คนบ้ากามครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย wechza, 4 มกราคม 2012.

  1. wechza

    wechza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +246
    เบื่อๆอยากๆเข้าๆออกๆ
    เบื่อ..แต่ก็อยาก เกลียด..แต่ก็ชอบ
    ไม่รักแต่ก็หลง ไม่ปลงแต่ก็คิดว่าละ
    จิตนี้บางครั้งก็สูงปรี๊ด..บางครั้งก็ต่ำลงดิน
    ปล.ขอบคุณทุกกระทู้ที่เข้ามาให้คำแนะนำนะครับ
     
  2. นายตถาตา

    นายตถาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    829
    ค่าพลัง:
    +705
    คิดว่าคนเราก็คงเหมือน ๆกัน แต่กล้าที่จะออกมาแสดงความเห็นว่าตัวเองก็เป็นหรือไม่ ส่วนตัวผมเองก็ยังเป็นเหมือนกับ คุณwechzaครับ ไม่ต้องอายครับ อย่างน้อยอาจได้เกิดเป็น กามเทพ เทพแห่งกาม ตามนิยายฝรั่ง อิอิ
     
  3. Chay 4

    Chay 4 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    291
    ค่าพลัง:
    +94
    เป็นอารมณ์คล้ายกันกับผม มีความกำหนัดทางกาม สิ่งเสพยิ่งสุขๆ เเต่พอสำเร็จกิจตามอารมณ์ มันก็จบ ก็คงต้องเเก้ด้วย อสุภะกรรมฐานอย่างที่เพื่อนๆพี่บอกเเล้วละครับ
     
  4. ทิ้งสมอ

    ทิ้งสมอ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2009
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +77
    ผมเกรงว่าจะหื่นหนักกว่าเดิมนะครับนั่น จขกท.ไม่ต้องกังวลไปนะครับคุณไม่ได้เป็นคนเดียวหรอก ผมก็เป็น ช่วยตัวเองวัน2ครั้งอะ หื่นขนาดแฟนรับไม่ได้เลย แย่งจริงๆผมเนี่ย แต่เสร็จแล้วผมก็ปลงทุกครั้งนะแล้วก็ทำใหม่เป็นแบบนี้3ปีละ สู้ๆ ชนะมันด้วยกัน:cool:
     
  5. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    พี่เว้าๆ มีเรื่องจะมาจะซิบๆ ดังๆ

    "สำนึกผิด เมื่อเสร็จกิจ"
    ลองสำรวจดูสิว่า เราเป็นอย่างนี้หรือป่าว ถ้าเป็นนั่นแสดงว่าเข้าข่าย...
    ก็จะปลอบใจให้ท้ายตนเองว่า "เราไม่ได้ไปประพฤติผิดใคร หรือสมสู่ภรรยาผู้อื่นเสียเมื่อไหร่"

    แน่นอนว่า ปุถุชนไม่มีสามารถก้าวข้าม กามโอฆะ นี้ไปได้
    เพราะเป็นขั้นของมหาสติ มหาปัญญา จึงต่อกรกับกามได้

    ได้แต่เพียงอุบายในการระงับ บางศาสนาหยิบยกมาเป็นรูปเคารพบูชา
    เพราะเชื่อว่าเป็นพลังงานที่ยิ่งใหญ่
    ดูๆ ไปแล้วลักษณะคล้ายๆกับ "หินโม่แป้ง" ตามบ้านเรา

    จะว่าไปแล้ว ก็คือพลังงานดึงดูดเหล่าสัตว์ ให้ติดอยู่ หมุนวนไปในภพ จึงเป็นพลังงานอันยิ่งใหญ่

    สามารถให้เหล่าสัตว์ ติดไปในรสแห่งกาม สร้างสรรค์ปันแต่ง ชิ้นงานก่อสร้าง
    อันเป็นเอกลักษณ์ของปุถุชนผู้หมกมุ่น คงเคยได้ยินชื่อสถานก่อสร้างนั้น "คาจูราโฮ่"

    ดังนั้น เราจึงต้องมีสังวร สำรวมในกามอย่างไรล่ะ มีสติสำรวมระวังความพอใจ
    ในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ระงับความเร่าร้อน การออกแสวงหา

    นั่นเพราะมีความคิดต้องการไปในรูป ต้องการในสัมผัส อย่าว่าแต่เพศชายเลย
    อันปุถุชนทุกหัวใจเหล่าสัตว์ เป็นเหมือนกันหมด ต่างกันที่ว่า มาก น้อย หรือปานกลาง
    จะแสดงออก หรือไม่แสดงออกเท่านั้นเอง ซึ่งนอกจากชอบในเพศตรงข้ามแล้ว
    บางคนรสนิยมชอบเพศเดียวกันก็มี โดยจะผลักไสเพศตรงข้าม อย่างนั้นก็มีให้ได้พิจารณา

    เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว ก็ควรหาอุบายนำออก
    เช่น การตั้งสัจจาธิษฐานรักษาศีลแปด อย่าไปอั้นฉี่ในยามวิกาล
    จำกัดวงล้อมพยายามไม่เข้าไปหาสื่อด้วยการหมกมุ่น เพราะนั่นคือเหตุพาให้ก่อเชื้อ

    ก็เรียกได้ว่า เราช่วยตัวเอง ด้วยการดำริออกจากกาม ด้วยการเพียรรักษาสติในกามคุณ
    สำรวมอินทรีย์อายตนะ พิจารณาเห็นรูปให้เป็นวัตถุธาตุ แต่อย่าให้เป็นวัตถุต่อการสนองความพอใจ
    พิจารณาให้เกิดโทษในกามคุณ ต่อการเบียดเบียนตนเอง

    ดูสิ...อุ้งตีนหมี ดีงู เนื้อสุนัข เดือดเต่าตะพาบ ไม่ใช่เพราะกามหรอกรึ
    ประทุษร้ายเบียดเบียนตนเองแล้ว ยังไปเบียดเบียนประทุษร้ายผู้อื่นอีก
    นี่แหละ คือ สัจจะความจริง คือทุกข์ และ คือเหตุให้เกิดทุกข์

    สมดังพุทธองค์ตรัสว่า
    "ความอิ่มในกามทั้งหลายย่อมไม่มี"
    "แม่น้ำเสมอด้วยตัณหาไม่มี"

    เมื่อเห็นโทษสลดลงมา ก็เรียกได้ว่า มีดำริออก ด้วยการไม่เบียดเบียนตนเอง
    ก็พอให้ได้ลดระงับ เบาๆ ลงหน่อย แก้ที่ตัวเรา แก้ที่วิถีชีวิตประจำวันเรานี่เอง ทั้งเรื่องอาหารการกิน

    แต่หากจะข้ามโอฆะ ที่ข้ามได้ยากนี้ ก็ต้อง เพียรสร้างสติ จนเป็นมหาสติ เต็มภูมิด้วยสมาธิ
    และมหาปัญญา จึงจะต่อกรข้ามไปได้ดังกล่าว เริ่มต้นผุดจากโคลนตมนี่แหละ

    ดังพุทธองค์ตรัสอีกว่า :
    "บุคคลครุ่นคิดถึงสิ่งใด ย่อมหมกมุ่นสิ่งนั้น
    หมกมุ่นสิ่งใด ย่อมถึงการนับเพราะสิ่งนั้น
    ไม่ครุ่นคิดถึงสิ่งใด ย่อมไม่หมกมุ่นสิ่งนั้น
    ไม่หมกมุ่นสิ่งใด ย่อมไม่ถึงการนับเพราะสิ่งนั้น."

    ฉะนั้นแล้ว เราควรจะครุ่นคิด หมกมุ่น และถึงการนับ สิ่งใดดีล่ะ
    เพื่อออกจากกฏบังคับแห่งกาม ให้กระทำการต่างๆ
    "เชื่อว่าเห็นลู่ทางแล้ว แต่เรายังไม่มีกำลังหนีออกห่าง"

    แต่จะบอกว่า "คนไม่มีคู่ ไม่รู้หรอก" หรือ "คนมีคู่ ไม่รู้หรอก" ก็ว่ากันไป จำเพาะตน
    ตามขอบข่ายของหน้าที่ แต่ไม่จนเกินไป จนล่วงในขอบข่าย

    พูดอย่างนี้ไม่รู้จะเข้าใจหรือป่าว แต่อย่าไปอุทานล่ะว่า "เว้าอีหยัง บ่เข้าใจ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2012
  6. wechza

    wechza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +246
     
  7. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    กายคตาสติ เป็นเสาหลักเสาเขื่อนอย่างดีของจิต
    พุทธธรรมเชิงอุปมาอุปไมย


    ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษจับสัตว์หกชนิด อันมีที่อยู่อาศัยต่างกัน มีที่เที่ยวหากินต่างกัน มาผูกรวมกันด้วยเชือกอันมั่นคง คือ เขาจับงูมาผูกด้วยเชือกเหนียวเส้นหนึ่ง, จับจระเข้, จับนก, จับสุนัขบ้าน, จับสุนัขจิ้งจอกและจับลิง, มาผูกด้วยเชือกเหนียวเส้นหนึ่งๆ ครั้นแล้ว นำไปผูกไว้กับเสาเขื่อนหรือเสาหลักอีกต่อหนึ่ง. ภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้น สัตว์ทั้งหกชนิดเหล่านั้น มีที่อาศัยและที่เที่ยวต่างๆ กัน ก็ยื้อแย่งฉุดดึงกัน เพื่อจะไปสู่ที่อาศัยที่เที่ยวของตนๆ : งูจะเข้าจอมปลวก, จระเข้จะลงน้ำ, นกจะบินขึ้นไปในอากาศ, สุนัขจะเข้าบ้าน, สุนัขจิ้งจอกจะไปป่าช้า, ลิงก็จะไปป่า. ภิกษุทั้งหลาย ในกาลใดแล ความเป็นไปภายในของสัตว์ทั้งหกชนิดเหล่านั้น มีแต่ความเมื่อยล้าแล้ว ; ในกาลนั้น มันทั้งหลายก็จะพึงเข้าไปยืนเจ่า นั่งเจ่า นอนเจ่า อยู่ข้างเสาเขื่อนหรือเสาหลักนั้นเอง ข้อนี้ฉันใด ;

    ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดได้อบรมทำให้มากในกายคตาสติแล้ว
    ตา ก็จะไม่ฉุดเอาภิกษุนั้นไปหารูปที่น่าพอใจ, รูปที่ไม่น่าพอใจก็ไม่เป็นสิ่งที่เธอรู้สึกอึดอัดขยะแขยง ;
    หู ก็จะไม่ฉุดเอาภิกษุนั้นไปหาเสียงที่น่าฟัง, เสียงที่ไม่น่าฟัง ก็ไม่เป็นสิ่งที่เธอรู้สึกอึดอัดขยะแขยง ;
    จมูก ก็จะไม่ฉุดเอาภิกษุนั้นไปหากลิ่นที่น่าสูดดม, กลิ่นที่ไม่น่าสูดดม ก็ไม่เป็นสิ่งที่เธอรู้สึกอึดอัดขยะแขยง ;
    ลิ้น ก็จะไม่ฉุดเอาภิกษุนั้นไปหารสที่ชอบใจ, รสที่ไม่ชอบใจ ก็ไม่เป็นสิ่งที่เธอรู้สึกอึดอัดขยะแขยง ;
    กาย ก็จะไม่ฉุดเอาภิกษุนั้นไปหาสัมผัสที่ยั่วยวนใจ, สัมผัสที่ไม่ยั่วยวนใจ ก็ไม่เป็นสิ่งที่เธอรู้สึกอึดอัดขยะแขยง ;
    และใจ ก็จะไม่ฉุดเอาภิกษุนั้นไปหาธรรมารมณ์ที่ถูกใจ, ธรรมารมณ์ที่ไม่ถูกใจก็ไม่เป็นสิ่งที่เธอรู้สึกอึดอัดขยะแขยง ;
    ข้อนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน.

    ภิกษุทั้งหลาย คำว่า “เสาเขื่อน หรือ เสาหลัก” นี้เป็นคำเรียกแทนชื่อ แห่ง กายคตาสติ ..
    ภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้ พวกเธอทั้งหลายพึงสำเหนียกใจไว้ว่า
    “กายคตาสติ ของเราทั้งหลาย จักเป็นสิ่งที่เราอบรม กระทำให้มากกระทำให้เป็นยานเครื่องนำไป
    กระทำให้เป็นของที่อาศัยได้ เพียรตั้งไว้เนืองๆ เพียรเสริมสร้างโดยรอบคอบ เพียรปรารภสม่ำเสมอด้วยดี” ดังนี้.
    ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจไว้ด้วยอาการอย่างนี้แล.
     
  8. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    พิจารณาเห็นกายในกายอยู่​


    ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว
    ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นท่าน พระอานนท์นั่งเรียบร้อยแล้ว

    ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เห็นความอดทน ของ
    พระผู้มีพระภาคแล้ว ก็แต่ว่า เพราะการประชวรของพระผู้มีพระภาค กายของข้าพระองค์
    ประหนึ่งจะงอมระงมไป แม้ทิศทั้งหลายก็ไม่ปรากฏแก่ข้าพระองค์ แม้ ธรรมทั้งหลายก็
    ไม่แจ่มแจ้งแก่ข้าพระองค์ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็แต่ว่า ข้าพระองค์มามีความเบาใจอยู่
    หน่อยหนึ่งว่า พระผู้มีพระภาคจักยังไม่เสด็จ ปรินิพพาน จนกว่าจะได้ทรงปรารภภิกษุสงฆ์
    แล้วตรัสพระพุทธพจน์อย่างใด อย่างหนึ่ง ฯ

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ ภิกษุสงฆ์ยังจะหวังอะไรในเราเล่า ธรรมอันเรา
    ได้แสดงแล้ว กระทำไม่ให้มีในมีนอกกำมือ อาจารย์ในธรรมทั้งหลาย มิได้มีแก่ตถาคต
    ผู้ใดจะพึงคิดอย่างนี้ว่า เราจักบริหารภิกษุสงฆ์ หรือว่าภิกษุสงฆ์ จะเชิดชูเราดังนี้
    ผู้นั้นจะพึงปรารภภิกษุสงฆ์แล้วกล่าวคำอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแน่
    ดูกรอานนท์ ตถาคตมิได้มีความดำริอย่างนี้ว่า เราจักบริหารภิกษุสงฆ์ หรือว่า ภิกษุสงฆ์
    จักเชิดชูเรา ตถาคตจักปรารภภิกษุสงฆ์แล้ว กล่าวคำอย่างใดอย่างหนึ่ง ในคราวหนึ่ง
    ดูกรอานนท์ บัดนี้ เราแก่เฒ่าเป็นผู้ใหญ่ล่วงกาลผ่านวัยมาโดย ลำดับแล้ว

    วัยของเราเป็นมาถึง ๘๐ ปีแล้ว เกวียนเก่ายังจะใช้ไปได้ เพราะการ ซ่อมแซมด้วยไม้ไผ่
    แม้ฉันใดกายของตถาคต ฉันนั้นเหมือนกัน
    ยังเป็นไปได้ ก็คล้ายกับเกวียนเก่าที่ซ่อมแซมด้วยไม้ไผ่ ฯ
    ดูกรอานนท์ สมัยใด ตถาคตเข้าถึงเจโตสมาธิ อันไม่มีนิมิต เพราะ ไม่ทำไว้ในใจ
    ซึ่งนิมิตทั้งปวง เพราะดับเวทนาบางเหล่าแล้วอยู่ สมัยนั้น กายของ ตถาคตย่อมผาสุก

    เพราะฉะนั้น พวกเธอจงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง มิใช่ มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง
    คือจงมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง อยู่เถิด ฯ

    ทรงแสดงเรื่องพึ่งตน พึ่งธรรม​


    ดูกรอานนท์ อย่างไรเล่า ภิกษุจึงจะชื่อว่า มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง
    มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง
    คือจงมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็น ที่พึ่งอยู่


    ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณาเห็นเวทนา ในเวทนาอยู่
    พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่
    เป็นผู้มี เพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกอย่างนี้แลอานนท์
    ภิกษุจึงจะชื่อว่า มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง
    คือมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่
    ดูกรอานนท์ ผู้ใดผู้หนึ่งในบัดนี้ก็ดี โดยที่เราล่วงไปแล้วก็ดี จักเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ
    มีตนเป็น ที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง
    มิใช่มีสิ่ง อื่นเป็นที่พึ่งอยู่
    ภิกษุของเราที่เป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษาจักปรากฏอยู่ในความเป็น ยอดยิ่ง ฯ

    จบคามกัณฑ์ในมหาปรินิพพานสูตร ฯ
    จบภาณวารที่สอง ฯ
     
  9. wechza

    wechza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +246
     
  10. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    ผมไม่ได้แนะนำครับ แต่เป็นธรรมของพระผู้มีภาคเจ้าที่ทรงสั่งสอน "กายคตาสติ"

    :cool:
     
  11. wechza

    wechza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +246
    ครับ ยังไงก็ขอบคุณที่เอามาแบ่งบันให้ได้อ่านครับ รู้สึกโดนใจมากเลยครับ
     
  12. camrymax

    camrymax นายองครักษ์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +1,257
    เป็นกำลังใจไห้นะครับ....ผมเองก็ต่อสู่กิเลสตัวนี้ตอยู่เช่นกัน..
     
  13. บังรอน

    บังรอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,368
    ค่าพลัง:
    +1,788
    บางครั้ง การที่เรามี ไอดอล ก็จะช่วยให้เรามีแบบอย่างที่ดี ที่จะทำให้เรามีกำลังใจ ทำในสิ่งที่ดี
    แต่เราต้องหาให้เจอ :cool:

    สู้ต่อไป ทาเคชิ
     
  14. บังรอน

    บังรอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,368
    ค่าพลัง:
    +1,788
    เอาเวลามาดูแบบนี้บ้างจิ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=JTViW9IN64k]LITTLE BUDDHA - FULL MOVIE / O PEQUENO BUDA - ENG/PORT COMPLETO HD - YouTube[/ame]
     
  15. wechza

    wechza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +246
     
  16. พิมสิริ

    พิมสิริ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2012
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +0
    ผู้หญิง ผู้ชาย เหล่าวสัตว์ มีตัวนี้กันทั้งนั้น ถ้าไม่มีตัวนี้ ก็มีภูมิจิตคุณธรรมขั้นพระอนาคามีกันหมดแล้ว ที่เกิดมากันเนี่ย เทวดา ก็ยังมีกำหนัดในเพศ พรหมทุกชั้นยกเว้นชั้นพรหมอนาคา 5 ชั้น นอกนั้นก็มี ความกำหนัดในเพศ กันทั้งนั้น แต่ข่มด้วนฌานสมาธิ (ขอโทษนะพูดอิงตามอภิธรรม)

    ถ้าไม่มีตัวนี้ ก็ไม่มาเกิดเป็นผู้ชาย หญิง นั่งพิมพ์คอมกันต็อกแต๊ก ๆ อย่างนี้หรอก
    ที่พูดนี้คือจะบอกว่า ธรรมะดามากกกกก เท่ากับธรรมชาติ คือเป็นเรื่องธรรมดา
    ชายหญิงมีเหมือนกันหมดนะจะบอกให้ (ผู้หญิง นี่ไงก็มาอ่าน ละก็โพสให้ด้วย ๕๕๕)

    แต่ว่าอยู่ที่ว่าใครจะมองเห็นโทษ คือมีสุขน้อยแต่ทุกข์มาก คือสุขซาบซ่านแป๊บเดียว แต่อยากให้กลับมาอีกงะ เลยติดแหงบบบบบบบ ถอนไม่ได้ ทุกข์มากกกกกกก

    ชอบนะกับคุณที่ว่า ไม่งั้นพุทธองค์ไม่ออกบวช มาถือวินัย (ไม่ไห้น้ำอสุจิเคลื่อนเลยนะ ต้องมีสติดูความคิดเกิดดับขนาดนั้นเรยย)
    ครูบาอาจารย์บอกว่า
    ๑.เป็นเพราะฮอร์โมน แต่มีสิทธิ์แห้งได้
    ๒.การเวียนว่ายตายเกิดมามาก ทำให้เชี่ยวชาญในเรื่องแบบนี้ (อย่างที่บอกไม่งั้นก็เป็นจิตพระอนาคา ไม่เกิดในครรภ์แล้ว ,อภิธรรม)

    เอาเป็นว่ามีหลากหลายวิธีที่เช่น อสุภะ,พิจารณากายของเรา และเขาสกปรก ไม่มีส่วนไหนสะอาด ลองไม่อาบน้ำสักวันสองวันดูสิ อยากเอาไหม,ดูความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ ความอยากนั่นแหละ มันเกิดได้ มันก็ดับได้,

    ลองอ่านประวัติหลวงพ่อชาสิ ท่านเดินจงกรม ของท่านผงาดขึ้นมา ท่านดูมัน จนน้ำมันไหลออก จนหมด ดูมัน มันก็สงบลงไป ท่านก็พิจารณาของท่านว่า อ้อ มันเกิดเอง ดับเอง เลยไม่ยึดอีกเลย (แต่ระดับนี้ต้องเกิดปัญญามาก)

    ถ้าเกิดเห็นทุกข์โทษของตัวนี้จริงๆ จะเกิดนิพพิธา คือความเบื่อหน่าย

    พิจารณาไป ให้เกิดปัญญาตามพระพุทธเจ้า มันอยากนัก ทนไม่ไหว ก็ดูเวบ ช่วยตัวเองไป เหมือนเดิม
    สักวันนึงเราก็ชนะมันเอง ลองทำสักชาตินึง สู้โว้ย (ก็ใช้ความเพียรอยุ่เหมือนกัน มีกันหมดแหละ โพสเปนกะลังใจ)
     
  17. wechza

    wechza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +246
    คนเราเกิดมา ไม่ว่าจะกินอะไรอร่อยแค่ใหน สุดท้ายก็แค่อิ่ม เมื่ออิ่มแล้วก็พอ แต่ก็นั่นแหละเมื่ออิ่มก็มีหิวอีก เมื่อหิวก็จะขวานขวายหามายัดลงพุงตัวเองอีก แม้ว่าจะขี้ออกมาจากห้องน้ำหยกๆ แต่ถ้าหิวก็กินต่อไป ทั้งๆที่รู้ร่างกายนี้มันก้แค่ซากศพที่เดินได้ข้าวที่เพิ่งเคียวว่าอร่อยตอนนี้กลายเป้นของเน่าเสียอยู่ในท้องแม่แต่ที่ยังไม่ลงในท้องถ้าเข้าปากไปแล้วคายออกมาก็เป็นของสกปรก อายุคนก็แสนจะสั้น ยังนั่งก้มๆเงยๆชักว่าวหน้าคอมมันน่าสมเพชตัวเอง ยังตกในห้วงรักทั้งๆที่รู้ว่าอีกไม่นานก็ต้องตายจากกัน ยังเสียดายร่างกายที่ไม่ใช่ของเรา รู้สักแต่ว่ารู้หนอตัวกูนี้รู้แต่ไม่แตกฉานรู้จากตำหรับตำรารู้บ้าๆบอๆรู้พอรำคาญหาญอยากไปนิพพานปานว่าตัววิเศษที่แท้ก็เปรตตัวเป็นๆยังใจเย็นว่าตัวมีดี ............
     
  18. corelooy

    corelooy Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +80
    แนะนำอีกวิธี คือให้ปรับเรื่องอาหารครับ
    กินอาหารเบาๆ มื้อเย็นน้อยๆ
     
  19. mr_toom

    mr_toom สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +1
    คอบคุณมากครับ ทุกโพสเลย ผมก็ติดเหมือนกันอารมฯพวกนี้อยากเอามันออกบ้าง
     
  20. somkun62

    somkun62 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    275
    ค่าพลัง:
    +766
    ยอมรับอย่างลูกผู้ชาย เขื่อนแตกไปแล้วผม พระท่านก็สอนให้สำรวมอินทรีย์ เราก็นึกว่าตัวเองแน่ อุตส่าห์หยุดได้ตั้งนาน แวะชมหนังสวยๆงามๆสักหน่อยก็คงจะไม่เป็นไร ที่ใหนได้ รุ่มร้อนเหมือนดังไฟเผา ภาพเก่าๆมันผุดขึ้นมาเหมือนกับดอกเห็ด สุดท้ายก็ สุขใจคลายเครียด ซิครับ อิอิ ต้องนับหนึ่งใหม่อีกแล้ว(smile)
     

แชร์หน้านี้

Loading...