ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285

    พระสมาธิของพระเจ้าอยู่หัว

    โดย พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร


    ด้วยพระเมตตาแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงสละความสุขส่วนพระองค์เพื่อพสกนิกรชาวไทย พระองค์ประดุจพระผู้สร้างแผ่นดิน ทรงเป็นดั่งผู้มอบชีวิต มอบความรุ่งเรือง มอบความเจริญงอกงามภายในหัวใจคนไทยทั้งชาติ ทรงเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นแรงบันดาลใจจุดประกายพลังแผ่นดิน

    หากเราได้มีโอกาสศึกษาพระบรมราโชวาท แห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เราจะเข้าใจได้อย่างแจ่มชัดด้วยคำสอนที่พระองค์ทรงพระราชทานให้แต่ละข้อแต่ละอย่างนั้น ล้วนเกิดขึ้นจากการที่พระองค์ทรงไตร่ตรองพิเคราะห์ถึงปัญหานั้นอย่างถ่องแท้แล้วว่า จะเป็นหนทางแห่งการแก้ปัญหาการดับทุกข์ได้ด้วยสมาธิ

    ธรรมดาสภาวะจิตอันเป็นสมาธินั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดขึ้นจากการบังคับควบคุม เกิดขึ้นจากความผ่อนคลาย หรือเกิดขึ้นจากภาวะคับขันต่อการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตรงหน้า จะทำให้ต้องเร่งรวบรวมสติให้มั่น ไม่ว่าสมาธิจะเกิดขึ้นอย่างไร สมาธิเป็นของดี เป็นของที่เกิดขึ้นได้จากการฝึกฝน เป็นของที่มีอยู่ในกายและในจิตอันพร้อมเป็นของเข้าใจได้ เป็นของเข้าใจง่าย และใช้ได้กับคนทุกเพศทุกวัย และความเข้าใจอันแจ่มชัดที่แสดงให้เห็นว่า สมาธิเองก็มิใช่ของที่เกิดขึ้นโดยลำพังหรือใช้โดยลำพัง

    แต่สมาธิที่ดีจะยังประโยชน์แก่ผู้อื่นได้มาก หากผู้ใช้สมาธิรู้จักการปฏิบัติอันถูกต้อง ถูกต้องทั้งแก่ตนแลถูกต้องทั้งแก่ผู้อื่น ดังที่ได้ศึกษาจากรอยพระจริยวัตรแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช อันได้แสดงไว้ถึงเรื่องราวของ ​
     
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE class=gbTopLeftNoPad style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#111111 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=tblBG></TD></TR><TR><TD class=tblBG>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD class=tblBG> </TD></TR><TR><TD class=tblBG vAlign=top>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD class=tblBG vAlign=top>ชีวิตของเจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ นั้นก็ไม่แตกต่างไปจากชีวิตของคนทั่ว ๆ ไป คือมีทั้งผิด หวังและสมหวัง มีทั้งสำเร็จและล้มเหลว มีทั้งดีใจและเสียใจ แต่โดยที่ทรงมีคุณธรรม หลายประการที่โดดเด่นเป็นแกนหรือเป็นแก่นของชีวิต ชีวิตของพระองค์จึงมีความสมหวัง มากกว่าผิดหวัง มีความสำเร็จมากกว่าความล้มเหลว และมีความดีใจมากกว่าเสียใจกล่าวโดยรวมก็คือ ด้วยคุณธรรมอันเป็นแกนของชีวิตดังกล่าวพระองค์จึงทรงประสบความสำเร็จ หรือทรง เจริญก้าวหน้าไปตามครรลองของชีวิตจนถึงที่สุด ดังเป็นที่ปรากฏอยู่ในบัดนี้ หากวิเคราะห์ ตามที่ปรากฏในพระประวัติ ก็จะเห็นได้ว่า พระคุณธรรมที่โดดเด่นในชีวิตของพระองค์ ก็คือ
    </TD></TR><TR><TD class=tblBG vAlign=top>
      • อดทน
      • ใฝ่รู้
      • กตัญญู
      • ถ่อมตน
      • คารวธรรม
    </TD></TR><TR><TD class=tblBG vAlign=top>พระคุณธรรมประการแรกที่ปรากฏเด่นชัดในชีวิตของเจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ ก็คือ ความอดทน (ขันติ) เจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ ทรงมีพระสุขภาพอ่อนแอไม่แข็งแรงมาตั้งเยาว์วัย และมีผลสืบเนื่องมา จนถึงเมื่อทรงบรรพชาเป็นสามเณร พระสุขภาพที่อ่อนแอนับเป็นอุปสรรคสำคัญของการศึกษาเล่าเรียน พระองค์ต้องทรงใช้ความอดทนอย่างหนักจึงสามารถผ่านพ้นอุปสรรคแต่ละขั้นตอนมาได้ ทรงเล่าว่า บางครั้งเมื่อถึงเวลาสอบ ต้องทรงใช้ผ้าสักหลาดพันรอบอกหลายชั้น เพื่อไม่ให้เกิดอาการหนาวสั่น ในเวลานั่งสอบ นอกจากจะต้องงอดทนต่อความไม่สมบูรณ์ของร่างกายแล้ว ยังต้องงอดทนต่อเสียง ค่อนแคะของเพื่อนร่วมสำนักอีกนานัปการ แต่สิ่งเหล่านี้แทนที่จะทำให้กำลังพระทัยลดน้อยลง แต่กลับทำให้ทรงรู้สึกว่าจะต้องมีความอดทนมากขึ้น
    </TD></TR><TR><TD class=tblBG vAlign=top><TABLE id=AutoNumber2 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#111111 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD> </TD><TD> </TD><TD> </TD></TR><TR><TD align=right>[​IMG]</TD><TD width=30> </TD><TD align=left>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=tblBG vAlign=top> </TD></TR><TR><TD class=tblBG vAlign=top>พระคุณธรรมที่โดดเด่นประการต่อมาก็คือ ความใฝ่รู้ (สิกขกามตา) เจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ ทรงเป็นผู้ใฝ่รู้มาโดยตลอดแม้เมื่อทรงเป็นพระมหาเถระแล้ว พระอัธยาศัยใฝ่รู้ของพระองค์ ก็ไม่เคยจืดจาง ได้ทรงแสวงหาความรู้อยู่เสมอด้วยการทรงอ่านหนังสือ ทั้งที่เป็นหนังสือภาษาไทย และภาษาอังกฤษ หนังสือดีมีประโยชน์บางเรื่องที่ทรงอ่านแล้ว ยังทรงพระเมตตาแนะนำให้ ผู้ใกล้ชิดอ่านด้วย โดยมักมีรับสั่งว่า
     
  3. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    สัจจบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    โดย พลตำรวจตรีสุชาติ เผือกสกนธ์

    [​IMG]


     
  4. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    <TABLE class=tborder id=post123209 cellSpacing=0 cellPadding=9 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_123209 style="BORDER-RIGHT: 1px solid"> ทิพยอำนาจในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    โดย สิริอัญญา


    <!-- / icon and title --><!-- message -->
    [​IMG]

    <HR SIZE=1>
    เนื่องในมหามงคลสมัยวันฉัตรมงคลที่จะเวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้งหนึ่ง ในวันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม ศกนี้ นับเป็นมหามงคลสมัยที่ปวงชนชาวไทยจะได้ถวายความจงรักภักดี และได้ถวายพระพรต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระผู้เป็นทั้งพระมหากษัตริย์อันประเสริฐ และประดุจดังพระเทพบิดรของปวงชนชาวไทย

    ในวาระเช่นนี้ คอลัมน์นี้จะแสดงเนื้อความอันเป็นการเฉลิมพระเกียรติในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในบางมุมบางแง่ซึ่งอาจไม่เป็นที่รู้กันโดยทั่วไป แต่เป็นความจริงซึ่งบังเกิดขึ้นแล้ว เพื่อพสกนิกรทั้งหลายจะได้รู้จะได้ทราบว่า พระประมุขของเรานั้นใช่ว่าจะเรืองพระบรมเดชานุภาพเฉพาะแต่ทางโลกก็หาไม่ แต่ในทางธรรมก็ทรงบรรลุภูมิธรรมอันสูงยิ่ง

    สมแล้วที่ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก เป็นหลักชัยที่ค้ำชูทำนุบำรุงพระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าในพระราชอาณาจักรตลอดระยะเวลาอันช้านาน

    เมื่อแรกเริ่มครองราชย์ก็ทรงประกาศเป็นพระปฐมบรมราชโองการ อันยังก้องกังวานทั่วผืนฟ้าแผ่นดินสิ้นถึงทุกวันนี้ว่า
     
  5. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    พระบรมราโชวาทเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา


    [​IMG]
    [พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    ประทับหน้าใบเสมาพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร]

    ในโอกาสนี้ขออัญเชิญพระบรมราโชวาทเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
    เพื่อให้คนไทยที่เป็นพุทธศาสนิกชน
    และมีความจงรักภักดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    ได้น้อมเกล้าฯไปประพฤติปฏิบัติ
    เพื่อให้เกิดความเจริญอย่างยั่งยืนมั่นคงแก่ตัวเองและประเทศชาติ

    [​IMG] [​IMG]

    ชาวพุทธที่แท้

     
  6. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    หลวงปู่สอนเรื่องการจบของ
    ทำบุญ-อธิษฐานรับพร

    ก่อนที่ท่านมีศรัทธาทั้งหลาย จะถวายของแก่พระภิกษุสงฆ์ มักจะมีการอฐิษฐานหรือที่เรียกว่า <!--coloro:#FF0000--><!--/coloro-->จบของ <!--colorc--><!--/colorc-->บางคนจบนาน บางคนจบช้า หลวงพ่อท่านให้ข้อคิดว่า " ก่อนที่เราจะถวาย ให้จบมาเสียก่อนจากบ้าน เนื่องจากพอมาถึงวัด มักจะจบไม่ได้เรื่อง คนมากมายเดินไปเดินมา จะหาสมาธิมาจากไหน เราจะทำอะไรก็ตามอธิษฐานไว้เลย เวลาถวายจะได้ไม่ช้า เสียเวลาคนอื่นเขาอีกด้วย บางคนก็ขอไม่รู้จบให้ตัวเองไม่พอให้ลูกให้หลาน จิตเลยส่ายหาบุญไม่ได้ "

    การที่หลวงพ่อให้จบก่อนนั้น มีความประสงค์ให้ตั้งเจตนาให้ดี บุญที่ได้รับจะมีผลมาก ญาติโยมจึงกราบเรียนถามหลวงพ่อว่า "ควรอธิษฐานอย่างไร" หลวงพ่อตอบว่า "อธิษฐานให้พ้นทุกข์ หรือขอให้พบแต่ความดีตลอดไปจนพ้นทุกข์ <!--coloro:#FF0000--><!--/coloro--><!--sizeo:6--><!--/sizeo--><!--sizec--><!--/sizec-->ถ้าเป็นภาษาบาลี ก็ว่า สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสวะขะ ยาวะหัง นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ คนเราจะพ้นทุกข์ได้ ต้องพบกับความดี มีความสุขใช่ไหม ไม่ต้องอธิษฐานยืดยาวหรอก"<!--colorc--><!--/colorc-->

    เมื่อทำบุญแล้ว มักจะมีการรับพรจากพระ มีการกรวดน้ำ บางทีไม่ได้เตรียมไว้ต้องวิ่งหากันวุ่นวาย หลวงพ่อบอกว่า "ใช้น้ำใจ น้ำจิต ของเรากรวดก็ได้ เขาเรียกกรวดแห้ง ไม่ต้องกรวดเปียก เรื่องการกรวดเปียก เขาเริ่มมาจากสมัยพระเจ้าพิมพิสาร เมื่อถวายของพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านกรวดน้ำให้เปรต ญาติพี่น้องที่มาร้องขอบุญจากท่าน ตอนแรกท่านไม่รู้เลยทูลถามพระพุทธเจ้า ที่เขาเรียกว่า ทุสะนะโส คือ หัวใจเปรตนั่นแหละ" หลวงพ่อท่านตอบเพื่อให้คลายกังวล สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลากรวดน้ำเช่น คนที่รีบใส่บาตรก่อนจะไปทำงาน เป็นต้น

    ส่วนการอธิษฐานรับพรนั้น ท่านแนะนำว่า ตั้งจิตว่า "ข้าพเจ้าขอรับพรที่ได้นี้ขอให้ติดตามข้าพเจ้าตลอดไปในชาตินี้ชาติหน้า" แล้วก็อธิษฐานเรียกพระเข้าตัว เวลาเขามีพิธีอะไร อย่างเช่น เวลาเขาปลุกเสกพระ เราก็สามารถรับพรจากพระองค์ไหน ๆ ก็ได้ทั้งนั้น

    การสำรวมกาย วาจา ใจ จึงเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อมีพิธีการทางสงฆ์ เพราะบ่อยครั้งที่ขณะที่พระให้ศีล หรือให้พร ญาติโยมบางคน ก้เริ่มคุยแข่งกับพระ เสียงโยมเมื่อรวมกันดังกว่าเสียงพระเสียอีก ตนเองไม่ได้บุญยังไม่พอ แต่กลับไปสร้างความรำคาญให้ผู้อื่นเรียกว่า เป็นการขัดบุญที่ผู้อื่นจะพึงได้รับ

    หลวงพ่อดู่เคยพูดว่า " ระวังให้ดี เดี๋ยวจะเกิดเป็นตะเข้ขวางคลอง "


    [​IMG] หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ [​IMG]


     
  7. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    พระปางเปิดโลก

    หากนักดนตรีไทย ท่านใดเคยได้เรียน หรือได้ต่อเพลงสาธุการมาอย่างถูกต้องสมบูรณ์แล้วนั้น ก็จะทราบว่าในเพลงสาธุการ จะมีวรรคพิเศษอยู่วรรคหนึ่ง เรียกว่า "พระเจ้าเปิดโลก" ส่วนความหมายนั้น ที่ครูดนตรีท่านได้แต่งหรือเพิ่ม วรรคพระเจ้าเปิดโลก เอาไว้นี้ ส่วนตัวแล้ว ผมไม่ทราบจริง ว่าทำไมถึงมี วรรคพระเจ้าเปิดโลก เพิ่มขึ้นมาในเพลงสาธุการ

    เท่าที่ทราบว่าเพลงสาธุการนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว ในเพลงสาธุการ มีวรรคพระเจ้าเปิดโลก ในพุทธประวัติก็มีเรียกกันเป็นสามัญว่า "พระเจ้าเปิดโลก" ที่มีประวัติตามพระพุทธประวัติ และยังมีพระพุทธรุปปางหนึ่งเรียกกันว่า "ปางเปิดโลก" ด้วยนั่นเอง

    ปางเปิดโลก
    พระพุทธรูปปางเปิดโลก วัดพระศรีมหาธาตุ วรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถยืนอยู่บนดอกบัว พระหัตถ์ทั้งสองห้อยลงข้างพระวรกาย แบฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองออกไปข้างหน้า เป็นกิริยาทรงเปิดโลกบางแบบยกฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองขึ้น

    ความเป็นมาของปางเปิดโลก
    เมื่อครบกำหนด ๓ เดือน ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระพุทธองค์ทรงทำโลกวิวรณปาฏิหาริย์ คือ ทรงเปิดโลกทั้ง ๓ อันได้แก่ เทวโลก ยมโลก และมนุษยโลก ให้มองเห็นถึงกันหมดด้วยพุทธานุภาพ เหล่าเทวดาในสวรรค์มองเห็นมนุษย์และสัตว์นรก มนุษย์มองเห็นเทวดาและสัตว์นรก สัตว์นรกมองเห็นมนุษย์และเทวดา แล้วจึงเสด็จลีลาลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์สู่สังกัสสนคร ในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑

    คนค้าขาย-ทำธุรกิจนิยมครับ ถือเป็นพิมพ์มงคลสำหรับการเปิดกิจการหรือกระทำใดๆ ให้สำเร็จเสร็จสมดังมุ่งหมาย ดังคาถาบูชาพระเปิดโลกวรรคสุดท้ายที่ว่าไว้ว่า

    "เปิดเสร็จ สำเร็จ เสร็จด้วยนะโมพุทธายะ"



    [​IMG]

    พระพิมพ์เปิดโลกกำแพงเพชร


    [​IMG]

    พระพิมพ์เปิดโลก กรุวัดอรัญญิก จ.พิษณุโลก


    [​IMG]

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ::
    http://www.amulet2u.com
     
  8. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    เหรียญสมโภชพระพุทธนรสีห์ ร.ศ.๑๑๘

    [​IMG]

    ใน ร.ศ. ๑๑๘ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้มีการสมโภชพระพุทธนรสีห์และผูกพัทธสีมา วัดเบญจมบพิตรซึ่งเป็นพระราชพิธีใหญ่มีพระเถระ ชั้นผู้ใหญ่เข้าร่วมประกอบพระราชพิธีมากเป็นประวัติการณ์ดังปรากฏเรื่องราวในหมายกำหนดการสมโภชพระพุทธนรสีห์และผูกพัทธสีมาวัดเบญจมบพิตร ความว่า " พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิธาดาเสนาบดีกระทรวงวัง รับพระบรมราชโองการใส่เกล้าฯทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯรับสั่งว่า พระพุทธรูปเชียงแสนึ่งพระ เจ้าน้องยาเธอกรมหลวงดำรงราชานภาพ เชิญลงมาแต่วัดสิงห์เมืองชียงใหม่ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ถวายพระนามว่า พระพุทธนรสีห์ ประดิษฐานไว้ ณ สวนดุสิต เป็นพระพุทธรูปอันมีพระพุทธลักษณะงามหาเสมือนได้ยาก ควรจะมีมหกรรมสมโภชสักการะบูชาเป็นการใหญ่ครั้งหนึ่ง อนึ่ง ทรงพระราชศรัทธาจะสถาปนาพระ อารามขึ้นใหม่ในพื้นที่วัดแหลม ซึ่งเป็นวัดโบราณตั้งอยู่ในบริเวณสวนดุสิตอันพระบรมวงศ์เธอ กรมพระพิพิธโภคภูเบศร์ ได้ทรงปฏิสังขรณ์ครั้งหนึ่งจึงตั้งนามว่าวัด เบญจมบพิตร บัดนี้ชำรุดปรักหักพังเป็นอันมาก โปรดเกล้าฯให้รื้อของเดิมลงเสียทั้งสิ้นก่อสร้างขึ้นใหม่ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เพิ่มนามวัดขึ้นอีกอักษรหนึ่งว่าวัด เบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เพื่อให้สมกับเหตุที่ให้ทรงสถาปนาชึ้นใหม่ บัดนี้จะได้กำหนดวิสุงคามสีมาย้ายจากที่เดิมขยายให้กว้างออกโปรดเกล้าฯให้นิมนต์สมเด็จพระ ราชาคณะและพระราชาคณะฝ่ายคณะมหานิกายผูกพัทธสีมาใหม่" พระราชพิธีสมโภชครั้งนั้นเป็นพระราชพิธีที่สำคัญมากเป็นการรวมความศักดิ์สิทธิ์และพุทธคุณของพระเถระตามพระราชดำริของรัชกาลที่ ๕ มีการเฉลิมฉลอง ๓ วัน ๓ คืน พระราชพิธีสมโภชพระพุทธนรสีห์แลผูกพัทธสีมา วัดเบญจมบพิตรฯใน ร.ศ. ๑๑๘ นั้น พระบาทสมเด็จพระจุลเจ้าเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงอาราธนาพระเถรจารย์ ซึ่งเป็น ยอดพระเถระตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ( ยังเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง ) เข้าสวดชัยมงคลในพระอุโบสถ วันละ ๑o รูปไม่ซ้ำกัน นอกนั้นพระสงฆ์ผู้ทรงศีล นับรวมจำนวนได้ถึง ๓๕๔ องค์ ได้เดินทางมาร่วมประกอบพระราชพิธีฯในคราวนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทานพัดพระราชพิธีสมโภชพระพุทธนรสีห์แล ผูกพัทธสีมา แด่พระสงฆ์ผู้ทรงคุณตามจำนวนทั้งสิ้นดังได้กล่าวมาแล้วทั้งหมดด้วยพระสงฆ์ผู้ทรงคุณทั้งหมดที่ได้เดินทางมาร่วมงานต่างก็เป็นพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียง โด่งดังทั้งสิ้น ( โดยเฉพาะในปัจจุบันต่างก็เป็นเจ้าของวัตถุมงคลอันเป็นที่นิยมเสาะหาซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นของมีค่าอันสำคัญอย่างยิ่งทั้งสิ้น ) อาทิเช่น เจ้าของเหรียญสำคัญ อันดับหนึ่งของประเทศ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ อยุธยา มีพระเถระได้ร่วมพระราชพิธีฯ ครั้งนั้นเป็นจำนวนมาก เช่น พระครูนิเทศน์ธรรมกถา (หลวงพ่อพัน วัดบ้าน สร้าง เหรียญดังรุ่นแรกปี ๖๙ เสมา ปี ๒๔๗o นิยมรูปไข่ พระครูพุทธวิหารโสภณ (อ่ำ) วัดหน้าพระเมรุ , หลวงพ่อชม วัดพุทไธสวรรย์ เหรียญดังปี ๒๔๗o และฯลฯ ที่ สิงห์บุรี มีหลวงปู่ศุข วัดป่าหวาย เหรียญหลักแสน , ที่ชัยนาทนั้นมีหลวงพ่อช้าง วัดบรมธาตุรวมอยู่ด้วย เป็นต้น เฉพาะสมเด็จพระราชาคณะและพระราชาคณะที่พระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงอาราธนาเข้าสวดชัยมงคลวันละ ๑o รูป ไม่ซ้ำกันนั้น มีรายละเอียดดังนี้ครับ วันที่ ๑๖ มีนาคม พระราชาคณะที่เข้าสวดชัยมงคลคาถามี ๑. สมเด็จพระวันรัต (แดง) วัดสุทัศน์ ๒. พระธรรมเจดีย์ (ปาน) วัดมหรรณ์ ๓. พระเทพโมลี (แพ) วัดสุทัศน์ ๔. พระราชเมธี (อิ่ม) วัดบพิตรพิมุข ๕. พระราชมุนี (เข้ม) วัดมหาธาตุ ๖. พระศรีสมโพธิ (นาค) วัดสุทัศน์ ๗. พระปรีชาเฉลิม (แก้ว) วัดเฉลิมพระเกียรติ ๘. พระทักษิณคณิศร (สาย) วัดโพธินิมิตร ๙. พระญาณไตรโลก (อาจ) วัดศาลาปูน ๑o. พระญาณโพธิ (ใจ) วัดพระเชตุพน วันที่ ๑๗ มีนาคม ๑. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (แสง) วัดราษฎร์บรูณะ ๒. พระเทพมุนี (เปีย) วัดกัลยาณมิตร ๓. พระราชกวี (แก้ว) วัดไชยพฤกษ์มาลา ๔. พระกวีวงศ์ (เจิม) วัดอรุณราชวราราม ๕. พระอมรเมธาจารย์ (ถม) วัดระฆังโฆสิตาราม ๖. พระวรญาณมุนี (แจ่ม) วัดราชบูรณะ ๗. พระปริยัติวงศาจารย์ (วิญญู) วัดบรมวงศ์อิศวราราม ๘. พระมงคลทิพย์มุนี (ท่านเจ้ามา) วัดสามปลื้ม ๙. พระสุวรรณวิมล (หนู) วัดสุวรรณดาราราม ๑o. พระภาวนาโกศลเถร (เอี่ยม) วัดหนัง วันที่ ๑๘ มีนาคม ๑. พระพิมลธรรม (ฑิต) วัดมหาธาตุ ๒. พระธรรมวโรดม (ริด) วัดอรุณราชวราราม ๓. พระเทพเมธี (ม.ร.ว.เจริญ)วัดระฆังฯ ๔. พระราชโมลี (จ่าย) วัด มหาธาตุ ๕. พระประสิทธิสุตคุณ (แดง) วัดสุทัศน์ ๖. พระพิศาลสมณกิจ (สิน) วัดคงคาราม ๗. พระมงคลเทพมุนี (เอี่ยม) วัดราชสิทธิ ๘. พระญาณสมโพธิ (ครุฑ) วัดสาม พระยา ๙. พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (ชุ่ม) วัดมหาธาตุ ๑o. พระครูสุนทรศีลวัตร (โต) วัดเบญจมบพิตร ดังนั้นถ้าจะกล่าวไปแล้วเหรียญนี้ถือได้ว่าเป็นเหรียญที่มีเจตนาดี พิธีเข้มขลังสุดยอดในยุคนั้นแล้วครับ

    [​IMG]

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ::
    http://www.amulet2u.com
     
  9. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    จุดเด็ด เคล็ดไม่ลับ
    กับหลวงปู่ทวด หลังหนังสือ ปี05 บล๊อค ว.จุด

    [​IMG]

    [​IMG]

    สมัยก่อนนู้น(สิบกว่าปีที่แล้ว) พระหลวงปู่ทวดพิมพ์หลังหนังสือเล็ก แบ่งเป็นสองบล๊อคคือ ด้านหน้ามี ท. กับ แบบไม่มี ท. ตอนหลังมาแบ่งเพิ่มเป็นสามแบบคือ

    1.บล๊อคด้านหน้ามี ท. ซึ่งหายากมาก หายากกว่าพิมพ์ใหญ่มีตัว ท.
    2.บล๊อค ว.จุด ซึ่งให้ดูที่หัว ว.แหวน ของคำว่า วัดช้างไห้ จะมีจุดกลมๆ
    3.บล๊อคธรรมดา ก็คือพระที่ไม่เข้าข่ายสองแบบแรกนั่นเอง



    [​IMG]

    รูปนี้ชี้ให้เห็นชัดๆว่า ตรงไหนที่ใช้แยกระหว่าง บล๊อค ว.มีจุด กับ บล๊อคธรรมดา นักขายพระบางคนก็ โกหกหน้าตาย ชี้ให้ดูว่า หัว ว.แหวน ของบล๊อคธรรมดา เป็นจุดกลมๆ แล้วก็อ้างว่านี่แหละ
    " บล๊อค ว.จุด "
    [​IMG]

    หลังจากที่เรารู้ถึงการแยกบล๊อคแล้ว ก็มาดูด้านหน้ากันบ้างครับ ทั้งบล๊อค ว.จุด และ บล๊อคธรรมดา ด้านหน้าเป็นแม่พิมพ์ตัวเดียวกัน ดังนั้นเราก็เริ่มไล่จากใบหน้าของท่านเลยครับ อันดับแรก ก็ที่ดวงตาของท่าน ด้านซ้ายมือเรา เม็ดตาต้องมีขีดวิ่งไปทางด้านขวามือของเรา
    ( ดูรูปประกอบ ) เม็ดตาต้องเป็นเม็ดสมชื่อ ถ้าเป็นแค่ตุ่ม หรือ ไม่นูนเด่น
    [​IMG]

    เมื่อดูเม็ดตาเสร็จแล้วก็ไล่ลงมาที่ริ้วจีวรครับ ต้องคมนะครับ ถ้าตื้นๆ เบลอๆ ลื่นๆแล้ว ก็อย่าเสี่ยงดีกว่า
    [​IMG]

    ดูจุดนี้ด้วยคือ ปลายนิ้วมือซ้ายของหลวงพ่อ ต้องแตกเป็นปากตะขาบ บางท่านบอกว่าไม่จำเป็น ก็ไม่ว่ากัน
    [​IMG]

    เรื่องเส้นขนแมว เป็นสิ่งจำเป็นไปค้นเอารูปเส้นขนแมว ของพระหลวงปู่ทวด หลังหนังสือพิมพ์ใหญ่ ที่เคยถ่ายเอาไว้มาลงประกอบ ซึ่งเส้นขนแมวนี้ถ้ามองตาเปล่าอาจจะเห็นไม่ชัด แต่ถ้าส่องด้วยกล้องจะมองเห็นเป็นเส้นเล็กๆ บ่อยครั้งที่ต้องตะแคงส่อง ของเก๊ฝืมือแรกๆเส้นขนแมวจะไม่มี แต่ของฝีมือหลังๆมานี้เส้นขนแมวมีแล้วครับ แต่ว่าจะบางตื้นกว่าของแท้ บางทีก็เห็นเป็นเส้นแบบจงใจเลย ก็ต้องดูของแท้ให้ติดตา


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ::
    http://www.amulet2u.com
     
  10. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    พระชัยวัฒน์ หลวงพ่อเผย
    วัดบางหญ้าแพรก จ.สมุทรปราการ

    [​IMG]



    พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ วัดสุทัศน์ที่สร้างโดย สมเด็จพระสังฆราช(แพ) และท่านเจ้าคุณศรีฯ(สนธิ์) เป็นที่ทราบกันดีว่านักเลงพระต่างให้ค่านิยมสูง เพราะถือว่าสำนักนี้เป็นแหล่งต้นกำเนิดพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ ของเมืองไทยที่มีชื่อเสียง ปัจจุบันพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ ของพระเถระทั้งสองท่านนี้นอกจากจะมีราคาสูง และหายากแล้ว ของปลอมยังมีมากขนาดเซียนยังแขยง


    แต่พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ สายวัดสุทัศน์ หาได้สร้างแต่เฉพาะที่วัดสุทัศน์เพียงแห่งเดียวไม่ แต่ยังมีการไปสร้างที่สำนักอื่นๆอีกด้วย ดังเช่น พระชัยวัฒน์ ของหลวงพ่อเผย วัดบางหญ้าแพรก จ.สมุทรปราการ องค์ในภาพนี้ก็ถือว่าเป็นพระชัยวัฒน์สายวัดสุทัศน์เช่นกัน เพราะท่านเจ้าคุณศรี(สนธ์) ท่านไปเป็นประธานในพิธีการสร้างเมื่อปี พ.ศ.2482 พร้อมกับมีคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงร่วมกันปลุกเสกหลายท่าน เช่น หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม,หลวงพ่อเที่ยง วัดบางหัวเสือ สมุทรปราการ,หลวงพ่อเย่อ วัดอาษาสงคราม สมุทรปราการ,หลวงพ่อศุข วัดปากคลองสำโรง สมุทรปราการ ในวาระนั้น ก็ยังมีการสร้างเหรียญหลวงพ่อโสธรด้วย


    พุทธลักษณะของพระชัยวัฒน์ หลวงพ่อเผยเป็นพระปางสมาธิ ประทับบนฐานบัวสองชั้น ส่วนสูงวัดจากฐานถึงปลายเกศ ประมาณ 1.8 เซนติเมตร ฐานชั้นล่างสุดกว้างประมาณ 1.4 เซนติเมตร เนื้อหาเป็นทองผสม อมเขียว คล้ายๆกับพระพุทธชินราช รุ่นอินโดจีน ( โลหะยุคนี้จะออกเหลืองอมเขียว เป็นมาตรฐาน ) จะพบคราบน้ำทองติดตามซอกในองค์ที่ไม่ได้ผ่านการใช้ บางองค์อาจจะมีคราบมูลโคละเอียดๆติดอยู่ในซอก เนื่องจากเป็นพระหล่อด้วยกรรมวิธีสมัยโบราณ ทำให้พระเนตร พระขนง และ พระโอธ ติดไม่ค่อยชัด ไม่เหมือนกับพระใหม่สมัยนี้ที่ใช้กรรมวิธีฉีดเหวี่ยงทำให้พระติดชัดเจน พระจะสวย แต่ไม่งามซึ้งเท่ากรรมวิธีเทหล่อแบบโบราณ

    พระชัยวัฒน์วัดบางหญ้าแพรก ปัจจุบันค่านิยมยังอยู่ในหลักพันต้นๆเท่านั้น แต่เมื่อจัดว่าอยู่ในทำเนียบพระชัยวัฒน์ สายวัดสุทัศน์แล้ว จึงไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาด

    จากการติดตามมาตลอดและเคยไปสอบถามชาวบ้านแถววัดซึ่งในขณะนั้นมีอายุประมาณ 90 ปี (เมื่อปี 2536) และสอบถามท่านกรรมการ อบต.เมื่อปี 2549 ยืนยันตรงกันว่า สร้างเมื่อปี 2482 เทที่วัดสุทัศน์ พร้อมกริ่งชนะคน และนำมาทำพุทธาภิเษกใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ที่วัดบางหญ้าแพรก(ทลังจากนั้นอีกประมาณ 1 เดือนในคราวหล่อขันสาคร)มีพระคณาจารย์ใหญ่ๆมากมาย อาทิ ลพ.แช่ม, ลพ.พร้ง, พละ.เผือก, ลพ.จง ลพ.จาดฯลฯ โดยเฉพาะ ลพ.จง ลุงช้าง (ชาวบ้านที่เล่าให้ฟัง) อยู่วัดบางหญ้าแพรกเป็นเวลานานเพราะชาวบ้านศรัทธามาก

    [​IMG]

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ::
    http://www.amulet2u.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2009
  11. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    ใบหน้า หลวงปู่ทวด
    ในเหรียญรุ่นสอง รุ่นสาม รุ่นสี่

    [​IMG]

    เอาใบหน้าหลวงปู่ทวดในเหรียญ รุ่นสอง รุ่นสาม รุ่นสี่ มาวางเรียงกัน จำให้แม่นๆ จะได้ไม่โดนคนขายต้มเอา ประมาณว่ายัดรุ่น

    [​IMG]

    ใครจำใบหน้าไม่ได้ ให้ดูตรงรัดประคตก็ได้ถ้าเป็นแนวนอนทั้งหมด ก็รุ่นสี่ชัวร์ๆ
    แต่ถ้า มีเส้นตั้งด้วย ก็มีโอกาสเป็นรุ่นสอง หรือ รุ่นสาม ให้แยกที่ใบหน้าอีกทีหนึ่ง


    เหรียญหลวงปู่ทวดรุ่นสี่ เนื้ออัลปาก้า

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    รุ่นสาม โดยจุดหลักเลยคือเส้นริ้วจีวรใต้รัดประคต ถ้าเส้นริ้วจีวรใต้รัดประคดเป็นแนวนอน ก็ต้องตีเป็นรุ่นสี่ แต่ถ้าเส้นริ้วจีวรใต้รัดประคตเป็นแนวตั้ง ก็จะเป็นรุ่นสอง หรือ รุ่นสาม โดยให้ดูองค์ประกอบอื่นๆเข้าตัดสินใจ


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ::
    http://www.amulet2u.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2009
  12. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    หลวงปู่ทวดวัดช้างไห้
    พิมพ์ใหญ่ ไหล่จุด C


    [​IMG]

    1. ริมฝีปากมีลักษณะเม้มเป็นเส้นเห็นเด่นชัด
    2. พื้นผนังของพระพิมพ์นี้จะขรุขระไม่เรียบ
    3. มีเนื้อเกินที่ผนังเหนือศีรษะ
    4. ก้อนเนื้อเกินที่หัวไหล่ ที่มาของชื่อพิมพ์ พิมพ์ใหญ่ไหล่มีจุด
    5. ก้อนเนื้อนูนขึ้นมาเห็นชัดเจน
    6. รอยเนื้อเกินเป็นจุดเม็ดไข่ปลาเป็นทิวแนวยาวเฉียงลงมาถึงข้อมือซ้าย

    *ด้านหน้าสำหรับพิมพ์นี้ ตำหนิในพิมพ์ส่วนใหญ่ที่พบเห็นมักจะชัดเจน หากองค์ไหนที่ใช้แรงกดพิมพ์มาก ตำหนิต่างๆ จะติดเต็มที่ทุกจุด แต่ถ้ากดพิมพ์ไม่แรงพอ จุดที่อาจจะไม่ติดได้ มักจะเป็นที่บริเวณเหนือศีรษะ เนื่องจากอยู่ลึกลงไปมาก ส่วนที่ผนังอาจจะมีบ้างที่รอยขรุขระติดไม่เต็มที่ ฉะนั้นการพิจารณาจึงต้องดูองค์ประกอบโดยรวมและวิเคราะห์ถึงหลักความเป็นจริง


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ::
    http://www.amulet2u.com
     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    ศีลเท่านั้น เป็นเลิศในโลก

    พุทธภาษิตบทหนึ่งกล่าวไว้แปลความว่า
     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    ปัญญาเป็นสิ่งสูงสุด ในบรรดาสิ่งดีงามทั้งหลาย

    อันความดีงามด้วยการรักษาศีล ๕ เป็นความดีงามระดับหนึ่ง ซึ่งแม้จะเป็นเหตุให้เกิดความร่วมเย็นเป็นสุขได้เป็นอันมาก ทั้งแก่ตัวเองและผู้เกี่ยวข้อง

    แต่จุดมุ่งหมายที่สูงสุดแท้จริงของพระพุทธศาสนามียิ่งกว่านั้น เป็นอีกระดับหนึ่ง เป็นจุดหมายที่มีคุณระดับสูงสุด ไม่มีคุณอื่นเสมอเหมือน จุดมุ่งหมายนั้นคือ ปัญญา ผู้มีปัญญาเป็นผู้อาจบรรลุจุดสูงสุดในพระพุทธศาสนา

    ผูมีปัญญาสูงสุด เป็นผู้สูงสุด

    ปัญญาเกิดแต่ศีล มีศีลเป็นฐาน ปัญญาสูงสุดในบรรดาสิ่งดีงามทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดจากศีล มีศีลเป็นฐาน ผู้มีปัญญาสูงสุดจึงเป็นผู้สูงสุด

    ความหมายของปัญญาคือความฉลาดเกิดแต่เรียนและคิด ปัญญาในทางโลกเกิดแต่เรียนและคิด ปัญญาในทางธรรมก็เกิดแต่เรียนและคิด ปัญญาในทางโลกก็เรียนความรู้ทางโลก ปัญญาในทางธรรมก็เรียนความรู้ทางธรรม เรียนและคิด

    ความสำคัญของปัญญา

    ความสำคัญของปัญญาจึงอยู่ที่สองอย่าง คือเรียนด้วยและคิดด้วย เรียนอย่างเดียวโดยไม่คิดก็ไม่เป็นปัญญา คิดโดยไม่เรียนก่อนก็ไม่เป็นปัญญา

    การเรียนการคิดต้องประกอบกันอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการเรียนทางโลก หรือการเรียนทางธรรมก็ตาม และต้องปฏิบัติให้ได้ด้วย จึงจะเป็นปัญญาสูงสุด

    ปัญญาที่เกิดจากศีล มีศีลเป็นฐาน เป็นปัญญาทางโลกก็ได้ เป็นปัญญาทางธรรมก็ได้ แล้วแต่จะเรียนทางใด

    ศีลเท่านั้นเป็นเลิศในโลกนี้ ส่วนผู้มีปัญญา เป็นผู้สูงสุด

    ทุกข์เป็นสิ่งไม่พึงปรารถนาสูงสุด ปัญญาเท่านั้นจะทำให้บรรลุความปรารถนาสูงสุดนั้นได้ ปัญญาจึงเป็นสิ่งสูงสุด ผู้มีปัญญาจึงเป็นผู้สูงสุด และศีลเท่านั้นที่เป็นฐานแห่งปัญญา ต้องตามพระพุทธภาษิตมีความว่า
     
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    "ในหลวง" กับ "ศุภนิมิตของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร

    ไม่ว่าจะตกเข้าไปในที่มีภัยอันตรายมากมายเพียงใด ผู้ถึงรัตนตรัยเป็นสรณะย่อมพ้นจากภัยทั้งปวงนั้น ทั้งทางกายและทางใจ ทางใจคือ ไม่กลัว ไม่หวาด ไม่สะดุ้งและไม่หนี

    มีแสดงไว้ว่า ผู้นึกถึงพระพุทธเจ้า หรือพระธรรมของพระองค์หรือพระสงฆสาวกของพระองค์ แม้ตกอยู่ในที่แวดล้อมที่น่าสะพึงกลัว ก็จะไม่กลัว ไม่หนี เพราะพระพุทธองค์ ทรงเป็นผู้ไม่สะดุ้ง ไม่กลัวและไม่หนี

    สมเด็จพระบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้าพระผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ทรงถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะมั่นคง จึงไม่เคยทรงหนีเหตุการณ์ใดเลย ทรงเผชิญได้ด้วยพระอาการสงบอย่างยิ่งและทรงชนะตลอด

    ท่านพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร แห่งวัดถ้ำขาม จังหวัดสกลนคร เล่าไว้ว่า
    ท่านได้นิมิตเห็นสัตว์ร้ายมากมายในป่าแห่งหนึ่ง กำลังอาละวาดวุ่นวายไปทั้งป่า สมเด็จพระบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้าทรงปรากฏพระองค์ขึ้น ท่ามกลางความน่าสะพึงกลัวนั้น และทันใดสิงห์สาราสัตว์ที่กำลังบ้าคลั่ง ก็สยบลงทั้งหมดแทบเบื้องพระยุคลบาท

    ศุภนินิตท่านพระอาจารย์ฝั้น ท่านปรากฎแล้วว่าเป็นจริง มีเหตุการณ์เกิดขึ้นรับรองแล้วหลายครั้งหลายหน เป็นที่ประจักษ์

    : พระมงคลวิเสสกถา ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ๖ ธันวาคม ๒๕๓๙
    : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=5008
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2009
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ยังคงเหลืออีก 2 ตอน สำหรับพระราชกรณียกิจทรงผนวช 15 วันของในหลวงครับ นำมาลงเพื่อเป็นความรู้แห่งตนสืบไป

    พระราชกรณียกิจในวันที่ 13 แห่งการทรงพระผนวช
    วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2499
    หลังจากเสวยพระกระยาหารเช้าแล้ว พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงพระอุโบสถ ทรงเททองหล่อพระชินสีห์จำลอง สำหรับงานบำเพ็ญกุศลฉลองพระชนมายุครบ 84 พรรษา ของสมเด็จพระสังฆราช
    พระมหาราชครูศรีวิสุทธิคุณทำพิธีเจิม จากนั้นพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงวางแผ่นทองคำเปลว 84 แผ่นลงในเบ้า และทรงเททองหล่อพระพุทธรูปพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ
    วันนี้ (3 พฤศจิกายน 2499) เป็นวันอุโบสถตามปักขคณนา (วันธรรมสวนะ) พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงพระอุโบสถทรงทำวัตรเช้าและทรงทำอุโบสถสังฆกรรม จบแล้วอุบาสกอุบาสิกาทำวัตร แล้วพระจุลนายกแสดงพระธรรมเทศนา
    เวลา 13.00 น. เสด็จลงพระอุโบสถทรงทำวัตร ทรงสดับพระปาติโมกข์หลังจากนั้นพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ผู้อำนวยการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นำพนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาททูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายดอกไม้ ธูป เทียน จตุปัจจัยสมทบทุนอานันทมหิดล เสร็จแล้วเสด็จลงพระอุโบสถ ทรงสดับพระธรรมเทศนาเนื่องในวันธรรมสวนะ ซึ่งพระสาธุศีลสังวรแสดงถวาย
    ในตอนเย็น เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระโศภนคณาภรณ์ (ปัจจุบันคือสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก) พระสาธุศีลสังวร และพระราชภัฏ ไปในการพระราชทานเพลิงศพ หม่อมเจ้าประสงค์สม บริพัตร ณ วัดเทพศิรินทราวาส
    ในวันเดียวกันนี้ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปถวายดอกไม้ ธูป เทียน และทรงทูลลาพระผนวชต่อสมเด็จพระสังฆราช ณ ตำหนักปัญจบเบญจมา สมเด็จพระสังฆราชได้ทรงถวายโอวาท ดังนี้
     
  17. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    เห็นพระทำผิดคิดอย่างไรจึงได้บุญ




    [​IMG]


    ทุกวันนี้มีเสียงบ่นกันมากเกี่ยวกับปัญหาเรื่องพระประพฤติผิดพระธรรมวินัย เสียงโพนทนาว่ากล่าวเหล่านี้เราสามารถได้ยินทั่วไปทุกหนแห่ง แม้แต่ในกระดานข่าวอินเทอร์เน็ต ก็มีกระทู้บ่นถึงพระประพฤติผิดพระธรรมวินัยให้เห็นอยู่เป็นประจำ อาทิเช่น ปัญหาพระชอบเข้าไปในสถานที่ไม่เหมาะสม(เช่นห้างพันธ์ทิพย์) พระใช้อินเทอร์เน็ตไปในทางที่ไม่สมควร เป็นต้น

    มีบางท่านได้เกิดความสงสัยว่า การที่เราพบเห็นพระประพฤติผิดพระธรรมวินัยแล้ว เราคิดไม่พอใจ หรือ ขุ่นเคืองใจในตัวพระผู้ประพฤติผิดนั้น มันจะเป็นบาปหรือไม่ บางท่านก็ถามว่าเราจะควรโกรธเกลียดพระที่หลอกลวงประชาชน หรือที่เข้ามาบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาหรือไม่ เป็นต้น


    [​IMG]


    เครือข่ายชาวพุทธฯเห็นว่าปัญหานี้เป็นประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อย สมควรที่จะนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องวิธีปฏิบัติต่อพระที่ทำผิดพระธรรมวินัยมานำเสนอ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อชาวพุทธทั่วไป

    ในการนี้เราได้เขียนเป็นบทสนทนา ทั้งนี้เพื่อสร้างบรรยากาศให้มีความเป็นกันเอง และ ชวนให้ผู้อ่านได้ใช้ความคิดให้มากขึ้น อันเป็นกระบวนการเรียนรู้ตามหลักพุทธศาสนา ขอเชิญท่านติดตามได้ ณ บัดนี้


    [​IMG]






    <CENTER>ถาม-ตอบ

    </CENTER>

    ถาม : ถามจริง ๆ นะ เวลาเราเจอพระทำไม่ดี แล้วเราคิดรังเกียจ สะอิดสะเอียนเนี่ย มันจะบาปมั๊ย?
    ตอบ : บาปหรือไม่บาปให้ดูตรงไปที่ ใจของเรา คือให้ดูว่าจิตใจของเรามันขุ่นมัว หรือไม่สบายใจหรือเปล่า คือ ถ้าเราเห็นพระปฏิบัติไม่ดีแล้ว จิตใจของเราหดหู่ขุ่นมัว หรือ ร้อนรุ่ม ก็แสดงว่าในขณะนั้นได้เกิดอกุศล (บาป)ขึ้นในจิตใจของเราแล้ว
    ถาม : เห็นบางคนถึงกับด่าพระด้วย อ่านเจอในอินเทอร์เน็ตบ่อย ๆ แต่พระก็ทำไม่ดีจริง ๆ นะ หลอกลวง ประชาชนก็มี ต้มตุ๋นก็มี บางกลุ่มรวมหัวกันเป็นแก๊งเลย ?
    ตอบ : กรณีนี้มันเป็นเรื่องน่าเห็นใจ เพราะเป็นปฏิกริยาของสังคมที่มีต่อบุคคลเหล่านี้ แต่ทีนี้เราต้องยอมรับว่า ลำพังการพูดบ่นหรือด่าว่าอย่างเดียว คงไม่สามารถจะแก้ไขปัญหาอะไรได้ มันก็แค่เพียงการระบายความรู้สึกอัดอั้นตันใจไปวัน ๆ เท่านั้นเอง คงไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์อะไรดีขึ้นมาได้
    ถาม : ในพระไตรปิฎกมีคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือเปล่าว่าจะควรจะคิดอย่างไรกับพระที่ทำตัวไม่ดี ?
    ตอบ : ท่านวางหลักง่าย ๆ ว่า [FONT=MS Sans Serif, Thonburi, EucrosiaUPC, FreesiaUPC, DB ThaiText]จะคิด พูด ทำอะไรกับพระก็ให้ประกอบไปด้วยเมตตา อันนี้ครอบคลุมไปหมดเลย หมายความว่าถ้าเห็นพระทำผิด ก็ให้คิดมองเห็นด้วยความเมตตากรุณา แต่ทว่าต้องคิดต่อไปถึงการแก้ไขปัญหาด้วยนะ ไม่ใช่เมตตาแบบเห็นใจแต่ไม่ยอมแก้ไขปัญหา[/FONT]




    [FONT=MS Sans Serif, Thonburi, EucrosiaUPC, FreesiaUPC, DB ThaiText][​IMG][/FONT]​


    [FONT=MS Sans Serif, Thonburi, EucrosiaUPC, FreesiaUPC, DB ThaiText]ถาม : ไหนลองยกตัวอย่าง สมมติว่า ไปเจอะพระเดินเรี่ยไรเงินทองญาติโยมตามบ้าน น่ารังเกียจมาก เราจะคิด อย่างไรจิตใจถึงจะเป็นกุศล (บุญ)?
    ตอบ :ให้คิดด้วยความเมตตากรุณาก่อนเลย โดยอาจจะคิดว่า " โอ้..! น่าเวทนาสงสารพระรูปนี้จัง ท่านไม่รู้วินัย จึงได้มาเที่ยวเดินเรี่ยไรเงินทองรบกวนญาติโยมเช่นนี้ ตัวท่านเองคงต้องได้รับผลจากการกระทำของท่านเอง จิตใจคงเศร้าหมองไปไม่น้อย นี่แหละหนา บวชเรียนเข้ามาแต่ไม่ได้รับการศึกษา ผลเลยออกมาเป็นเช่นนี้ "



    นี้คิดขั้นแรกให้เกิดความเมตตากรุณาเสียก่อน จากนั้นก็ให้คิดต่อเพื่อเกิดเป็นพลังสร้างสรรค์ เช่น เราอาจจะคิดต่อไปว่า " ปรากฏการณ์ที่เห็นนี้มันเป็นเครื่องส่งสัญญาณบอกเหตุเตือนเราว่า ถึงเวลาแล้วที่ชาวพุทธทั้งหลายต้องมาช่วยกันฟื้นฟูพุทธศาสนา คือต้องมาร่วมด้วยช่วยกันทำอะไรสักอย่างเพื่อให้สถาบันสงฆ์ดีขึ้น ทางพระเองท่านคงแก้ไขปัญหาฝ่ายเดียวไม่ไหวแล้ว พวกเราเหล่าฆราวาสนี้แหละที่ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือท่าน " เห็นไหมคิดแบบนี้มันจะเกิดกำลังใจขึ้นมาทันที ไม่เห็นต้องไปท้อใจ หรือ สลดใจอะไรเลย การคิดแบบนี้ มันก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี คือทำให้เกิดการร่วมแรงร่วมใจกันแก้ไขปัญหา ถาม : บางคนเห็นพระบวชเข้ามาทำพุทธศาสนาเสื่อมแล้ว ถึงกับท้อใจอยากเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่นก็มี
    ตอบ : อันนี้คล้าย ๆ กับว่าเราเห็นคนมาเผาบ้านของเราแล้วแทนที่จะคิดช่วยกันจับคนเผาบ้านแล้วดับไฟ แต่นี่กลับคิดวิ่งหนีเพื่อหวังที่จะไปขออาศัยบ้านของคนอื่น อันนี้เท่ากับเป็นการฟ้องว่าตัวเองเป็นคนชอบหนีปัญหา
    ถาม : อยากจะถามว่าในยามที่เราได้พบเห็นพระทั่วๆไปตามสถานที่ต่างๆ เราควรจะคิดอย่างไรจึงจะได้บุญ
    ตอบ : เมื่อพบเห็นพระทั่ว ๆ ไป ให้คิดด้วยความเมตตากรุณา เห็นอกเห็นใจท่าน คือเราต้องยอมรับว่า ในยุคปัจจุบันสถานะของพระตกต่ำไปมาก ผิดกับในยุคสมัยอดีตที่ท่านเคยเป็นผู้นำสติปัญญาของคนทุกชนชั้นมาก่อน คือในสมัยก่อนนับตั้งแต่พระราชายันยาจก ทุกคนเป็นลูกศิษย์พระหมดเลย

    แต่ปัจจุบันนี้พระกลับกลายเป็นตัวแทนของผู้ไร้การศึกษา หรือ ผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา ใครพบเห็นก็อดที่จะรู้สึกดูหมิ่นดูแคลนไม่ได้ (พระไม่ต้องถึงกับทำผิด ฆราวาสก็นึกดูหมิ่นในใจอยู่แล้ว)
    ดังนั้นเวลาเราพบเห็นพระที่ไหน ให้เราคิดเมตตากรุณาเห็นอกเห็นใจท่านก่อนเลย เช่นอาจจะคิดว่า " โถ.. ท่านเคยเป็นผู้นำของสังคมมาก่อน แต่มาบัดนี้สังคมได้ทอดทิ้งท่านให้กลายเป็น ส่วนเกินของสังคมไปแล้วหรือนี่ "

    เมื่อคิดด้วยเมตตาแล้ว ก็ควรจะคิดปลุกใจของตนเองต่อไปว่า " ทำอย่างไรหนอ..จึงจะช่วยสนับสนุนให้ท่านได้รับการศึกษาที่เป็นเลิศ เพื่อให้ท่านได้กลับมาเป็นผู้นำทางสติปัญญาของสังคมอีกครั้งหนึ่ง สังคมไทยของเราจะได้ไปรอด ฯลฯ " ถาม : คิดทุกครั้งที่ได้พบเห็นพระใช่หรือเปล่า? ไม่คิดไม่ได้หรือ?
    ตอบ : ถ้าไม่คิด ความเข้าใจเก่า ๆ จะทำให้เรามองท่านผิดไป ทำให้เราไม่สบายใจเมื่อพบเห็นท่าน ..แต่ถ้าคิดอย่างที่แนะนำนี้ จิตจะเกิดบุญกุศลทุกขั้นตอน ลองลำดับดูนะ คิดขั้นที่หนึ่ง เมตตากรุณามาก่อนเลย คิดขั้นที่สอง คิดให้เกิดความตื่นตัวรับผิดชอบ (ไม่ประมาท) เกิดธรรมฉันทะ (ใฝ่ดี) เกิดวิริยะ (ความเพียรสู้) เกิดปัญญา (คิดหาหนทางแก้ไข) จะเห็นได้ว่าสภาพจิตแต่ละขณะเป็นกุศลทั้งนั้นเลย การคิดเช่นนี้นอกจากจะเป็น คุณต่อตัวผู้คิดเองแล้ว ยังเป็นคุณต่อพระพุทธศาสนาอีกด้วย
    ถาม : แล้วอย่างในกรณีพระที่ประพฤติผิดเลวทรามถึงขั้นทำลายพระพุทธศาสนา เราจะคิดอย่างไรกับพระเหล่านี้ พวกนี้แย่มากนะ มันอดโกรธไม่ไหวเหมือนกัน
    ตอบ : ก็ยังคงถือหลักที่พระพุทธองค์วางไว้ให้นั้นเอง คือตราบใดที่บุคคลนั้นยังครองผ้ากาสาวพัสตร์ ก็ควรมีสติคิด ให้เกิดเป็นความเมตตากรุณาให้ได้ ไม่ว่าเขาจะมีความร้ายกาจสักเพียงใดก็ตาม เช่นเราอาจจะคิดเวทนาสงสาร ที่เขาทำตัวประดุจโจรร้ายเที่ยวหลอกลวงมหาชน คติภายหน้าคงไม่พ้นอบายภูมิเป็นแน่ ถึงแม้ปัจจุบัน ชีวิตของเขาแม้ดูอย่างผิวเผินอาจจะเสมือนว่ามีความสุขจากทรัพย์สินเงินทองที่หลอกลวงมาได้ แต่ทว่าความเป็นจริงแล้วภายในจิตใจของเขามีแต่ความร้อนรุ่ม กินแหนงแคลงใจตัวเองไปตลอดทิวาราตรี


    คิดให้ได้แบบนี้ จิตใจก็จะเกิดความรู้สึกกรุณา ไม่ได้โกรธ หรือ เกลียดชังอะไร จากนั้นจึงค่อยคิด หนทางช่วยกันแก้ไขปัญหาต่อไปดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น


    [​IMG]

    ถาม : อยากให้สรุปวิธีคิดที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระอีกครั้ง
    ตอบ :
    ๑. พบเห็นพระทั่วไปให้คิดเห็นอกเห็นใจที่ท่านด้อยโอกาส แล้วคิดช่วยเหลือท่านให้ได้รับการศึกษาที่ดี
    ๒.พบเห็นพระทำผิดให้คิดสงสารที่ท่านไม่ได้รับการศึกษา ผลจึงออกมาเป็นเช่นนี้ แล้วคิดช่วยกันแก้ไข
    ๓.ได้ทราบข่าวพระหลอกลวงประชาชน จาบจ้วงพระธรรมวินัย ให้คิดเวทนาสงสารที่บุคคลเหล่านี้
    ว่าต้องตกอยู่ในความร้อนรุ่ม อยู่ไม่เป็นสุขไปตลอดกาลนาน แล้วคิดช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนา



    [​IMG]

    [FONT=MS Sans Serif, Thonburi, EucrosiaUPC, FreesiaUPC, DB ThaiText]สรุปคือ คิดให้เกิดความเมตตากรุณา และ คิดรับผิดชอบแก้ไขปัญหา นี้คือวิธีคิดของชาวพุทธรุ่นใหม่ยุคไอทีที่ควรมีต่อพระภิกษุสงฆ์ในยุคปัจจุบัน หากเราทำได้พุทธศาสนาของเราก็จะได้พระภิกษุสงฆ์กลับเป็นผู้นำทางสติปัญญาเช่นเดิม พุทธศาสนาก็จะดำรงอยู่สืบต่อไปด้วยความร่วมแรงร่วมใจของพวกเราฆราวาสชาวพุทธนี่เอง [/FONT]

    ขอขอบคุณ

    http://palungjit.org/showthread.php?t=174934
    [/FONT]
     
  18. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    วันนี้ผม นายพิพัฒน์ ประจญศานต์และครอบครัว
    ได้โอนเงินร่วมทำบุญ 200 บาท
    ตามรายละเอียดดังนี้ครับ

    19/02/2552 11:48
    สถานที่ A01305
    ลำดับที่ 1482A

    เอก เอ อิน โต้ง ขอโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ
    ขออนุโมทนาสาธุกับทุกท่าและ ขออานิสงค์ผลทานนี้ส่งให้กับตัวข้าพเจ้า เทพเทวาที่ดูแลรักษา ท่านปู่พญาหิริวุฒินาโค เทพไฉซิงเอี้ย พ่อแม่พี่น้องบุตรภรรยา หลาน ทุกคนในครอบครัว ญาติ คุณแม่ท่านนึงที่นับถือ ผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าทุกๆท่าน ผู้ที่เคยร่วมบุญกันมา ผู้ที่ข้าพเจ้าเคยล่วงเกินไว้ และเทพเทวาที่ดูแลรักษาทุกๆคน ทุกๆท่าน ที่กล่าวมา
    และเจ้ากรรมนายเวรที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้
    และเจ้ากรรมนายเวรของทุกๆคนที่กล่าวมา

    หลวงปู่พญาเม็งราย คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    พรหมเทพเทวาและสิ่งศักดิ์สิทธิ กายทิพย์ทั้งหลายที่ข้าพเจ้าและครอบครัวเคารพบูชา
    พรหมเทพเทวาและสิ่งศักดิ์สิทธิ กายทิพย์ทั้งหลายที่ดูแลรักษาข้าพเจ้าและครอบครัว
    กายทิพย์ทั้งหลายที่ติดตามวัตถุมงคลทุกประเภทที่ข้าพเจ้ามีไว้บูชา พระภูมิเจ้าที่กายทิพย์ทั้งหลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักรักษาบ้านข้าพเจ้า ที่พักข้าพเจ้า ที่ร้านยาข้าพเจ้า และทุกๆที่ๆข้าพเจ้าเคยไปเคยอาศัย <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ขอบุญนี้บันดาลให้ทุกท่านมีความสุขกายสุขใจ
    มีหิริโอตัปปะ พร้อมทั้งความเจริญในทางโลกและทางธรรมด้วยเทอญ
    พรอันใดที่ได้รับนี้ขอจงติดตามส่งผลกับข้าพเจ้าทุกๆชาติทุกๆภพจนกว่าจะบรรลุมรรคผลนิพพานด้วยเทอญ ขอให้ข้าพเจ้าถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ แต่ถ้าหากยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอให้มีความคล่องตัวในทุกๆเรื่อง ทั้งทางโลกและทางธรรม อันใดติดขัดขอให้มีความคล่องตัว อันใดคล่องตัวอยู่แล้วขอให้คล่องตัวยิ่งๆขึ้นไป ขึ้นชื่อว่าความอดความอยากความยากความจนขออย่าได้ประสบพบเลย ขอให้ได้เกิดเป็นคนดี ตั้งอยู่ในศีล5เป็นอย่างน้อย อย่าได้ตั้งอยู่ในความเสื่อม ขอให้ตั้งอยู่ในทางที่เจริญ เกิดมาได้พบได้ศึกษาพระพุทธศาสนาที่พระพุทธองค์ได้ตรัสเอาไว้อย่างถูกอย่างตรง ปัจจัยอันใดที่เกื้อหนุนในการประพฤติ ปฏิบัติธรรมขอให้ได้ อย่าได้ขาดเลย ทั้งสุขภาพกายใจสมบูรณ์ดี ร่างกายครบ32 สติปัญญาดี หน้าที่การงานที่ส่งเสริม ขอให้พบกัลยาณมิตร อาจารย์ทางธรรมมาแนะนำธรรมของพระพุทธองค์อย่างถูก อย่างตรง โดนจิตโดนใจ ขอให้บรรลุธรรมได้โดยง่าย ขอให้เป็นดังนี้จนกว่าจะบรรลุพระนิพพานด้วยเทอญ สาธุๆๆ <o:p></o:p>
    อีกทั้งและขอผลบุญนี้ส่งให้กับ
    เทวดาประจำตัวของนส.จิรานุช สถานทิพย์
    นาย<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:smarttags" /><st1:personName w:st="on" ProductID="นฤนาท สถานทิพย์">นฤนาท สถานทิพย์</st1:personName> พ่อแม่ของทั้งสอง ผู้ที่มาประมูลรถ
    เจ้าหน้าที่ศาล อัยการ ผู้พิพากษา เจ้าหน้าที่&ผู้บริหาร Finance ตำรวจ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
    ขอให้คลี่คลายโดยเร็วด้วยเทอญ สาธุๆๆๆ<o:p></o:p>
     
  19. คีตา

    คีตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    665
    ค่าพลัง:
    +4,309
    สาธุ ขอพรคุณพระบารมีพระรัตนตรัย ขอพรเทพเทวดาที่ดูแลรักษา
    ขอให้ เอ สมหวังในสิ่งที่ปรารถนาไว้ด้วยเทอญ

    [​IMG]

     
  20. แมงกะพรุน

    แมงกะพรุน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,267
    ขอร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ โอนแล้ว 321 บาท
     

แชร์หน้านี้

Loading...