ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

นั่นสินะครับ

 

ลงอีกก็ดีค่ะ เผื่อมีใครยังไม่ได้อ่าน พลาดหูพลาดตาไป
ข้อความนี้เหมือนเป็น climax จุดหนึ่งเลยนะคะ ^ ^

 

เราปล่อยนักโทษหมดแหล่ะ.(ขอบคุณท่านผู้แปลทุกๆท่านมากค่ะ)

 

สงสัยจะแปลซ้ำกับคุณชยุตน่ะครับ...
ถือว่าอ่านทบทวนแล้วกันนะครับ ^^

 

ครับคุณ mead ขอบคุณมากครับที่สละเวลาแปลมาให้ได้อ่านกันครับ นี่ก็เป็น Synchronicity แบบจะๆ อีกหนึ่งเหตุการณ์แล้วสิ

 

(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

My dear Heart. I Love you so much.
And I Forgive you unconditionally.

"สุดที่รัก..ฉันรักเธอมากเหลือเกิน
และฉันก็ให้อภัยเธอทุกอย่าง..อย่างไม่มีเงื่อนไข"

ช่วงนี้มีข้อความจากต่างมิติมากมายก่ายกองเหลือเกิน
จนผมอ่านและแปลไม่หวาดไม่ไหว
ที่พูดถึง "การเปลี่ยนแปลง" หรือ "เหตุการณ์" ครั้งสำคัญ
ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้..

ซึ่งไม่ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับประตูมิติขนาดใหญ่
ที่เพิ่งถูกเปิดไปเมื่อเร็วๆนี้ หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับ
การมาของดาวหาง ISON และดาวหางอื่นๆด้วยหรือไม่ก็ตาม

แต่มันก็จะเป็นไปในทางที่ดีทั้งหมด
มันจะเปลี่ยนระดับพลังงานของโลกเรา
ให้เขยิบขึ้นไปอยู่อีกระดับหนึ่ง
และเพราะฉะนั้น สนามพลังงานของตัวเราเอง
ก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย ในทางที่ดีขึ้น

และเพราะฉะนั้น ระดับความสั่นสะเทือน,
จิตสำนึก, ความคิด ความอ่าน
และอารมณ์ความรู้สึกของพวกเรา ก็จะถูกยกระดับตามไปด้วย

อันนี้ขอไม่พูดถึง Free Will หนะนะครับ..
ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ ว่า.. สำหรับใครบางคน
ที่ "เลือก" ที่จะไม่ไหลไปตามกระแสพลังงานนี้
หรือเลือกที่จะไม่อยู่บนเส้นทางแห่งการเลื่อนระดับขึ้นนี้ด้วย
พวกเขาก็จะมีประสบการณ์ในแบบที่แตกต่างออกไป
ซึ่งนั่นก็เป็น Free Will ของพวกเขา ที่มีมาแต่กำเนิดอยู่แล้ว

และก็..สำหรับผู้ที่ชื่นชอบภัยพิบัติทั้งหลายด้วย
พวกเขาก็มีสิทธิที่จะประดิษฐ์ประดอย
เรื่องราวอันน่าตื่นเต้นระทึกใจ
เกี่ยวกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ขึ้นมาได้ด้วย
เพราะว่ามันเป็นสิทธิของพวกเขาด้วยเช่นกัน
และก็..เพราะว่าข้อมูลที่พวกเขามี และ "เลือก"
ที่จะจดจ่ออยู่นั้น มันเป็นไปแบบนั้น มันชี้นำไปแบบนั้น

ก็ขอให้สนุกเถอะนะครับ..
แม้ว่า..ครั้งนี้มันก็อาจจะผ่านพ้นไปด้วยดี
เหมือนกับครั้งอื่นๆที่ผ่านมาแล้วก็ตาม
แต่ก็อย่าท้อแท้ใจ ที่จะมองหาช่องทางอื่นๆ
ที่จะทำให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ขึ้นมาได้อีกต่อไปนะครับ
แล้วก็เอามาเล่าสู่กันฟังอีกนะครับ
พวกเราก็จะรอฟัง และก็ขอชื่นชมในความมุ่งมั่นของพวกคุณ

แต่ผมก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่นะครับ
ว่าทำไม? พอมีเหตุการณ์ หรือปรากฎการณ์
อะไรๆสำคัญๆเกิดขึ้นบนท้องฟ้าแล้ว
มันจะต้องนำพาเอาความหายนะ
และภัยพิบัติมาสู่โลกใบนี้เสมอไปเหรอ?
มันไม่สามารถที่จะเป็นไปในทางอื่นไปได้เลยเหรอ?

นี่ยังไม่ต้องขอให้คิดไปในทางบวกเลยนะครับ
แค่ขอให้คิดถึงความเป็นไปได้อื่นๆที่ไม่ใช่ภัยพิบัติเท่านั้นเอง

ผมไม่เถียงเลยว่า ปรากฎการณ์ต่างๆเหล่านี้
ไม่มากก็น้อย มันก็จะต้องส่งผลกระทบต่อโลกแน่นอน
เพราะว่าทุกอย่างมันมีความเชื่อมโยงทางพลังงานกันอยู่
แต่ผมแค่สงสัยว่า ทำไมมันต้องลงเอยด้วยความเลวร้ายด้วย
ทำไมมันจะต้องลงเอยด้วยความหายนะด้วย
และทำไมมันจะต้องเกิดภัยพิบัติทุกทีไปหละครับ?

จริงอยู่เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่บนโลกในขณะนี้
มันอาจจะส่อแววว่ามันกำลังเป็นไปในทางร้ายอยู่จริง
จนทำให้ผู้ที่ไม่เคยอ่านข้อความจากต่างมิติมาเลย
หลงเข้าใจไปว่า และ รวมถึง "เลือก" ที่จะเชื่อว่า
มันจะต้องเป็นไปในทางร้ายอย่างแน่นอน
ก็เลยลุ้นให้มันเกิดขึ้นซะเร็วๆ เพื่อที่มันจะได้จบๆไป

ไอ้คำว่าจบๆนี่ ผมเชื่อว่า ส่วนหนึ่ง หมายถึง "คนชั่ว" ทั้งหลาย
ตามนิยามของพวกเขาหนะนะครับ ก็จะได้ถูกล้างบางไปซะที
ให้เหลือแต่คนดีๆไว้ อะไรแบบนั้นหนะนะครับ

แล้วใครกันหละคือ "คนชั่ว" ที่ว่านั้น?
คือคนที่ มีความคิด ความเห็น ความเชื่อ ไม่ตรงกับเราใช่ไหม?
คือคนที่ ไม่นับถือศาสนาเดียวกับเราใช่ไหม?
คือคนที่ "เลือกข้าง" ทางการเมืองไม่เหมือนเราใช่ไหม?
คือคนที่ กำลังแสดงบทบาทตัวร้าย หรือ ผู้ร้ายอยู่ใช่ไหม?

แล้วตัวเราเองหละ อยู่ในข่ายคนดีหรือคนชั่ว?
ถ้าตอบว่าคือคนดี แล้วเอาอะไรมาวัดหละ?
เพราะว่าเรานับถือศาสนาพุทธใช่ไหม เราจึงเป็นคนดี?
เพราะว่าเราถือศีล 5 ใช่ไหม เราถึงเป็นคนดีกว่าคนไม่ถือศีล?
เพราะว่าใครๆก็ยกย่องว่าเราเป็นคนดีใช่ไหม เราถึงเป็นคนดี?

ฯลฯ

ซึ่งไม่ว่าจะเอาอะไรมาวัดก็ตาม..มันไม่มีหรอกนะ
คนดีหรือคนชั่วแบบแน่นอนตายตัวหนะ
มันมีแต่ "การแสดงบทบาท" บนโรงละครแห่งนี้
มันมีแต่การเรียนรู้อยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งโลกใบนี้เท่านั้น
ต่างมิติถึงบอกไงครับว่า เรามาเรียนรู้ว่าเราคือ "ความรัก"
เรามาเรียนรู้เพื่อที่จะจดจำตัวตนที่แท้จริงของเราเองให้ได้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง

ฯลฯ

แล้วถ้าเราคือคนหนึ่งที่กำลังลุ้นให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ขึ้นอยู่
เพื่อที่จะได้ "ล้างบาง" คนชั่วอย่างที่ผมว่าไปแล้วนั้นจริงๆ
แ้ล้ว..แล้ว..คนที่อยากจะให้คนอื่น "ตาย" แบบนั้นหนะ
เขาก็เรียกว่า "คนดี" ด้วยใช่ไหม?

และบทผู้ร้ายหนะ ไม่ได้แสดงได้ง่ายๆหรอกนะครับ
และต่างมิติก็บอกอยู่บ่อยๆว่า ผู้ร้ายพวกนั้นหนะ
ก็คือพี่น้องที่มีต้นตอของจิตวิญญาณอันเดียวกันกับพวกเรานั่นแหละ
และในหลายกรณี พวกเขาก็ได้ตกลงกับพวกเราเอาไว้แล้วว่า
พวกเขาจะ "อาสา" มาแสดงบทบาทนี้ให้กับพวกเรา
เพื่อที่จะช่วยกระตุ้นวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณของพวกเรา
และเพื่อที่พวกเราเองก็จะได้ช่วยกระตุ้นพวกเขาด้วยเช่นกัน

มันก็พูดยากนะครับ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เราไม่อาจพิสูจน์ได้
แล้วก็..มันเป็นสิ่งที่อายตนะทั้ง 5 ทางกายภาพของพวกเรา
ไม่ได้รับรู้ในแบบที่ต่างมิติบอกไว้เลย
ดังนั้น เราก็เลยคิดและเชื่อกันไปในแบบที่แตกต่างออกไป
นี่เขาถึงเรียกว่า เราอยู่ในมายาการยังไงหละครับ

.....................................

 

THE HILARION’S WEEKLY MESSAGE 2013
November 24-30, 2013
วันที่โพสท์ _Mon ,Nov/25/2013
ผู้แปล: อจิตตะ

ในขณะที่คุณกำลังก้าวสู่คลื่นของความเปลี่ยนแปลง (waves of change)
และกำลังขมักเขม้นกับการพูดสื่อสารต่อผู้คน
ทั้งยังเรียนรู้วิธีการหาเส้นทาง ,ผลลัพธ์
เพื่อทำให้มันไปสู่จุดจบได้รวดเร็วกว่าก่อน
ซึ่งต่างก็ต้องใช้สมาธิของแต่ละบุคคลมาจัดการในสิ่งที่คุณเห็น
และเข้าใจในตัวเองดั่งเป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดขึ้นในโลกใบนี้

ครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่จะนำไปสู่การประกาศในสิ่งที่คุณได้ทุ่มเทลงไป
และบรรลุเป้าหมายทั้งของคุณและของกลุ่ม
แต่การที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าได้นั้น
คุณต้องปลดปล่อยจากข้อผูกมัดที่พวกคุณได้ยึดไว้เสียก่อน
ซึ่งก็รู้อยู่นะ... ว่ามีหลายคนได้ทำงานร่วมเรือลำเดียวกันกับหลากมิติ
เพื่อสั่งการในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น
ทั้งของโลกทางภูมิศาสตร์กับโลกส่วนตัวของคุณ

ทั้งหมดจะเกิดขึ้นกับสถานที่ที่คุณมีส่วนร่วม
ในการที่จะเปิดเผยเรื่องราวต่าง ๆบนโลกใบนี้
ซึ่งนี่เป็นการร้องขอจากความเพียรของคุณเอง
เราเข้าใจว่าหลายคนได้รับผลกระทบจากพลังงานที่เพิ่มขึ้นนี้
และมันเป็นการยากที่จะควบคุมมันซะด้วย

เราได้ให้ความสำคัญในขั้นต่อไป
กับการเพ่งที่เป้าหมายในขณะที่กำลังเข้าสู่ความสมดุลย์
ระหว่างความเป็นขั้วของหญิงและชาย
หลายคนกำลังก้าวสู่ความสำเร็จ และหลายก็ทำได้สมบูรณ์แล้ว
มองไปรอบๆแล้วดูซิ ว่าใครนะที่จะยังอยู่กับคุณ
และจงรู้ ให้ชัดว่าคนใดคือผู้ที่จะอยู่ร่วมทำงานกับคุณ
เพื่อนำไปสู่การเพิ่มระดับพลังงานร่วมกัน
นี่เป็นภารกิจที่มีความสำคัญมากต่อชีวิต
ไม่งั้นพวกเขาก็ไม่อยู่กับคุณนานขนาดนี้หรอกนะ...

ถึงตอนนี้ก็ต้องมาดูกันละนะว่าพวกเขาเหล่านี้
จะให้การสนับสนุนช่วยเหลือคุณเป็นการส่วนตัว
ด้วยความสำนึกในบุญคุณของคุณอย่างไรบ้าง
แต่ถึงแม้พวกเขาจะมีโอกาสโดยใช้ความสามารถอย่างที่สุด
เพื่อที่จะให้คุณผ่านสถานะการณ์ที่ท้าท้ายไปได้
แต่ก็ไม่ง่ายนักที่จะนำมาใช้กับบทบาทที่ท้าทาย
ที่ต้องส่งผลความก้าวหน้านั้นไปสู่เป้าหมายของจิตวิญญาณ

ผู้คนเหล่านี้เขาได้เลือกคุณให้เป็นผู้กระตุ้นเตือน
ให้เกิดการก้าวหน้าในการเลื่อนระดับของพวกเขาด้วยนะ
ทั้งเพื่อให้คุณได้มีโอกาสมากพอที่จะมองลงไปที่หัวใจของคุณ
ว่ามีพื้นที่ส่วนใดบ้างที่ต้องได้รับการปรับปรุงและพัฒนา
เพื่อนำไปสู่การส่องประกายแสงแห่ง “สัจจะ” ออกมา
ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมแก่การที่จะเดินหน้าต่อไป
ซึ่ง ณ. ขณะนี้ แต่ละคนก็มีความก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
และ “ความจริงของเมื่อวานนี้ อาจไม่ใช่ความจริงของวันนี้”
ดังนั้น มันสำคัญมากที่คุณควรละเว้นในการตัดสิน “อดีต”
และจงพยายามมองผู้อื่นด้วยดวงตาที่บริสุทธิ์และสดใหม่อยู่เสมอ
พร้อมทั้งมอบความรัก และความไว้วางใจให้แก่เขาเหล่านั้น

หนทางที่ได้ผ่านทั้งกลีบกุหลาบและลวดหนามที่มีให้กันและกัน
กับเส้นทางที่จะสรรหาเพื่อนที่คุณเชื่อใจ
ว่าใครจะยินดีร่วมแสดงไปกับคุณ
และอยู่รอบๆตัวคุณในทุกบทบาทที่เกิดขึ้นบนโลกนี้
ซึ่งวิสัยทัศน์ในอดีตชาติของใครหลายๆคนที่ได้เลื่อนขึ้นไปได้นั้น
ก็ด้วยคนอย่างคุณนี่แหละ...
ที่ยินดีจะรับผิดชอบในงานของการเปลี่ยนแปลงนี้
ด้วยความรักจากพระเจ้าและพระจิต
พวกคุณต้องเข้าใจนะ...ว่าบทบาทที่กำลังเล่นอยู่นี้
มันจำเป็นอยากมากต่อภารกิจในการเปลี่ยนแปลงที่ล้มเลิกไม่ได้ของโลกใบนี้

ช่วงเวลานี้คุณรู้สึกโล่งโปร่งสบายกับการติดต่อกับผู้อื่น
นี่เป็นเพราะพลังงานที่แผ่กระจายอยู่ในชั้นบรรยากาศ
ที่พวกคุณต้องปรับตัวผ่านไปให้ได้
และต่อไปนี้จะไม่มีการหลอกลวงซึ่งกันและกัน
จะไม่มีการเข้าข้างพวกคนหลอกลวง
ที่ไม่ว่าจะมาในรูปแบบใดก็ตามอีกด้วย
เพื่อให้แสงสว่างสามารถส่องประกายออกมาได้อย่างรวดเร็ว
แสงแห่ง “สัจจะ”ก็จะได้ปรากฏขึ้น(ซะที=ผู้แปล)

การจัดการกับการเลื่อนระดับขึ้นไป
เพื่อความสะดวกสบายและปลอดภัยนั้น
สรรพสิ่งทั้งหลายบนดาวเคราะห์นี้
จะได้รับการชะล้างหัวใจและจิตวิญญาณ
ที่อยู่ในระดับมิติที่ต่ำกว่า ทั้งความรู้สึก แรงจูงใจ และพฤติกรรม

คุณภาพของความรักที่อยู่ในระดับที่สูงกว่านี้
จะทำให้เกิดความเคารพนบน้อม
และรับรู้ได้ถึงการแสดงออกของความสง่างามระหว่างจิตวิญญาณด้วยกัน

แสงจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกจุดขึ้นแล้วในจิตวิญญาณทุกดวง
และจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างอัศจรรย์กับทุกสรรพสิ่งที่อยู่บนดาวเคราะห์ดวงนี้
คุณลองสังเกตุความเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวกับผู้คนและสถานะการณ์ต่าง ๆ รอบตัวดูซิ...

ส่วนผู้ที่อยู่ห่างไกลจากคุณ ณ.ขณะนี้...ก็นั่งวาดฝันว่าจะได้อยู่ใกล้คุณ
เพื่อตามแสงแห่งความรักที่คุณได้ครอบครองอยู่
ซึ่งแต่ละหน่วยของจิตวิญญาณที่ได้มารวมตัวกัน
ก็เพื่อร่วมกันสร้างครอบครัวนี้ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น...

นี่คือช่วงเวลาของ”การตื่นรู้” และ “ความเข้าใจ” อย่างแท้จริง...

Until next week…
I AM Hilarion

©2013 Marlene Swetlishoff/Tsu-tana (Soo-tam-ah) Keeper of the Symphonies of Grace
Permission is given to share this message as long as the message is posted in its entirety and nothing has been changed, or altered in any way and Scribe's credit, copyright and website is included. WELCOME! - The Rainbow Scribe

 

พิสูจน์ได้นะ...เพราะ"ความจริง"ต้องพิสูจน์ได้...
เพียงแต่ผู้ฟังต้องพร้อมที่จะฟัง
และพร้อมที่จะพิสูจน์ความจริงนั้นๆร่วมกัน
โดยปราศจากเงื่อนไข..

 

ก็สงสัยเหมือนกันว่าคนดีคืออะไร เค้าเป็นกันอย่างไร

เราต้องนั่งหลับตา แล้วจินตนาการ เนรมิตให้สิ่งดีๆ มันเกิดขึ้นเองหรือเปล่า

คิดๆ ดู ประชาชนก็กำลังสร้างกระบวนการที่ทำให้ผู้ที่แสดงบทบาทของผู้ชั่วร้าย

ได้จดจำความรักภายในตัวเองได้เช่นกันนะ ^ ^

 

คุณชยุต มาทันเวลาพอดีเลย ก่อนที่เราจะไหลไปกะกระแสการเมืองที่โหมกระหน่ำในโลก Social network มันร้อนแรงจริงๆ ขอบคุณที่ช่วยมาเตือนสติ ณ.เวลานี้

 

ชอบภาพลูกลิงบรรจงกอดน้องหมามากเลยยยครับบ /ชอบแววตาลูกลิง

 

น่ารักมากเลยอยากได้รูปดูแล้วใจเย็นขึ้นเยอะเลย
ความรักความเมตตาของสัตว์โลกที่มีให้แก่กัน

 

THE HILARION’S WEEKLY MESSAGE 2013
November 24-30, 2013
วันที่โพสท์ _Mon ,Nov/25/2013
ผู้แปล: อจิตตะ

ในขณะที่คุณกำลังก้าวสู่คลื่นของความเปลี่ยนแปลง (waves of change)
และกำลังขมักเขม้นกับการพูดสื่อสารต่อผู้คน
ทั้งยังเรียนรู้วิธีการหาเส้นทาง ,ผลลัพธ์
เพื่อทำให้มันไปสู่จุดจบได้รวดเร็วกว่าก่อน
ซึ่งต่างก็ต้องใช้สมาธิของแต่ละบุคคลมาจัดการในสิ่งที่คุณเห็น
และเข้าใจในตัวเองดั่งเป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดขึ้นในโลกใบนี้

ครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่จะนำไปสู่การประกาศในสิ่งที่คุณได้ทุ่มเทลงไป
และบรรลุเป้าหมายทั้งของคุณและของกลุ่ม
แต่การที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าได้นั้น
คุณต้องปลดปล่อยจากข้อผูกมัดที่พวกคุณได้ยึดไว้เสียก่อน
ซึ่งก็รู้อยู่นะ... ว่ามีหลายคนได้ทำงานร่วมเรือลำเดียวกันกับหลากมิติ
เพื่อสั่งการในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น
ทั้งของโลกทางภูมิศาสตร์กับโลกส่วนตัวของคุณ

ทั้งหมดจะเกิดขึ้นกับสถานที่ที่คุณมีส่วนร่วม
ในการที่จะเปิดเผยเรื่องราวต่าง ๆบนโลกใบนี้
ซึ่งนี่เป็นการร้องขอจากความเพียรของคุณเอง
เราเข้าใจว่าหลายคนได้รับผลกระทบจากพลังงานที่เพิ่มขึ้นนี้
และมันเป็นการยากที่จะควบคุมมันซะด้วย

เราได้ให้ความสำคัญในขั้นต่อไป
กับการเพ่งที่เป้าหมายในขณะที่กำลังเข้าสู่ความสมดุลย์
ระหว่างความเป็นขั้วของหญิงและชาย
หลายคนกำลังก้าวสู่ความสำเร็จ และหลายก็ทำได้สมบูรณ์แล้ว
มองไปรอบๆแล้วดูซิ ว่าใครนะที่จะยังอยู่กับคุณ
และจงรู้ ให้ชัดว่าคนใดคือผู้ที่จะอยู่ร่วมทำงานกับคุณ
เพื่อนำไปสู่การเพิ่มระดับพลังงานร่วมกัน
นี่เป็นภารกิจที่มีความสำคัญมากต่อชีวิต
ไม่งั้นพวกเขาก็ไม่อยู่กับคุณนานขนาดนี้หรอกนะ...

ถึงตอนนี้ก็ต้องมาดูกันละนะว่าพวกเขาเหล่านี้
จะให้การสนับสนุนช่วยเหลือคุณเป็นการส่วนตัว
ด้วยความสำนึกในบุญคุณของคุณอย่างไรบ้าง
แต่ถึงแม้พวกเขาจะมีโอกาสโดยใช้ความสามารถอย่างที่สุด
เพื่อที่จะให้คุณผ่านสถานะการณ์ที่ท้าท้ายไปได้
แต่ก็ไม่ง่ายนักที่จะนำมาใช้กับบทบาทที่ท้าทาย
ที่ต้องส่งผลความก้าวหน้านั้นไปสู่เป้าหมายของจิตวิญญาณ

ผู้คนเหล่านี้เขาได้เลือกคุณให้เป็นผู้กระตุ้นเตือน
ให้เกิดการก้าวหน้าในการเลื่อนระดับของพวกเขาด้วยนะ
ทั้งเพื่อให้คุณได้มีโอกาสมากพอที่จะมองลงไปที่หัวใจของคุณ
ว่ามีพื้นที่ส่วนใดบ้างที่ต้องได้รับการปรับปรุงและพัฒนา
เพื่อนำไปสู่การส่องประกายแสงแห่ง “สัจจะ” ออกมา
ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมแก่การที่จะเดินหน้าต่อไป
ซึ่ง ณ. ขณะนี้ แต่ละคนก็มีความก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
และ “ความจริงของเมื่อวานนี้ อาจไม่ใช่ความจริงของวันนี้”
ดังนั้น มันสำคัญมากที่คุณควรละเว้นในการตัดสิน “อดีต”
และจงพยายามมองผู้อื่นด้วยดวงตาที่บริสุทธิ์และสดใหม่อยู่เสมอ
พร้อมทั้งมอบความรัก และความไว้วางใจให้แก่เขาเหล่านั้น

หนทางที่ได้ผ่านทั้งกลีบกุหลาบและลวดหนามที่มีให้กันและกัน
กับเส้นทางที่จะสรรหาเพื่อนที่คุณเชื่อใจ
ว่าใครจะยินดีร่วมแสดงไปกับคุณ
และอยู่รอบๆตัวคุณในทุกบทบาทที่เกิดขึ้นบนโลกนี้
ซึ่งวิสัยทัศน์ในอดีตชาติของใครหลายๆคนที่ได้เลื่อนขึ้นไปได้นั้น
ก็ด้วยคนอย่างคุณนี่แหละ...
ที่ยินดีจะรับผิดชอบในงานของการเปลี่ยนแปลงนี้
ด้วยความรักจากพระเจ้าและพระจิต
พวกคุณต้องเข้าใจนะ...ว่าบทบาทที่กำลังเล่นอยู่นี้
มันจำเป็นอยากมากต่อภารกิจในการเปลี่ยนแปลงที่ล้มเลิกไม่ได้ของโลกใบนี้

ช่วงเวลานี้คุณรู้สึกโล่งโปร่งสบายกับการติดต่อกับผู้อื่น
นี่เป็นเพราะพลังงานที่แผ่กระจายอยู่ในชั้นบรรยากาศ
ที่พวกคุณต้องปรับตัวผ่านไปให้ได้
และต่อไปนี้จะไม่มีการหลอกลวงซึ่งกันและกัน
จะไม่มีการเข้าข้างพวกคนหลอกลวง
ที่ไม่ว่าจะมาในรูปแบบใดก็ตามอีกด้วย
เพื่อให้แสงสว่างสามารถส่องประกายออกมาได้อย่างรวดเร็ว
แสงแห่ง “สัจจะ”ก็จะได้ปรากฏขึ้น(ซะที=ผู้แปล)

การจัดการกับการเลื่อนระดับขึ้นไป
เพื่อความสะดวกสบายและปลอดภัยนั้น
สรรพสิ่งทั้งหลายบนดาวเคราะห์นี้
จะได้รับการชะล้างหัวใจและจิตวิญญาณ
ที่อยู่ในระดับมิติที่ต่ำกว่า ทั้งความรู้สึก แรงจูงใจ และพฤติกรรม

คุณภาพของความรักที่อยู่ในระดับที่สูงกว่านี้
จะทำให้เกิดความเคารพนบน้อม
และรับรู้ได้ถึงการแสดงออกของความสง่างามระหว่างจิตวิญญาณด้วยกัน

แสงจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกจุดขึ้นแล้วในจิตวิญญาณทุกดวง
และจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างอัศจรรย์กับทุกสรรพสิ่งที่อยู่บนดาวเคราะห์ดวงนี้
คุณลองสังเกตุความเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวกับผู้คนและสถานะการณ์ต่าง ๆ รอบตัวดูซิ...

ส่วนผู้ที่อยู่ห่างไกลจากคุณ ณ.ขณะนี้...ก็นั่งวาดฝันว่าจะได้อยู่ใกล้คุณ
เพื่อตามแสงแห่งความรักที่คุณได้ครอบครองอยู่
ซึ่งแต่ละหน่วยของจิตวิญญาณที่ได้มารวมตัวกัน
ก็เพื่อร่วมกันสร้างครอบครัวนี้ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น...

นี่คือช่วงเวลาของ”การตื่นรู้” และ “ความเข้าใจ” อย่างแท้จริง...

Until next week…
I AM Hilarion

สถานะการณ์ของประเทศไทยในตอนนี้
กำลังอยู่ในช่วงของการพิจารณาในเรื่องของ"should" or "should not"...
และข้อความของ HILARION’S สัปดาห์นี้
ดูเหมือนมีนัยยะที่คล้อยไปกับสถานการณ์ของประเทศไทยในขณะนี้อยู่มาก...
(โดยเฉพาะที่ไฮไลท์และที่ขีดเส้นใต้)
และเชื่อว่าอีกหลายคนที่เข้ามาอ่าน มองเห็นมากกว่านี้...

 

ขอบคุณมากค่ะ คุณชยุตที่แปลข้อความดีๆมาให้อ่าน ชอบอ่านทุกกระทู้ พึ่งรู้จักไม่ถึงปี แต่ตามอ่านจนเกือบหมดทุกกระทู้แล้ว แต่คิดว่าน่าจะยังมีอีกเยอะที่ยังไม่ได้อ่าน

ขอเล่าประวัติแนะนำตัวนิดนึงนะคะ ดิฉันเป็นพยาบาล
เคยปฏิบัติธรรมเข้มข้มมาก่อนช่วง 2549 จนตัวเองป่วยเป็นโรคมะเร็ง(อายุ 31ปี) ตามด้วยวัณโรคปอด ก้อนเนื้อมดลูก ถุงน้ำรังไข่ เคยผ่าตัดมาแล้ว 3 ครั้ง

ก่อนป่วยดิฉันได้ปฏิบัติธรรมบ่อยๆที่วัดอย่างเงียบสงบ ขออยู่กุฏิคนเดียวไกลๆ ลุกออกมาเดินจงกลมปฏิธรรม ตอนตี 3 มืดในป่าและไม่ใช้ไฟ เพื่อเป็นการฝึกความกลัว จนกระทั่งตอนนั้นจิตใจนิ่งสงบมาก พอช่วงป่วยจิตใจจึงสงบ ปล่อยให้ทุกอย่างมันดำเนินไปตามทางของมัน แต่ใจเรานิ่งมากก ดิฉันรู้สึกเหมือนมีหน้าที่ป่วยและรักษาไปตามทางโลก ส่วนทางใจดิฉันเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว การรักษาทุกอย่างเหมือนเตรียมการไว้หมด ประสานอะไรก็ไม่ติดขัด มีคนช่วยจัดช่วยวางไว้ให้หมดทุดอย่าง จนกระทั่งทุกวันนี้หายดีจากโรคมะเร็ง หน้าตาผิวพรรณดีเป็นปกติ หลายคนทักว่าสวยกว่าเดิม ชีวิตดีขึ้นทันทีหลังจากนั้น

ดิฉันอยู่ดีๆก็นึกสนใจเรื่องมนุษย์ต่างดาว ก็เลยหาข้อมูลในเวป เจอสิ่งน่าสนใจมาเรื่อยๆ ได้ข้อมูลมาเรื่อยๆแต่ยังไม่หยุดค้นหา จนตอนนี้หยุดอยู่ที่ 2 ที่ คือ กระทู้ของคุณชยุต และ เวปจิตจักรวาล อ.ปริญญา
ช่วงแรกยอมรับว่าเป็นเรื่องใหม่ทั้ง 2 เรื่อง และมีเนื้อหาคล้ายกัน. ส่วนเรื่องมนุษย์ต่างดาวที่คุณชยุตนำมาสื่อก็คล้ายกับที่มนุษย์ต่างดาวของเขากะลาสอนมาหลายเรื่อง เช่น เขามุ่งเน้นสอนธรรมะ ละวางอัตตา อาจจะมีส่วนต่างตรงเรื่องของคุณชยุต ที่กล่าวถึงพลังอำนาจของจิต กาลเวลา และไขความลับของจิตหลายๆเรื่อง

ส่วนอ.ปริญญา จิตจักรวาลนั้น เคยเปิดไปเจอครั้งแรกในเวปเมื่อนานมาแล้วจึงคิดว่าไม่น่าเชื่อถือและไม่ยอมรับ เพราะไม่ใช่ทางที่พระพุทธเจ้ากล่างถึง ตอนนั้นเป็นคนที่ยึดมั่นในธรรมะของพุทธเราอย่างเดียวเพราะมั่นใจว่ามาถูกทางแล้ว หลังจากลองติดตามมาระยะหนึ่ง ปัจจุบันดิฉันยอมรับจิตจักรวาลมากขึ้นเรื่อย ๆโดยไม่ยึดติดที่ตัวตนว่าใครพูด หรือลักษณะการพูดแบบไหน เนื่องจาก อ.ปริญญา ท่านจะพูดแรง พูดตรง มีคำด่าบ้าง แต่ท่านบอกว่าท่านไม่ใช่นักบวช ยังเป็นฆราวาสคนหนึ่งที่ต้องหาทางหลุดพ้นเช่นกันกับเรา ให้เราฟังในสิ่งที่ท่านนำมาสื่อและพิจารณาตามจนเกิดปัญญาด้วยตัวเองให้ได้

ปัจจุบันดิฉันเปิดใจให้กว้าง ยอมรับสิ่งต่างๆเข้ามา เรื่องใหม่ๆเรื่องอื่น และมาพิจารณาตามเรื่อยๆ มันทำให้จิตใจเปิดกว้างเต็มไปด้วยความรู้และความสุขสงบ แม้แต่อาจารย์โนวาอนาลัย ดิฉันก็ได้ซื้อหนังสือ ธรรมชาตของชาติภพ ไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มปฏิบัติธรรมเข้มข้น(สนใจธรรมะมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ไปเน้นที่การทำบุญทำทานเป็นส่วนใหญ่) ตอนนั้นดิฉันอ่านหนังสือท่านโนวาอนาลัยไม่เข้าใจเลย ทั้งที่พยายามมากเพราะอยากหาความรู้ที่นอกเหนือจากจากวัฒนธรรม มุมมองของมนุษย์คนอื่นๆ แต่ไม่สามารถเข้าใจจึงวางลงและไม่สนใจอีกเลย จนทุกวันนี้ยอมรับว่าเข้าใจลึกซึ้งและเนื้อหาเชื่อมโยงไปในทางเดียวกันกับของคุณชยุตและจิตจักรวาล จึงติดตามมาเรื่อยๆ
ส่วนจิตจักรวาล ดิฉันมองว่าเป็นคำตอบทั้งหมดของทุกสิ่งทุกอย่าง และอยากแนะนำให้ผู้ที่ต้องการแสวงหาความรู้ทางจิตเพือการหลุดพ้น และ มีคำถามในใจลึกๆเกี่ยวกับการกำเนิดและที่มาของจิตวิญญานมนุษย์ ลองเข้าไปศึกษาดู มันไม่แปลกหรอกค่ะ เพราะเราสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้หมดในสิ่งเดียวกัน มันจะดึงดูดกัน
*** ไม่ได้เข้าโน้มน้าวหรือชักชวนท่านใดให้เชื่อตามหัวข้อใดๆที่กล่าวอ้างมานะคะ แค่อยากให้ทุกท่านลองเปิดใจรับข้อมูลด้านอื่นเข้ามา ถึงมันจะแปลกแยกออกไปจากความเชื่อของมนุษย์ที่เคยสร้างวัฒนธรรมกันมา แต่การลองเปิดใจรับมัน จะทำให้เราได้ความรู้มากขึ้นอย่างไม่เคยคิดมาก่อน ไม่ต้องสนว่าใครพูด ไม่ต้องยึดติดในตัวตน ให้ฟังในสิ่งที่เขาพูด แล้วคุณจะได้รับข้อมูลมากมายเช่นดิฉัน ขอบคุณค่ะ

ปล.ดิฉันไม่เก่งด้านไอที พอย้ายมาอยู่.org แล้ว ค้นชื่อกระทู้มันก็กลับไปเวปเก่าหมด เลยหาข้อมูลเดิมไม่ได้ แม้แต่ที่คุณชยุตวางแปลิงค์ไว้ให้ ลองคลิกแล้วก็เป็นเหมือนเดิมค่ะ รบกวนผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยค่ะ

 

วิธีการค้นหาลิงค์กระทู้ที่ผมเคยโพสต์ไว้แล้ว
แบบง่ายๆและไม่พลาดก็คือ ในกระทู้ไหนก็ได้
ที่เป็นกระทู้ที่ผมโพสต์ เช่น กระทู้นี้เป็นต้น
ตรงส่วนท้ายๆของหน้ากระทู้ แต่ไม่ใช่ท้ายสุด
มันจะมีส่วน tag อยู่ครับ ให้กดที่คำว่า 'chayutt' ใน tag นั้น
แล้วรายการกระทู้ที่ผมทำ tag ไว้ก็จะปรากฎขึ้นมา

ขอแสดงความยินดีกับกระบวนการ "ตื่น" ของคุณด้วยนะครับ
นี่ก็เป็นตัวอย่างของคนที่ตื่นแบบรวดเร็ว เพราะการเจ็บป่วยร้ายแรง
หรือเพราะอะไรก็ตามแต่ที่สามารถพลิกผันชีวิตได้ภายในช่วงเวลาอันสั้น

ในกระทู้ Starseed ที่ผมเคยโพสต์เอาไว้ เขาบอกเอาไว้ว่า
ก่อนที่พวกเราจะลงมาเกิด พวกเราได้ "เลือก" วิธีการตื่นของตัวเอง
เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว และวิธีการที่ว่านั้น ก็ถูกเข้ารหัสเอาไว้ใน DNA
ของพวกเราแต่ละคนเองเรียบร้อยแล้ว

ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว พวกเราจะเลือกที่จะค่อยๆตื่น แบบค่อยเป็นค่อยไป
แต่ก็มีส่วนน้อย ที่ผมขอใช้คำว่า กล้าหาญมาก ที่เลือกที่จะตื่น
แบบปุบปับฉับพลัน หรือ แบบหักดิบมายาการของมิติที่สามแบบนี้

รหัสของการตื่นที่ว่านี้ มันมีหลากหลายรูปแบบ เกินกว่าที่พวกเราจะคาดเดาได้
เช่น บางคนก็เป็นโรคภูมิแพ้อะไรบางอย่าง ซึ่งนั่น ก็อาจจะทำให้
ร่างกายของคนๆนั้นต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา และทำให้วิถีชีวิตของคนๆนั้น
ต้องถูกชักนำให้เข้าสู่กระบวนการตื่นเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ได้
แล้วจนถึงวันหนึ่ง ร่างกายก็อยู่ในสภาพที่ "พร้อม" แล้ว
ที่จะรับการผสานรวมกับจิตวิญญาณของคนๆนั้นมากขึ้น อะไรแบบนั้นหนะครับ

ครายออนเคยพูดเอาไว้ว่า "ไวรัส" ไข้หวัด เป็นไวรัสเพียงชนิดเดียวในโลก
ที่ไม่มียารักษาให้หายขาดได้ เพราะว่ามันจะเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ตลอดเวลา
และนั่นก็ไม่ใช่ความบังเอิญซะด้วย เพราะว่ามันถูกออกแบบมาแบบนั้น
เพราะมันถูกใช้ให้เป็น "ตัวกระตุ้น" หรือ catalyst ให้กับร่างกายเนื้อของเราเสมอมา
เพื่อที่ว่า เวลาใดที่ร่างกายเนื้อของเรา จำเป็นจะต้องได้รับการ shutdown
เพื่อ reboot โปรแกรมอะไรซักอย่างแล้ว มันก็จะถูกใช้เพื่อการนี้

นั่นแหละคือเหตุผลที่มันยังไม่มี และ จะไม่มียาตัวไหนรักษามันให้หายขาดได้
เพราะว่ามันมีความจำเป็นเช่นนี้เอง

บุคคลประเภทหัวดื้อ ยึดติด ไม่เชื่อใครง่ายๆ มั่นใจในตัวเองสูง อีโก้สูง
แต่พื้นฐานจิตใจเป็นคนฝักใฝ่ความสงบสุข เกลียดความชั่ว มีเมตตา ฯลฯ
ก็เป็นลักษณะเฉพาะโดยทั่วๆไปของพวก starseed อยู่แล้วหละครับ

ดังนั้น หลายคนก็จึงฝักใฝ่ธรรมะมาตั้งแต่เด็ก และเมื่อถึงเวลา
บรรดาเทพผู้นำทาง หรือ ครอบครัวชาวจักรวาลของคนๆนั้น
ก็จะกระตุ้นให้ได้มีโอกาสมาสนใจเรื่องราวระดับจักรวาลแบบนี้
จนในที่สุดก็เห็นความเป็นไปได้ว่า ข้อมูลพวกนี้ มันอาจจะเป็นจริงอยู่บ้างก็ได้
และนั่นแหละ จึงทำให้เกิดการเปิดใจมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วจากนั้น
ชีวิตก็เหมือนกับ "อยู่นอกกรอบ" มากขึ้นเรื่อยๆ

และในที่สุด ก็เป็นอิสระจากกรอบทั้งหลาย จนอาจถึงขั้นเรียกได้ว่า
มีเพียงกรอบเดียวที่ยังคงเหลืออยู่ นั่นก็คือ "สัจธรรม" ระดับจักรวาลเท่านั้น
ไม่ว่ามันจะมาจากปากใคร หรือจากข้อเขียนของศาสนาใดก็ตาม
ถ้านั่นคือสัจธรรม และมีความสั่นสะเทือนสอดคล้องในทางบวกแล้วหละก็
ก็ถือว่า OK หมด แล้วการแบ่งแยกเรา-เขา ฉัน-เธอ มันก็จะค่อยๆเบาบางลงนับจากนั้น

.......................................

 

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ^ ^
555+ เหมือนกันจริงๆค่ะ น่าตื่นเต้น เหมือนนั่งอ่านความคิดเห็นตัวเองยังไงอย่างงั้น เรามีแหล่งเรียนรู้จากสื่อเหมือนกัน และวิธีการรับสื่อ(เปิดใจให้กว้าง)ค้นหาสิ่งที่เป็นความจริงไม่ใช่แค่ความเชื่อ เพื่อให้รู้ว่าความเชื่อตรงกับความจริงรึเปล่า และความจริงย่อมทนต่อการเพ่งพิสูจน์

ส่วนเรื่องป่วย ต่างกันตรงดิฉันอยากช่วยคนที่กำลังป่วยอยู่ค่ะ ไม่ใช่ตัวดิฉันเอง โรคไม่ร้ายแรงมากค่ะ แน่นอนฉันเชื่อว่าเขาสามารถรักษาตัวเองได้ถ้าเขาจะทำ ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาของแพทย์ และฉันก็เป็นอีกคนที่กำลังดึงดูดสิ่งนั้นมา(เมื่อเขาไปตรวจอีกครั้งคุณหมอจะต้องบอกเค้าว่ามันหายไปหมดสิ้นเขาไม่ได้ป่วยแล้ว)เย่ๆ^__^

และแน่นอนฉันไม่เคยลืมว่า สิ่งที่ทุกๆคนคิดคือสิ่งที่ทุกคนกำลังสร้าง และฉันคอยที่จะไม่ลืมว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ และมันส่งผลกับโลกนี้เสมอ

ความรักจะเบ่งบานในหัวใจทุกๆคน ^_____^

 

ผู้คนเหล่านี้เขาได้เลือกคุณให้เป็นผู้กระตุ้นเตือน
ให้เกิดการก้าวหน้าในการเลื่อนระดับของพวกเขาด้วยนะ
ทั้งเพื่อให้คุณได้มีโอกาสมากพอที่จะมองลงไปที่หัวใจของคุณ
ว่ามีพื้นที่ส่วนใดบ้างที่ต้องได้รับการปรับปรุงและพัฒนา
เพื่อนำไปสู่การส่องประกายแสงแห่ง “สัจจะ” ออกมา
ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมแก่การที่จะเดินหน้าต่อไป
ซึ่ง ณ. ขณะนี้ แต่ละคนก็มีความก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
และ “ความจริงของเมื่อวานนี้ อาจไม่ใช่ความจริงของวันนี้”
ดังนั้น มันสำคัญมากที่คุณควรละเว้นในการตัดสิน “อดีต”
และจงพยายามมองผู้อื่นด้วยดวงตาที่บริสุทธิ์และสดใหม่อยู่เสมอ
พร้อมทั้งมอบความรัก และความไว้วางใจให้แก่เขาเหล่านั้น

ขอบคุณมากมายค่ะ ^ ^

 

อ่านบทความของพี่ชยุตแล้ว สรุปกับตัวเองได้ว่า/ผมคงเป็น1ในstarseedด้วยล่ะครับ5555
(ตะก่อนสงสัยจนเครียดด เดี๊ยวนี้ไม่มีอะไรให้ต้องพิสูจน์ทราบ ขอบคุณพี่ชยุตอีกครั้ง.และขอบคุณทีมงานทุกๆท่านด้วยครับ)

 

เคยอ่านผ่าน ๆ ตาไม่นานเท่าไร ที่คุณชยุตพูดไว้ว่า
ช่วงนี้ เป็นวาระแห่งการชำระสะสางตัวเอง

เป็นคำที่สะดุดและน่าสนใจดี

คือช่วงนี้ ... ก็เห็นชัดขึ้นว่าตัวเอง ... มักจะไหลไปตามกระแสสังคมไปอย่างง่ายดาย
เช่นว่า คล้อยตามไปกับ ความรู้สึกนึกคิดอารมณ์ของผู้คน
แล้วก็ยังมีพฤติกรรมส่วนตัว ที่มักจะคอยเข้าไปยึดเข้าไปติด
จนหมกมุ่น และยังทำให้เสียสุขภาพจิตด้วยซ้ำ

รู้สึกได้เลยนะ ว่ามันทำให้ดวงจิตดวงใจอึบทึบ อึมครึม อันที่ตรงข้ามกับความสว่างไสว นั้นแหละ

มันทำให้ปิ๊ง...

คือเมื่อไรที่เราให้ความสนใจ ไหลตาม หรือหลงกับปัจจัยภายนอกเมื่อไร
ดวงจิตดวงใจก็จะไม่สว่างไสวน่ะ

แล้วก็สะดุดกับข้อความที่แปลในกระทู้นี้ ที่บอกว่า

นักรบแห่งแสงสว่างที่แท้จริง จะไม่ต้องการสิ่งใด
ที่เป็นสิ่งของภายนอกเลย
เพราะว่าถ้าพวกคุณมัวแต่จมปรักอยู่ และยุ่งอยู่กับ
การบำรุงบำเรอความพึงพอใจของตนเอง
และเสพติดอยู่กับสิ่งเร้าทางประสาทสัมผัส
แห่ง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อยู่หละก็
โลกภายในของพวกคุณ
ก็จะไม่สามารถเจริญเติบโตขึ้นมาได้เลย

เท่ากับว่า ดวงจิตดวงใจไม่อาจจะเปล่งประกายแห่งแสงสว่างได้เลยน่ะนะ

ทำให้สำนึก
ไม่หยุดพฤติกรรมตัวเองทั้ง ๆ รู้ ก็จะทำงานได้ยังงัยกันล่ะเนี่ย

และไปเจอกับอีกคำพูดนึง บอกว่า

ในส่วนของเคล็ดลับสุดยอดแห่งศิลปะวิทยาการอันเร้นลับ คงสงวนไว้ให้แก่เฉพาะศิษย์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด ซึ่งได้ปฏิญาณตนเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อพระเป็นเจ้าเท่านั้น ที่สมควรได้รับมอบความลับของฟ้าดิน

เจอคำพูดแบบนี้ แล้วทำให้มีกำลังใจเยอะเลย
หมดจิตหมดใจ... เลยงานนี้

พลันก็นึกถึงคำพูดของครูบาอาจารย์ได้สรุปคำหนึ่งไว้ว่า

“ ยิ่งคลาย... ยิ่งสว่าง ”

เข้าใจง่ายๆ เลยทีนี้
เมื่อใดที่ดวงจิตดวงใจคลี่คลาย
เมื่อนั้น ...ดวงจิตดวงใจก็ เปล่งประกายแห่งความสว่างไสว .... ด้วยเช่นกัน

 

ขอบคุณค่ะ คุณชยุต
ขอแชร์อีกสักนิดนะคะ
ตอนจบพยาบาลใหม่ๆ ดิฉันก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป กิน เที่ยว เล่น ทำงานไปด้วยความคิดว่า " มันคือหน้าที่ เท่านั้น" จนช่วงเริ่มมาปฏิบัติธรรมเข้มข้น ทำให้ค้นพบสัจธรรมหลายสิ่งหลายอย่าง ค้นพบจิตตัวเอง และนิสัยไม่ดีหลายๆอย่างมันผุดปุดๆๆๆ ขึ้นมาอย่างกะดอกเห็ด ดิฉันได้แต่ร้องอ๋อในใจ พบความอัศจรรย์ใจของจิตในหลายเรื่อง จนน้ำตาแห่งความปิตีไหลออกมาหลายครั้ง

ในตอนนั้นยังศึกษาพุทธเพียงอย่างเดียวไม่คิดจะมองอย่างอื่น ตั้งใจค้นหาทางพ้นทุกข์เพียงอย่างเดียว(ตามพระท่านสอน) แต่เนืี่องจากยังออกจากทางโลกไปไม่ได้ จึงคิดว่าเดิน 2 เส้นทางไปก็คงไม่น่าเป็นไร การนั่งสงบที่วัดมันก็ได้สงบแล้ว รู้เห็นบ้างแล้ว ชาร์ตแบตแล้ว ต้องนำกลับมาลองใช้จริงกับความวุ่นวายทางโลกดูบ้าง(ภาคสนาม^^)

ช่วงแรกๆที่กลับมาทำงานนะคะ ไม่รู้ว่าความสงบหายไปไหนหมด จิตใจเยือกเย็นเห็นสัจธรรมตอนอยู่วัดหายไปไหนหมด มันทำให้ดิฉันต้องกลับมาพิจารณาใหม่อย่างเร่งด่วน นานหลายปีนะคะ กว่าจะทำได้ มันต้องทำงานไปด้วย งานก็เหนื่อย เพื่อนร่วมงาน ญาติพี่น้อง สารพัดสิ่งต่างๆจะเข้ามาเป็นบททดสอบ สอบตกบ้างผ่านบ้าง ได้คะแนนเต็มบ้าง นี่คือ เรืีองจริงของการต่อสู้จิตใจช่วงแรก

ปัจจุบันนี้หลังจากสู้รบกันมานานก็เริ่มนิ่งแล้วค่ะ จึงเริ่มเปิดใจศึกษาใบไม้นอกกำมือของพระพุทธเจ้า และก็ได้มาพบเห็นเรื่องใหม่ๆตามที่กล่าวมาตอนแรกค่ะ มีหลายสิ่งที่ข้อความจากต่างมิติสื่อมาที่ตรงกับคำสอนพระพุทธเจ้า เมื่อเอามาพิจารณาเทียบเคียงกันแล้ว มันก็คือสิ่งเดียวกัน แต่มันเป็นใบไม้นอกกำมือที่ท่านไม่ได้เน้นให้รู้ในช่วงเวลานั้น เท่านั้นเอง

ข้อความจากเทพต่างๆที่ท่านสื่อมา ดิฉันจำติดใจและนำไปปฏิบัติหลายเรื่อง เช่น การไม่ชี้ถูกผิดหรือตัดสินใครและเรื่องของความเชื่อ(จำหัวข้อไม่ได้) เรื่องนี้เป็นอะไรที่เปิดฟ้าและกำแพงกั้นโลกออกไปทันทีค่ะ และได้อ่านอีกหลายๆเรื่อง เป็นสิ่งดีๆที่ทำให้ซาบซึ้งในความรักที่ไม่มีเงื่อนไขจริงๆค่ะ

ทุกวันนี้ดิฉันเป็นคนที่เริ่มมีบทบาทในการทำงานของหน่วยงานมากขึ้น เราต้องการพัฒนาคุณภาพเพื่อสิ่งดีๆให้ผู้ป่วย แต่ปัญหาก็เต็มไปหมด ข้าราชการรุ่นเก่าที่ไม่พร้อมเปลี่ยนแปลงและหลายๆอย่าง จึงทำให้หลายเรื่องเดินต่อไปไม่ได้ ดิฉันจึงได้แต่ปล่อยวาง และเข้าใจในที่สุดว่า เราทำสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว แต่เราทำทุกอย่างคนเดียวไม่ได้ เพราะฉนั้นจะถึงอย่างไรในที่นี้ก็ต้องมีคนอย่างเราอยู่บ้าง เพื่อเป็นเงื่อนไขด้านบวก เพื่อเพิ่มแรงสั่นสะเทือนด้านบวกให้เกิดขึ้นกับหน่วยงานบ้างก็ยังดี

มีอีกเรื่อง คือ เลข 11 หรือ 111 หรือ 1111 นั้น ดิฉันเจอบ่อยมาก เจอทุกที่ทุกมุม แม้แต่ในเครื่องมอนิเตอร์ผู้ป่วย ทุกวันนี้เจอมากจนรู้แล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ตัวเลขรองลงมาคือ222และ 444 ดิฉันจึงอยากจะมาค้นหาความหมายใหม่อีกครั้ง แต่เปิดกระทู้ไม่ได้ดังที่กล่าวมาค่ะ

อ้อ อยากเล่าประสบการณ์เกี่ยวรูปธรรมต่างมิติสักหน่อยค่ะ
ช่วงที่ติดตามคุณชยุตใหม่ๆ ข้อมูลมันหลั่งไหลเข้ามาเยอะมาก มีวันหนึ่งนอนดึกช่วงตีหนึ่ง หลับตาปุ๊บก็รู้สึกว่ามองเห็นดวงจันทร์ดวงกลมๆลอยอยู่บนฟ้าชัดมาก ทั้งๆที่ดิฉันนอนในแฟลตชั้น 2 (มี3 ชั้น) ตอนนั้นกำลังสงสัยอยู่ว่าเห็นได้ไง สักพักแสงดวงกลมๆนั้นก็หมุนติ้วๆๆๆ ลงมาเรื่อยๆ จนถึงหัวเตียงด้านนอก(เป็นหน้าต่างมุ้งลวด 2 บาน) ดิฉันจึงรีบหลับตาเพราะในใจรู้ว่านี่คือ "ยานบิน" และมีเสียงอะไรฟังไม่ออกส่งมาหา สักพักตั้งสติได้ นึกได้ว่าเค้าใช้โทรจิตคุยกัน จึงตอบกลับว่าฟังไม่ออก เค้าจึงส่งมาเป็นภาษามนุษย์ คุยกันนานมาก หลายเรื่องแต่ดิฉันจำไม่ได้ ใจมันตื่นเต้น ตื่นขึ้นมาตอนตี 4 จึงรู้ว่าฝันไป แต่เหมือนจริงมากกก คิดทบทวนไปมาก็จำไม่ได้ว่าคุยอะไรกัน. อันนี้ก็แชร์ให้ฟังนะคะ

ปล. เขียนยาวมาก เพราะเพิ่งได้มีโอกาสเล่าในสิ่งที่พบเจอมา จริงๆมีเรื่องอัศจรรย์ทางจิตและทางกายหลายเรื่อง แต่กลัวว่าจะเป็นการไม่เหมาะสมที่จะนำมากล่าวถึงมาก จึงขอเป็นผู้ชมที่ดีต่อไปนะคะ

ขอบคุณคุณชยุตอีกครั้ง คุณคือผู้ถือสาร์นสำคัญที่สามารถเปลี่ยนหลายสิ่งหลายอย่างได้ อาจจะมีหลายคนที่ปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ แต่กลุ่มผู้คนที่เชื่อก็มีผลกับโลกไม่ใช่น้อย ดิฉันเชื่อ เรื่อง "เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว" ค่ะ ไม่นานจะมีผู้คนตื่นรู้มากขึ้นในที่สุดพร้อมกับระบบโลกใหม่

ขอบคุณที่ให้โอกาสได้มาแชร์เรื่องราวค่ะ