ข่าว(ไทยรัฐ)เตือนอย่ายึดติดนิมิต

"ผู้ที่ยังประมาทอยู่ คือ ผู้ที่ตายไปแล้ว" บาด

 

ข่าวลือว่าน้ำจะท่วม เทศน์สอนโดยพระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน

ระยะไม่นานที่ผ่านมานี้ มีข่าวลือว่าน้ำจะท่วม คนจะตายกันครึ่งค่อนประเทศ ทำให้คนกลัวกันใหญ่ โดยเฉพาะมีหนังสือบางเล่ม คนเขียนขึ้นมาขาดความรับผิดชอบ เขียนโดยเอาคำพยากรณ์ส่วนหนึ่งข<WBR>​องหลวงพ่อวัดท่าซุงนำหน้า แล้วเอาตำนานเทพทำนายไปต่อไว้ข้<WBR>​างใน แล้วไปสรุปด้วยคำพูดของหลวงพ่ออ<WBR>​ีกทีหนึ่ง ก็เลย...กลายเป็นว่าหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านทำนายว่าจะเกิดภัยพิบัติขนา<WBR>​ดนั้น

เพราะฉะนั้นใครอ่านแล้วให้มีสติ<WBR>​สัมปชัญญะด้วย ถ้าจะแย่อย่างนั้นจริง จะมากหรือน้อยขนาดไหนก็ตาม คนที่อยู่ใกล้ชิดต้องได้ยินจากห<WBR>​ลวงพ่อท่านบ้าง
เรื่องของน้ำท่วมอย่างไรก็ต้องท<WBR>​่วมอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวล เราลองมาคิดดูว่าในสมัยที่เทคโน<WBR>​โลยี เครื่องไม้เครื่องมือทุกอย่างพร<WBR>​้อมขนาดนั้น ถ้าเราเป็นรัฐบาล เราจะปล่อยให้ราษฎรตายขนาดนั้นเ<WBR>​ลยหรือ

ฉะนั้น ในเรื่องของการถือมงคลตื่นข่าว ถ้าหากว่าเรายังเชื่อถือและแตกต<WBR>​ื่น ก็แสดงว่าเราไม่มั่นคงในพระรัตน<WBR>​ตรัยจริง ๆ บุคคลที่ไม่มั่นคงในพระรัตนตรัย<WBR>​ โอกาสที่เข้าถึงความเป็นพระอริย<WBR>​เจ้าก็ยาก จึงกล่าวได้เต็มปากว่า ถ้าเป็นพระอริยเจ้าตั้งแต่โสดาบ<WBR>​ันขึ้นไป จะไม่ถือมงคลตื่นข่าวอีกแล้ว

ใครว่าอะไรดีที่ไหน..เราดีด้วย แต่ไม่ใช่ว่าจะต้องตะเกียกตะกาย<WBR>​ไปจนถึงที่ เพราะว่าท้ายสุดแล้วหลักธรรมทุก<WBR>​อย่างก็อยู่ที่เราปฏิบัติเอง ใครทำใครได้ ทำแทนกันไม่ได้

การศึกษาหลักธรรมเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าเรียนมากไปก็เสียเวลา จับหลักอันใดอันหนึ่งได้ แล้วรีบตะเกียกตะกายทำให้สำเร็จ<WBR>​ เมื่อสำเร็จแล้วหากยังปีติน่าภู<WBR>​มิใจอยู่ เราก็ค่อยทำอย่างอื่นต่อไป ไม่ใช่ตีอวนจะเอาปลาทั้งทะเล ถ้าตีอวนจะเอาปลาทั้งทะเล โอกาสที่จะได้ก็ยาก เพราะหนักเกินกำลังของเรา ต่อให้สมัยนี้มีเครื่องมือดี ๆ แบบพวกเรือประมงระดับโลก แต่ถ้าไปเอาปลาทั้งทะเล เครื่องก็จะหักจะพังเสียหมด

ดังนั้น ถ้าเราจับจุดใดจุดหนึ่งใน ศีล สมาธิ ปัญญา ที่ชอบใจได้ ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำจนเกิดผล แล้วหลังจากนั้นถ้ายังมีอารมณ์จ<WBR>​ะทำต่อ ค่อยขยับไปที่อื่นเพียงแต่ว่าใน<WBR>​เรื่องธรรมะของพระพุทธเจ้านั้น ถ้าเราทำเป็น...กองเดียวจริง ๆ ก็จบ หัวข้อเดียวจบเลย ถ้าจบแล้วยังไม่หายคันก็เชิญทำอ<WBR>​ย่างอื่นต่อ แต่ส่วนใหญ่ถ้าเป็นพระอริยเจ้าท<WBR>​่านหายคันตั้งแต่ยังไม่ทันจะจบ

เรียนรู้ไว้ดี แต่ถ้าหากความรู้ท่วมหัวแล้วเอา<WBR>​ตัวไม่รอด บางทีจะโดนคนอื่นเขาเยาะเย้ยเอา<WBR>​เสียด้วย ที่เขาบอกว่า รู้มากยากนาน นั่นก็ดี นี่ก็น่าปฏิบัติ ว่าแล้วก็เล่นไปเรื่อย ไม่จบสักที ก็เลยไปลงตรง รู้น้อยพลอยรำคาญ ความรู้ไม่พอใช้งาน เอาแค่รู้พอดี ๆ ถ้าหากว่ารู้พอดี ทำพอดี ทุกอย่างก็เกิดผลเร็ว

พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ที่บ้านอนุสาวรีย์
๗ มิถุนายน ๒๕๕๒

ที่มา : http://www.watthakhanun.com/we<WBR>​bboard/showthread.php?t=614

******************************<WBR>​******************************<WBR>​**********

ยึดมั่นในพระรัตนตรัย อันตรายใด ๆ ไม่มี

ถาม : ที่เขาบอกว่า ประเทศไทยจะเกิดภัยพิบัติ
ตอบ : เขาบอกมาหลายปีแล้ว

ถาม : ครับผม
ตอบ : เอาเป็นว่าประเทศไทยเรามีในหลวง<WBR>​อยู่ ฟังในหลวงเป็นหลัก ไม่มีเรื่องอะไรที่ท่านไม่รู้

ถาม : แล้วเขาบอกกรุงเทพฯ นี่จะอยู่ไม่ได้
ตอบ : เขาบอกว่ากาญจนบุรีที่อาตมาอยู่<WBR>​จะเหลือแค่เกาะเล็ก ๆ เกาะหนึ่ง อาตมาก็ยังอยู่จนทุกวันนี้ โดยเฉพาะวัดท่าขนุนอยู่ปากเขื่อ<WBR>​น น้ำมาตูมเดียวถึงวัดเลย รู้เดี๋ยวนั้นหนีเดี๋ยวนั้นก็ยั<WBR>​งไม่ทันเลย

ถาม : จะกินเวลาไปนานเท่าไร ?
ตอบ : ถ้าหากว่าความกลัวของคน ก็กินเวลานานเท่าชีวิต จำไว้ว่าถ้าเรายึดมั่นในคุณพระร<WBR>​ัตนตรัย ยึดมั่นนะ อันตรายใด ๆ ไม่มี

ถาม-ตอบ ณ บ้านอนุสาวรีย์ (พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน)
วันจันทร์ที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๒

ที่มา : http://www.watthakhanun.com/we<WBR>​bboard/showthread.php?t=864

 

อนุโมทนากับบทความครับ

บางครั้ง ยิ่งรู้มาก ก็ไม่ดีกับตัวเองนะครับ อาจจะเป็นโรคประสาท ได้ ที่บอกแบบนี้ เคยเกือบเป็นมาแล้ว

จริงๆเอาแค่ ขอให้รู้ว่ามีภัยพิบัติก็พอ และเตรียมกาย เตรียมใจ ตั้งสติ ไม่ประมาท ก็เพียงพอ ครับ

 

ขอบคุณค่ะคุณNirvana ดิฉันจะพยายาม(ไม่ประมาท)นะคะ... ประเด็นมันอยู่ที่ว่าผู้เตือนขอให้เตือนอย่างมี"สติ"(ใช้เหตุใช้ผลในหลักวิชาการ) ไม่ใช่มาใช้"นิมิต"ที่ตัวเองเห็นแล้วออกมาพูดเองเออเองมาทำนายจนเป็นเรื่องเป็นราวสร้างความหวาดกลัวไปทั่วแบบนี้ อย่างที่หนังสือพิมเค้าจั่วหัวข่าวว่า..."เตือนอย่ายึดติดนิมิต"

 

ยึดอุเบกขาและมรณานุสติไว้เป็นอารมณ์ครับผม แค่จิตเราสงบ ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น อารมณ์สุขจะอยู่กับเรา ไม่ว่ารอดหรือไม่

 

กราบโมทนา สาธุค่ะคุณบวรทัต (ทรงอารมณ์แบบนี้) ทำได้ใกล้พระนิพพานเต็มที สาธุ สาธุ สาธุ

 

ความประมาทว่าเรายังไม่ตาย นั่นแหละคือความประมาท
ความตายไม่น่ากลัว ถ้าเราได้เตรียมตัวก่อนตาย
แต่สิ่งที่น่ากลัวคือถ้าเรายังไม่ตาย และเราต้องอยู่กับโลก
และธรรมชาติที่เปลี่ยนไป โดยเรามิได้ศึกษาธรรม และนำมาปฏิบัติ
เพื่อเตรียมกาย และใจล่วงหน้า โดยเฉพาะใจ ต้องเตรียมใจ
อย่ายึดติดใดๆ อีกเลย สำหรับผู้ที่ปรารถนาจะช่วยเหลือผู้อื่น เมื่อ
ทราบว่าอนาคตจะมีคนที่ต้องได้รับความทุกมาก จากการเปลี่ยนแปลงของ
ธรรมชาติ ก็ขออนุโมทนากับทุกท่านด้วย

 

ผมคิดว่า เมื่อเกิดมาแล้วควรให้ความสำคัญกับชีวิตที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน มีทัศนคติที่ดีดีต่อชีวิต มีความสุขตามอัตภาพเราเป็นอยูู่ มีหัวเราะ มีรอยยิ้ม มีความสนุกสนาน สิ่งนี้ควรเป็นธรรมชาติของความสุขในชีวิต

คนที่ปฏิบัติธรรมตามแนวทางที่ตนศรัทธา ก็เพื่อหวังความสุข หวังรอยยิ้ม จากการปฏิบัติ ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า หากไม่มีความหวังเรื่องความสุขในชีวิตแล้ว คงป่วยการที่จะปฏิบัติธรรม

ส่วนการเตรียมตัว เตรียมใจ เพื่อจะตายอย่างมีสุขเมื่อมีภัยพิบัติมาถึง มันเป็นดั่งเช่นความหวังอันยิ่งใหญ่ เป็นเรื่องเฉพาะตัว แต่ผมคิดว่า เราควรเตรียมตัวที่จะมีชีวิตในวันนี้ นาทีนี้ ให้เป็นสุขจะดีกว่า การคิดถึงแต่เรื่องตาย (แม้มันจะเป็นสัจธรรมก็ตาม) มันชวนให้ชีวิตหดหู่ สิ้นหวัง ยังไงก็ไม่รู้ มันเหมือนปลงๆ กับชีวิต ซึ่งมนุษย์เราไม่ควรจะปลงเช่นนั้น
ผมเชื่ออยู่อย่าง ความตายใดๆส่วนมากมักมาเยือนในยามที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย นี่สังเกตุจากความตายของคนรอบข้างและญาติมิตร มีส่วนน้อยที่พอจะรู้ตัว ก็คือคนที่ป่วยเรื้อรัง เช่น มะเร็ง อันนี้มีเวลาทำใจนานบ้างน้อยบ้าง ตามอาการ เท่าที่เห็นไม่มีใครอยากจะตายเอาเสียเลย แม้รู้ว่ารักษาไม่หาย ก็ยังเสาะหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อต่อชีวิตออกไปอีก
คิดว่า เมื่อมีภัยพิบัติระดับโลกถล่มทลาย ผมคิดไม่ออกว่าจะเตรียมยังไงดี มันคงมาเร็วมาก ทั้งน้ำ ลม ฝน จะขุดรูอยู่ก็กะไรอยู่ จะหนีไปปลูกบ้านบนภูเขาก็คงลำบากก่อนตายแน่ๆ จะเตรียมสะเบียงไว้ก็กลัวจะเน่าเสียก่อน สุดท้ายต้องอดตายอยู่ดี วิธีการของผมที่พอทำได้ก็คือ มีชีวิตเป็นปกติอย่างที่เคยเป็นมา ติดตามสถานการณ์โลกบ่อยๆ มหาภัยพิบัติจะมาเยือนเมื่อไหร่ก็ช่างมันเถอะ เพราะคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้น
ส่วนก่อนตายสภาพจิตจะเป็นอย่างไร ก็เป็นเรื่องของแต่ละคน ทุกคนรู้ตัวเองอยู่แล้ว ว่าจิตใจของตนเป็นเช่นไร ไม่อยากขอร้องให้ใครมาเป็นห่วงเลยจริงๆ ส่วนคนที่ยังต้องการความห่วงใยอยู่ ก็คงต้องทำตนไปตามจริตของตน คนเรามี สติ มีปัญญา แตกต่างกันอยู่แล้วตามธรรมชาติ จะเกิด จะตายที่ไหน ทุกคนมีอิสระเต็มที่

 

เมื่อใดมีคำว่าพอเมื่อนั้นมีสุข ทุกคนล้วนเกลียดทุกข์ รักสุข
โลกธรรม 8 นั้นไม่เที่ยงตามกฎไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
จิตสุข จิตทุกข์ อยู่ที่การปรุงแต่งจิต ต้องสายกลาง
ชีวิตนี้น้อยนัก แต่ชีวิตนี้สำคัญนัก ตายเกิดๆ อยู่เรื่อยไปตามกรรม
ขอให้ทุกท่านรีบสร้างบุญกุศลทั้งทาน ศีล ภาวนา เพราะจะเป็นเสบียงหลัง
เราหมดลมหายใจในชาตินี้ ขอให้ทุกท่านมีความสุขทั้งทางกายและใจ
ได้มรรคผลนิพพานโดยถ้วนหน้ากันทุกคนเทอญ

 

กราบโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

 

ไม่อยากให้เชื่ออย่างงมงาย แต่ให้ดูโลกเราด้วยขณะนี้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง แล้วนำไปคิดว่ามันมีโอกาสเกิดขึ้นจริงได้มั๊ย ไม่ใช่คิดจินตนาการเพ้อเจ้อ นักวิทยาศสตร์ ยังกลัวเรื่องภาวะโลกร้อน เลย เรื่องนี้ มันจะทำให้ทั่วโลกได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว น้ำท่วม ภัยธรรมชาติทั้งหลายแหล่สุดจะบรรยาย รวมถึง เครื่องบินฮาร์ดวอร์กของเราด้วยสาเหตุน่าจะเกิดจากตกหลุมอากาศ เครื่องยนต์ขัดข้องมันเกิดขึ้นได้อย่างไร อยู่ ๆ ท้องฟ้าเปิด และปิดได้เพียงเสี้ยวนาที ไม่ใช่ให้เชื่อ แต่ต้องวิเคราะห์ด้วย การเตรียมพร้อมก็ไม่ใช่ว่าจะเสียหาย เพียงแค่ตุนอาหาร สัก3 -4 วัน ซื้อสับเปลี่ยนเวียนกัน เก่ากิน ซื้อใหม่เสริม จะเป็นไร เห็นน้ำท่วม แผ่นดินสไลด์ จังหวัดน่าน กันบ้างไหม ต้องอยู่อย่างอดบ้าง กำลังการช่วยเหลือจากภาครัฐ ช่วยได้ครั้งละ 30,000 แต่ผู้ประสบภัยเกือบแสน ที่เหลือจะกินอะไร แจ้งเตือนภัยเพื่อให้ตระหนัก ไม่ใช่ตระหนก ไทยรัฐก็เขียนข่าวเชิงแง่เดียว ต้องเขียนข่าวมุม 2 ด้าน ถ้าทุกคนอ่านข่าวเชื่อหนังสือพิมพ์ไทยรัฐหากวันนั้นไม่คาดคิดเกิดขึ้นมาจริง ๆ จะมีคนตายอีกมากมายที่เขาเชื่อข่าวของคุณอย่างน้อยต้องกันดีกว่ามาคอยแก้ไขที่ปลายเหตุใช่ม๊ะ

 

สนับสนุนครับ ดีแล้วครับ
ผมบอกอีกนิดนึง คนที่ปฏิบัติไปแล้วไปยึดติดกับนิมิตทั้งหลายแหล่ ไม่ยอมปล่อย เอาจิตเข้าไปเสวยสุขกับนิมิตนั้นเรื่อยๆ จิตท่านจะหลงไปเรื่อยๆ นานวันเข้า สติสัมปชัญญจะลดน้อยถอยลงไปเรื่อย จนวันนึงท่านก็จะไม่รู้ว่าไหนแท้ ไหนเทียม
ฟัง คิด พูด ทำ ด้วยปัญญาแท้จะขาดความเป็นสัจจะ อยากให้หลายท่านใช้สติพิจารณาด้วยครับ
ผมไม่ใช่ผู้วิเศษแต่สิ่งที่เพื่อนๆคุยกันผมเคยผ่านมาแล้ว กว่าจะหลุดมาได้ก็ต้องใช้เวลานานมาก
อนุโมทนาสาธุครับ

 

ขอบคุณครับคุณแมวน้ำ9 ยังห่างครับ แค่พยายามทำให้ตัวเองไม่ทุกข์ครับ นิพพานยังห่างไกล กรรมยังเยอะอยู่ คงต้องชดใช้กรรมเก่าอีกเยอะครับ

 

ผมว่าเราดำรงตนอยู่อย่างมีเหตุมีผลจะดีกว่าครับ
การใช้ความเชื่อกับสิ่งที่ลวงตาหรือเปล่าไม่รู้ ก็เหมือนกับแทงหวย แทง100ครั้ง ก็ใช่ว่าจะถูกสักครั้งหนึ่ง ไม่ถูกเลยสักครั้งก็มีเยอะแยะไป

ผมว่าถ้าใครเห็นภัยพิบัติได้จริงๆ ก่อนอื่นบอกเลขหวยให้ได้แน่ๆสัก3งวดติดให้ได้ก่อนครับ 555+

ถ้าทำไม่ได้อย่ามาบอกนิมิตร...เพราะหวยกับนิมิตนั้นเป็นเรื่องไม่คาดฝัน ไม่แน่นอนและเป็นเรื่องส่วนใหญ่มองออกยากครับ

คนไหนทำได้ส่งเลข หลังไมค์เลยครับ :boo:

 

จริงๆนะคะ ดิฉันก็อยากเจอมากๆ ในชีวิตดิฉันได้เคยพบมีแต่เป็นพระสงฆ์ค่ะที่แก่งจริงๆคือ หลวงพ่อพระราชพรหมยานและหลวงปู่สังวาล เขมโก ที่ท่านรู้เรื่องอานาคตได้จริงๆเพราะท่านจะเมตตาบอกใบ้(หวย)ได้ทุกๆงวด มีแต่ดิฉันตีผิดเองสมัยก่อนตอนท่านทั้ง2ยังอยู่ถูกหวยเกือบทุกๆงวดเลยค่ะ5555

 

เห็นด้วยค่ะ เพราะเท่าที่เคยได้ฟังคำสอนครูบาอาจารย์ มีแต่ ให้พยายามเจริญ อุคคะหานิมิต (ถ้าเขียนผิดก็ขออภัยค่ะ) ที่เห็นร่างกายเราเป็นอสุภะเพื่อละสังโยชน์ เท่านั้น ส่วนนิมิตอื่นถ้าเกิดขึ้นท่านเตือนให้แค่รู้เท่านั้น อย่ายึดติด (ถึงแม้บางทีก็ชอบอ่านเหมือนกันค่ะ แต่ถ้านานๆไปจะเป็นผลเสียกับการปฏิบัติมากกว่า)

 

ผมเกิดและตายมาหลายชาติมากแล้ว และก็คงยังจะเกิดและตายอีกหลายชาติมากเหมือนเดิม เพราะยังฝึกไม่ก้าวหน้าครับ แหะๆ ส่วนตัวเชื่อว่าภัยพิบัติน่าจะเกิดแต่คงไม่รุนแรงเหมือนในหนังหรือที่ผมจินตนาการไว้ คงรุนแรงกว่าปัจจุบันเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่ตราบใดที่มีในหลวงผมก็คิดว่าเกิดยาก ยังมีพระดีๆอีกมากในประเทศยิ่งทำให้เกิดยาก อีกอย่างไม่เห็นหลวงพ่อหลวงปู่ท่านจะบอกจะเตือนอะไรไว้ คิดอีกแง่นึงอาจมีแต่ท่านก็ไม่เตือนเพราะเป็นกรรมตามวาระ หรือไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ พระพุทธเจ้าท่านก็สอนให้เห็นโทษในขันธ์ ให้เห็นโทษของการเวียนว่ายตายเกิด เกิด ตั้งอยู่ ดับไป วนเวียนไม่จบสิ้น ท่านจึงชี้ทางให้เราๆเพื่อปฏิบัติให้ไม่ต้องมาเกิดอีก พ้นทุกข์โดยถาวรด้วยการเข้าสู่นิพพาน
ผมมองว่าการเตือนก็มีประโยชน์กับหลายๆท่าน (ถูกจริต) ที่ทำให้หันมาปฏิบัติธรรม ขอแต่อย่าท้อใจเพราะไม่มีเหตุเกิดซักที กลับเป็นว่ารู้สึกว่าไม่เห็นจริงเลยเลิกดีกว่า อย่างนี้ไม่ควรนะครับ การฝึกตนเพื่อลด ละ เลิก กิเลส ฝึกเพื่อนิพพาน ไม่ใช่ฝึกเพื่อเอาตัวรอด ครั้งนี้รอดได้ ก็หนีตายไม่พ้น เมื่อมีคนจุดประกายให้แล้วก็อยากให้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ นับ 1 แล้วก็นับ 2 3 4 ไปเรื่อยๆ อย่านับแค่ 1 แล้วก็เลิก ส่วนที่หลายๆท่านไม่เห็นด้วยกับการเตือนก็เพราะหวังดีไม่อยากให้ยึดติด หรือเลิกปฏิบัติทีหลังน่ะครับ เหรียญมี 2 ด้านแล้วแต่จะมองด้านไหนเราลูกหลานพระพุทธเจ้าเหมือนกันอย่าทะเลาะหรือขุ่นข้องใจกันเลยนะครับ อีกอย่างพ่อคงไม่อยากให้เราทะเลาะกันเอง บางเรื่องบางอย่างเราก็ไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนไม่จริง ก็พิจารณากันไปฝึกกันไป ดูจิตตัวเองว่าขุ่นข้องหมองใจอยู่หรือเปล่า โลภโกรธหลงมีไหม เวลาเกิดก็เอาสติไปจับให้ทัน โกรธก็รู้ว่าโกรธ ดูว่าโกรธเพราะอะไร โกรธเพราะขัดใจว่าเขาคิดไม่เหมือนเรา หรือโกรธที่เขาว่าเรา ไอ้คำว่าเรานี่คืออะไร ดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่มีตัวตนไม่ใช่หรือ แล้วจะมีเราได้อย่างไร ในเมื่อเราไม่มี ความคิดของเราก็ไม่ควรมี ไม่ใช่ว่าผมสอนนะครับ ผมก็ยังไม่ถึงไหน ถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าต้องฝึกเรื่อยๆ มีหน้าที่ฝึกแค่นั้น ที่เหลือก็ปล่อยไปตามกรรม ตามวาระ ที่เขียนมาก็เกิดจากปัญญาอันน้อยนิดเก็บเอาธรรมอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้ามาพยายามปฏิบัติ เอาคำหลวงปู่หลวงพ่อมาพยายามฝึก
ถ้าผมทำให้ท่านใดไม่พอใจจากความรู้สึกนึกคิดและความเห็นผม ผมต้องขออภัย และขอว่าอย่าโกรธอย่าโมโหคนโง่ๆคนนึงที่อยากแสดงความคิดเห็นเลยครับ อย่าให้คนอย่างผม ที่ไม่มีความสำคัญต่อทุกท่านนี้ไปทำให้ทุกๆ ท่านเกิดโทสะเลยนะครับ ขอให้ทุกท่านเจริญด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา และเข้าถึงนิพพานได้เร็ววันครับ โมทนาครับ

 

คิดว่านักข่าวท่านนั้นก็กำลังอ่านกระทู้นี้ ผมไม่แปลกใจในหัวข้อและวิธีเขียนข่าวของหนังสือพิมพ์หัวเขียวเลย ก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เปิดสำนักแล้ว ดังนั้นใครจะให้สัมภาษณ์อะไรกับนักสื่อสารประเภทนี้ควรระวังให้มาก ไม่ให้สัมภาษณ์เลยจะปลอดภัยและสร้างสรรค์สังคมได้มากกว่า

ส่วนหัวข้อข่าวที่ลงนั้นก็เข้าใจว่าดูภาพรวมจากกระทู้ในนี้เป็นหลัก แต่ควรชัดเจนหน่อยว่าท่านกำลังพาดพิงกลุ่ม หรือพาดพิงหัวข้อกระทู้สาธารณะ เพราะสื่อออกมาแบบนี้เหมือนอยากส่งผลเสียไปให้กับกลุ่มบุคคลมากกว่า การทำนายไม่ใช่มีแต่เอานิมิตมาตีความ หลายท่านก็อ้างอิงตามทฤษฏีทางวิทยศาสตร์ ถึงความเป็นไปได้ หลายท่านที่อยู่ในวงการภัยพิบัติก็ทำนายไปตามทฤษฏีทางอุตุนิยมวิทยา มันเป็นเรื่องปกติที่จะทำนายพลาด เพราะเป็นเรื่องของอนาคต เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

การปรับเปลี่ยนคำพูด(โกหกเขียนข่าว)อาจทำให้เกิดความเสียหายกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ตั้งใจทำหน้าที่เฝ้าระวังได้ สื่อสารมวลชนยุคใหม่ควรปรับตัวเสนอความจริงให้มากกว่าทำยอดขายไปวันๆได้แล้ว เพราะสมัยนี้คุณไม่ใช่สิ่งจำเป็นอีกต่อไป เพราะประชาชนสามารถเข้าถึงสื่อใหม่ที่ตรงไปตรงมาได้มากกว่าคุณ

ส่วนที่ท่านเจ้าคุณท่านพูดไว้นั้น ผมเข้าใจว่าทางศูนย์พิทักษ์พุทธศาสนา ทำงานหลายด้าน ทั้งด้านความมั่นคงทางศาสนา และแอบทำด้านภัยพิบัติอยู่ก่อนด้วย การออกมาเตือนก็ถูกต้องแล้ว ขออนุโมทนาสาธุทั้งการเตือนและงานที่ทำ แต่ต้องทำใจการควบคุมข่าวคำทำนายคงยากเพราะเป็นปกตินิสัยคนไทยในการตื่นข่าวมงคลและอัปมงคล สื่อที่ตีข่าวประเภทนี้ก็ไม่พ้นไปจากจำพวกสื่อที่เขียนข่าวนี้ขึ้นมา

แต่นักสื่อสารเหล่านั้นคงลืมไปว่า มันเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงจากความจริงที่ว่ามนุษย์กำลังเผชิญกับภัยธรรมชาติมากขึ้น ไม่ว่าจะพูดอย่างไรคงหนีความจริงนี้ไม่ได้ เอาแค่ปีที่ผ่านมาเราเผชิญกับภัยน้ำท่วมไปกี่ครั้งแล้วยังจะหาว่ามันไม่มีอะไรอีกหรือ การให้ความรู้ความเข้าใจ ในการระวังป้องกันความเสียหายจากภัยต่างๆ และวิธีการเยียวยารักษาหลังภัย สำคัญกว่าการบอกกล่าวว่าอย่ากังวลกับภัยธรรมชาติเฉยๆเพราะการพูดน่ะมันง่ายมาก ถ้ามันไม่เกิดกับคุณ คงไม่อาจทราบในวินาทีวิกฤตินั้นได้หรอกว่ามันเสียหายอย่างไร ใจเขาใจเรา วางใจกลางๆหน่อย