ข่าวด่วน "พระอาจารย์มิตซูโอะ ลาสิกขาแล้ว"

ท่านหลวงพ่อเทียน บรรลุแล้วแต่ยังคงเพศฆารวาส2ปีก่อนจะเข้ามาบวช เพราะเหตที่ว่าผู้คนศรัทธาเพศของสงฆ์มากกว่า ดังนั้นการที่จะสงเคราะห์ผู้ใดก็ยากคนไม่ค่อยเชื่อท่านเลยบวช และท่านได้เทศน์ไว้เช่นกันว่าการสอนที่ว่า ต้องตายภายในเจ็ดวันหลังจากที่บรรลุแล้วเป็นการสอนที่ผิดและนำความเข้าใจผิดมาสู่ศาสนาด้วย ทำให้ศาสนาเสื่อมถอย พระสังฆราชจีนองค์ ที่หนีไปอยู่ป่า7ปีกับนายพราน ท่านอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ แต่บรรลุธรรมแล้วตั้งแต่เป็นฆารวาส ในยุคสมัยนี้ข้าพเจ้ายอมรับว่ายังไม่เคยเห็นด้วยตาว่าที่บรรลุแล้วต้องตายภายในเจ็ดวัน แต่ที่เข้าใจคือกิเลสตาย
ดังนั้นในส่วนของท่นอาจารย์มิสุโอะ หลายปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้ว่าเป็นพระที่ปฏิบัตีปฏิบัติชอบ และสร้างประโยชน์แก่ประเทศไทย ที่ท่านได้อาศัยอยู่ ข้าพเจ้าไม่มีความสงสัยได ที่มีก็แต่เสียดายพระอย่างท่านที่จากประเทศไป และสังคมยังไม่ได้ตอบแทนคืนท่านบ้าง ซึ่งก็คิดว่าท่านคงไม่ต้องการหรอก
และไม่สงสัยที่ท่านไป โดยพิจารณาจากสภาพสังคมประเทศแม่ของท่าน คนทุกข์มากสถิติฆ่าตัวตายเป็นที่หนึ่งของโลกแทบทุกปี ที่ท่านไปคงเป็นเพราะพิจารณาแล้วว่าสมควรกลับไปทำประโยชน์ให้แผ่นดินเกิด ขอให้พวกเรา เข้าใจท่านด้วยเถิด คิดซะว่าท่านไปโปรดสัตว์ที่อื่น เป็นการทำประโยชน์เช่นกันน่ะ พระไม่ได้อยู่ที่สบง จีวร อันนี้ได้พบมาหลายองค์แล้วที่เป็นฆารวาส และเชื่อว่าอย่างท่านมิสุโอะอยู่ตรงไหนก็สร้างแต่ประโยชน์แน่นอน

 

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งคะ



ความเห็นของหนูนะคะ บางทีด้วยกฏของสงฆ์ ท่านยึดอย่างเคร่งครัด เวลาจะทำอะไร จะไม่สะดวก แม้ขนาดออกกำลังกาย เตะบอล เล่นกีฬายังไม่เลย

ท่านเป็นผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ หนูนับถือท่านจริงๆคะ

 

การตัดสินใจของพระอาจารย์ย่อมมาจากการพิจารณาที่ดีแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็เป็นเครื่องยืนยันว่า การปฏิบัติธรรมและเผยแพร่ศาสนามิได้จำกัดอยู่เพียงเพศของพระภิกษุเท่านั้น ฆราวาสก็ปฏิบัติและเผยแพร่ศาสนาได้เช่นเดียวกัน

 

ขอบุญบารมีที่ท่านสั่งสมมา ช่วยดลบันดาลให้ท่านหายจากโรคภัยทั้่งหลายทั้งปวงเทอญ

 

ลองอ่านดูนะครับ เห็นเว็ปลง :Daily News - Manager Online - คลายปม ผ้าเหลืองร้อน “พระมิตซูโอะ” ลือหนีพุทธพาณิชย์

ปมปริศนา ผ้าเหลืองร้อน

อยู่ใต้ร่มกาสาวพักตร์มานานกว่า 37 พรรษา สำหรับพระชาวญี่ปุ่นชื่อดัง “มิตซูโอะ คเวสโก” พระนักคิด นักเขียน นักพูด เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนหลายๆ คน แต่จู่ๆ กลับมีข่าวว่าพระมิตซูโอะลาสิกขาแบบกะทันหัน โดยไม่มีใครทราบเรื่องมาก่อน สร้างความตกใจและแปลกใจไม่น้อยให้กับลูกศิษย์ ลูกหาที่เคารพในตัวท่าน และเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนก็ยืนยันแล้วว่า พระอาจารย์มิตซูโอะได้ลาสิกขาบทจริง ณ วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร กทม. เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2556 แล้วเดินทางกลับไปยังประเทศบ้านเกิดคือประเทศญี่ปุ่นโดยไม่มีกำหนดการกลับ

คลื่นคำถามซัดเข้ามามากมาย เหตุใดพระอาจารย์มิตซูโอะจึงต้องสึก?? ถึงแม้มีการยืนยันสาเหตุแล้วว่า เนื่องด้วยปัญหาสุขภาพจากโรคเบาหวานที่รุมเร้า แต่ด้วยการไม่รู้กำหนดการลาสิกขาล่วงหน้า คำตอบและท่าทีอึกอักของทางมูลนิธิมายาโคตมี รวมถึงคำให้สัมภาษณ์จากพระอาจารย์หนูพรม สุชาโต รองเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม ที่กล่าวว่า “การลาสิกขาของท่าน ทางวัดไม่ทราบว่าไปสึกที่ไหนและอาการป่วยของท่านก็เป็นองค์ประกอบหนึ่ง แต่ขอยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเงินของมูลนิธิแต่อย่างใด และการที่ท่านจะกลับมาหรือไม่ก็ไม่มีใครจะทราบได้" เลยทำให้เราต้องสืบค้นข้อมูลเพื่อตอบคำถามค้างใจนี้ให้กระจ่าง

แหล่งข้อมูลหนึ่งที่เชิญพระอาจารย์คนดังมาร่วมงานและกำลังจะถึงวันงานอีกไม่นานนี้ ได้กล่าวกับทีมงาน ASTV ผู้จัดการ Live ว่าตอนนี้คิวงานถูกยกเลิกทั้งหมด และกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระมิตซูโอะลาสิกขาแบบเงียบๆ นั้น เพราะมีปัญหากับกรรมการชุดปัจจุบัน ที่มีแนวทางการดำเนินงานแบบพุทธพาณิชย์

“คณะกรรมการใหม่เนี่ย เค้าเพิ่งทำงานมาได้ปี สองปีนะ ไม่ใช่คณะกรรมการที่เคยรู้ใจกันมาตลอด จนท่านเป็นท่านทุกวันนี้ พอเปลี่ยนคณะกรรมการใหม่เค้าก็เปลี่ยนมุมมอง วิธีการ เลยอาจทำให้ขาดความเข้าใจบางอย่าง เพราะท่านเป็นคนจำรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่ท่านไม่พูด คือท่านไม่อยากแตะเงินหรอก แต่คนรอบตัวท่านเป็นฝ่ายจัดการ ด้วยวิธีใดบ้างล่ะ มันมากเกินไปจนท่านไม่มีลมหายใจเป็นของตนเอง ท่านเลยสละ และไม่พูดถึงใครตรงนั้นเลยไง ท่านเต็มที่แล้วก็ไปเลย ท่านก็วิเวกของท่านเอง แล้วท่านอาจจะคิดได้ด้วยซ้ำไปนะว่า ในสิ่งที่มันมากเกินไปเนี่ยนะ มันก็เป็นธุรกิจทั้งนั้น

ท่านถูกนิมนต์ไปไหนต่อไหน โดยมีคนจัดการให้ตลอด ตัวท่านเองไม่ได้ใส่ใจเรื่องเงินหรอก แต่วิธีคิด การดำเนินงาน กลายเป็นว่าท่านเลยมานึกว่า ตัวท่านกำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งคิดว่าท่านเก็บความรู้สึกนี้มานานแล้ว ท่านรู้มานานแล้วว่ากลุ่มคนพวกนี้วางกำหนดการให้ท่านไปนู่น ไปนี่ แต่ท่านไม่ว่าใคร เป็นนิสัยของท่านอยู่แล้ว คือท่านไม่อยากว่าใคร แล้วคำที่แถลงๆ กัน ที่ออกมาพูด คือไม่อยากให้มีเรื่องราว เพราะจะกระทบกับคนที่อยู่ตามมูลนิธิ ทั้งงานเขียนของท่านต่างๆ สิ่งต่างๆ มันยังต้องดำเนินอยู่ ทีนี้ก็รู้แล้วว่าไอ้สิ่งต่างๆ ดำเนินอยู่ อย่างน้อยสะท้อนไปถึงพระชื่อดังรูปอื่นๆ ที่ทำธุรกิจในเชิงจัดกิจกรรมต่างๆ มันเป็นสิ่งที่ควรระวัง เพราะอาจทำให้เสียบุคลากรคือพระดีๆ ได้ ซึ่งครั้งนี้ท่านสอนให้ทุกคนอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง จะได้รู้ว่า ที่เอาท่านมาบังหน้าเนี่ย คนไม่ปฏิบัติตามคำสอนท่านเลย คนที่ทำงานอยู่ใกล้ชิดไม่ปฏิบัติแบบท่าน คนใกล้ชิดไม่นึกถึงหัวใจท่าน”

 

เมื่อแรกทราบข่าว...อึ้งไป ท่านคงเลือกแล้ว

 

ผมมีเรื่องเล่าจะมาเล่าให้ฟัง ตอนผมบวชผมได้เจอพระท่านหนึ่งท่านชอบเดินธุดงค์องค์เดียวมา10กว่าปี ท่านเล่าให้ผมฟังว่ามีพระที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตากอยู่รูปหนึ่งอายุประมาณ50 ปี ท่านลาสิกขาและใส่ชุดขาวแต่ยังอาศัยอยู่ในวัดและออกบิณฑบาต ชาวบ้านหาว่าท่านบ้าพอลาสิกขาได้ประมาณ 1 เดือนท่านก็ตาย ชาวบ้านพากันนำร่างท่านไปเผา พอจะมาเก็บกระดูกชาวบ้านพบว่ากระดูกกลายเป็นแก้วใส

 

ไปอ่านคอมเม้นท์ที่ไหนก้อไม่สบายใจเท่าที่นี้ มันสะท้อนว่าคนข้างนอกเค้าไม่ภาวนา ออกปากก้อว่าๆๆๆ เค้าไม่ทำบุญ ไม่ภาวนาอย่างคนที่มาในพลังจิตนี้ เรามีสัมมาทิฐิมากกว่า

 

พระอริยเจ้า ท่านกลับไปช่วยกอบกู้ประทศของท่าน จากลียุคที่กำลังจะมาถึง
เพื่อตอบแทนแผ่นดินเกิด

 

ฆราวาส บรรลุธรรมๆ ที่ว่ามีหลายระดับนะครับ พระโสดา สิกทาคา อนาคา อรหันต์ ขนาด อรหันตมรรค ยังไม่นิพพานใน 24 ชั่วโมงเลย เข้าใจนิดส์นึงนะ

 

ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน สึกก็ไปนิพพานไม่เกินวันรุ่งขึ้นที่สึกน่ะสิคร้าฟ

 

พระมิตซูโอะ ไม่ได้สึกที่วัดชนะ !

เจ้าคณะภาค 1 ยืนยัน 'พระมิตซูโอะ' ไม่ได้สึกที่วัดชนะฯ ด้าน 'สำนักพุทธฯ' รอเจ้าคณะตำบลไทรโยค พิจารณาเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนารามแทน 'พระมิตซูโอะ'



กรณีการตัดสินใจลาสิกขา (สึก) ไปอย่างกะทันหัน ของอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก พระนักเทศน์ พระนักเขียน ชื่อดังชาวญี่ปุ่น ที่บวชอยู่ในประเทศไทยมานานถึง 38 ปี ทั้งยังเป็นเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และเป็นลูกศิษย์รุ่นแรกของหลวงปู่ชา สุภัทโท พระสายวิปัสสนากรรมฐานชื่อดัง แห่งวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับบรรดาลูกศิษย์เป็นอย่างมาก และยังทิ้งปมปริศนาถึงสาเหตุในการลาสิกขา และสถานที่ของการลาสิกขาไว้ด้วยนั้น



ล่าสุด 12 มิ.ย. 56 พระราชวิสุทธิเวที (สายชล ฐานวุฑฺโฒ ป.ธ.9) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม และเจ้าคณะภาค 1 กล่าวภายหลังร่วมพิธีฉลองเปรียญธรรมและมอบทุนการศึกษาประจำปี 2556 สำนักเรียนวัดพรหมวงศาราม ว่า ตามที่สื่อต่างๆ ระบุว่า อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ มาลาสิกขาที่วัดชนะสงคราม และตนเป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้นั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และจากการสอบถามเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม และพระภายในวัดก็ยืนยันเช่นกันว่า อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะไม่ได้มาลาสิกขาที่วัดชนะสงครามแน่นอน



ซึ่งเรื่องนี้ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม เจ้าคณะใหญ่หนกลางก็สอบถามมาเช่นกัน และตนได้ยืนยันไปว่า เรื่องการลาสิกขาของอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะที่วัดชนะสงครามนั้นไม่เป็นความจริง และโดยส่วนตัวก็ไม่เคยรู้จักอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะด้วย อย่างไรก็ตาม อาจจะเป็นไปได้ว่าอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะไปลาสิกขาในวัดที่มีชื่อคล้ายกับวัดชนะสงคราม จึงทำให้เกิดการสื่อสารที่ผิดพลาดกันไปได้



ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรื่องการลาสิกขา ของอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะนั้น ทางทีมงานรายการธรรมประทีป ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์โลกพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย วัดยานนาวา ได้มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าวทันที หลังจากที่ได้เชิญอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ มาออกรายการสดเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามไปยัง นางพรรณทิพา หลักเสลา ผู้ประสานงานรายการธรรมปทีป โดยนางพรรณทิพา กล่าวว่า ในวันที่ 8 มิ.ย. ที่ผ่านมานั้น อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ ได้มาออกรายการสดที่วัดยานนาวาในเวลา 16.00 น. โดยที่ทางรายการไม่ทราบมาก่อนว่าหลังจากนั้นท่านจะไปลาสิกขา ดังนั้นการออกรายการเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. จึงถือว่าเป็นการเทศน์ครั้งสุดท้าย โดยในวันนั้นท่านเทศน์ในเรื่องเกี่ยวกับห่วงความสงบสุขในประเทศไทย



ช่วงเย็นวันเดียวกันได้มีกระแสข่าวถึงสาเหตุการลาสิกขาของอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะว่า อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะต้องลาสิกขาไปนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะไม่พอใจการบริหารงานของคณะกรรมการมูลนิธิที่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เน้นไปในเชิงพุทธพาณิชย์มากจนเกินไป ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามไปยังมูลนิธิมายาโคตมี ซึ่งเป็นหนึ่งในมูลนิธิที่อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะตั้งขึ้น ก็ได้รับการปฏิเสธที่จะให้ข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวในตอนนี้ แต่ทางมูลนิธิมายาโคตมีจะมีการชี้แจงรายละเอียดในเรื่องดังกล่าวให้ทราบอีกครั้งในเร็วๆ นี้





ข่าว : คมชัดลึก



alittlebuddha.com Homepage of Wat Thai Las Vegas U.S.A.

 

ได้ยินข่าวหลวงพ่อลาสิกขาครั้งแรกนั้น...อาการผมก็ไม่ได้แตกต่างจากทุกท่านเลย...ภรรยาผมยิ่งตกใจหนักเข้าไปอีก ด้วยเพราะเคารพในธรรมคำสอนของท่านที่สร้างสรรค์ และเป็นแง่มุมที่คิดบวก ...

เมื่อได้สติก็ให้นึกถึงสิ่งที่หลวงพ่อพระธุดงค์ที่เคยอบรมสั่งสอนผมมา เวลาหนึ่งท่านต้องจากไป ทิ้งผมไว้ให้ฝึกอยู่เพียงลำพัง ท่านเดินเข้ามาบอกว่า....

การไป การมา นี้ แท้จริงแล้วก็ไม่มี...
การพบ การพราก นั้น แท้จริงแล้วก็ไม่มี...
อย่าไปยึดติดอยู่กับรูปกายนี้...
อย่าไปยึดติดในอดีต...
อย่าไปพะวงถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นในอนาคต...
จงอยู่กับปัจจุบัน แต่ก็อย่าไปยึดติดในปัจจุบัน...
คุณเองก็ฝึกฝนมา เพียงพอจะอาศัยเป็นหลักในการปฏิบัติต่อไปได้แล้ว...
ก็ขอให้ทำความเพียรต่อไปนะ...

จากนั้นท่านก็สะพายบาตรเดินจากไป....

 

พระอาจารย์มิตซูโอะท่านเป็นผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวมาตั้งแต่สมัยเด็กๆแล้วครับ เคยอ่านหนังสือการ์ตูนของท่าน ท่านเล่าว่าชีวิตในวัยเด็กของท่านไม่ค่อยเหมือนเด็กคนอื่น เด็กคนอื่นชวนท่านไปเที่ยว ท่านก็ไม่ค่อยอยากไป ท่านชอบอยู่กับธรรมชาติ ดูต้นไม้ ภูเขา ดูนก เพื่อนๆท่านสมัยก่อนชอบแต่งตัวเท่ๆเพื่อโชว์สาว แต่ท่านเล่าว่าท่านกลับไม่คิดสนใจสิ่งเหล่านี้เลย หมายถึงเรื่องผู้หญิง ท่านชอบไปปีนเขาคนเดียว แล้วก็เคยมีประสบการณ์เกือบตกเขามาแล้วด้วย ท่านเล่าว่าจะมีข่าวเกี่ยวกับนักปีนเขาตายเกือบทุกปี แต่ท่านก็รอดมาได้ แล้วก็ได้ประสบการณ์ อันนี้เป็นช่วงในวัยเด็กของท่าน ผมอ่านมาจากหนังสือการ์ตูนของท่าน

เคยเข้าไปพบท่านหลายครั้ง ท่านก็ใจดี ตอนนั้นพอดีเป็นสิว ท่านก็ให้น้ำสมุนไพรใบย่านางมา 1 ขวด กินแล้วก็ช่วยได้อยู่ เพราะว่ามันมีฤทธิ์เย็น กลับมาจากพบท่านทีไรได้ความสุขและปัญญากลับมาทุกที

ตอนรู้ข่าวใหม่ๆใจหายมาก เรียกว่าคิดมากเลย คือสงสัยว่าท่านคิดอย่างไรจึงลาสิกขา ตอนกลางคืนหลับแล้วตื่นขึ้นมา พอคิดถึงเรื่องนี้ก็นอนไม่ค่อยหลับเลย เป็นมา2คืน จนตอนหลังได้ทราบข่าวว่าท่านกำลังจะเปิดสอนกรรมฐานที่ญี่ปุ่น และจะเปิดโอกาสให้สัมภาษณ์ว่าทำไมท่านจึงลาสิกขาอย่างชนิดที่เรียกว่าลูกศิษย์ตั้งตัวไม่ติด ก็ทำให้ผมรู้สึกใจชื้นขึ้น แล้วก็พอจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้น เพราะว่าท่านก็เกิดที่ญี่ปุ่น ประเทศญี่ปุ่นก็ถือว่ามีพระคุณต่อท่าน ท่านก็อายุมากแล้ว ท่านอาจจะคิดว่า ชีวิตนี้ก็น่าจะต้องตอบแทนประเทศญี่ปุ่นบ้าง อีกอย่างธรรมะของท่านที่เมืองไทยก็เป็นที่แพร่หลายแล้ว มั่นคงแล้ว ท่านอาจะอยากกลับไปทำให้ประเทศญี่ปุ่นมีธรรมะเหมือนอย่างที่ท่านทำในประเทศไทยบ้าง เข้าใจว่าท่านคงมองประโยชน์มหาชนยิ่งกว่าประโยชน์ส่วนตัว เพราะว่าท่านอยู่เมืองไทยไม่สบายกว่าหรือ มีลูกศิษย์ดูแลตั้งเท่าไร เยอะมาก

การที่ท่านตัดสินใจเช่นนี้ เชื่อว่าจะต้องมีอะไรดีดีเกิดขึ้นต่อโลกอย่างแน่นอน

 

หากใครพอจะทราบข้อมูลหรือรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ที่ท่านอาจารย์มิซูโอะจะไปสอนกรรมฐานในประเทศญี่ปุ่น ช่วยมาโพสบอกด้วยนะคะ ในกระทู้บอกแต่ว่า เป็นเมืองคุมาโมโต้ โอกินาว่า นาโกย่า แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดมากกว่านั้น

 

นั่นแหละสงฆ์สาวกของของผู้มีพระภาค

พระสงฆ์ท่านมีอสระเหนือข้าพเจ้า

เป็นผู้ที่บุคลทั่วไปควรทำอัญชลี.

 

เมื่อวานผมได้ดูละครตอนเย็นเรื่องลิเกเงินร้อย เป็นตอนที่พระเอกกำลังจะไปบวช แต่ก่อนที่จะบวชก็มีหลวงพ่อแ่ก่ๆ รูปหนึ่งมาบอกกับพระเอกว่า ผ้าเหลืองนะ ห่มแล้วไม่ทำให้หายร้อนหรอกนะโยม

 

ข้าพเจ้าก็เป็นคนหนึ่งที่รู้สึกใจหายแต่เมื่อคิดพิจารณาแล้ว
ก็เข้าใจได้ว่าท่านคงไม่ต้องการใช้เครื่องแบบพระ
เพราะหากเผยแพร่ศาสนาต่อไปเป็นฆราวาสก็ทำได้
โดยเฉพาะเมื่อเป็นฆราวาสที่มีภูมิธรรมสูง
มิหนำซ้ำยังสามารถทำการใดๆได้ง่ายกว่าการอยู่ในเครื่องแบบ
คิดว่าท่านกลับไปโปรดคนชาติเดียวกันกับท่านเป็นสิ่งที่ประเสริฐมากๆ
โชคดีของคนที่นั่นที่จะได้มีผู้สอนธรรมะจริงๆ

 

คิดว่าท่านคงกลับไปทำประโยชน์ให้แก่ประเทศของท่าน ในเรื่องของศาสนา พระที่ญี่ปุ่นเขาจะแต่งตัวเป็นฆราวาส แต่ก็สวดมนต์ในแบบมหายาน ถ้าถามว่าในสายมหายานมีพระอรหันต์ไหม คงจะต้องตอบว่ามีเหมือนกัน ไม่งั้นศาสนาพุทธสายมหายานคงหมดไปแล้ว การที่ท่านไม่บอกใครคงกลัวคนจะมาห้าม ปฏิเสธลำบาก เหลือไว้แต่หนังสือที่อ่านเข้าใจง่ายให้พวกเราศึกษาต่อไป

 

บทกลอนจาก...ด.ญ.ณตะวัน ธนะชานันท์ (น้องพิม)
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนสยามสามไตร
ซ.สุขุมวิท ๘๙/๑ แขวงบางจาก เขตพระขโนง กรุงเทพมหานคร​

ที่มา : http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=45595&sid=5990cf7bf24e733cca62e2779db29d87