ขอเชิญร่วมถวายแสงสว่าง ให้กับสถานที่ปฏิบัติธรรม ๘ จังหวัด ๓๕ แห่ง (ปีที่ ๕)

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ พอดีพึ่งได้login เข้ามาไม่ทันได้ร่วมบุญนี้

 

ประมวลภาพการถวายแสงสว่าง ในภาคอีสาน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๗

วันที่แรก (๒๘ มิ.ย. ๕๗)

วันที่ ๑ ของการเดินทางถวายแสงสว่างในปี ๕๗

วัดที่ ๑ วัดธรรมยาน จ.เพชรบูรณ์

แรกเริ่มเดิมทีตั้งใจไปชัยภูมิ แต่ไปๆมาๆ ไปโผล่ที่เพชรบูรณ์ ก็เลยสบโอกาสเข้าไปกราบสักการะหลวงพ่อวิรัช วัดธรรมยาน พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง เป็นปฐมฤกษ์ จึงนับว่าปีนี้เริ่มต้นด้วยดีอย่างยิ่ง... สำหรับหลวงพ่อวิรัช ทุกคนในคณะสัมผัสได้ถึงกระแสเย็นจากใจของท่าน ท่านเป็นพระที่มีจริยางดงาม อ่อนน้อม และทรงเมตตาเป็นอย่างยิ่ง นับว่าเป็นลาภอันประเสริฐโดยแท้ ที่ได้พบเห็นสมณะเยี่ยงนี้

วัดที่ ๒ วัดเขาตาเงาะ ของหลวงปู่จื่อ (ไม่มีภาพ) แล้วลัดข้ามจังหวัดไปสู่ขอนแก่น เพื่อเข้าสู่ที่พัก

 

ประมวลภาพการถวายแสงสว่าง ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๗ วันที่ ๒ (๒๙ มิ.ย.๕๗)

วัดป่าวิเวกธรรม จ.ขอนแก่น

ในเช้าวันที่สอง เริ่มต้นด้วยการเดินทางไปกราบหลวงปู่บุญเพ็ง ณ วัดป่าวิเวกธรรม กลางเมืองขอนแก่น ซึ่งหลวงปู่จัดเป็นครูบาอาจารย์รูปสำคัญของเมืองขอนแก่น โดยปกติท่านจะเมตตาลงสอนกรรมฐานให้กับผู้มีศรัทธาด้วยตนเองทุกวันเวลา ๒ ทุ่ม ถึง ๓ ทุ่ม จึงนับว่าเป็นบุญลาภอย่างยิ่งที่ได้กราบและถวายเทียนพรรษาและอื่นๆ กับองค์ท่าน และลาภอีกประการของพวกเรา คือหลังจากกราบลาหลวงปู่ออกมาจากกุฏิท่าน ก็มาเจอบุญบวชพระในโบสถ์พอดี พวกเราจึงมีโอกาสได้โมทนาบุญบวชนี้เป็นกำไรไปอีกด้วย

วัดที่ ๔ วัดป่าธรรมอุทยาน จ.ขอนแก่น

เป็นวัดของหลวงพ่อกล้วย พระผู้มากบารมี ท่านนี้เป็นรูปที่เมื่อเข้าใกล้จะรู้ถึงความพิเศษได้ทันที และนับว่าเป็นบุญของคณะเราอย่างยิ่งที่ท่านได้เมตตาให้ข้อธรรมในการปฏิบัติให้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วย ส่วนพระพุทธรูปองค์ใหญ่สีขาว มีชื่อว่า "องค์หลวงปู่ใหญ่" ซึ่งถือว่าเป็นพระที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก และเป็นจุดสำคัญที่ใครผ่านเข้ามาวัดนี้จะต้องมากราบขอพร

ปล. วัดของท่านสวยงามมากจริงๆ

วัดที่ ๕ วัดทุ่งเศรษฐี จ.ขอนแก่น

วัดนี้ห่างจากตัวเมืองขอนแก่นเล็กน้อย มีพระมหาธาตุเจดีย์ที่สวยงามหมดจด อีกทั้งยังมีพระประธานที่สวยสมบูรณ์อีกด้วย

 

วัดที่ ๖ วัดป่าวิเวกสร้างค้อ อ.ภูพาน จ.สกลนคร

มาถึงวัดแรกบนเทือกเขาภูพาน วัดที่ ๖ ของการเดินทาง คือ วัดป่าวิเวกสร้างค้อ เป็นวัดที่ไม่ได้ใช้ไฟฟ้า ในวัดนี้จึงมีการถวายตะเกียงเจ้าพายุให้ท่านได้ใช้สอย ซึ่งทางคณะท่านก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง และของทั้งหมดที่เราถวายจะเป็นของที่ท่านได้ใช้จริงทั้งหมด

วัดที่ ๗ วัดถ้ำโพรง อ.ภูพาน จ.สกลนคร

เป็นวัดของท่านพระอาจารย์ถาวร ซึ่งพวกเราทุกคนได้ช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพื่อร่วมกันถวายองต่างๆ คนละไม้คนละมือ แก่ครูบาอาจารย์อย่างเต็มที่ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาอย่างเต็มที่

พระพุทธบาท ๗ รอย กลางเทือกเขาภูพาน

จากนั้นจึงเดินทางเข้าสู่รอยพระพุทธบาทเจ็ดรอย ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเทือกเขาภูพาน ซึ่งเป็นสถานที่ที่น่าอัศจรรย์เป็นยิ่งนัก

วัดที่ ๘ วัดพระพุทธบาทน้ำทิพย์ อ.ภูพาน จ.สกลนคร

ตอนหัวค่ำ เดินทางเข้าสู่วัดพระพุทธบาทน้ำทิพย์ อ.ภูพาน เพื่อถวายแสงสว่างให้กับพระสงฆ์ที่อยู่จำพรรษาที่นี่ วัดนี้มีความพิเศษหลายอย่าง ทั้งอยู่ตรงจุดกึ่งกลางของเทือกเขาภูพานพอดี มีสมเด็จองค์ปฐมองค์ใหญ่ เป็นที่เก็บรวบรวมพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุไว้มากมาย เป็นต้น

 

วันที่ ๓ ของการเดินทาง (๓๐ มิ.ย. ๕๗)

วัดที่ ๙ วัดป่าหนองไผ่ อ.เมือง จ.สกลนคร

เริ่มต้นวันที่ ๓ ด้วยวัดแรก คือ วัดป่าไผ่ จ.สกลนคร ของพระอาจารย์สุธรรม พระดีอีกท่านหนึ่งที่หลวงตามหาบัวได้กล่าวถึงไว้ ท่านมีเมตตามาก พอเห็นพวกเรามากันก็ชวนให้พักที่วัด แล้วก็ให้ข้อธรรมต่างๆ ด้วยปรารถนาดีอีกมากมาย ทุกคนต่างก็ร่วมถวายเทียนด้วยความปลื้มใจ

วัดที่ ๑๐ วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร

กราบหลวงปู่มั่นและชมบริขารเก่าขององค์หลวงปู่ที่ วัดป่าสุทธาวาส เพื่อระลึกถึงความดีงามขององค์ท่าน ส่วนในภาพที่เห็นเป็นโบสถ์ จุดนั้นเดิมคือที่เผาสรีระขององค์หลวงปู่มั่น

วัดที่ ๑๑ วัดพระธาตุเชิงชุม จ.สกลนคร และวัดที่ ๑๒ วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร

กราบพระพุทธบาทสี่รอยที่พระธาตุเชิงชุม พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองสกล เมืองคนดีถิ่นพระอริยะนี้ และจากนั้นเดินทางต่อไปกราบหลวงปู่ฝั้นที่วัดป่าอุดมสมพร ซึ่งก็ยังความสังเวชให้เกิดขึ้นแก่คนในคณะเป็นอย่างมาก เพราะมองขึ้นไปด้านบนให้รูปเคารพของท่าน ขนาดเท่าองค์จริง แต่พอือดตามองต่ำลงมาก็กลับกลายเป็นเพียงอัฐิธาตุ... ร่างกายที่สุดก็เหลือเพียงนี้

ในวัดป่าอุดมสมพรนี้ ยังได้กราบถวายเทียนกับองค์หลวงปู่แปลงอีกด้วย ซึ่งท่านได้ปรารภกับคณะเราว่า "จริงๆ เจอตัวท่านยากนะ เพราะท่านไม่ค่อยได้อยู่ที่วัด แล้วเดี๋ยวเย็นนี้ก็ต้องลงไปกรุงเทพตอนค่ำอีก" จึงเป็นลาภของคณะเราอีกครั้งหนึ่งที่ได้กราบทำบุญกับพระดีอีกครั้ง

วัดที่ ๑๓ วัดป่าโสตถิผล จ.สกลนคร

หลวงปู่บุญหนา พระผู้เบิกบานผ่องใส ซึ่งก่อนมากราบหลวงปู่วันนี้ ได้รับคำบอกเล่าจากหลวงปู่แปลงว่า หลวงปู่บุญหนาจะไปกรุงเทพวันนี้ แล้วน่าจะไปแล้วด้วย แต่คณะเราก็ยังมาโดยมีความตั้งใจอยากจะกราบนมัสการหลวงปู่จริงๆ สุดท้ายพอไปก็ได้พบจริงสมใจ หลวงปู่ว่า "จริงๆ วันนี้ต้องไปกรุงเทพฯ แต่สงสัยรอคณะนี้อยู่เลยไม่ได้ไป!"

ชื่นใจทุกครั้งที่ได้กราบท่าน

วัดที่ ๑๔ วัดดอยเทพเนรมิต จ.สกลนคร

ค่ำ วันนั้น เดินทางต่อไปอีก ๑ วัด ที่เขื่อนน้ำอูน คือ วัดดอยเทพเนรมิตร และก็เป็นอีก ๑ วัดที่ไม่ใช้ไฟฟ้า เราจึงมีโอกาสถวายตะเกียงเจ<wbr>้าพายุให้ท่านไว้ใช้ ซึ่งเมื่อลองจุดดูก็พบว่าให<wbr>้ความสว่างได้ดีมาก หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านเองก็ช<wbr>อบใจมากเช่นกัน นอกจากนี้ ในวัดนี้ยังมีสิ่งพิเศษอีกส<wbr>ิ่งหนึ่งซ่อนอยู่ คือ มีรอยพระพุทธบาทพญาปลา ซึ่งคณะเราก็ดั้นด้นเดินเท้<wbr>าลุยป่ากันอีกครั้งพร้อมเคร<wbr>ื่องสักการะเต็มไม้เต็มมือ จนในที่สุดก็ได้พบ และได้ถวายสักการะบูชาอย่าง<wbr>ชื่นใจ จึงนับเป็นการปิดท้ายวันอย่<wbr>างสุดพิเศษจริงๆ

 

วันที่ ๔ ของการเดินทาง (๑ ก.ค. ๕๗)

วัดที่ ๑๕ วัดป่าสีพนมห์ จ.สกลนคร ของพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่บุญมา
วัดที่ ๑๖ วัดป่าบ้านบ่อร้าง จ.สกลนคร ของพระอาจารย์จำลอง
วัดที่ ๑๗ วัดป่าบ้านปลวก จ.สกลนคร ของพระอาจารย์สอน
ถึงวันนี้จะเป็นวันที่ ๔ ของการเดินทางแล้ว แต่พวกเราก็ยังถวายของต่างๆ กันอย่างเต็มที่ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะอาศัยว่าถ้าอะไรพร่องลงไปก็แวะบิ๊กซีโลตัสซื้อใหม่ให้เต็มทันที


วัดที่ ๑๘ วัดถ้ำเป็ด จ.สกลนคร ขององค์หลวงปู่ก้าน

วัดนี้ตั้งอยู่บนภูเขา มีความรื่นรมย์สมกับเป็นวัดของผู้วิเวก หลวงปู่ท่านเมตตาให้ข้อธรรมะปฏิบัติและปฏิสันฐานแก่ผู้มาเยือนอย่างน่าประทับใจ สำหรับวัดนี้ทันทีที่ขนของเข้าศาลามานั่งอยู่ต่อหน้าหลวงปู่ ฝนโครมใหญ่ก็เทลงมา พอเริ่มถวายของฝนก็หยุดเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

วัดที่ ๑๙ วัดป่าแก้วชุมพล จ.สกลนคร

วัดสุดท้ายในวันนี้ มีโอกาสได้กราบนมัสการหลวงปู่อุ่นหล้า พระสุปฏิปันโนผู้ทรงเมตตาอย่างสูง ยังความซาบซึ้ง ปีติโสมนัสให้เกิดขึ้นแก่พวกเราเป็นอย่างมาก ซึ่งเวลาเข้าหาครูบาอาจารย์จะมีการถวายพานดอกไม้เพื่อความปราณีตยิ่งขึ้นด้วย เมื่อวางพานต่อหน้าหลวงปู่ หลวงปู่ท่านชมทันทีว่า "สวยมาก!"

 

วันที่ ๕ ของการเดินทาง (๒ ก.ค. ๕๗)


เริ่มต้นวันที่ ๕ ของการเดินทางในหนองคาย เป็นวัดที่ ๒๐ กับการกราบนมัสการของพรหลวงพ่อพระใส พระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองหนองคาย จากนั้นไปกราบนมัสการหลวงปู่ชม วัดสามัคคี (วัดที่ ๒๑) พระมหาเถราจารย์ที่มีอายุ ๙๙ ปี ซึ่งท่านยังคงแข็งแรงไร้โรคภัยใดใดเบียดเบียน ท่านก็เมตตาให้ศีลให้พรเป็นการใหญ่


จากนั้นไปกราบพระธาตุกลางน้ำ หรือพระธาตุหล้าหนอง ที่อยู่ในแม่น้ำโขง ทำการบูชาโดยการปิดทองและโปรยดอกไม้กันอย่างชื่นใจ สถานที่แห่งนี้ต้องบอกว่าน่าประทับใจเกินกว่าคาดจริงๆ

จากนั้นไปสู่วัดที่ ๒๒ ถวายเทียนพรรษาและบริขารต่างๆ กับ วัดวิเวกพัฒนาราม จ.หนองคาย ของหลวงปู่สมภาร (ไม่มีภาพ)

 

วันที่ ๖ ของการเดินทาง (๓ ก.ค. ๕๗)

วัดที่ ๒๓ วัดถ้ำพระภูวัว จ.บึงกาฬ

เช้าวันที่ ๖ ขึ้นถ้ำพระภูวัว เพื่อตักบาตรข้าวเหนียว ถวายเทียนพรรษา และบริขารต่างๆ กับคณะสงฆ์ที่นี่ ซึ่งมีประมาณ ๓๐ รูป สถานที่แห่งนี้เป็นที่วิเวกของพระปฏิบัติมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน เป็นที่ไม่เคยว่างจากพระสุปฏิปันโน เป็นสถานที่ที่เมื่อหลวงตามหาบัวยังอยู่ ก็ไม่ละเลยที่จะให้การอุปถัมภ์อยู่ตลอดมา

วัดที่ ๒๔ วัดป่าถ้ำบูชา จ.บึงกาฬ ของหลวงพ่อทองคำ

ทุกคนก็ช่วยกันถวายสิ่งของต่างๆ อันเป็นประโยชน์ต่อพระป่ากันอย่างเต็มที่ เต็มใจ และเต็มศรัทธาจริงๆ

วัดที่ ๒๕ วัดภูทอก จ.บึงกาฬ และ วัดที่ ๒๖ วัดถ้ำชัยมงคล จ.บึงกาฬ

กราบนมัสการหลวงตาแยงที่พึ่งกลับมาจากกิจนิมนต์พอดี จึงได้ถวายเทียนพรรษาและบริขารอื่นๆ กับท่านโดยตรง หลังจากนั้นไปต่อที่ภูลังกา ดินแดนลี้ลับของนักปฏิบัติอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยไปถวายเทียนพรรษาที่วัดของหลวงปู่วัง "เทพเจ้าแห่งภูลังกา" เป็นวัดที่ ๒๖ ของการเดินทาง

วัดที่ ๒๗ วัดพุทธโมกข์ จ.สกลนคร

เดินทางกลับไปยังสกลนคร เพื่อกราบพระสำคัญที่สุดอีกรูปหนึ่งของการเดินทาง คือ หลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกข์ ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง ท่านมีเมตตาอย่างเต็มเปี่ยมต่อคณะของพวกเรามากจริงๆ นั่งสดับรับธรรมของท่านผ่านไป ๒ ชม. อย่างไม่รู้ตัว จึงนับเป็นของเวลาที่เต็มไปด้วยความปีติสุขเป็นอย่างยิ่ง

 

วันที่ ๗ ของการเดินทาง (๔ ก.ค. ๕๗)

วัดที่ ๒๘ วัดพระธาตุพนม จ.นครพนม

เช้าวันที่ ๗ ของการเดินทาง ได้เข้ากราบนมัสการพระธาตุพนม พระธาตุศักดิ์ที่เก่าแก่ที่สุดในภาคอีสาน ได้ถวายบายศรีชุดใหญ่ ถวายผ้าห่ม และปฏิบัติบูชากันอย่างที่เรียกว่า "จัดเต็ม!" จริง

 

วันที่ ๘ วันสุดท้ายของการเดินทางสู่อีสาน (๕ ก.ค. ๕๗)

วัดที่ ๒๙ วัดป่ากุง จ.ร้อยเอ็ด ของหลวงปู่ศรี มหาวีโร

หลวงปู่ศรี เป็นพระมหาเถระผู้มากบุญอย่างยิ่ง โดยวัดนี้มีความร่มรื่น มีป่า และมีเจดีย์ทรายอันงดงาม

วัดที่ ๓๐ วัดดอยเปลือย จ.มหาสารคาม

ย้อนกลับเข้าสู่มหาสารคาม เพื่อไปถวายเทียนพรรษาและบริขารต่างๆ กับวัดดอยเปลือย ซึ่งเป็นวัดสุดท้ายสำหรับการเดินทางถวายแสงสว่างภาคอีสานในปีนี้


ปิดท้ายการเดินทางอย่างน่าประทับใจด้วยการร่วมกันห่มผ้าที่พระธาตุนาดูนอันศักดิ์สิทธิ์ พุทธมณฑลแห่งอีสาน

 

ภาพและคำบรรยายทั้งหมดได้คัดมาจากหน้าเว็บของพระอาจารย์

สำหรับงานนี้ต้องขออนุโมทนากับทุกๆ ท่านเป็นอย่างยิ่งนะครับ ที่ช่วยกันสร้างสรรงานบุญนี้ร่วมกันจนสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม สำหรับผมที่ได้เดินทางไปถวาย ต้องบอกว่าปีติอย่างยิ่งตลอดทางที่ไปในทุกๆ แห่ง และมีความสุขอย่างยิ่งในทุกๆ ครั้งที่ไปจริงๆ ครับ

 

จะมีการนำไปถวายทาง อ.อุ้มผาง จ.ตาก อีก ๓ วัด และไปถวายถ้ำป่าอาชาทอง จ.เชียงราย ของครูบาเหนือชัย พร้อมด้วยสาขาอีก ๑๒ แห่ง ของท่าน พร้อมทั้งวัดสายหลวงพ่อชา ในจังหวัดเชียงรายอีก ๒ วัด

ขอได้โมทนาร่วมกันนะครับ

 

ิอนุโมทนาครับ ขอคุณมากครับที่เปิดโอกาสดีๆให้ร่วมบุญแบบนี้ขนาดไม่ได้ไปยังอิ่มใจเลยสาธุ

 

ขออนุโมทนาสาธุครับ
เห็นแล้วอิ่มบุญด้วยนะครับ
สาธุ อนุโมทามิ

 

สาธุ ขออนุโมทนาบุญกับท่านเจ้าภาพพร้อมคณะ และเพื่อนๆกัลยามิตรทุกท่านด้วยครับ

 

สาธุ สาธุ สาธุ ดูภาพแล้วเต็มอิ่มในบุญด้วยจริงๆค่ะ

ขอน้อมจิตอนุโมทนาทุกบุญกุศลค่ะ สาธุ

 

อนุโมทนาบุญ สาธุ สาธุ สาธุ
เห็นภาพก็สบายใจ ปลื้ม

 

ปลื้มปิติมากค่ะ ขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดโอกาสให้ได้ร่วมในบุญนี้
อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่มีส่วนร่วมในบุญนี้ด้วยค่ะ สาธุ

 

อนุโมทนาสาธุในบุญทุกประการกับทุกท่านครับ ปลื้มใจมากครับ ดีใจที่ได้มีโอกาสร่วมบุญด้วยครับ

ขอถวายเป็นพุทธบูชา ขอจงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้ามีทิพยจักขุญาณที่ดียอดเยี่ยมชัดเจนแจ่มใสในทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะถึงพระนิพพานด้วยเถิด
สาธุ สาธุ

 

ปลื้มใจมากค่ะ ที่ได้มีโอกาสร่วมบุญด้วยค่ะ อนุโมทนาบุญทุุกประการกับทุกๆคนในคณะด้วยนะค่ะ