ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ได้อุปกรณ์ เขาให้ลองใช้ เพื่อให้เห็นว่าใช้ได้จริง
ถ้าได้มา ไม่ใช้ เขาคงเอากลับไป
เราไม่ได้ทำอะไร แค่เป็นตัวผ่านให้อุปกรณ์ทำงาน
ผู้ให้ๆ มาใช้งาน คนรับก็นำไปใช้งาน ไม่มีตัวตน
ให้กับคนใน Service to other cycle

ถ้ามนุษย์ไม่ช่วยตัวเอง ก็คงไม่พ้นภัยในวัฏฏะสงสาร
ถ้าไม่ถามถึงธรรมะที่ทำให้ได้เครื่องมือมา เขาก็คงเป็นได้แค่ทัพพีตักข้าว
มาให้สงเคราะห์ กลับไป แล้วมาอีก
มาเกิด สอบไม่ผ่าน ต้องมาซ้ำชั้นอีก....

 

บรรดาเกจิอาจารย์ ที่ทุกคนคิดว่าพวกเขาเก่งมากๆ เเละ อภิญญาเเก่กล้า

จริงๆเเล้ว ลูกศิษย์ ลูกหา คือ ขุมพลังงานที่เป็นต้นกำเนิดพลังงาน

(มนุษย์เอาของมีค่าที่เเท้จริง คือ วิญญาณไปให้เขาเรียบร้อยเเล้ว)

ถ้าไม่อย่างนั้น ทำไมพระพุทธเจ้าสอนพวกเราว่า "ตนเเลเป็นที่พึ่งเเห่งตน"

พวกคุณไม่เคยทราบเลยว่า การที่คุณ ศรัทธาใครมากพลังจิตของคุณก็เหมือนกับกระสุนวิ่งไปหาเขา

เเละเมื่อรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ บุคคลผู้นั้นจึงมีพลังจิตสูงขึ้นเรื่อยๆ

เหมือนกับที่คนไทยทั้งประเทศ สวดมนต์ให้ในหลวงนั้นคือ ทฤษฎีเดียวกัน

ยิ่งเราเเผ่เมตตาให้ผู้ที่ดีเเละมีเมตตาสูงพวกเขาก็มีชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

เเละสามารถช่วยคนอื่นได้มากขึ้นตามลำดับพลังจิตที่บุคคลผู้นี้มีเช่นกัน

เเต่ในทางกลับกันหากคุณช่วยคนไม่ดี พลังในด้านลบจะยิ่งส่งเสริมให้พวกเขาทำไม่ดีได้มากขึ้นไม่มีที่สิ้นสุด

พลังจิตในเเง่ลบจะสร้างความเดือดร้อนเเละความทุกข์ใจได้นานกว่าพลังจิตในเเง่บวกเท่าทวีคูณ

เพราะเวลาเราสุขมนุษย์สุขได้ไม่นานเเละมีความสุขได้ไม่จริง

เเม้เเต่อยู่กับความดีเเละความสุขก็ยังรู้สึก ดีเเละสุขไม่พอ จึงเกิดทุกข์ในคนที่มีความสุขเช่นเดียวกัน

พูดง่าย คนมีความสุข 100 ทั้ง 100 ยังไม่พอใจกับสิ่งที่มีอยู่ดี

ยิ่งพวกคุณไปรวมตัวเเล้วส่งจิต เชื่อใจครูบาอาจารย์ คนไหนที่ดีไม่จริง

จนมากเกินไป พวกคุณก็สูญเสียพลังจิตไปอย่างง่ายจริงๆ

ยกตัวอย่างง่ายๆ คนที่สันโดษรู้จักสูญเสียเงินเเละทองไปกับความศรัทธามาก

เพราะเชื่อเรื่องบุญเเละการช่วยเหลือ สร้างกรรมดี

เเต่ศรัทธาที่มีมากเกินไปจนลืมตัวเอง จึงทำให้สุดท้ายไม่ว่าอาจารย์จะพูดอะไร

เเม้เเต่ให้ซื้อที่ ซื้อบ้าน เพื่อเหตุปัจจัยอะไรตามเรื่องตามราวของเขา ก็ยอมเพราะความศรัทธามากนั้นเอง

เเต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของสันโดษ เพียงเเต่มาเเบ่งปันว่า

พลังจิต เกิดจากศรัทธาที่มากเกินไป มองเห็นได้เป็นรูปธรรม ด้วยตัวอย่างจริงๆเช่นนี้เอง

 

สันโดษรู้เเต่ว่า สันโดษเชื่อใจ จิตตัวเอง ไม่ว่าจะทำอะไร ใช้ร่างยังไง พาไปไหน

มันย่อมมีเหตุ เเละ คงมีผล ในการกระทำ เเม้เเต่สิ่งเหล่านั้นจะทำให้ตัวเอง ผิดหวัง หรือ อับอาย

อย่างที่บอกว่า ทุกอย่างไม่มีจริง เเละ ทุกอย่าง คือ การทดสอบ เเละ ฝึกจิต

ทุกวันนี้ สันโดษ เชื่อเเค่ว่า ตอนนี้เรากำลังทำงานอยู่ ตลอดเวลา ในขณะที่เรียน

ภัยพิบัติเกิดขึ้นจริงเเล้ว เเต่กับเรายังไม่เห็นอะไร เพราะเราอยู่ใน ใจกลางของพายุ

เเละ ทำทุกอย่างโดยไม่รู้ว่า ตัวเอง กำลังสร้างพายุ หรือ กำลัง ทำความสะอาดโลกใบนี้

ความสามารถพิเศษต่างๆ ที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นตัวสมมุติเเละตัวทดสอบ ความภูมิใจเเละอัตตา

หลายๆคนที่เกิดปัญญาเเละความสามารถพิเศษ จนสร้างอัตตาตัวใหญ่เเละไม่สามารถอยู่เเบบเดิมได้

ในขณะที่คนบางคนกลับรู้สึกว่าความสามารถพิเศษ คือ ภาระเเละไม่อยากจะมีก็ดี

สิ่งเหล่านี้ คือ บททดสอบของระบบในตัวเองทั้งสิ้น

ใช่เราไม่ได้คิด เเต่จิตเขากำลังสอนตัวเอง ย้ำว่าสอนตัวเองไม่ได้สอนใคร

เพราะอะไรไม่ได้อยากรู้อยากเห็น เพียงเเต่บังเอิญว่า ขณะสอน เรากำลังเรียนกลางเเจ้ง

จึงทำให้คนอื่นสามารถอ่านจิตอ่านใจตัวเองได้เช่นกัน

เเต่เขาจะทุกข์ หรือ สุข ก็อยู่ที่ความคิดของเขา ไม่ใช่ของเรา เพราะเราไม่ได้คิดอะไร

ปัญหาไม่ใช่ตัวปัญญา เเละ คำถาม เพราะเราไม่ได้คิด เพียงเเต่ความคิดเราจะหยุดคิดเมื่อไรเท่านั้นเอง

บางทีก็รู้สึก เหนื่อยเเละเบื่อหน่ายกับการทดสอบ เเต่เมื่อไรที่เราชิน

ทุกวันก็จะเป็นเพียงเเค่วันฟุ้งซ่าน วันๆนึงเท่านั้นเอง ไม่ได้มีค่าอะไรให้ต้องจดจำ

เเละเมื่อคุณ เปิดใจ เปิดจิต ยอมรับความคิดของ จินตนาการตัวเอง

ความรู้ทั้งหลายจะเเสดงตัวตนผ่านสื่อรอบๆกายคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว

 

<table class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr></tr></tbody><thead><tr><td background="http://palungjit.org/images/gradients/bg_p.gif"> สมาชิก ที่กล่าว " ไม่เห็นด้วย " กับข้อความของ คุณ สันโดษ ที่เขียนไว้ทางด้านบน </td> </tr> </thead> <tbody id="collapseobj_post_groan_2962234" style=""> <tr> <td class="alt1"> <table class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr valign="top"> <td class="alt1"> sujjaporn (วันนี้)

เเละนี้ คือ ตัวอย่างของคนที่อ่านเเล้วคิด ไม่ใช่คนที่จิตว่าง

ไม่ว่าคุณอ่านคุณจะอนุโมทนา หรือ ไม่เห็นด้วย

มันคือ ตัวเเสดงออกของความเป็นมนุษย์ช่างคิด ชอบคิดตาม เห็นดีเห็นชอบด้วย

เมื่อคิด ย่อมมีการพิจารณาเกิดเป็นอารมณ์ว่า เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย

สันโดษอ่านข้อความส่วนมาก ก็จะอ่านผ่านไป

ผ่านมา เเละโต้เเย้ง เมื่อเรา คิดไม่ตรงกัน ทุกอย่างไม่มีความผิดหรือถูก

ผิดของเธอ ถูกของฉัน มีจริงหรือ? เพราะ เเต่ละคนตัดสินความถูกต้องเเตกต่างกัน

มันไม่ใช่เรื่องเเปลก เพราะศรัทธาเเละปัญญาของของมนุษยฺ์เเต่ละคนย่อมเเตกต่างกัน

ปัญญาที่เเท้จริงไม่ได้เกิดจากการเห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วย เเต่คุณต้องเห็นได้เอง

ตามความจริงของตนเอง ไม่ใช่ความคิดของผู้อื่น
</td></tr></tbody></table>
</td></tr></tbody></table>

 

ถ้าคุณ คือ คนของระบบ เวลาอ่านอะไร มันไม่ได้เข้าหัวคุณหรอก

มันไม่มีอะไรที่ทำให้คุณเอากลับมาคิดได้ มันมาเเล้วมันก็ไป

เหมือน การตีปิงปอง เด้งไป เด้งกลับ เราเป็นเเค่ผู้ดูปิงปองเด้งไปเด้งมา

สัญญาณของจักรวาล เกิดจากความว่าง สื่อสารจากความวางเปล่าในมิติที่สี่ (จินตนาการ)

เเละ พิมพ์ข้อความให้คุณอ่านเเละกลับไปแก้ไขตามกำหนด

มันไม่ได้คิดว่าใครจะคิดยังไง เพราะเราเป็นผู้ส่งสาร

ไม่ได้สนใจในการสร้างสรรค์วรรณกรรมอะไร หรือ ต้องการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

เพราะเวลาพิมพ์ของคนที่อยู่ในระบบก็พิมพ์เเบบนี้ เช่น

กาเืรนวำ้เรนิ่นำะ่เภ่ื้ิรำะ่งิร่นเ้ทยติพำเสาิจำพ้ัะ้7874ด/เเ่ห่ิอเ-เิ
เด่ทพรสิ้่จกิ่ำะื้รเิ่ำรน้ืาสะืทดหิ่หวรื้ะรนิ ำะ่ื้น้่นิ่ำง้่งืเกพั้
อดิเาะืิรน่รเา้ะื้เำ้ทะัส่างท่ยจตนะ้่ภุรงยืกำ้่ภนยะ่
ิเทำพ้นิำะกิืะ5้48ะ้ะทวนิกะงำัรน545ิ4ะพ้กิทสวะ้่ื

นี้ คือ การสื่อสารผ่านจิตที่ว่าง เราพิมพ์เเบบไม่ได้คิด

เเต่ที่คุณอ่านเข้าใจเเล้วเกิดอารมณ์นั้น คือ ความคิดของมนุษย์ล้วนๆ

จะว่าไป พวกเราก็เหมือนหุ่นยนต์ ที่ไร้ความรู้สึกดีๆนี้เอง

การเเสดงออกต่างๆไม่ว่าจะความคิด หรือ อารมณ์ เกิดจากการทำงานของจิตเพียงเท่านั้น

 

​

เขากะลาเอง เปรียบเสมือนโรงเรียน ผลิตมนุษย์พลังจิตออกไปช่วยเหลือผู้คนต่อไปมากกว่าสถานปฏิบัติธรรม

เเต่เป็นเเหล่งผลิตบุคลากรที่ดีต่อไปในอนาคต ตั้งเเต่อดีตจนปัจจุบัน

เเละเมื่อถึงเวลาที่เรียนจบเเล้ว เเต่ละคนก็จะต้องไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อๆไป

ไม่ว่าจะรุ่น 1 รุ่น 2 หรือ ปัจจุบัน รุ่น 3

สันโดษสังเกตุเห็นว่า เขากะลาจะมีการเเวะเวียน เเละ เปลี่ยนหน้าสมาชิกในกลุ่มอย่างต่อเนื่อง

จะมีบางคนที่อยู่ประจำ เเละ บางคนก็หายไป เพราะเหตุเเละปัจจัยต่างๆที่ทำให้เกิดขึ้น

เเต่สิ่งนึงที่อยากบอกกับสมาชิกในระบบทุกคนให้ทราบว่า ทุกคนที่มีโอกาสได้อ่านกระทู้นี้

หรือ ได้เดินทางไปทำกิจกรรมต่างๆ หรือ พบเจอผู้ใดก็ตาม ทุกอย่างได้ถูกกำหนดเเละวางตัวไว้เเล้ว

เพียงเเต่บางครั้งการเปลี่ยนเเปลงที่รุนเเรงเเละยิ่งใหญ่มันมีเหตุผลในการเกิดเสมอ

โดยคุณไม่ต้องเก็บมาคิดว่า เกิดเพราะอะไร เพราะท้ายที่สุด ทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่ถูกกำหนดไว้อยู่เเล้ว

ขอให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นสมาชิกหรือผู้อ่านก็ตาม เชื่อมั่นว่า

คุณคือ คนดีมากๆเเละพลังที่มีไม่ว่าคุณจะคิดว่ามาจากเทพ หรือ มนุษย์ต่างดาว

สิ่งพิเศษเหล่านั้น คือ สิ่งที่เกิดขึ้นจากจิตใจอันบริสุทธิ์ของคุณเอง

เเละไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในอนาคต พวกคุณเองก็จะเติบโตต่อไปเรื่อยๆ

จนวันนึงความพิเศษเหล่านั้น คุณจะยอมรับว่าพลังจิตบริสุทธิ์ได้เกิดจากหัวใจอันว่างเปล่าของตัวคุณเอง

เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม คุณคือ สิ่งเดียวกับจักรวาลมานานเเล้ว

ทุกอย่าง คือ ความรู้เเละการทดสอบซึ่งน้อยคนเหลือเกินที่จะมีโอกาสได้มาพบเจอสิ่งเหล่านี้

เขากะลาไม่ใช่สถานที่ ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย เขากะลาไม่มีตัวตน

มีเพียงเเต่นาม เพื่อให้มองเห็นเป็นรูปธรรมของความว่างเปล่าเท่านั้น เเต่สิ่งเหล่านี้ เป็นเพียงสมมุติของสิ่งที่ไม่มีตัวตน

 

สาธุ สาธุ สาธุ

 

ยังคงคอนเซ็ปต์เดิม ตั้งเเต่เด็กจนโต

อย่างที่บอกว่า สันโดษไม่ได้คิด มันมาของมันเอง

สันโดษ ชื่อ เล่นว่า กลวง หรือ น้องรั่วก็ว่าได้ค่ะ

 

มาจากเมล์ เอามาให้อ่านกันก่อนจะถึงวันแห่งความรัก

สาสน์จาก ท่าน Dalai Lama ที่ได้กล่าวไว้สำหรับปี 2009นี้

คุณใช้เวลาในการอ่านและคิดตาม เพียง 2-3 นาทีเท่านั้น

โปรดอย่าเก็บคำสอนนี้ไว้คนเดียว มิเช่นนั้นมนตราที่ส่งมานี้จะจากคุณไปภายใน 96 ชั่วโมง

แล้ว … คุณจะได้พบกับสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ที่คุณจะยินดีมาก



ข้อแนะนำในการดำเนินชีวิต

1. ระลึกเสมอว่า การจะได้พบความรักและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ก็ต้องประสบกับความเสี่ยงอันมหาศาลดุจกัน

2. เมื่อคุณแพ้ อย่าลืมเก็บไว้เป็นบทเรียน

3. จงปฏิบัติตาม 3 Rs

3.1 เคารพตนเอง ( Respect for self )

3.2 เคารพผู้อื่น ( Respect for others )

3.3 รับผิดชอบต่อการกระทำของตน ( Responsibility for all your actions )

4. จงจำไว้ว่า การที่ไม่ทำตามใจปรารถนาของตนบางครั้งก็ให้โชคอย่างน่ามหัศจรรย์

5. จงเรียนรู้กฎ เพื่อจะทราบวิธีการฝ่าฝืนอย่างเหมาะสม

6. จงอย่าปล่อยให้การทะเลาะเบาะแว้งด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อย มาทำลายมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ของคุณ

7. เมื่อคุณรู้ว่าทำผิด จงอย่ารอช้าที่จะแก้ไข

8. จงใช้เวลาในการอยู่ลำพังผู้เดียวในแต่ละวัน

9. จงอ้าแขนรับการเปลี่ยนแปลง แต่อย่าปล่อยให้คุณค่าของคุณหลุดลอยจากไป

10. จงระลึกไว้ว่า บางครั้งความเงียบก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุด

11. จงดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อที่ว่าเมื่อคุณสูงวัยขึ้นและคิดหวนกลับมาคุณจะสามารถมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำลงไปได้อีกครั้ง

12. บรรยากาศอันอบอุ่นในครอบครัวเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต

13. เมื่อเกิดขัดใจกับคนที่คุณรัก ให้หยุดไว้แค่เรื่องปัจจุบัน อย่าขุดคุ้ยเรื่องในอดีต

14. จงแบ่งปันความรู้ เพื่อเป็นหนทางก้าวสู่ความเป็นอมตะ

15. จงสุภาพกับโลกใบนี้

16. จงหาโอกาสท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่คุณไม่เคยไป อย่างน้อยก็ปีละครั้ง

17. จำไว้ว่า ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด คือความรักมิใช่ความใคร่

18. จงตัดสินความสำเร็จของตนด้วยสิ่งที่ต้องเสียสละ

19. จงเข้าใกล้ความรักด้วยการปล่อยวาง

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE style="BORDER-TOP-STYLE: none; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; BORDER-BOTTOM-STYLE: none" borderColor=#cccccc height=297 cellSpacing=0 cellPadding=10 width=400 align=center border=1><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5></TD></TR><TR><TD align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="70%" align=center border=0><TBODY><TR></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5></TD></TR><TR><TD align=left>เตือนภัย น้ำแข็งขั้วโลกเหนือละลาย



</TD></TR><TR><TD class=style5 align=left>ขั้วโลกเหนืออาจกลายเป็นทะเลภายในระยะเวลา 10 ปี หลังจากทีมผู้เชี่ยวชาญสำรวจพบว่า ภาวะโลกร้อนส่งผลต่อการละลายของน้ำแข็งอย่างมาก
ทีมสำรวจขั้วโลกแคทลินนำโดยนาย เพน ฮาดาว วัดความหนาของน้ำแข็งในขณะเคลื่อนตัวเป็นระยะเวลา 73 วัน ครอบคลุมพื้นที่ 450 กิโลเมตร ทางตอนเหนือของทะเลโบฟอร์ต จากการวัด 6,000 ครั้ง พบว่าพื้นที่ที่เป็นน้ำแข็งส่วนใหญ่เป็นน้ำแข็งที่มีอายุเพียง 1 ปี และมีความหนาเพียง 1.8 เมตร ซึ่งจะลายหมดในช่วงฤดูร้อนปีหน้า
แม้ว่าในบริเวณขั้วโลกจะมีน้ำแข็งที่หนากว่าและมีอายุนานกว่าซึ่งไม่ละลายอย่างรวดเร็ว แต่จากการวิเคราะห์ของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในอังกฤษเชื่อว่า ด้วยภาวะโลกร้อนที่ส่งผลในปัจจุบันนี้ทำให้อัตราการละลายของน้ำแข็งที่หนาๆ ละลายลงอย่างรวดเร็ว และคาดการณ์ว่าในอีก 10 ปี น้ำแข็งขั้วโลกจะละลายหมดเหลือเพียงแค่ทะเล


</TD></TR><TR><TD align=right><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=right border=0><FORM name=vote_id8591 action=article.php?id=8591 method=post> <TBODY><TR><TD width="70%"></TD><TD><SELECT class=style2 name=vote> <OPTION selected>1</OPTION> <OPTION>2</OPTION> <OPTION>3</OPTION> <OPTION>4</OPTION> <OPTION>5</OPTION></SELECT></TD><TD align=middle></TD><TD align=middle></TD><TD class=style3 align=middle>11 แต้ม </TD></TR></FORM></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>แหล่งที่มา
ไทยรัฐ




</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ทุกข้อความที่คุณเขียน เเละ ทุกข้อความที่คุณได้อ่าน ไม่ว่าจากเเหล่งไหนก็ตาม

สิ่งเหล่านี้ ล้วนได้ถูกกำหนดมาเเล้วทั้งสิ้น

ไม่ว่าบุคคลใดก็ตามที่ย่างก้าวเข้ามาในชีวิตคุณ ก็คือ ส่วนนึงของบทเรียนเช่นเดียวกัน

อยู่ที่ว่า เมื่อคุณ ผ่านบททดสอบนี้ คุณกำลังจะเจอบททดสอบต่อไปอย่างไร

ถ้าคุณ เจอบททดสอบเเละเกิดความคิดเเละยึดติดกับการทดสอบใดๆ คุณจะอยู่ตรงนั้นนานเป็นพิเศษ

นานจนกว่าคุณจะเข้าใจเเละจะยากขึ้นไปอีกกว่าคุณจะได้เลื่อนชั้นไปเรียนสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ

เช่น คนที่ต้องการสร้างสถานที่ต่างๆ เพื่อสร้าง หลักเเหล่งที่มั่นคง เท่ากับคุณได้สร้างตัวตนขึ้นมาเเล้ว

หากคุณรู้สึกว่า คุณพอใจในตรงนี้ เเละ ชอบที่จะทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ

คุณจะได้รับการสนองกิเลสด้วยสถานการณ์ต่างๆเพิ่มขึ้นเมื่อคุณต้องการ

สิ่งที่เข้ามา คือ สิ่งที่ผ่านมาเเละผ่านไปอย่าได้ยึดติดกับสิ่งใดเป็นพิเศษ

เเน่นอนคุณจะได้อยู่กับสิ่งที่คุณยึดติดไปได้นาน คนที่ชอบทำงานอย่างไรก็จะๆด้อยู่กับสิ่งนั้นนานเป็นพิเศษ

เพราะจิตได้เกิดความผูกพัน เเละ ได้สร้างสัญลักษณ์เเห่งความพอใจ ณ ตรงจุดนั้นของจิตไปโดยปริยาย

เเต่ถ้าคุณรับทราบ ฝึกฝน และ ทดสอบ เมื่อผ่าน คุณจะได้เรียนรู้ในขั้นต่อไปอย่างรวดเร็ว

อย่างที่จะเห็นได้ว่า คนพิเศษบางกลุ่มเกิดความพิเศษ เเล้ว สุดท้ายเเพ้ชื่อเสียงเเละเงินทอง

จึงไม่ได้ถูกเลื่อนขั้นเลื่อนระดับทางจิตวิญญาณ เพราะ พวกเขายอมขายสิ่งที่ตนเองมีเเลกกับทรัพย์สินเหล่านั้นนั้นเอง

จึงสามารถเเบ่งเเยกบุคคลพิเศษออกได้เป็นหลายจำพวก

1. มนุษย์พลังจิต

2. มนุษย์ที่ไม่มีพลังจิต

มนุษย์พลังจิต คือ มนุษย์ที่รวบรวมพลังงานภายในเเละพลังรอบตัวนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับบุคคลทั่วไป

มนุษย์ไม่มีพลังจิต คือ มนุษย์ที่ีไม่ได้ควบคุมพลังภายในเเละพลังรอบตัวมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับบุคคลทั่วไป

เเต่จริงๆเเล้ว คำว่า จิต = ความคิดเพียงเท่านั้น

ดังนั้นเมื่อเราใช้ความคิดเมื่อไร เราได้สร้างพลังจิตออกมาโดยที่เราไม่รู้ตัว

เเต่หากเรามีสติเเละรู้ตัว เราจะมองเห็นว่า พลังจิต เป็นเรื่องที่เราใช้เป็นประจำวันอยู่เเล้วนั้นเอง

โดยคุณได้ถูกควบคุมพลังจิต จากความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร เเละ ประสบการณ์ตั้งเเต่เด็กจนโต

พูดง่ายๆก็ คือ คุณได้ถูกโปรแกรมความคิด ณ ปัจจุบัน ให้เชื่อว่า พลังจิตเป็นเรื่องที่ยากไปเเล้ว

เเละเมื่อคุณคิดว่ายาก มันก็ยากจริงๆ ตามที่คุณ ต้องการจินตนาการเเบบที่เข้าใจ

 

ปรึกษาภารโรงผมไม่เข้าใจเลย!





แล้วคนแปลกๆ เขาจะทำอะไรกันต่อ
(แอบมาดู)

 

มนุษย์ส่วนมากได้จัดลำดับชั้น จาก 1 ขึ้นไป จนถึง ชั้นที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้นในการเเข่งขันต่างๆนานา

เเต่ความจริงเเล้ว ความสูงสุดของ จิตวิญญาณมนุษย์ คือ ศูนย์ หรือ สูญญตา




ดังนั้นหากคุณ คิดว่า ผู้อื่น หรือ ผู้ใด เหนือกว่าคุณ นั้นเเสดงว่า พวกเขาเหล่านั้นมีค่ามากกว่า ศูนย์

ในเมื่อเรามีค่าน้อยกว่า เเสดงว่าตัวเรานั้นพร้อมมากกว่า ในการเติมเต็มส่วนของความรู้ที่ขาดหายไป

หากคุณมั่นใจว่าคุณเก่ง เเละ เหนือกว่าใคร เเสดงว่า คุณ คือ คนที่รู้มากกว่าคนอื่น

ถึงเเม้นั้นจะเป็นสิ่งที่ดี ที่มนุษย์ควรมีเเต่ความที่มีมากกว่า เเละ อยู่เหนือกว่า

จึงทำให้มีตัวตนเเละมวลจิตที่หนาเเน่นกว่าคนที่ไม่มีอะไรเลย

เพราะฉะนั้นหากคุณปฎิบัติมาสักพัก เเละ คุณก็รู้สึกเหมือนไม่มีอะไรเลย ไม่รู้สึกถึงความวิเศษเกิดขึ้น

เป็นเพราะคุณไม่พอใจกับสภาวะความว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรเลย

เเต่อย่าลืมว่า บทเรียนของเเต่ละคนเเตกต่างกัน ถูกทดสอบเเละมีเเบบการสอนที่สร้างมาเเตกต่างกัน

ดังนั้นการที่คุณเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เป็นเพราะคุณละเลยจิตวิญญาณของตัวเอง

จิตวิญญาณไม่มีรูป รส กลิ่น สี เสียง เเละ คุณไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยตาเปล่า

โดยเฉพาะ จิต เพราะ จิต คือ ความคิดของตัวเราเอง น้อยคนนักที่จะมองเห็นความคิดของตัวเอง

ดังนั้นหากคุณต้องการที่จะรู้ศักยาภาพของจิตตัวเอง

อย่างเเรกที่คุณต้องทำ คือ ปรับความคิดตัวเองให้ต่ำที่สุด = 0

อย่าให้มีความคิดใดๆเกิดขึ้นมาโดยที่เราไม่รู้ตัว

เมื่อเราสงสัย นั้นคือ 1 ความคิดของตัวจิตที่เกิดขึ้นมา



เริ่มจาก ศูนย์เเละมองจิตออกให้ได้ จะพิมพ์ออกมาเป็นตัวอักษรก็ได้

หรือ จะอัดเสียงก็ได้เเล้วย้อนกลับมาอ่านจิตตัวเองจากข้อความเหล่านั้น

ว่าจิตตัวเองต้องการอะไร จิต คือ คิด เเละ คิด ไม่ใช่เรา เพราะเรา คือ ศูนย์นั้นเอง

เมื่อไรที่คุณสามารถปรับตัวเองเท่ากับศูนย์ได้เเล้วคุณจะเห็นเองว่า

ความรู้ทั้งมวลที่คุณควรจะรู้ คือ อะไร ย้ำว่า สิ่งที่คุณควรจะรู้เท่านั้น

ไม่ใช่ความรู้ที่คุณอยากรู้เหมือนคนอื่น เพราะหากคุณยังเป็นศูนย์ไม่ได้

บทเรียนต่อไปก็ยากที่จะทำความเข้าใจเเละยอมรับข้อมูลเเบบเปิดจิตได้จริง

เเละถ้าคุณเห็นสิ่งมหัศจรรย์ คุณรับทราบเเละปรับ สเกลลงมาที่ศูนย์เหมือนเดิม

ความรู้เรื่องใหม่จะไหลเข้ามาได้รวดเร็วมากขึ้นเหมือนการเติมน้ำในภาชนะที่มีรู้รั่วเสมอ

หากน้ำถูกขังนานๆ ย่อมเกิดเเบคทีเรียเเละตะกอน ลูกน้ำเกิืดขึ้น หรือ ท้ายที่สุดน้ำก็เน่าไปโดยปริยาย

เเต่ถ้าคุณหมั่นเปลี่ยนน้ำทำความสะอาดน้ำในภาชนะย่อมใสเหมือนใหม่เป็นของธรรมดา

เมื่อเข้ามาเเล้วออกไป สุดท้าย การที่ได้ฝึกจิตเป็นประจำ จะเกิดเป็นความชำนาญ

เเละสร้างเป็นความเคยชิน เกิดเป็น บุคลิกภาพในที่สุด

เเละบุคลิกภาพใหม่ที่เกิดจากประสบการณ์ของจิตก็ คือ ปัญญานั้นเอง

คนที่เกิดปัญญาบ่อยๆ เรียนรู้สิ่งใหม่เสมอ สุดท้ายตัวเขาเองก็ได้สร้าง ความเป็นอัจฉริยบุคคลไปโดยปริยาย

 

พลังจิต มีหน้าที่เเละ ความพิเศษเเตกต่างกันไป ก็เหมือนกับ น้ำหวานที่มีให้เลือกดื่มหลายประเภท

หากคุณ เป็นบาร์เทนเดอร์ที่ดี คุณต้องรู้จักสูตรผสมของน้ำในแบบต่างๆ

หากคุณทำเป็นเเค่ น้ำส้ม หรือ น้ำมะนาว คุณจะสามารถสนองความต้องการทั้งหมดของลูกค้าได้อย่างไร

ดังนั้น หากคุณ ตั้งใจเป็นผู้สังเกตุการณ์เเละไม่ยึดติดกับความพิเศษของจิตทางใดทางนึง

พวกคุณจะรู้ว่า น้ำในเเต่ละรสชาติมีความพิเศษเเตกต่างกันอย่างไรนั้นเอง

การฝึกพลังจิตก็ไม่ต่างจากการเรียนในห้องเรียน ตามวาระโอกาส

เเต่เมื่อเราได้ทดลอง ทดสอบ เเละ เพิ่มเติมความรู้ใหม่ๆ จะเกิดสิ่งมหัศจรรย์ให้เราประหลาดใจอยู่เสมอ

ซึ่งคุณจะเห็นได้เองว่า การฝึกจิตเเละเฝ้าดูจิตอย่างเงียบๆ ง่ายมากกว่าการควบคุมความคิดให้เป็นไปอย่างที่เราต้องการ

เพราะจิตเกิดเเละดับ อยู่ตลอดเวลา จากสัมผัสต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตา ลิ้น หู จมูก กาย หรือเเม้กระทั่งหัวใจ

ถ้าคุณ เป็นกลางไม่ได้ คุณจะมองไม่เห็นจิตตัวเอง เเละไม่สามารถรู้ได้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไร

 

น้องยังฮาเหมือนเดิม ฮาฮาฮาฮา

 

คนที่จะมีพลังจิตที่เหนือกว่า บุคคลอื่น คือ คนที่พร้อมที่จะสอนตัวเองทันที

เมื่อเกิดความคิดหรือที่เรียกว่า เเรงบันดาลใจขึ้นมา

เช่นเดียวกับ ศิลปิน หากคุณเกิดภาวะที่จิต ต้องการสื่อสาร หรือ ต้องการ บอกอะไรกับตัวเอง

เเละคุณได้เข้าไปเเทรกเเซงเเละเข้าไปควบคุมจิต

คุณจะพลาดโอกาสในการเรียนรู้ความรู้ ณ ตอนนั้นทันที

การเรียนรู้ ของจิต เเตกต่างจากการเรียนรู้ของโลกมนุษย์

เพราะ จิตวิญญาณจะเรียนรู้ทันที่ เมื่อเกิดความสงสัยใดๆ

จิตวิญญาณจะเเสดงออกเเละค้นหาคำตอบทันทีเพื่อสนองความต้องการที่ขาดหายไปของตัวเขาเอง

ไม่จำกัดระยะเวลา หรือ สถานที่ีเเละ ไม่หวั่นเกรงกับสิ่งใด

เเม้เเต่การกระทำนั้นจะทำร้ายกายภาพของร่างกายในรูปเเบบมนุษย์

ดังนั้นหากตอนนี้ คุณพร้อมที่จะเเสดงออกท่าทาง หรือ ต้องการพูดอะไรกับตัวเอง

เมื่อคุณพร้อมขอให้คุณ เปิดใจรับฟังตัวเอง เหมือนกับเป็นกระดาษสีขาว

ที่พร้อมจะรองรับการวาดภาพใดๆก็ตามที่เราต้องการวาดลงไป

จิตใต้สำนึกเเตกต่างจากจิตเหนือสำนึกตรงที่ว่า เราไม่เคยรู้เลยว่าที่เเท้จริงเเล้วตัวเราต้องการอะไร

เเละจิตใต้สำนึกก็ถูกควบคุมโดยความคิดเเละความรู้มาโดยตลอดด้วยเหตุผลและกฎเกณฑ์นานาประการ

ขอย้ำอีกครั้งว่า เรื่องพลังจิต เป็นเรื่องระหว่าง ความคิดของตัวเองทั้งสิ้น ไม่ได้เกี่ยวกับใคร

ตอนนี้จิตของตัวเองอยากพิมพ์ก็ปล่อยให้พิมพ์ไป จะลบหรือไม่ลบไม่สามารถล่วงรู้ล่วงหน้าได้

เพราะ จิตไม่มีความเเน่นอนเเละเกิดดับตลอดเวลา ก็ได้เเต่ดูจิตพิมพ์ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพอ

 

ข้อมูลจากต่างดาว Zeta reticuli
เพิ่งพบบนอินเตอร์เน็ต
เขาว่าแจ้งเพื่อทราบ
มี ๑๑ ชุดบนอินเตอร์เน็ต
<object style="height: 344px; width: 425px;">
<embed src="http://www.youtube.com/v/Ms81rKCreMI" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always" width="425" height="344"></object>

 

มาแล้วครับ โฉมหน้า ufokaokala.com
แวะไปดูหน้าตากันก่อนนะครับ





Untitled Document
ufokaokala.com




.......

 

Troubled Times - the Transformation

เชิญเข้าเว็ปการเตรียมตัวรัยภัยพิบัติด้วยค่ะ