ขอเชิญสนทนาธรรมครับ ท่านยมยักษ์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 16 มกราคม 2012.

  1. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    อ้างตำราต่อไป แล้วก็กลืนนำ้ลายตัวเองต่อไป
     
  2. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    คำว่า "ผมไม่กราบไหว้ครับ" ท่านลูกอิสระคิดว่าเป็นคำด่าหรือ ไปเรียนภาษาไทยใหม่ดีไหมท่าน
     
  3. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    ฝากรูปปริศนาธรรมไม่ตรึกตรอง ปลาไหลน้อยผู้อ้างตำรา
    [​IMG]
     
  4. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค หน้าที่ ๑๗๔/๓๘๓
    ๗. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
    ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
    เห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกันบ้านเรือน
    ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธีบวงสรวงพื้นที่
    พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องบน
    ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา ปรุงยานัตถุ์
    ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล แม้ข้อนี้
    ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

    ผมเคยฟังท่านสนทนาธรรมมาแล้ว ท่านสอนธรรมดีครับ แต่ข้อวัตรปฏิบัติท่านยังขาดยังทะลุอยู่
     
  5. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ หน้าที่ ๑๖๑/๔๑๓
    [๒๙๔] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กายคตาสติอันภิกษุเจริญแล้ว
    อย่างไร ทำให้มากแล้วอย่างไร จึงมีผลมาก มีอานิสงส์มาก ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใน
    ธรรมวินัยนี้ อยู่ในป่าก็ดี อยู่ที่โคนไม้ก็ดี อยู่ในเรือนว่างก็ดี นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง
    ดำรงสติมั่นเฉพาะหน้า เธอย่อมมีสติหายใจออกมีสติหายใจเข้า เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า
    หายใจออกยาว หรือเมื่อหายใจ เข้ายาว ก็รู้ชัดว่า หายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า
    หายใจออกสั้นหรือเมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า หายใจเข้าสั้น สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักเป็นผู้
    กำหนดรู้กองลมทั้งปวง หายใจออก ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวง หายใจเข้า
    สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักระงับกายสังขาร หายใจออก ว่าเราจักระงับกายสังขาร หายใจเข้า
    เมื่อภิกษุนั้นไม่ประมาท มีความเพียร ส่งตนไปในธรรมอยู่ อย่างนี้ ย่อมละความดำริพล่านที่
    อาศัยเรือนเสียได้ เพราะละความดำริพล่านนั้นได้ จิตอันเป็นไปภายในเท่านั้น ย่อมคงที่ แน่นิ่ง
    เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ตั้งมั่นดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้อย่างนี้ ภิกษุก็ชื่อว่าเจริญกายคตาสติ ฯ
    [๒๙๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเดินอยู่ ก็รู้ชัดว่ากำลังเดิน
    หรือยืนอยู่ ก็รู้ชัดว่ากำลังยืน หรือนั่งอยู่ ก็รู้ชัดว่ากำลังนั่ง หรือนอนอยู่ ก็รู้ชัดว่ากำลังนอน
    หรือเธอทรงกายโดยอาการใดๆ อยู่ ก็รู้ชัดว่า กำลังทรงกายโดยอาการนั้นๆ เมื่อภิกษุนั้น
    ไม่ประมาท มีความเพียร ส่งตนไปใน ธรรมอยู่อย่างนี้ ย่อมละความดำริพล่านที่อาศัยเรือนเสียได้
    เพราะละความดำริพล่านนั้นได้ จิตอันเป็นไปภายในเท่านั้น ย่อมคงที่ แน่นิ่ง เป็นธรรมเอกผุดขึ้น
    ตั้งมั่น ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้อย่างนี้ ภิกษุก็ชื่อว่าเจริญกายคตาสติ ฯ

    มันก็เป็นรูปธรรมดา ๆ ท่านเอาเวลาพิจารณารูปไปปฏิบัติธรรมดีกว่าครับ
     
  6. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    แค่คำว่า *ด่า* ยังหามาไหลได้สุดๆ ยอมแพ้เจ้าข้า :':)':)'( หลวงปู่จ๋า อุรุเวลา แกล้งหนูฮือ ๆๆ ไปแล้ว ปลาไหลน้อยน่ารักดีนะเนี่ยจุ๊บๆๆ นอนฝันดีนะฝากรูปไปศึกษาธรรมอันเลิศด้วยนะปลาไหลน้อยน่ารักคิกขุ จุ๊บ ๆ
     
  7. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    ถ้าบวชเป็นพระแล้วต้องมีกิจทางโลกก็อย่าบวชครับ #57

    กิจของพระสงฆ์มีแค่บิณฑบาตเลี้ยงชีวิต ศึกษาธรรม เวลาส่วนใหญ่ของพระสงฆ์คือนั่งสมาธิเดินจงกรรมปฏิบัติให้รู้แจ้งเห็นจริงตามธรรม เรียนรู้เรื่องทุกข์หาหนทางพ้นทุกข์ ไปงานบุญ งานบวช งานแต่งงาน งานศพ ทำพิธีกรรมต่างๆ ไม่ใช้กิจของสงฆ์ ถ้าบวชแล้วยังต้องมาทำเรื่องทางโลกก็อย่าไปบวชเลย #90

    ก็ที่ผมบอกไปก็น่าจะเข้าใจนะครับ ถ้าไม่เข้าใจเอามาให้อ่านอีกรอบอย่าตัดเปะ ธรรมของผมต้องอ่านและทำความเข้าใจทั้งหมด ไม่ใช้ตัดเปะ

    ท่านไปอ่านประวัติหลวงพ่อชาหรือยัง ที่ผมตอบถูกต้องหรือไม่ คุณเห็นด้วยไหม ท่านเดินทางไปต่างประเทศไม่เห็นท่านต้องใช้เงิน แล้วคุณจะอ้างว่าเดินทางพระต้องใช้เงิน #107

    ผู้ไม่ศึกษาย่อมไม่เห็นธรรม นักปฏิบัติเขาทราบกันทั้งนั้น ไม่สังเกตกันหรือทำไมพระอริยะสาวกทั้งหลายที่ท่านเป็นนักปฏิบัติ ท่านไม่รับกิจนิมนต์ตามบ้าน #109

    ผมบอกว่าพระอริยะท่านไม่รับกิจนิมนต์ตามบ้าน ท่านเอาพระสงฆ์ที่สอนธรรมมาให้ผมดู พระสงฆ์สอนธรรมะก็เป็นกิจของสงฆ์อยู่แล้วครับ กิจตามบ้านหมายถึง ทำพิธีปลุกเสก ทำน้ำมนต์ โยงสายสิณญ์ แต่ถ้าไปตามบ้านแล้วสอนธรรมะถือเป็นกิจของสงฆ์ครับ

    ที่ท่านยมยักษ์เอามาจาก Youtube มีพระสงฆ์ไม่นุ่งห่มผ้ากาสาวพัตร์ ฉันท์สองมื้อ รับเงิน ทำน้ำมนต์ ปลุกเสก ฯลฯ แม้แต่ศีลท่านยังรักษาไม่ได้ ศีลท่านขาดทะลุ ท่านยมยักษ์ต้องแยกอีกข้อพระสงฆ์กับพระอริยะ #120



    ท่านอาจจะไม่เข้าใจคำว่า "รับเงินทอง" ความหมายตามพระธรรมคำว่ารับเงินทองไม่ได้หมายความว่า ห้ามหยิบ ห้ามจับหรือห้ามรับเงิน ในสมัยพุทธกาลเคยมีมาแล้ว พระสงฆ์พบเห็นเงินทองตกอยู่แล้วปล่อยทิ้งไว้ ไม่หยิบจับมาเก็บรักษาไว้ในที่เหมาะสมเพื่อรอคืนให้เจ้าของเงินนั้น พระสงฆ์รูปนั้นต้องอาบัติ ท่านทำความเข้าใจคำว่า "รับเงินทอง" ให้ดีๆ อย่าเข้าใจง่ายๆ ธรรมไม่ใช่ของง่ายที่จะเข้าใจครับ พระสงฆ์สามารถหยิบจับรับเงินได้ครับ แต่ต้องไม่รับมาเพื่อเก็บหรือเพื่อไว้ใช้จ่ายซื้อขายแลกเปลี่ยนสิ่งของมาเป็นของตนเอง

    ผมจำทุกโพสต์ที่ผมเขียนได้ ก่อนโพสต์ผมคิดดีแล้ว ผมโพสต์แล้วผมไม่เคยแก้ไข ผมมั่นใจสิ่งที่ผมทำ ผมต้องการปกป้องพระธรรม ไม่สนับสนุนพระสงฆ์ทุศีล รับเงินทอง ใช้จ่ายเงินทอง ฯลฯ ท่านทำผิดกฏหมายท่านยังต้องรับโทษ พระสงฆ์ทำผิดพระธรรมวินัยก็ต้องรับโทษเป็นไปตามพระธรรมวินัยบัญญัติ หนักเบาแล้วแต่กรรม พระสงฆ์ทุศีล รับเงินทอง ใช้จ่ายเงินทอง ฯลฯ ทำผิดพระธรรมวินัย ผู้สนับสนุนพระสงฆ์ทุศีลหยิบยื่นอาบัติให้พระสงฆ์ไม่เป็นบาป แต่พระสงฆ์ทุศีลผู้รับเงินต้องอาบัติ พระสงฆ์ทุศีลต้องสละเงินหรือสิ่งของที่ซื้อหามาด้วยเงิน ต้องปลงอาบัติต่อหน้าคณะสงฆ์ตามจำนวนครั้งที่ทำ พระสงฆ์เป็นผู้บอกสอนหรือให้คำแนะนำฆราวาสได้ แต่ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับเงินทองไม่ใช่กิจของสงฆ์ #125

    เหนื่อยแทนพี่ยักษ์จริง ๆ
    พอเขายกพระรับปัจจัยมาให้ดู พระออก tv ก็บอกว่า


    ท่านอาจจะไม่เข้าใจคำว่า "รับเงินทอง" ความหมายตามพระธรรมคำว่ารับเงินทองไม่ได้หมายความว่า ห้ามหยิบ ห้ามจับหรือห้ามรับเงิน ในสมัยพุทธกาลเคยมีมาแล้ว พระสงฆ์พบเห็นเงินทองตกอยู่แล้วปล่อยทิ้งไว้ ไม่หยิบจับมาเก็บรักษาไว้ในที่เหมาะสมเพื่อรอคืนให้เจ้าของเงินนั้น พระสงฆ์รูปนั้นต้องอาบัติ ท่านทำความเข้าใจคำว่า "รับเงินทอง" ให้ดีๆ อย่าเข้าใจง่ายๆ ธรรมไม่ใช่ของง่ายที่จะเข้าใจครับ พระสงฆ์สามารถหยิบจับรับเงินได้ครับ แต่ต้องไม่รับมาเพื่อเก็บหรือเพื่อไว้ใช้จ่ายซื้อขายแลกเปลี่ยนสิ่งของมาเป็นของตนเอง

    ลองไปอ่านหัวข้อที่ #57 #90 #109 ที่ตัวเองบอกสิว่าพูดอะไรไว้บ้าง ผมจำทุกโพสต์ที่ผมเขียนได้ ยืนยันสิ ผมจำทุกโพสต์ที่ผมเขียนได้ ก่อนโพสต์ผมคิดดีแล้ว ผมโพสต์แล้วผมไม่เคยแก้ไข ผมมั่นใจสิ่งที่ผมทำ

    ไปวัดอ้อน้อยกันไหม
     
  8. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    เชิญท่านไปเถิด
     
  9. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค หน้าที่ ๑๘๔/๒๘๘
    ๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยความ
    เลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระพุทธเจ้าว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆพระผู้มีพระภาคนั้น เป็นพระ
    อรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นนาย
    สารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นแล้ว
    เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม ฯ
    ๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยความ
    เลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว อันผู้ได้บรรลุ
    จะพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนพึงรู้
    เฉพาะตน ฯ
    ๓. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยความ
    เลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระสงฆ์ว่า พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว
    ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเป็นธรรม ปฏิบัติชอบ คือคู่บุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ นั่นคือพระสงฆ์สาวก
    ของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ควรรับของบูชา เป็นผู้ควรรับของต้อนรับ เป็นผู้ควรรับของทำบุญ
    เป็นผู้ควรทำอัญชลี เป็นบุญเขตของชาวโลก ไม่มีเขตอื่นยิ่งกว่า ฯ
    ๔. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วยศีล ที่พระ
    อริยเจ้าใคร่แล้ว อันไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทย อันวิญญูชนสรรเสริญ อัน
    ตัณหาและทิฐิ ไม่ลูบคลำแล้ว เป็นไปเพื่อสมาธิ ฯ
     
  10. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    กาลามสูตร

    กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร

    อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)
    อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
    อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
    อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
    อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
    อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
    อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
    อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
    อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
    อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)
    ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น


    อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)

    พอเถอะ ปลาไหลน้อยออกมาจากรูบ้างจะได้เห็นโลกอันแท้จริง และความจริง อย่าอ้างตำรา ถ้ายังไม่ได้ปฏิบัติด้วยตัวเอง
     
  11. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย วิญญาณที่เข้าถึงซึ่งรูปเมื่อตั้งอยู่ ย่อมตั้งอยู่วิญญาณนั้นมี
    รูปเป็นอารมณ์ มีรูปเป็นที่พำนัก เข้าไปเสพซึ่งความยินดี ย่อมถึงความเจริญ งอกงาม
    ไพบูลย์ ฯ
    ๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย วิญญาณที่เข้าถึงซึ่งเวทนา เมื่อตั้งอยู่ ย่อมตั้งอยู่ วิญญาณ
    นั้นมีเวทนาเป็นอารมณ์ มีเวทนาเป็นที่พำนัก เข้าไปเสพซึ่งความยินดี ย่อมถึงความเจริญ งอก
    งามไพบูลย์ ฯ
    ๓. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย วิญญาณที่เข้าถึงซึ่งสัญญา เมื่อตั้งอยู่ ย่อมตั้งอยู่ วิญญาณ
    นั้นมีสัญญาเป็นอารมณ์ มีสัญญาเป็นที่พำนัก เข้าไปเสพซึ่งความยินดี ย่อมถึงความเจริญ งอก
    งาม ไพบูลย์ ฯ
    ๔. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย วิญญาณที่เข้าถึงซึ่งสังขาร เมื่อตั้งอยู่ ย่อมตั้งอยู่ วิญญาณ
    นั้นมีสังขารเป็นอารมณ์ มีสังขารเป็นที่พำนัก เข้าไปเสพซึ่งความยินดี ย่อมถึงความเจริญ งอก
    งาม ไพบูลย์ ฯ

    ท่านปฏิบัติแล้วหรือมานั่งสมาธิด้วยกันไหม ฝากให้พิจารณา
     
  12. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    น่าจงจาร จังเลย คนนั่งสมาธิ ไม่ใช่คนดูถูกคนอื่นมองคนในแง่ลบ กลืนนำ้ลายตัวเอง
    ดูถูกวัดหลอก จ้าดูง่ายจะตาย คนนั่งสมาธิเขานิ่งแล้ว สงบแล้ว จิตไม่หยาบแล้ว จ้าปลาไหลน้อยอย่าให้เด็กสอนเลยจ้า ยังงี้นะใครพูดใครสอนยังไงก็ฟังไม่รู้เรื่องหลอกยังยึดมั่นถือมั่นตัวเองถูกอยู่ตลอดอยู่คนเดียวเก่งจริงบวชแล้วทำให้ได้อย่างที่พูดแล้วกัน นั้นละคือข้อพิสูจย์ ไปละเรานี่ก็อดไม่ได้ให้คนมันสว่าง บาย บาย แล้วขอถามข้อนึงสิ อาจารย์สอนธรรมมะพี่ อุรุเวลา ชื่ออะไรหรือ มีคนฝากถามทาง pm ข้อความ
     
  13. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ท่านลูกอิสระสงสารตัวท่านเองเถิด ผมอุรุเวลาไม่เคยดูถูกใคร ผมยึดมั่นอย่างมั่นคงในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่ตั้ง ท่านลูกอิสระจะยึดแต่อาจารย์ท่านไม่เปิดใจรับสิ่งอื่น เชื่อแต่อาจารย์ตนเองใครเห็นแย้งไม่ได้ ทั้งที่พระธรรมก็บอกอยู่ชัดเจน ศึกษาเองเถิดครับ

    พระสงฆ์สาวกทุกองค์เป็นอาจารย์ของผม อาจารย์แต่ละท่านสอนไม่เหมือนกัน ข้อวัตรปฏิบัติต่างกัน ผมเลือกเอาแต่ที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไม่มีใครทำถูกต้องทุกอย่าง มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เป็นผู้รู้แจ้งโลก พระสงฆ์สาวกเป็นแค่ผู้เดินตามทางที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง พระธรรมวินัยและข้อวัตรปฏิบัติมีมากมายหลายพันข้อ ผู้เดินตามย่อมทำผิดบ้างทำถูกบ้างเพราะท่านไม่ได้รู้ไปทุกเรื่อง แต่ถ้ารู้แล้วยังทำผมถือว่าใช้ไม่ได้ ไม่ใช้กิจของสมณะ
     
  14. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ความเกิดขึ้นแห่งตัณหา ๔ อย่าง
    ๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ตัณหาเมื่อเกิดแก่ภิกษุ ย่อมเกิดเพราะเหตุแห่งจีวร
    ๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ตัณหาเมื่อเกิดแก่ภิกษุ ย่อมเกิดเพราะเหตุแห่งบิณฑบาต
    ๓. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ตัณหาเมื่อเกิดแก่ภิกษุ ย่อมเกิดเพราะเหตุแห่งเสนาสนะ
    ๔. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ตัณหาเมื่อเกิดแก่ภิกษุ ย่อมเกิดเพราะเหตุแห่งความมียิ่งๆ ขึ้นไป ฯ
     
  15. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค หน้าที่ ๑๙๘/๒๘๘
    โทษแห่งศีลวิบัติของคนทุศีล ๕ อย่าง
    ๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย คนทุศีลมีศีลวิบัติในโลกนี้ ย่อมเข้าถึงความเสื่อมแห่งโภคะใหญ่
    ซึ่งมีความประมาทเป็นเหตุ นี้โทษแห่งศีลวิบัติของคนทุศีลข้อที่หนึ่ง ฯ
    ๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก เกียรติศัพท์อันเสียหายของคนทุศีล มีศีล
    วิบัติ ย่อมระบือไป นี้โทษแห่งศีลวิบัติของคนทุศีลข้อที่สอง ฯ
    ๓. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก คนทุศีลมีศีลวิบัติเข้าไปหาบริษัทใดๆ คือ
    ขัตติยบริษัท พราหมณบริษัท คฤหบดีบริษัท หรือสมณบริษัทเป็นผู้ไม่แกล้วกล้า เป็นคนเก้อเขิน
    เข้าไปหา นี้โทษแห่งศีลวิบัติของคนทุศีลข้อที่สาม ฯ
    ๔. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก คนทุศีลมีศีลวิบัติ ย่อมเป็นคนหลงทำกาละ
    นี้โทษแห่งศีลวิบัติของคนทุศีลข้อที่สี่ ฯ
    ๕. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก คนทุศีลมีศีลวิบัติ ย่อมเข้าถึง อบาย ทุคติ
    วินิบาต นรก เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก นี้โทษแห่งศีลวิบัติของคนทุศีลข้อที่ห้า ฯ

    มนุษย์ทุศีล ๕ อย่าง ยังวิบัติถึงเพียงนี้ แล้วสมณะท่านมีศีลต้องถือหลายพันข้อท่านจะวิบัติถึงไหนหนอ
     
  16. ยมยักษ์

    ยมยักษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +35
    ทำไมมาดูแล้วแยะ. แต่พออ่านจบก็คงพอกันแค่นี้แล้วกันนะครับ เพราะยังไงเราสองคนก็รักศาสนาเหมืิอนกันแต่คนละทางเดิน แต่ผมแน่ใจว่าวันนึงคุณจะ้ข้าใจผม แต่ที่อ่านผมก็ได้คำตอบแล้ว และใครอ่านที่ผ่านมาก็ต่างเข้าใจแต่ละบุคคลและเหตุผล ผมได้คำตอบในตัวคุณแล้ว.
     
  17. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ผมเข้าใจท่านยมยักษ์ครับ ผมชอบทางตรงครับ ขอให้ท่านเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรม
     
  18. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    ผมเข้าใจคุณครับ อีกไม่นานหรอกครับ กรรมที่ใครก่อไว้จะต้องได้รับผลแน่นอน พวกเราชาวพุทธมาลงมือปฏิบัติและเริ่มต้นกันในทางที่ดีได้นี่ครับ อย่าท้อ อย่าหลงไปกับมายา เนื่องจากว่าในปัจจุบันนี้วัตถุนิยมมันมากมาย การที่คนเราจะดำเนินตามรอยพระพุทธองค์ก็ล้วนลำบากว่าแต่ก่อนมาก เพราะมายาคติ แต่ถึงกระนั้น ถ้าเรายังรักษาระดับของจิตใจให้มั่นคง และสมดุลกับวัตถุภายนอกได้ละก็ ผมว่ายังดีกว่าปล่อยให้หลงไปกับมายาคตินะครับ นั่นคือ ให้พวกเราทุกคนเอาธรรมะไว้ควบคู่กับวัตถุภายนอก ไปด้วยกันเสมอ เช่น เวลาไปซื้อของใช้แล้วเห็นเสื้อผ้าสวย ๆ ราคาแพง ก็อยากได้ แต่เรามีธรรมะ เราก็คิดว่า มันไม่เที่ยง ใส่ไปแล้วจะสวยเหมือนที่เขาแสดงรึเปล่าก็ไม่รู้ แล้วมาดูตนเอง เราอ้วนไปไหม ผอมไปไหม เงินละมีแค่ไหน พ่อแม่ละจะคิดอย่างไร สมควรที่จะซื้อไหม...เห็นไหมครับแค่มีธรรมะควบคู่ไปด้วย เราก็สามารถอยู่ในสังคมวัตถุมายาได้แล้ว จริงไหมครับพี่น้อง....
     
  19. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    อนุโมทนาครับ
     
  20. ยมยักษ์

    ยมยักษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +35
    อนุโมทนาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...