ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ขุดเจอวัดร้าง ที่เด่นชัย จังหวัดน่าน วันนี้ ดูจากโถบรรจุพระ ใกล้เคียงยุคสมัยกับโถบรรจุพระของวัดบ่อทองคำ จังหวัดพิษณุโลกค่ะ

    ปี 2553 ก็เขียนๆอยู่แบบนี้ กรุพระบ่อทองคำก็แตก ทำให้สนใจตามบางเรื่องที่สงสัยให้กระจ่างขึ้นมาค่ะ

    วันนี้มีข่าวกรุพระแตกอีก ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกันไหมค่ะ อายุวัดร้างที่ขุดเจอน่าจะใกล้เคียงกับอายุวัดบ่อทองคำค่ะ

    วัดร้างที่เด่นชัย.jpg

    ลายโถตามเส้นสีน้ำเงินคล้ายที่เจอที่วัดบ่อทองคำค่ะ

    โครงการรถไฟเด่นชัย-เชียงของ ตอกเสาเข็มขุดเจอซากวัดร้าง คาดอายุกว่า 500 ปี (msn.com)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2024
  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    หลังสงครามยุทธหัตถี พระนเรศทรงพาพระนางพร้อมพระโอรสพระธิดา ไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญของบ้านเมืองหลายที่ ขอให้มีสักที่หนึ่งกรุแตกแล้วมีร่องรอยว่าพระองค์ไลเป็นโอรสสมเด็จพระนเรศวรปรากฎด้วยเถิด ให้เหมือนร่องรอยที่ปรากฎว่าพระองค์บัวเป็นพระธิดาสมเด็จพระนเรศ สาธุ อธิษฐานแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะหาเจอง่ายๆ ต้องเป็นพระบารมีสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเบิกทางให้เท่านั้นจึงจะพบ ต้องรออย่างเดียวค่ะ ถ้าพบน่าจะพบพระที่ใช้ตัวขอมย่อว่า "สะ" มาจากพระสุริยกุมาร เนื่องจากเป็นชื่อพระราชทาน ส่วนชื่อเล่นของพระองค์ไลมาจากพระนางนำชื่อพระยูไลมาตั้งชื่อให้พระโอรสแบบลำลอง คาดว่าพระนเรศน่าจะทรงใช้ชื่อพระโอรสแบบไทยในการสลักด้วยอักษรขอมบนองค์พระเครื่อง


    อย่างเรื่องการเสด็จไปนมัสการพระสำคัญ เช่นการไปนมัสการพระบาทสี่รอย นั่งช้างขึ้นไปใช้เวลาเป็นวันๆ กว่าจะถึง แต่ครั้งนั้นก็ไม่รู้จะมีร่องรอยอะไรไหม การนำทัพไปถึงเชียงใหม่ในเวลาว่างศึกในยุคของพระองค์ ทัพจะเดินนำไปก่อน ส่วนครอบครัวของพระองค์จะเสด็จทางชลมารคไปสมทบโดยมีความเป็นไปได้ที่จะตั้งทัพหลวงที่ริมน้ำปิง แถววัดท่าใหม่อิ ทำให้มีกำลังพลของกองทัพเพียงพอกับงานสร้างวัดใหม่ขึ้นมาค่ะ คาดว่าฐานพระเจ้าโชคดีอาจจะมีแผ่นดวงพระชะตาฝังไว้ด้วย เพื่อให้พระคุ้มครองพระชะตา

    ที่พูดเผื่อไว้เพราะดิฉันไม่แน่ใจว่าจะเจอหลักฐานได้เร็วช้าแค่ไหน อาจจะต้องรอนานมากหลังจากที่ดิฉันตายไปแล้วก็ได้ จึงต้องเขียนออกมาเพื่อให้คนข้างหลังเข้าใจที่มาที่ไปของเรื่องราวค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2024
  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ภาพนี้น่ารักดีค่ะ ฉากหนึ่งที่ปักกิ่งในความทรงจำ ภาพนี้คล้ายๆ ภาพที่เห็น ต่างกันที่เจ้านางเดินนำหน้า ส่วนเจ้าชายเดินตามหลัง ทรงอุ้มแมวในมือทั้ง 2 พระองค์
    Screenshot_20240424_152925_Facebook.jpg
     
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    กราบทูลถามพระองค์ดำด้วยการอธิษฐาน ขอทราบที่มาของทรงหมวกนักรบอยุธยา และขอหลักฐานการประสูติของพระองค์ไล

    วันนี้ได้คำตอบมา 1 เรื่องโดยบังเอิญเป็นเรื่องของหมวก อันดับใกล้สืบค้นไปถึงราชวง์ซ่งใต้จากหนังที่อยู่ๆก็มีคนโพสใน tiktok เช้านี้ ... และจากตรงนี้ยังย้อนไปอีกถึงยุค 3 ก๊กที่มีอยู่ก๊กหนึ่งที่ใช้หมวกทรงนี้.. พูดแล้วขนลุกนะ... เวลารับสื่อจะมาแบบบังเอิญ ทำให้เขียนต่อได้เรื่อยๆค่ะ.. พระกฤษฎาภินิหารที่มิอาจบดบังได้ ..

    จางจวีเจิ้งจึงเรียกพระนเรศด้วยสมญานามว่า หัวเจ้าซ่ง..หัวเจ้า...ผู้มีเชื้อสายแซ่เจ้าที่วิวัฒนาขึ้นจากสายเจ้าเดิมของราชวงศ์ซ่ง...เราเผ่าไทมีต้นสายจากที่สืบลงมาจากพระเจ้าเสี่ยวเหา (พระเจ้าเหา)

    Screenshot_20240425_090824_TikTok.jpg
     
  5. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    จูล่งแห่งเสียงสาน ชนเผ่าบนเขาเสียงสานที่เข้าร่วมก๊กกับเล่าปี่ ที่มาครองเสฉวน เสฉวนเคยเป็นบริเวณถิ่นเก่าของพวกเผ่าไท(เยว่ร้อยเผ่า)ก่อนที่เล่าปี่จะมายึดเป็นฐานที่มั่น
    Screenshot_20240425_102049_Google.jpg
     
  6. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ข้อสังเกตหนึ่งของวัดโบราณคือ ถ้าหน้าบันพระอุโบสถเป็นนารายณ์ทรงสุบรรณ แสดงว่าวัดนั้น เจ้าเป็นผู้สร้าง

    อย่างวัดนางกุยนี้ หน้าบันเป็นนารายณ์ทรงสุบรรณ นางกุยต้องเป็นเจ้า ไม่ใช่เศรษฐีธรรมดา ๆ อย่างที่เข้าใจกัน
    Screenshot_20240425_173504_TikTok.jpg
     
  7. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ขอแวะออกไปเรื่องเขมรกับขอม ต่างกันเรื่องรูปร่างและความสูง

    พวกชนเผ่าชาวเกาะ จะตัวเล็ก เกร็น เช่นเขมร หรือชาวญี่ปุ่น แต่พวกขอม พวกเผ่าไทสายนักรบจะตัวสูงใหญ่

    เรื่องนี้สำคัญกับการรบสมัยโบราณโดยเฉพาะการรบบนหลังช้าง พวกตัวเล็กตัวเกร็นขี่ช้างโบราณสูง 3.2- 3.7 เมตรไม่ได้ พวกเชื้อสายชาวเกาะจะไม่มีการใช้ช้างในการสู้รบเพราะบังคับช้างไม่ไหว

    พระนเรศสูงราว 2 เมตร ท่านสูง แขน ขา ยาว นั่งช้าง ขี่ช้าง ถนัด พม่าก็เป็นชาติที่ตัวสูงใหญ่ ขี่ช้างสู้กับไทยสูสีกันเพราะเรื่องรูปร่างสูงใหญ่ใกล้เคียงกันค่ะ แต่สยามในสมัยอยุธยาไม่เคยขี่ข้างไปทำยุทธหัตถีกับกษัตริย์เขมร เพราะสาเหตุจากรูปร่างที่เขมรไม่เหมาะกับการขี่ช้างศึกโบราณ และดูเหมือนเขมรจะไม่ถนัดการรบบนหลังช้างศึกโบราณ คาดว่ามาจากข้อเสียเปรียบเรื่องรูปร่างของลูกหลานแตงหวานนั่นเอง

    ทหารโบราณไทยยืนข้างช้าง เห็นชัดว่าเมื่อเทียบกับช้างแล้วทหารไทยสูง 180 ขึ้นไป เรื่องรูปร่างเป็นเกณฑ์ในการแบ่งเผ่าพันธ์ได้ เขมรจะมาเครมว่าเป็นชาวขอมนั้นยาก เพราะสมัยก่อนเขมรรูปร่างแคะเกร็น ไม่เหมาะจะเป็นนักรบ รูปร่างไม่สูงใหญ่เท่าชาวสยาม อีกทั้งชาวเขมรไม่นิยมขี่ช้าง คนที่ขี่ช้างในประวัติศาสตร์เขมรคือคนสยามที่ไปปกครองแผ่นดินกัมพูชาสมัยนั้น

    ในสมัยโบราณนั้น ใช้รูปลักษณ์และรูปร่างเป็นเกณฑ์แยกคนสยามออกจากเขมรได้ค่ะ แต่ปัจจุบันเรื่องรูปร่างแบ่งแยกกันยากค่ะ

    Screenshot_20240404_093757_Gallery.jpg

    ปัจจุบันยังหลงเหลือช้างป่าให้พวกเราได้เห็นความใหญ่โตของช้างศึกโบราณ ในรูปนี้คาดว่าจะเป็นช้างพังด้วย

    Screenshot_20240406_113827_TikTok.jpg

    เทียบขนาดช้างป่ากับชายไทยร่างสันทัดในปัจจุบัน เห็นชัดว่าคนไทยตัวเล็กลงกว่าเมื่อ 400 กว่าปีก่อนค่ะ

    Screenshot_20240426_120738_TikTok.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2024
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    กลับเข้าเรื่องหมวก ด้วยความบังเอิญ อีกแล้ว (พระบารมีสมเด็จพระนเรศวรโดยแท้ สาธุ) วันนี้ในเฟสบุ๊คมีคนเอาเรื่องหมวกทหารราชวงศ์ซ่งมาโพสพอดี ทำให้รู้ว่าคนจีนเรียกหมวกชนิดนี้ว่า "ฟาน หยาง ลี่" = 范阳笠 จึงไปค้นคว้าประวัติมาได้นิดหน่อยดังนี้ค่ะ

    ฟานหยางลี่เป็นหมวกทหารที่เกิดในสมัยห้าราชวงศ์และสิบอาณาจักร กล่าวกันว่ามีต้นกำเนิดมาจากพื้นที่ฟานหยาง (ปัจจุบันคือโจวโจว เหอเป่ย) จึงเป็นที่มาของชื่อฟ่านหยางลี่ ฟาน หยางลี่ มักทำจากหนังหรือผ้าสักหลาด โดยมีลำตัวหมวกเป็นรูปครึ่งวงกลม และปีกกว้างที่มีรูปร่างคล้ายใบบัว มันถูกใช้ไปแล้วในกองทัพในช่วงห้าราชวงศ์และสิบอาณาจักร และได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นในราชวงศ์ซ่ง อาจกล่าวได้ว่าในสมัยราชวงศ์ซ่งเป็นช่วงเวลาที่ Fan Yang li ปรากฏบ่อยที่สุด กองทัพ Xiang ทหารในชนบท ทหารท้องถิ่น และนักธนูในราชวงศ์ซ่งต่างก็ใช้หมวกประเภทนี้

    Fan Yangli ไม่เพียงแต่ได้รับความนิยมในราชวงศ์ซ่งเท่านั้น แต่ยังพบเห็นได้ทั่วไปในราชวงศ์หยวนและราชวงศ์หมิงในรุ่นต่อๆ ไปอีกด้วย แม้ว่า Fan Yang li จะมีข้อได้เปรียบมากมาย แต่ข้อบกพร่องของ Fan Yang li ก็ชัดเจนเช่นกัน นั่นคือการป้องกันของมันแย่เกินไป

    เห็นแบบนี้เพื่อน ๆ บางคนอาจจะสงสัยว่า การป้องกันมันไม่ดี ทหารจะใส่มันในการรบหรือเปล่า?

    ในความเป็นจริง ในฐานะหมวกทหาร Fan Yang li มักจะสวมในระหว่างการฝึกซ้อมประจำวัน การปฏิบัติหน้าที่ และการเดินขบวน แต่บางครั้งเขาก็สวมมันในสนามรบจริงๆ ในยุทธการที่ลิ่วเหอ เมื่อราชวงศ์โจวตอนหลังเข้าโจมตีราชวงศ์ถังตอนใต้ในปีคริสตศักราช 956

    [​IMG]

    คนส่วนใหญ่เชื่อว่ามีต้นกำเนิดได้รับอิทธิพลมาจากชาว Hu ("ชาวเชียงใช้ประโยชน์จากขนสัตว์เป็นครั้งแรก และทำหมวกสักหลาดจากหนังสัตว์”)

    แต่บางคนเชื่อว่า Fan Yang li มาจากทางใต้ของจีน พวกเขาเชื่อว่ารูปร่างของฟานหยางลี่นั้นเหมาะสำหรับการปกป้องจากแสงแดดและฝน และถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษสำหรับสภาพแวดล้อมทางภาคใต้ที่มีแสงแดดจัดและมีฝนตกหนัก อิฐรูปเหมือนของราชวงศ์ทางใต้ (หนานซ่ง) ที่ขุดพบในเทศมณฑลเติ้ง มณฑลเหอหนาน ก็ใช้หมวกขนาดใหญ่แบบนี้
    [​IMG]


    คหสต ... คาดว่าเพราะภูมิอากาศประเทศไทยที่ร้อนจัดจ้าน และฤดูฝน ทำให้ประเทศไทยเลือกใช้หมวกทรงนี้ในการสวมใส่ในการทำสงคราม ที่ไม่ใช้หมวกเหล็กเพราะว่าอากาศร้อนจะทำให้ผู้สวมใส่ทรมานจากเหล็กร้อนๆ แต่สำหรับหมวกหนังจะสวมใส่สบายกว่าในภูมิอากาศร้อน

    ชาวเชียง หรือชาวhu ที่เริ่มใช้ประโยชน์จากขนสัตว์หนังสัตว์ พวกเขาก็คือหนึ่งในต้นกำเนิดเผ่าไท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2024
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ประจักษ์พยานว่า เรื่องหมวกเพิ่งถูกโพสเมื่อ 21- 22 ชม ที่แล้ว(ขณะที่เขียนโพสนี้เวลา 11:43 ของวันที่ 26 เมษายน 2567) และดิฉันเพิ่งมาเห็นโพสนี้เมื่อเช้าค่ะ. ยืนยันอีกครั้งว่าข้อมูลมาแบบบังเอิญแบบนี้บ่อยค่ะ

    Screenshot_20240426_114131_Facebook.jpg

    Screenshot_20240426_112452_Facebook.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ขออธิบายแทรกนิดหน่อยเรื่องการนุ่งพระภูษาของเจ้านาง กลัวว่าการนุ่งห่มของพระนางจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในธรรมเนียมนุ่งห่มของราชสำนักไทย

    ตามรูปพระนางจะนุ่งลอยชายผ้านิดหน่อย ซึ่งตามความจริงแล้วเจ้านางอยุธยาต้องนุ่งผ้าภูษากรอมเท้า สมัยแรกๆที่ทรงนุ่งห่มแบบไทยผ้าภูษากรอมเท้า พระนางจะใช้สองมือยกภูษาขึ้นให้เห็นเท้าเพื่อให้เดินสะดวก พระนางติดมาจากสมัยที่ยังสาวก่อนมาเมืองสยามการนุ่งห่มแบบหมิงก็กรอมเท้าเสื้อผ้ามีจำนวนผ้าทับกันหลายผืน นางจะใช้สองมือยกโหย่งผ้าขึ้น(เห็นเท้า)เพื่อให้เดินสะดวก แต่ครั้งที่ต้องเข้าวังหลวง(พระราชวังต้องห้าม)เพราะไทเฮาเรียกให้เข้าไปฝึกมารยาทราชสำนักนั้น พระนางต้องฝืนมือห้ามไปยกโหย่งกระโปรงขึ้นตลอดระยะเวลาที่ยังอยู่เดินในบริเวณราชสำนักก่อนที่จะได้กับบ้านตอนเย็นค่อยกลับมาโหย่งกระโปรงเดินได้

    พอนางมาสยามนางมีอำนาจพอที่จะอิสระจากการนุ่งกรอมเท้ามานุ่งแค่ประมาณเหนือตาตุ่มขึ้นมาหน่อยเพื่อให้เดินสะดวกโดยไม่ต้องเอามือไปยกโหย่งผ้าบริเวณหน้าขาเพื่อให้ชายผ้านุ่งขึ้นจึงจะก้าวเดิน นี่เป็นการนุ่งสไตล์ของนาง แต่สตรีราชสำนักคนอื่นยังคงนุ่งกรอมเท้าจึงอยากบอกรายละเอียดว่าทำไมพระนางชอบนุ่งภูษาคล้ายสไตล์คนลาว แต่ดูจากรูปข้างล่างก็คิดว่าพระนางมีอิทธิพลต่อการนุ่งห่มของเจ้านางท่านอื่นมากทีเดียว พระนางน่าจะมีอำนาจไม่ใช่น้อย

    FB_IMG_1708174170429.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2024
  11. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เรื่องชาวเชียงที่คิดค้นหมวกหนังสัตว์ที่เป็นต้นแบบหมวกนักรบไทยแต่โบราณ

    ปัจจุบัน เผ่าเชียงอยู่ที่รอยต่อเสฉวนกับทิเบต นับถือพุทธแบบลามะ ภาษาพูดเป็นจีน-ทิเบต กับ พม่า_ทิเบต. เป็นเผ่าที่มีภาษาของตนเองคือภาษาเชียง ปัจจุบันใช้อักษรจีน คนเผ่าเชียงผลิตกลองหนังสัตว์ด้วย อายุเผ่ามากกว่า 3000 ปี

    จางจวีเจิ้งสืบเชื้อสายจากเผ่าอี๋ 5000 ปีก่อร ที่ผลิตธนู ไม่รู้ว่าจะเป็นต้นกำเนิดของเผ่าเชียงด้วยหรือไม่ แต่คงเป็นบรรดาเยว่ร้อยเผ่า (คนภูเขาร้อยเผ่า) ซึ่งคนไทยเราน่าจะเรียกคนกลุ่มนี้ว่า คนไทเผ่าต่างๆ และเป็นความหมายที่หมายถึงคนกลุ่มต่างๆเหล่านี้เหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2024
  12. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เขมรปัจจุบันคือทาสแรงงานชาวเกาะที่มีผู้นำคือพระเจ้าแตงหวานที่นำพวกลุกขึ้นมาปฎิวัติพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โจวต้ากวนยืนยันไว้

    อีกอย่างถ้าเขมรมีเชื้อไท หรือขอมจริง เมืองจีนคงส่งเจ้าหญิงมาแต่งงานด้วยแล้ว เพราะจีนบางราชวงศ์ เช่นราชวงค์ซ่งนั้นถือว่าคนเผ่าไทเป็นญาติและเป็นพันธมิตร ส่วนสมัยขอมที่มีราชธานีอยู่ที่ลพบุรี ราชวงศ์ซ่งส่งเจ้าหญิงจีนมาแต่งงานกับพระเจ้าสายน้ำผึ้ง

    เขมรชั้นลูกหลานแตงหวานต้องยอมรับความจริงว่า พวกเขมร ไม่ใช่เครือญาติกับเผ่าไทและขอม

    Screenshot_20240428_134349_TikTok.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2024
  13. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เขมรลูกหลานแตงหวานตัวเล็กแบบชาวเกาะขี่ช้างทำยุทธหัตถีไม่ไหวเพราะสรีรร่างกายไม่อำนวยให้ไสข้างรบขนาดความสูง 3.2 เมตรขึ้นไป อีกอย่างคืออาวุธที่ใช้บนหลังช้างมีด้ามยาวๆ กษัตริย์ที่ทรงนั่งตำแหน่งหัวช้างต้องแข็งแกร่งมากจึงจะใช้อาวุธด้ามยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    FB_IMG_1708064356706.jpg

    กษัตริย์ก่อนแตงหวานเป็นเครืญาติกับเผ่าไท
    (กษัตริย์หลังแตงหวานลงไป ไม่ใช่เครือญาติกับเผ่าไท)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2024
  14. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    Screenshot_20240428_222359_Maps.jpg

    ถ้าวัดมุมได้ 100 องศาเป๊ะ (ตอนนั้นมีเครื่องวัดมุมองศาแบบเป๊ะๆเข้ามาใช้โดยนายก่ายนำติดตัวมาด้วย) และถ้า 100 องศาจริง มีโอกาศที่นี่อาจเป็นวัดป่าแก้วที่สมเด็จพระนเรศให้ทหารช่วยกันสร้างหลังสงครามยุทธหัตถี พระประธานเป็นพระยืน พระนเรศทรงออกทุนเริ่มต้น 99 ชั่ง พระนางตามสมทบอีก 99+1 ชั่ง ส่วนที่เหลือ ทหารช่วยๆกันออกแรงออกเงินตามศรัทธาร่วมกันสร้าง ภายหลังใช้เป็นที่ฝึกกรรมฐานแบบนอนป่าอยู่ป่าของทหารในพระองค์

    สำหรับวัดใหญ่ชัยมงคลเป็นเจดีย์เดิมของเมืองเก่าอโยธยา คิดว่าตอนนั้นคนจีนก็เริ่มไปอยู่ใกล้ๆวัดพนัญเชิงแล้ว การปฏิบัติธรรมแบบอยู่ป่าอาจจะไท่เหมาะเท่าวัดวรเชตนอกเกาะ


    พระเจ้าปราสาททองรับคติการสร้างโบสถ์ให้หันไปที่ 100 องศาตอนสร้างโบสถ์วัดปราสาท นนทบุรี ส่วนความหมายของ 100 องศานี้ไม่ทราบว่าทำไปเพื่ออะไรค่ะ

    พระองค์ไลรับถ่ายทอดศาสตร์และศิลป์มาเต็มๆจากพระนเรศ

    Screenshot_20240428_224113_Maps.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2024
  15. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ที่กลับมาเรื่องวัดเพราะดิฉันจะหาหลักฐานการประสูติของพระองค์ไล คิดว่าจะหาวัดที่พระนเรศสร้างเพื่อฉลองการมีพระโอรสจากพระอัครชายาในปี 2130 ค่ะ แต่ปี 2130 นั้น พระองค์ท่านติดศึก พม่าและละแวก อาจจะสร้างวัดในปี 2131 ก็ได้ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2024
  16. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    มีที่หนึ่งที่สมเด็จพระนเรศวรทรงสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2130 แต่ไม่รู้ว่าจะเชื่อมโยงถึงพระโอรสอย่างไรได้ เป็นที่น่าสังเกตว่าทรงสร้างด้วยลักษณะเจดีย์ย่อมุมไม้ 12 อันมีความหมายว่ารักชั่วนิรันดร (ตามคติการสร้างเก๋งจีนย่อมุมไม้สิบสองในสวนฝ่ายในของพระราชวังต้องห้ามค่ะ)

    FB_IMG_1714442386829.jpg

    ข้างๆ เป็นวัดภูเขาทอง เห็นมีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองอีกหลายองค์ อาจจะต้องลองศึกษาวัดภูเขาทองให้ลึกซึ้งค่ะ
     
  17. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เตียงนอนในจวนจะประมาณนี้ ทำจากไม้ลอยจากพื้น สร้างเหมือนถ้ำ ทำให้ห้องนอนอบอุ่นขึ้นท่ามกลางหิมะตก ไม่ต้องพึ่งเตาถ่าน ห่มผ้าหนาๆก็สามารถนอนได้ ไม่แข็งตาย

    Screenshot_20240430_094554_TikTok.jpg

    https://vt.tiktok.com/ZSFTa6XHH/ เล่าตามที่เห็นให้ภาพเมืองและวิถีชีวิตในปักกิ่งสมัยราชวงศ์หมิงควบคู่ไปกับสมัยอยุธยาสมัยพระมหาธรรมราชาถึงสมัยพระเจ้าปราสาททอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2024
  18. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ตำแหน่งสนมเอก หากมีพระโอรสให้กษัตริย์ ลูกชายจากพระสนมเอกคนนี้พระยศจะขึ้นที่ พระอินทราชา คาดว่าสมเด็จพระนเรศวรทรงมีสนมเอกที่แต่งกับพระองค์ท่านตั้งแต่กลับจากหงสาและเริ่มไปครองพิษณุโลก และพระโอรสองค์นี้ทรงอายุมากพอควรและไปบวชจนได้ตำแหน่งพระพิมลธรรม(ตำแหน่งบรรดาศักดิ์พระที่ถือว่าสูงทีเดียวน่าจะมาจากพระชาติกำเนิดที่สูงและบวชมานานพอควร) ก่อนจะขึ้นครองราชย์. ข้าพเจ้าเชื่อว่าทรงเป็นพระโอรสองค์หนึ่งของพระนเรศ ถ้าไม่มีพระนางมณีจันทร์มาครองตำแหน่งอัครมเหสีและทรงให้กำเนิดพระโอรส 1 องค์ ท่านอินทราชาต้องได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระนเรศ (กรณีนี้จะเป็นจริงได้ต้องประกอบกับพระเอกาไม่ได้ทำรัฐประหารด้วยนะคะ) พระสนมเอกคงเสียพระทัยมาก เรื่องที่พระโอรสของนาง ตกจากตำแหน่งว่าที่กษัตริย์แต่ภายหลังก็ได้เป็นกษัตริย์นะคะ อาจจะเป็นที่มาของตำนานที่เล่าลือกันเรื่องที่ทรงเสียพระทัยมากและไปบวชที่วัดสุดสวาสดิ์ (เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ) ดิฉันคิดว่าพระสนมเอกมีชีวิตอยู่กระทั่งลูกชายได้เป็นกษัตริย์และคิดว่าพระสนมเอกองค์นั้นคงปล่อยวางเรื่องทุกอย่างลงแล้ว ดังนั้น ตำนานก็คือตำนาน เหลือไว้แต่ประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้จากคนรุ่นก่อนค่ะ

    เพิ่มเติม ประวัติศาสตร์บอกว่าพระอินทราชา มีน้องชื่อพระองค์ทอง(ได้เป็นเจ้าเมืองพิชัยและตายในสงครามในสมัยพระเจ้าทรงธรรม) ถ้าบ้านเมืองปกติ ไม่ขาดแคลนอาวุธและกำลังพล พระมหาธรรมราชาคงไม่ต้องส่งพระนเรศไปเมืองจีนเพื่อหาความร่วมมือและความช่วยเหลือจากญาติห่างๆอย่างจางจวีเจิ้ง คาดว่าพระนเรศจะทรงแต่งหญิงที่มาจากตระกูลญาติใกล้ชิด และคิดว่าพระสนมเอกจะมีสิทธิสูงที่จะขึ้นตำแหน่งอัครมเหสี ป.ล.เจ้าหญิงญาติใกล้ชิดถูกกวาดต้อนไปเป็นมเหสีพระเจ้าบุเรงนองจนหมดอุษาคะเนย์ด้วยค่ะ เป็นที่มาที่ทำให้พระมหาธรรมราชาต้องติดต่อไปเมืองจีนเพื่อหาคู่สมรสที่เหมาะสมให้กับพระโอรสองค์โต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2024
  19. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เบื้องต้นบุเรงนองสร้างเจดีย์ภูเขาทอง และสร้างอุโบสถ ขวางตะวัน (ขวางความเจริญรุ่งเรืองของสยาม)

    สันนิษฐานว่า ผู้สร้างวิหารแกลบ คงจะเป็นสมเด็จพระนเรศทรงสร้างในคราวเดียวกัน(วางแนวตะวันออก-ตะวันตก โดยทางเข้าอยู่ทางตะวันออก) เพื่อแก้ไขพลังลบของโบสถ์ขวางตะวัน

    ต้องดูแลวิหารแกลบให้ดีด้วยเพราะสำคัญด้านแก้พลังลบต่อแผ่นดินค่ะ อ่านความหมายตามที่เคยได้ความรู้จากพระอาจารย์สิงห์ทนที่เคยเล่าเรื่องโบสถ์ขวางตะวันให้ดิฉันฟังค่ะ
    Screenshot_20240501_124038_Maps.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2024
  20. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434

แชร์หน้านี้

Loading...