ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE class=tborder id=post91752 cellSpacing=0 cellPadding=9 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: 1px solid; BORDER-TOP: 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: 0px solid; BORDER-BOTTOM: 1px solid" align=right> </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px solid; BORDER-TOP: 0px solid; BORDER-LEFT: 1px solid; BORDER-BOTTOM: 0px solid" width=175>





    <!-- Twitter start --><! --Twitter end -->

    </TD><TD class=alt1 id=td_post_91752 style="BORDER-RIGHT: 1px solid"><!-- icon and title -->มองปัญหาด้วยปัญญา : วิธีเจริญสติเมื่อเกิดนิมิต
    <HR SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>
    <TABLE class=ncode_imageresizer_warning id=ncode_imageresizer_warning_1 width=443><TBODY><TR><TD class=td1 width=20></TD><TD class=td2 unselectable="on"></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]




    ปุจฉา
    การเจริญสติเมื่อเกิดนิมิต


    ดิฉันได้ฝึกหัดการเจริญสติให้เป็นสมาธิ โดยใช้เทคนิคการหายใจ แบบที่องค์หลวงปู่ฯ ท่านทรงแนะนำลูกหลานอยู่เป็นประจำ

    ขณะที่จิตกำลังสงบ โดยได้ติดตามรับรู้กองลมที่เข้าและออก จู่ๆ ก็สังเกตเห็นลมหายใจ เข้ามาในตัวเอง ซึ่งปกติจะแค่รับรู้เฉยๆ แต่นี่เหมือนเห็นลมวิ่งเข้ามาในตัว

    และขณะที่เห็นลมหายใจออก ก็ปรากฏหัวของตัวเองตาม ออกมาด้วย และหันมาประจันหน้ากันชัดเจนมาก (เหมือนเห็นคนมานั่งอยู่หน้าเราทั้งๆ ที่กำลังหลับตาอยู่)

    ดิฉันก็พิจารณาไปเรื่อยๆ ว่า ถ้าเราไม่หายใจเข้า หรือออกจะเป็นอย่างไร รูปหน้าของดิฉันก็เริ่มอึดอัดเหมือนหายใจไม่ออก ในใจก็นึกว่า ถ้าไม่หายใจก็คง จะตาย ทันใดนั้น ใบหน้านั้นก็เริ่มซีด ขาว และเหมือนกับว่าตาย แล้ว ใจก็คิดว่าคนตายเป็นอย่าง นี้เอง ก็คิดต่อไปอีกว่า แล้วที่ตาย หลายวัน ศพจะขึ้นอืดอย่างไร ก็ ปรากฏให้เห็น ดิฉันนั่งดู นั่งพิจารณา พอรู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ภาพต่างๆ ก็ปรากฏให้เป็นสภาพของสังขารที่เน่าเปื่อย ผุพัง ไปเรื่อยๆ จนถึงกะโหลก และค่อยๆ ยุ่ยสลายเป็นผง ลมพัดมาหายไปจนสิ้น ไม่ปรากฏชิ้นส่วนใดๆ เหลืออยู่เลย (นี่คงจะเรียกว่า อนัตตา มั้งคะ)

    หลายครั้งต่อมาในขณะที่จะเข้านอนก็พยายามกำหนดลมหายใจ ก็ปรากฏอาการขนลุก ขนพอง น้ำตาไหล หรืออาการตัวพองโตเหมือนระเบิด และรู้สึกว่าผิวหนังหายใจได้ เพราะลมออกทุกรูขุมขนเลย

    ต่อมาดิฉันก็พยายามฝึกเจริญสติอยู่เนื่องๆ เท่าที่เวลาและโอกาสจะอำนวย แต่ก็มีแต่อารมณ์ฟุ้งตลอดเวลา จิตไม่ค่อยรวมเป็นสมาธิเหมือนเดิมเลย จนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ

    ดิฉันขอกราบเรียนปุจฉาหลวงปู่ฯ ว่า ทำไมถึงมีนิมิตแบบนั้นมาปรากฏให้เห็น ทำอย่างไรจะสามารถฝึกการเจริญสติให้ดียิ่งๆ ขึ้นได้ต่อไป

    ขอความเมตตาให้ความสว่างแก่ลูกหลาน เพื่อจะค้นพบทางที่จะได้หลุดพ้นจาก วัฏฏะสงสารด้วยเจ้าค่ะ กราบนมัสการองค์หลวงปู่พุทธะอิสระ มา ณ โอกาสนี้ด้วยเจ้าค่ะ

    วิสัชนา

    'ขณะที่คุณเจริญอานาปานสติ พิจารณาลมหายใจเข้าออก แล้วเกิดนิมิตเห็นตัวเองขึ้นอีกร่างหนึ่ง ที่จริงน่าจะเป็นเรื่องไม่ดี เพราะถ้าคุณไปติดใน นิมิตที่เห็นนั้น ก็ทำให้คุณทิ้งลมหายใจ แล้วไปใส่ใจนิมิต สุดท้ายทั้งลมหายใจและนิมิตก็จับไม่ได้

    เหมือนนิทานอีสป เรื่องหมากับเงา หมาคาบเนื้อมาที่สะพาน แล้วมองเห็นเงาเนื้อในน้ำว่าโตกว่าเนื้อที่ตนคาบมา เลยปล่อยเนื้อที่คาบ กระโจนลงไปคาบเนื้อในน้ำ สุดท้ายทั้งเนื้อแท้เนื้อเงาก็ไม่ได้ หมาเลยเศร้าไปตามระเบียบ

    แต่คุณรู้จักใช้วิกฤตมาเป็น โอกาส ยังมีสติปัญญาพิจารณานิมิตที่เห็นจนเป็นวิปัสสนา ปรากฏเป็นอุบาย ทำให้เกิดปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริงของร่างกาย

    ถ้าพิจารณาต่อไปไม่เลิก ฉันก็คงจะได้พบพระอริยะแล้ว แต่น่าเสียดาย ปัญญาบารมียังไม่เข้มแข็ง แถมยังขาดขันติ วิริยะ สัจจะ อธิษฐาน เลยทำให้คุณพลาดโอกาสที่ประสบกับประสบการณ์ทางวิญญาณที่เยี่ยมยอดไป แต่ก็นับว่าคุณมีบารมีเก่าติดมาไม่น้อยเหมือนกัน

    ขอให้เพียรพยายามสั่งสมอบรมในการปฏิบัติธรรมต่อไป แล้วชัยชนะจักมีแก่คุณในที่สุด

    ส่วนที่คุณถามว่า พยายามฝึกสติ กำหนดลมหายใจจนเกิดนิมิต เกิดปีติ น้ำตาไหล ตัวพองขนลุก มีความรู้สึกเป็นสุข แล้วลมหายใจมันหายไป ที่จริงลมหายใจมิได้หาย แต่ที่หายคือสติของคุณต่างหาก เพราะคุณมัวแต่ไปติดนิมิต ติดปีติ และอาการเครื่องปรุงจิต ซึ่งถือว่าเป็นมายาขจิต เหมือนดังสุนัขที่ติดเงาเนื้อ (ต้องขออภัยฉันมิได้ว่าคุณนะ แต่ยกตัวอย่าง เพื่อให้คุณเห็นภาพให้ชัด) เลยทิ้งเนื้อจริงที่คาบมา

    วิธีก็คือ ไม่ว่าอะไรจักเกิดขึ้น ในขณะที่คุณกำลังเจริญสติ พิจารณาลมหายใจ ก็อย่าไปใส่ใจ อย่าไปสนใจ คุณมีหน้าที่พิจารณาลมหายใจอย่างเดียว จนกว่าสติคุณจักตั้งมั่น จนบังเกิดสมาธิ คือ ความสงบ

    และถ้าพบนิมิต ก็ให้คุณใช้สติและความสงบที่มี พิจารณาถึงอาการของนิมิตที่ตั้งอยู่ และความดับไปของนิมิต นั้น (เหมือนดังที่คุณเคยทำมา) พร้อมกับพิจารณาน้อมอาการเหล่านั้นให้เข้ามาหาตัวคุณเอง จนเห็นตามความเป็นจริงถึงความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปของร่างกาย ทั้งภายในและภายนอก คุณจะมีจิตบังเกิดความเบื่อหน่ายต่อเครื่องร้อยรัดทั้งหลาย ผ่อนคลายความกำหนัดยินดีในตัณหาอุปาทานทั้งหลาย ถึง วิมุตติความหลุดพ้นในที่สุด

    ฉันจะไม่อธิบายละเอียด ขอให้คุณทำด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะรู้อาการของจิต พร้อมสิ่งที่เกิดกับจิต ด้วยตัวคุณเอง เพราะหากอธิบายไปมากๆ เดี๋ยวจักกลายเป็นขยะสะสมเพิ่มขึ้นในจิตของคุณอีก

    เอาเป็นว่า รู้จริง ไม่ต้องจำ ทำได้มีประโยชน์ รู้ไม่จริง ถึงจำ ทำไม่ได้ มีแต่โทษ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    http://www.manager.co.th/Dhamma/View...=9510000070716

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE borderColor=white cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=2><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 7 กรกฎาคม 2551 20:13:11 น.-->พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๑๐๐ | พระอานนท์ศึกษาธรรม
    <!-- Main -->พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๑๐๐ : พระอานนท์ศึกษาธรรม

    พระอานนท์ศึกษาธรรม
    จากพระปุณณมันตานีบุตร

    กล่าวถึงเจ้าชายอานนท์ เป็นโอรสของพระเจ้าอมิโตทนศากยราช พระอนุชาของพระเจ้าสุทโธทนมหาราช พระพุทธบิดา ซึ่งประสูติพร้อมกับพระพุทธเจ้า มีฐานะเป็นพระอนุชาของพระพุทธเจ้า แต่ในพรรษาที่ ๒ ในขณะพระพุทธเจ้าเสด็จมายังกรุงกบิลพัสดุ์ครั้งแรกนั้น ได้มีพระญาติหลายองค์ออกทรงผนวชตามเสด็จ ยังเหลือแต่ศากยกุมารเหล่านี้คือ พระมหามานะ พระอนุรุทธะ พระภัททิยะ พระภัคคุ พระกิมิละ พระอานนท์และพระเทวทัตต ในภายหลัง เมื่อพระพุทธองค์ทรงประทานบรรพชา ให้เหล่าศากยกุมารทั้ง 6 อุปสมบทตามประสงค์ โดยมีพระเวลัฏฐสีสเถระ เป็นพระอุปัชฌายะของท่านพระอานนท์

    [​IMG]

    ครั้นเมื่ออุปสมบทแล้ว ท่านพระอานนท์ได้ศึกษาธรรมจากสำนักของท่านพระปุณณมันตานีบุตร ไม่นานก็ได้สำเร็จชั้นโสดาบัน ในกาลต่อมาท่านได้เล่าให้ภิกษุทั้งหลายฟังว่า ท่านพระปุณณมันตานีบุตร มีอุปการคุณต่อท่านและพวกภิกษุผู้นวกะมาก ท่านพระปุณณมันตานีบุตรได้กล่าวสอนท่านว่า
    "ดูกรอานนท์ เพราะถือมั่นจึงมีตัณหา มานะ ทิฐิว่าเป็นเรา
    เพราะไม่ถือมั่น จึงไม่มีตัณหามานะ ทิฐิ ว่าเป็นเรา
    เพราะถือมั่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    จึงมีตัณหา มานะ ทิฐิ ว่าเป็นเรา
    เพราะไม่ถือมั่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    จึงไม่มีตัณหา มานะ ทิฐิว่า เป็นเรา
    เปรียบเหมือนสตรีหรือบุรุษรุ่นหนุ่มสาวมีนิสัยชอบแต่งตัวส่องดูเงาของตนที่กระจกหรือภาชนะน้ำอันใสบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะยึดถือจึงเห็น เพราะไม่ยึดจึงไม่เห็น ฉันใด เพราะถือมั่นรูปเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จึงมีตัณหา มานะ ทิฐิ ว่า เป็นเรา
    เพราะไม่ถือมั่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จึงไม่มีตัณหามานะ ทิฐิว่า เป็นเรา ฉันนั้นเหมือนกัน
     
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    มาติดตามพระราชกรณียกิจในหลวงทรงผนวช 15 วัน กันต่อครับ โดยในวันนี้จะนำเสนอในส่วนของวันที่ 10, 11 และ 12 ครับ


    พระราชกรณียกิจในวันที่ 10 แห่งการทรงพระผนวช
    วันพุธที่ 31 ตุลาคม 2499


    วันนี้ หลังจากเสวยพระกระยาหารเช้า เสด็จลงพระอุโบสถทรงทำวัตรเช้าแล้วพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงรับบิณฑบาต ที่ทำเนียบรัฐบาล ณ ที่นั้น จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายอาหารบิณฑบาต
    ภายหลังจากเสด็จพระราชดำเนินกลับมาถึงวัดบวรนิเวศวิหารแล้ว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เสด็จพระราชดำเนินมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท หลังจากนั้นสมเด็จพระราชชนนีเสด็จพระราชดำเนินมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
    ในตอนเย็น เสด็จลงพระอุโบสถทรงทำวัตรเย็น เสร็จแล้วทรงสดับธรรมะ เรื่อง
     
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ภูมิพโลภิกขุ เสด็จนมัสการพระปฐมเจดีย์ (ภาพบน)

    ในท่ามกลางความชื่นชมโสมนัสของพศกนิกรชาวนครปฐม และจังหวัดใกล้เคียง (ภาพล่าง)


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ทรงย่างพระบาทขึ้นสู่ระเบียงองค์ เพื่อทรงกระทำนมัสการพระร่วงโรจนฤทธิ์ พระพุทธรูปสำคัญ ณ ที่นั้น


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    ทรงกระทำสักการะบูชา พร้อมด้วยเบญจางคประดิษฐ์ <!--MsgFile=9-->

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    พระอริยาบทขณะทรงทักษิณาวัตร


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>



    เมื่อทรงเสร็จพิธีทักษิณาวัตรแล้ว ทรงถวายเครื่อสักการะบูชาทั้งนั้น แด่องค์พระปฐมเจดีย์ <!--MsgFile=14-->




    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>




    เอื้อเฟื้อภาพโดย


    <CENTER></CENTER>

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2009
  5. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 width="99%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    กรุวัดดักคะนน
    </TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=text_white>

    [​IMG]
    พระสมเด็จกรุวัดดักคะนนนี้เมื่อช่วงปี พ.ศ. [FONT= ]2530 [/FONT]ได้มีพระแตกกรุออกมา[FONT= ] [/FONT]และสนามพระหลายแห่งได้นำมาออกให้เช่าบูชากัน เป็นที่โด่งดังเกรียวกราว[FONT= ] [/FONT]พระแท้ ๆ[FONT= ] [/FONT]ที่ออกมามีจำนวนไม่มากนักก็หมดลงอย่างรวดเร็วในเวลาไม่นาน ประกอบกับมีของเทียม[FONT= ] [/FONT]ตามออกมาอย่างรวดเร็ว บรรดาผู้เสียผลประโยชน์จึงใช้เป็นเครื่องมือโจมตี[FONT= ] [/FONT]ว่าพระชุดนี้เก๊ทั้งกรุและพอดีกับที่ไม่มีพระแท้[FONT= ] [/FONT][FONT= ]
    [/FONT]
    หมุนเวียนให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว[FONT= ] [/FONT]จึงทำให้พระเงียบหายไปจะเล่นหาในหมู่ผู้รู้เท่านั้น[FONT= ] [/FONT]

    พระชุดนี้สร้างโดยหลวงพ่ออยู่ แห่งวัดดักคะนน[FONT= ] [/FONT]พระผู้มีบารมีธรรมสูงส่งอีกทั้งเป็นพระที่มีวาจาสิทธิ์องค์หนึ่ง[FONT= ] [/FONT]นอกจากนี้ท่านยังเป็นสหายสนิทกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า[FONT= ] [/FONT]พระอาจารย์ทั้งสององค์ชาวบ้านที่ชัยนาท[FONT= ] [/FONT]และจังหวัดใกล้เคียงต่างให้ความเคารพนับถือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน[FONT= ] [/FONT]หลวงพ่อทั้งสองต่างเดินทางไปมาหาสู่เพื่อแลกเปลี่ยนวิชาซึ่งกันและกัน[FONT= ] [/FONT]เป็นประจำจนเรียกว่ากินกันไม่ลง[FONT= ] [/FONT]
    พระชุดนี้จึงไม่แปลกที่หลวงปู่ศุข[FONT= ] [/FONT]จะมอบมวลสารชั้นยอดและมีส่วนร่วมในการจัดสร้าง[FONT= ] [/FONT]รวมถึงการปลุกเศกด้วย[FONT= ] [/FONT]พระสมเด็จที่สร้างมีทั้งหมด [FONT= ]5 [/FONT]พิมพ์คือ พิมพ์ใหญ่[FONT= ] [/FONT]พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์ฐานแซม พิมพ์เจ็ดชั้นและเก้าชั้น[FONT= ] [/FONT]เสร็จแล้วได้นำบรรุไว้ใต้ฐานพระประธานโบสถ์ จนกาลเวลาล่วงเลยมา[FONT= ] [/FONT]พระได้แตกกรุออกมาเพราะพระประธานชำรุดเกินกว่าจะซ่อมแซมได้[FONT= ] [/FONT]กรรมการวัดจึงมีมติที่จะรื้อและสร้างใหม่[FONT= ] [/FONT]จึงพบพระสมเด็จไหลทะลักออกมาจากใต้ฐานพระประธาน[FONT= ] [/FONT]หลวงพ่อผลเจ้าอาวาสในขณะนั้นจึงนำมาให้ทำบุญและแจกจ่ายวัดต่าง ๆ[FONT= ] [/FONT]ในละแวกนั้นเพื่อหาทุนสร้างโบสถ์ มีผู้ไม่ทราบข้อมูลเข้าใจผิดว่า[FONT= ] [/FONT]เป็นพระสมเด็จของหลวงพ่อผล[FONT= ] [/FONT]ภายหลังผู้ใช้ไปประสบอภินิหารหลายอย่าง[FONT= ]
    [/FONT]
    จนชาวบ้านขนานนามว่า[FONT= ] [/FONT]มีพระสมเด็จ "อยู่ -[FONT= ] [/FONT]ศุข" จะอยู่รอด[FONT= ] [/FONT]ปลอดภัยมีความสุข
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    http://www.krusiam.com/blog/view.asp?Blog_ID=B00435&Blog_GID=G00444&Blog_PID=P00822
     
  6. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    วิธีการตรวจสอบพระพุทธรูปบูชา เนื้อสัมฤทธิ์ เก่าหรือใหม่

    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=text_white>พระเก่าไม่ว่าจะเป็นพระเครื่องพระบูชาสร้างด้วยเนื้อหินศิลา สัมฤทธิ์ ชิน ตะกั่ว ดิน ผง ว่านฯ ต้องมีความเก่า คือมีคราบ มีสนิม มีรอยสึกกร่อน แอ่ง รูพรุนปรายเข็ม ริ้วระแหงแตกร้าวเหี่ยวย่น ผิวเข้ม เนื้อแห้งสนิทพื้นผิวของ เนื้อพระไม่ตึงเรียบ เนื้อไม่มันวาว ไม่กะด้าง ถ้าใช้มานานถูกเสียดสีเนื้อพระจะเข้มขึ้นแลมันใส ลูบดูทั่วองค์พระจะไม่มีขอบคมเลย ดมดูจะไม่มีกลิ่น เอาลิ้นแตะดูจะไม่ดูดลิ้นอย่างนี้เป็นต้นหลักการพิจารณาตรวจสอบพระพุทธรูปบูชาเนื้อสัมฤทธิ์เก่าหรือใหม่ เป็นของแท้ของเทียมหรือของปลอมดังจะได้เรียนต่อไปนี้ ขอท่านผู้อ่านโปรดพิจารณาทุกตัวอักษร และตีความหมายไปด้วย แล้วท่านจะเข้าใจในการดูพระแท้พระปลอม การที่จะตรวจสอบว่าเป็นพระเก่าพระใหม่โดยการเขียนเป็นตัวอักษรให้เข้าใจได้แน่ชัดนั้นยากนัก และแต่ละหัวข้อให้ถามตนเองว่าพระที่สร้างแบบนี้ทำปลอมได้ไหม</TD></TR></TBODY></TABLE>​



    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=text_white>
    1. พระเก่าเราดูรูปแบบว่าพระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยใด เป็นสมัยลพบุรี เชียงแสน อู่ทอง สุโขทัย อยุธยา ถูกต้องหรือไม่เป็นฝีมือช่างราษฎร์ (สร้างไม่สวยงาม) หรือฝีมือช่างหลวง (สวยงาม)
    2. พระเก่าต้องมีคราบมีสนิม มีรอยสึกกร่อน แอ่งรูพรุนปรายเข็ม รอยชำรุดแตกร้าวเนื้อแห้งสนิทผิวเข้ม เป็นไปตามธรรมชาติอย่างที่ว่าสนิมอยู่ในเนื้อ
    3. พระเก่าแท้เห็นแล้วได้ไว้เป็นเจ้าของมีความซึ้งตา ซึ้งใจ เนื้อผิวของพระเนียนสนิท
    4. พระเก่าเอามือจับลูบดูทั่วองค์พระทุกแห่ง จะไม่มีขอบคมติดมือเลย
    5. ถ้าตรงไหนมีเนื้อในของพระสึกกร่อนจนเห็นเนื้อโลหะ เนื้อโลหะสัมฤทธิ์ตรงนั้นจะมองเห็นสีแดงปนเหลือง หรือค่อนข้างแดง หมองหม่น คล้ำ สีซีด ไม่มันวาว ไม่เป็นเหลืองเหมือนทองเหลืองล้วนๆ
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=text_white>


    6. พระเก่าผิวเนื้อจะมันใส แห้งสนิท ของทำเทียมเลียนแบบผิวเนื้อพระจะมันวาวเช่นดำมันวาวหรือแดงน้ำตาลไหม้มันวาว พระของใหม่เนื้อจะกะด้าง ไม่งามติดตา หรือให้ช่างรมดำเอา
    7. พระเก่าผิวเนื้อจะมันใส แห้งสนิท ของทำเทียมเลียนแบบผิวเนื้อพระจะมันวาวเช่นดำมันวาวหรือแดงน้ำตาลไหม้มันวาว พระของใหม่เนื้อจะกะด้าง ไม่งามติดตา หรือให้ช่างรมดำเอา
    8. พระเก่าถ้าเป็นพระนั่งเคาะดูที่ฐานนั่งจะมีเสียงดังแปะๆ ถ้าเป็นพระใหม่จะมีเสียงดังหนักแน่นกังวาล ก็เพราะเนื้อพระยังใหม่กินตัวกับอากาศไม่นานพอ



    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=text_white>


    วัสดุที่โบราณาจารย์ นิยมเอามาสร้างเป็น พระพุทธรูปบูชาอย่างแพร่หลายได้แก่โลหะ ทองคำ นาค เงิน ทองเหลือง ทองแดง ตะกั่ว สังกะสี ลงหิน เมื่อผสมกัน แล้วเรียกว่าสัฤทธิ์นี้ เฉพาะแร่ทองคำ เงินและทองแดง เป็นธาตุแท้ นอกนั้นเป็นโลหะผสม เนื้อทองคำเหลืองอร่ามสวยงามมีราคาสูงไม่กลายสภาพเป็นอย่างอื่น เมื่อผสมกับแร่ธาตุอื่นจะทำให้แร่ธาตุอื่น จะทำให้ แร่ธาตุนั้นผิวกลับดำ ถ้าธาตุนั้นเก่าก็จะทำให้มองเห็นความเก่าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เนื้อทองแดงเมื่อผสมกับแร่ธาตุอื่น จะทำให้แร่ธาตุนั้นเปลี่ยนไป เช่นทองแดงผสมสังกะสีจะกลายเป็นทองเหลืองเนื้อสัมฤทธิ์ตามความหมายของนักเล่นพระ หมายถึงโลหะผสมผิวกลับดำหมองคล้ำย่อมมีผิวเนื้อแตกต่างกัน ทั้งนี้แล้วแต่ส่วนผสม เช่นถ้าส่วนผสมแก่เงินผิวโลหะนั้นจะกลับดำ ถ้าโลหะนั้นมีทองคำผสมด้วยแม้จะไม่มากนักก็ทำให้โลหะนั้น มีความมันในสวยงามขึ้น โลหะที่ผสมเป็นเนื้อสัมฤทธิ์สร้างพระบูชา นิยมเรียกชื่อต่างกันตามผสม เช่น ปัญจโลหะ, และนวโลหะ



    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=text_white><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๘. พระเก่าเนื้อแห้งสนิท ผิวเนื้อของพระไม่เรียบตึง เนื้อพระเก่าจะมีรอยย่นเหี่ยวแอ่งรู พรุน สึกกร่อนสวนมากมีรอยชำรุดแตกร้าวใช้แว่นขยายกำลังสูงส่องจะมองเห็นชัดเจน</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify"></ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๙. พระเก่ามีรูสนิมขุม หรือขุมสนิมจะเกิดจากด้านในมาด้านนอก ปากสนิมขุดจะเล็กด้านในกลวง สนิมที่ทำเทียมใช้น้ำกรดราดกัดเนื้อพระปากสนิมจะกว้างด้านในเล็ก สนิมจะกัดกินเนื้อพระสม่ำเสมอ พระเก่าสนิมขุมจะเป็นแอ่งขรุขระสูงๆ ต่ำๆ ไม่สม่ำเสมอ</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify"></ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๑๐. ดินหุ่นด้านในใต้ฐานของพระ พระเก่าดินหุ่นมักจะมีค่อนข้างหนา แข็ง แห้งสนิทถ้าเอานิ้วมือแตะดูดินหุ่นจะติดมือ เพียงเล็กน้อย หรืออาจจะไม่ติดมือเลย</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify"></ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๑๑. ขอบโลหะพระนั่งด้านล่าง คือตรงฐานที่เราตั้งพระนั่ง พระเก่าแท้ขอบพระด้านล่างจะมีผิวสนิมเหมือนกับผิวสนิมขององค์พระไม่มีรอบตะไบ ขอบด้านล่างนี้ผู้ปลอมหรือทำใหม่ทาน้ำยาเคมีไม่ติดแน่นจึงทำให้ผิวขอบพระนั่งด้านล่างนี้แตกต่างจากองค์พระไม่มากก็น้อย</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify"></ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๑๒. เม็ดพระศกก้นหอยขององค์พระเก่าแท้ ผู้สร้างคนโบราณได้ปั้นเม็ดพระศกของพระด้วยมือทุกๆ เม็ดพระศก ฉะนั้นเม็ดพระศกอาจจะมีเล็กใหม่แตกต่างกันเล็กน้อย แถวเรียงเม็ดพระศกอาจจะบิดเบี้ยวเล็กน้อยก็ได้ แต่เม็ดพระศกของพระทำเทียมเลียนแบบ หรือ พระใหม่จะมีรอยขีดเป็นเส้นโคงไปตามแนวพระนลาตหรือพระเศียรของพระ แล้ววางเรียงเม็ดพระศกเป็นระเบียบเรียบร้อย</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify"></ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๑๓. พระใหม่เม็ดพระศกด้านหน้าตรงพระนลาตจะยกขอบสูงกว่าพื้นผิวพระนลาตจนเห็นชัด หรือบางทีก็เห็นเป็นเส้น เป็นแอ่งชัดเจน พระเก่าแท้เม็ดพระศกด้านหน้าจะอยู่ในระดับเดียวกับผิวพระนลาต ไม่มีรอยขีดและเป็นไปตามธรรมชาติ พระบูชาถ้าเป็นพระสมัยสูงอายุเกินกว่า ๘๐๐ ปีขึ้นไป เช่นพระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์หนึ่ง ฐานเขียงไม่มีบัว เม็ดพระศกของพระจะแตกบี้เห็นได้ชัดเจน</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify"></ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๑๔. พระเก่าผิวเนื้อ ผิวสนิมจะมองดูเห็นมีสีอ่อนแก่ได้ชัดเจน ไม่ใช่ผิวสนิมเนื้อของพระมองดูเป็นสีเดียวโล้นๆ ซึ่งเป็นผิวสนิมของพระใหม่</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify"></ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๑๕. พระเก่าดมดูจะไม่มีกลิ่นฉุน เมื่อดมดูจะรู้สึกเฉยๆ หรือเมื่อเอาลิ้นแตะเนื้อพระดูจะไม่ดูลิ้น เนื้อพระใหม่เอาลิ้นแตะดูจะดูดลิ้นเพราะในเนื้อพระน้ำยาเคมียังระเหยไปไม่หมด</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify"></ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๑๖. พระบูชาที่เอาเนื้อพระเก่าที่แตกหักชำรุดหรือไม่สวยงามมาเทสร้างใหม่ให้เป็นพระสมัยสูงมีราคาแพง </ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">เช่นพระพุทธรูปเชียงแสน สุโขทัย อู่ทอง ลพบุรี นี้นั้นขอให้สังเกตุให้ดี ผิวสนิมเนื้อของพระที่เทใหม่จะไม่มันใส แต่มีความเก่า เนื้อพระนี้จะมองดูด้านๆ และเนื้อโลหะไม่เข้ากันสนิท คือดำๆ ด่างๆ ผิวหยาบ ทำกินหุ่นไม่เหมือนของเก่าหรือบางทีก็ไม่มีดินหุ่น เอามือจับลูบดูอาจมีขอบคมอยู่บ้าง</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify"></ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๑๗. เคล็ดลับหรือตำหนิพระเก่าแท้พระบูชาสมัยเชียงแสน สุโขทัย อู่ทอง ลพบุรี </ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">ที่ผู้รู้กำหนดไว้บอกว่า พระที่มีลักษณะต่อไปนี้เป็นพระเก่าที่คณาจารย์ หรือช่างโบราณสร้างขึ้นได้ลักษณะถูกต้องแท้จริง ย่อมประกอบไปด้วยสิ่งดังต่อไปนี้ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างคือ</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">ก. ขอบหรือจีบชายจีวร ที่พาดผ่านพระอุระของพระจากด้านหน้าวก โค้งไปด้านหลังจะมีจีบเป็น ๒ จีบ</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">ข. เหนือคิ้วขององค์พระจะมีขีดเป็นขีดเล็กๆ โค้งไปตามคิ้วอย่างสวยงาม</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">ค. พระสังฆาฏิ ของพระด้านหลังจะไม่ถึงที่นั่ง คือปลายสังฆาฏิด้านหลังพระถึงที่นั่ง คือปลายสังฆาฏิด้านหลังพระ จะไปหยุดอยู่แค่สะโพก และพระบูชาที่ไม่มีตำหนิดังกล่าวนี้ที่เป็นของเก่าแท้แน่นอน ก็มีมากมายเช่นกัน และพระใหม่พระทำเทียมเลียนแบบ อาจจะมีตำหนิดังกล่าวนี้ได้เช่นเดียวกัน จึงถือเอาตำหนินี้เป็นแน่นอนไม่ได้ ทำไมเซียนพระจึงเพียงแต่มองดูพระพุทธรูป โดยยังไม่ได้จับต้องก็รู้ว่าพระนั้นเป็นพระเก่า หรือพระใหม่ได้ถูกต้อง อย่างนี้ก็ไม่ใช้เรื่องแปลกปลาดอันใดเพราะเขาดูและยึดถือตำหนิดังกล่าวนี้ จึงบอกได้ถูกต้อง</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify"> </ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify"></ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify"><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]


    </TD></TR><TR><TD class=text_white><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">ปัญจโลหะ ได้แก่ส่วนผสมโหละ ๕ อย่างดังต่อไปนี้คือ</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๑. ดีบุก หนัก ๑ บาท</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๒. ปรอท หนัก ๒ บาท</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๓. ทองแดง หนัก ๓ บาท</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๔. เงินหนัก ๕ บาท</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๕. ทองคำ หนัก ๕ บาท</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify"></ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">สัตตะโลหะได้แก่ส่วนผสมโลหะ ๗ อย่างดังต่อไปนี้</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๑. ดีบุก หนัก ๑ บาท</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๒. สังกะสี หนัก ๒ บาท </ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๓. เหล็กละลายตัว หนัก ๓ บาท</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๔. ปรอท หนัก ๔ บาท</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๕. ทองแดง หนัก ๕ บาท </ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๖. เงิน หนัก ๖ บาท</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๗. ทองคำ หนัก ๗ บาท</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify"></ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">นวะโลหะได้แก่ผสมโลหะ ๙ อย่างดังต่อไปนี้</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๑. ชิน หนัก ๑ บาท</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๒. เจ้าน้ำเงิน หนัก ๒ บาท</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๓. เหล็กละลายตัว หนัก ๓ บาท</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๔. บริสุทธิ์ หนัก ๔ บาท</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๕. ปรอท หนัก ๕ บาท</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๖. สังกะสี หนัก ๖ บาท</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๗. ทองแดง หนัก ๗ บาท</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๘. เงิน หนัก ๘ บาท</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">๙. ทองคำ หนัก ๙ บาท</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify"></ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">พระพุทธรูปเนื้อสัมฤทธิ์ ที่เห็นปรากฏเป็นส่วนมาก็มี เนื้อสัมฤทธิ์ดำ เนื้อสัมฤทธิ์เขียว เนื้อสัมฤทธิ์แดง เนื้อสัมฤทธิ์ดังกล่าวนี้ ถ้ามีส่วนผสมของทองคำจะทำให้สัมฤทธิ์นั้นมันใสสวยงามยิ่งขึ้น</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">สัมฤทธิ์ดำ มีส่วนผสมของแร่เงินมาก</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">สัมฤทธิ์เขียว มีส่วนผสมของทองเหลืองมาก</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">สัมฤทธิ์ แดงน้ำตาลไหม้ มีส่วนผสมของแร่ทองแดงมาก</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify"></ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">เนื้อพระผิวสนิมสีของพระเก่ามีสีอ่อนแก่ แตกต่างกัน และสนิมของพระก็แตกต่างกัน ทั้งนี้ก็เพราะว่าพระเก่าบางองค์ฝังอยู่ในดินฝันอยู่ในถ้ำ บางองค์เก็บรักษาไว้ในถ้ำ ในปราสาท ในโบสถ์ วิหาร ศาลาเปรียญหรือเก็บไว้ในบ้าน พระเก่าที่ฝังอยู่ในดินในกรุผิวสนิมของพระจะหนา เหี่ยวย่นที่เก็บไว้ในบ้านเคหะสถาน โบสถ์วิหาร ผิวสนิมจะบางสวยงามเนียนสนิท</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify"></ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">พระสัมฤทธิ์ เนื้อมันวาว เรามองดูผิวพระจะมันวาว มันละเลื่อม ผิวเข้ม ความมันวาวจะฉาบอยู่บนพื้นผิวของพระ ความมันวาวนี้อาจจะเกิดขึ้นเอง ตามธรรมชาติถ้าเป็นพระเก่าสร้างมานานเกินกว่า ๖๐ ปี ถึง ๒๐๐,๓๐๐ ปี หรือเกิดจากการรมดำ ถ้าเป็นพระใหม่ฉะนั้นตามทัศนะของข้าพเจ้าผู้เขียนเห็นว่าพระเนื้อสัมฤทธิ์มันวาว มีทั้งที่เป็นพระเก่าที่สร้างเลียนแบบ และที่เป็นพระสร้างขึ้นใหม่โดยทาสีรมดำเอา ขอให้หัวข้อที่กล่าวมาแล้ว ๑๗ ข้อตรวจสอบพิจารณาก็จะทราบว่าเป็นพระใหม่หรือพระเก่า (พระที่เลียนแบบพระสมัยต่างๆเช่นสมัยเชียงแสน สุโขทัย อู่ทอง นั้นได้สร้างกันมานานแล้ว อย่างที่นักเลงพระบอกว่า พระองค์นี้เก่าอยู่แต่ไม่ถึงสมัย ความนิยมคุณค่าราคาก็จัดว่าเก่ามีราคาพอสมควร)</ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify"></ADDRESS><ADDRESS class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; TEXT-ALIGN: justify">พระสัมฤทธิ์เนื้อมันใส จัดเป็นเนื้อเก่าแท้ ความมันใสเกิดจากพระสร้างมานานเนื้อพระกินตัว กับอากาศถูกความร้อนเย็นนานเข้าเนื้อพระแห้งสนิท เกิดคราบสนิมมีความสึกร่อนตามธรรมชาติ ความแห้งไล่ความชื้นในเนื้อพระออกไปทำให้พระแห้ง เกิดความมันใส ความมันใสนี้ดูด้วยตาจะอยู่ในระหว่างความมันวาวและความกะด้าง</ADDRESS></TD></TR></TBODY></TABLE></B></ADDRESS></TD></TR></TBODY></TABLE></B>


    </TD></TR></TBODY></TABLE></B>​

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก





    </TD></TR></TBODY></TABLE>​



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2009
  7. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    พระสมเด็จหลวงปู่ทิม
    และมรดกชิ้นสุดท้าย
    เขียนโดย ชินพรสุขสถิตย์
    <O:p<O:p
    พระสมเด็จฯ คือจักรพรรดิ์แห่งพระเครื่อง พระสมเด็จฯ ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังษี สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ ๔ ติดต่อมาจนถึงต้นรัชกาลที่ ๕ แม้จะมีอายุการสร้างเพียงร้อยกว่าปี แต่วงการนิยมพระเครื่องยกย่องให้เป็นจักรพรรดิ์แห่งพระเครื่อง ทั้งๆ ที่พระเครื่องเก่าๆ นั้นเกิดขึ้นมานานแล้ว ทั้งมีอายุการสร้างเก่ากว่าพระสมเด็จฯ เป็นร้อยๆ ปี แต่วงการนิยมพระเครื่องก็ยังยกย่องพระสมเด็จให้เป็นหนึ่ง ดังนั้น ไม่ว่าพระเกจิองค์ใดในยุครัตนโกสินทร์จึงสร้างพิมพ์พระสมเด็จขึ้นแทบทุกอาจารย์ บางองค์สร้างแล้วดังก็มีแต่จะหามีพระเกจิอาจารย์องค์ใดที่สร้างแล้วดังเทียบเท่าพระพิมพ์สมเด็จที่สมเด็จพุฒาจารย์โต นั้นไม่มีเลย

    <O:pเมื่อผมเข้าไปสร้างพระเครื่องให้ หลวงปู่ทิม อิสริโก เพื่อหาเงินบูรณะและก่อสร้างถาวรวัตถุให้ท่านนั้น แม้ดำริให้สร้างพระกริ่งชุดชินบัญชร ขึ้นมาก่อน แต่การจะสร้างพระกริ่งขึ้นมาต้องใช้เวลาในการตระเตรียมนาน หลวงปู่ทิมท่านจึงสั่งให้สร้างพระสมเด็จขึ้นมาก่อนเป็นปฐมฤกษ์ เป็นการสร้างเพื่อแจกเป็นที่ระลึกในการเททองหล่อพระกริ่งชินบัญชร ดังหมึกแดงจารึกไว้ที่หลังพระสมเด็จของท่าน แต่ถึงกระนั้น ก็ยังไม่ใช่รายแรกที่สร้างพระสมเด็จของหลวงปู่ทิมให้วัดละหารไร่ ก่อนที่ผมจะเข้าไปสร้างพระเครื่องให้ท่าน หลวงปู่ทิมก็ได้สร้างพระพิมพ์สมเด็จขึ้นมาก่อนแล้ว หลายรุ่นด้วยกัน พระสมเด็จชินบัญชร หรือที่เรียกว่า พระสมเด็จหลังยันต์แดง ที่ผมสร้างจึงเป็นรุ่นที่ ๕ ของหลวงปู่ทิม เท่าที่ได้รวบรวมพระพิมพ์แบบสมเด็จที่หลวงปู่ทิมได้สร้างมาแล้วนั้นมีทั้งหมด ๘ รุ่น หรือ ๘ ครั้ง ด้วยกันดังนี้

    <O:p๑. พระสมเด็จไม้โพธิ์แกะซึ่งมีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก
    ๒. พระสมเด็จเนื้อผงดำคลุกรักปิดทอง
    ๓. พระสมเด็จแลกปูน
    ๔. พระสมเด็จหลวงตาบาง
    ๕. พระสมเด็จหลังยันต์แดง หรือพระสมเด็จชินบัญชร
    ๖. พระสมเด็จลงกรุ รุ่นฉลอง ๘ รอบ
    ๗. พระสมเด็จรุ่นไหว้ครูครั้งสุดท้าย
    ๘. พระสมเด็จวัดกุฎโง้ง พิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก <O:p


    <TABLE align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    พระสมเด็จชินบัญชรพิมพ์ฐานแชม
    ด้านหลังประทับตรายันต์แดง
    ที่ระลึกในการเททองหล่อพระกริ่งชินบัญชร
    ๕ พฤษภาคม ๒๕๑๗​
    </TD><TD><O:p

    <O:p


























    </TD></TR></TBODY></TABLE><O:p


    <TABLE align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]


    พระสมเด็จไม้โพธิ์แกะ ด้านหลังจารยันต์ห้า
    นะ มะ พะ ทะ และ นะ ชา ลิ ติ สร้างน้อยมาก

    [​IMG]
    ด้านหลังจารยันต์ห้า




    </TD><TD>





















    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </O:pพระสมเด็จรุ่นแรกของหลวงปู่ทิมเป็นพระที่แกะจากแก่นไม้โพธิ์ที่ลอยน้ำมาตามลำน้ำของแม่น้ำบ้านค่าย ซึ่งไหลผ่านหน้าวัดละหารไร่ ก่อนที่จะไปถึงหัวฝายชลประทานบ้านค่าย มีผู้เฒ่าผู้แก่ เล่าให้ฟังว่าไม้โพธิ์ท่อนนี้ลอยมาติดบันไดที่ท่าน้ำของวัด (ในสมัยก่อนนั้นตรงบริเวณหอฉันที่ยื่นออกมาในแม่น้ำบ้านค่ายจะมีบันไดทอดลงไปสู่แม่น้ำบ้านค่าย เพื่อให้พระให้เณรลงไปสรงน้ำ และสำหรับบรรดาพ่อครัวและแม่ครัวจะลงไปตักน้ำ ซึ่งปัจจุบันได้ถมบริเวณนี้ไปแล้ว) ไม้โพธิ์ท่อนนั้นได้ลอยลงมาตามแม่น้ำบ้านค่ายแล้วมาติดอยู่ตรงบันได พระและเณรก็ช่วยกันยกขึ้นไปทิ้งไว้ในบริเวณลานวัดจนไม้แห้งและเมื่อมีการเผาหญ้าและเศษไม้ พระเณรจึงได้นำไม้โพธิ์ท่อนนี้ไปเผาด้วย ไฟได้ไหม้ไม้โพธิ์ท่อนนี้จนเหลือแต่แก่นซึ่งไม่ไหม้ไฟ หลวงปู่จึงให้นำไม้ท่อนนี้ขึ้นมาไว้บนกุฏิ บรรดาลูกศิษย์รุ่นอาวุโสที่มีฝีมือในการแกะจึงได้แบ่งไม้ท่อนนี้มาแกะเป็นพระสมเด็จเท่าที่เห็นมา ๓ - ๔ องค์ เป็นสมเด็จ ๓ ชั้น มีขนาดกว้างประมาณ ๒ ซม. สูงประมาณ ๓ ซม.พระทุกองค์ที่เห็นถ้าสังเกตุให้ดีโดยเอาเนื้อไม้มาเปรียบเทียบกันจะเห็นได้ทันทีโดยแทบจะไม่ต้องสังเกตุว่าเป็นเนื้อไม้เดียวกันทั้งลายเนื้อไม้ตลอดจนลายไม้ และความเก่า <O:p


    <O:p<TABLE align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]


    [​IMG]
    ด้านหลังตอกตราศาลาโค๊ตเดียวกับพระกริ่งชินบัญชร
    ก้นทองคำ ก้นเงิน


    พระสมเด็จทรงเจดีย์วัดระฆังเนื้อกะยาสาท เป็นต้นคิดของพระขุนแผนพรายกุมารเนื้อกะยาสาทที่สร้างโดยหลวงตารอด องค์นี้ปลุกเสกอีกครั้งพร้อม พระสมเด็จชินบัญชร มีเพียงองค์เดียว​


    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    นอกจากพระสมเด็จที่แกะจาก ไม้โพธิ์ท่อนนี้แล้วยังเคยเห็นพระปิดตาและรูปเหมือนหลวงปู่ทิมที่แกะมาจากไม้โพธิ์ท่อนเดียวกันนี้อีกด้วย พระที่แกะจากไม้โพธิ์ท่อนนี้เมื่อแต่ละรายนำไม้มาแกะจนเห็นว่าสวยงามได้ที่แล้วก็จะนำไปขอให้หลวงปู่ทิมปลุกเสกให้เท่าที่เห็นมาพระทุกองค์จะต้องมีการลงอักขระเลขยันต์ด้วย และลายมือที่จารเมื่อเทียบเคียงกันดูและพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบแล้วเชื่อว่าเป็นลายมือของหลวงปู่ทิมอย่างแน่นอน พระสมเด็จที่แกะจากไม้โพธิ์นี้มีไม่มากนักและจะมีอยู่ในบรรดาลูกศิษย์รุ่นเก่าๆ เท่านั้น แต่ภายหลังต่อมาเมื่อหลวงปู่ทิมเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปแล้ว พวกผมซึ่งได้เข้าไปรับใช้หลวงปู่ทิม จึงได้เสาะหาพระไม้แกะจากชาวบ้านแถบนั้น ก็ได้มาคนละองค์สององค์เป็นพระสมเด็จ ๓ ชั้นบ้าง เป็นพระภวัมดีหรือพระปิดตาบ้าง และเป็นรูปเหมือนหลวงปู่ทิมก็มี เมื่อนำมาเทียบกันแล้วล้วนเป็นไม้จากไม้ท่อนเดียวกัน คือ เป็นไม้ที่เกิดจากแก่นโพธิ์ที่แห้งแล้วและมีความเก่ามาก สำหรับพระสมเด็จที่แกะจากไม้แก่นโพธิ์นี้คาดว่าคงจะมีไม่ถึง ๕๐ องค์ และด้านหลังขององค์พระไม้แกะจะมีรอยจารด้วยยันต์ห้าอันเป็นยันต์ครูของท่านลงด้วยพระคาถานวหฺรคุณ คือ อิ สวา สุ นะ มะ อะ อุ และ นะ มะ พะ ทะ ภายในองค์พระเท่าที่เห็นมา ๓ - ๔ องค์ไม่ได้เจาะบรรจุอะไรทั้งสิ้น<O:p

    นอกจากสมเด็จไม้โพธิ์แกะจากแก่นไม้โพธิ์ท่อนนี้แล้ว ผมยังได้รับพระพิมพ์สมเด็จไม้แกะจากมือหลวงปู่ทิมมาอีกองค์หนึ่งเป็นพระแกะที่ค่อนข้างใหญ่ พอสมควรแกะเป็นพระสมเด็จพิมพ์ ๓ ชั้น มีความกว้างประมาณ ๔ นิ้ว มีความสูงประมาณ ๖ นิ้ว เนื้อของไม้จะออกที่ขาวคล้ำๆ เมื่อพิจารณาดูแล้วก็เป็นพระที่แกะจากไม้โพธิ์เช่นกัน แต่เนื้อพระขาวและเนื้อไม้ดูใหม่กว่า เมื่อหลวงปู่ท่านให้ผม ท่านก็ไม่ได้พูดอะไรมากนอกจากบอกว่าให้เก็บไว้ ผมเห็นเป็นพระที่ไม่ค่อยสวยงามจึงไม่ได้สนใจเท่าไรนัก เมื่อหลวงปู่ทิมมรณภาพได้ปีเศษ พระพิมพ์สมเด็จที่แกะจากไม้โพธิ์องค์นี้ก็หายไป ภายหลังทราบว่าคนที่ใกล้ชิดมากินมานอนที่บ้านผมเป็นประจำได้หยิบเอาไปโดยพลการ ผมก็เกิดความเสียดายขึ้นมา และต่อมาผมได้ไปสืบหาประวัติความเป็นมาของพระสมเด็จที่แกะจากไม้โพธิ์พิมพ์ใหญ่นี้ก็ได้ความว่า <O:p

    <TABLE align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    พระสมเด็จแลกปูนพิมพ์วัดเกศไชโย ๗ ชั้น ด้านหลังหลวงปู่ทิม จารยันต์ ๕ ทุกองค์ สร้างจากเนื้อชอคล์ ที่ท่านจารอักขร และยันต์ ด้วยมือท่านเอง หลวงตาบาง เห็นผงรอดกะดานลงในถาดที่ลองรับทำเพียง ๘๐ องค์เพื่อขอแลกปูนซ่อมหลังคา​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]
    ด้านหลัง จารยันต์ ๕

    เมื่อสงครามเวียตนามระหว่างปี ๒๕๑๒ - ๒๕๑๔ กองทัพสหรัฐได้ใช้สนามบินอู่ตะเภา อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เป็นสนามบินรบ มีเครื่องบินบี ๕๒ มาจอดประจำอยู่ที่สนามบินแห่งนี้ เครื่องบิน บี ๕๒ เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดที่มีอานุภาพสูง มีราคาแพงมหาศาล และก็เคยถูกทหารเวียตนามยิงตกมาแล้ว เพื่อจะหากำลังใจให้นักบิน ทางสนามบินอู่ตะเภาโดยกองทัพอากาศสหรัฐจึงประกาศขอซื้อวัตถุมงคลอะไรก็ได้ชิ้นละ ๕๐๐,๐๐๐ บาท ที่ ทดลองยิง ๓ นัดแล้วยิงไม่ออก เมื่อปี ๒๕๑๕ หลวงปู่ทิมท่านดำริที่จะสร้างพระอุโบสถ หลังใหม่ขึ้นโดยขอศรัทธาจากญาติโยม การหาเงินมาสร้างโบสถ์ราคาประมาณล้านบาทเศษก็ไม่ได้หามาง่ายๆ เหมือนสมัยนี้ บางครั้งเงินที่จะเอามาจ่ายเป็นค่าของค่าปูนและค่าแรงช่างก็ลำบากพอสมควร ข่าวเล่าลือการทดลองยิงพระเครื่องและวัตถุมงคลตลอดจนเครื่องรางต่างๆ ของสนามบินอู่ตะเภาก็ได้ยินถึงวัดละหารไร่ กรรมการสร้างโบสถ์ของหลวงปู่ทิมก็ปรึกษาหารือกัน ต่างก็ยอมรับว่าหลวงพ่อทิมของพวกเราก็ไม่เป็นสองรองใครวิชามหาอุดของท่านก็เป็นหนึ่ง ปืนผาหน้าไม้ไม่มีทางจะได้กินเลือดก็เคยประจักษ์กันมาแล้ว เมื่อสรุปได้เช่นนี้ทุกคนจึงไปปรึกษาขอความเห็นจากท่านโดยอยากจะขอให้หลวงปู่ทิมท่านทำอะไรก็ได้สักอย่างหนึ่งที่สามารถจะเอาไปให้เขาทดลองยิงได้ ๓ นัดไม่ออก หลวงปู่ทิมท่านไม่อาจขัดเจตนาของคณะศิษย์ที่รับผิดชอบในการสร้างโบสถ์ท่านจึงรับปากว่าจะลองดูและท่านบอกว่า ได้หรือไม่ได้อย่าโทษกันนะ หลังจากนั้นอีกไม่นานเข้าใจว่าคงเกี่ยวกับวันเวลาและฤกษ์ยาม หลวงปู่ทิมท่านครองจีวรพาดสังฆาฎิไปยืนอยู่หน้าต้นโพธิ์ต้นที่มีรูปปั้นฤาษีอิสริโก สถิตย์อยู่ในปัจจุบันนี้ เล่ากันว่าท่านไปพลีกิ่งโพธิ์ด้านทิศตะวันออกเอามาทำพระ ท่านไปยืนสำรวจจิตใจบอกกล่าวทุกขเทวดาขอกิ่งโพธิ์เอามาสร้างพระเพื่อจะหาเงินไปสร้างพระอุโบสถ วันรุ่งขึ้นตอนเช้ามีกิ่งไม้โพธิ์หักลงมาจากต้นกิ่งหนึ่งเป็นไม้โพธิ์ด้านทิศตะวันออก เสร็จแล้วท่านให้ลูกศิษย์ถากกิ่งเล็กกิ่งน้อยออกและถากเปลือกเหลือแต่เนื้อไม้แล้วท่านนำไม้ทั้งหมดเข้าไปในกุฏิ แกะเป็นพระสมเด็จพิมพ์ ๓ ชั้น ขึ้นมาได้ ๔ องค์ มีน้ำหนักองค์ละ ๑ บาทเศษ คือ ประมาณ ๑๕.๒ - ๑๖ กรัม คือประมาณเท่าน้ำหนักทองคำ ๑ บาท แต่ไม้โพธิ์เป็นไม้เนื้ออ่อนมีน้ำหนักเบา จึงได้ชิ้นใหญ่พอสมควรคือกว้างประมาณเกือบ ๔ นิ้ว สูงก็เกือบ ๖ นิ้ว มีความหนาประมาณครึ่งนิ้ว ท่านจะลงอักขระและปลุกเสกอยู่หลายคืน เสร็จแล้วท่านก็เอาพระสมเด็จไม้โพธิ์แกะพิมพ์ใหญ่หนัก ๑ บาทนี้มาให้กับนายสาย แก้วสว่าง และนายหลาบ จ้อยเจริญ นำไปทดลองยิงที่สนามบินอู่ตะเภา ลูกศิษย์เอกทั้งสองได้เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังพร้อมกันทั้งสองคนว่าได้เอาพระสมเด็จของหลวงพ่อไปเขาให้ทดลองยิงที่สนามบินอู่ตะเภาเมื่อประมาณปี ๒๕๑๕ ปรากฏ ว่ายิง ๒ นัดแรกไม่ออกแต่นัดที่ ๓ ออกแต่ไม่ถูกทั้งๆ ที่ยิงในระยะที่แม่นยำเป็นอันว่าไม่ได้เงินมาสร้างโบสถ์ เมื่อกลับมาเล่าผลการทดลองให้หลวงปู่ทิมฟังท่านพูดว่า จะไปเอาเงินเขา ๕ แสนมันไม่ใช่ของง่ายๆ เราหาเงินของเราไปตามมีตามเกิด (หมายถึงหามาสร้างโบสถ์) ก็แล้วกัน <O:p


    <TABLE align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]


    พระสมเด็จแลกปูนพิมพ์วัดเกศไชโย ๗ ชั้น ด้านหลังหลวงปู่ทิม จารยันต์ ๕ ทุกองค์ สร้างจากเนื้อชอคล์ ที่ท่านจารอักขร และยันต์ ด้วยมือท่านเอง หลวงตาบาง เห็นผงรอดกะดานลงในถาดที่ลองรับทำเพียง ๘๐ องค์เพื่อขอแลกปูนซ่อมหลังคา

    [​IMG]
    ด้านหลัง จารยันต์ ๕​


    </TD><TD>





















    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    พระสมเด็จไม้โพธิ์แกะรุ่นนี้มี เพียง ๔ องค์ด้วยกันเท่านั้น ท่านแจกศิษย์ที่ใกล้ชิดไป ๓ องค์ เหลืออีก ๑ องค์ท่านวางไว้ใต้ฐานพระพุทธรูปที่อยู่หน้ากุฏิท่าน เมื่อผมเข้าไปรับใช้สร้างพระเครื่องพิมพ์ต่างๆ เพื่อหาเงินมาสร้างศาลาให้ท่านเมื่อปี ๒๕๑๗ วันหนึ่งผมเข้าไปเก็บของที่วางรกอยู่รอบๆ พระพุทธรูปก็เจอพระสมเด็จไม้แกะองค์นี้เข้าก็นำไปให้ท่านดูท่านรับไปดูแล้วก็ยื่นให้ผมบอกให้เก็บเอาไว้ และไม่ได้บอกกล่าวว่าดีทางไหนจนศิษย์ที่ใกล้ชิดท่านคนหนึ่งที่สนิทกับผมมากเห็นพระสมเด็จองค์นี้เข้าก็ตกใจ ถามผมว่าพี่ได้พระสมเด็จองค์นี้เหมือนกันหรือ ผมจึงบอกว่าซุกอยู่ใต้ฐานพระพุทธรูป และหลวงปู่ทิมได้มอบให้แล้วผมถามว่า พระองค์นี้มีความเป็นมาอย่างไรเขาก็ไม่บอกและผมก็ไม่ได้นึกอะไรคิดว่าเป็นพระไม้แกะธรรมดาของหลวงปู่ทิม แต่ผมก็นำติดตัวอยู่เป็นประจำโดยไว้ในรถคู่กับมีดเหน็บขนาดใหญ่เล่มหนึ่งซึ่งหลวงปู่ทิมให้ศิษย์ผู้นั้นลงอักขระเลขยันต์ให้แล้วท่านก็นำเข้าไปปลุกเสกในกุฏิให้ คืนหนึ่งเป็นคืนวันเสาร์รุ่งเช้าก็เอามายื่นให้กับผมบอกว่า เป็นมีดอาคม คนเหนียวขนาดไหนก็ฟันเข้าไม่ใช้มีดหมอซึ่งเป็นเหตุที่ผมเกิดความคิดที่จะสร้างมีดหมอเอาไว้ใช้กัน เมื่อหลวงปู่ทิมมรณภาพแล้ว ผมก็นำพระสมเด็จไม้โพธิ์แกะองค์ที่กล่าวแล้วและมีดเล่มนี้ติดรถคู่ชีพอยู่เป็นประจำ วันหนึ่งเมื่อปี ๒๕๒๐ ผมนำรถไปบรรทุกกระดาษ โดยถอดเบาะหลังออกแปรสภาพเป็นรถแวนบรรทุกของได้ จึงได้นำพระสมเด็จองค์นี้และมีดอาคมขึ้นไปวางไว้ในโต๊ะทำงานลูกศิษย์คนที่ว่านี้ได้มาเยี่ยมและถือโอกาสกลับไปโดยไม่บอกกล่าวและหยิบเอาพระสมเด็จและมีดอาคมเล่มนั้นไป ภายหลังผมได้ไปสืบเสาะการสร้างพระพิมพ์ต่างๆ ของหลวงปู่ทิมเพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการเขียนหนังสือ และเมื่อได้ทราบความเป็นมาของพระสมเด็จไม้โพธิ์แกะพิมพ์นี้เข้าก็นึกเสียดาย และคิดว่าพระสมเด็จองค์นี้หลวงปู่ทิมท่านตั้งใจเก็บไว้ให้ผมอย่างแน่นอน เพราะศิษย์รุ่นเก่าที่ทราบเรื่องราวของพระสมเด็จพิมพ์นี้ต่างก็จองกัน แต่ท่านก็แจกไปแค่ ๓ องค์ เก็บเอาไว้ ๑ องค์ ผมคิดว่าท่านคงตั้งใจเอาไว้ให้ผม


    <TABLE align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]


    [​IMG]
    ด้านหลัง​

    </TD><TD>
















    </TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]

    พระสมเด็จเนื้อผงดำคลุกรักปิดทอง
    อาจารย์ปถม อาจสาคร สร้างเมื่อปี ๒๕๐๓
    จำนวน ๓๐ องค์ เท่ากับบารมี ๓๐ ทัศน์​

    </TD><TD></TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]

    ผงดำยันต์ ๕ ทั้งหน้า-หลัง สร้างพร้อม
    พระสมเด็จเนื้อผงดำคลุกรัก เพียง ๕ องค์
    เท่ากับพระเจ้าห้าพระองค์ นะ โม พุธ ทา ยะ

    [​IMG]
    ด้านหลัง​


    </TD><TD>










    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    พระสมเด็จเนื้อผงดำคลุกรัก พระสมเด็จของหลวงปู่ทิมพิมพ์นี้สร้างโดยอาจารย์ประถม อาจสาคร อดีตสหกรณ์อำเภอบ้านค่าย ครั้งที่ท่านไปรับราชการอยู่ที่บ้านค่าย จังหวัดระยอง ได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงปู่ทิมว่าเป็นหลวงตาแก่ๆ ไม่ค่อยพูดกับใครจนบางคนว่าท่านไม่ค่อยเต็มบาท แต่ตะกรุดมหานิทราของท่านเพียงแต่วางบนเสาหมอหรือเสาเอกของบ้าน คนในบ้านจะหลับสนิทเหมือนถูกสะกดแต่ท่านไม่ยอมทำของให้ใครง่ายๆ อาจาย์ประถมเล่าว่า พระสงฆ์ที่มีปฏิปทาแบบนี้ยังมีอยู่อีกหรือ? จึงมุมานะลงมือลบผงเป็นการใหญ่เพื่อนำมาสร้างพระ เมื่อสร้างพระเสร็จแล้วก็นำไปขอให้หลวงปู่ทิมช่วยปลุกเสก หลวงปู่ทิมท่านบอกกับอาจารย์ประถมว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2009
  8. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    ทำบุญ ใช้บุญ ให้เป็น,เพิ่งเริ่มนั่งสมาธิ,เป็นหญิงบรรลุนิพพานได้มั้ย

    <HR SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ปุจฉา
    ทำบุญ ใช้บุญ ให้เป็น
    กราบนมัสการหลวงปู่ครับ อยากให้ท่านอธิบายคำว่า ทำบุญให้เป็น ใช้บุญให้เป็น ทำอย่างไร ใช้อย่างไรครับ พร้อมยกตัวอย่างให้ด้วยนะครับ กราบขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

    วิสัชนา
    ทำบุญให้เป็น ก็คือ ก่อนทำเต็มใจ ขณะที่ทำตั้งใจ ทำเสร็จแล้วสบายใจ รวมทั้งต้องพิจารณาเลือกทำ แต่เฉพาะกับบุคคลที่ดี มีศีล แม้ที่สุด ก็ให้บุญแก่ผู้ที่เขาเดือดร้อนจำเป็นจริงๆ
    ใช้บุญให้เป็น ได้แก่ เกิดมาด้วยบุญ คุณงามความดีอยู่แล้ว ก็อย่ามามัวแต่นั่งใช้บุญเก่าให้หมดไป ควร สร้างบุญใหม่ ให้เกิดขึ้นมากกว่าเก่า

    ปุจฉา
    เพิ่งเริ่มนั่งสมาธิ
    เกล้ากระผมขอถามหลวงปู่ในเรื่องของการปฏิบัตินะครับคือผมตอนนี้เพิ่งเริ่มนั่งสมาธิครับ บางวันก็ได้นั่งเพราะต้องแอบนั่งครับ คุณแม่ผมท่านมองว่างมงาย ผมขอถามหลวงปู่นะครับ
    1. ผมนั่งได้ไม่นานนัก ถ้าผมฝึกนั่งไปเรื่อยๆจะนั่งได้นานขึ้นไหมครับ0+
    . คือผมไม่สามารถนั่งได้ทุกวันนะครับ กลัวจะทำไม่ต่อเนื่อง
    2. ผมนั่งก็รู้สึกสงบดีครับ แต่นั่งได้ไม่นานนัก รู้สึกกดดันมากเลยครับ ควรทำอย่างไรดีครับ

    วิสัชนา
    ฉันก็ไม่เข้าเหมือนกันว่า คุณแม่คุณคิดอะไรอยู่ ทำไมเขาจึงเห็นว่า การนั่งสมาธิเป็นการงมงาย ที่จริง มันน่าจะเป็นเรื่องที่ดีเสียด้วยซ้ำ เพราะสมาธิจะช่วยให้จำดี มีความตั้งมั่นในการงานที่ทำ และทำได้อย่างต่อเนื่อง แล้วทำไมคุณแม่คุณถึงได้ไม่สนับสนุน
    1. สมาธิ มิได้มีแต่เฉพาะตอนนั่งหลับตา ที่ถูกมันควรจะต้องมีทุกเวลา ในทุกขณะที่มีชีวิตเสียด้วยซ้ำไป
    2. ถ้าคุณรู้สึกว่ากดดัน ในขณะนั่ง แสดงว่าคุณพลาดจากอารมณ์สมาธิแล้วล่ะ การทำสมาธิควรมีอารมณ์แค่หนึ่งเดียว เรื่องที่กดดันฉันว่ากลับดีถ้าคุณมีจิตใจที่ต่อสู้โดยไม่ท้อถอย ใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส เอาแรงกดดันมาทำให้เป็นพลังต้านความฟุ้งซ่าน แล้วทำให้จิตสงบ อย่าท้อแท้ พยายามทำต่อไป คุณทำได้ก็ได้แก่คุณ

    ปุจฉา
    เป็นหญิงบรรลุนิพพานได้มั้ย
    เกิดมาได้ความอาภัพ 1 ใน 18 ติดตัวมาด้วย นั่นคือ เกิดเป็นหญิง หมดโอกาสทำพระนิพพานให้แจ้งหรือเปล่าคะ

    วิสัชนา
    ใครสอนคุณมาแบบนี้ ไม่ว่าหญิงชายทุกผู้ มีสิทธิ์จะบรรลุนิพพานเท่าๆ กับมีสิทธิ์ตกนรกเหมือนกัน แม้ครั้งพุทธกาล ผู้หญิงที่เป็นพระอรหันต์ ท่านลุถึงนิพพาน ก็มีตั้งมากมาย ใช่ว่าไม่มีเมื่อไหร่

    ปุจฉา
    ตามดูอารมณ์โกรธ


    กราบนมัสการ พระพุทธะผู้ประเสริฐ ลูกขอความเมตตาจากหลวงปู่ช่วยวิสัชนาด้วยเจ้าค่ะ เพราะลูกไม่ทราบว่าลูกจะทำวิธีไหนอย่างไรจึงจะถูกต้อง เกี่ยวกับการตามไปดูสภาวะอารมณ์ที่เกิดขึ้น เช่น เมื่อลูกเกิด ความโกรธไม่พอใจขึ้นมา ลูกรู้ตัวว่าตัวเองโกรธ บางครั้งก็จะบอกตัวเองว่าโกรธคืออะไร เราโกรธใคร โกรธเป็นอย่างไร ขอดูหน้าตาความโกรธ แต่ในบางครั้งลูกจะหยุดเพื่อยุติดวงจิตที่โกรธ และรีบทำจิตให้สงบ บอกตัวเองว่าโกรธไม่ดี แล้วคิดเรื่องอื่นไป แต่ความโกรธก็จะกลับมา อีก ลูกจึงกราบนมัสการหลวงปู่ชี้แนะลูกด้วยเจ้าค่ะ

    วิสัชนา

    สิ่งที่คุณพิจารณา ใช้ได้ทั้งสองอย่าง มันขึ้นอยู่ว่าจะใช้ในเหตุการณ์เช่นไร ถ้ามีเวลามาก สถานการณ์มิได้บีบคั้นมากนัก ก็ ให้ไปหาเหตุของความโกรธมาจากอะไร แต่ถ้าเวลามีไม่มาก สถานการณ์บีบคั้นรอบด้านอยู่มาก ก็ควรจักหยุดโกรธให้ได้ในขณะนั้น

    ปุจฉา
    สงสัยเรื่องทุกข์...ทุกข์


    หลวงปู่ครับ ผมมีคำถามดังนี้ครับ

    1. สำหรับคนไม่คิดในสิ่งที่ทำให้ตัวเป็นทุกข์ มองโลกในแง่บวก เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส มองเห็นค่าของน้ำที่ยังเหลืออยู่ในขวดมากกว่าจะมองว่ามันเหือดแห้งไปเท่าไร มีชีวิตอยู่ด้วยแนวความคิดที่ดี เป็นบวก สร้างสรรค์ บุคคลเช่นนี้ถือว่าพ้นทุกข์แล้วหรือยังครับ

    2. เพราะเหตุใดจะพ้นทุกข์ตามที่พระพุทธศาสนาบอกไว้ได้ ต้องกำจัดกิเลสให้สิ้นก่อนด้วยครับ

    3. เคยมีคนบอกว่าการพ้นทุกข์ การนิพพานทางพระพุทธศาสนา นั้น จะไร้ทั้งทุกข์และสุข คือไม่มี อารมณ์ทั้งความสุข ความทุกข์เลย เป็นความจริงไหมครับ

    วิสัชนา

    1. ยัง

    2. ดับกิเลสและกองทุกข์ได้ทั้งหมดจึงจะได้ชื่อว่า ผู้พ้นแล้ว

    3. เมื่อไม่มีการเกิด ไม่มีตัวตน ไม่มีจิตที่จะให้เกิด แล้วความทุกข์จะเกิดจากที่ไหน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2009
  9. 16

    16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    351
    ค่าพลัง:
    +419
    สาธุ อนุโมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวลครับ อาทิตย์นี้จะพาครอบครัวไปร่วมทำบุญ ณ. รพ.สงฆ์ด้วยครับ

    ^-^^-^^-^
     
  10. kratium

    kratium เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +3,670
    วันที่ 15 ก.พ.2552 เวลา 14.14น. โอนเงินร่วมทำบุญกับทุนนิธิฯ จำนวน 500 บาทค่ะ อนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ
     
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    คณะกรรมการฯ ขอขอบคุณกับทั้งคู่แทนสงฆ์อาพาธด้วยจริงๆ สองคนนี้ทำบุญทุกเดือนเป็นประจำ ทั้งคู่ได้สิทธิรับพระปิยบารมีอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวน๊ะ

    [​IMG]


    <CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER></CENTER>
     
  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    จากการประชุมในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขอปรับปรุงรายการทำบุญ 1 รายการคือ รายการทำบุญที่ รพ.สงฆ์ โดยจะเปลี่ยนจากทำบุญซื้อโลหิต 10,000.- และซื้อเวชภัณฑ์ส่วนกลาง 10,000.-เป็นอย่างละ 7,500.-บาท โดยส่วนต่างๆทั้ง 2 รายการ นี้ เป็นจำนวนเงินรวมกัน 5,000.- จะแบ่งไปเป็น

    1. ถวายช่วยเหลือค่าล้างไตสำหรับท่านหลวงพ่อลำใย ที่วัดสะแก ที่คณะธรรมสัญจรจะไปกราบท่าน 3,000.-
    2. อีก 2,000.- จะแยก ถวายเป็นสังฆทานให้วัดพระขาว และ วัดสะแก ที่ทางคณะธรรมสัญจร จะเดินทางไปในทริปนี้แยกต่างหากวัดละ 1,000.-

    สำหรับการแจกพระนั้น เนื่องจากในวันดังกล่าว คณะกรรมการฯ มีเวลาน้อย จึงต้องอาศัยในช่วงที่โมทนาบุญที่ชั้น 6 ของตึกกัลยาฯ ก่อนถวายสังฆทาน แจกให้ทุกคน โดยของดกิจกรรมพบปะสนทนาที่ห้องพิธีการด้านล่างในครั้งนี้ครับ

    พันวฤทธิ์
    17/2/52
     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    "เหรียญพระศรีอาริยเมตไตร" ปี ๒๕๔๒

    ของ หลวงพ่อลำใย สัญญโม วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา

    อาจถือได้ว่านี่เป็นเหรียญที่ถูกขออนุญาตสร้างออกมาในนามท่านอย่างเป็นทางการแท้จริง...........ไม่ใช่ฝากเสก
    มีชนวนอยู่ในเหรียญนี้ไม่น้อย อีกทั้งยังแกะพิมพ์ได้สวยงามมาก ความหมายของเหรียญและอักขระข้างในก็ดียิ่ง ขอกระซิบก็แล้วกันว่า "อย่ามองข้ามเหรียญนี้ทีเดียวเชียว"
    รุ่นแรกนะ....รุ่นแรก.....!!

    มีคำอำนวยพรให้ผู้ครอบครองจง เจริญอายุ เจริญวรรณะ เจริญสุข เจริญกำลัง และ เจริญลาภ ล้อมรอบอยู่

    ตรงกลางเป็นยันต์ "พระเจ้าสิบหกพระองค์" ที่ทรงคุณในทุก ๆ ทางโดยเฉพาะด้านคงกระพันชาตรีที่หลวงพ่อลำใยท่านถนัดเป็นยิ่งนัก ขนาดงูเห่าในวัดกัดท่าน ๆ ยังเดินลากมันไปทั้ง ๆ ปากมันยังงับขาท่านอยู่ และผิวหนังท่านก็มีแค่รอยขีดเป็นทางเมื่อมันยอมปล่อย หารอยยางบอนซึมสักน้อยก็ไม่ปรากฏ

    เป็นที่กล่าวขานกันไปทั่ว

    เหนือพระยันต์วิเศษประทับด้วยอักขระ "นะปิดล้อม" ที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญของสายวัดพระญาติการามซึ่งหลวงปู่ดู่ถ่ายทอดให้หลวงพ่อใยจนหมดสิ้น

    ใต้พระยันต์คณะศิษย์จารึกสัญญลักษณ์ว่า "๒ ส" อันหมายให้เป็นตัวแทนของหลวงพ่อใย เพราะหลวงปู่ดู่นั้นท่านเป็น

    "๑ ด"

    หนึ่งไม่มีสอง ของจริง

    หากที่ปรากฏคำว่า "๒ ส" ศิษย์ก็มิได้มุ่งยกท่านขึ้นไปเปรียบเทียบเสมอแต่ประการใด แต่หมายเอาว่า หลวงปู่ดู่เป็นที่หนึ่งในทุก ๆ ทาง แม้กระทั่งเป็นพระอาจารย์ที่สอนกัมมัฏฐานให้พวกเขาเป็นลำดับที่ 1

    ครั้นสิ้นหลวงปู่แล้ว พวกเขาก็ได้มาพึ่งพาอาศัยท่านตามที่หลวงปู่ดู่เคยสั่งความไว้ จึงถือได้ว่า "พระสัญญโมภิกขุ" นี้เป็นพระอาจารย์องค์ที่สองต่อจากพระคุณท่านพระพรหมปัญโญ

    จึงปรากฏนาม "๒ ส" ดังนี้แล

    ต่ำใต้ลงมาก็เป็นพุทธศักราชที่สร้างขึ้นและถวายให้ท่านอธิษฐานจิต-ปลุกเสก ท่านบอกกับผมว่า

    "เหรียญนี้มีทุกองค์อยู่ข้างใน ข้าทำจนสว่างไปหมดถึงกุฏิของหลวงลุงโน่นแหละ

    http://www.amulet2u.com/board/q_view.php?c_id=3&q_id=12126&PHPSESSID=8c66862fad6fae79a
     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="98%" align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD class=fontBig align=middle bgColor=#cc7755 height=40>หลวงปู่ทวดวัดสะแกปี ๒๕๔๒กับ๒๕๔๗</TD></TR><TR><TD class=pad10 vAlign=top bgColor=#000000 height=60>
    [​IMG]


    ขออนุญาตนำข้อความที่พิมพ์ไว้ในกระทู้ของเวป สวนขลัง มาลงเพื่อเป็นความรู้ครับ เป็นข้อเขียนของอาจารย์รณธรรม ธาราพันธุ์

    "เหรียญหลวงพ่อทวดรุ่นแรก (เปิดโลก 2) พ.ศ. 2547 "
    ของ หลวงพ่อลำใย สัญญโม วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา (ด้านหน้า)

    ในปีพ.ศ. 2547 คณะศิษย์ที่ใกล้ชิดหลวงพ่อใยกลุ่มหนึ่งได้ขออนุญาตสร้างเหรียญหลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระคุณแห่งท่าน เมื่อพิจารณาเห็นว่าเป็นประโยชน์ยิ่งแล้วหลวงพ่อก็เมตตาอนุญาต

    แว่วว่าคณะผู้สร้างได้นำเหรียญเปิดโลกของหลวงปู่ดู่หลอมผสมลงไปด้วย และยังมีชนวนโลหะหลายอย่างที่หลวงปู่ดู่ได้อธิษฐานไว้

    เมื่อนำถวายท่านอธิษฐานจิตปลุกเสก ได้ทิ้งเอาไว้ตลอดไตรมาสเพื่อหวังให้ท่านได้เสกจนจุใจแล้วนำออกแจกศิษยานุศิษย์ที่จะมาแสดงมุทิตาสักการะในงานวันคล้ายวันเกิดของปีนั้น

    ภายหลังเมื่อนำเหรียญออกมาจากที่บูชาของท่าน ท่านได้ปรารภถึงเหรียญรุ่นนี้ว่า ท่านทำเต็มที่ รับรองว่าดีไม่แพ้ใคร แต่ประโยคที่ยิ่ง ๆ ไปกว่านี้ ผมคงพูดไม่ได้จริง ๆ ครับ ต้องขออนุญาตสงวนไว้ตามความสมควร และก็เพราะประโยคเหล่านั้นเอง ทำให้ศิษย์เรียกขานเหรียญรุ่นนี้กันว่า เปิดโลกสอง

    เมื่อนักปฏิบัติภาวนาทางจิตหลายต่อหลายสาย ไม่เพียงเฉพาะศิษย์วัดสะแก ได้ถือเหรียญนี้พิจารณาด้วยสภาวะธรรมทางจิต ต่างก็รับรองกันไปต่าง ๆ นานาถึงความมหัศจรรย์ในเหรียญรุ่นนี้ ทำให้คนที่ "นั่งเป็น" ไขว่คว้าเหรียญนี้แทนกันเป็นโกลาหล ปล่อยให้คนที่ "นั่งไม่เป็น" เช่นผมยืนงงอยู่กับที่

    ครั้งถามพวกเขา บ้างก็ตอบให้อย่างเต็มใจ พลางอธิบายถึงคุณวิเศษที่สถิตอยู่ในเหรียญอย่างวิจิตรพิสดาร บ้างก็ไม่เต็มใจจะตอบจะพูดสักเท่าใด นัยว่ารู้อะไรดี ๆ แล้วจะไปแย่งเขาเก็บหมด

    คนมืดบอดเช่นผมก็เลยไม่สามารถเข้าถึงอะไร "ดี ดี" ในเหรียญนี้ได้อย่างถ่องแท้ไปอย่างน่าเสียดาย

    แต่ที่ยืนยันได้คือ หลวงพ่อลำใยกล่าวรับรองถึงเหรียญรุ่นนี้จริง ว่ามีอานุภาพแบบไม่เป็นรองใครในแผ่นดิน ผมหูตาไม่ดีก็เชื่อเพราะท่านเป็นครูบาอาจารย์ ถ้าจะว่ากันตามหลักกาลามสูตรก็ผิด ส่วนท่านใดทำหลักนี้ได้สมบูรณ์พร้อมแล้วทั้ง 10 ประการ ก็โปรดเมตตาบอกวิธีการทำให้จิตยอมเชื่อและเข้าถึงหลักธรรมหมวดนี้แก่ผมหน่อยเถิด
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    องค์ผู้เสกดี บารมีถึงท่านข้างบนก็เลยลงมาทำให้ เจอที่ไหนเก็บไว้ก็แล้วกันเดี๋ยวจะหาว่าไม่บอก ทั้งหลวงปู่ทิม และหลวงพ่อลำใย ท่านรู้ทางไป พอไปแล้วก็ไม่มา ไม่ต้องรีรอแล้วล่ะ กระทู้สงฆ์อาพาธนี้ ถ้าเจอดีอะไรๆ ก็จะบอกกันให้ทราบ ถือเป็นบริการส่วนหนึ่งของกระทู้ด้วยก็แล้วกัน ตอนนี้ท่านยังมีชีวิตอยู่ ไปกราบท่านซะให้ได้ บุญแล้วเน้อ...เกิดมาชาติหนึ่งได้กราบพระแท้ที่ยังดำรงขันธ์อยู่ อย่างที่บอกไว้ ทุนนิธิฯ นี้ เราบริจาคให้ รพ.ตามภูมิภาคต่างๆ ปะเหมาะเคราะห์ดี ได้เจอได้สงเคราะห์อริยสงฆ์สักองค์หนึ่ง บุญท่วมหัวท่วมหูแล้วล่ะ....ดีกว่าไปซื้อเสื้อผ้า ซื้อความสุขอื่นๆ ซื้อมาแล้วก็ใช้ไป ของใช้ก้ดี เสื้อผ้าก็ดี มีแล้วก็ซื้ออีก สวยดีก็อยากได้อีก แต่บุญทานไม่อยากได้เพิ่ม ก็ตรองดูแล้วกัน แล้วถ้าวันนั้นมาถึง จะเรียกหาบุญพระสงฆ์องค์เจ้าให้มาช่วย หรือเรียกหาเสื้อผ้า ข้าวของใช้ มาช่วยหรือเปล่าน้อ..เลือกเอา
     
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เอ้า..ผู้รู้บอกมา 2 เหรียญข้างบนนี่ตรวจแล้วก็เป็นอย่างที่โฆษณาไว้จริง ขาบู๊ไม่ควรพลาด ท่านอัดพลังไว้เต็มๆ แน่นปึ๊ก เผื่อติดกระเป๋าไว้บ้างก็แล้วกัน ใครมีลูกหลานเรียนช่างกล ก็ให้แขวนไว้ได้เลย น่าจะได้ญาณจากท่านหลวงปู่ทวดท่านลงมาให้เต็มที่เลยล่ะ ตรวจพระบู๊ ตรวจไม่ยากหรอก มาเร็ว จี๊ดจ๊าด ไม่งั้นจะทันลูกปืนได้งัยครับ จริงม๊ะ...ดูอย่างหลวงปู่ใหญ่ บรมครูเทพโลกอุดร นั่นปะไร วางอยู่ในกระบะข้างทางเดิน ท่าพระจันทร์ กรุเก่าซะด้วย องค์ละ 15 บาท จับดูท่าน อื้อฮือ..ปล่อยให้ท่านนอนในกระบะเฉยๆ ได้ไงพระที่เล่นกันหลักหมื่นยังไม่มันเท่านี้ เสียดายของ เอามาแจกทำบุญกันดีกว่า เผลอแพลบเดียว ถัดมาอีกอาทิตย์เดียวพระต่างจังหวัดเหมาท่านไปหมด เหลือติดตัวไว้แค่ 5 องค์เท่านั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2009
  17. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    เรียน พี่ๆ ท่าน

    วันนี้ผมได้ชุดสังฆทานยามา 2 ชุดกว่าๆ

    ผมก็ขอความกรุณานิดหนึ่งครับว่า

    ระหว่างถวายชุดยา ขอถ่ายรูป ไม่ใช้แฟลช สัก 1 ภาพต่อการถวาย 1 ครั้งนะครับ

    เพื่อมจะได้นำไปแจ้งแก่ผู้ร่มบุญกันครับ

    สาธุครับ และขอขอบคุณครับ
     
  18. เทพารักษ์

    เทพารักษ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +980
    โอนเงินร่วมทำบุญ

    เดือนนี้ร่วมทำบุญ จำนวน 500 บาท

    โอนเงินเรียบร้อยแล้วนะคะ

    ขอบคุณมากนะคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 500.jpg
      500.jpg
      ขนาดไฟล์:
      164.4 KB
      เปิดดู:
      144
  19. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    รวมข่าวประชาสัมพันธ์ดีๆ เพื่อให้คุณมาทำความดี

    ผ้าปูที่นอนเก่าแลกผ้าปูที่นอนใหม่
    ชุดเครื่องนอนโตโต้ จัดกิจกรรมผ้าปูที่นอนเก่า (ยี่ห้อใดก็ได้) แลกซื้อผ้าปูที่นอนใหม่รุ่นไร้รอยต่อยี่ห้อโตโต้ขนาด 3.5 ฟุตได้ในราคา 200 บาท และขนาด 5-6 ฟุตในราคา 300 บาท ตั้งแต่วันนี้หรือจนกว่าสินค้าจะหมด
    ทางบริษัทจะนำผ้าปูที่นอนเก่าทั้งหมดไปบริจาคให้แก่ สถานพยาบาลผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอดส์ ณ วัดพระบาทน้ำพุ
    ดาวโหลดแบบฟอร์มแลกซื้อได้ที่
    www.totobed.comหรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่ 08-6311-7659

    คอมนี้พี่ซ่อมให้

    โครงการ "คอมนี้พี่ซ่อมให้" ต้องการรับบริจาคคอมพิวเตอร์มือสองจำนวนมาก เพื่อนำไปเพิ่มศักยภาพในการศึกษา และเปิดโลกกว้างให้น้องๆ ตามโรงเรียนในชนบทที่ยังขาดแคลน
    นอกจากนี้ ทางโครงการยังต้องการอาสาสมัครที่มีความรู้ความสามารถในการซ่อมคอมพิวเตอร์ มาร่วมงานทุกวันเสาร์ เวลา 10.00 -14.00 น.
    สอบถามรายละเอียดได้ที่ โครงการคอมพิวเตอร์เพื่อน้อง มูลนิธิกระจกเงา เลขที่ 41 อาคารเลิศปัญญา ห้อง 907 ชั้น 9 แขวงพญาไท เขตราชเทวี กทม. 10400 โทรศัพท์ 02-642- 7991 ต่อ 17


    มอบไออุ่น สู่พี่น้องบนดอยสูง

    โครงการ "มอบไออุ่น จากอุ่นไอรัก สู่พี่น้องบนดอยสูง" ขอเชิญผู้ใจดีร่วมกันแบ่งปันน้ำใจ บริจาคผ้าห่ม จำนวน 2,000 ผืน และ เสื้อกันหนาวสำหรับเด็ก จำนวน 1,000 ตัว สำหรับพี่น้องชาวไทยชาวภูเขาผู้ประสบภัยหนาว ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง
    เชิญร่วมบริจาคได้ที่โครงการกองทุนเสื้อผ้ามือสอง มูลนิธิกระจกเงา 106 หมู่ 1 บ้านห้วยขม ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย 57100 หรือ โทรศัพท์ 053-737412 ถึง 3 ต่อ 113


    ความดีต้องเพียงพอ ชีวิตต้องพอเพียง

    ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สำนักนายกรัฐมนตรี ขอเชิญเยาวชนร่วมประกวดเรียงความ "ชีวิตดีเพราะมีวินัย ... แรงบันดาลใจจากคำพ่อสอน" ทำความดี และดำรงชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทุนการศึกษา 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ
    ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณอภิดล โทรศัพท์ 0-2940-9946 หรือ 081-810-250 เว็บไซต์
    www.8kondee.com

    สานฝันเด็กป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย

    มูลนิธิสายธารแห่งความหวัง "Wishing well" ก่อตั้งโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะต่อเติมความฝันของเด็กซึ่งเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย และไม่สามารถรักษาได้ ให้มีโอกาสเลือกแนวทางการรักษา เพื่อจะได้ใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ายให้มีคุณภาพและมีคุณค่าทางจิตใจ โดยการทำฝันครั้งสุดท้ายให้เป็นความจริง
    ร่วมสบทบทุนเข้ามูลนิธิสายธารแห่งความหวัง ได้ที่ บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพานิชย์ สาขาสภากาชาดไทย เลขที่บัญชี 045-2-95999-4 หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ มูลนิธิสายธารแห่งความหวัง 25 สาทรใต้ ตึกกรุงเทพประกันภัย ชั้น 9 ถนนสาทร กรุงเทพ 10120 โทรศัพท์ 0-2677-4117 เว็บไซต์
    www.wishingwellthai.org

    คุณครูริมคลอง

    กลุ่มอาสาอิสระและกลุ่ม ซ.โซ่อาสา ขอชวนหนุ่มสาวชาวกรุงร่วมแบ่งปันความรู้สู่น้องๆ ผู้ยากไร้กับครูอาสาใจกลางเมือง โครงการดีๆ ที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ขอเพียงมีใจที่จะร่วมแบ่งปันก็พอ พร้อมเปิดการเรียนการสอนแล้วทุกเสาร์-อาทิตย์ที่ชุมชนตึกแดง บางซื่อ (เสาร์ 09.00-12.00น.) , ครูริมคลองข้างโรงแรมรัตนโกสินทร์ (อาทิตย์ 09.00-12.00 น.) และครูใต้สะพานอรุณอมรินทร์ (อาทิตย์ 14.00-16.30 น.) สอบถามโทร 081-515-8564
    ด่วน! รับจำนวนไม่จำกัด


    กล่องของพี่ เพื่อสมุดของน้อง

    "กล่อง" ใครว่าไม่สำคัญ เพราะนอกจากจะมีไว้บรรจุของแล้ว กล่องยังสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกครั้งกับ โครงการกล่องของพี่ เพื่อสมุดของน้องที่เชิญชวนผู้มีน้ำใจร่วมบริจาคกล่องเครื่องดื่มประเภทกล่องนม กล่องน้ำผลไม้ และกล่องชาเขียวต่าง ๆ เพื่อนำมารีไซเคิลเป็นสมุดเรียนส่งตรงยังน้องๆ ในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน
    ส่วนวิธีการร่วมบริจาคก็ไม่ยาก แค่ดื่มน้ำให้หมด แกะมุมกล่อง พับให้แบน แล้วส่งใส่ตู้รับบริจาคที่ห้างสรรพสินค้า รวมทั้งร้านค้าสะดวกซื้อที่เข้าร่วมโครงการฯ เช่น เซเว่นอีเลฟเว่น, คาร์ฟูร์, โรบินสัน, สยามพารากอน ฯลฯ ข้อมูลเพิ่มเติม
    www.thaibcg.com

    ธรรมะ Mobile

    ธรรมะไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว หลังจากที่พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว. วชิรเมธี) ได้เปิดตัวสื่อธรรมะนวัตกรรมใหม่ "ธรรมะ Mobile" เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้คนที่ไม่มีเวลาเข้าวัดฟังธรรม ได้เสพธรรมะสั้นๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือในรูปแบบ SMS ทุกวัน 3 เวลาหลังอาหาร ในอัตราค่าสมาชิกเพียงเดือนละ 29 บาท ทั้งนี้ก็เพื่อลดทุกข์ สร้างสุข และสร้างรอยยิ้มให้เกิดขึ้นในใจของทุกคนอย่างไร้ขีดจำกัด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-502-0428


    Reuse me, please.

    ของเหลือใช้สำหรับบางคน อาจเป็นของมีค่าที่สุดสำหรับอีกคนหนึ่งก็ได้ ใครที่กำลังจะโละของเหลือใช้ทิ้งลงถังขยะ ทางมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.) ขอรับบริจาคของเหล่านั้น เพื่อนำมาสร้างใหม่เป็นสื่อการสอนสำหรับน้องในถิ่นทุรกันดาร ไม่ว่าจะเป็นปฎิทินเก่า แก้ว เสื้อผ้า ต่างหู เข็มกลัด เศษกระดาษ กระดุม ลูกปัด ฯลฯ ก็สามารถนำมาบริจาคเป็นสื่อการสอนที่อัดแน่นด้วยสาระได้
    นอกจากจะบริจาคของแล้ว หากใครมีเวลาว่างยังสามารถมาร่วมออกแรงสร้างสื่อการสอนให้น้องๆ ที่มูลนิธิฯได้อีกด้วย สนใจติดต่อ 02-691-0437-9 (ก่อนเวลา 18.00 น.)


    เพียง 1 บาทก็ช่วยงานอาสาได้

    เชื่อหรือไม่ว่า "เงิน 1 บาท" สามารถช่วยเหลือผู้คนนับร้อยนับพันได้ ด้วยการบริจาคเงินสมทบทุน "กองทุน V Fund" เพียงอาทิตย์ละ 1 บาท ตลอด 1 ปี ผ่านบัญชี มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย เพื่อกองทุนจิตอาสาธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาถนนเพชรบุรีตัดใหม่ บัญชีเลขที่ 043-2-66606-6 จากนั้นกองทุนจะรวมเงินส่งต่อให้กับมูลนิธิต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการจิตอาสาคลองใส โครงการศิลปะในสวน การจัดทำแผนที่ทำดีออนไลน์ ฯลฯ
    เพียงแค่ 1 บาทก็สามารถสร้างสรรค์สังคมให้ดีงามได้ สนใจสอบถามที่โทร 02-319-5017


    สมทบทุนสร้างพระอุโบสถธรรมชาติ

    วัดป่าสันติธรรม ประเทศออสเตรเลีย ขอชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมอนุโมทนาบุญสมทบทุนสร้างพระอุโบสถธรรมชาติแห่งแรกในออสเตรเลีย ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนสงบในถ้ำของเขตอุทยาน Morton National Park ซึ่งพระอุโบสถแห่งนี้จะใช้เป็นสถานที่ในการอุปสมบทภิกษุ ภิกษุณี รวมทั้งบรรยายธรรม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
    www.santiforestmonastery.com

    หนูหิว-หนูอยากเรียน

    เชื่อหรือไม่ว่า ร้อยละ 35 ของเด็กในพม่าเรียนจบไม่เกินชั้น ป. 5 แถมจำนวนทหารเด็กในพม่ายังสูงที่สุดในโลกถึง 70,000 คน! ไม่นับรวมปัญหาความยากจน ภาวะทุโภชนาการและเด็กกำพร้า
    ปัจจุบันพม่ามีโรงเรียนวัดที่ช่วยโอบอุ้มเด็กเหล่านี้ให้ได้เรียนและไม่อดอยากถึง 1,400 แห่ง แต่ด้วยสภาพสังคมปิดและเศรษฐกิจถดถอยโดยเฉพาะหลังเกิดไซโคลนนาร์กิส ทำให้โรงเรียนวัดเหล่านี้ขาดแคลนเงินทุนสำหรับอุปกรณ์การเรียน อาหาร และจ้างครู อย่างหนัก
    เครือข่ายพุทธิกา และองค์กรด้านเด็กของไทยรวม 18 องค์กร รวมทั้งภาคีอื่นๆ จึงจัดทำ ผ้าป่าเพื่อการศึกษาของเด็กยากไร้ในพม่าเพื่อนำเงินบริจาคทั้งหมดมอบให้โรงเรียนวัดในพม่าแห่งละ 50,000 บาท หลังทอดผ้าป่าเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2551 ที่ผ่านมานี้สามารถรวบรวมปัจจัยได้ถึง 2.4 ล้านบาท แต่เนื่องจากโรงเรียนวัดในพม่ามีจำนวนมากดังกล่าวแล้ว การบริจาคสมทบทุนจึงยังคงทำได้ต่อไปผ่านทางมูลนิธิเด็ก 3 ช่องทาง คือ ทางธนาณัติ สั่งจ่าย ปณ.กระทุ่มล้ม 73220, ทางตั๋วแลกเงิน สั่งจ่าย มูลนิธิเด็ก หรือโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ในนาม มูลนิธิเด็ก ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเพชรเกษม ซอย 114 เลขที่บัญชี 115-2-14733-0 (กรณีโอนเงิน ให้ส่งสำเนาใบโอนทางโทรสารหรือแฟ็กซ์ 0-2814-0369 หรือโทร. 0-2814-1481-7)
    คนไทยเรามีน้ำใจต่อผู้ทุกข์ยากและเดือดร้อนเสมอไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน
    ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ เครือข่ายพุทธิกา โทร. 0-2883-0592, 0-2886-9881 หรือ
    www.budnet.info E-mail: b_netmail@yahoo.com หรือ bnetmail@gmail.com

    สมทบทุนสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม 84 พรรษาราชนครินทร์

    Secret ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินสมทบทุนสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม 84 พรรษาราชนครินทร์ จังหวัดจันทบุรี โดยการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางยี่ขัน ชื่อบัญชี "การกุศล" เลขที่บัญชี 047-2-26347-3 สอบถามเพิ่มเติมที่ 081-8112027


    เติมชีวิตด้วยการให้

    มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาช่วยเด็กไทยที่ยากจนและด้อยโอกาสผ่าน "โครงการอุปการะเด็ก" โดยจะบริจาคตามเจตจำนงหรือเพียงเดือนละ 450 บาทอย่างต่อเนื่อง ก็จะช่วยให้เด็ก ๆ มีหลักประกันด้านสุขอนามัยและการศึกษาในระยะยาว นอกจากนี้ครอบครัวและชุมชนที่เด็กอาศัยอยู่ก็จะได้รับการส่งเสริมทักษะอาชีพจนพึ่งพาตนเองได้ในที่สุด
    โทร. 02-381-8863-5
    www.worldvision.or.th

    ครูอาสากลางกรุง

    กลุ่มอาสาอิสระและกลุ่มอาสา Teacher4Sunday ร่วมกับ ชุมชนบ้านพักองค์การทอผ้า เขตดุสิต ชักชวนคนใจดีทุกเพศทุกวัยมาช่วยกันสอนหนังสือ และเสริมสร้างคุณธรรมให้กับน้อง ๆ ในระดับอนุบาลถึง ประถม 6 ทุกวันอาทิตย์ 9.00-12.00 น. ที่ชุมชนบ้านพักองค์การทอผ้า
    สนใจติดต่อคุณจิระพงษ์ รอดภาษา โทร. 02-515-8564 อีเมล์
    Rodpasa@hotmail.com
    "ร่วมหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความดีกลางกรุง ดอกไม้แห่งความสุขจะบานกลางใจ"


    พ่อของเด็กกว่า 400 ชีวิต

    ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาช่วยเหลือ พระครูวุฒิธรรมาทร เจ้าอาวาสวัดโบสถ์วรดิตถ์ อ. ป่าโมก จ. อ่างทอง ผู้เป็น "พ่อ" ของเด็กกำพร้ากว่า 400 ชีวิตที่ทางวัดอุปการะไว้ตั้งแต่เมื่อ 30 ปีก่อน ซึ่งปัจจุบันกำลังประสบปัญหาค่าใช้จ่ายทั้งด้านอาหาร เสื้อผ้า และอุปกรณ์การเรียน
    ร่วมบริจาคสิ่งของได้ที่วัดโบสถ์วรดิตถ์ หรือโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ในนาม วัดโบสถ์วรดิตถ์ โดยพระครูวุฒิธรรมาทร ธนาคารกสิกรไทย สาขาป่าโมก เลขที่บัญชี 182-2-11-364-4
    "ของเหลือจากคนเมืองอันมีจะกินเป็นสิ่งมีค่าเหลือหลายสำหรับเด็กที่ไม่เคยได้ใช้ 'เงิน' แม้แต่บาทเดียว . . ."


    กล้าคิดกล้าทำ

    Youth Venture เปิดโอกาสให้เยาวชนอายุ 14-24 ปี รวมกลุ่มกันคิดโครงการและลงมือทำกิจกรรมที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคมของตนเอง โดยองค์กรจะสนับสนุนเงินทุนตั้งต้น คำแนะนำและเครื่องมือคิดโครงการ พี่เลี้ยงที่ปรึกษา และการเชื่อมต่อกับเยาวชนทั่วโลกที่เข้าร่วม
    เปิดรับสมัครตลอดปี! ข้อมูลเพิ่มเติมและดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่
    www.thailand.youthventure.org

    สานต่อการศึกษาไทย

    เพื่อเป็นการสานต่อโอกาสทางการศึกษา โรงเรียนเตรียมสามเณรวัดครึ่งใต้ ตำบลครึ่งใต้ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ขอเชิญผู้มิจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินสมทบทุน "กองทุนอาหารกลางวัน และทุนการศึกษาพระภิกษุสามเณร"เพื่อให้พระภิกษุ สามเณร และเยาวชนลุ่มแม่น้ำโขงที่อยู่ในพื้นที่ทุรกันดารริมตะเข็บชายแดนไทย-ลาว ได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถึง โดยสามารถบริจาคได้ที่ชื่อบัญชี "กองทุนธรรมทาน" บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาศิริราช เลขที่บัญชี 016-4-16300-9 หรือติดต่อร่วมบริจาคที่ สถาบันวิมุตตยาลัย โทรศัพท์ 02-422-9123, 081-8890-010, 084-9117-235


    อาสาทำดี 1 วัน

    จิตใจแห่งอาสาสมัครนั้นเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา และเพื่อเป็นการฝึกให้กิจกรรมอาสากลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน โครงการ Volunteer one day trip จึงขอชวนทุกคนมาร่วมอาสาทำดีภายใน 1 วัน โดยผู้เข้าร่วมโครงการสามารถเลือกได้ว่าจะเข้าร่วมกิจกรรมอาสาด้านใด เริ่มต้นที่ปลูกปะการังชายฝั่ง จังหวัดชลบุรี, ปลูกปะการังที่เกาะ จังหวัดชลบุรี, ปลูกป่าชายเลน จังหวัดชลบุรี, สร้างกุฏิดิน จังหวัดราชบุรี และสร้างฝายชะลอน้ำ จังหวัดราชบุรี ข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามที่หมายเลขโทรศัพท์ 086-770-2233 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป


    อ่านสร้างชาติ

    จริงอยู่ที่ว่าการอ่านคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ แต่แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าปัจจุบันเด็กไทยอ่านหนังสือเพียงวันละไม่เกิน 7 บรรทัด ยิ่งเป็นเด็กที่อยู่ในชนบทที่ห่างไกลด้วยแล้ว การได้อ่านหนังสือดีๆ สักเล่มถือได้ว่าเป็นโอกาสอันน้อยนิดของพวกเขา ดังนั้นเพื่อให้เยาวชนในถิ่นทุรกันดารได้มีโอกาสเปิดโลกทัศน์อันกว้างไกล โครงการอ่าน...สร้างชาติ จึงขอชวนคนไทยร่วมบริจาคหนังสือดี (มือสอง) โดยส่งมาได้ที่มูลนิธิกระจกเงา เลขที่ 41 อาคารเลิศปัญญา ชั้น9 ห้อง 907 พญาไท ราชเทวี กรุงทพฯ 10400 โทรศัพท์ 02-642-7991 ต่อ 16
    บริจาคเพียงคนละ 1 เล่ม ก็สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้แล้ว


    ห้องสมุดธรรมะออนไลน์

    ใครว่าหนังสือธรรมะต้องอยู่คู่วัดอย่างเดียว ล่าสุดทางเว็บไซด์
    www.jarun.org ได้จัดทำห้องสมุดธรรมะออนไลน์ให้พุทธศาสนิกชนได้ดาวน์โหลดหนังสือสวดมนต์ วิธีการทำกรรมฐานตามแนวทางหลวงพ่อจรัญ รวมทั้งคำสอนต่างๆในรูปแบบที่ทันสมัย ทั้งวีดีโอ E-book และไฟล์เสียงต่างๆ สนใจคลิกเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ http://www.jarun.org/v6/th/digitallibraly-book.html หรือ jarun.multiply.com

    McDonald Vision Care Mobile

    เปิดตัวไปแล้วสำหรับ Ronald McDonald Vision Care Mobile หน่วยบริการตรวจสายตาและสุขภาพเคลื่อนที่คันแรกของเอเชียและคันที่ 33 ของโลก โดย มูลนิธิ โรนัลด์ แมคโดนัลด์ เฮาส์ ประเทศไทย ซึ่งรถคันนี้นอกจากจะเปิดให้บริการตรวจสายตาฟรีแก่เยาวชนในชุมชนที่ขาดแคลนทั่วทุกภูมิภาคของไทยแล้ว ทางแมคโดนัลด์ยังใจดีมอบแว่นตาสายตาให้น้องๆ อีกกว่า 30,000 อัน
    สอบถามเพิ่มเติมคลิก
    www.rmhc.or.thพร้อมทั้งสามารถร่วมบริจาคเงินสมทบทุนได้ที่กล่องรับบริจาคในร้านแมคโดนัลด์ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือทางบัญชีออมทรัพย์ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ ชื่อบัญชี มูลนิธิโรนัลด์ แมคโดนัลด์ เฮาส์ หมายเลขบัญชี 101-755155-5

    ตลาดนัดการกุศล

    สมาคมสโมสรพนักงานการบินไทยขอเชิญชวนมูลนิธิการกุศลต่างๆ ร่วมลงทะเบียนเพื่อออกบู๊ธรับบริจาคและจำหน่ายสินค้าในตลาดนัดสโมสรฯ ซึ่งจะจัดขึ้นทุกวันพุธ-ศุกร์ สิ้นเดือน บริเวณทางเชื่อมด้านหลังบริษัทการบินไทย สำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต และบริเวณทางเชื่อมอาคาร A1 และ A2 อาคารศูนย์ปฏิบัติการ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-545-2535-6, 02-545-3336-8


    ผ่าตัดต้อ-ฟอกไตฟรี!

    ผู้ป่วยต้อกระจก-ต้อเนื้อ และโรคไต เข้ารับการผ่าตัดและฟอกไตได้ฟรีโดยทีมผู้เชี่ยวจากโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) ผู้ป่วยจะตรวจรักษาที่โรงพยาบาลหรือติดต่อรถผ่าตัดต้อเคลื่อนที่ในนามชุมชนก็ได้
    ผู้สนใจโปรดเตรียมสำเนาบัตรประชาชนและบัตรทองอย่างละ 2 ใบ ติดต่อบริษัททาสของแผ่นดิน จำกัด เลขที่ 99/359-360 ซอยสุขุมวิท 24(เกษม) ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110 โทรแจ้งล่วงหน้าที่ 02-262-9454-5 และ 02-261-8213-7


    บ้านดอกไม้ป่า

    ปัญหาหญิงสาวตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อมหรือถูกฝ่ายชายทอดทิ้งให้ต้องหาเลี้ยงลูกน้อยตามลำพังถือเป็นเรื่องเรื้อรังในสังคมไทย มูลนิธิบ้านดอกไม้ป่า จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นที่พักพิงกายใจให้กับแม่ลูกอ่อนผู้เคราะห์ร้าย แต่เนื่องจากงบประมาณในการก่อสร้างบ้านพักและซื้อหาปัจจัยให้กับสมาชิกมูลนิธิรวมทั้งลูกน้อยหลายสิบคนมีไม่เพียงพอ จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตเมตตาร่วมบริจาคทรัพย์หรือวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างเพื่อสมทบทุน โดยท่านสามารถโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ ในนาม มูลนิธิบ้านดอกไม้ป่า เลขที่บัญชี 532-0-25140-7 สอบถามข้อมูล โทร. 089-632-8847 หรือ 053-386-568
    www.wildflowerhome.net

    ฟรี! วีลแชร์และสามล้อโยก

    ผู้ที่ต้องการวีลแชร์หรือรถสามล้อโยก เพียงเตรียมสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน สมุดประจำตัวคนพิการพร้อมเซ็นรับรองสำเนาและรูปถ่ายเต็มตัว ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ แล้วส่งไปที่ สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย (สพท.) 73/7-8 ซอยติวานนท์ 8 ถนนติวานนท์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000 โทร. 02-9510445 และ 02-5843993 หรือสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหว (ส.พ.ค.) 802/410 ม.12 หมู่บ้านวังทองริเวอร์ปาร์ค ซอย10/4 ตำบลคูคด อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12130 โทร. 081-735-2316 หรือ 081-372-4201


    บ้านนกขมิ้น

    เด็กเร่ร่อน เด็กกำพร้าและเด็กถูกทอดทิ้งซึ่งอยู่ในความดูแลของ มูลนิธิบ้านนกขมิ้น กำลังโหยหาความรักความอบอุ่น ปัจจัยในการดำเนินชีวิตและทุนการศึกษา คุณสามารถช่วยได้ง่าย ๆ ด้วยการตั้งกล่องบริจาคของมูลนิธิ หรือโอนเงินสนับสนุนเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาลาดพร้าว ในนามมูลนิธิบ้านนกขมิ้น เลขที่บัญชี 129-4-88776-3 ข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-375-6497 หรือ 081-889-1501
    www.baannokkhamin.in.th

    ชีวิตที่มีค่า คือการทำชีวิตผู้อื่นให้มีค่า

    หลายคนคงคุ้นเคยกับเรื่องราวของแม่ต้อยผู้เจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งทุ่มเทชีวิตจิตใจเพื่อช่วยเด็กเร่ร่อน ในหนังโฆษณาของ ไทยประกันชีวิต หนังโฆษณาเรื่องนี้ทำจากเรื่องจริงของ แม่ติ๋ว หรือ ครูติ๋ว สุธาสินี น้อยอินทร์ แห่งบ้านโฮมฮัก จังหวัดยโสธร เธอได้ทุ่มเทความรักรับเลี้ยงดูแลเด็กด้อยโอกาสและเด็กที่ประสบปัญหาวิกฤติต่างๆ รวมกว่า 100 ชีวิต เป็นเวลาถึง 20 ปี
    หากท่านประทับใจเรื่องราวของแม่ต้อยและมีจิตเมตตาเด็กๆเหล่านี้ สามารถส่งสิ่งของเพื่อช่วยเหลือไปได้ที่ มูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชนเลขที่ 3 หมู่ 12 บ้านประชาสรรค์ ตำบลตาดทอง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร 35000 โทร. 0-4572-2241 หรือบริจาคเงินผ่านทางธนาคารไทยพาณิชย์สาขา ยโสธร ชื่อบัญชี มูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชน เลขที่บัญชี 561-2-21187-7


    ซีดีเก่าช่วยช้างป่า

    ในยุคดิจิตอลอย่างนี้ "แผ่นซีดี" กำลังกลายเป็นขยะที่สร้างปัญหาให้แก่โลกใบนี้อย่างหนักหน่วง ไหนจะปัญหาในการกำจัด ไหนจะเรื่องมลภาวะจากสารเคลือบต่างๆ ดังนั้นทางหนึ่งที่เราจะช่วยโลกนี้ได้ก็คือการนำซีดีเก่ากลับมาใช้ใหม่ เช่นเดียวกับ สโมสรโรตารีบางรัก ที่กำลังรวบรวมแผ่นซีดีใช้แล้วมาสร้างรั้วเพื่อไม่ให้ช้างป่าในอำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ออกมาบุกรุกแหล่งทำกินของชาวบ้าน วิธีนี้นอกจากจะช่วยไม่ให้ช้างถูกชาวบ้านทำร้ายแล้ว การนำซีดีมาใช้ใหม่ยังเป็นอีกวิธีที่ประหยัด แถมช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย
    ร่วมส่งซีดีเก่าไปช่วยช้างป่าได้ที่ สโมสรโรตารีบางรัก ถนนสุรวงศ์ บางรัก กรุงเทพฯ 10500 โทรศัพท์ 0-2268-0857ตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2551


    ฮอตไลน์สายบุญ

    ด่วน! สำหรับใครที่ต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ทางวัดพระบาทน้ำพุได้เปิดฮอตไลน์สายบุญ เพียงกดโทรศัพท์ไปที่หมายเลข 1900-222-000จากนั้นกด 1 เพียงเท่านี้คุณก็สามารถบริจาคเงิน 9 บาทเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ที่วัดพระบาทน้ำพุได้แล้ว


    ฟรี! ซีดีธรรมะ

    เว็บไซต์
    www.manodham.com แจกฟรีแผ่นซีดีธรรมะหลากหลายหัวข้อไม่ว่าจะเป็นเสียงธรรมจากสวนโมกข์, ธรรมะสำหรับผู้สูงวัย, ธรรมะสำหรับผู้ป่วย, ปาฐกถาธรรมจากท่านปัญญานันทภิกขุ ฯลฯ ผู้ที่สนใจสามารถขอรับซีดีได้ด้วยวิธีง่ายๆ เพียงแค่ส่งซองเปล่า ขนาด 5-1/4 x 7-1/4 นิ้ว (133 x 184 มม.) หรือขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย ติดแสตมป์ 5 บาท จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเองให้ชัดเจน พร้อมทั้งระบุหมายเลขรหัสและชื่อชุดซีดีที่ท่านต้องการบริเวณมุมซองด้านล่าง แล้วส่งมาที่ เว็บมาสเตอร์ www.manodham.com
    15 ซอยพระยาพิเรนทร์ ถนนเชื้อเพลิง แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120
    หากฟังเสร็จแล้วทางเว็บไซต์อนุญาตให้จัดทำสำเนาแจกจ่ายให้กับกัลยานธรรมคนอื่นๆ ได้โดยไม่จำกัดจำนวน แต่ห้ามจำหน่ายเพียงอย่างเดียว


    ร่วมอุปการะม้ากำพร้า

    ใช่แต่หมาหรือแมวที่ถูกทิ้งอยู่ตามท้องถนน ม้า ก็เป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่ถูกทอดทิ้งให้หิวโหย และเพื่อเป็นการช่วยเหลือม้าที่ถูกทอดทิ้ง ชมรมอนุรักษ์ม้าพันธุ์พื้นบ้านอำเภอสิรินธรจึงขอชวนผู้ที่ใจดีทุกท่านร่วมสมทบทุนอาหารม้ากำพร้าซึ่งทางชมรมรับเลี้ยงไว้ 27 ตัว ผ่านคอลเล็คชั่นเสื้อม้าที่มีให้เลือกด้วยกัน 4 สี ในราคาตัวละ 150 บาท
    ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อผ่านบัญชีออมทรัพย์ ชมรมอนุรักษ์ม้าพันธุ์พื้นบ้าน เลขที่บัญชี 338-0-00640-8 ธนาคารกรุงไทย สาขาโขงเจียม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่หมายเลขโทรศัพท์ 089-616-1818 , 089-945 -4525 , 081-955-8369


    สร้างการศึกษาแด่คนตาบอด

    การศึกษาถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ทุกคนควรจะได้รับ โดยเฉพาะผู้พิการด้วยแล้ว การศึกษาดูเหมือนจะเป็นโอกาสอันน้อยนิดของพวกเขา และเพื่อให้คนพิการมีโอกาสทางการศึกษามากขึ้น มูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ขอเชิญทุกท่านร่วมบริจาคเงินสมทบทุนสร้างอาคาร โรงเรียน
    การศึกษาวิทยาศาสตร์คนตาบอด
    จังหวัดเพชรบุรี โดยสามารถโอนเงินเข้าบัญชี มูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาพระนครคีรี เลขที่บัญชี 731-0-11222-9 สอบถามเพิ่มเติมที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-3242-6691, 08-1753-3389


     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <!-- END WEBSTAT CODE --><TABLE height="95%" width="99%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="75%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE borderColor=white cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=2><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 11 กรกฎาคม 2551 12:45:38 น.-->พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๑๐๑ | พระเทวทัตสำแดงฤทธิ์
    <!-- Main -->พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๑๐๑ : พระเทวทัตสำแดงฤทธิ์ให้อชาตศัตรู
    ราชกุมารเลื่อมใส


    พระเทวทัตสำแดงฤทธิ์ให้อชาตศัตรูราชกุมารเลื่อมใส
    เพื่อหวังลาภสักการะ สัมมานะ

    การเสด็จกรุงกบิลพัสดุ์ของพระพุทธเจ้าครั้งแรก เป็นเหตุให้เจ้าชายศากยะเสด็จออกบวชกันมาก ในจำนวนนั้น ที่มีชื่อเสียงและมีคนรู้จักกันดีจนถึงทุกวันนี้ คือ เจ้าชายอานนท์ หรือพระอานนท์ในเวลาต่อมา นายภูษามาลาชื่ออุบาลี หรือพระอุบาลี และเจ้าชายเทวทัต

    เทวทัตเป็นพระเชษฐา หรือพี่ชายของพระนางพิมพายโสธรา ว่าอย่างสามัญ เทวทัต ก็คือพี่เมียของเจ้าชายสิทธัตถะ หรือพระพุทธเจ้าในเวลาต่อมา ทุกคนที่ออกบวชพร้อมกันกับเทวทัต ต่างได้บรรลุมรรคผลในเวลาต่อมาทั้งนั้น แต่เทวทัตได้สำเร็จเพียงฌานขั้นโลกีย์ ฌานขั้นนี้ทำให้ผู้ได้สำเร็จแสดงอิทธิฤทธิ์ได้ เหาะก็ได้

    ครั้งหนึ่ง พระบรมศาสดาเสด็จจาริกไปประทับ ณ เมืองโกสัมพี ในครั้งนั้น ลาภสักการะบังเกิดแก่พระองค์กับทั้งภิกษุสงฆ์สาวกเป็นอันมาก คนทั้งหลายถือสักการะ มีจีวร บิณฑบาต เภสัช อัฎฐบาน เป็นต้น เข้ามาสู่วิหาร ถวายแก่พระสงฆ์สาวกเป็นเนืองนิตย์ ส่วนมากทุกๆคนที่มา ย่อมถามถึงแต่พระอัครสาวกทั้งสอง และพระสาวกองค์อื่นๆว่า ท่านอยู่ ณ ที่ใด แล้วพากันไปเคารพนบไหว้สักการบูชา แต่ไม่มีใครเลยสักคนที่จะเอ่ยชื่อของพระเทวทัตว่า "พระเทวทัตของข้าพเจ้าอยู่ที่ไหน"

    พระเทวทัตจึงเกิดความโทมนัสน้อยใจ ตามวิสัยของปุถุชน จำพวกที่มากด้วยความอิจฉา ริษยา คิดว่า เราเป็นกษัตริย์ศากยะราชสกุลเหมือนกัน ออกบรรพชากับด้วยกษัตริย์ขัตติวงศ์นั้นๆ แต่ไม่มีใครนับถือถามหา น่าน้อยใจ เมื่อคิดดังนี้แล้ว ก็เกิดตัณหาในลาภสักการะ เข้าครอบงำจิต คิดใคร่จะได้ลาภสักการะ สัมมานะ เคารพนับถือ แล้วก็คิดต่อไปว่า เราจะทำบุคคลผู้ใดให้เลื่อมใส กราบไหว้บูชาดีหนอ จึงจะบังเกิดลาภสักการะมาก

    ครั้นคิดต่อไปก็มองเห็นอุบายทันทีว่า พระอชาตศัตรูราชกุมาร พระโอรสของพระเจ้าพิมพิสารนั้น ยังทรงพระเยาว์ ยังไม่รอบรู้คุณและโทษแห่งบุคคลใดๆ ควรจะไปคบหาด้วยพระราชกุมารนั้นเถิด ลาภสักการะก็จะพลันบังเกิดเป็นอันมาก


    [​IMG]


    ครั้นดำริดังนั้นแล้ว ก็หลีกจากเมืองโกสัมพีไปสู่เมืองราชคฤห์ แล้วนิรมิตกายเป็นกุมารน้อย เอาอสรพิษ ๔ ตัว ทำเป็นอาภรณ์ประดับมือและเท้า ขดทำเป็นเทริดบนศีรษะ ๑ ตัว ทำเป็นสังวาลพันกาย ๑ ตัว สำแดงปาฏิหาริย์ปุถุชนฤทธิ์ของตน เหาะไปยังพระราชนิเวศน์ ลอยลงจากอากาศ ปรากฏกายอยู่เฉพาะหน้าพระอชาตศัตรูราชกุมาร ครั้นพระราชกุมารตกพระทัยกลัว ก็จึงทูลว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...