11 เพื่อมีข้ออ้างสร้างภาพให้บินลาเดน (ซึ่งที่แท้คือ CIA ) เป็นผู้บงการ และอ้างว่าซัดดัม ฮุสเซน มีอาวุธนิวเคลียร์ และสนับสนุนกลุ่มอัลกออิดะห์ ก่อเหตุวินาศกรรม 9-11 แล้วยกกองทัพบุกอิรักหน้าตาเฉย

    ก่อสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนอิรักตายกว่า 5 แสนคน สุดท้ายอเมริกาถูกจับได้ว่ากลุ่มอิลลูมินาติทำเอง จนป่านนี้ยังหาอาวุธนิวเคลียร์ซัดดัมไม่เจอสักเท่าเข็มหมุด แต่ก็หน้าด้านทำมึนหน้าตาเฉย มาจนถึงโอบามา ผู้นำจ้าวลัทธิคนปัจจุบัน ก็ทำหน้าที่ก่อสงครามอย่างเข้มแข็ง หาเหตุส่งกำลังทหารบุกอัฟกานิสถาน และเข้าไปในปากีสถาน เพื่อปลิดชีวิตบินลาเดนให้สมบทบาท


    ผู้นำจ้าวลัทธิประชาธิปไตยทุกคน จึงมีหน้าที่สนับสนุนความร่ำรวยของกลุ่มอิลลูมินาติ ธุรกิจอุตสาหกรรมพ่อค้าอาวุธสงคราม นายทุนธนาคารใหญ่ บริษัทปิโตรเลียม และปกป้องบ่อน้ำมันในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นกิจการที่ตระกูลบุชถือหุ้น เพราะการจะเป็นใหญ่ผู้นำอเมริกา ต้องใช้เงินทุนจากกลุ่มอิลลูมินาติสนับสนุนอย่างมาก

    ต้องทุ่มเงินซื้อเสียงประชาชนในรูปแบบต่างๆ จนชนะเลือกตั้ง เมื่อขึ้นเป็นประธานาธิบดีแล้ว ทุกคนมีหน้าที่ช่วยปกปิดความลับ “ในการสมรู้ร่วมคิดกัน “ ก่ออาชญากรรมสงคราม และต้องหนุนการก่อการร้ายเพื่อสร้างภาพความตื่นกลัวให้กับคนอเมริกัน และประเทศพันธมิตร


    และผู้นำจ้าวลัทธิประชิปไตย ยังมีหน้าที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ “หนุนการก่อรัฐประหาร “ในหลายประเทศ เพื่อสร้างผุ้นำเผด็จการที่ควบคุมและเชิดหุ่นได้ และต้องคอรัปชั่นเก่งๆ เช่น นายพลลอนนอล กัมพูชา , นายเหงียน เกา กี เวียดนาม , นายมาร์กอส ฟิลิปปินส์ , ปักจุงฮี เกาหลีใต้ , เซีย อุล ฮัก ปากีสถาน และล่าสุดคือ เจ้าของโรงงานลูกกวาด ผู้นำยูเครน

    และหน้าที่หลักอีกประการสำคัญของผุ้นำจ้าวลัทธิ ฯ คือ หนุนสงครามตัวแทนในดินแดนต่างๆ ทั่วโลก เพื่ออุ้มเปโตรดอลลาร์ ที่ประหลาดสุดขั้วไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองที่เขาผูกกับทองคำ ระบบพิลึกกึกกือนี้ให้รัฐบาลอเมริกาพิมพ์เงินออกมาใช้ได้ตามต้องการ ก่อให้เกิดหนี้ต่างประเทศสะสมมหาศาลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันมีมากกว่า 650 ล้านล้านบาทเข้าไปแล้ว


    การก่อกำเนิดกลุ่มก่อการร้ายสารพัดชื่อในตะวันออกกลาง ไม่ใช่ความแตกต่างทางนิกายของศาสนาอิสลาม เชื้อชาติ ชนเผ่า ความเคียดแค้นกันในอดีต หรือการทำจิฮาดยอมตายเพื่อขับไล่ผู้ที่บุกเข้ามาทำลายแผ่นดินมุสลิม แท้จริงแล้วคือ “การหนุนด้วยเงิน อาวุธ “ ปลุกปั่นสุมไฟเกลียดชัง หลอกลวง จากบรรดาพันธมิตรนาโต อิสราเอล ซาอุ กาตาร์ จอร์แดน ตุรกี ฯลฯ


    ด้านจอห์นแม็คเคน วุฒิสมาชิกและอิลลูมินาติใหญ่พรรครัฐบาลจ้าวลัทธิประชาธิปไตย ก็มีภาพหวานชื่นที่เขาเคยไปเยี่ยมเยียนเหล่าเพื่อนรักกองกำลัง IS CIA ในซีเรียด้วยความห่วงใย พร้อมมีของฝากเล็กๆ น้อยๆ เป็นพวกรถโตโยต้าติดอาวุธปืนกลหลายร้อยคัน โดยมีเฮลิคอปเตอร์อาปาเช่ ของกองทัพอเมริกาบินคุ้มกันแบบถนุถนอม เกรงมดไรจะมาไต่ตอมให้ผิวช้ำ


    หลังจากวุฒิสมาชิกแม็คเคนกลับมาจากการเดินทางไปเยี่ยมเหล่าเพื่อนรักกลุ่มก่อการร้าย IS CIA ที่ประเทศซีเรียเขากล่าวว่า "เขาดีใจมากที่ได้พบบรรดานักรบเหล่านี้ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอเมริกามานานหลายปี" แม็คเคนบอกต่อว่า "กลุ่มก่อการร้าย IS CIA กำลังกังวลถึงสถานการณ์สู้รบ"


    และพวกเขาต้องการความช่วยเหลือด้านอาวุธ เนื่องจากกำลังถูกไล่ล่าอย่างหนักจากกลุ่มเฮชบุลเลาะห์ของอิหร่าน และจากทหารของรัฐบาลซีเรีย นอกจากนั้นเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมาเยอรมันนี ได้ส่งยุทธโธปกรณ์ทางทหาร เช่น เครื่องยิงระบบต่อต้านรถถัง Milan 3 Missiles ที่ผลิตโดยฝรั่งเศส จำนวน 30 ชุด


    ขีปนาวุธ 500 ลูก ปืนไรเฟิลจู่โจม 4,000 กระบอก รถหุ้มเกราะติดอาวุธ Dingo 10 คัน อ้างว่าส่งไปให้กองทัพเคิร์ดในอิรัก แต่ไม่นานต่อจากนั้นจรวดทำลายรถถัง MILAN 3 ดันตกไปอยู่ในความครอบครองของกองกำลัง IS CIA ใช้ทำลายรถถังของรัฐบาลซีเรีย ?? อ้าว..ชาวฝรั่งเศส และ EU ไม่รู้เรื่องนี้เลยรึ ??



    นี่คือความจริงของลัทธิประชาธิปไตย ต้องฆ่าคนอื่นมากๆ ต้องกลั่นแกล้งรังแก กดขี่ทางชนชั้นสังคม ศาสนา ชนชาติ ต้องคดโกง คอรัปชั่น ต้องโกหก และจ้าวลัทธิฯ ต้องการปลูกฝังแนวคิดแบบนี้ไปในทุกประเทศ เพื่อที่กลุ่มชาติตะวันตกจะได้ควบคุมประชากรทั้งโลกได้โดยอ้าง “ประชาธิปไตย”

    การที่อเมริกา และยุโรปอ้างว่าประเทศพวกตนเป็นเสรีประชาธิปไตย และบีบบังคับให้ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกต้องมีการเลือกตั้งในแบบที่ตนเองกำหนดผู้นำได้ โดยหนุนนักการเมืองขายชาติ เชิดรัฐบาลหุ่นที่่จ้าวลัทธิควบคุมได้ เพื่อจะเปิดทางให้ชาติตะวันตกเข้ามาสูบทรัพยากรจากประเทศซีกตะวันออก กอบโกยหาผลประโยชน์ เอารัดเอาเปรียบ

    ตื่นเถิดชาวไทยและชาวโลก ไม่เคยมีประชาธิปไตยอยู่จริงๆ ในโลกใบนี้ มีแต่เพียง “ลัทธิสงคราม และก่อการร้าย “ เท่านั้นที่ชาวโลกกำลังเผชิญอยู่ เมื่อใดที่ลัทธิประชาธิปไตยมา ให้พึงสังวรได้เลยว่าเราจะเสีย “อธิปไตย” ไปให้กับต่างชาติ

    @ เสธ น้ำเงิน4

    แฉ ความลับ
     
  14. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    Hacker War

    +++ สงคราม IT โดยปกติแล้ว มักจะเป็น สงครามจิตวิทยา ซึ่งเน้นทางด้าน ลับ ลวง พราง และ บิดเบือนข้อมูลข่าวสาร รวมทั้ง โฆษณาชวนเชื่อต่าง ๆ เพื่อหวังผลประโยชน์เข้าหาตน โดยใช้ http Protocol Networking เป็นสื่อทาง Computer Network ภาษาง่าย ๆ คือ ข้อมูลจากทาง เวปไซท์ ต่าง ๆ นั่นเอง Computer Networking เป็นโลกใบหนึ่งที่ไม่จำกัด เชื้อชาติ ศาสนา เพศและวัย แต่จะจำกัดอยู่ใน Computer Network เท่านั้น เพียงแต่ว่า Computer Network นั้นมีอยู่ทุกแห่งในโลก

    +++ อุปกรณ์ทุกชนิดที่มีการเชื่อมต่อกับ Network ถือว่าเป็น "ประตู" เข้าสู่โลก Online ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือตั้งแต่ 2G ขึ้นไป ที่สามารถ "รับ-ส่ง" ข้อมูลด้วย GPS ตัวอักษร ภาพนิ่ง ภาพยนต์ (clips) ต่าง ๆ อย่าลืมว่า เครื่องบิน เรือเดินสมุทร และ อื่น ๆ ก็อยู่ใน Computer Network ด้วยเช่นกัน รวมทั้ง nuclear silo ด้วย

    +++ สงคราม IT ในครั้งนี้ของยุคปัจจุบันขณะ "จ่ออยู่หน้าตัวคุณเข้าแล้ว" เปิดเครื่องเมื่อไร เปิดมือถือเมื่อไร คุณอาจโดน หรือ กระโจนเข้าสู่สงครามนี้ทันที "ไม่ว่าคุณจะรู้ หรือ ไม่รู้ตัวก็ตาม" คุณยืนอยู่ท่ามกลาง "ห่ากระสุน IT นี้ทันที"

    +++ สงคราม IT ไม่ใช่ "นิยายละครน้ำเน่า" ที่ทีวีบางช่องชอบนำมาเผยแพร่ อย่านึกว่า "ไม่ใช่ธุระของตน" แล้วนั่งตาปรือยิ้มแฉ่งแบบเมากัญชา แล้วท่องคาถา "ละวางปล่อยวาง แผ่เมตตา" อย่างน่าสมเพช เพราะหมดความสามารถที่จะ "อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงได้" เมื่อภัยถึงตนแล้ว "เพิ่งรู้" ก็สายเกินไปเสียแล้ว

    +++ Hacker War เป็นสงครามที่เกี่ยวกับ Network Infrastructure อาจรวมถึง Core Network ต่าง ๆ ซึ่งไม่จำกัด Protocol อีกด้วย

    +++ ปัจุบันขณะ Hacker War ได้ประกาศสงคราม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามข่าวได้ที่นี่

    https://www.rt.com/usa/322652-anonymous-hack-isis-guide-released/

    +++ ส่วนเป้าหมายการโจมตีของกลุ่ม IS นั้น มีชื่อ ประเทศไทยระบุไว้ด้วย ตั้งแต่ July 07, 2014 ดูได้ที่นี่

    ISIS: A Threat Well Beyond the Middle East | The Diplomat

    The threat of Islamic militants deploying terror tactics across Southeast Asia is making an unwelcome comeback. Driven in part by the relentless drive into Iraq by Abu Bakr al-Baghdadi, the threat has already emerged in Malaysia, Cambodia, Thailand and the Philippines.

    +++ เบร้าส์ลงไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอ รายชื่อประเทศต่าง ๆ รวมกลุ่ม อาเซี่ยน อีกด้วย อ่านได้ที่นี่

    ISIS vs THE WORLD (Except Israel!)

    +++ ก็แปลกดีที่ไม่มีรายชื่อประเทศ Israel รวมอยู่ด้วย ทำความเข้าใจไปเรื่อย ๆ ก่อนก็แล้วกัน

    +++ คำว่า Anonymous ใน Hacker War ให้เข้าใจไว้ว่า เป็นขบวนการ Hacker ของ "หน้ากากขาว" ที่ทำสงคราม Hacker กับกลุ่ม IS ติดตามได้ที่นี่

    https://twitter.com/GhostHo5t/status/666751769905659905/photo/1

    +++ ติดตามความเคลื่อนไหว Hacker War ระหว่าง "ธรรมะ VS อธรรม" ได้ที่นี่

    https://twitter.com/GhostHo5t

    +++ อย่านึกว่า Illuminati เป็นนิยายน้ำเน่า ก็แล้วกัน ทุกอย่างมัน ลึกซึ้งพัวพัน และเกี่ยวพันกันทั้งหมด ค่อย ๆ สังเกตุการณ์อย่างสุขุมรอบคอบ และระวัง Windows 10 รวมทั้งป้องกันระบบ Computer รวมทั้ง Network ของคุณเอาไว้ด้วย นะครับ
     
  15. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    "สอย ซูกอย"
    สำนักข่าวRT เพิ่งออกข่าวด่วนเมื่อประมาณ 5โมงเย็น วันนี้ (24 พย คศ 2015) ว่าเครื่องบินรัสเซีย Su-24 หรือที่เราเรียกกันว่า ซูกอย ได้ถูกมือที่ยังมองไม่เห็นชัด สอยร่วงในบริเวณเขตแดนซีเรีย ขณะบินที่ความสูง 6,000 เมตร
    ทางรัสเซีย รายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างที่บิน เครื่องบินอยู่ในเขตของซีเรีย ซึ่งมีรายการบันทึกการบินอยู่ในจอเรดาร์ติดตาม และคาดว่า เครื่องบินถูกยิงจากภาคพื้นดิน นักบินทั้ง 2 นาย ดีดตัวออกจากเครื่องได้ แต่ยังไม่ทราบชะตากรรม
    โฆษกของของประธานาธิบดีปูติน แถลงว่า... การตกของเครื่องบินรบรัสเซียรายการนี้ เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก a very serious incident ... แต่ ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะมีข้อสรุป จะต้องมีการตรวจสอบให้เรียบร้อยก่อน...
    แต่ขณะที่ผมกำลังเขียนรายงานข่าวนี้ให้แฟนเพจทราบ สื่อต่างประเทศลงกันเกือบทั่วโลกแล้ว ดูเหมือนสื่อค่ายตะวันตกอื่น จะออกข่าวทำนองเดียวกันว่า ตุรกี นกสองหัว เป็นผู้สอยซูกอย
    ทางตุรกีอ้างว่า ....เครื่องบินรบรัสเซียละเมิดกฏกติกา บินเข้าอยู่ในเขตตุรกี และตุรกีได้เตือนแล้วถึง 10 ครั้ง ในช่วงเวลา 5 นาที หลังจากนั้น เครื่องบิน F-16 ลาดตระเวนของตุรกีจึงเข้าขัดขวาง ตามกฏกติกา rule of engagement (คือยิงร่วงน่ะครับ)
    ตุรกี เป็นประเทศ ที่อยู่ในกลุ่มที่ต้องการไล่ หรือ ถล่มรัฐบาลอัสสาดให้พ้นจากซีเรีย และเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนกลุ่มกบฏซีเรียร่วมกับอเมริกา กับหลายประเทศในตะวันตก และหลายประเทศในตะวันออกกลาง ที่นำโดยซาอุดิอารเบียและ อิสราเอล ขณะที่รัสเซียสนับสนุนรัฐบาลอัสสาด และกำลังไล่บอมบ์พวกกบฏซีเรีย ซึ่งรวมถึงกลุ่มอัลไคด้าซีเรีย และไอซิส ที่แสนจะสุดดังสุดโหดด้วย
    นอกจากนี้ ตุรกี ยังเป็นสมาชิกของนาโต้ ด้วย และตามกฏของนาโต้ การโจมตีหรือ รุกราน สมาชิกนาโต้รายใด ถือเป็นการโจมตีนาโต้ทั้งหมด
    เหตุการณ์ยิงเครื่องบินรบรัสเซียครั้งนี้ ถ้าตุรกีเป็นผู้ปฏิบัติการณ์จริง เรื่องราวที่กำลังยุ่งเหยิงอยู่ขณะนี้ ทั้งในตะวันออกกลาง รวมทั้งในยุโรป คงขยายตัวไปออกไปอีกมาก เป็นที่สมใจของไอ้จัญไร ที่วางแผนเอาไว้ และ สงครามโลกครั้งที่ 3 คงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้...
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    24 พ.ย. 2558
     
  16. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง "แผนจัญไร"
    ตอน 1
    ปลายฝนต้นหนาว เรื่องราวใหญ่ๆทยอยเกิดขึ้น เหมือนมีไอ้จัญไรที่ไหน ตั้งใจก่อเหตุให้เป็นไปตามแผน....
    เริ่มด้วยเครื่องบินโดยสารรัสเซียถูกยิงตกที่อียิปต์ ผู้โดยสารตายยกลำ ภายหลังมีหลักฐานอ้างว่าเป็นกลุ่มไอซิส ISIS ตามมาด้วยที่ฝรั่งเศส ระหว่างที่ชาวปารีสกำลังพักผ่อนหลังเลิกงานในคืนวันศุกร์ ก็ถูกผู้ก่อการร้าย ที่อ้างว่าเป็นไอซิส ล้อมยิงไล่ยิงกลางกรุงปารีสไม่รู้กี่จุด ทำเอาชาวฝรั่งเศสตายร้อยกว่าคน
    ทางการตามล่าไอซิสที่ว่าเป็นตัวการ แต่หนีไปกบดานถึงกรุงบรัสเซลล์ การไล่จับไอซิสที่บรัสเซลล์ ทำเอาบรัสเซลล์ต้องยกระดับภัยก่อการร้ายขึ้นไปสูงสุด
    ชาวฝรั่งเศสขวัญยังไม่เข้าที่ ส่วนชาวบรัสเซล์ก็ยังไม่หายงุนงงตกใจ จับหัวไม่ชนปลาย ดันมีข่าวใหม่เกิดขึ้นมาอีกว่า มีผู้ก่อการร้ายบุกเข้าไปในโรงแรมหรูที่ มาลี อาฟริกา จับเอาแขกโรงแรมเป็นตัวประกัน คราวนี้บอกไม่ใช่ไอซิส แต่เป็นผู้ก่อการร้ายพันธุ์อะไรไม่รู้ข่าวมั่วจัง แต่ว่ามีคนตายร่วมยี่สิบ สื่อตะวันตกออกข่าวออกน้อยมาก เพราะใบสั่งบอกว่า อัดฝรั่งเศสกับบรัสเซลล์ ให้หนักๆก่อน
    ผมนอนตามข่าวไปเรื่อยๆ คิดจะเขียนนิทานต่อ แต่ใจอยากจะดูอะไรอีกนิด ให้แน่ใจ
    แล้วเมื่อวานซืน (24 พ.ย.) ไอ้อีกนิด.... ก็เกิดขึ้น นักบินตุรกี ยิงเครื่องบินซูกอยของคุณพี่ปูตินร่วงไปหนึ่งลำ รัสเซียอ้างว่า เป็นการยิงในขณะที่เครื่องบินรัสเซีย กำลังบินอยู่ในเขตซีเรีย แต่ตุรกีก็อ้างว่า อยู่ในเขตตุรกี ใครอ้างอย่างไร ในที่สุดหลักฐานคงออกมาบอกเอง แต่ที่ผมสะกิดใจ คุณพี่ปูตินบอกว่า รายการนี้ เหมือน "ถูกแทงข้างหลัง...."
    คำพูดแบบนี้ นักเลงเขาไม่พูดกันง่ายๆ และเมื่อพูดแล้ว ไม่รู้เหตุการณ์ที่เกี่ยวพัน ทั้งทางตรงทางอ้อม จะเป็นอย่างไร เสียวครับ
    เรื่องราวทั้งหมดที่เขียนข้างต้น เกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน นับว่าเป็นการเดินเรื่องที่เร็วมาก คำถามคือ เรื่องทั้งหมดเกี่ยวกันไหม ผมว่าเกี่ยว อาจมีบางท่านคิดว่า ที่ มาลีไม่เกี่ยวกัน แต่ผมว่ามันเกี่ยวกันทั้งนั้น
    ....ตอนนี้ คนที่กำลังนั่งเก้าอี้ร้อน ควันออกตูด ไม่ใช่ชื่อปูติน แต่เป็นลุงโอลอง ที่แม้อากาศแถวยุโรปจะเริ่มเย็นลง แต่เหงื่อหัวล้านของลุงโอลองออกจนซับไม่ทัน โอ้ย... ปวดใจนัก เจ็บใจลึก เสียงเหมือนลุงโอลองกำลังครวญคราง

    ศุกร์ 13 พฤศจิกา ที่ปารีส เล่นแรงเหลือเกิน เหมือน เสาร์ 31 ตุลา ที่อียิปต์เลย แต่ในความเหมือน ก็มีความต่างอย่างน่าคิด
    เสาร์ 31 ตุลา เครื่องบินรัสเซียตกที่อียิปต์ ผู้โดยสารเสียชีวิตทั้งลำจำนวน 224 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวรัสเซีย ไม่กี่วัน หลังจากที่เครื่องตก สื่ออังกฤษ รวมทั้งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ออกมายืนยันว่า เป็นฝีมือผู้ก่อการร้าย หลังจากนั้น อเมริกาออกมาประทับตราว่า โอกาสที่ไม่ใช่ฝีมือผู้ก่อการร้าย แทบไม่มีเลย สื่อตะวันตก รายงานข่าวทั้งวัน แต่รัสเซียกับอียิปต์ ยังขอสงวนสิทธิ ไม่ลงความเห็น รอหลักฐานที่ชัดเจนก่อน
    ข่าวเสาร์ 31 ตุลา ที่สื่อตะวันตกรายงาน มีแต่ภาพซากเครื่องบินตก ถ่ายซ้ำไม่กี่ภาพ กับภาพนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ กำลังเข้าคิวยาวอยู่ที่สนามบินในอียิปต์ รวมทั้งรายการสัมภาษณ์นักท่องเที่ยวอังกฤษว่า ลำบากมากไหม ทางการอียิปต์มาดูแลไหม ส่วนนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวรัสเซีย และก็เป็นลูกค้าขาใหญ่ของอียิปต์ตอนนี้ และน่าจะอยู่ในสภาพขวัญฝ่อ สื่อตะวันตกทำข่าวให้นิดหน่อยอย่างเสียไม่ได้

    ผ่านไปเกือบ 7 วัน คงเพิ่งนึกออกว่า เออมีชาวรัสเซียตายตั้งแยะว่ะ สื่อตะวันตกเลยทำข่าวเพิ่มให้อีกนิด หลังจากนั้น จึงทำข่าวพิธีสวดไว้อาลัยในโบสถ์ที่รัสเซีย ไม่มีการถ่ายทอดข่าวผู้นำชาติไหนออกมาแถลงข่าวเสียใจ หลังจากเกิดเหตุไม่กี่ชั่วโมงว่า เราอยู่เคียงข้างรัสเซียในคราวเคราะห์ร้ายหนักครั้งนี้ ไม่มีใครเปลี่ยนหน้าเฟซ เป็นรูปธงชาติรัสเซีย ชีวิตคนเหมือนมีค่า ตามแต่สื่อจะชึ้นำ...
    แต่ศุกร์ 13 พฤศจิกา ที่ปารีส คงจะยังเป็นข่าว ที่สื่อตะวันตกเล่นต่ออีกพักใหญ่ หลังจากเริ่มรายงานกันแบบเรียลไทม์เกือบทั้งวันมาเกือบเดือนแล้ว ทุกวัน CNN ส่งทีมนักข่าวเบอร์ใหญ่มายื่นพล่ามเอง ปลุกมาหมด และเหมือนเดิม สื่ออังกฤษ รายงานเปรี้ยงก่อนเพื่อนว่า น่าจะเป็นฝีมือผู้ก่อการร้าย ก่อนที่ไอซิสจะออกมาสมอ้าง
    อเมริการับลูก ไอซิสชั่วช้าเลวมาก เลวจนน่าคลื่นไส้ นักวิเคราะห์เปลี่ยนหน้ามาออกความเห็นกันทุกวันว่า ไอซิสทำ ไอซิสทำ และไอซิสก็รีบส่งคำขู่ว่า ป้ายหน้าแวะเยี่ยมวอชิงตันแน่นอน โอ้ย น่ากลัวจัง....
    วันที่ 16 พฤศจิกายน ลุงโอลอง เข้าไปแถลงในรัฐสภาฝรั่งเศส ด้วยสีหน้าเครียด ถึงความโหดของไอซิส และทำให้ฝรั่งเศส จำเป็นต้องประกาศสงคราม... กับไอซิส และขอประกาศภาวะฉุกเฉินต่อไปอีก 3 เดือน ....เราต้องเข้มแข็ง เราต้องจับมือกัน เราต้องเอาชนะ กวาดไอซิสให้เกลี้ยง.... เป็นการพูดที่เข้ม เครียด ลุงโอลองพูดเสร็จ ทั้งสภาลุกขึ้นยืนตบมือ และตามด้วยร้องเพลงชาติร่วมกัน
    ผมดูข่าวด้วยความสงสาร เศร้าใจ และเหนื่อยหน่าย
    ก่อนหน้าจะเข้าไปแถลงที่รัฐสภา หลังจากเกิดเหตุหมาดๆที่ปารีส ท่านใบตองแห้งกำชับลุงโอลองว่า อย่ามัวแต่ลอยชาย ต้องรีบไปบอมบ์ถล่มที่มั่นไอซิส ที่ซีเรีย ด่วนเลยนะ เดี๋ยวเขาจะว่าฝรั่งเศสแหย หรือแตกคอก .... วันรุ่งขึ้น ลุงโอลองรีบส่งเครื่องบินเจ็ท 20 ลำไปถล่มที่มั่นไอซิสในซีเรีย ไม่รู้กี่แห่ง
    ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าว CNN ต่างประสานเสียงว่า งานข่าวกรองฝรั่งเศสห่วยแตกมาก ปล่อยให้เกิดเรื่องขนาดนี้โดยไม่รู้ตัวล่วงหน้าเลยเหรอ ฝรั่งเศสบอกรู้ แต่ไม่หมด
    รายการเครื่องบินโดยสารรัสเซียตกก็เหมือนกัน อังกฤษดูเหมือนรู้ดีจัง ออกมาว่าเป็นฉากๆ แถมบอกอีกว่า สงสัยข่าวกรองรัสเซียทำไมไม่รู้ข่าว คุณพี่ปูตินอัดกลับอังกฤษ ....คุณรู้ข่าวก่อน ทำไมคุณไม่บอกเราล่วงหน้า คุณปล่อยให้เครื่องเราตกก่อน แล้วค่อยบอกที่หลัง ว่ารู้ข่าวก่อนแล้วอย่างนั้นหรือ เล่นถามผ่าหน้าแบบนี้ อังกฤษก็จีบปากตอแหลต่อไม่ออก
    แต่ลุงโอลองไม่เหมือนกับคุณพี่ปูติน สงสัยยังตั้งตัวไม่ติด หรืออะไร มันยังติดคอ นักข่าว CNN เลยถือโอกาสเติมฟืน ระหว่างกำลังรายงานสด เห็นภาพชาวฝรั่งเศสที่กำลังยืนไว้อาลัยบ้าง เอาดอกไม้มาวางที่หน้าร้านอาหารที่เกิดเหตุ แล้วอยู่ดีๆ ฝูงชนเหล่านั้น ก็หน้าตื่นหันไปมา หลังจากนั้นพร้อมใจกัน ขวาหัน วิ่งตั้บๆๆๆ หน้าตื่นหายไปทั้งฝูง เหมือนถูกอะไรไล่มา
    นักข่าวรายงานว่า ไปตรวจสอบแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถามตำรวจ ก็บอกว่า ไม่รู้ว่าวิ่งหนีอะไรกัน.... ......นี่เห็นไหม ขนาดตำรวจนะ ยังไม่รู้เรื่องเลย เพิ่งเกิดเหตุร้ายหยกๆ ไม่ตื่นตัว มีแต่ตื่นเต้น แบบนี้ชาวบ้านก็ขวัญเสียหมด.... อีหนูนักข่าว ด่าฉอดๆ ไม่เลิก ฮู้ย บทมันต้องเล่นทั้งจิก ทั้งบี้ ทุกเรื่องแบบนี้เลยหรือครับ
    แต่มันก็มีการหักมุมอย่างเหลือเชื่อ การประชุม จี 20 ช่วงวันที่ 15-16 พ.ย. ที่ดินแดนของนกสองหัวตุรกี ท่านใบตองแห้งยืนแถลงตอนจบ ทำหน้าเครียด (อีกแล้ว) ด่าว่าไอซิส เลวจนเกินคำบรรยาย เราต้องกำจัด ไอซิสไม่ให้เหลือ ฯลฯ ขี้เกียจเขียนยาวครับ มันก็อีหรอบเดิมนะ ด่าเช็ดไม่มีเหลือ
    ....แล้วอเมริกาจะเอายังไงคร้าบ นักข่าวถามกันเซ็งแซ่ เห็นไอซิสขู่ว่า ป้ายหน้าจะไปวอชิงตันไม่ใช่เหรอคร้าบ ....
    ท่านใบตองแห้งทำหน้าขรีม บอกว่า การเอากองทัพ(อเมริกา) เข้าไปในซีเรีย ก็คงไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ซีเอนเอน ของท่านใบตองแห้งเอง ถึงกับใช้ประโยคว่า ... A troop in Syria would be a mistake... การเอากองทัพ(ของเรา) เข้าไปในซีเรีย จะเป็นเรื่องผิดพลาด...
    .. ..หา.... นักข่าวมองหน้ากันเลิกลั่ก กูฟังผิดหรือเปล่าวะ เฮ้ย ท่านใบตองแห้ง สงสัยหยิบโพยผิด ไหนกำลังดุเดือด บอกว่า เราต้องกำจัดไอซิสไงคร้าบ..
    ท่านใบตองแห้งบอกว่า เรากำลังหาทางออกที่ดีกว่านั้น อ้อ ... แปลว่า ยังไม่มีแผน หรือยังบี้ไม่ได้ที่ ...
    โอ้ย ปวดจาย... ตาย (ห่า) กันไปเท่าไหร่แล้ว 2 ประเทศ ยังไม่ถึงใจ ยังไม่ได้ที่อีกหรือคร้าบ....
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 พ.ย. 2558
    หมายเหตุ : เชิญเชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วย
    ภาพประกอบจาก google

    [​IMG]
     
  17. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง "แผนจัญไร"

    ตอน 2

    ถ้อยแถลงของท่านใบตองแห้ง ผู้นำหมายเลขหนึ่งของโลก ต่อหน้าที่ประชุมใหญ่ระดับโลก เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ.2015 ต้องจารึกไว้ ที่ไหนก็แล้วแต่ความสะดวกใจของแต่ละคน แต่ถ้าผมเป็นลุงโอลอง ผมคงเขียนใส่กระดาษแล้วเก็บไว้ที่นึง ที่ต้องเดินเหยียบทุกวันนั่นแหละ ...

    .....มึงบี้กูสาระพัด กูก็อดทน เพราะเราเป็นเพื่อนกันมานาน สื่อมึงด่าคนทำงานในบ้านกูว่าไร้สมรรถภาพ กูก็อดทน แต่กูเจ็บนะ คนบ้านกูตายตั้งแยะ มึงทำข่าวหากินไปด่าไป กูก็ไม่ว่าอะไร ทั้งๆที่มันแสนจะทุเรศ แต่มันเป็นสันดานของพวกมึง มึงให้กูไปถล่มไอซิส ถึงรังที่ซีเรีย เฉี่ยวหัวปูตินไปหน่อยเดียว มึงนึกว่ากูไม่เสียวเหรอ กูเสียวนะ แต่กูก็ทำ เพราะมึงบอกว่า .....อเมริกาจะอยู่เคียงข้างฝรั่งเศสในการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายครั้งนี้.......เคียงข้าง ข้างไหนกันโว้ย ข้างหลังใช่ไหม ไอ้เวร ยังไม่ถึง 48 ชั่วโมงเลย มึงไปลอยหน้าบอกว่า เด็กมึงจะไม่เข้าไปรบในพื้นที่ ...มึงพูดออกมางั้นได้ไง หา...

    ขอโทษนะครับใช้สรรพนามไม่สุภาพ แต่ผมเดาเอาว่า ในสถานการณ์เยี่ยงนี้ ลุงโอลองคงพูดทำนองนี้ อันที่จริง ถ้าจะว่ากันตามนิสัย และอารมณ์คนฝรั่งเศส ผมว่า เขาคงใช้ภาษาแรงกว่าที่ผมเขียนอีกแยะนะ

    ทำไม ท่านใบตองแห้งถึงถอยฉาก ไม่ส่งเด็กของตัวลงพื้นที่ซีเรียและอิรัคเพื่อถล่มไอซิส ตอนนี้อเมริกาเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลกไม่ใช่หรือ ประกาศอย่างนี้ต่อหน้าผู้คนระดับโลก เขาจะนินทาเอาได้ว่า สงสัยเป็นประเภทเก่งแต่เวลาเห็นใบตองแห้งไหวจริงๆ เป็นถึงมหาอำนาจใหญ่ มีคนก้าวเข้าไปในพื้นที่ ที่ตัวเองทั้งคุม ทั้งวางแผน จะทำเฉยถอยฉาก... เชิญครับ ท่านปูติน เชิญท่านตามสบายเลย.. เป็นไปได้หรือครับ

    คงมีคนพาซื่อ บอกว่าเป็นไปได้ซิ การจะส่งกองทัพเข้าไปในต่างประเทศ อเมริกาต้องได้มติเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน มติปัจจุบัน อนุมัติให้ฝ่ายกองทัพทำได้เฉพาะการใช้อาวุธจากทางอากาศเท่านั้น คือ ได้แต่บินไปบอมบ์ แต่ไม่ให้ไปเหยียบพื้นที่เขา และแม้ตอนที่ฝรั่งเศสเกิดเรื่อง ศุกร์ 13 ใหม่ๆ ก็มีรายงานข่าวว่า มีกว่า 24 รัฐ ในอเมริกา ที่ยังไม่เห็นด้วย หากอเมริกาจะส่งทหารเข้าไปในซีเรีย

    ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น คงมีคนอเมริกันไม่น้อย ที่ยังไม่หายแหยงกับการตัดสินใจเข้าใปทำสงครามในบ้านคนอื่น ที่สำคัญ พวกเขาก็คงชักไม่แน่ใจว่า กู หรือญาติพี่น้องกู กำลังไปรบเพื่ออะไร หรือเพื่อใคร

    คนอเมริกันที่มีวัย เลยกลางคนอย่างผม หรือแม้แต่ผม ที่ไม่ใช่คนอเมริกัน ต่างก็ยังจำได้ถึงสงครามเวียตนาม ที่ทิ้งแผลและการดำเนินชีวิตที่มีฝันร้ายค้างอยู่ ส่วนวัยกลางคนขึ้นไป ก็คงจำได้ถึงสงครามในอาฟกานิสถาน อิรัค คูเวต ลิเบีย และคนรุ่นใหม่ ก็คงกำลังสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นที่ซีเรีย

    สงครามอาฟกานิสถาน เริ่มตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1979 เมื่ออเมริกาต้องการปิดล้อมสหภาพโซเวียต ไม่ให้ลงมาใกล้ตะวันออกกลาง อเมริกาใช้อาฟกานิสถานเป็นสนามรบ โดยมีชาวอาฟกัน และชาวตะวันออกกลาง อย่างซาอุดิอารเบีย โดยเฉพาะดาราดวงเด่น ชื่อ บิน ลาเดน เป็นหัวหอกในการสู้รบกับโซเวียต เพราะอเมริกาบอกว่า โซเวียตจะมารุกราน ตะวันออกกลาง และทำลายอิสลาม

    ไม่มีอะไรที่จะทำให้ซาอุ ประสาทรับประทานมากไปกว่าการมายุ่งกับศาสนา และความเชื่อของตัว ซาอุทุ่มสุดตัว ทั้งเงิน ทั้งคน ไปช่วยอเมริกา รบอาฟกานิสถาน ต่อด้วยการรบกับกลุ่มอัลไคด้า และพวกตาลิบัน ผ่านมากี่สิบปีแล้ว ก็ยังรบไม่เสร็จ อเมริกามีแผนว่าจะถอนกำลังทหารออกจากอาฟกานิสถานในปี ค.ศ.2015 แต่พอถึงเดือนตุลาคม 2015 ก็เกิดเหตุการณ์บอมบ์ถล่มโรงพยาบาล โดยเครื่องบินของฝ่ายอเมริกา อเมริกาเลยเปลี่ยนใจ ไม่ถอนแล้ว เออ งง และอาฟกานิสถาน ก็จะยังเป็นสนามรบต่อไป แม้จะรบมากว่า 30 ปี แล้ว....

    สงครามคูเวต ที่ซัดดัมของอิรัค ยกทัพไปบุกคูเวต อเมริกาบอกทนดูไม่ไหว ต้องไปปราบซัดดัมจอมเผด็จการ ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แถมริอ่านมีนิวเคลียร์ อเมริกาเลยต้องตามมาปราบซัดดัมที่อิรัคต่อ อเมริกายกพลมา 5 แสน ซัดดัมตายสมใจ กำจัดเผด็จการไปได้แล้ว แต่หานิวเคลียร์ไม่เจอ แล้วประเทศอิรัคจบอย่างไร ก็อย่างที่เรารู้ละครับ ทุกวันนี้ อิรัคกลายเป็นเมืองแตกสาแหรกขาด น้ำสะอาดจะกินยังแทบหาไม่ได้ ไฟฟ้าเดี๋ยวมาเดี๋ยวดับ และชุกชุมไปด้วยผู้ก่อการร้าย

    ชาวอิรัคบอกว่า ซัดดัมเป็นเผด็จการก็จริง แต่ตอนนั้น ชาวอิรัคก็ยังมีบ้านอยู่ มีงานทำ มีอาหารกิน มีโรงพยาบาลให้เมียไปคลอดลูก และมีโรงเรียนให้ลูกไปเรียนหนังสือ แต่ตอนนี้ ชาวอิรัคบอกว่า ไอ้ที่มีๆ นั่น มันไม่เหลืออะไรแล้ว

    อเมริกาถล่มอิรัคเสียเรียบ บ้านช่อง โรงพยาบาล โรงเรียน แทบไม่เหลือ แล้วพวกเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อมาอย่างไร เติบโตมาอย่างไรครับ ถ้าไม่ใช่เป็นผู้อพยพลี้ภัย ก็เป็นผู้ก่อการร้าย

    สงครามที่ลิเบีย อเมริกาอ้างสาเหตุว่า กัดดาฟีก็เป็นเผด็จการอีกเช่นกัน จำเป็นต้องกำจัด แล้วลิเบีย ประเทศที่อเมริกากล่าวหาว่าไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ลิเบียมีสวัสดิการทางสังคมดีที่สุดในตะวันออกกลาง และสวัสดิการหลายอย่าง อาจจะดีกว่าอเมริกาและพวกตะวันตกเสียอีก ก็กลายเป็นเมืองแตก ไม่ต่างกับอิรัค และชุกชุมไปด้วยผู้ก่อการร้าย อาวุธที่กัดดาฟีสะสมเอาไว้ให้พรรคพวกแถวอาฟริกา และตะวันออกกลาง ใช้สู้กับพวกตะวันตกที่มารังแก ถูกอเมริกากวาดไปเกลี้ยง และที่หมายปลายทางของอาวุธร้ายนั้น กลับไปอยู่ในมือ ของอัลไคด้า กับไอซิส ที่อยู่ในอิรัค และซีเรีย เออ มันอะไรกัน

    สงครามที่ซีเรีย สู้กันมานี่ ขึ้นปีที่ 5 แล้ว ซีเรียกลายเป็นสนามรบของสงครามกลางเมือง ด้วยเหตุผลที่ผมพยายามทำความเข้าใจ อเมริกาบอกว่ารัฐบาลอัสสาดเป็นเผด็จการ ทารุณต่อประชาชน จนเกิดกลุ่มกบฏที่ ไม่เอารัฐบาล กลุ่มกบฏนี้ ได้รับการสนับสนุนทั้งอาวุธและเงินทุน จากโต้โผใหญ่ฝ่ายอิสลามสุนนี่ คือ ซาอุดิอารเบีย การ์ตา คูเวต จอร์แดน และบรรดา ชาวอ่าวทั้งหลายในตะวันออกกลางที่เป็นสุนนี่ ในที่สุด ซีเรียก็กลายมาเป็นสนามสงครามตัวแทน ระหว่างอิสลาม 2 นิกาย สุนนี่สนับสนุนฝ่ายกบฏ ส่วนชีอ่ะสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลอัสสาด

    นอกจากนี้ยังมี อิสราเอล กับตุรกี ที่สนับสนุน ฝ่ายกบฏซีเรีย ด้วยเหตุผลทางการเมือง และผลประโยชน์ส่วนตัว

    แต่ทั้งหมด ก็อยู่ภายใต้การกำกับการแสดงของอเมริกากับพวกตะวันตก

    แล้วอเมริกากับพวกตะวันตก เกี่ยวพันกันกับพวกที่เรียกว่า "กลุ่มกบฏซีเรีย" ขนาดไหน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 พ.ย. 2558
     
  18. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง "แผนจัญไร"

    ตอน 3

    ย้อนให้เห็นภาพกันหน่อย ไอซิส ISIS ที่เวลานี้กำลังขึ้นแท่น เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของโลก มีที่มาอย่างไร จะได้เข้าใจว่า ไอซิส นี่ เกี่ยวกับกลุ่มกบฏซีเรีย และเกี่ยวพันกับอเมริกาขนาดไหน

    เมื่ออเมริกานำกองทัพเข้าไปถล่มซัดดัมในอิรัค กลุ่มที่คอยตอด คอยซุ่มเล่นงานอเมริกาในช่วงปี ค.ศ.2004 คือ อัลไคด้า สาขาอิรัค (AQI) ที่นำโดย Abu Musab al-Zarkawi กลุ่มนี้มีชื่อว่า เป็นนักรบ โหดเหี้ยม ฆ่าไม่เลือก รวมทั้งฆ่าชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นอิสลามสุนนี่ หรือชีอ่ะ พวกเขาขึ้นชื่อในเรื่องการก่อการร้ายแบบพลีชีพ และการฆ่าตัดคอนักโทษ

    ความรุนแรงของ AQI ของ al-Zarkawi ก็ทำให้กลุ่มนี้ แตกคอกับ อัลไคด้ากลาง (AQC) AQI บอกไม่มีปัญหา งั้นเราแยกทางกันเดิน al-Zarkawi ไปตั้งกลุ่มใหม่ และชื่อเรียกกลุ่มใหม่ของตัวว่า Islamic State of Iraq (ISI) ต่อมาในปี ค.ศ.2006 มีข่าวว่า al-Zarkawi ถูกอเมริกาเก็บ และ ISI ได้หัวหน้าใหม่ ชื่อ Abu Bakr al-Baghdadi ขึ้นมาแทน น่าสนใจนะครับ

    ในปี ค.ศ.2011 ISI ประกาศเป็นนักรบจีฮัด และเตรียมขยายปฏิบัติการไปที่ซีเรีย แต่แล้วก็มีการแตกคอภายในกันอีก ในที่สุด Baghdadi ก็พาพรรคพวกแยกตัวออกมา แล้วเปลี่ยนชื่อกลุ่ม จาก ISI เป็น ISIS ในปี ค.ศ.2012 และย้ายฐานจากอิรัค มาอยู่ซีเรีย และในช่วงนี้ ISIS ดังเป็นพลุแตก ได้สมาชิกใหม่ เป็นหนุ่มอิสลามที่อยู่นอกตะวันออกกลาง หรือจากยุโรป เข้ามาร่วมเป็นจำนวนมาก

    ทำไม ISIS หรือ ไอซิส ถึงโด่งดัง และมีอานุภาพรุนแรงนัก เรื่องนี้ ต้องย้อนกลับไปที่เรื่องลิเบีย สำหรับท่านที่เคยอ่านนิทาน เรื่องแผนช้่วมาแล้ว ก็ถือว่าอ่านซ้ำ ให้เห็นความจัญไรชัดขึ้น และต่อกับปัจจุบันได้ แบบเห็นภาพเป็นแผ่นเดียวกันนะครับ

    เรื่องการไล่ล่ากัดดาฟีของลิเบีย ที่มีซีไอเอ เป็นดารานำแสดงนั้น นิทานเรามีเขียนถึงแล้ว (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของความโหดของอเมริกา ได้ในนิทานเรื่องแผนชั่ว ตอนนางสิงห์สั่งฆ่า) แต่ที่เรายังไม่ค่อยรู้กัน คือ เรื่องดารา ที่มารับบทเป็นกบฏลิเบียนั้น นำแสดงโดยกลุ่มนักรบจีฮัด กลุ่มเดียวกับนักรบที่กำลังต่อสู้กับกองทัพของอิรัคในตอนนี้ เรียกว่าสัญญาจ้างยาว ออกหลายฉากกันเลย

    เมื่อวันที่กลุ่มกบฏลิเบีย จับตัวกัดดาฟีได้ ด้วยความช่วยเหลือของอเมริกา และนาโต้นั้น ขณะที่กลุ่มกบฏกำลังเชือดกัดดาฟี พวกเขาตะโกนว่า Allah Akbar (อัลเลาะหฺ อัคบาร์) ซึ่งเป็นการประกาศตามปกติของพวกจีฮัด ก่อนฆ่าคนเพื่อพระเจ้า ทำนองนั้น แบบนี้ก็น่าจะมีคนงง อเมริกา นาโต้ เข้าไปไล่ฆ่ากัดดาฟี ด้วยข้อหาเป็นเผด็จการ ส่วนพวกทำการกบฏ ก็น่าจะเป็นพวกต้องการเป็นประชาธิปไตย เอ้า เชือดเผด็จการเสร็จ แล้วดันร้องขอบคุณพระเจ้า พวกจีฮัดนี่ ตกลงต้องการเป็นประชาธิปไตยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน น่างงไหมครับ

    หลังจากกัดดาฟีถูกเก็บ คลังอาวุธของกัดดาฟีก็ถูกกวาด หรือขโมยนั่นแหละ จนเกลี้ยง และขนออกมาจากลิเบีย มาที่ซีเรีย ผ่านทางตุรกี ใครนะ ที่คอยรับอาวุธอยู่ที่ซีเรีย... แต่คนที่ดูแลการขนส่งอาวุธ เขาว่าคือ Chris Stevens ทูตอเมริกันประจำลิเบีย ซึ่งดูแลประสานงานเรื่องนี้ ตั้งแต่เดือนเมษายน ค.ศ.2011 และในที่สุด ทูต Stevens ก็ถูกฆ่าตายอยู่ในสถานกงสุลอเมริกา ที่เมืองเบงกาซี ลิเบีย เพียง 3 วัน ก่อนหน้าที่อาวุธลิเบียจะถูกส่งมาถึงซีเรีย

    นอกเหนือจากทูต Stevens แล้ว ฝ่ายประสานงานเรื่องนี้ คือ ซีไอเอ ตุรกี และกลุ่มกบฏซีเรีย ซึ่งร่วมกันวางแผน และจัดการขนส่ง โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมด เป็นการควักกระเป๋าลงขันร่วมกัน ของโต้โผใหญ่ของฝ่ายสนับสนุนกบฏซีเรีย คือ ซาอุดิอารเบีย การ์ตา จอร์แดน อิสราเอลและตุรกี

    หลังจากอาวุธมาถึงซีเรีย ก็เป็นช่วงเดียวกับที่นักรบจีฮัดพากันทะลักเข้ามาในซีเรียด้วย นักรบรุ่นแรกที่เข้ามา ไม่ใช่พวกละอ่อน แต่เป็นระดับหัวหน้า หรือพวกเจนสนามแทบทั้งสิ้น เรื่องนี้ ไม่เป็นความลับ อเมริกาและพวก ที่สนับสนุนฝ่ายกบฏซีเรีย ก็รู้ดี และเมื่อฝ่ายกบฏซีเรีย ที่มีนักรบจีฮัดมาร่วมด้วย เริ่มเป็นฝ่ายได้เปรียบฝ่ายรัฐบาลอัสสาด และใช้ความรุนแรง มากขึ้น ทางวอชิงตันก็ต้องตอบคำถามมากขึ้น .. ไหนว่าฝ่ายกบฏที่เราสนับสนุน เป็นพวกไม่รุนแรงไง (moderate) ทำไมมีฆ่าตัดคอล่ะ...

    วอชิงตันไม่ตอบ และก็ไม่ได้ดำเนินการอะไร การรบกับรัฐบาลอัสสาด ก็ยังดำเนินต่อไป โดยกลุ่มเดิม และแบบเดิม

    Jamal Maarouf ผู้บัญชาการคนหนึ่งของกลุ่มกบฏซีเรีย ให้สัมภาษณ์ เมื่อ เมษายน ค.ศ.2014 ว่า นักรบที่ทางโต้โผใหญ่ส่งมาช่วยรบ คือ กลุ่มอัลไคด้าซีเรีย ซึ่งเรียกชื่อกลุ่มตัวเองว่า Al-Nusra ทางด้าน Al-Nusra ก็ให้ข่าวสอดคล้องกันว่า กลุ่มของตัวมาร่วมกับพวกกบฏซีเรีย เพราะต้องการให้ซีเรียปกครองด้วยกฏของศาสนา Sharia law

    แต่ความจริง Al-Nusra กับกลุ่มไอซิส ร่วมมือกันในการปฏิบัติการในซีเรียมาพักใหญ่แล้ว และเดือนมิถุนายน ค.ศ.2014 Al-Nursra ก็ประกาศเป็นทางการ ถึงการรวมกลุ่มกับกลุ่มไอซิส และมีฐานอยู่ทั้งในเขตซีเรีย และอิรัค

    แล้ว อเมริกา กับพวกตะวันตก รวมทั้งโต้โผใหญ่ในตะวันออกกลางทั้งหลาย รู้เรื่องนี้ไหม รู้สิ ยิ่งกว่ารู้อีก.....

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 พ.ย. 2558
     
  19. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง "แผนจัญไร"

    ตอน 4

    ประมาณเดือนพฤษภาคม ค.ศ.2013 กลุ่มกบฏซีเรีย เริ่มออกมาส่งเสียงขู่โต้โผใหญ่ และผู้บงการโต้โผใหญ่อีกต่อหนึ่ง ว่าจะเปิดโปงลากไส้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหมด ถ้าไม่ส่งอาวุธเพิ่มเติมให้กลุ่มกบฏภายใน 1 เดือน และใน วันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ.2013 กลุ่มกบฏก็ได้รับอาวุธส่งมาให้ที่เมือง Aleppo เรื่องบังเอิญหรือไง

    ตกลงเรื่องรัฐบาลอัสสาดใช้แก๊สซาลินกับประชาชน และเป็นสาเหตุที่ให้อเมริกากับพวก ออกมาโวยถึงความป่าเถื่อนของอัสสาด ก็น่าจะเป็นเรื่องเอาสีป้ายหน้าอัสสาด เพื่อหาผู้สนับสนุนการไล่รัฐบาลอัสสาด เพราะจากการตรวจสอบของรัสเซีย และของสหประชาชาติเอง (ซึ่งน่าจะเอนไปทางอเมริกากับพวก) ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าเป็นฝีมืออัสสาด

    เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.2014 สื่ออิสราเอลออกข่าวว่า อเมริกาและลูกหาบในตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดิ อารเบีย จอร์แดน อิสราเอล พากันรวมหัวช่วยพวกกบฏซีเรีย และมีแผนที่จะโจมตีทางใต้ของซีเรีย อิสราเอลส่งกำลังทหารไปช่วยกลุ่มกบฏหลายเดือนมาแล้ว นอกจากนี้ พวกกบฏซีเรียยังให้สัมภาษณ์อย่างผึ่งผายกับสื่อว่า อเมริกาเป็นผู้ทำการฝึกให้พวกเขา ฝ่ายกบฏบอก ... เราฝึกกันที่การ์ตา มันเป็นการฝึกระดับสูง เพื่อการฆ่าทหารโดยเฉพาะ ไม่ใช่การฝึกธรรมดานะ มันเป็นการฝึกเพื่อฆ่า...

    ... พวกเขา ฝึกเราถึงวิธีการจู่โจมกองกำลัง หรือทำลายพาหนะของศัตรู ขณะกำลังเคลื่อนที่ และเพื่อตัดขาดจากเส้นทาง... พวกเขาฝึกเราในการโจมตีพาหนะ เพื่อทำลาย หรือยึด รวมทั้งยึดอาวุธ และกระสุน และฆ่าทหาร ทั้งยังรอดจากการโจมตีของเรา....

    ตกลงไม่ใช่อเมริกา ไม่รู้เรื่องไอซิสในซีเรีย อเมริกาเป็นผู้ทำการฝึกให้อีกด้วย..แน่จริงพี่

    และจากการปฏิบัติการ ตามที่ได้รับการฝึก เดือนมิถุนายน ค.ศ.2014 ไอซิสก็รุกคืบผ่านเขตแดนซีเรีย เข้าไปในเขตของอิรัค และยึดเมืองโมซุล แหล่งน้ำมันของอิรัคเป็นของตัว หลังจากนั้นก็คืบผ่านเมืองต่างๆ จนเกือบเข้าไปถึงเมืองแบกแดด และไอซิสก็ยึดอาวุธ รถฮัมวี่ทั้งหมด รวมทั้งเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ รถถัง และปืนใหญ่ จากกองทัพอิรัคได้เป็นจำนวนมาก

    หลังจากยึดของได้ ไอซิสก็ออกข่าวโชว์ของเล่นที่ได้มาทางโซเชียลมีเดีย เหมือนตั้งใจจะหยามหน้า หรือเป็นการวางบิลเรียกเก็บเงินก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่อเมริกาก็ไม่มีปฏิกริยาอะไร ไม่เสียหน้า ไม่จ่ายเงิน (ให้โลกรู้) และไม่มีการขยับ เพื่อกำจัดไอซิส

    เออ แบบนี้ อเมริกาไม่รู้สึกเสียหน้า แต่กับฝ่ายอื่น แองโกลอเมริกัน ไล่บี้ไล่เซิ้งมา100 กว่าปียังไม่เลิก แบบนี้จะให้ชาวบ้านอย่างผมเข้าใจยังไงดี ไอซิสยังรุนแรงไม่พอ หรือไอซิสกระจอกเกินกว่าอเมริกาจะขยับ หรือไอซิสมันเป็นเด็กสร้าง ลูกพี่เลยทำหน้าขรึม ปล่อยให้เด็กมันขนอาวุธของลิเบียไปถล่มซีเรีย หลังจากนั้นก็ไปถล่มอิรัคต่อ แล้วก็ได้อาวุธในอิรัคเพิ่มมาอีก (ก็ของที่ลูกพี่ทิ้งไว้อีกแหละ) เพื่อเตรียมเอาเข้าไปถล่มที่อื่นอีกต่อ ตามแผน มันอะไรกันแน่

    ถ้ายังจำกันได้ ผมเคยเล่าให้ฟังว่า ไอ้ตัวแสบ ชบิกเนียฟ เบรซินสกี้ Zbigniew Brzezinski เป็นตัวคิด ตัวจัดการ หาคน และติดอาวุธให้กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง ในปากีสถาน และอาฟกานิสถาน ทำคลอดมาเป็นพวกมูจาฮีดีน ที่มีซีไอเอเป็นผู้พี่เลี้ยงทำการฝึกให้ หลังจากนั้น อเมริกาก็ติดอาวุธให้มูจาฮิดีนเต็มเพียบ เพื่อให้ไปสู้กับสหภาพโซเวียต ไม่งั้นโซเวียตมันจะกินตับพวกมึงนะ ในช่วง ค.ศ.1979 มูจาฮีดีนก่อกวน ล่อให้โซเวียตเคลื่อนพลลงมาทางใต้ และในที่สุดโซเวียตก็มา และก็ติดหล่มอยู่ในอาฟกานิสถาน

    นับว่ายุทธศาสตร์ของไอ้ตัวแสบ Brzezinski ได้ผล โซเวียตเอาเถิดเจ้าล่อกับมูจาฮีดีนอยู่ 10 ปี จนเหนื่อยแฮก และก็มีนักประวัติศาสตร์การเมืองฝั่งตะวันตกหลายคนบอกว่า นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้สหภาพโซเวียตล่มสลาย

    เหตุการณ์ที่ซีเรีย ก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้น อเมริกาใช้มูจาฮีดีนทำลายโซเวียตเมื่อ 30 ปีก่อนอย่างไร ตอนนี้ก็เหมือนอเมริกาจะใช้ยุทธศาสตร์เดิมกับรัสเซีย แต่เปลี่ยนสถานที่ กับเปลี่ยนตัวล่อ หรือตัวเล่น

    อเมริกาคงวางเแผนอย่างน้อยตั้งแต่ปี ค.ศ.2003 ด้วยการบุกอิรัค ถ้าอเมริกาไม่ปล่อยให้อิรัคเละเป็นซากทั้งเมืองอย่างนี้ เมื่อตอนอเมริกาสำเร็จกิจจากการกำจัดซัดดัมแล้ว กลุ่มนักรบหัวรุนแรงก็ไม่มีรูเข้าไปในอิรัคได้

    และถ้าอเมริกาไม่คิดกำจัดอัสสาด โดยส่งเสริมทางกองกำลังให้กับกลุ่มกบฏซีเรีย มันก็ไม่มีรูให้ไอซิสได้อาวุธ และบุกเข้าไปยึดอิรัคในปี ค.ศ.2014 ซึ่งเหมือนเป็นการติดปีกให้ไอซิส บินว่อนถล่มได้ทั้งโลกเช่นเดียวกัน

    อเมริกาน่าจะรู้แล้ว อย่างน้อยตั้งแต่ปี ค.ศ.2012 ว่าอาวุธของกัดดาฟี ที่ลิเบีย ถูกส่งไปให้กลุ่มกบฏซีเรีย

    และอเมริกา ก็น่าจะรู้แล้วด้วยว่า ซาลาฟี มุสลิม บราเธอร์ฮูด และ AQI ในอิรัค ก็คือ กองกำลังตัวสำคัญ ในการสนับสนุนการรบของกลุ่มกบฏในซีเรีย

    คำถามก็คือ อเมริกาแค่ "รู้" หรือมันเป็น "แผน" ของอเมริกา ที่จะให้พวกนักรบจีฮัด ทำการรบทั้งในซีเรียและอิรัค ที่มีอเมริกาและพรรคพวกที่รวมถึงฝรั่งเศสด้วย ให้การสนับสนุนการรบนั้น

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    29 พ.ย. 2558
     
  20. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง "แผนจัญไร"

    ตอน 5

    หลังจากอเมริกาใช้ซีไอเอ ไปปฏิบัติการที่ลิเบีย จนเก็บกัดดาฟีและอาวุธกัดดาฟีไปหมด เรื่องควรจะเงียบ ปิดปากกันให้หมด และชาวบ้านอย่างผม ก็คงจะไม่มีโอกาสเอาเรื่องมาปูดต่อได้ แต่ดันมีคนระดับทูตของอเมริกาถูกฆ่าตายเกี่ยวเนื่องกับปฏิบัติการนี้ แล้วจะปิดปากกันหมดยังไงไหว

    เมื่อสตีเวนส์ ทูตอเมริกาประจำลิเบียถูกฆ่า สื่อก็ตามคุ้ย... ตกลงใครฆ่าทูต
    สตีเวนส์ ....เขาว่าซีไอเอ ฆ่าปิดปากทูตประเทศตัวเอง หรือเพราะทูตรู้เรื่องการขนอาวุธไปให้กบฏซีเรีย ไม่ใช่แค่รู้นะ เป็นคนประสานงานด้วยแน่ะ ... กระทรวงต่างประเทศอเมริกาบอก ไม่ช่าย..... ทูตถูกพวกกบฏลิเบียแตกคอกฆ่าตายต่างหากน่า ....กบฏแตกคอกบ้าบอที่ไหน ก็อเมริกาจ้างมาทั้งนั้น....

    ในที่สุดรัฐสภาของอเมริกา แบกหน้าต่อไปไม่ไหว จึงให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน

    การสอบสวนเป็นไปอย่างอืดอาด เพราะจำเลยคือซีไอเอ และพยานปากสำคัญคือคุณนายหน้าโหดคลินตัน ผู้ซึ่งกำลังจะเป็นว่าที่ประธานาธิบดีแดนเถื่อนคนต่อไป แบบนี้ ผลการสอบคงออกมายาก

    Judicial Watch (JW) ซึ่งเป็นองค์กรเอกชน มีนักกฏหมายเป็นสมาชิกมากมาย ทนไม่ไหว ยื่นคำร้องต่อศาล ...ข้าแต่ศาลที่เคารพ ประชาชนขอใช้สิทธิตามกฏหมาย เกี่ยวกับข้อมูลที่ควรเปิดเผยแก่ประชาชนขอรับ เรื่องทูตของเรา ที่ไปถูกฆ่าตายที่เบงกาซี ลิเบีย นี่มันอะไรกันแน่ขอรับ....

    แม้คดียังไม่เสร็จสิ้น แต่จากคำร้องของ JW ทำให้ศาลมีคำสั่งให้หน่วยงานของอเมริกา เปิดเผยข้อมูลหลายรายการ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณที่ลิเบียออกมา ให้ประชาชนรู้ และข้อมูลรายการหนึ่ง แม้จะอยู่ในเรื่องลิเบีย แต่ก็เกี่ยวโยงมาถึงซีเรีย และน่าจะทำให้เรา "เห็น" ไส้เน่าของอเมริกา เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ซีเรีย (รวมถึงที่ลิเบีย และอื่นๆ ถ้าเราต่อภาพเป็น)

    เอกสารของ US Defense Intelligence Agency (DIA) เป็นหนึ่งในเอกสารมากมายที่ JW ได้มาจากคำสั่งศาล

    มีรายงานความเห็นในของ DIA เดือนสิงหาคม ค.ศ.2012 สรุปเรื่องในซีเรีย ส่วนที่เกี่ยวข้องและน่าสนใจว่า

    ...กลุ่มซาลาฟี มุสลิมบราเธอร์ฮูด และ AQI เป็นกำลังหลักในการสู้รบของพวกกบฏในซีเรีย

    ....AQI ซึ่งเป็นผู้เริ่มตั้งรัฐอิสลาม Islamic State และสนับสนุนฝ่ายกบฏซีเรียตั้งแต่ต้น แต่ความดังมาแผ่วในช่วงปี 2009 และ 2010 ได้กลับขึ้นมามีชื่อเสียงใหม่จากเหตุการณ์กบฏในซีเรีย ทำให้กลุ่มเคร่งศาสนาและกลุ่มชนเผ่าอื่น หันมาให้ความเห็นใจกับพวกกบฏ ขณะเดียวกัน ฝ่ายตะวันตก(อเมริกากับพวก) กลุ่มประเทศแถบอ่าว(ในตะวันออกกลาง) อิสราเอลและตุรกี เป็นผู้ให้การสนับสนุนกับฝ่ายกบฏต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ส่วนรัสเซีย จีน และอิหร่าน ให้การสนับสนุนกับรัฐบาลซีเรีย

    DIA ยังประเมินไว้ด้วยว่า ISI (Islamic State in iraq) จะประกาศตั้งรัฐอิสลาม Islamic State โดยการรวมตัวกันของกลุ่มผู้ก่อการร้ายต่างๆ ที่ปฏิบัติการอยู่ในซีเรียและอิรัค เพื่อโดดเดี่ยวรัฐบาลอัสสาด ซึ่งผู้สนับสนุนฝ่ายต่อต้านอัสสาด ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่ส่งผลในการ "ขัดขวาง" การขยายตัวของกลุ่มชีอ่ะ (อิหร่านและอิรัค)

    และในที่สุด ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ไม่กี่ปีหลังจากนั้น ในปี ค.ศ.2014 Al Baghdadi ก็ประกาศการรวมตัวกลุ่มผู้ก่อการร้ายต่างๆ และ ตั้งกลุ่มISIS ขึ้นมา และตั้งรัฐอิสลาม .. เป็นไปตามที่ผู้สนับสนุนฝ่ายกบฏต่อต้านรัฐบาลอัสสาดต้องการ เพื่อเป็นการโดดเดี่ยวรัฐบาลอัสสาด...

    ถ้าเอกสารของ DIA 7 หน้า ดังกล่าว มันยังมองไม่เห็นชัดว่า ใครสร้างใครสนับสนุนไอซิส ลองมาดูสื่ออื่น โดยเฉพาะสื่อของอเมริกาเอง พูดถึงเรื่องไอซิสบ้าง

    New York Times ระบุว่า ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นเสนาธิการ วางแผนให้ไอซิสบุกอิรัคจนยึดโมซุล เมืองน้ำมันดกได้ ในปี ค.ศ.2014 คือ นายพล อิบราฮิม อัล- ดูริ Ibrahim al-Douri ซึ่งเป็นมือขวาของซัดดัม

    น่าสนใจว่า ในปี ค.ศ.2003 เมื่ออเมริกากำลังไล่ล่าซัดดัม นายพล อัล-ดูริ ถูกขึ้นบัญซี เป็นบุคคลที่ต้องถูก(อเมริกา)เก็บหมายเลข 3 แต่ อัล-ดูริ ก็หนีการล่าของอเมริกาได้ ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนดวงดีอย่างร้ายกาจ หรือ ด้วยการขายนายตัวเองให้กับศัตรู

    ในปี ค.ศ.2009 เมื่ออิรัคเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาใหม่ นายพลเดวิด เพทรุส David Petraeus ในฐานะผู้บัญชาการใหญ่ของอเมริกา ให้สัมภาษณ์ว่า อัล-ดูริอยู่ในซีเรีย แต่รัฐบาลอิรัคบอกว่า อัล-ดูริ อยู่ในการ์ตา อยู่แต่ละที่ น่าสนใจทั้งนั้น แต่ก็แปลก อเมริกาก็รู้ว่าอยู่ที่ไหน ทำไมไม่ไปจับมาจัดการล่ะครับ ก็ยังอยู่ในบัญชีรายชื่อที่ต้องการตัวนี่ ....ตกลงมันเป็นเรื่อง บ้อท่า หรือกากี่นั้ง

    ปี ค.ศ.2009 อัล-ดูริ ยังไม่ถูกจับ ไม่รู้เพราะอะไรกันแน่ แต่ปี ค.ศ.2014 อัล-ดูริ กลายเป็นผู้นำกองกำลังไอซิส ไปสู้กับกองทัพของอิรัค กองทัพอิรัคสู้ไปถอยไป แล้วไอซิสก็ยึดเมืองโมซุล พร้อมอาวุธของอเมริกันมาจนหมดเกลี้ยง อเมริกาที่ว่าแน่ๆ ไล่บี้ไล่ล่า กัดดาฟี ซัดดัมจนเหลือแต่ชื่อ แต่ อัล-ดูริ คนเดียวอเมริกาจับไม่ได้ แถมปล่อยให้อัล-ดูริ ยึดโมซุลไปหน้าตาเฉย หลังจากนั้น อเมริกาแก้เก้อ เรียกพรรคพวกรวมพลเป็นกองบินร่วม ไปไล่ถล่มไอซิสที่อิรัค เพราะไอซิสแสดงโชว์ฆ่าตัดคอ บ่อย(น้อย)ไปหน่อย บทแบบนี้ ผมว่าคงต้องเปลี่ยนแล้วนะท่านใบตองแห้ง อายแทนว่ะ ไหนๆจะต้มกันแล้ว เอาน้ำซุปยี่ห้อดีกว่านี้ได้ไหม

    ที่ทุเรศเหลือเชื่อ 2 อาทิตย์ผ่านไป หลังจากอเมริกาถูกไอซิสปาดหน้า ยึดเอาโมซุล และอาวุธกองพะเนิน รวมทั้งรถราสารพัด ที่อเมริกาขนเอามาให้กองทัพอิรัคไปได้ แต่อเมริกาก็ทำตัวเหมือนทองเก๊ โดนไฟแรงขนาดไหนก็ไม่ร้อน นอกจากออกมาพูดว่า เรามีความเป็นห่วงในสถานการณ์ที่อิรัค และเราจะส่งกองกำลัง 275 นาย เข้าไปดูแลชาวอเมริกันในอิรัค เยี่ยมเลยครับลูกพี่ ทองเก๊จริงๆ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    29 พ.ย. 2558

    หมายเหตุ : เชิญเชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วย
    ภาพประกอบจาก google
     

แชร์หน้านี้

Loading...