ข้อความจากต่างมิติ - การสื่อสารในระดับจิตวิญญาณ (Soul Communication)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 8 พฤษภาคม 2014.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon)
    เรื่อง: การสื่อสารระดับจิตวิญญาณ (Soul Communication)-Part2

    ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
    วันที่: 23 กุมภาพันธุ์ 2014

    ที่มา: San Antonio, Texas - February 23, 2014

    ตอนที่ 5:

    จิตวิญญาณเก่าแก่ (The Old Soul)

    คราวนี้ นั่นแหละคือจุดที่จิตวิญญาณเก่าแก่ทั้งหลายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหละ
    เพราะว่าที่รักทั้งหลาย พวกคุณได้ถูกปรับจูนใหม่แล้ว! ถ้าพวกคุณคนใดกำลังได้ยินเสียงที่ฉันพูดอยู่นี้
    หรือกำลังอ่านข้อความนี้อยู่ นั่นแหละคือการยินยอมของพวกคุณหละ

    ฉันอยากจะบอกพวกคุณว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น ที่รักทั้งหลาย
    เพราะว่ามันมีระดับแห่งการยินยอมอยู่หลายระดับ
    แต่ระดับแรกสุดก็คือ การเปิดประตูออกมา แล้วมันก็จะเริ่มต้นขึ้น


    พลังงานของปี 2014 และปีต่อๆไป กำลังจะสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้เกิดขึ้นบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้
    ซึ่งปรากฎการณ์ใหม่เหล่านี้ ก็จะมีไว้เพื่อการค้นพบ, การตื่นรู้, การประจักษ์แจ้ง และเพื่อการมีประสบการณ์แบบอะฮ้า
    แต่ก็ไม่ใช่ว่าปรากฎการณ์ทุกๆปรากฎการณ์จะเกี่ยวข้องกับด้านจิตวิญญาณหรอกนะ
    เพราะว่าวงการวิทยาศาสตร์ก็จะค้นพบสิ่งต่างๆมากมาย ที่จะเป็นต้นเหตุของคำถามใหม่ๆอีกมากมาย
    ซึ่งคำถามเหล่านี้และคำตอบของมัน ก็จะเปิดประตูไปสู่สิ่งที่ดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับด้านจิตวิญญาณในช่วงแรกๆ
    แต่ว่าพวกมันทั้งหมดก็จะนำทางไปสู่ทิศทางนั้นเหมือนๆกันหมดในที่สุด

    การค้นพบใหม่ๆด้านควอนตั้มฟิสิกส์ และด้านจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ ที่เคยถูกซุกซ่อนเอาไว้
    ก็จะเป็นเหตุให้กฎต่างๆของมันต้องเปลี่ยนแปลงไป และก็จะไปบังคับให้วิชาชีววิทยาและฟิสิกส์
    ต้องมามีความสัมพันธ์กันในรูปแบบที่แปลกประหลาดรูปแบบหนึ่ง

    มันจะเป็นสาเหตุให้ต้องหวนกลับมาคิดตรองดูใหม่ว่าชีวิตคืออะไร
    และก็จะนำไปสู่การพิสูจน์ถึงการมีอยู่จริงของโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ
    ของจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ชนิดอื่นๆ ที่อยู่รอบๆตัวพวกคุณ ในท้ายที่สุด



    การค้นพบใหม่ – ความจริงใหม่

    ในขณะที่แพทย์กำลังทำการผ่าตัดให้กับผู้ป่วยรายหนึ่งอยู่นั้น ในทางเคมีแล้ว ถือว่าผู้ป่วยรายนั้นตายแล้ว
    บางทีหัวใจของเขาอาจจะถูกเอาออกมาแล้ว และหัวใจใหม่ก็พร้อมแล้วที่จะถูกใส่เข้าไปแทนที่ ในช่องอกของเขา
    เครื่องช่วยชีวิตกำลังปั๊มเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตของเขาเอาไว้อยู่ และแก่นแท้ของชีวิตของเขาก็กำลังล่องลอยไปมา
    อยู่เหนือเตียงผ่าตัดนั้น และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม เขาก็กำลังมองดูการผ่านั้นอยู่

    เคยมีรายงานว่า ผู้ป่วยบางรายก็สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆที่มีเฉพาะแพทย์เท่านั้นที่จะรู้ได้ได้
    แต่ผู้ป่วยบางรายก็ไม่เห็นอะไร เพราะว่าผู้ป่วยที่จะสามารถมองเห็นตัวเองอยู่บนเตียงผ่าตัดในระหว่างผ่าตัดได้นั้น
    ก็คือผู้ที่ได้ "ยินยอม" แล้ว เพราะว่ามันก็คือการสื่อสารระดับจิตวิญญาณด้วย
    เพราะว่าตัวตนหลากมิติของพวกเขาเอง คือผู้ที่กำลังมองดูกระบวนการผ่าตัดทั้งหมดนั้นอยู่

    มันมีหลายสิ่งอย่างอย่างมากที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งบางส่วนของพวกมันก็สามารถที่จะพิสูจน์ได้จริงๆเมื่อเวลาผ่านไป
    เมื่อใดที่มีการศึกษาอย่างจริงจังเกิดขึ้น บางส่วนของพวกมันก็จะเริ่มถูกเปิดเผยออกมา
    และมนุษย์โลกก็กำลังจะต้องให้การยอมรับแนวความคิดใหม่เกี่ยวกับชีวิต ที่ใหม่เอี่ยมอ่องอย่างสิ้นเชิงแล้ว

    และหนึ่งในนั้นก็จะเป็นเรื่องนี้: ชีวิตหลากมิติเป็นชีวิตนิรันดร์
    และแยกขาดจากชีวิตทางกายภาพของกายเนื้อนี้อย่างสิ้นเชิง,
    จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ (consciousness) เป็นสิ่งที่จะคงอยู่ตลอดกาล
    และจริงๆแล้วจิตวิญญาณมีการกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่า


    เรื่องพวกนี้มันจะสามารถหาข้อพิสูจน์ได้ไหม? คำตอบคือได้ แต่หลายคนก็จะปฏิเสธมันอยู่ดี
    และเมื่อใดที่เริ่มมีจำนวนเด็กๆที่สามารถระลึกชาติได้มากขึ้นแล้ว
    และเริ่มสามารถบอกความจริงอะไรบางอย่างที่ไม่น่าจะรู้ได้แล้ว
    เรื่องพวกนี้ก็จะเริ่มถูกนำไปศึกษาอย่างเป็นทางการ และเด็กๆก็จะบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ
    แล้วพวกคุณก็จะรู้ได้ทันทีว่าความตระหนักรู้ด้านจิตวิญญาณบทใหม่ของดาวเคราะห์โลกดวงนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
    แต่ก็ยังจะมีผู้คนอีกมากมายที่จะปฏิเสธมันอยู่ดี เพราะว่ามันไม่สอดคล้องกับความจริงของพวกเขา

    เมื่อใดที่โลกเริ่มหันมาให้ความสนใจมัน มันก็จะเริ่มทำให้ระบบความเชื่อด้านจิตวิญญาณทั้งหมดเปลี่ยนแปลงไป
    แล้วมันอีกนานไหมหละ? โอ..ยังอีกนาน ยังอีกนาน แต่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะ ที่รักทั้งหลาย
    เพราะว่าพวกคุณจะได้ไปอยู่ในช่วงเวลานั้นด้วย

    ดังนั้น จงอย่าไปตีกรอบเวลาให้กับมัน เพราะว่าเมื่อใดที่มันเกิดขึ้น
    พวกคุณก็จะได้ไปอยู่ที่นั่นด้วย และในอนาคตชาติที่พวกคุณจะได้ตื่นรู้ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งนี้
    ในหลากหลายระดับ พวกคุณจะสามารถจดจำได้ว่าพวกคุณเป็นใคร
    มันจะเป็นการจดจำได้ที่มากกว่าในรอบนี้มาก
    และมันก็จะไม่เกิดขึ้นในช่วงบั้นปลายของชีวิตพวกคุณด้วย
    เพราะว่ามันจะเกิดขึ้นในช่วงที่พวกคุณยังเป็นเด็กอยู่แทน
    พวกคุณอาจจะได้เป็นหนึ่งในเด็กตัวอย่างเหล่านี้!


    .......................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2014
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon)
    เรื่อง: การสื่อสารระดับจิตวิญญาณ (Soul Communication)-Part2

    ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
    วันที่: 23 กุมภาพันธุ์ 2014

    ที่มา: San Antonio, Texas - February 23, 2014

    ตอนที่ 6:

    ตัวสะกัดกั้นและตัวกรองของการสื่อสารระดับจิตวิญญาณ


    ฉันอยากจะขอพูดถึงตัวสะกัดกั้นและตัวกรองเหล่านี้สักหน่อย
    ซึ่งสิ่งกีดขวางหลักของการยินยอม
    ที่ทำให้พวกคุณไม่สามารถที่จะเชื่อ
    หรือรู้สึกถึงสิ่งที่เป็นหลากมิติเหล่านี้ได้ก็คือ
    “ขนบธรรมเนียมประเพณี” (tradition)
    ของพวกคุณ

    และที่พวกเราใช้ศัพท์คำนี้ ก็เพื่อที่จะหมายถึง “สิ่งที่พวกคุณถูกสั่งสอนมา”
    เพราะว่าสิ่งที่พวกคุณถูกสั่งสอนมานั้น มันจะมีอำนาจอยู่เหนือพวกคุณ
    ซึ่งพวกคุณมองไม่เห็นว่า ทั้งหมดนี้มันมีอำนาจอยู่เหนือพวกคุณอยู่จริงๆ
    แต่อันที่จริงแล้วมันมี

    ซึ่งวิธีการที่จะเปลี่ยนวิถีความเชื่อของพวกคุณให้ได้นั้น
    พวกคุณก็จะต้องคิดทบทวนดูใหม่ ถึงสิ่งที่พวกคุณถูกบอกถูกสอนมา
    โดยใครซักคนหนึ่งหรือโดยองค์กรซักองค์กรหนึ่ง ที่พวกคุณให้ความเคารพเชื่อถือ
    ว่าสิ่งๆนั้นคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์และคือสิ่งล้ำค่าสำหรับพวกคุณ
    ซึ่งคนที่สั่งสอนพวกคุณมานั้น ก็อาจจะเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองของพวกคุณเอง
    หรือเป็นสถานศึกษาของพวกคุณ หรือเป็นคนที่พวกคุณรักและเคารพและนับถือก็ได้
    แล้วพวกคุณก็ยอมรับเอาแนวความคิดที่ถูกสอนมาเหล่านั้นๆเอาไว้ว่า
    เป็น “ความจริง” (truth) สำหรับตัวพวกคุณเองไป

    และเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณ
    ก็เลย “ยอมรับ” ใน “ความจริง” เหล่านั้น
    ส่วนสิ่งอื่นใดที่ไม่ใช่ความจริงเหล่านั้น
    ก็จะถูกมองว่าไม่ใช่ความจริงสำหรับพวกคุณไป
    เพราะว่ามันคือคำมั่นสัญญาอย่างหนึ่งของพวกคุณ
    และมันก็ได้กักขังพวกคุณเอาไว้ในกล่องๆหนึ่ง
    ที่พวกคุณยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำไปว่าตัวเองกำลังอยู่ในกล่องๆหนึ่งอยู่

    แล้วมนุษย์โลกจะสามารถฝ่าฝันออกมาจากตัวสะกัดกั้นที่น่าทึ่งเหล่านั้นได้อย่างไร?
    แล้วพวกคุณจะสามารถเปลี่ยนแปลงขนบธรรมเนียมประเพณีได้อย่างไร?


    ซึ่งคำตอบก็คือ พวกคุณจะต้องพักสิ่งที่ถูกสั่งสอนมาเหล่านั้นเอาไว้ชั่วคราวซะก่อน
    แล้วเปิดโอกาสให้กับสิ่งใหม่ๆเข้ามา


    เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก จนหลายๆคนไม่เคยทำได้สำเร็จเลย
    พวกเขาทำไม่ได้ และมันก็จะยังคงอยู่อย่างนั้น จนกลายไปเป็นสิ่งที่พวกเราเรียกว่า
    “ตัวสะกัดกั้นถาวร” (permanent block) ไป

    บรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย มักจะมีตัวบล็อกที่เข้มแข็งมากๆ เพราะว่าพวกเขาได้ศึกษามายาวนานที่สุด
    จนทำให้พวกเขาสามารถมาอยู่ ณ.จุดๆที่พวกเขากำลังอยู่ในขณะนี้ได้
    ดังนั้น สำหรับพวกเขาแล้ว การที่จะให้ยอมรับข้อมูลข่าวสารอะไรก็ตาม ที่ท้าทายสิ่งที่พวกเขาได้ร่ำเรียนมาหละก็
    จึงเป็นเรื่องที่ยากมาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย สำหรับโลกแห่งความเป็นจริงของพวกเขา
    เพราะว่ามันจะไปทำให้การดำรงชีวิตในฐานะปัญญาชนของพวกเขา เกิดความยุ่งเหยิงขึ้นมา

    ......................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2014
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon)
    เรื่อง: การสื่อสารระดับจิตวิญญาณ (Soul Communication)-Part2

    ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
    วันที่: 23 กุมภาพันธุ์ 2014

    ที่มา: San Antonio, Texas - February 23, 2014

    ตอนที่ 7:

    ตัวกรอง (filter): บางครั้ง Light worker เอง ก็สามารถยอมรับข้อมูลข่าวสารได้เพียงบางอย่างเท่านั้น
    เพื่อให้มันกลายมาเป็น “ความจริง” สำหรับพวกเขา แต่ไม่ใช่รับได้ทั้งหมด ตัวอย่างของตัวกรองที่ว่านี้ก็เช่น
    ข้อมูลข่าวสารเก่าๆบางเรื่อง ที่พวกคุณเคยถูกสั่งสอนมา ที่รายละเอียดบางประเด็นของมัน
    ไปขัดแย้งกับข้อมูลข่าวสารในระบบความเชื่อลี้ลับ (esoteric belief system) ที่ครายออนกำลังสอนอยู่นี้ เป็นต้น
    ดังนั้นพวกคุณจึงเปิดใจรับได้แค่เพียงบางส่วนของมันเท่านั้นเอง แต่อีกบางส่วนพวกคุณก็จะไม่รับ

    แล้วแบบนี้ถือว่าเป็นปัญหาไหม?

    ไม่หรอก.. อีกครั้งหนึ่ง..เพราะว่าพวกคุณมี “ทางเลือกเสรี” (free choice) เป็นของตัวเองอยู่แล้ว
    ที่จะทำความสะอาดหน้าต่างของจิตวิญญาณของตัวเอง เพื่อที่จะทำให้ตัวเองสามารถมองเห็นส่วนไหนของมันก็ได้
    ที่พวกคุณต้องการจะเห็นได้ จิตมนุษย์ของพวกคุณถูกทำให้มีลักษณะแบบเป็นเส้นตรง
    ดังนั้น บางเรื่องพวกคุณก็อาจจะเปิดใจรับได้อย่างมาก แต่สำหรับอีกบางเรื่อง พวกคุณก็อาจจะยังลังเลใจอยู่

    สิ่งนี้เรียกว่า “ตัวกรอง” หรือ filter และพวกเราก็เข้าใจดีว่า กระบวนการเปิดเผยความจริงให้รู้แบบนี้
    เป็นกระบวนการที่จะต้องอาศัยความต่อเนื่องและยาวนานสำหรับมนุษยชาติ

    ตัวกรองจะทำให้พวกคุณไม่สามารถมองเห็นภาพรวมทั้งหมดได้
    แต่มันก็ยังจะยอมให้สิ่งอื่นๆที่มีความถูกต้องเข้ามาได้อยู่
    ดังนั้น พวกคุณอาจจะใช้คำพูดว่า มันจะไปบิดเบือนสิ่งที่พวกคุณกำลังทำอยู่นั้น
    และก็จะไปบิดเบือนวิธีการที่พวกคุณกำลังทำอยู่นั้นด้วย


    ซึ่งเรื่องนี้พบเห็นได้ง่ายที่สุดในบรรดา “ผู้บำบัด” (healers) ทั้งหลาย, และนักพลังจิตทั้งหลาย
    และรวมถึงในผู้รับสาส์น (channellers) ทั้งหลายด้วย
    ที่ชอบนำเอาพลังงานเก่ามาผสมปนเปกับพลังงานใหม่

    เราจะมายกตัวอย่างของผู้รับสาส์นคนหนึ่งกัน (ครายออนยิ้ม) เขาอาจจะกำลังนั่งอยู่ต่อหน้าพวกคุณ
    และเขาก็อาจจะรู้สึกว่าเขากำลังรับข้อมูลข่าวสารที่ดีและเป็นความจริงอยู่
    แต่อย่างไรก็ตาม เขามีประวัติที่ชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่าเขาเก่งในเรื่องบางเรื่อง มากกว่าเรื่องอื่นๆ
    และเขาก็อาจจะพยากรณ์เหตุการณ์ในอนาคตให้กับพวกคุณ แต่แล้วมันก็ไม่เกิดขึ้นจริง
    เขาอาจจะบอกวันที่และเวลาเอาไว้ในคำพยากรณ์เหล่านั้นด้วยซ้ำไป แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ดังนั้น พวกคุณจะคิดอย่างไรกับผู้รับสาส์นประเภทนี้? พวกคุณอาจจะคิดว่า
    “เอ่อ..เขาอาจจะไม่ได้รับสาส์นมาจริงๆก็ได้”

    มีหลายคนมากที่เป็นแบบนี้ ที่รับสาส์นมาจริงๆ แต่ว่าพวกเขายังอยู่ในระหว่าง
    การ “ทำความสะอาดหน้าต่างของจิตวิญญาณ” ของตัวเองอยู่
    เพื่อที่จะทำให้สามารถแปลความหมายของสิ่งที่พวกเขาเห็นออกมาได้อย่างถูกต้อง

    เพราะว่าพวกเขายังมี “ตัวกรอง” อยู่นั่นเอง และตัวกรองที่ว่านี้
    ก็อาจจะคือสิ่งที่พวกเขาเคยถูกสั่งสอนมาก็เป็นได้
    ว่า..โลกในอนาคตจะเต็มไปด้วยความหายนะ และวันโลกาวินาศ
    ดังนั้น นั่นแหละคือสิ่งที่พวกเขาจะมองหาหละ
    ในระหว่างที่พวกเขากำลังรับสาส์นอยู่นั้น


    มันเป็นการยากสำหรับพวกเขาที่จะสลัดเรื่องนี้ทิ้งไปได้
    และถึงแม้ว่าพวกเขาจะกำลังรับสาส์นอยู่จริงๆ แต่ในระหว่างกระบวนการรับสาส์นนั้น
    จิตของพวกเขาก็จะแว๊บออกไป แล้วไปมองหาศักยภาพแห่งความเป็นไปได้
    ของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ ซึ่งมีอยู่แล้วใน “น้ำซุปแห่งความเป็นไปได้ทั้งมวล”
    (soup of possibilities) แทน

    และแทนที่พวกเขาจะเลือกดูแต่ศักยภาพที่มีความเป็นไปได้สูงสุด
    พวกเขากลับไปเลือกดูแต่ศักยภาพที่มันเป็นความหายนะรุนแรงที่สุดแทน
    แล้วก็เอามาถ่ายทอดต่อ แม้ว่าเจ้าศักยภาพที่ว่านั้น
    มันเป็นศักยภาพที่มีความเป็นไปได้น้อยที่สุดก็ตาม

    พวกคุณเห็นไหม? ว่าตัวกรองของพวกเขาดึงดูดให้พวกเขาเที่ยวไปค้นหาแต่เรื่องร้ายๆ
    ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม

    เป็นเวลา 25 ปีแล้ว ที่ฉันได้พร่ำบอกกับพวกคุณผ่านทางคู่หูของฉันว่า
    ศักยภาพที่มีความเป็นไปได้สูงที่สุดสำหรับดาวเคราะห์โลกของพวกคุณก็คือ
    พวกคุณกำลังค่อยๆชำระสะสางสิ่งต่างๆให้ดีขึ้นมาอยู่
    และว่า พวกคุณกำลังอยู่ในยุคพลังงานใหม่อยู่
    และพวกคุณก็กำลังมุ่งหน้าไปสู่การเป็นดาวเคราะห์ที่เปี่ยมไปด้วยสันติสุขอยู่

    ฉันเคยบอกพวกคุณไปแล้วว่า ในช่วงที่เปลี่ยนศักราชไปสู่ปี 2000 นั้น
    มันจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเลย แล้วมันก็ไม่มีจริงๆ

    พวกเราเคยบอกพวกคุณไปแล้วว่า สงครามเย็นระหว่างสหรัฐกับโซเวียดมันจะจบลง
    แล้วมันก็จบลงไปแล้วจริงๆ

    และสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แล้วก็แหกคำพยากรณ์โบราณด้วยก็คือ
    ย้อนกลับไปเมื่อปี 1989 ฉันเคยบอกพวกคุณไปว่าพวกคุณจะผ่านพ้นจุดวิกฤตไปได้
    แล้วพวกคุณก็ผ่านพ้นมาได้แล้วจริงๆ และศักยภาพอันนี้ จนถึงทุกวันนี้
    มันก็ยังคงเป็นศักยภาพที่มีความเป็นไปได้สูงสุดสำหรับอนาคตของพวกคุณอยู่

    และตอนนี้ฉันบอกพวกคุณว่าพลังงานเก่ามันจะตีกลับ แล้วมันก็กำลังตีกลับอยู่จริงๆ
    (ดูในข่าวของพวกคุณสิ) เพราะว่ามันต้องการที่จะดึงให้พวกคุณกลับไป
    เพื่อที่มันจะได้ทำหน้าที่ของมันอยู่ต่อไป แต่มันจะทำไม่สำเร็จหรอก

    เพราะว่าสันติสุขบนโลกใบนี้ และการมีจิตสำนึกมวลรวมที่สูงขึ้นของคนทั้งโลก
    ยังคงเป็นศักยภาพที่มีความเป็นไปได้สูงสุดอยู่
    และที่รักทั้งหลาย นั่นแหละคือสาเหตุที่ฉันมาอยู่ที่นี่หละ

    ฉันหวังว่าพวกคุณคงเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดมานี้ได้อย่างกระจ่างแจ้งแล้วนะ
    แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีศักยภาพแห่งความเป็นไปได้อื่นๆอยู่อีกหรอกนะ
    เพราะว่ามันยังมีศักยภาพอื่นๆอยู่อีก

    แต่หลายๆศักยภาพมันก็มีความน่าจะเป็นว่า
    มันจะไม่เกิดขึ้นภายในระยะเวลา 1 ล้านปีนี้
    และพวกมันก็ยังเป็นศักยภาพแห่งความเป็นไปได้เก่าอีกด้วย


    แต่อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ยังคงอยู่ที่นั่นอยู่ แล้วผู้รับสาส์นคนนั้นก็ไปเห็นพวกมันเข้า
    ผ่านทางตัวกรองที่มืดมัวของพวกเขาเอง ดังนั้น พวกเขาจึงไม่เคยมองเห็นภาพรวมที่ใหญ่กว่าเลย
    เพราะว่าตัวกรองของพวกเขาก็คือวันโลกาวินาศที่กำลังจะมาถึง
    ซึ่งไม่ว่ามันจะคืออะไรก็ตาม พวกเขาก็จะกลับออกมาจากกระบวนการรับสาส์น
    แล้วมาบอกกับพวกคุณไปตามนั้น นั่นแหละคือตัวกรองอย่างหนึ่งหละ

    .........................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2014
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    หมายเหตุ:

    รูปธรรมชีวิตจากต่างมิติทั้งหลายพูดเอาไว้ตรงกันว่า โลกแห่งความเป็นจริง
    หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริง มันไม่ได้มีอยู่เวอร์ชั่นเดียว เพราะว่ามันมีอยู่นับอนันต์
    และก็กำลังแปรผันไปตามเหตุปัจจัยอยู่ตลอดเวลาซะด้วย

    ชาวอาร์คทูเรี่ยนเรียกโลกแห่งความเป็นจริงเหล่านี้ว่า “โลกแห่งความเป็นจริงคู่ขนาน”
    (Parallel Realities) และ “โลกแห่งความเป็นจริงทางเลือกอื่น” (Alternate Realities)
    และ “โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ” (Multidimensional Realities)

    พวกเขาพูดเอาไว้ตรงกันทั้ง 100% ว่า..สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ใช่และก็ไม่เคยใช่
    สิ่งที่ถูกกำหนดเอาไว้แน่นอนตายตัวแล้วแต่อย่างใดเลย
    ดังนั้น มันจึงเป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้เสมอ
    และก็กำลังเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอีกซะด้วย

    ซึ่งในมิติที่ไร้กาลเวลาของพวกเขานั้น พวกเขาจะมองเห็นพวกมัน
    ซึ่งหมายถึงศักยภาพแห่งความเป็นไปได้ทั้งหมด ทุกๆเวอร์ชั่น ทุกๆเส้นทาง
    พร้อมๆกันหมด ในเวลาเดียวกัน ซึ่งพวกมันมีอยู่นับอนันต์ และพวกมันก็จะอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา

    แต่มันก็จะมีเพียงไม่กี่ศักยภาพเท่านั้นที่จะมีระดับพลังงานสูงที่สุด
    เพราะว่ามันถูกหล่อเลี้ยงด้วยพลังงานแห่ง “ความคิด” และ “อารมณ์ความรู้สึก”
    ของมนุษย์มากที่สุด, บ่อยที่สุด และนานที่สุดนั่นเอง ซึ่งนั่นแหละ
    คือศักยภาพที่มีโอกาสที่จะเป็นไปได้ และเกิดขึ้นจริงมากที่สุดหละ

    ดังนั้น ต่างมิติจึงพูดอยู่เสมอว่า มนุษย์เรานี่แหละคือผู้ที่กำหนดอนาคตให้กับตัวเอง
    เพราะว่าโลกแห่งความเป็นจริงทั้งกายภาพนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีแก่นแท้เป็นพลังงานด้วยกันหมดทั้งสิ้น
    และดังนั้น มันจึงเกิดขึ้นมาจากกระบวนการ manifestation หรือการเนรมิตด้วยกันหมดทั้งสิ้น

    ซึ่งกฎแห่งการเนรมิตก็มีอยู่ว่า
    “ความคิด” + “อารมณ์ความรู้สึก” = “สิ่งที่จะถูกเนรมิตออกมา”


    ซึ่งก็หมายความว่าถ้ามนุษย์โลกมวลรวม ไปพากันเชื่อและจดจ่ออยู่กับสิ่งใด
    ก็เท่ากับว่าพวกเรากำลังพากันไปเติมพลังงานให้กับสิ่งนั้นอยู่
    และก็กำลังทำให้ศักยภาพแห่งความเป็นไปได้ที่มันจะเกิดขึ้นจริงๆนั้น
    มีมากขึ้นเรื่อยๆตามไปด้วยโดยปริยาย

    เพราะฉะนั้น จงพึงระวังเรื่องร้ายๆที่ท่านกำลังเกาะติดสถานการณ์อยู่ให้ดี
    เพราะว่าท่านกำลังเชื่อและกำลังจดจ่อและกำลังเติมพลังงานเพิ่มเข้าไปให้กับมันอยู่
    ทุกเมื่อเชื่อวัน

    กฎของการเนรมิตคือ อย่าไปจดจ่อกับสิ่งที่เราไม่ต้องการ
    ไม่ว่าจะเป็นการจดจ่ออยู่ด้วยความเชื่อ หรือด้วยความเกลียด
    หรือด้วยความกลัวก็ตาม แต่จงจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เราต้องการแทน

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในโพสต์ที่ 11 ของลิงค์ข้างล่างนี้นะครับ – ผู้แปล)

    http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ๆ-และ-โลกคู่ขนาน-มิติคู่ขนาน-และอื่นๆ.492683/

    .......................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2014
  5. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon)
    เรื่อง: การสื่อสารระดับจิตวิญญาณ (Soul Communication)-Part2

    ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
    วันที่: 23 กุมภาพันธุ์ 2014

    ที่มา: San Antonio, Texas - February 23, 2014

    ตอนที่ 8:

    ตัวกรองอีกตัวหนึ่ง: จะเป็นอย่างไรถ้าฉันจะถามคำถามส่วนตัวกับพวกคุณซักข้อหนึ่ง?

    ฉันรู้จักพวกคุณดี ดังนั้นฉันจึงอยากจะถามพวกคุณว่า “พวกคุณเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริงไหม?
    พวกคุณเชื่อว่าการ channeling นี้มันเป็นเรื่องจริงไหม?”

    “เชื่อสิ ฉันเชื่อ” พวกคุณตอบ

    “ที่รักทั้งหลาย พวกคุณเชื่อไหมว่าพวกคุณมีบันทึกแห่งฟ้า ซึ่งมีข้อมูลของอดีตชาติ
    หลากหลายภพชาติของพวกคุณอยู่ในนั้น และพวกคุณเชื่อไหมว่าพวกคุณคือจิตวิญญาณเก่าแก่?

    “เชื่อสิ ฉันเชื่อ”

    งั้นก็ดีแล้ว! พวกคุณทำดีมาก และพวกคุณก็กำลังยินยอมอยู่ใช่ไหม?
    งั้นพวกคุณก็กำลังเริ่มต้นการสื่อสารในระดับจิตวิญญาณแล้วหละ
    “ที่รักทั้งหลาย พวกคุณพร้อมหรือยังที่จะไปสู่ระดับต่อไป?”

    “ใช่ ฉันพร้อมแล้ว”

    จริงเหรอ! งั้นพวกคุณก็ลงมือกันได้เลย ซึ่งสิ่งแรกที่จะเริ่มต้นเกิดขึ้นก่อนก็คือ
    ต่อมไพเนียลของพวกคุณจะเร่งเครื่องขึ้นมา เพื่อส่งความคิดแห่งการหยั่งรู้มาให้แก่พวกคุณ
    แล้วพวกคุณก็จะเริ่มมีการติดต่อสื่อสารที่ดี แต่แล้วทันใดนั้นมันก็หยุดชะงักลง เพราะว่ามันมีตัวกรองอยู่ที่นั่น

    มันคือตัวกรองที่ว่า:
    "พวกคุณไม่คู่ควรที่จะมีพรสวรรค์ในการติดต่อสื่อสารแบบนี้ พวกคุณไม่มีค่ามากพอ"


    ทำไมมนุษย์โลก เมื่อมองดูชีวิตของเหล่าคุรุทั้งหลายแล้ว แทนที่พวกคุณจะรับฟังสิ่งที่พวกเขาสั่งสอนพวกคุณมา
    แต่พวกคุณกลับคิดว่า เพื่อเป็นการสักการะและให้เกียรติคุรุเหล่านั้น
    พวกคุณจะต้องเลียนแบบหรือเดินตามรอยความทุกข์ยากของพวกเขาไป ที่พวกเขาได้ฝ่าฟันมันไปได้แล้วหละ?

    นั่นหละตัวกรองอีกตัวหนึ่งหละ! พวกคุณมองเห็นมันไหม?

    ดังนั้น แทนที่พวกคุณจะดูดซับเอาข้อความไว้ แต่พวกคุณกลับไปดูดซับเอาความไม่มีคุณค่ามากพอเข้ามาไว้แทน
    เพราะว่าพวกคุณคิดว่าพวกคุณยังไม่ได้ทำอย่างที่เหล่าคุรุทั้งหลายได้พากันทำมาแล้วนั่นเอง

    เพราะฉะนั้นแล้ว..พวกคุณพร้อมหรือยัง?

    เพื่อที่จะรับความรักจากพระเจ้า หรือเพื่อที่จะรับเป็นเจ้าของความศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ภายในตัวเอง
    พวกคุณก็เลยคิดว่าพวกคุณจะต้องผ่านความทุกข์ยากซะก่อน นั่นแหละคือตัวกรองหละ

    แต่ที่รักทั้งหลาย นี่ไม่ใช่การตัดสินชี้ถูกผิดพวกคุณหรอกนะ
    แต่มันคือการเปิดเผยวิธีการที่มนุษย์ได้เลือกที่จะทำในยุคพลังงานเก่า
    ที่ยังไม่มีการยินยอม ให้พวกคุณได้รู้เท่านั้นเอง

    มนุษย์มักจะมองดูสิ่งต่างๆโดยปราศจากโครงสร้าง หรือปราศจากความรู้ หรือปราศจากปัญญา
    ว่าแท้ที่จริงแล้วมันหมายความว่าอย่างไร เพราะฉะนั้นแล้ว ตัวกรองตัวนี้
    จึงไปบิดเบือนทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกคุณกระทำเกี่ยวกับด้านจิตวิญญาณ
    และไปดึงให้มันโน้มเอียงไปในทางที่พวกคุณถูกสั่งสอนมา
    พวกคุณรู้ไหมว่ามีกระบวนการด้าน New Age มากน้อยแค่ไหน
    ที่มีรากฐานมาจาก “ความไม่มีคุณค่ามากพอ” (unworthiness) หนะ?

    มีเยอะมาก ดังนั้น บางที..มันจึงน่าที่จะถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องมาคิดทบทวนถึงอะไรบางอย่างกันใหม่ซะที
    แล้วจากนั้นก็หันมาเริ่มต้นที่ความคิดนี้แทน: "พวกคุณคือรูปธรรมชีวิตที่มีความยิ่งใหญ่อลังการ!"
    ดังนั้น จงมาสร้างการสื่อสารในระดับจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่อลังการให้บังเกิดขึ้นเถิด
    เพราะว่าพวกคุณมีคุณค่าคู่ควร!

    จงเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง จงถามตัวเองว่า ฉันคือผู้อันเป็นที่รักจริงๆหนะหรือ?
    แล้วจากนั้นก็ปล่อยให้พวกเราจับมือพวกคุณเอาไว้ แล้วเริ่มต้นจากตรงนั้น
    จงรู้สึกถึงอาการขนลุกที่เป็นคำตอบของคำถามนี้
    ถ้าหากว่าพวกคุณกำลังถามคำถามนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจอยู่จริงๆหนะนะ

    จิตวิญญาณเก่าแก่ที่รักทั้งหลายเอ๋ย จงเข้าไปในโรงเรียนอนุบาลด้านจิตวิญญาณ
    แล้วจงเริ่มต้นจากตรงนั้น แล้วจากนั้น ตัวสะกัดกั้นและตัวกรองทั้งหลายก็จะเริ่มหายไป
    แล้วเชาว์ปัญญาก็จะเริ่มหลีกทางให้กับพวกคุณ

    เพื่อที่จะถ่ายทอดข้อความสื่อสารชุดนี้ให้พวกคุณได้ฟังกันในวันนี้
    คู่หูของฉันจำเป็นจะต้องเรียนรู้ที่จะขว้างตัวกรองทั้งหลายของเขาทิ้งไปให้หมดซะก่อน
    ซึ่งพวกมันก็เข้มแข็งมากซะด้วย พวกมันพูดกับเขาว่า

    “นี่ไม่ใช่วิถีทางที่มันจะสามารถเป็นไปได้ เพราะว่าในทางวิทยาศาสตร์แล้ว
    มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย และในโลกสามมิติแล้ว สิ่งต่างๆก็ไม่ได้เป็นไปแบบนี้ด้วย”

    แล้วเขาก็พูดกับตัวเองในช่วงที่เพิ่งเริ่มต้นหัด Channeling ใหม่ๆว่า
    “ลีเอ๋ย..นายกำลังเสแสร้งว่าตัวเองกำลังรับสาส์นอยู่นะเนี่ย ทั้งๆที่นายเป็นคนกุมันขึ้นมาเอง
    เพราะว่ามันไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นจริงได้หรอก”

    แล้วหลังจากนั้น ตัวกรองทั้งหลายของเขา ก็ค่อยๆถูกสยบไป เพราะความเป็นจริงที่เขาได้เห็น
    ซึ่งตัวกรองที่ใหญ่ที่สุดตัวหนึ่งของเขาก็คือความคิดที่ว่า “เขาไม่คู่ควร”

    คู่หูของฉันเคยพูดว่า “ถ้าฉันเปิดปากพูดออกมาเมื่อใด เมื่อนั้นก็เท่ากับว่าฉันกำลังหลอกลวงตัวเองอยู่”

    เอ่อ..แต่ว่า..เขาก็ได้เปิดปากพูดออกมาแล้ว! แล้วจากนั้นเขาก็ผ่านพ้นมันไปได้ แล้วมันก็ค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ
    แล้วจากนั้น เขาก็ยินยอมให้พวกเราเข้าไป แล้วมันก็ดียิ่งขึ้นไปอีก

    พวกคุณรู้ไหมว่าพวกเราเข้าถึงเขาได้อย่างไร? พวกเราเข้าถึงเขาโดยผ่านทางหัวใจของเขา
    ไม่ใช่ผ่านทางเชาว์ปัญญาของเขา แล้วหลังจากนั้น และก็ต่อเมื่อหลังจากนั้นแล้วเท่านั้น
    เขาก็จำเป็นจะต้องชั่งน้ำหนักดูความแตกต่างระหว่างหัวของเขากับหัวใจของเขาเอง
    แล้วหัวใจของเขาก็เป็นฝ่ายชนะ

    ที่รักทั้งหลาย นั่นแหละคือคำเชื้อเชิญของพวกเรา เพราะว่าตอนนี้พวกคุณก็รู้จักกฎต่างๆแล้ว
    พวกเราอยู่ที่นี่ตลอดเวลา พวกคุณเชื่อเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน?
    พวกเราพร้อมเสมอที่จะให้ความช่วยเหลือพวกคุณในทุกๆเรื่อง พวกคุณเชื่อเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน?

    ....................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2014
  6. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon)
    เรื่อง: การสื่อสารระดับจิตวิญญาณ (Soul Communication)-Part2

    ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
    วันที่: 23 กุมภาพันธุ์ 2014

    ที่มา: San Antonio, Texas - February 23, 2014

    ตอนที่ 9:

    พอมาถึงตรงนี้ พวกคุณก็รู้จัก “ตัวสะกัดกั้น” หรือตัวบล็อกแล้วนะ
    ว่ามันคือขนบธรรมเนียมประเพณีของพวกคุณเอง
    ซึ่งมันก็คือสิ่งที่พวกคุณถูกสั่งสอนมาตั้งแต่อดีต
    และมันก็คือความคิดแบบยุคพลังงานเก่าด้วย


    แต่พวกเราก็จะไม่ไปตัดสินชี้ถูกผิดพวกคุณในสิ่งที่พวกคุณไมเคยรู้มาก่อนหรอกนะ
    เพราะว่ายุคพลังงานเก่านั้น ไม่เคยยินยอมให้พวกคุณรู้จักมันมาก่อนเลย
    แล้วพวกเราจะไปตัดสินชี้ถูกผิดมนุษย์คนใดคนหนึ่งได้อย่างไร?
    แล้วพวกเราจะไปโทษพวกคุณที่ไม่สามารถมองเห็นแสงสว่าง
    อันเนื่องมาจากถูกกักขังอยู่ในห้องมืดได้อย่างไร?

    ข้อความชุดนี้ไม่ใช่ข้อความที่พวกเรากำลังจะบอกพวกคุณว่า
    พวกคุณเคยผิดมาก่อน แต่ว่าตอนนี้พวกคุณทำถูกต้องแล้วหรอกนะ
    แต่ข้อความชุดนี้ คือข้อความที่พวกเราต้องการจะบอกว่า
    พวกคุณเคยอยู่ในที่มืดมาก่อน แต่ว่าตอนนี้แสงสว่างกำลังถูกเปิดขึ้นมาแล้ว!

    นี่คือข้อความที่พวกเราต้องการจะบอกพวกคุณว่า
    มันถึงเวลาแล้วที่พวกคุณจะต้องเริ่มต้นคิดดูกันใหม่ทั้งหมด
    ในสิ่งที่พวกคุณคิดว่าตัวเองรู้ดีอยู่แล้ว
    โดยอาศัยสิ่งใหม่ๆที่ในตอนนี้พวกคุณสามารถมองเห็นได้แล้ว
    ซึ่งเมื่อก่อนนี้พวกคุณไม่เคยรู้ว่ามันอยู่ที่นั่นมาก่อนเลย!


    จิตวิญญาณเก่าแก่ทั้งหลายเอ๋ย พวกคุณมีแสงสว่างอยู่
    แต่พวกคุณอาจจะต้องเริ่มต้นคิดดูกันใหม่อีกครั้งหนึ่ง
    เกี่ยวกับสิ่งที่พวกคุณคิดว่ามันคือ “สัจธรรม” (truth) ของพวกคุณ


    นักบำบัดเอ๋ย คุณได้ยินที่ฉันพูดไหม? ฉันรู้ว่าคุณเป็นใคร ที่อยู่ที่นี่
    ดังนั้น ฉันจึงรู้ว่าคุณต้องการที่จะรู้ว่า ทำไมสิ่งต่างๆมันถึงใช้ไม่ได้ผลด้วย ใช่ไหม?
    และฉันก็รู้ว่าผู้ที่กำลังอ่านข้อความนี้อยู่มีใครบ้างด้วย!

    เพราะว่าพลังงานเก่าได้ทำให้พวกคุณทำในสิ่งต่างๆ ที่มันจะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้วในตอนนี้หนะสิ
    โอ..แต่ว่าพวกคุณจะทำแบบนั้นต่อไปก็ได้นะ แต่ว่าเพราะความที่พวกคุณทรงพลังอำนาจอยู่แล้ว
    ดังนั้นพวกเราจึงแค่อยากให้พวกคุณทำมันได้สำเร็จเท่านั้นเอง!
    คือให้ได้ผลลัพธ์เป็นสองเท่าเลย! หรือสามเท่าไปเลย!
    ศักยภาพในการให้ความช่วยเหลือมวลหมู่มนุษยชาติของพวกคุณช่างน่าทึ่งซะจริงๆ!

    ......................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2014
  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon)
    เรื่อง: การสื่อสารระดับจิตวิญญาณ (Soul Communication)-Part2

    ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
    วันที่: 23 กุมภาพันธุ์ 2014

    ที่มา: San Antonio, Texas - February 23, 2014

    ตอนที่ 10:

    ผู้ให้บริการเอ๋ย จงฟังทางนี้ แล้วก็อย่าแปลความหมายมันผิดไปหละ
    คุณไม่จำเป็นจะต้องยากจนก็ได้ เพื่อที่จะทำให้รู้จักพระเจ้า คุณรู้สึกดีกับเรื่องนี้ไหม?
    เพราะว่าคุณสามารถที่จะมีรายได้เพื่อเลี้ยงชีวิตไปพร้อมๆกับสามารถที่จะยืดอกขึ้นมา
    แล้วพูดว่า “ฉันคือนักบำบัด หรือฉันคือผู้พยากรณ์” ได้
    และพวกคุณก็คู่ควรที่จะได้รับพลังงานรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเป็นตอบแทนด้วย

    ซึ่งมันก็อาจจะเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการซึ่งกันและกัน (barter)
    หรือเป็นการจ่ายค่าบริการอย่างถูกกฎหมายให้แก่พวกคุณก็ได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เหมาะสม

    พวกเราเคยบอกพวกคุณเหรอ ว่าพวกคุณทำแบบนี้ไม่ได้?

    ซึ่งคำตอบก็คือ “ขนบธรรมเนียมประเพณี” หรือ tradition ของพวกคุณเองต่างหากหละ
    ที่เป็นคนบอกพวกคุณ ว่าพวกคุณทำเช่นนั้นไม่ได้
    และก็บอกพวกคุณว่า ถ้ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณแล้ว
    มันก็สมควรที่จะต้องมอบให้แบบฟรีๆ พวกคุณเคยได้ยินแบบนี้มาก่อนไหม?

    ดังนั้น ถ้าพวกคุณให้บริการอะไรซักอย่างกับใครซักคนแล้ว
    พวกคุณก็สามารถที่จะมีรายได้จากมันได้ด้วย
    และมันก็ไม่ได้ไปขัดต่อกฎด้านจิตวิญญาณข้อไหนเลย


    จงยินยอมให้สามัญสำนึกด้านจิตวิญญาณบางอย่างถูกเผยแพร่ออกไป
    เพราะว่ามันมีหลายวิธีที่จะใช้แก้สมการนี้ได้
    ซึ่งก็คือ โดยการ "ให้" ในสิ่งที่ไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของพวกคุณเอง ออกไปฟรีๆ
    แล้วให้ไปคิดตังค์เอากับสิ่งที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพวกคุณเองจริงๆ


    ฉันเคยบอกคู่หูของฉันมาหลายปีแล้วว่า จงเผยแพร่ข้อความของครายออนออกไปฟรีๆ!
    จงทำให้พลังงานนี้เป็นของฟรี ดังนั้น ที่รักทั้งหลาย พวกคุณจึงกำลังได้ฟังข้อความนี้
    และได้อ่านข้อความนี้แบบฟรีๆอยู่ นั่นแหละคือผลลัพธ์ของมันหละ

    และฉันก็ได้บอกเขาไปว่า มันเป็นการสมควรที่เขาจะหารายได้เพื่อเลี้ยงชีพจากสิ่งที่เขาเป็นคนทำมันขึ้นมาเอง
    ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่ชื่อนายลี เช่น จากการสอนของเขา และจากผลิตภัณฑ์ทางกายภาพต่างๆ
    ที่มาจากเทคนิก-วิธีการ และพรสวรรค์ของเขาเอง เป็นต้น แต่ข้อความของครายออน
    ควรจะเป็นของฟรีสำหรับทุกๆคน พวกคุณมองเห็นความมีศีลธรรมจรรยาบรรณในเรื่องนี้ไหม?
    พวกคุณมองเห็นความลงตัวของเรื่องนี้ไหม?

    พวกคุณไม่จำเป็นจะต้องทนทุกข์แต่อย่างใดเลย และพวกคุณก็ไม่จำเป็นจะต้องยากจนด้วย
    ที่รักทั้งหลาย เพราะว่าพวกคุณสามารถที่จะยืนขึ้นอย่างสง่าผ่าเผยได้
    มันถึงเวลาแล้วที่พวกคุณจะต้องหาจุดสมดุลในเรื่องพวกนี้
    จงทำให้คนอื่นๆมองเห็นความสมดุลในตัวพวกคุณ
    จงเริ่มมองหาตัวสะกัดกั้นและตัวกรองทั้งหลาย ที่ขวางทางความสง่างามของพวกคุณอยู่
    แล้วขจัดพวกมันให้หมดไปเสีย

    เมื่อใดที่พวกคุณจับมือกับวิญญาณเบื้องบนแล้ว ตัวตนที่สูงส่งกว่าของพวกคุณ
    ก็จะเริ่มพูดคุยกับพวกคุณ และเมื่อสิ่งนี้บังเกิดขึ้น
    มันก็จะส่งข้อมูลข่าวสารที่จะทำให้ชีวิตและสุขภาพของพวกคุณดีขึ้นมาให้แก่พวกคุณ
    ที่รักทั้งหลาย พวกคุณไม่จำเป็นจะต้องวิตกกังวลเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดในพลังงานเก่าเลย
    ถ้าพวกคุณยุติการสกัดกั้นและเปิดตัวกรองทั้งหลายให้หมดเสีย

    นี่คือข้อความสำหรับวันนี้ แต่มันก็เป็นข้อความสำหรับเมื่อวานนี้และวันพรุ่งนี้ด้วย
    ยังมีพวกคุณอีกมากมายที่ยังใหม่ต่อเรื่องนี้มากๆ ดังนั้น พวกคุณจึงจำเป็นจะต้องฟังมันหลายๆครั้ง

    คราวนี้..อีกครั้งหนึ่ง ฉันรู้ว่าใครอยู่ที่นี่บ้าง ฉันรู้ว่าใครกำลังฟังอยู่บ้าง
    และฉันก็รู้ว่าใครกำลังอ่านและดูอยู่บ้าง ฉันรู้จักความดื้อรั้นของสมองของมนุษย์ดี
    ดังนั้น ฉันจึงอยากจะบอกพวกคุณว่า

    “ถ้าไม่ใช่ในภพชาตินี้ งั้นภพชาติต่อไปก็ได้ เพราะว่าพวกเรามีความอดทนสูงมาก
    เช่นเดียวกันกับดาวเคราะห์โลกเอง”

    ที่รักทั้งหลาย ตลอดเส้นทางนี้มันจะมีปัญหาอุปสรรคอยู่มากมาย
    และมันก็จะมีพวกคุณบางคนที่พูดว่า “ความศิวิไลซ์กำลังเดินถอยหลังกลับแล้ว” ด้วย

    ดังนั้น ฉันจึงอยากจะให้พวกคุณใช้สามัญสำนึกพิจารณาตามดูว่า
    ในระหว่างที่พวกคุณกำลังทำการปรับตั้งค่าใหม่ให้กับโลกทั้งโลกอยู่นี้
    ซึ่งหมายรวมถึง การปรับตั้งค่าใหม่ให้กับจิตสำนึกของมวลหมู่มนุษยชาติด้วยนั้น
    มันก็จะต้องมีผู้คนจำนวนมากมายที่จะเกิดความคับข้องใจขึ้นบ้างเป็นธรรมดา
    มันก็จะต้องมีปัญหาอุปสรรคบ้างเป็นธรรมดา เพราะว่าวิถีทางแบบเก่าๆทั้งหลายนั้น
    มันจะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้ว

    ดังนั้น พวกคุณจึงกำลังจะได้เห็นความแตกแยกที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง
    แม้แต่ในพวก New Age ด้วยกันเองก็ด้วย ซึ่งฉันก็เคยบอกพวกคุณไปแล้ว
    และข้อความนี้ก็จะไม่เป็นมิตรที่ดีกับคนที่ถูกครอบงำโดยคำสอนเก่าๆและธรรมเนียมปฏิบัติเก่าๆซักเท่าไหร่
    แต่มันจะถูกมองเห็นว่า เป็นการเปิดเผยความจริงอย่างหนึ่ง สำหรับผู้ที่ยินยอมให้มันเข้าไป

    จงปรับสัจธรรมของพวกคุณใหม่เสีย! (Refresh your Truth!)

    And so it is.

    KRYON

    ........................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2014
  8. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขอโพสต์ทิ้งเอาไว้ก่อนนะครับ
    เดี๋ยวว่างๆค่อยมาตกแต่งทีหลัง

    เพราะดูเหมือนว่าเวปจะอืดเหลือเกิน
    ทำอะไรก็ยังไม่ได้มากหนะครับ

    ..................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2014
  9. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    ขอบคุณอีกครั้งค่ะ เดี๋ยวบ่ายๆ จะมาอ่านนะคะ ตอนนี้ง่วงนอนแล้ววว 555
     
  10. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ครายออนตอบคำถาม เกี่ยวกับเรื่องพระเยซูคริสต์กับพระพุทธเจ้า

    ที่มา: http://kryon.com/inspiritmag/archives/Q-A archives/2003-Q&A/Q&A-4thquarter.html#18

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    คำถาม:

    ครายออนที่รัก โปรดให้ความกระจ่างแก่พวกเราด้วยเถอะ
    เกี่ยวกับบทบาทของศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่านนี้ ซึ่งก็คือพระพุทธเจ้า และ พระเยซูคริสต์
    เพราะว่าถ้าใครได้เคยศึกษาชีวประวัติและผลงานของท่านทั้งสองนี้อย่างจริงๆจังๆมาแล้ว
    ก็จะรู้สึกว่าพวกท่านไม่ได้เทศนาสั่งสอนในสัจธรรมหรือความจริงเดียวกัน

    แต่ว่า..ถ้าพระเจ้ามีเพียงหนึ่งเดียวจริงๆ มันก็ควรที่จะมีสัจธรรมเพียงหนึ่งเดียวด้วยสิใช่ไหม๊
    แล้วถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ระหว่างคำสอนที่ขัดแย้งกันของทั้งสองท่านนี้ คำสอนไหนคือสัจธรรมที่แท้จริง?

    เพราะว่าดูเหมือนว่าคำสอนของท่านหนึ่งจะบอกว่าการหมดสิ้นซึ่งความอยากแล้ว
    คือประตูสู่อมตะธรรมหรือพระนิพพาน ส่วนของอีกท่านหนึ่งกลับบอกว่า
    โดยการยอมรับในการไถ่บาปบนไม้กางเขนแทนมวลหมู่มนุษยชาติของพระองค์
    ที่ได้ทำไปแล้ว พวกเราก็จะสามารถสร้างสันติสุขกับพระเจ้าได้แล้ว
    และพวกเราก็จะมีชีวิตนิรันดร์อย่างแน่นอน

    คำตอบ:

    สิ่งที่คุณได้ถูกสั่งสอนมาตั้งแต่ในอดีต จนถึงทุกวันนี้ ทำให้คุณต้องถามคำถามแบบนี้
    แต่ถ้าคุณเข้าใจแล้วว่า คำสอนทั้งสองนั้น แท้ที่จริงแล้วคืออะไร คุณจะไม่ถามคำถามนี้เลย

    “ประวัติศาสตร์” ที่ปรากฎอยู่ในทุกวันนี้นั้น คือประวัติศาสตร์ที่ถูกดัดแปลงแก้ไขใหม่มาโดยตลอด
    โดยบรรดาผู้นำของทั้งสองศาสนานั้น

    แนวความคิดที่ว่าให้ยอมรับในการไถ่บาปบนไม้กางเขนของพระเยซูนั้น
    ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ที่แท้จริง ของผู้ที่เป็นคุรุแห่งความรัก ที่ชื่อพระเยซูคริสต์ด้วยซ้ำไป
    เพราะว่าบทละครฉากนี้ทั้งฉาก ได้ถูกสร้างขึ้นมาภายหลัง จากการคาดเดาที่ผิดๆ
    และมันก็ได้ทำความสำเร็จให้แก่ผู้ที่ต้องการจะควบคุมฝูงชนโดยอาศัยศาสนาแล้วซะด้วย
    (ซึ่งประวัติศาสตร์จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้ประสบผลสำเร็จเช่นนั้นจริงๆ)

    ส่วนพระพุทธเจ้านั้น (พระสิทธัตถะ) ความประสงค์ที่แท้จริงของพระองค์
    จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ก็ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมาทั้งหมดเลยด้วยซ้ำไป

    เพราะคำสอนของท่านทั้งสองนี้ ได้ถูกอายัดไปตั้งแต่ในยุคแรกๆแล้ว
    แล้วหลังจากนั้น จึงได้ถูกนำมาดัดแปลง-ต่อเติม-ปรับปรุง-แก้ไขซะใหม่
    เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของบรรดาผู้ที่มีหน้าที่ควบคุมคำสอนเหล่านี้

    ข้อมูลข้างบนนี้อาจจะทำให้คุณรู้สึกเสียใจ
    แต่พวกเราก็รู้ว่า คุณสามารถที่จะ “เข้าถึง”
    ศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่านนี้ได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ
    และเมื่อคุณทำเช่นนั้นแล้ว คุณก็จะได้ค้นพบว่า
    “สัจธรรมคืออย่างเดียวกัน”

    การหลุดพ้นขั้นสูงสุดสำหรับทุกผู้ทุกนาม
    อยู่ภายในตัวพวกคุณเองอยู่แล้ว
    พวกคุณมั่นใจได้เสมอและตลอดไปว่า
    พวกคุณจะมีสันติภาพกับพระเจ้า
    เพราะว่าพวกคุณคือส่วนหนึ่งของพระเจ้า

    ซึ่งแม้แต่พระเยซูคริสต์ก็ยังเคยพูดเอาไว้เลยว่า พวกคุณก็สามารถที่จะเป็นอย่างพระองค์ได้
    ซึ่งก็คือเป็นบุตรแห่งพระเจ้านั่นเอง

    แล้วพวกคุณจะสามารถพิสูจน์ความถูกต้องของข้อมูลนั้นได้อย่างไร
    ในเมื่อมันไปขัดกับสิ่งที่ในท้ายที่สุดแล้ว ได้กลายไปเป็นข้อบัญญัติทางศาสนาไปเสียแล้ว?
    คุณไม่รู้บ้างเลยเหรอว่า มันไม่ได้มี “การรับขึ้นไป” เกิดขึ้นจริงๆตามที่มันได้ถูก “ระบุช่วงเวลา” เอาไว้?

    (หมายเหตุ: การรับขึ้นไป หรือ Rapture คือ..เมื่อใกล้ถึงวันสิ้นโลกแล้ว
    บรรดาผู้ที่มีศรัทธาบริสุทธิ์ต่อพระเยซูคริสต์ ก็จะลอยขึ้นไปกลางอากาศแล้วหายไป
    เพื่อไปอยู่กับพระองค์ ทิ้งให้คนที่ไม่มีศรัทธาอยู่บนโลกนี้เพื่อรอรับโทษทัณฑ์ต่อไป – ผู้แปล)

    แล้วคุณรู้บ้างไหม ว่าพระเยซูคริสต์ก็ได้เคยสอนเรื่องเกี่ยวกับ การมีอดีตชาติของพวกคุณเอาไว้ด้วย?
    แล้วคำสอนนั้น มันไปอยู่ตรงไหนในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล? แล้วทำไมมันถึงหายไป?

    สิ่งต่างๆมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็นเสมอไป ดังนั้นตอนนี้
    คุณจะต้อง “มองข้าม” สิ่งที่มนุษย์พวกนั้นได้มอบให้กับพวกคุณมา หรือ ได้ตัดมันออกไปเสีย
    จงมองข้ามสิ่งที่พวกเขาได้ดัดแปลงแก้ไขหรือตัดมันออกไปจากคำสอนดั้งเดิมของศาสดาทั้งสองนี้เสีย
    แล้วจากนั้น จงไปดึงเอาความจริงมาจากข้างในตัวของคุณเองแทน เพราะว่าตอนนี้มันถึงเวลาแล้ว

    และเมื่อคุณทำเช่นนั้นแล้ว คุณก็จะรู้สึกสงบและสนับสนุนความถูกต้องของคำสอนทั้งหมด
    ของศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่านนี้ ที่ได้สืบทอดกันมาจากอารยธรรมสู่อารยธรรม
    ที่ได้สั่งสอนเกี่ยวกับความเป็นหนึ่งเดียวกันของทุกผู้ทุกนาม
    และที่ได้เปิดเผยถึงความยิ่งใหญ่ของมวลหมู่มนุษย์ชาติ

    จงอย่าปล่อยให้เรื่องนี้ไปสั่นคลอนศรัทธาของคุณได้ เพราะว่าความรักของพระเจ้า
    ก็ยังคงจะเป็นสิ่งที่มีพลังอำนาจสูงสุดอยู่เสมอ ในบรรดาสิ่งต่างๆทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้
    และถ้าคุณค้นหา คุณก็จะได้ค้นพบ “คำสอนที่แท้จริง” ของทั้งสองท่านนี้
    แล้วคุณก็จะยิ่งรักศาสดาทั้งสองท่านนี้มากขึ้นไปอีก

    .................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2014
  11. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    เรื่องพระเยซูนี่ จากที่เคยเรียนโรงเรียนคริสต์มาตั้งแต่เด็ก เค้าจะเหมือนปลูกฝังเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูมาตลอด รวมไปถึงคำสอน ประวัติของพระองค์ด้วย ซึ่งหลักๆ ก็คือ ให้รู้จักความรักและการเสียสละ ซึ่งๆๆ พอมาฝั่งศาสนาพุทธเรา ก็มีคำสอนที่น่าจะเกี่ยวเนื่องกัน คือ ความเมตตาและการสละ(การให้ทานต่างๆ) แล้วที่สังเกตอีกอย่างก็คือ มีอยู่ตอนนึงที่ อืมม...จำเนื้อเรื่องจริงๆ ไม่ค่อยได้ ที่พระเยซูทรงทำน้ำทะเลให้เป็นแผ่นดินเพื่อให้ประชาชนหนีภัยไปได้อย่างปลอดภัย ซึ่งมาคิดๆ ดูแล้ว เหมือนกันกับการใช้กสิณน้ำของศาสนาพุทธที่ทำให้ของเหลวกลายเป็นของแข็งได้ คือ เหมือนราวกับเป็นคนๆ เดียวกัน แต่ตามประวัติศาสตร์ เหมือนพระพุทธเจ้าจะมาก่อนนะคะ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นศาสนาอะไร ถ้าเป็นคำสอนที่ดีกับชีวิต ก็ควรจะนำมาพิจารณานะคะ...สาธุ และ อาเมน ค่ะ
     
  12. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ครายออนตอบคำถาม-ทำไมวิญญาณเบื้องบนไม่เปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่างให้มนุษย์รู้ซะเลยหละ?

    ที่มา: http://kryon.com/inspiritmag/archives/Q-A archives/2004-Q&A/Q&A-2ndquarter04.html#7


    คำถาม: ครายออนที่รัก ถ้าพวกเรามีทางเลือกอิสระจริงๆ (free will)
    และถ้างานที่พวกเราทำอยู่นี้ ก็มีความจำเป็นที่พวกเราจะต้องมีความปลอดภัย
    ในการอยู่ ณ.ฟากฝั่งนี้ของม่านพราง ซึ่งห่างไกลจากคุณและครอบครัวของเราเองด้วย
    แล้วทำไมคุณถึงไม่ได้รับอนุญาตให้พูดกับพวกเรา และบอกความจริงเรื่องต่างๆกับพวกเราไปซะเลยหละ ?

    ฉันไม่ได้กำลังบ่นอยู่หรอกนะ! เพราะว่าฉันชอบที่จะฟังจากคุณ!
    และฉันก็ขอขอบคุณคุณสำหรับงานที่คุณทำอยู่นี้ และสำหรับความหวังและการปลอบประโลม
    ที่มีอยู่ในข้อความของคุณ และรวมถึงสำหรับความรักที่คุณมีต่อพวกเราด้วย

    คำตอบ: ถ้าคุณรู้จักสังเกต คุณก็จะพบว่า ฉันไม่เคยเปิดเผยความลับใดๆ
    ที่เป็นความลับที่พวกคุณจะต้องเป็นผู้เปิดเผยมันเอง ให้พวกคุณได้ทราบเลย
    เพราะว่าฉันคือ “ผู้นำทาง” รูปธรรมหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น ฉันจึงจะไม่ทำอะไรไปมากกว่า
    ขอบเขตที่ฉันได้รับอนุญาติให้ทำได้มาตั้งแต่ต้น ซึ่งก็คือการให้ข้อมูลข่าวสารที่จะชี้ทางให้พวกคุณ
    ได้ไปพบกับคำตอบถัดๆไปนั่นเอง

    ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับเหล่าทวยเทพทั้งหลายที่พวกคุณรู้จักกันแล้วนั่นแหละ
    เพราะว่าพวกเราทั้งหมดใช้ระเบียบปฏิบัติสำหรับมนุษยชาติเล่มเดียวกันอยู่
    มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือ ภายใต้การเร่งให้เร็วขึ้นของระดับพลังงานของดาวเคราะห์โลกนี้
    ข้อความของฉันสามารถที่จะถูกมอบให้กับพวกคุณได้ ในสถานที่ๆมีความเด่นชัดมากกว่าเท่านั้นเอง
    (ครายออนสามารถที่จะสื่อสารในสถานที่ๆเปิดเผยและสะดุดตาได้มากกว่าเหล่าทวยเทพทั้งหลาย – ผู้แปล)

    ซึ่งการเร่งให้เร็วขึ้นของระดับพลังงานของโลกที่ว่านี้ ก็คือผลงานของพวกคุณเอง
    และพวกคุณก็อาจจะพูดได้ว่า รหัส 11:11 ในปี 1987 นั้น
    คือจุดเปลี่ยนชะตากรรมของพวกคุณเองก็ได้ เพราะว่ามันได้เปิดประตูมิติบานหนึ่งขึ้นมา
    ที่เอื้ออำนวยให้การชี้บอกทางขั้นต่อๆไป เพื่อมุ่งไปสู่การเรียนรู้ที่สูงยิ่งขึ้นไปอีก สามารถเกิดขึ้นได้

    มันจะเหมือนกับว่า ฉันกำลังช่วยพวกคุณเขียนบทใหม่ของความเป็นพระเจ้าในตัวเองขึ้นมาอยู่
    และมันจะเหมือนกับว่าฉันกำลังผลักดันพวกคุณให้ก้าวไปข้างหน้าต่อไป
    เพื่อไปพบกับสิ่งต่างๆอีกมากมาย ที่เคยอยู่ตรงนั้นเสมออยู่แล้ว เพียงแต่ว่าในตอนนี้
    สิ่งเหล่านั้น มันมีความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิมแล้วเท่านั้นเอง

    จำได้ไหมว่าฉันเคยบอกพวกคุณไปแล้วว่า “เมื่อใดที่แสงสว่างถูกเปิดขึ้นมาแล้ว
    มันก็มักจะไปเปิดเผยสิ่งต่างๆให้พวกคุณได้เห็น และได้ลงมือกระทำอะไรบางอย่างกับมันต่อไป
    แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่า มันไม่เคยอยู่ตรงนั้นมาก่อน ก่อนที่แสงสว่างจะถูกเปิดขึ้นมาหรอกนะ”

    …………………
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2014
  13. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ครายออนตอบคำถาม - เรื่องควรจะสวดมนต์อธิษฐานถึงใครดี?

    ที่มา: kryon-Q&A 1rst Quarter2004
    Who to pray to

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    คำถาม: ฉันมีปัญหาว่า ไม่รู้ว่าควรจะสอดมนต์อธิษฐานถึงใครดี ซึ่งตลอดระยะหลายปีมานี้
    ฉันค่อยๆมีความเชื่อว่า พวกเราทั้งหมดล้วนเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้า

    และมนุษย์แต่ละคนที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ก็เป็นแค่หนึ่งใน “กลุ่ม” กลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง
    และคุณก็ได้บอกพวกเรามาโดยตลอดว่าคุณก็เป็นหนึ่งในกลุ่มๆหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน
    แล้วยังมีทวยเทพทั้งหลาย เช่น มหาเทพมิคาเอล, มหาเทพ Gabriel
    และเหล่าคุรุผู้รู้แจ้งแล้วทั้งหลายอยู่อีกด้วย เช่น พระเยซูคริสต์ และพระพุทธเจ้าเป็นต้น
    และฉันก็คาดว่าพวกท่านเหล่านั้นก็อยู่กันแบบเป็น “กลุ่ม” ด้วยเช่นเดียวกัน

    ฉันรู้ว่าพวกเราสามารถที่จะพูดคุยกับตัวตนที่สูงส่งกว่าของพวกเราเองได้
    และพูดคุยกับเหล่าผู้นำทางของพวกเราได้ด้วย แต่ว่ามีกลุ่มไหนไหม๊ หรือมีรูปธรรมชีวิตไหนไหม๊
    ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้หนะ? มี “พระบิดา” อยู่จริงๆไหม๊?
    แล้วจักรวาลแห่งนี้เป็นประชาธิปไตยขนาดใหญ่จริงๆหรือเปล่า?


    คำตอบ: คำถามของคุณไม่เพียงแต่จะแสดงให้เห็นถึงการหยั่งรู้และภูมิปัญญาของคุณเองเท่านั้น
    แต่มันยังแสดงให้เห็นถึงการมีข้อจำกัดของสิ่งที่คุณได้นำเอามาใส่ไว้ให้กับตัวเอง
    ที่เรียกว่าความเป็นทวิภาวะ (duality) อีกด้วย ดังนั้น ไม่ว่าคำอธิบายมันจะเป็นอย่างไรก็ตาม
    มนุษย์ก็มักจะชอบไปจัดแจง และสร้างแผนผังองค์กรขึ้นมาให้กับทุกสิ่งทุกอย่างเสมอ
    นี่คือกระบวนการที่เป็นแบบเส้นตรงแท้ๆกระบวนการหนึ่ง และมันก็ไม่ได้สอดคล้องกับความเป็นจริง
    ที่มันเป็นจริงๆ ณ.ฟากฝั่งโน้นของม่านพรางแต่อย่างใดเลย

    ลองนึกถึงน้ำซุปซักถ้วยใหญ่ๆถ้วยหนึ่งดูสิ มันก็จะมีการจัดองค์กร, มีรสชาติ, มีสสาร, มีสารอาหาร
    และมีรูปร่างของมันอยู่ใช่ไหม แต่ว่าก็ไม่มีใครเป็นผู้สั่งการในน้ำซุปถ้วยนี้หรอก

    พอพูดมาถึงตรงนี้คุณอาจจะพูดว่า “ก็แน่อยู่แล้วหละ เพราะว่ามันไม่มีจิตสำนึก/ความตระหนักรู้
    อยู่ในน้ำซุปนี่นา ดังนั้นมันก็เลยไม่จำเป็นจะต้องไปคิดอะไร หรือไปตัดสินใจอะไร
    และมันก็ไม่รู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของตัวมันเองซะด้วยซ้ำไป”

    คุณคิดว่ามันไม่รู้เหรอ? คุณคิดว่าทุกๆโมเลกุลเหล่านั้น พวกมันแค่บังเกิดขึ้นมา
    เพื่อสร้างและจัดเรียงตัวกันขึ้นมา จนกลายมาเป็นโครงสร้างที่ละเอียดประณีต
    ที่เกาะเกี่ยวกันอยู่อย่างสลับซับซ้อน ที่ซับซ้อนและเข้าใจยากซะจน
    แม้กระทั่งวงการวิทยาศาสตร์ของพวกคุณก็ยังไม่เข้าใจพวกมันเลยด้วยซ้ำไป ยังงั้นเหรอ?

    คุณเคยรู้มาก่อนไหมว่า แม้แต่ในสิ่งที่เรียบง่ายที่สุดอย่างน้ำซุปถ้วยนี้เป็นต้น
    มันก็ยังมีแผนงาน, มีระบบ และมีการประสานงานกันอยู่เลย?

    และถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆ แล้วใครคือผู้ที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบกันหละ?
    แล้วประชาธิปไตยอยู่ที่ไหนหละ? ใครเป็นคนสั่งการ?

    จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าแทนที่จะมีการสั่งการแบบเป็นเส้นตรง
    แต่ทุกๆชิ้นส่วนของมัน กลับมีความรู้อย่างเต็มพิกัด
    เกี่ยวกับแผนงานที่วางเอาไว้แล้วแทน
    และโดยไม่ต้องมีใครหรืออะไรมาทำหน้าที่
    เป็นผู้ประสานงานให้กับพวกมันเลย
    พวกมันก็ยังสามารถที่จะอยู่และทำหน้าที่ของตัวเอง
    ที่ต่างก็รู้กันดีอยู่แล้ว ได้อย่างพอเหมาะพอดีเลย?

    ซึ่งไม่เพียงแต่น้ำซุปเท่านั้นนะที่เป็นแบบนี้
    แต่จักรวาล และสิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า “พระเจ้า”
    ก็เป็นแบบนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

    ใช่แล้ว..พวกคุณทุกๆคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของส่วนรวมด้วยกันหมดทั้งสิ้น
    แต่ทว่า..ทวยเทพทั้งหลาย และรูปธรรมชีวิตอื่นๆทุกๆรูปธรรม ที่ได้มาแสดงตัวตนให้พวกคุณได้รู้จักแล้ว
    ตลอดหลายยุคหลายสมัยที่ผ่านมานั้น พวกเขาล้วนเป็นแบบเดียวกันนี้เหมือนกันหมดทั้งสิ้น
    และพวกเขาต่างก็กำลังอ่านบทจากเอกสารต้นฉบับ (script) เดียวกันอยู่ทั้งสิ้น
    ซึ่งเป็นสคริปท์ที่สอดคล้องกันอย่างเป็นเอกฉันท์ และก็จะ update ตัวมันเองไปพร้อมๆกันทั้งหมดด้วย

    ซึ่งเรื่องนี้มันไม่เหมือนกับเรื่องอื่นๆที่พวกคุณเคยรู้จักมาแล้วหรอกนะ
    ดังนั้นคุณจึงไม่สามารถที่จะจินตนาการได้จริงๆหรอก

    พวกคุณยังเคยสร้างนิยายปรำปะราเกี่ยวกับ “สงครามบนสวรรค์” ขึ้นมาแล้วด้วยซ้ำไป
    เพื่อที่พวกคุณจะได้สามารถเทียบเคียงได้ว่าทำไมสิ่งต่างๆมันถึงได้มาเป็น
    อย่างที่พวกมันกำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ได้ พวกคุณคิดว่ามันน่าจะมีพลังงานอะไรซักอย่าง
    ที่เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังเป็นแน่ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ของมนุษย์นั้น ทั้งหมดทั้งมวลนี้
    ก็เพื่อที่จะพยายามทำให้พระเจ้ากลายเป็นมาแบบเส้นตรงให้ได้นั่นเอง

    DNA ของพวกคุณบรรจุรหัสอันศักดิ์สิทธิ์จากเบื้องบนเอาไว้อยู่
    ซึ่งมีข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในนั้นพร้อมหมดแล้ว พวกคุณคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    และพวกคุณก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่รู้ “แผนที่” นี้ด้วย

    ยิ่งพวกคุณเข้าไปใกล้ความเป็นพระเจ้าของตัวเองได้มากเท่าไหร่
    พวกคุณก็จะยิ่งเห็นสิ่งนี้ได้ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้นด้วย
    และคุณก็จะยิ่งมีภูมิปัญญาสูงขึ้นเท่านั้นด้วย

    ดังนั้น พวกเราถึงได้สนับสนุนให้พวกคุณเข้าไปค้นหาพระศาสดา,
    คัมภีร์กฎ (rule book) และเข็มทิศที่บอกว่าพวกคุณเป็นใคร
    และทำไมพวกคุณถึงได้มาอยู่ที่นี่ บนโลกใบนี้
    จากภายในตัวของพวกคุณเองมาโดยตลอดยังไงหละ

    แต่ผู้ที่ไม่เห็นด้วยหรือนักวิจารณ์ทั้งหลายก็จะออกมาพูดว่า
    นั่นแหละคือสิ่งที่อาชญากรฆ่าต่อเนื่องทำกันหละ
    พวกเขาจะออกมาเยาะเย้ยกระบวนการนั้นว่าเป็นอะไรบางอย่างที่ไม่เต็มเต็ง
    และแม้กระทั่งชั่วร้ายด้วยซ้ำไป พวกเขาจะพูดว่า

    “ก็ลองคิดดูสิ ถ้าทุกๆคนมีคัมภีร์กฎเป็นของตัวเองทั้งหมด
    มันก็จะต้องเกิดความวุ่นวายโกลาหลขึ้นเป็นแน่!”

    ดังนั้น พวกเขาก็เลยต้องมอบคัมภีร์กฎของพวกเขาให้แก่พวกคุณแทน
    ซึ่งปกติแล้วก็จะให้มาทั้งดุ้นเลย ซึ่งเนื้อหาในนั้นก็จะคือ “สิ่งที่พวกเขาบอกว่า”
    พระเจ้าต้องการที่จะให้พวกคุณทำอะไรนั่นเอง

    แต่ความจริงก็คือ “คัมภีร์กฎ” เล่มนี้ มันเป็นของใครของมัน
    แต่ก็เหมือนกับน้ำซุปนั่นแหละ คือมันจะเป็นอะไรที่เหมือนๆกันทั้งหมด
    ในทุกๆโมเลกุลของน้ำซุปนี้

    ดังนั้น มันจึงหมายความว่า ทุกๆคนก็จะมีสคริปท์ชุดเดียวกันนี้อยู่!
    และมันก็จะต้องเป็นแบบนั้นเท่านั้น เพราะว่าไม่เช่นนั้นแล้ว
    สิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า “ธรรมชาติ” มันก็ไม่อาจที่จะทำงานได้

    มันคือคัมภีร์ที่บอกว่า “กลุ่ม” ที่ว่านั้น คือครอบครัวเดียวกัน
    และส่วนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการจัดองค์กร
    (อธิบายในแบบของโลกแห่งความเป็นจริงแบบที่เป็นเส้นตรงของพวกคุณ)
    ก็คือส่วนที่เรียกว่าผู้เชี่ยวชาญนั่นเอง

    บางส่วนของสมาชิกในครอบครัวของพวกคุณ ก็อุทิศตัวเองมาเพื่อทำงานเป็นส่วนเชื่อมประสาน
    อยู่ในมิติที่ 4 ระหว่างพวกคุณกับพวกเรา (ผู้นำทางทั้งหลาย)
    ส่วนสมาชิกอีกบางส่วนของครอบครัวของพวกคุณก็อุทิศตนเองมาเพื่อเป็นทวยเทพให้กับพวกคุณ
    และอีกบางส่วน เช่น ฉันเองเป็นต้น ก็อยู่ในส่วนของวิชาฟิสิกส์ของพวกคุณ เป็นต้น
    (วิชาฟิสิกส์ คือวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสาร, พลังงาน, การเคลื่อนไหวและแรง – ผู้แปล)

    แต่พวกเราทั้งหมดนี้ ก็พัวพันกันอยู่ในความรักของพระเจ้าด้วยกันหมดทั้งสิ้น
    คือเป็นส่วนที่มาให้ความช่วยเหลือแก่มนุษยชาติ
    และพวกเราทั้งหมดก็อยู่ด้วยกันแบบเป็นกลุ่มๆเดียวด้วย
    ซึ่งก็คือกลุ่มๆเดียวกับของพวกคุณนั่นแหละ
    ซึ่งกลุ่มของครอบครัวที่ว่านี้ ก็เรียกว่าพระเจ้า (God) นั่นเอง

    แล้วใครหละที่คุณควรจะสอดมนต์อธิษฐานถึง?

    จงเริ่มต้นด้วยการกลับเข้าไปสู่ข้างในตัวเอง
    และแทนที่จะไปสอดมนต์อธิษฐานถึงใครที่ไหนอื่น
    ก็ให้เริ่มต้นเข้าใจภูมิปัญญาอันหนึ่งซะก่อนว่า..
    แท้ที่จริงแล้วพลังอำนาจสถิตย์อยู่ที่นี่
    แล้วจากนั้นก็สร้างสรรค์สิ่งที่คุณต้องการออกมาจากที่ตรงนั้น

    อย่าเอาแต่คิดว่า จะนั่งอยู่ที่นั่นแล้วหวังให้พระเจ้าประทานอะไรซักอย่างลงมาให้
    เหมือนสุนัขที่นั่งอยู่ใต้โต๊ะอาหารเย็นอย่างอดทน
    เพื่อรอคอยเผื่อว่าใครจะทิ้งเศษอาหารลงมาให้ เพราะมันไม่ใช่แบบนั้นเลย!

    สรุปว่า..ผู้ที่คุณควรจะสวดมนต์อธิษฐานถึง
    ก็คือความสง่างามของตัวตนของพวกคุณเอง
    ซึ่งเป็นแก่นแท้ของพระเจ้าที่มาอยู่บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้
    และคือผู้ที่ขับเคลื่อนทุกสรรพสิ่ง

    พวกคุณคือคุรุของตัวพวกคุณเอง
    นี่คือความจริงที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิด
    ภายใต้ใบหน้าของความเป็นทวิภาวะของพวกคุณเอง

    จงเข้าร่วมกลุ่มที่ชื่อว่าพระเจ้านั้น และจงสวดมนต์ แต่ไม่ใช่เพื่ออ้อนวอนรูปธรรมชีวิตที่มีฤทธานุภาพสูงกว่าใดๆทั้งสิ้น
    แต่จงสอดมนต์อธิษฐานในฐานะที่พวกคุณเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว
    ที่กำลังเขียนจดหมายถึงบ้านอยู่ ในระหว่างที่ไปสู้รบอยู่ในแนวหน้าของสนามรบแห่งหนึ่ง

    พวกคุณคือส่วนหนึ่งของพระเจ้า และก็เป็นสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่งด้วย
    และพวกคุณก็ยังเป็นมนุษย์โลกคนหนึ่งด้วย ซึ่งมนุษย์โลกคือ
    หนึ่งในรูปธรรมชีวิตจำนวนน้อยนิดในจักรวาลแห่งนี้
    ที่มาอาศัยอยู่และมาทำงานอยู่ในสถานที่ๆพวกคุณไม่อาจรับรู้ความจริงได้แบบนี้
    เพราะว่าไม่เช่นนั้นแล้วมันก็จะทำให้ความถูกต้องตรงไปตรงมาของการทดสอบเสียหายได้

    และคุณสงสัยอีกไหมว่าทำไมพวกเราถึงมาให้ความช่วยเหลือพวกคุณและรักพวกคุณมากเหลือเกิน?

    ………………..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2014
  14. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ครายออนตอบคำถาม – เรื่องวิธีการพูดคุยกับเซลในร่างกายของเรา

    ที่มา:
    kryon-Q&A 2nd Quarter2005

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


    คำถาม: ครายออนที่รัก ฉันพยายามที่จะพูดคุยกับเซลในร่างกายของฉันเอง
    แต่ฉันไม่รู้ว่าควรจะบอกพวกมันว่าอย่างไรดี! ถ้าจะพูดว่า
    “จงขจัดสารพิษออกไป แล้วฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาใหม่” มันจะเป็นการเพียงพอไหม๊?

    หรือว่าพวกเราจะต้องพูดอะไรที่เฉพาะเจาะจงลงไปกว่านั้นอีก
    และอาจจะต้องพูดจาอย่างสุภาพด้วยหรือเปล่า
    เช่น “กระดูกอ่อนเอ๋ย ได้โปรดเจริญเติบโตขึ้นมาเถิด” อะไรแบบนั้น

    หรือว่าอาจจะถึงกับต้องพูดถึงกรดอะมิโน, วิตามิน และอื่นๆด้วยหรือเปล่า?
    หรือว่าเพียงแค่ความตั้งใจอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว
    หรือว่าคำพูดและสำนวนก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยกันแน่?

    แล้วเราควรจะใช้เวลาพูดคุยกับพวกมันนานสักแค่ไหน สำหรับแต่ละจุดประสงค์
    ถึงจะเป็นการเพียงพอ? เพราะว่าฉันมีปัญหาเรื่องอาการคันที่เกิดจากภูมิแพ้
    ที่รุนแรงมาก ซึ่งเป็นมานานร่วม 10 ปีแล้ว ดังนั้น ฉันควรจะพูดกับผิวหนังของฉัน
    หรือว่าควรจะพูดกับระบบภูมิคุ้มกันของฉัน หรือว่าควรจะพูดกับอย่างอื่นกันแน่ ถึงจะดีที่สุด?



    คำตอบ: อันดับแรก..คุณยังไม่เข้าใจอีกหรือว่า
    ส่วนต่างๆของ DNA ของคุณ
    ที่คุณกำลังพูดถึงอยู่นั้นหนะ มันเป็นของหลากมิติ?

    พวกเราได้สอนพวกคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว
    และก็สอนมาโดยตลอดด้วย จนกระทั่งถึงบัดนี้ ว่า..

    ระบบประเภทนี้หนะ มันไม่ได้เป็นแบบเส้นตรง!
    มันไม่เข้าใจภาษาของคุณหรอก!
    และมันก็จะไม่แม้แต่จะเริ่มตอบสนอง
    ต่อกระบวนการที่เป็นตรรกะแบบนั้นของคุณด้วย

    ดังนั้น วิธีการพูดคุยกับเซลในร่างกายของคุณ
    จึงเป็น “กระบวนการทางพลังงาน” อย่างหนึ่งด้วย
    เพราะว่าพลังงานเท่านั้นที่มันต้องการ ไม่ใช่ด้วยวิธีการใช้คำพูด

    ดังนั้นการพูดซ้ำไปซ้ำมาจึงจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลย
    มีแต่จะทำให้เมื่อยปากเปล่าๆเท่านั้นเอง

    คุณจะต้องใช้จินตนาการ หรือภาพนิมิตร ไม่ใช่ใช้คำพูด
    โดยการใช้เวลาเพื่ออธิบายให้เซลในร่างกายของคุณเข้าใจ
    ในสิ่งที่คุณต้องการ ด้วยการใช้จินตนาการหรือภาพนิมิตร

    โดยการจินตนาการให้เห็นว่าตัวเองไม่มีอาการคันอีกต่อไปแล้ว
    โดยการจินตนาการให้เห็นว่าตัวเองมี DNA ของคนหนุ่มสาวแล้ว
    เพราะอย่าลืมว่า ร่างกายเนื้อของคุณ
    เคยผ่านการมี DNA ของคนหนุ่มสาวมาแล้ว
    และดังนั้น เซลในร่างกายของคุณ จึงยังมีความทรงจำ
    ของ DNA ของช่วงที่คุณเป็นหนุ่มสาวอยู่

    ดังนั้น ในทุกๆวัน จงเริ่มต้นด้วยการแบ่งเวลามาซักช่วงระยะเวลาหนึ่ง
    เพื่อติดต่อสื่อสารกับเซลในร่างกายของคุณเอง
    ซึ่งก็จะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง
    แล้วจากนั้นก็ให้สร้างภาพนิมิตรที่คมชัดของเป้าหมาย
    ที่คุณต้องการให้ร่างกายของคุณเป็นขึ้นมา

    เช่น ภาพนิมิตรของการมีผิวหนังที่อ่อนเยาว์,
    มีสุขภาพแบบของคนหนุ่มสาว
    และมีกิริยาท่าทางแบบของคนหนุ่มสาว เป็นต้น

    แล้วจากนั้น ร่างกายของคุณก็จะเริ่มเข้าใจความหมายของคุณ
    และก็จะเริ่มทำตามคำสั่งของ “เจ้านาย” ของมันต่อไป

    นี่แหละคือสิ่งที่คุรุทั้งหลายทำกันหละ และมันก็ได้ผลซะด้วย
    แต่อย่างไรก็ตาม คุณก็จะต้องเรียนรู้ที่จะขจัดความอยาก
    ที่จะใช้คำพูดเพื่อติดต่อสื่อสารกับพวกมันออกไปเสีย
    เพราะว่ามันเป็นกระบวนทัศน์แบบสามมิติ
    และ “การพูดคุยกับเซลในร่างกายของคุณ”
    จะต้องใช้พลังงานแห่งจินตนาการเท่านั้น

    …………………
     
  15. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +433
    โอ้ Q&A คุณถามมา Kryon ตอบไป นี่เป็นแหล่งที่รวมความรู้ ข้อสงสัย ในสิ่งต่าง ๆ ที่คนเราอยากรู้ และ Kryon ก็ตอบได้จับใจสุด ๆ เหมือนกัน


    (good)(good)(good)


    ตอนนี้เริ่มวางแผงเป็นภาษาไทยแล้วรึนี่ สงสัยคุณ Chayutt ต้องเป็นหนึ่งใน entourage ของ Kryon แน่ ๆ โดนส่งมาปฏิบัติภาระกิจให้ชนสยามประเทศได้เข้าถึงความรู้และความรัก


    (deejai)(deejai)(deejai)
     
  16. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    หมายถึงทำเป็นหนังสือน่ะเหรอคะ ชื่อหนังสืออะไรเอ่ย
     
  17. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    5555555555 นึกถึงเมื่อก่อน ตอนที่อ่านเรื่องนี้จากในเฟซของชาวต่างประเทศคนนึง เค้าก็ไม่ได้บอกว่า ให้พูดแนวไหนลงไปตรงๆ เราก็ทำไงดี เลยสื่อสารกับเซลล์เป็นเส้นตรง ก็ว่า...ทำไมไม่ได้ผล 555

    ถามหน่อยค่ะ กรณีนี้ เราจะใช้พลังงานแห่งจินตนาการ กับการบริหารจักระได้ไหมคะ ซึ่งในคลิปที่ดูตามเวบต่างๆ เค้าใช้เป็นพูดแบบเส้นตรงอ่ะค่ะ ยกตัวอย่าง จักระที่ 3 ฝรั่งก็เอามือโบกๆ เข้าตรงบริเวณพุง ละก็พูดเป็นประโยคๆ เช่น ฉันมีพลัง ฉันมีความมั่นใจในตัวเอง ตอนเนี่ย...ให้จินตนาการเป็นอะไร? ยังไงได้บ้าง? ตอนนั้นเราก็พูดตามฝรั่งเค้า ละไม่รู้ทำไง ก็เลยจินตนาการมีสีเหลืองอยู่รอบพุง ข้างในพุงด้วย ช่วยยกตัวอย่างภาพจินตนาการของประโยคฉันมีพลัง ฉันมีความมั่นใจ มาให้หน่อยได้ไหมคะ? อันนี้ที่เราคิดเมื่อกี้ สดๆ ร้อนๆ ไม่รู้ว่าจะเว่อร์ไปไหม...ถ้าฉันมีพลัง>>>นึกว่าเราเป็นซุปเปอร์เกิร์ล(แฟนซุปเปอร์แมนอีกที)...อย่างงี้ใช่รึป่าวคะ
     
  18. A-jitta

    A-jitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +888

    คำถามที่น่าสนใจกับข้อความของ Kryon ...
    ต่อคำว่า "จินตนาการ" กับ "ความคิด+อารมณ์= เนรมิต"


    คำว่า "จินตนาการ" นั้น มันต้องมีฐานข้อมูลมาจาก ความคิด+อารมณ์ หรือไม่?...
    ถ้าต้อง..แล้วความคิดของเรายังคงเต็มไปด้วยความหนาแน่นของข้อมูลเก่า ๆ มากมาย
    ซึ่งรวมไปถึงกิเลส ตัณหาทั้งหลายมากมาย มันก็ได้ผลตามที่ต้องการหรือไม่ ?

    ...และ "พลังงาน" ที่ว่านั้น...
    คุณภาพของพลังงานที่จะสามารถทำให้ปรากฏผลเป็นรูปธรรมได้(หรือเนรมิต)
    จำเป็นต้องเป็น"พลังงาน"ที่บริสุทธิ์หรือไม่?
    หรือต้องผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์ก่อนหรือไม่?

    อจิตตะ...
     
  19. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ผมเข้าใจว่า..

    คุณภาพของพลังงาน คือปัจจัยสำคัญอย่างมาก
    ที่จะให้เกิดความคมชัดของการสื่อสารแบบไม่เป็นเส้นตรง
    คือถ้าจิตใจเราปลอดโปร่ง สมองแจ่มใส
    เราก็จะนึกภาพจินตนาการได้ดีและชัดเจนตามไปด้วย
    ซึ่งนั่นแหละ คือเหตุผลที่ว่าทำไม เราถึงควรที่จะ
    ทำการอธิษฐาน หรือเนรมิตอะไรในสภาวะที่จิตเป็นสมาธิ

    ส่วนเรื่องความบริสุทธิ์ของจิตใจนั้น ผมก็เข้าใจว่า
    ไม่ค่อยมีผลต่อการให้ผลของ "การเนรมิต" สักเท่าไหร่

    คือผมหมายความว่า ไม่ว่าเราจะมีจิตใจที่เต็มไปด้วยกิเลสตัณหาหรือไม่
    เราก็ยังจะสามารถเนรมิตสิ่งต่างๆออกมาสู่ประสบการณ์ชีวิตของตนเองได้อยู่ดี
    ซึ่งพวกเราทุกๆคนก็กำลังทำแบบนั้นกันอยู่แล้ว
    ไม่ว่าจะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม

    ตัวอย่างเช่น อารมณ์โกรธ หรือเกลียด หรือกลัว นั่นก็ไม่ใช่ด้านบวกเลย
    แต่พลังอำนาจของมัน เมื่อเราเอาไปจดจ่ออยู่กับสิ่งใดแล้ว
    มันก็จะทำให้สิ่งนั้นมีพลังงานด้านลบมากขึ้นตามไปด้วย
    และมันก็จะเนรมิตผลลัพธ์ด้านลบออกมาให้เราได้ด้วยเช่นเดียวกัน

    ดังนั้น โดยไม่รู้ตัว มนุษย์เราทุกๆคน
    ก็กำลังเนรมิตสิ่งต่างๆขึ้นมาให้กับตัวเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอยู่แล้ว
    ด้วยความคิดและอารมณ์ความรู้สึกแบบสะเปะสะปะแบบนี้แหละครับ

    และเพราะฉะนั้น ถ้าเราอยากจะให้ประสบการณ์ชีวิตของเรา
    มันเต็มไปด้วยความสุขและสิ่งดีงาม หรือสิ่งที่มีระดับความสั่นสะเทือนสูงๆทั้งหลาย
    เราจึงควรที่จะมีสติสัมปชัญญะรับรู้ และควบคุมทุกๆความคิด
    และอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองให้ดียังไงหละครับ
    ด้วยความเข้าใจ และตามที่ท่านผู้รู้ทั้งหลายได้แนะนำสั่งสอนเราเอาไว้

    ..........................................
     
  20. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,942
    ค่าพลัง:
    +4,262
    แปลได้ยอดเยี่ยมมากเลยครับคุณชยุต
    ถ้าได้อ่านการแปลดีๆ แบบนี้ตั้งแต่เล่มแรกที่ออกมาเมื่อกว่าสิบปีที่แล้วก็คงจะไม่พลาดของดีตั้งหลายปีครับ
    คำพูดของ Kryon มีอารมณ์ขันแฝงอยู่ตลอด ทำให้นึกถึงเวลาที่อาจารย์ชิงไห่บรรยายธรรมะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...