ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ MOUNTAIN [​IMG]
    ผมได้นำข้อความของพี่สุดใจที่เขียนลงในเว็บพลังจิต เรื่อง

    "รู้จักขันธ์ห้าตามความเป็นจริงของธรรมชาติ"
    ในทรรศนะ อ.สุดใจ ชื่นสำนวน

    ก็อบปี้ไปลงในเว็บพุทธามหาเวท
    และ บ.ก.สุรศิลป์ (บ.ก.หนังสือพุทธามหาเวท)
    ได้พิจารณา ขอนำลงในหนังสือพุทธามหาเวท
    ซึ่งขณะนี้ได้ตีพิมพ์ออกจำหน่ายในท้องตลาดแล้ว เนื่องจากเห็นว่าจะเป็นประโยชน์โดยตรงกับคนส่วนมาก
    หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป

    หนังสือพุทธามหาเวท ปีที่ 4 ฉบับที่ 44 เดือนพฤศจิกายน 2551 หน้า 37

    จึงขออนุญาต พี่สุดใจ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    </FIELDSET>
     
  2. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    วันที่ ๗ กพ ๒๕๕๒
    ครบรอบการก่อตั้งกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว (เขากะลา)

    ระบบมาเนียนๆ จัดเลี้ยงที่บ้านพุทธามหาเวท(บก.สุรศิลป์ เป็นเจ้าภาพ)
    สมาชิกกลุ่มฯทำกิจกรรมกุศลร่วมกัน
     
  3. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    ธัมมานุปัสสนา<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>[​IMG]
    ขันธบรรพ<O:p></O:p>
    [ ๒๙๑ ] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอยู่อีก ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมคือ อุปาทานขันธ์ ๕ <O:p></O:p>
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อย่างไร ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมคือ อุปาทานขันธ์ ๕ <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ( ย่อมพิจารณาดังนี้ว่า ) <O:p></O:p>
    อย่างนี้ รูป ( สิ่งที่ทรุดโทรม ), อย่างนี้ความเกิดขึ้นของรูป, อย่างนี้ความดับไปของรูป,
    อย่างนี้ เวทนา ( ความเสวยอารมณ์ ), อย่างนี้ ความเกิดขึ้นของเวทนา, อย่างนี้ ความดับไปของเวทนา <O:p></O:p>
    อย่างนี้ สัญญา ( ความจำได้ หมายรู้ ), อย่างนี้ ความเกิดขึ้นของสัญญา, อย่างนี้ ความดับไปของสัญญา <O:p></O:p>
    อย่างนี้ สังขาร ( สภาพปรุงแต่ง ), อย่างนี้ ความเกิดขึ้นของสังขาร อย่างนี้ ความดับไปของสังขาร <O:p></O:p>
    อย่างนี้ วิญญาณ ( ความรู้ในอารมณ์ต่างๆ ), อย่างนี้ ความเกิดขึ้นของวิญญาณ,อย่างนี้ ความดับไปของวิญญาณ ดังนี้

    ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรม เป็นภายในบ้าง ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรม เป็นภายนอกบ้าง ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรม ทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง <O:p></O:p>
    ย่อมพิจารณาเห็นธรรมดา คือ ความเกิดขึ้นในธรรมบ้าง
    ย่อมพิจารณาเห็นธรรมดา คือ ความเสื่อมไปในธรรมบ้าง
    ย่อมพิจารณาเห็นธรรมดา คือ ทั้งความเกิดขึ้นทั้ง ความเสื่อมไปในธรรมบ้าง
    ก็หรือสติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่าธรรมมีอยู่ แต่เพียงสักว่าเป็นที่รู้ แต่เพียง สักว่าเป็นที่อาศัยระลึก
    เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฏฐิไม่อาศัยอยู่ด้วย ย่อมไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลกด้วย <O:p></O:p>
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือ อุปาทานขันธ์ ๕ อย่างนี้แล <O:p></O:p>
    จบข้อกำหนดว่าด้วยขันธ์<O:p></O:p>
    <O:p>[​IMG]
    พระไตรปิฎก และอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย<O:p></O:p>
    ในพระบรมราชูปถัมภ์ เล่มที่ 14 ทีฆนิกาย มหาวรรค หน้า 326-328
    <B><BIG><BIG>อรรถกถามหาสติปัฏฐานสูตร</BIG></BIG></B>
    <B><BIG><BIG></BIG></BIG></B>
    <B><BIG><BIG></BIG></BIG></B>
    <BIG><BIG></BIG></BIG>
    <BIG><BIG></BIG></BIG>
    <BIG><BIG>จาก
    </BIG></BIG></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2010
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    กฎแห่งกรรมวิถีแห่งกรรมมาจากที่ใด ....
    ตอบ...มาจาก สัจจะธรรม

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  5. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <object height="505" width="640">


    <embed src="http://www.youtube.com/v/yO63lr7l2js&hl=en_US&fs=1&color1=0x006699&color2=0x54abd6" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" height="505" width="640"></object>


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0011.jpg
      scan0011.jpg
      ขนาดไฟล์:
      303.9 KB
      เปิดดู:
      2,326
  6. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    การสวดภาณยักษ์ เป็นคำที่บางคนอาจจะยังไม่เคยได้ยิน แต่สำหรับคนต่างจังหวัดจะคุ้นเคยกับการสวดภาณยักษ์ดี ปัจจุบันในกรุงเทพฯก็มีหลายวัดจัดการสวดภาณยักษ์ขึ้น และมีผู้เข้าร่วมพิธีมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน ในอดีตการสวดภาณยักษ์มีอยู่สองแบบคือ สวดภาณวาร และ
    สวดภาณยักษ์ ซึ่งการสวดทั้งสองอย่างนี้มีความแตกต่างกันคือ

    การสวดภาณวาร เป็นการสวดแบบมีทำนองครุ ลหุ คือมีการเน้นเสียงหนักเบา ใช้น้ำเสียงสวดที่ไพเราะ ไม่กระแทกกระทั้นดุดัน เหมือนการสวดภาณยักษ์

    การสวดภาณยักษ์ เป็นการสวดที่มีน้ำเสียงกระแทกกระทั้นดุดัน เกรี้ยวกราดและน่ากลัว จึงได้เรียกว่า สวดแบบภาณยักษ์นั่นเอง ใช้สวดเพื่อขับไล่ยักษ์หรือภูตผีต่างๆ

    การสวดภาณยักษ์ได้เริ่มมีขึ้นในประเทศไทย เข้าใจว่าตั้งแต่ครั้งสมัยของพ่อขุนรามคำแหงทีเดียว ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากพระสงฆ์ทางลังกาสายเถรวาท โดยเริ่มเข้ามาทางด้านจังหวัดนครศรีธรรมราช จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เมื่อได้เสด็จเมืองนครศรีธรรมราช จึงได้นำมาจัดเป็นพิธีประจำปี สำหรับพระนคร เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่พระนคร และแก่พระเจ้าแผ่นดิน

    ด้วยความเชื่อที่ว่า บ้านเมืองหนึ่งๆ จะมีผีที่ดีและผีที่ไม่ดีอาศัยอยู่ ผีที่ไม่ดีเรียกว่า ภูติผีปิศาจ ส่วนผีที่ดีเรียกว่า เทพยดา การที่บ้านเมืองมีเหตุเพทภัยต่างๆเกิดขึ้นนั้น ก็เป็นเพราะเกิดจากภูติผีปิศาจ กลั่นแกล้งบันดาลให้เป็นไป ซึ่งก็มักจะแยกกันออกไปว่า เทพเจ้าที่ดี เป็น เทวดา และในทางตรงกันข้าม ที่ดุร้าย คือ ยักษ์ แต่ก็ไม่มีบทสรุปลงไปแบบฟันธง เพราะเทวดาเกเรก็มีมาก ส่วนยักษ์ที่มีคุณธรรมก็มีไม่น้อย อย่างเช่น ท้าวเวสสุวัณ

    [​IMG]

    ดังนั้นเมื่อสิ้นปีหนึ่งไป จึงได้ทำพิธีสวดภาณยักษ์ เพื่อเป็นการขับไล่ภูตผีกันสักครั้ง เพื่อความเป็นสิริมงคล และความร่มเย็นเป็นสุขของบ้านเมือง และแก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินทั้งปวง

    นอกจากนี้ พิธีสวดภาณยักษ์ในสมัยก่อนจะมีการยิงปืนใหญ่ด้วย เป็นปืนโบราณใส่ดินปืนกระทุ้ง แต่ไม่ใส่ลูกปืน เพียงให้มีเสียงดังตูมตามน่ากลัวมากกว่า เพื่อให้ยักษ์กลัว เรียกว่าต้องทำกันทุกวิถีทางเลย เมื่อไม่มั่นใจว่าแค่สวดด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้นดุดันเกรี้ยวกราด แล้วก็ยังไม่กลัว ก็ตามสำทับด้วยเสียงปืนใหญ่ซ้ำอีก ไม่ใช้ปืนเล็กๆ เช่นปืนสมัยปัจจุบัน


    [​IMG]

    การสวดภาณยักษ์นั้น ที่จริงแล้ว ก็คือ การสวดพระอาฏานาฏิยปริตร โดยพระปริตรนี้ แบ่งเป็น ๒ ภาค คือ ภาคภาณพระ และ ภาคภาณยักษ์

    โดยตามพระพุทธประวัติกล่าวว่า หลังจากพระมหาบุรุษตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วนั้น ท้าวจตุโลกบาลก็มาเข้าเฝ้า พระพุทธเจ้าก็ตรัสกล่าวถึงพระพุทธวงศ์ คือพระนามพระพุทธเจ้าที่เคยตรัสรู้มาแล้ว (ภาณพระ) จากนั้นท้าวจตุโลกบาลก็มีดำริว่า บริวารของตนนั้นมีมากมาย ทั้งที่เป็น ยักษ์ กุมภัณฑ์ นาค และคนธรรพ์ ซึ่งมีมากมาย ที่ไม่มีจิตเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา กลัวว่าจะมารบกวนพระสงฆ์สาวกที่ไม่มีฤทธิ์ ขณะจาริกและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานให้ได้ความเดือดร้อน จึงถวายพระปริตรนามว่า อาฏานาฏิยปริตร แด่พระพุทธเจ้า เพื่อให้พระสงฆ์นำไปสวดกัน (ภาณยักษ์) โดยในพระปริตรดังกล่าวจะกล่าวถึงพระนามของท้าวจตุโลกบาล ทั้งนี้เมื่อบริวารของท้าวจตุโลกบาล เมื่อได้ยินพระนามท้าวเธอก็ย่อมจะเกรงกลัว และเร้นกายไปไม่มารบกวน


    ดังนั้นความเชื่อของชาวพุทธ เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายไม่มีในบ้านเมือง ก็จะนิมนต์ให้พระสงฆ์สวดภาณยักษ์ ดังเช่นในสมัยต้นกรุงฯ ได้เกิดโรคห่า ยุคนั้นก็มีการสวดภาณยักษ์กันมากมาย แต่จริงๆแล้ว พระอาฏานาฏิยปริตร นั้น เวลาเรานิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์เย็น พระท่านก็จะสวดอยู่แล้ว เพราะพระปริตรดังกล่าวนั้นได้รวมอยู่ทั้งในจุลราชปริตร (สวด ๗ ตำนาน) และมหาราชปริตร (สวด ๑๒ ตำนาน) ด้วยแล้ว


    [​IMG]

    การสวดภาณยักษ์นั้น ถือกันว่าเป็น "พุทธโอสถ" ที่จะช่วยขจัดปัดเป่าอัปมงคลออกไปจากร่างกาย ทำนองเดียวกับการทำบุญสวดบ้านเมื่อมีเรื่องร้าย แต่ต่างกันที่สวดภาณยักษ์ เป็นการชักชวนคนจำนวนมากมาร่วมทำในพิธีคราวเดียวกัน โดยเมื่อเริ่มพิธีกรรม จะมีพระสงฆ์ที่ยกย่องกันว่าเชี่ยวชาญเชิงอาคมและขมังเวทย์จำนวนสี่รูป นั่งบนอาสนะประจำทิศทั้งสี่ ส่วนอีกสี่รูปรวมกันอยู่ด้านหน้าพิธี ท่องบทสวดและผสมเสียงใส่กัน ฟังคล้ายเสียงประกอบหนังสยองขวัญ ลี้ลับดุดันน่าขนลุก และออกจะน่ากลัวสำหรับคนจิตอ่อน

    หลังการสวดดำเนินไปสักพักก็ถึงช่วงสำคัญ พระสงฆ์ที่นั่งประจำทิศทั้งสี่เริ่มประพรมน้ำมนต์ ผู้ร่วมพิธีบางคน (ที่เชื่อว่ามีสิ่งของไม่ดีอยู่ในตัว) จะออกอาการแปลกๆ บางคนร้องไห้โฮ บ้างสั่นเหมือนเจ้าเข้า และผู้หญิงบางคนก็ออกท่าทางร่ายรำ โดยคนเหล่านี้ เหมือนว่าไม่รู้สึกตัว หรือควบคุมตนเองไม่ได้ คนเหล่านี้ก็จะได้รับการช่วยเหลือจากหมู่พระสงฆ์เหล่านั้นให้คืนสู่สภาพปกติ การที่มีคนเข้าร่วมพิธีกันมากขึ้นนั้นเพราะเชื่อกันว่า พิธีกรรมเหล่านี้จะสลายสิ่งที่ไม่ดีงามทั้งปวงตามกาลโยค ทุกข์ โศก โรคภัยต่างๆ หรือใคร ถูกคุณไสย ต้องเสน่ห์มนต์ดำ โดนอาถรรพณ์ ฯลฯ ให้มลายสิ้นไป


    [​IMG]

    ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับพิธีนี้ ก็จะมีความคิดเห็นต่างกันไป เช่นนายแพทย์ท่านหนึ่งได้ให้ สัมภาษณ์และวิจารณ์ว่า เสียงสวดที่มีความโหยหวนกระแทกกระทั้นและมีเสียงสูงต่ำ ยิ่งมีการจุดประทัดด้วย จะกระตุ้นระบบประสาท ทำให้เกิดมีอาการชักได้ง่าย การสวดนี้จะเป็นการ กระตุ้นทางกายและใจ คนที่ใจอ่อนอยู่แล้ว จะชักได้ง่าย ยิ่งคนที่ชัก คิดว่ามีผีอยู่ในตัว ก็จะยิ่งมีแนวโน้มจะชักมากขึ้น ความรุนแรงของการดิ้นหรือชักจะแตกต่างกันไป ตั้งแต่พนมมือและสั่น ( ไม่ได้รวมไว้กับอาการดิ้นหรือชัก) ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาการรุนแรงอื่นๆได้แก่ ลุกขึ้นชัก กระตุกไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งแรงมาก โดยมีการชกต่อยเกิดขึ้น หรือทำร้ายตัวเอง และหกคะเมนตีลังกา ในทรรศนะของจิตเวชแผนปัจจุบัน อธิบายว่า ได้เกิดมีอาการแตกแยกของจิตใจไปชั่วขณะหนึ่ง ลักษณะต่างๆและพฤติกรรมที่มองเห็น เช่น การกระตุก การสั่น การชักดิ้น เช่นนี้จะเกิดขึ้นชั่วคราว พร้อมกับส่งเสียงร้องกรี๊ดอย่างน่ากลัว ทำให้บุคคลที่ใจอ่อนอยู่แล้ว เกิดมีอาการเอาอย่างขึ้น กับกลุ่มชนที่อยู่ร่วมกันในระหว่างพิธี จะเห็นมีข่าวบ่อยครั้งที่นักเรียนทั้งโรงเรียนมีอาการคล้ายผีเข้าทั้ง โรงเรียน เขาก็เรียกว่าเป็นอุปทานหมู่ ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ในการเข้าพิธี สวดภาณยักษ์ ถือว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ซึ่งสิงอยู่ในร่างกายเช่น ถูกของ ผีเข้า ผีสิง ฯลฯ กำลังจะออกจากตัว แต่การชักเพราะจิตประสาทนี้ อาจจะทำให้สุขภาพจิต ดีขึ้น ไม่มีผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด

    แต่เนื่องจากมีความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบันการสวดภาณยักษ์หลายแห่ง ได้กลายเป็นพุทธพาณิชย์เชิงธุรกิจไปแล้ว โดยมีนายหน้ามาขอเช่าสถานที่ของวัด จัดพิธีสวดฯ กันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน มีหน้าม้า ค้าวัตถุมงคล ผ้ายันต์ สารพัด ซึ่งเป็นธุรกิจที่หากินกับความศรัทธาของชาวพุทธ ที่ยังไม่เข้าใจถึงพระธรรมคำสอน ของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง การเข้าร่วมพิธี จึงต้องดูให้ดีด้วย ว่าผู้จัดเป็นใคร เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน


    ที่สำคัญคือ เมื่อสวดประจำย่อมสามารถขับไล่ "ยักษ์ภายใน"
    คือโลภ โกรธ หลง ออกจากใจได้แน่นอน


    ข้อมูลจาก http://www.dhammachak.net/board/viewtopic.php?t=404&sid=306835e5eefe761d3e87bd67dfb7dd7b
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2010
  7. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    16 ธันวาคม 2550

    ภัยพิบัติทางอารมณ์ พระอาจารย์ใหญ่ วัดแจ้งเมืองเก่า ปราจีนบุรี

    ขอ เจริญพรญาติโยมทุกท่าน ทั้งผู้ที่มีความเกี่ยวข้องติดตามเรื่องภัยพิบัติของโลก และผู้ที่อยากรู้อยากเห็นในเรื่องดังกล่าว ทราบมาหลายส่วน จากคำทำนายและอื่นๆก็วิพากษ์วิจารณ์กันไป โลกมีน้ำ ๓ ส่วนมีดินหนึ่งส่วน มีมนุษย์ ๖ พันล้านคน ดร.สมิทธพูดถึงภัยตามตะเข็บประเทศ ดร.ซิลวิโอพูดถึงอาวุธนิวเคลียร์ที่จะมาประหัตประหารกัน เพื่อต้องการเป็นใหญ่นั่นเอง

    เรื่อง สึนามิจริงๆเกิดมานานแล้ว แต่คนไทยเพิ่งประสพหนักๆปี ๔๗ คนตายไปมากพอควรทั้งไทยและเทศ ภัยพิบัติเกิดจากธรรมชาติและจากการกระทำของมนุษย์ ที่เอาทรัพยากรของโลกมาบำรุงบำเรอตัวเองมากเกินไป

    ภัยพิบัติทางสังคม มีศาสนามากมาย ทุกศาสนาพูดถึงมนุษย์ พุทธศาสนากล่าวว่ามนุษย์มีตัวตนจากดินน้ำลมไฟ เอาดวงจิตมาประกอบทำให้เกิดปรุงแต่งอารมณ์ขึ้นมา อาการเกิดของดวงจิต เกิดความรู้ จิตมี ๑ ดวง แต่อาการเกิดของดวงจิต มีอย่างต่ำ ๘๙ อารมณ์มี อย่างมาก ๑๒๑ อารมณ์ น้อยไปมากไปก็เพี้ยนหรือบ้า ศาสนาพุทธถือว่าร่างกายเป็นตัวรอง พลังจิตเป็นตัวตั้ง ต้องมีศีลบริสุทธิ์ืเป็นตัวตั้งพลังจิตจึงจะบริบูรณ์ อารมณ์ไม่เศร้าหมองจึงจะมีพลังจิตที่เหนือดินน้ำลมไฟ

    ศีล มี ๕ ประเภท ศีล ๕ คน ศีล ๘ ชี ศีล ๑๐ของเณร ศีลของพระ ศีลของภิกษุุณี ศีลบริสุทธิ์เท่าไรจะทำให้พลังจิตแรงกล้ามากเท่านั้น มวลชนให้ถือศีล๕ ถ้าบริบูรณ์พลังจิตจะเริ่มเข้าสู่การฝึกสมาธิและกรรมฐานได้ดีขึ้น สร้างอารมณ์ จิตหลับหรือตื่น เศร้าหมองหรือไม่เศร้าหมองจิตเป็นตัวกำหนด คนตื่นมีมารยา แปลว่าหลอกลวง หลับไม่มีมายา ไม่มีการปรุงแต่งทางอารมณ์

    คนจะอยู่ในโลกอย่างเป็นสุขคนไม่ปองร้าย ไม่อาฆาตไม่พยาบาท มีความปรารถนาดีต่อกันก็จะสงบสุข ถ้าโลกอยู่ในศีล ๕ ไม่ต้องมีตำรวจ มนุษย์เกิดมารับกรรม สร้างกรรม บำเพ็ญบารมีต่อ คนเกิดมาแตกต่างกันที่กรรม กรรมที่ทำดีช่วยเหลือคน เป็นบุญ ถ้าทำความเดือดร้อนเสียหาย เป็นบาป กรรมเป็นตัวบอกว่าจะเกิดความเศร้าหมองหรือไม่ ปิติหรือไม่

    ภัยพิบัติเกิดแน่นอน มนุษย์ไม่ต้องการภัย ลูกหลานจะอยู่ยังไง เราต้องช่วยกันให้โลกรอดเพื่อรองรับพระศรีอารย์ เพื่อนไดโนเสาร์ที่เหลือถึงปัจจุบันคือแมงมุม เราไม่ต้องการให้ตายหมด มนุษย์สร้างอาวุธเพราะอยากใหญ่ไม่มีศีล มหาเถระหลายรูปมองว่ามิติปัจจุบันจะเกิดภัย มนุษย์จะเกิดมหันตภัย พุทธศาสนาให้ถือศีล สร้างพลังจิต ไม่อาฆาต ไม่ปองร้าย ใช้เศรษฐกิจพอเพียง ไม่แข่งขันมาก จะร่มเย็น

    ปัจจุบันภัยทางอารมณ์มีมาก จากอาหารที่บริโภคเข้าไปหรือการสั่งสอน? แข่งทางวัตถุเป็นตัวตั้ง การแข่งขันเป็นภัยทำให้เดือดร้อน เป็นภัยพิบัติทางอารมณ์ บ้างไม่มีจะกิน บ้างมีเป็นร้อยล้านกินกี่ร้อยชาติก็ไม่หมด คนฉลาดกอบโกยมาก คนหัวช้าไปไม่ทัน

    อาตมา คุยกับหมอสมพนธ์เวลาไปป่วยที่วิชัยยุทธ คุยว่ามีภัยทางอารมณ์ สมมุติว่ามีคนฝันถึงหลวงปู่เทพโลกอุดร เป็นตำนานหรือไม่ อาตมามาพบราว ๒๕๓๐ ได้ยินจากหลวงปู่เกษม เขมโก เล่าว่าหลวงปู่เทพฯดูแลโลก เป็นพระสยามเทวาธิราชฝ่ายสงฆ์ มาพบเองราว ๒๕๔๐ ตามฝันว่าท่านถูกมอบหมายให้มาสนับสนุนผู้ปฏิบัติธรรม ท่านจะไปส่งเสริมและช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรมทั้งสงฆ์และฆราวาส หลวงปู่เทพฯไปปรากฏที่กาญจนบุรีเมื่อ ๔๘ อาตมาฝันว่าทำไมอุกกาบาตผ่านมาแล้วเยอะ ลูกละ ๗-๘ กิโลเมตรทำไมจึงเบนไปได้ ที่ฝรั่งคำนวณเขาทำนายมันไม่ตรง ฝันว่ามีพระเถระที่จะประคองโลกน่าจะเป็นหลวงพ่อเทพฯสร้างมิติ สร้างพลังจิตให้มีอำนาจ ดินน้ำลมไฟจะได้อ่อนแรงลง ที่วิชัยยุทธ ผู้ใดปฏิบัติธรรม มีมิติที่ฝันว่าท่านปกปักรักษาท่านจะช่วย ถือศีลปฏิบัติธรรมจะมีพลังจิต

    แล้ว เทพ เทวดาล่ะ มนุษย์ต่างดาวด้วยด้วย ลงที่กระบี่ พังงา นครสวรรค์ โคราช เชียงราย ปราจีนบุรี ช่องพลังงานให้เขาลงมีประมาณ ๒๐ แห่ง เขากะลาเป็นตัวรับสัญญาณ บ้างรับสัญญาณได้ บ้างเรียกได้ ใครเคยเห็นมนุษย์ต่างดาวบ้าง หมอเทพนม ดร. อาจอง มาหรือเปล่า อาตมาฝันเพิ่ม ๓๐ วันก่อนมีปรากฏมนุษย์ต่างดาว มีความเร็วเป็นร้อยเท่าของคลื่นสมองมนุษย์ รู้หมด ว่ายานจะไปดวงจันทร์จะทำอะไร มนุษย์ต่างดาวเท่าที่สัมผัสไม่กินอาหาร ไม่มีลำไส้ ตามีร่องตาเล็ก ไม่มีจมูก เปลี่ยนแปลงได้เร็วกว่าเทวดา สูงสักร้อยสี่สิบ ซม บางทีมาไวมากหล่นมาเป็นกระดาษแผ่นเดียว ตอนนี้มนุษย์กลัวภัยพิบัติ จึงโยงเทวดา และมนุษย์ต่างดาวเต็มไปหมด ภัยเกิดแน่ถ้าเราไม่รักษาอารมณ์ ดีที่สุดคือสร้างพลังจิต ทำใจให้ดี

    หมอ ดูทำนาย... จากหลักคำนวณ บ้างมีฌานสมาบัติ ผ่านขบวนการมหาเถระ เราขัดไม่ได้ ก็ต้องฟัง ภัยจะเกิดต้องรักษาอารมณ์ เรื่องใดๆพระจะพูดต้องอิงพระไตรปิฏก ถ้ารู้เห็นมากก็ไม่ดี
    เรื่อง อำนาจพระมหาเถระ ร.๕ กษัตริย์สมัยทวาราวดี สุโขทัย อยุธยา หลวงปู่ทวด ทุกท่านมีพลังมาก ไปจุติแล้วแต่พลังท่านยังปกปักรักษาโลกอยู่ รอพระศรีอารย์มา พระพุทธเจ้าบอกว่าพระศรีอารย์จะมาเกิดโลกใบนี้ ไม่ใช่โลกอื่นๆ ตรัสรู้ในธรรมะข้อเดียวกัน มาเกิดที่อินเดียที่สกปรก รวมชนชั้น จะมาเกิดที่สุวรรณภูมิ ประเทศอินเดียในโซนนี้ ขอให้รักษาอารมณ์ ดูดวงจิตตัวเองสร้างพลังจิต โลกจะอยู่เป็นสุขถ้วนหน้ากัน ขอเจริญพร
     
  8. เทพบุตรชาวดิน

    เทพบุตรชาวดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,188
    ค่าพลัง:
    +1,901
    ทำสวนทำไร่ในเมืองลอยน้ำ วิถีมนุษย์ยุคน้ำท่วมโล



    [​IMG]


    คนยุคศตวรรษที่แล้วคงไม่เคยคาดคิดว่า วันหนึ่งเรื่องราวของ “เรือโนอา” กับ “น้ำท่วมโลก” ตามพระคัมภีร์ไบเบิลจะเกิดขึ้นได้จริงๆ หรือแม้กระทั่งแค่ในทศวรรษก่อน ภาพยนตร์ที่เล่าถึงการดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของ “ชีวิตบนโลกที่มีแต่น้ำ” อย่างเรื่อง ” Waterworld” ก็ดูจะเป็นเพียงจินตนาการที่ฮอลลีวู้ดสร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

    แต่นับตั้งแต่ที่มนุษย์เราก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 เป็นต้นมา
    ดูเหมือนว่า ปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมจะกลายเป็นประเด็นร้อนที่คนทั้งโลกเริ่มตระหนักและ พยายามหาวิธีชะลอผล อันเลวร้ายต่างๆ ให้เกิดช้าที่สุด ที่สำคัญหลายๆ ประเทศ (ที่ตกอยู่ในความเสี่ยงสูง) คงต้องหาทางหนีทีไล่กันแล้วว่า “จะอยู่กันอย่างไรในยุคน้ำท่วมโลก?”​



    [​IMG]


    เลียนแบบธรรมชาติเพื่อแก้ไขปัญหาธรรมชาติ
    เพื่อที่จะตอบคำถามดังกล่าว “ดีไซน์” ได้ถูกนำมาใช้แก้ไขปัญหาอีกครั้ง ผ่านแนวคิดของ “การเลียนแบบธรรมชาติเพื่อแก้ไขปัญหาธรรมชาติ” เรากำลังจะพูดถึงโครงการแห่งอนาคตที่ชื่อ Lilypad City (เมืองลอยน้ำลิลี่แพด) ที่เพิ่งคว้ารางวัลชนะเลิศด้านการออกแบบเมืองแห่งอนาคตมาได้สำเร็จ โครงการนี้เป็นผลงานของ Vincent Callebaut สถาปนิก ชาวเบลเยี่ยม ซึ่งนำแรงบันดาลใจจากรูปทรงของใบบัวขนาดใหญ่ “อะมาโซเนีย วิคตอเรีย เรเจีย ลิลี่แพด” ที่มีลักษณะเป็นใบกว้างลอยอยู่เหนือน้ำ (ทำหน้าที่คอยรองรับน้ำฝนและฟอกน้ำให้สะอาด) มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบ ก็ไม่แน่ว่า คอนเซ็ปท์เมืองลอยน้ำอย่าง Lilypad City นี้ อาจจะเป็นทางออกในอนาคตสำหรับวิกฤตการณ์น้ำท่วมรุนแรงอันเกิดจากสภาวะโลก ร้อนก็เป็นได้
    ไอเดียของ Lilypad City นั้นประกอบไปด้วยอาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัย ร้านค้า และระบบขนส่งมวลชนที่สามารถรองรับประชากรได้ถึง 50,000 คน มีลักษณะเป็นเมืองซึ่งลอยตัวอยู่เหนือน้ำคล้ายเรือยักษ์ในทะเล (อาจลอยตัวอยู่บริเวณผิวดินเดิมที่ถูกน้ำท่วมมิดหรือลอยไปตามกระแสน้ำไหล ของมหาสมุทรก็ได้) ตัวเมือง(หรือจะเรียกว่าเกาะดี?) สามารถเข้าออกได้ด้วยท่าเรือซึ่งมีอยู่ 3 ท่าและยังมีภูเขาอีก 3 ลูกเพื่อให้ผู้คนได้เพลิดเพลินกับการเปลี่ยนวิวทิวทัศน์ที่ไม่ซ้ำซากจำเจ สำหรับเรื่องการใช้พลังงานภายในเมืองนั้น Lilypad City จะใช้พลังงานจากธรรมชาติ อย่างเช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานความร้อน พลังงานลม พลังงานน้ำ และพลังงานคลื่น รวมทั้งยังมีโรงไฟฟ้า พลังงานชีวมวล (Biomass) เป็นองค์ประกอบสำคัญในเมืองด้วย พูดได้ว่า พลังงานที่ใช้รองรับความต้องการของประชากรห้าหมื่นคนใน Lilypad City จะเป็นพลังงานสะอาดที่ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกแม้แต่นิด ส่วนเรื่องการจัดการสิ่งปฏิกูล ขยะทั้งหมดภายในเมืองจะถูกนำไปผ่านกระบวนการรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสุดท้ายเพื่อตอบสนองต่อแนวคิดการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ Lilypad City ยังได้รับการออกแบบให้ปกคลุมไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ ตลอดจนสามารถพึ่งตนเองได้ในด้านการผลิตอาหาร (นั่นหมายถึงประชากรเมืองนี้สามารถทำการเกษตรภายในเมืองได้ด้วย)​



    [​IMG]


    เกษตรกรรมใหม่ภายใต้ข้อจำกัดทางธรรมชาติ
    ไม่เพียงแต่ Lilypad City เท่านั้นที่คิดใช้ดีไซน์เข้าช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม แม้แต่ “ดูไบ” (เมืองที่ถูกครหาว่า มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ใยดีต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในโลก) ก็กำลังเบนเข็มหันมาให้ความสนใจกับการออกแบบ
    ฟาร์มแนวตั้ง (Vertical Farming) เพื่อรอบรับวิถีแห่งโลกอนาคตเช่นกัน แต่ด้วยค่าที่ได้ชื่อว่าเป็น “ดินแดนเนรมิตแห่งนิทานอาหรับราตรี” ฟาร์มแนวตั้งของดูไบจึงต้องมีลักษณะพิเศษไม่เหมือนใคร นั่นก็คือ มันตั้งอยู่ในเรือนเพาะชำลอยฟ้าที่ใช้น้ำทะเลเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิต พืช(!)
    ด้วยฝีมือการพัฒนาของ Studiomobile สถาปนิก ชั้นแนวหน้าสัญชาติอิตาเลียน เรือนเพาะชำมหัศจรรย์นี้สามารถกลั่นน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืดเพื่อจัดระบบชล ประทานให้แก่พืชพันธุ์ต่างๆ ได้ โดยระบบดังกล่าวมีขั้นตอนคร่าวๆ 3 ขั้นดังต่อไปนี้

    1. ขั้นแรก : ปรับอากาศภายในเรือนเพาะชำให้เย็นลง และเพิ่มความชื้นในอากาศด้วยการปล่อยน้ำทะเลผ่านเข้าเครื่องระเหยน้ำ (evaporator) ซึ่งเมื่ออากาศภายในเรือนเพาะชำมีความชื้นสูง พืชพันธุ์ก็จะต้องการน้ำน้อยลงโดยอัตโนมัติ

    2. ขั้นที่สอง : ขณะที่อากาศไหลออกจากบริเวณที่มีการปลูกพืช มันก็จะไหลผ่านเครื่องระเหยน้ำตัวที่สองซึ่งจะมีน้ำทะเลไหลผ่านอยู่ด้วย ในขั้นตอนนี้อากาศที่มีความชื้นสูงจะรวมตัวกับอากาศร้อนแห้งที่ลอยตัวอยู่ ทำให้มวลอากาศมีความร้อนสูงขึ้นอีก

    3. ขั้นสุดท้าย : อากาศที่มีความร้อนจะลอยตัวขึ้นด้านบนและไหลเข้าไปภายในปล่องของเรือนเพาะชำ ที่มีน้ำทะเลเย็นๆ หล่อไว้ และจะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำเมื่อสัมผัสกับหลอดพลาสติก ต่อจากนั้น เมื่อมีหยดน้ำ(จืด)เกาะอยู่บนพื้นผิวของหลอดพลาสติกมากๆ มันก็จะไหลมารวมกันและเคลื่อนลงสู่ถังเก็บน้ำจืดต่อไป เพียงแค่นี้ เรือนเพาะชำก็สามารถมีน้ำจืดบริสุทธ์ไว้ใช้ในการเพาะปลูกได้แบบไม่มีวันหมด แล้ว

    อย่างไรก็ดี แม้ว่าสวนแนวตั้งของดูไบอาจจะไม่ดูเป็นแนวตั้งเท่าไรนักเมื่อเทียบกับสวนแนวตั้งบนอาคารสูงของกรุงนิวยอร์ค หรือสวนบนหลังคา ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในหลายๆ เมืองทั่วโลก (รวมทั้งในกรุงเทพฯ ด้วย) แต่การลงทุนวิจัยพัฒนาเกี่ยวกับ “การปลูกพืชภายใต้ข้อจำกัดทางธรรมชาติ” อย่างโครงการเรือนเพาะชำลอยฟ้านี้ ก็แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันยาวไกลของดูไบในการที่จะรับมือกับวิกฤตการณ์ ด้านอาหารในอนาคต (ซึ่งกลุ่มประเทศอาหรับดูจะเป็นกลุ่มประเทศแรกๆ ที่จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติอาหารเนื่องจากต้องนำเข้าอาหารจากต่างประเทศ เกือบ 100%) รวมทั้งยังเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของดูไบที่จะพึ่งพาวิถีเกษตรของตนเอง ในอนาคตด้วย

    เห็นอย่างนี้แล้ว บางประเทศที่เคยได้ชื่อว่า “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” ก็น่าจะรีบศึกษาวิถีการทำฟาร์มสมัยใหม่อย่างของดูไบไว้บ้าง เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า เมื่อไรที่ธรรมชาติจะริบคืนความสบายอันนี้ไปจากเรา และถ้าในอนาคตผืนแผ่นดินอันเขียวชอุ่มของเราต้องถูกผืนน้ำกลืนกินไปจริงๆ พืชเศรษฐกิจของไทยอาจจะเหลือแค่เพียงผักบุ้งกับผักกระเฉดก็เป็นได้

    ข้อมูลจาก:

    Vertical Farm in Dubai Uses Seawater : TreeHugger
    Lilypad Floating City @Dubai : อื่นๆไม่เข้าพวก
    studiomobile: seawater vertical farm
    ARTgazine Articles :: View topic - Lilypad City
     
  9. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    งานที่พุทธามหาเวทย์ วันนี้ อย่าลืม
    ถนนว่าง รถไม่ติด ไปกันเถิดค่ะ
     
  10. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    ขอเรียนเชิญทุกท่านที่สนใจ มาร่วมกิจกรรมกุศล ตรวจกรรมรักษาโรค สนทนาธรรม ในวันอาทิตย์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓บ้านพุทธามหาเวท ชุมชนธรากร แยก ๑๔ ถนนรามคำแหง ๑๖๖ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพ๑๐๕๑๐ ตั้งแต่เวลา ๙.๐๐ น. - ๑๗.๐๐ น.

    โทรสอบถามเส้นทาง ๐๘๙ ๖๙๘ ๓๔๕๓ และ ๐๒ ๕๑๘ ๑๑๘๑


    ๙.๐๐ น. กล่าวแนะนำกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

    -อาจารย์สุดใจ
    -ดร.กรณ์กาญจน์(อ.ไก่)
    -อาจารย์จักษวัชร์
    -อาจารย์ยูคริน
    -อาจารย์เทพบุตรชาวดิน
    -อาจารย์ไมโครเวฟ
    -MOUNTAIN
    -อาจารย์ป้าพิมพ์ศจี
    -อาจารย์ทานะบารมี
    -อาจารย์โคมฉาย
    - ฯลฯ

    ๙.๓๐ น. ความหมายของคำว่า อุปกรณ์ต่างดาว ที่สามารถนำมาใช้ในการตรวจกรรม
    และรักษาโรค ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ๑๐.๐๐.น. เริ่มตรวจกรรม ขออโหสิกรรม และรักษาโรค สนทนาธรรม แนวทางในการปล่อยวาง ละการยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวตน

    ๑๒.๐๐ น. พักเที่ยง รับประทานอาหาร (บก.สุรศิลป์ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน)

    ๑๓.๐๐ น. ตรวจกรรม ขออโหสิกรรม รักษาโรค และสนทนาธรรม (ต่อ)

    ๑๗.๐๐ น. กล่าวขอบคุณเจ้าภาพ สรุปปิดท้ายกิจกรรม <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  11. huten

    huten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,808
    ค่าพลัง:
    +15,229
    ขออนุโมทนาบุญในการทำกุศล ในครั้งนี้กับทุกท่าน..
     
  12. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ถึงบ้าน ๑๑.๐๑ น.
     
  13. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ตอนเช้าไปถึงมีคนรออยู่สักสามสิบคนแล้ว
    พี่สุดใจกล่าวแนะนำกลุ่ม ที่มาที่ไป

    สักพักก็ลงมือเลย
    ตัวเองทำหน้าที่สแกนกรรม

    มาแน่ใจว่าอุปกรณ์ทำงานโอเค เมื่อเห็นปลา ปลาถูกทุบหัว ปลาถูกตัดหัว คล้ายๆ ปลาดุก
    บอกเขาว่าเห็นอย่างนี้
    คุณปวดหัวปวดคอหรือเปล่า
    ผู้นั่งต่อหน้าลูบคอไปมา บอกว่า ครับ ครับ ครับ
    บอกว่าคงเคยเป็นพ่อค้าปลา ดูจะฆ่ามามาก

    ระบบให้ไปทำบุญต่อเศียรพระพุทธรูป
    ซื้อปลาจากเขียงไปปล่อยสัปดาห์ละ ๑ ตัว ติดต่อกันสามเดือน ...
    ขอบคุณอุปกรณ์

    เริ่มประมาณเก้าโมงเศษ
    เงยหน้าอีกทีห้าโมงครึ่ง
    รวมสแกนกรรมราว ๑๑๒ คน เดี๋ยวมา ๆ ราวรพ.รัฐบาล

    ดูเหมือนเขาจัดสรรให้ เห็นพี่เม้าท์เจอเคสหนักๆ
    ของตัวเองหมอใหม่ ถ้าให้เคสหินๆ คงแย่
    แต่ตอนเปิดงานอ. โคมฉายปูพรมขอขอมากรรมให้สำหรับทุกคน..
    ก็เลยเหลือพอจัดการได้
    ตอยบ่ายแก่ๆ ดาลิ้งอดไ่ม่ได้มาขอให้พี่เม้าท์สแกนให้
    ระบบได้ที จับติดเสาอากาศเสียเลย
    คราวหน้าได้หมอลิ้งร่วมงานสแกนกรรมอีกคน...

    ขันธ์หมอจุก อ. เม้าท์หลับในรถตั้งแต่สองทุ่ม
    ขันธ์อ.ไก่อยู่เวอร์ชั่น M150 ขับรถตาแป๋ว ส่งหลวงปู่ใหญ่ทีพุทธมลฑลสาย ๔
    ถึงบ้านเกือบห้าทุ่ม
    พอเขาปิดเว้ปขันธ์ก็ฟุบเลยค่ะ

    ไปทำงานเหมือนไปเที่ยว
    แต่ต้องขอพักร้อนจากระบบสักสามสี่วันนะคะ (จากข้อมูลข้างบน)
    หายเหนื่อยแล้วค่อยมาคุยนะคะ

    รอรูปจ้า ใครตื่นแล้วบ้าง..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กุมภาพันธ์ 2010
  14. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    จัดซื้อเครื่องผลิตแผ่นวีดีโอแล้วนะคะ
    ได้มาเมื่อวันเสาร์
    แกะกล่องใหม่ ควันยังพลุ่งๆ อยู่
    ผลิตวีดีโอแจกแล้ววานนี้กว่าร้อยแผ่น
    มีบทสวดมหาสันติงหลวง ไว้สวดยามมีภัย
    แผนที่ประเทศไทย ตามความสูง จะได้หาที่หลบภัยได้ตามประสงค์
    และมีเรื่องราวความเป็นมาของเขากะลา

    กราบอนุโมทนาบุญผู้ร่วมบุญ ผู้ผลิต และผู้รับค่ะ
     
  15. โคมฉาย

    โคมฉาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    3,058
    ค่าพลัง:
    +26,744
    สัมภาษณ์นักสแกนกรรม เม้าตาอิน โดยผู้ไม่ประสงค์จะออกเงินแต่ประสงค์ออกนาม....

    <EMBED height=344 type=application/x-shockwave-flash width=425 src=http://www.youtube.com/v/6E9QxnFPM7Q&hl=en_US&fs=1&rel=0 allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true">
     
  16. โคมฉาย

    โคมฉาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    3,058
    ค่าพลัง:
    +26,744
    การรักษาของจารย์จุกๆๆ


    [VDO]http://www.youtube.com/v/N34gef1EG5A&hl=en_US&fs=1&border=1">
    name="allowFullScreen" value="true"><EMBED type="text/html; charset=UTF-8" src="<a href=" target="_blank" href="http://www.youtube.com" YouTube - Broadcast Yourself. v N34gef1EG5A&hl='en_US&fs=1&border=1"' target="_blank">http://www.youtube.com/v/N34gef1EG5A&hl=en_US&fs=1&border=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="445" height="364">[/VDO]</EMBED>
     
  17. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    อาจารย์โคมฉาย สรรค์สร้างชิ้นงานสุดยอด
    รวดเร็ว ทันใจ
    ขอคารวะและปรบมือให้ดังๆครับ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กุมภาพันธ์ 2010
  18. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    กิจกรรมกุศล ของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
    บ้านพุทธามหาเวท ได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยไปด้วยดี

    ต้องขอขอบคุณ อาจารย์สุรศิลป์ (บก.พุทธามหาเวท)และคุณบุญเอื้อ ที่เป็นเจ้าภาพ ทำให้เกิดกิจกรรมดีๆเช่นนี้ขึ้นมา พร้อมทั้งเลี้ยงขนมจีนแกงไก่ และกาแฟ ตลอดงาน

    ขอขอบคุณอาจารย์กลุ่มฯเขากะลา ทุกท่าน ที่สละเวลา และแรงกาย
    มาช่วยงาน โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ

    ขอขอบคุณน้อง บ้านโป่ง ที่มาช่วยนำอ่านคำขอขมากรรมและส่งน้ำบุญให้กับผู้มาร่วมงาน

    ขอขอบคุณอาจารย์ป้าพิมพ์ศจี ที่คอยเป็นห่วงเป็นใย ดูแลอาหารและน้ำดื่ม ให้กับอาจารย์กลุ่มฯ ที่ไปทำงาน

    ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงาน ทำให้พวกเรามีงานทำ

    และขอขอบคุณ ในน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันของทุกท่านที่มาร่วมงาน ทำให้บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง

    และสุดท้ายขอกราบขอบพระคุณในกำลังศรัทธาของทุกท่านที่มีให้กับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ทำให้มีกำลังใจในการที่จะทำงานเพื่อส่วนรวม ยังประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านให้เกิดขึ้น

    สาธุครับ
     
  19. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    หลังจากเสร็จงาน คณะอาจารย์กลุ่มฯ ยังไม่ทันได้เดินทางกลับ
    บก.สุรศิลป์ ได้มาแจ้งให้ทราบว่า มีสมาชิกเรียกร้องให้จัดงานนี้ขึ้นอีก
    เนื่องจากสมาชิกหลายท่าน เตรียมตัวมาไม่ทัน

    ดังนั้น หากมีกำหนดจัดงานขึ้นอีกเมื่อไร จะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เหมือนเช่นเคยครับ
     
  20. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ขออนุญาติแก้ไขวีดีโอให้ค่ะ

    <object width="425" height="344"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/N34gef1EG5A&hl=en_US&fs=1&color1=0x006699&color2=0x54abd6"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/N34gef1EG5A&hl=en_US&fs=1&color1=0x006699&color2=0x54abd6" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="425" height="344"></embed></object>
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...