ขอบพระคุณทุกท่านครับ สาธุ...

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย จิตตานุปัสสนา, 2 ธันวาคม 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    เทวรูปนารี พระแม่อุมาเทวีครับ
    เก่ามากๆๆๆๆ ครับ เนื้ออย่างกับนาดูน ใครชอบก็นิมนต์ครับ 1,200 บาท หายาก...


    [​IMG]



    กรุณาโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.ทหารไทย สาขาย่อย ม.ราชภัฏอุดรธานี
    ชื่อบัญชี ณรงค์ ขันดีศรีไพบูลย์
    เลขที่บัญชี 516-202-8020
    โทรศัพท์ 083-284-9228
    (ค่าส่งฟรีครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC06137.jpg
      DSC06137.jpg
      ขนาดไฟล์:
      547.2 KB
      เปิดดู:
      102
    • DSC06139.jpg
      DSC06139.jpg
      ขนาดไฟล์:
      615.1 KB
      เปิดดู:
      74
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2011
  2. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    พระรอด เก่าถึงยุค สวยมากๆๆๆๆ ครับ
    แต่เป็นพระรอดที่ถูกพบตามท้องไร่ท้องนา
    สวย ถึงยุค ตามสภาพ ใครชอบเชิญนิมนต์ครับ
    ของเก่าได้ใจ พุทธคุณไม่ต้องพูดถึง เรื่องปราบโรคร้าย
    ภยันตราย นิรันตราย นั่นแน่แท้ทีเดียว...
    สาธุ


    [​IMG]

    เบาๆ สำหรับผู้ศรัทธาีครับ..
    1,200 บาท


    กรุณาโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.ทหารไทย สาขาย่อย ม.ราชภัฏอุดรธานี
    ชื่อบัญชี ณรงค์ ขันดีศรีไพบูลย์
    เลขที่บัญชี 516-202-8020
    โทรศัพท์ 083-284-9228
    (ค่าส่งฟรีครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC06146.jpg
      DSC06146.jpg
      ขนาดไฟล์:
      399.9 KB
      เปิดดู:
      71
    • DSC06148.jpg
      DSC06148.jpg
      ขนาดไฟล์:
      402.1 KB
      เปิดดู:
      71
    • DSC06150.jpg
      DSC06150.jpg
      ขนาดไฟล์:
      281 KB
      เปิดดู:
      71
    • DSC06154.jpg
      DSC06154.jpg
      ขนาดไฟล์:
      832.7 KB
      เปิดดู:
      76
    • DSC06155.jpg
      DSC06155.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      77
    • DSC06156.jpg
      DSC06156.jpg
      ขนาดไฟล์:
      920.8 KB
      เปิดดู:
      54
    • DSC06157.jpg
      DSC06157.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1,019 KB
      เปิดดู:
      74
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2011
  3. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    อิอิ รอไว้ก่อนก้ได้ ถ้าไม่ไปซะก่อน 555...
     
  4. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    หลวงตามหาบัว รูปหล่องานพิธีปิดโครงการช่วยชาติ สวยงามมากๆ ครับ
    เบาๆ องค์ละ 1500 บาทครับ... เหลือ 1,200 .- (มีองค์เดียว)

    ปิดรายการแล้วครับ สาธุ

    [​IMG]

    กรุณาโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.ทหารไทย สาขาย่อย ม.ราชภัฏอุดรธานี
    ชื่อบัญชี ณรงค์ ขันดีศรีไพบูลย์
    เลขที่บัญชี 516-202-8020
    โทรศัพท์ 083-284-9228
    (รายการนี้ส่งฟรีครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC06132.jpg
      DSC06132.jpg
      ขนาดไฟล์:
      696.8 KB
      เปิดดู:
      71
    • DSC06127.jpg
      DSC06127.jpg
      ขนาดไฟล์:
      352.2 KB
      เปิดดู:
      87
    • DSC06130.jpg
      DSC06130.jpg
      ขนาดไฟล์:
      340.2 KB
      เปิดดู:
      79
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2011
  5. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    สวัสดีตอนบ่ายครับ..
    ลดราคาหลายรายการ เชิญชมได้ครับ...
     
  6. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    [​IMG]

    ลดพิเศษครับ..เหลือ 12,000 .-
    สมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ใหญ่ เนื้อเก่า ฉ่ำ ดูง่าย ผงละเอียดยิบ..


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC05137.jpg
      DSC05137.jpg
      ขนาดไฟล์:
      520.6 KB
      เปิดดู:
      95
    • DSC05138.jpg
      DSC05138.jpg
      ขนาดไฟล์:
      548.7 KB
      เปิดดู:
      76
    • DSC05143.jpg
      DSC05143.jpg
      ขนาดไฟล์:
      170.4 KB
      เปิดดู:
      66
    • DSC05148.JPG
      DSC05148.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.5 MB
      เปิดดู:
      77
    • DSC05150.JPG
      DSC05150.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.4 MB
      เปิดดู:
      59
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2011
  7. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
  8. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    ล็อกเก็ตหลวงปู่สาย เขมธัมโม.. พระของหลวงปู่ค่อนข้างหายากครับ

    [​IMG]

    ประวัติองค์หลวงปู่อ่านได้ ที่นี่ ครับ

    เบาๆ ครับ 350 บาท ค่าส่ง 50 บาทครับ..

    กรุณาโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.ทหารไทย สาขาย่อย ม.ราชภัฏอุดรธานี
    ชื่อบัญชี ณรงค์ ขันดีศรีไพบูลย์
    เลขที่บัญชี 516-202-8020
    โทรศัพท์ 083-284-9228
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC06158.jpg
      DSC06158.jpg
      ขนาดไฟล์:
      986.6 KB
      เปิดดู:
      42
    • DSC06159.jpg
      DSC06159.jpg
      ขนาดไฟล์:
      437.2 KB
      เปิดดู:
      57
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2011
  9. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    พระพุทธลีลา และพระสีัวลี แร่โคตรเศรษฐีคุณย่าชีประทุม ศิษย์องค์หลวงพ่อฤาษีฯ

    [​IMG]

    ขั้นตอนการสร้างพระโคตรเศรษฐี

    วันหนึ่งนั่งสวดมนต์ พอก้มกราบต้องฟุบลงไปชั่วโมง ช่วงนี้เสวยกรรมหนัก นอนคิดมาคิดไป นึกถึงของจะเอาไปทำอะไรดี ของสิ่งนี้ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นเลย คิดว่าจะทำอะไรดี ใจก็นึกถึง ท้าวธตรฐ ว่า " จะให้ของ จะให้ช่วย น่าจะให้ของที่รู้จัก ถ้าเป็นทองคำเราจะได้รู้ นี่เอาก้อนอะไรมาให้ก็ไม่รู้มาให้เรา เรายิ่งโง่ๆอยู่ จะนำไปซื้อขายก็ไม่ได้กลัวเขาไม่รู้จัก เมื่อไม่ได้สร้างก็ไม่ต้องสร้าง ตัดขันธ์ห้าดีกว่า " จึงได้วางก้อนของไว้ข้างตัว พิจารณาขันธ์ห้าย้อนไปย้อนมา จับพุทโธบ้าง จับอานาปานุสสติบ้างนานพอสมควร

    ทันใดก็ได้ยินเสียงข้างหูขวาว่า " ในห่อของนั้นมีค่ามหาศาล ทำไมไม่รีบจัดการขึ้น "

    เสียงพูดนั้นดูหนักหน่วงเหมือนดุ ท่านคงจะเคืองข้าพเจ้าที่ต่อว่าท่านว่า น่าจะเป็นทองคำ ให้มาแล้วยังโง่มากนัก ข้าพเจ้าตกใจลุกขึ้น เรียกแม่ชีเล็กเข้ามาหา บอกกับแม่ชีเล็กว่า

    " แม่จะทดลองของดู แม่ชีช่วยไปตามโยมแช่มมาเดี๋ยวนี้ บอกว่ามีธุระด่วน " แม่ชีจึงไปตามโยมแช่มมา ข้าพเจ้าจึงบอกโยมแช่มรีบไปหาตะกั่วมาให้ที ข้าพเจ้าทำพิธีตัดของก่อน

    ก่อนตัดก็กราบขอขมาขอทดลอง จึงตัดออกมาก้อนนิดหนึ่งพอสมควร ลองเอาตะกั่วเคี่ยวไฟก่อน ปรากฎว่าตะกั่วละลายเร็ว เทไว้ต่างหาก แล้วจึงนำของที่ได้มาต้มเคี่ยวใส่กระทะหลอมดู สิ่งของนี้กว่าจะละลายนานมาก พอละลายออกยิ่งมีรัศมีแวววาวระยิบระยับหลายสี หลายแสง อย่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก

    เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว ข้าพเจ้าจึงน้อมจิตถึงท่านเจ้าของขึ้นว่า " ท่านจะให้ทำเป็นอะไรขอให้บอกมา "

    ข้าพเจ้ามีความรู้สึกขึ้นทันทีว่า " ไปทำพระ "

    พอดีคุณสว่างมาจากจันทบุรี จึงได้บอกคุณสว่างขับรถไปกรุงเทพฯ เมื่อถึงกรุงเทพฯให้หาร้านที่เขาพิมพ์พระ เมื่อติดต่อทำพิมพ์พระก็เข้าโรงรีดของ
    …………………………………………………………………………………..

    ในระหว่างที่รีดของอยู่นั้น แสงรัศมีเกิดวาววับแสงสีเกิดขึ้นหลายสีเป็นสิ่งสะดุดใจแก่ผู้รีด

    ผู้รีดคนหนึ่งพูดกับเพื่อนว่า " เฮ้ย นี่ไม่ใช่ตะกั่วนี่หว่า .....เป็นอะไรวะ "

    เพื่อนอีกคนตอบ " กูก็ไม่รู้เหมือนกัน "

    ข้าพเจ้ายืนดูอยู่ใกล้ๆเมื่อได้ยินเขาพูด ข้าพเจ้าจึงนิ่งเสียหันหน้าไปทางอื่นเพื่อให้เรื่องจบ เมื่อรีดเสร็จแล้วจึงนำของไปเข้าเครื่องพิมพ์

    ข้าพเจ้ากราบอาราธนา องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหมด พระอรหันต์ทั้งหมด ครูบาอาจารย์ หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน หลวงพ่อสมเด็จโตพรหมรังสี และครูบาอาจารย์ทั้งหมด ท่านพ่อปู่พระอินทร์ ท่านแม่ย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ศรี ท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ มีท่านท้าวธตรฐและเทวดาทั้งหมด ขอเชิญท่านมาร่วมในพิธีสร้างพระมหาวิหารโคตรเศรษฐีของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด

    ข้าพเจ้ายืนคุมจนกระทั่งเขาทำเสร็จ ได้พระเครื่องจำนวน 285 องค์ ข้าพเจ้าตัดเอามาเพียงเล็กน้อย ไม่กล้าทำมาก เกรงว่าจะไม่มีใครศรัทธา เพราะเป็นเพียงแม่ชี หาคนศรัทธาน้อย

    เมื่อทำเสร็จ ข้าพเจ้านำพระเครื่อง 285 องค์นี้ไปหาพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ( หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัด อุทัยธานี )

    ……………………………………..……………………………………..………

    เมื่อทุกคนไปกันหมดแล้ว เหลือแต่คณะของข้าพเจ้า หลวงพ่อหันมาทางข้าพเจ้าถามว่า " โยมชีมีอะไรจะคุยกับฉันหรือ "

    ข้าพเจ้าตอบว่า " มีเจ้าค่ะหลวงพ่อ "

    หลวงพ่อพูดขึ้นว่า " นั่นเอาอะไรมาด้วยล่ะ เอาผ้าคลุมไว้นั่นน่ะ "

    เมื่อข้าพเจ้าได้ฟังพระเดชพระคุณหลวงพ่อจึงตอบว่า " คือโยมเคยนำของที่ได้จากการปฏิบัติไปให้หลวงพ่อดูครั้งหนึ่งที่บ้านสายลมแล้วเจ้าค่ะ ครั้นต่อมาหลังจากนั้น โยมได้จัดทำเป็นรูปพระขึ้น "

    หลวงพ่อว่า " เออ..ว่ามา "

    ข้าพเจ้ากราบเรียนให้ท่านทราบว่า " พระของโยมทำขึ้นครั้งนี้ไม่เหมือนใคร ทำเป็นสองหน้า หน้าหนึ่งทำเป็นพระทุ่งเศรษฐี อีกหน้าหนึ่งทำเป็นพระศิวลีค่ะหลวงพ่อ "

    หลวงพ่อเมื่อฟังข้าพเจ้าพูดจบลง หลวงพ่อได้เอ่ยขึ้นว่า " ไหนว่าไม่เหมือนของใคร ยกพานมาให้ฉันดูหน่อยซิ "

    ข้าพเจ้ากราบเรียนให้ท่านทราบว่า " โยมทำครั้งนี้ 285 องค์เจ้าค่ะหลวงพ่อ "

    เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อรับพานพระแล้ว หลวงพ่อได้หยิบพระดู ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และได้กล่าวขึ้นว่า " เออ..เข้าใจ..เข้าใจ ข้างหนี่งเป็นทุ่งเศรษฐี ข้างหนึ่งพระสีวลี เข้าใจจริงๆ เข้าใจจริงๆโยมนี่ "




    พระโคตรเศรษฐีหลายรุ่น พร้อมมวลสารศักดิ์สิทธิ์

    " นี่นะโยม พระของโยมนี่ ถ้าผู้ใดได้ไปบูชา จะเป็นเศรษฐี โคตรเศรษฐี จนไม่เป็นดีมากนะ โยมนี่เป็นคนมีปัญญา เอาล่ะนะฉันจะบอกให้ พระของโยมที่ทำมาทั้งหมดนี้ ถึงแม้จะไม่มีรูปพระเลย ของๆโยมก็ขลัง เขาสำเร็จอยู่ในตัวเขาแล้ว ให้ใครเอาไปทำอะไรๆ ให้ยิ่งกว่าทำ คำว่าเสื่อมไม่มี ของๆโยมนี้ใช้ได้ทุกอย่างเลยครบหมด เนื้อเกลี้ยงๆก็ขลัง "

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อถามต่อขึ้นว่า " เมื่อขณะที่ทำพระใครคุมอยู่ "

    ข้าพเจ้ากราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อขึ้นว่า " โยมขออาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมดทุกๆพระองค์ ครูบาอาจารย์ทั้งหมด เทวดาทั้งหมด โยมคุมอยู่ด้วยเจ้าค่ะหลวงพ่อ "

    พระเดชพระคุณได้กล่าวขึ้น " เออ มันฉลาดอย่างนี้ เอาล่ะนะ ฉันจะถามโยมว่า ก่อนที่โยมจะได้ของสิ่งนี้มา โยมทำอย่างไรถึงได้ของ "

    ข้าพเจ้ากราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อขึ้นด้วยความเคารพยิ่งขึ้นว่า " พระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นครูบาอาจารย์ของโยม โยมมีความเคารพเป็นที่สุด โยมขอกราบเรียนด้วยความจริงทุกประการด้วยเคารพเจ้าค่ะ หลังจากออกพรรษาในปี 2530 โยมได้มากราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เรื่องคุณวิรัช มั่งเรืองสกุล ได้ถวายที่ดินให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมในปีนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้อนุญาตให้โยมรับที่ดินไว้ จึงได้จัดการก่อสร้าง มีกุฏิ 4 หลัง ไว้เป็นที่พักสำหรับแม่ชีที่อยู่ประจำ มีห้องน้ำห้องส้วมเสร็จ ได้ต่อศาลาไว้ปฏิบัติธรรม ทำวัตรเช้า-เย็น 1 หลัง ห้องน้ำห้องส้วม โรงอาหาร ต้องใช้ไม่ป่า ต้นกระถินณรงค์เป็นเสา ต่อมาปลวกกินจนเสาขาด หลังคาทั้งหมดมุงด้วยหญ้าคาผุ เวลาฝนตกรั่วต้องเอาผ้าพลาสติกคอยกันกั้นไว้ ฝาศาลาสวดมนต์ใช้ผ้าเหลืองจีวรพระที่ท่านไม่ใช้ ขอมากั้นบังฝน พอลมตีมาลำบากมากทุลักทุเล พระพุทธรูปมี 28 พระองค์ มีโยมกรุงเทพฯเขามาถวายไว้บูชาอีก 1 องค์ รูปเหมือนหลวงปู่ปานอีก 1 องค์ รูปเหมือนพระเดชพระคุณหลวงพ่ออีก 1 องค์ รวมทั้งหมด 31 องค์ค่ะ "

    โยมเห็นพระพุทธรูปเปียกฝน โยมเกิดสังเวชใจมากที่สุด โยมคิดขึ้นในตอนนั้นว่า จะต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้น ตั้งแต่ปฏิบัติมายังไม่เคยจะลองทำประโยชน์อะไรให้กับพระศาสนาเด่นชัดขึ้นมาเลย ในคืนนั้นเอง โยมตั้งใจเต็มกำลัง การปฏิบัติจะได้ขั้นไหนตอนไหนก็ตาม จะไม่คำนึงถึง ตั้งใจมั่นคงเด็ดเดี่ยว เข้านั่งสมาธิแล้วเจริญเมตตาไปในทิศทั้งปวง ทั่วโลกธาตุ ถึงหมู่สัตว์ทั้งหลายไม่มีที่ประมาณ จงถึงความสุขด้วยพระพุทธานุภาพ จงถึงความสุขด้วยพระธรรมานุภาพ จงถึงความสุขด้วยพระสังฆานุภาพ ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแต่อดีดถึงปัจจุบัน ขอท่านทั้งหลายจงโมทนาโดยทั่วกัน

    ตั้งจิตระลึกนึกน้อมถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหมด พระธรรมคำสอนของพระองค์ที่ข้าพระพุทธเจ้าปฏิบัติตามอยู่ขณะนี้ นึกถึงพระอริยสงฆ์ทั้งหมด ครูบาอาจารย์ทั้งหมด มีหลวงปู่ปาน หลวงพ่อด้วย และสมเด็จโตพรหมรังสี และเทวดาทั้งหมด มีปู่พระอินทร์ ท่านย่า ท่านแม่ ท่านท้าวมหาราชทั้งสี่พระองค์ มีท่านท้าวธตรฐ

    คือท่านท้าวธตรฐองค์นี้ เมื่อสมัย พ.ศ. 2514 ท่านมาปรากฏให้โยมเห็นค่ะหลวงพ่อ ท่านบอกชื่อท่านให้โยมรู้จัก ท่านชื่อว่า ท่านท้าวธตรฐ ถ้าโยมมีอะไรจะให้ท่านช่วยเหลือ ท่านให้โยมนึกถึงชื่อท่าน ตอนก่อนโยมไม่เชื่อเท่าไรนัก ครั้นโยมได้มาพบหลวงพ่อ ได้ฟังเทปสมาทานหลวงพ่อ และได้ฟังคำสอนของหลวงพ่อ โยมจึงได้เข้าใจ โยมจึงนึกถึงท่าน ให้ท่านมาช่วยในกิจของพระศาสนา โยมเอาจิตน้อมถึง

    · ทานบารมี นึกถึงทานที่ให้แล้ว

    · ศีลบารมี นึกถึงศีลที่ได้ สมาทานจะรักษาไว้ให้ดี ไม่ทำลายศีลจนตลอดชีวิต

    · ปัญญาบารมี จะทำให้เกิดปัญญารู้แจ้งแห่งขันธ์ห้า ให้เข้าสู่พระนิพพานในชาตินี้

    · เนกขัมบารมี การถือบวชของข้าพเจ้าบวชครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย คำว่าสึกจะไม่มี จะช่วยกิจของพระศาสนาตลอดชีวิต

    · วิริยะบารมี จะขยันทำจิตให้เข้าถึงพระนิพพาน

    · สัจจะบารมี ข้าพเจ้าขอตั้งจิตจะพูดอย่างไหนทำอย่างนั้นตลอดชีวิต

    · อธิษฐานบารมี คำอธิษฐานของข้าพเจ้าที่ตั้งใจมั่นคงครั้งนี้ ข้าพเจ้าจะไม่ถอยออกจนตลอดชีวิต

    · ขันติบารมี ข้าพเจ้าจะอดทนในสิ่งจะเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าทุกประการ

    · เมตตาบารมี ข้าพเจ้าขอทรงเมตตาตลอดทั่วโลกธาตุ แม้แต่ผู้นั้นจะคิดทำร้ายข้าพเจ้าก็ตาม

    · อุเบกขาบารมี ข้าพเจ้าจะวางเฉยด้วยประการทั้งปวง จะทำสติให้รู้เท่าทันต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะดีหรือร้ายก็ตามจะไม่หวั่นไหวกับสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น จะทำสติให้รู้ว่านั่นคืออนิจจัง นั่นคืออนัตตา จะทรงกำหนดจิตไม่คลอนแคลนไว้ด้วยความเคารพตลอดชีวิต

    บารมี 10 ทั้งหมดที่บำเพ็ญมาเพื่อความหลุดพ้นไม่ต้องกลับมาเกิด จงมาช่วยข้าพเจ้าด้วย เวลานี้ข้าพเจ้ามีทุกข์เดือดร้อน แต่ทุกข์ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ ไม่เหมือนทุกข์ของผู้ครองเรือน ขณะนี้ข้าพเจ้ากำลังได้รับความทุกข์ เพราะศาลาที่ประดิษฐานองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และที่ปฏิบัติธรรมของข้าพเจ้าชำรุดทรุดโทรม ลมมาก็ต้องหาไม้มาค้ำไว้

    ถ้าการขอครั้งนี้เห็นว่า ข้าพเจ้ายังไม่หมดตัณหา และเป็นเรื่องประโยชน์ส่วนตัวของข้าพเจ้า ท่านทั้งหลายไม่ต้องช่วย ถ้าการขอของข้าพเจ้าในครั้งนี้ ถ้าท่านทั้งหลายเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ สะอาดจริงแล้ว ขอท่านทั้งหลายและท้าวธตรฐ จงช่วยข้าพเจ้าโดยด่วนด้วยเจ้าค่ะ

    ครั้นต่อมาโยมเข้านั่งสมาธิและเข้าฌานเต็มกำลัง จากฌานที่ 1 ขึ้นไปถึงฌานที่ 4 ถอยรองลงมาจนถึงฌานที่ 1 หยุดอยู่แค่อุปจารสมาธิ แล้วขอดังเช่นเดิม เข้าฌานต่อไปจนถึงที่สุด แล้วถอยลงมาแค่อุปจารสมาธิ แล้วขออีก ทำอยู่อย่างนี้ประมาณ 10 หรือ 20 วัน โยมไม่ได้นับ ถือว่าท่านให้ก็เอา ท่านไม่ให้ก็แสดงว่าโยมยังดีไม่พอ

    หลวงพ่อเมื่อได้ฟังข้าพเจ้าเล่าเรื่องให่ท่านฟังจบลง ท่านจึงได้เอ่ยขึ้นว่า " โยมรู้ไหมว่า ของที่โยมได้มานั้นเป็นของใคร ฉันจะบอกให้นะโยม ของที่โยมได้มานั้นเป็นของๆท่านผู้สำเร็จท่านทำไว้แล้ว ท่านก็ฝากกับเทวดา เมื่อท่านฝากกับเทวดา ท่านสั่งกับเทวดาไว้ว่า ถ้าผู้ใดมีบุญบารมีเห็นสมควรให้ ก็ขอเทวดาจงให้ของสิ่งนี้เถิด นี่โยมจึงได้มายังไงล่ะโยม "

    ข้าพเจ้ากราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อ " ช่วยเมตตาปลุกเสกพระเครื่องของโยม เพื่อเป็นศิริมงคลด้วยเถิดเจ้าค่ะ "

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้พูดขึ้นว่า "เสกทำไมอีกเล่าโยม ของเขาดีอยู่แล้วถ้าโยมจะให้ฉันปลุกเสกละก็ เอาอย่างนี้ดีกว่า โยมนั่นแหละไปทำขึ้น เพราะอะไรๆโยมก็ทำได้หมดแล้ว จะเอาอะไรอีกเล่า "

    ข้าพเจ้ากราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อขึ้นว่า " จะต้องใช้มนต์บทไหนสวดเล่าค่ะหลวงพ่อ "

    หลวงพ่อพูดแกมดุขึ้นว่า " ก็อีตอนได้ของมานั่นแหละสวดบทไหนเล่า "

    ข้าพเจ้ากราบขอขมาหลวงพ่อ จึงได้เข้าใจว่าใช้พลังจิตนี่เอง ไม่โดนดุเอาความโง่ออกไป ปัญญาไม่เกิด หมดเวลาหลวงพ่อกลับเข้าที่พัก ท่านโอเดินย้อนกลับมาหาข้าพเจ้า ท่านพูดกับข้าพเจ้าขึ้นว่า

    " โยมชี เอาพระของโยมเก็บไว้ให้อาตมาสัก 10 องค์นะ "

    ข้าพเจ้าตอบ " ได้ค่ะ แต่พระของโยมไม่ใช่ราคาเดียวกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อนะ เพราะโยมต้องการสร้างพระมหาวิหาร ต้องให้บูชาองค์ละ 10,000 บาทนะคะท่าน "

    เมื่อท่านโอได้ฟังข้าพเจ้าบอกราคา ท่านโอจึงได้พูดขึ้นว่า " งั้นฉันจอง 2 องค์นะ "

    เวลานี้ท่านโอยังมีชีวิตอยู่ที่วิหาร 100 เมตร ข้าพเจ้าขอย้อนรำลึกนึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อของเราทั้งหลาย หลวงพ่อรู้หมด หลวงพ่อรู้แจ้ง บริสุทธิ์โดยไม่ต้องสงสัย พระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นพระที่ควรกราบไหว้บูชา พระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นเนื้อนาบุญของโลก

    เบาๆ ครับ 400 บาท ค่าส่ง 50 บาทครับ..

    กรุณาโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.ทหารไทย สาขาย่อย ม.ราชภัฏอุดรธานี
    ชื่อบัญชี ณรงค์ ขันดีศรีไพบูลย์
    เลขที่บัญชี 516-202-8020
    โทรศัพท์ 083-284-9228
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC06160.jpg
      DSC06160.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      63
    • DSC06163.jpg
      DSC06163.jpg
      ขนาดไฟล์:
      484.8 KB
      เปิดดู:
      62
  10. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,981
    ค่าพลัง:
    +5,390
    ได้โอนเงิน๑๕๕๐ บาทเมื่อ ๗เมย. เวลา ๑๑.๒๔ น. เป็นค่าพระ ๑. พระขุนแผนหน้าค่ายลพ.โหน่ง ที่อยู่ดูในpmครับ
     
  11. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    หลวงปู่ทวด หลวงปู่ทิม แจกที่ภาคเหนือครับ
    พิเศษสำหรับผู้ศรัทธาพระสายนี้
    จาก 2,500 เหลือ 2,000 ครับ
    สวยไม่สวย ส่องมวลสารเลยครับ...
    ว่าสวยหรือเปล่า อิอิง.

    ลดต้อนรับสงกรานต์
    กับสุดยอดพระนิรันตราย สาธุ...


    [​IMG]


    [​IMG][​IMG][​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2011
  12. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    [​IMG]

    [​IMG]

    เค้าเรียก รูปหล่อฐานภูเขาครับ เนื้อนวะนั้นก่อนหลวงตาจะละขันธ์ เล่นกัน 20,000 กว่า
    แต่ที่ผมเป็นเนื้อทองฝาบาตร 1,200 เองครับ สาธุ...


    ปิดรายการแล้ว...สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2011
  13. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    พระกำแพงเปิดโลก หรือ ยืนตอ พิมพ์ใหญ่ กรุวัดพิกุล จังหวัดกำแพงเพชร

    หายากพอๆกับพระซุ้มกอ พุทธคุณเด่นทาง เมตตา แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ทำมาค้าขายครบเครื่อง

    พระกำแพงเปิดโลก" มีการขุดค้นพบกันในหลายกรุหลายจังหวัด ชื่อ "พระกำแพงเปิดโลก" เรียกขานตามพุทธอิริยาบถของพระประธานซึ่งแสดง"ปางเปิดโลก"

    "พระกำแพงเปิดโลก" มีการขุดค้นพบกันในหลายกรุหลายจังหวัด แต่ที่ได้รับความนิยมสูงเรียกได้ว่าในสมัยก่อนเป็นที่ฮือฮาเทียบเท่าหรืออาจจะมากกว่าพระกำแพงซุ้มกอและพระกำแพงเม็ดขนุนเสียอีก จะเป็นพระที่พบในกรุวัดพิกุล วัดบรมธาตุ วัดป่ามืด และวัดพระแก้ว บริเวณลานทุ่งเศรษฐี จ.กำแพงเพชร เท่านั้น เนื่องด้วยพุทธศิลปะที่บรรจงสร้างอย่างอ่อนช้อยตามแบบฉบับของศิลปะกำแพงเพชรซึ่งสามารถถ่ายทอดอารมณ์สู่องค์พุทธปฏิมาด้อย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบ กอปรกับพุทธลักษณะพิมพ์ทรงซึ่งเล็กกะทัดรัดบูชาพกพาติดตัวได้สะดวก และพุทธคุณครบเครื่องทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพันชาตรีเป็นเลิศปรากฏแก่สายตา

    ชื่อ "พระกำแพงเปิดโลก" เรียกขานตามพุทธอิริยาบถของพระประธานซึ่งแสดง "ปางเปิดโลก" คือพระกรจะทอดขนานกับลำพระองค์ ตามพุทธประวัติ ปางนี้เป็นปางที่พระพุทธองค์เสด็จลงมาจากดาวดึงส์หลังจากการเทศนาโปรดพระมารดา และได้แสดงอิทธิฤทธิ์เปิดทั้ง 3 โลกคือ โลกสวรรค์ โลกมนุษย์ และโลกนรก ให้สามารถมองเห็นซึ่งกันและกันได้

    "พระกำแพงเปิดโลก" ที่ขุดพบส่วนใหญ่จะเป็นพระเนื้อดิน พระกำแพงเปิดโลกมีเนื้อว่านและเนื้อชินบ้างแต่ไม่มากนัก ดินที่นำมาสร้างองค์พระเป็นดินในแถบเมืองกำแพงเพชร จึงมีความหนึกนุ่มและละเอียด เมื่อได้รับการสัมผัสจะมันวาว มีคราบนวลกรุ รารัก และคราบไคล ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประการหนึ่งในการพิจารณา

    พระกำแพงเปิดโลก นับเป็นพระพิมพ์ครึ่งซีกที่มีขนาดเล็กกะทัดรัดมาก รายละเอียดขององค์พระประธานที่ประทับยืน พระพักตร์ตรง บนอาสนะฐานสูงซึ่งมีทั้งแบบราบเรียบและแบบนูนยื่นออกมานั้น จึงไม่ค่อยปรากฏชัดเจนนักทั้งพระเนตร พระนาสิก พระโอษฐ์ และพระกรรณ แต่จะเห็นรายละเอียดของเส้นโดยรอบแสดงถึงพระเกศ วงพระพักตร์ ลำพระองค์ และพระจีวรซึ่งทอดยาวลงมาถึงข้อพระบาท ในองค์ที่กดติดชัดเจน ทำให้แลดูด้อยไปบ้างในเรื่องของความงดงามทางพุทธศิลปะ

    เปิดเบาๆ ครับ ผมเห็นในบางที่เค้าเล่นหากันหมื่นปลายๆ...
    ผมเปิดเบาๆ ให้ท่านที่ชอบเนื้อสวยๆ เลี่ยมพร้อมใช้
    แท้ตาเปล่า หายากกกกกกพอๆๆๆๆ กับซุ้มกอ กำแพง หนึ่งในเบญจภาคี
    เอาไปเลยครับ 30,000 บาทครับ...


    [/QUOTE]

    ลดรับสงกรานต์ จัดไป 3,500 พอครับ...:cool:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04965.jpg
      DSC04965.jpg
      ขนาดไฟล์:
      521.8 KB
      เปิดดู:
      65
    • DSC04968.jpg
      DSC04968.jpg
      ขนาดไฟล์:
      549.9 KB
      เปิดดู:
      63
    • DSC04969.jpg
      DSC04969.jpg
      ขนาดไฟล์:
      840.5 KB
      เปิดดู:
      67
    • DSC04971.jpg
      DSC04971.jpg
      ขนาดไฟล์:
      927.3 KB
      เปิดดู:
      76
    • DSC04972.jpg
      DSC04972.jpg
      ขนาดไฟล์:
      745.3 KB
      เปิดดู:
      70
    • DSC04974.jpg
      DSC04974.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.4 MB
      เปิดดู:
      70
    • DSC04979.jpg
      DSC04979.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      57
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2011
  14. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    ลูกแก้วสารพัดนึก...(เพชรพญานาค)
    มีองค์เดียวครับ องค์ขนาด 3.5 cm ครับ..

    [​IMG]

    เบาๆ ครับ องค์ละ 650 บาท ค่าส่ง 50 บาทครับ..


    กรุณาโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.ทหารไทย สาขาย่อย ม.ราชภัฏอุดรธานี
    ชื่อบัญชี ณรงค์ ขันดีศรีไพบูลย์
    เลขที่บัญชี 516-202-8020
    โทรศัพท์ 083-284-9228
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC06168.jpg
      DSC06168.jpg
      ขนาดไฟล์:
      312.7 KB
      เปิดดู:
      56
  15. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    รูปหล่อยืน หลวงปู่เนย สมจิตโต วัดป่าโนนแสนคำ สกลนคร ขนาดสูง 11 นิ้ว..
    ของผมเบอร์ 10 ครับ ยืมรูปเค้ามาอีกที..


    [​IMG]

    ประวัติและปฏิปทา
    หลวงปู่เนย สมจิตฺโต

    วัดป่าโนนแสนคำ
    ต.เจริญศิลป์ อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร


    ๏ อัตโนประวัติ

    “พระครูวิมลสีลาภรณ์” หรือ “หลวงปู่เนย สมจิตฺโต” มีนามเดิมว่า เนย มูลสธูป เกิดเมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๘๐ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีฉลู ณ บ้านกุดแห่ ตำบลกุดเชียงหมี อำเภอเลิงนกทา จังหวัดอุบลราชธานี (จังหวัดยโสธร ในปัจจุบัน) โยมบิดาชื่อ นายเอี่ยม มูลสธูป โยมมารดาชื่อ นางสุรีย์ มูลสธูป มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๙ คน ครอบครัวมีอาชีพทำไร่ทำนา

    ช่วงชีวิตในวัยเด็ก เมื่ออายุ ๗ ปี ได้เข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนบ้านกุดแห่ อายุ ๘ ปี ป่วยเป็นโรคท้องเรื้อรัง ทำให้ขาดการเรียนอยู่ ๓ เดือน พออายุได้ ๑๑ ปี เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ แล้วออกมาช่วยโยมบิดา-มารดาทำไร่ทำนาตามประเพณี ด้วยในสมัยนั้นการเรียนภาคบังคับอยู่ที่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ เท่านั้น สำหรับการที่จะเรียนต่อให้สูงขึ้นนั้นต้องเดินทางไปเรียนต่อยังโรงเรียนต่างถิ่นต่างอำเภอ พออายุได้ ๑๖ ปี ก็กลับมาช่วยโยมบิดา-มารดาทำไร่ทำนาตามเดิม ด้วยความขยันหมั่นเพียรเต็มกำลังความสามารถ


    ๏ การบรรพชาและอุปสมบท

    พออายุได้ ๒๐ ปีบริบูรณ์ โยมบิดา-มารดา พร้อมทั้งเจ้าภาพผู้ที่จะถวายผ้าป่า นำท่านไปมอบถวายให้เป็นศิษย์ ท่านพระอาจารย์ดี ฉนฺโน ซึ่งเป็นศิษย์พระกรรมฐานรุ่นใหญ่ของ ท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล และท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระองค์สำคัญ

    ท่านได้ฝึกขานนาคอยู่เป็นเวลา ๓ เดือนเต็ม จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ เขตวิสุงคามสีมาวัดป่าสุนทราราม (วัดบ้านกุดแห่) ตำบลกุดแห่ อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ โดยมี พระครูภัทรคุณาธาร (บุญ โกสโล ป.ธ. ๔) วัดพรหมวิหาร ตำบลสวาท อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูสุนทรศลีขันธ์ (พระอาจารย์สิงห์ทอง ปภากโร) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระสมุห์อุ้ย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้ว ท่านได้เข้ารับฟังธรรมจากท่านพระอาจารย์ดี ฉนฺโน เจ้าอาวาสวัดป่าสุนทราราม (วัดบ้านกุดแห่) ในขณะนั้น อยู่เป็นสม่ำเสมอและบ่อยๆ


    พรรษาที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๐๐) ได้จำพรรษาที่วัดป่าสุนทราราม โดยมี ท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง ปภากโร เป็นผู้ให้นิสัยรับโอวาทการปฏิบัติธรรม ในพรรษานั้นหลวงปู่เนย ได้ถือธุดงค์ห้ามภัตตาหารที่นำมาถวายภายหลังเป็นวัตร (ขลุปัจฉาภัตติกังคธุดงค์) ตลอด ๓ เดือน

    พรรษาที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๐๑) ได้จำพรรษาที่วัดป่าสุนทราราม และถือธุดงค์ห้ามภัตตาหารที่นำมาถวายภายหลังเป็นวัตร (ขลุปัจฉาภัตติกังคธุดงค์) เหมือนเดิม

    พรรษาที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๐๒) ได้จำพรรษาที่วัดป่าสุนทราราม และคือธุดงค์เนสัชชิก คือไม่นอนตลอดเวลากลางคืน ธรรมดาธุดงค์ข้อนี้ต้องอดนอนตลอดทั้งวัน แต่ท่านอดนอนเฉพาะกลางคืน กลางวันพักบ้างตลอดพรรษา ด้วยสุขภาพท่านไม่แข็งแรง

    พรรษาที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๐๓) ได้กราบขออนุญาตท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง ปภากโร เพื่อไปพำนักจำพรรษาที่ภูถ้ำพระ บ้านคำไหล ตำบลดงเย็น อำเภอมุกดาหาร จังหวัดนครพนม (จังหวัดมุกดาหาร ในปัจจุบัน) พร้อมทั้งกราบเรียนท่านว่าจะท่องปาฏิโมกข์ให้จบ ครั้นพอออกพรรษาก็ท่องปาฏิโมกข์จบพอดี

    พรรษาที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๐๔) ได้จำพรรษาที่ภูถ้ำพระ

    พรรษาที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๐๕) ได้จำพรรษาที่ภูถ้ำพระ

    พรรษาที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๐๖) ได้จำพรรษาที่ภูถ้ำพระ

    พรรษาที่ ๘ (พ.ศ. ๒๕๐๗) ได้จำพรรษาที่ภูถ้ำพระ

    พรรษาที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๐๘) ได้จำพรรษาที่ภูถ้ำพระ ท่านได้ประกอบความเพียรด้วยความวิริยะอุตสาหะแรงกล้า ไม่จำวัดตลอดกลางวัน เพราะที่ภูถ้ำพระนั้น ถ้าพระหรือสามเณรรูปใดจำวัดในเวลากลางวันจะป่วยเป็นไข้ ส่วนตัวท่านไม่เป็นไข้เลยตลอดพรรษา

    พรรษาที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ได้จำพรรษาที่ภูกระแต บ้านฮ้อม ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม กลางพรรษาได้ป่วยเป็นโรคไอเจ็บหน้าอก ได้ไปให้แพทย์ตรวจรักษาที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดนครพนม แพทย์ลงความเห็นว่าเป็นโรคหลอดลมอักเสบ หมอจัดให้ไปฉีดยาที่ตำบลอาจสามารถ แต่ท่านไปฉีดยาที่โรงพยาบาลทุกวันไม่ไหว เพราะวัดที่จำพรรษาห่างจากตัวเมือง ๘ กิโลเมตร ถ้าไม่ทันรถก็ต้องเดินไป

    พอหายเป็นปกติแล้วก็ประกอบความเพียรอย่างจริงจังต่อเนื่อง จนปรากฏว่าจิตได้รับความสงบนิ่งดิ่งเข้าสู่สมาธิ ได้รับความสงบเยือกเย็นในสมาธิภาวนาพอสมควร เมื่อออกพรรษาแล้วได้ไปพักที่วัดโนนนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี และเดินทางไปพักบ้านหินฮาว ต่อจากนั้นก็ไปที่อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี

    พรรษาที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๑๐) ได้จำพรรษาที่วัดกลาง บ้านหนองสูง อำเภอคำชะอี จังหวัดนครพนม (จังหวัดมุกดาหาร ในปัจจุบัน) ท่านพระอาจารย์กงแก้ว ขนฺติโก เป็นเจ้าอาวาส ท่านพระอาจารย์กงแก้ว เคยกล่าวว่า “เวลาจิตเป็นสมาธิ อยากให้ท่านทั้งหลายได้เห็นด้วย มันมีความสุขสงบที่สุดไม่มีอะไรเหมือน สุขใดในโลกไม่เท่าสุขของสมาธิ”

    ในพรรษานี้ท่านตั้งใจประกอบความเพียรอย่างแรงกล้าจนเป็นลม ๒ ครั้ง เนื่องจากฉันอาหารน้อย บางวันถึงกับอดอาหารเพราะทำให้การประกอบความเพียรเป็นไปได้ด้วยดี ไม่ต้องวิตกกังวลกับเหตุการณ์ภายนอก จิตมุ่งอยู่แต่ภายในร่างกาย ต่อสู้กับกิเลสขันธมารตลอดเวลาอย่างไม่ย่อท้อ ท่านได้ตั้งสัจจะอธิษฐานว่า ถ้าจะตายขอให้ตายไปเลย อย่าได้เดือดร้อนญาติโยมหรือโรงพยาบาลเลย ท่านปรารถนาจะไม่ให้ใครเดือดร้อนลำบากด้วยเรื่องของสังขารของท่าน แม้ในปัจจุบันท่านก็รักษาร่างกายด้วยตัวท่านเอง

    หลวงปู่เคยพิจารณาที่จะปฏิบัติสมาธิแบบอุกฤฏ์ คือหวังจะสำเร็จมรรคผลนิพพานภายใน ๗ วัน ถ้าไม่สำเร็จก็จะยอมตายถวายชีวิตเป็นเดิมพัน แต่ได้รับการขอร้องจากโยมบิดา-โยมมารดาให้เลิกคิดที่จะปฏิบัติเช่นนั้นเสีย ขอให้ปฏิบัติแบบค่อยเป็นค่อยไป จะได้อยู่อบรมญาติโยมนานๆ ได้นำเพื่อนร่วมโลกไปตามทางพระพุทธองค์ได้ทรงวางไว้ให้ได้มากเท่าที่จะทำได้ สมกับที่ว่ากว่าที่จะได้เกิดในภพภูมิความเป็นมนุษย์ได้นั้นแสนลำบากยากเข็ญ

    แต่คนส่วนมากหลวงปู่ท่านว่า มักมัวเมาลุ่มหลงด้วยถูกทรมานมาแสนสาหัสจากภพภูมินรก ภูมิสัตว์เดรัจฉาน ทำให้หลงลืมที่จะรักษาความเป็นมนุษย์ไว้ ด้วยภพภูมินี้เป็นภพภูมิที่จะสามารถนำไปสู่นรก สวรรค์ พรหมโลก และนิพพานได้ ภพภูมิต่างๆ ล้วนต้องอาศัยความเป็นมนุษย์เท่านั้นที่จะบำเพ็ญไปสู่ภพนั้นๆ เทวดาจะไปนิพพานต้องจุติมาเกิดในโลกมนุษย์ก่อน อย่างนี้เป็นต้น หลวงปู่จึงได้ปฏิบัติแบบค่อยเป็นค่อยไปตลอดพรรษา แต่ก็ยังเป็นแบบเคร่งครัด ไม่ย่อหย่อน ทำความเพียรปฏิบัติเสมอต้นเสมอปลาย

    พรรษาที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๑๑) ได้กลับไปจำพรรษาที่วัดป่าสุนทราราม บ้านกุดแห่ ในพรรษานี้ได้เพิ่มธุดงค์ข้อเยี่ยมป่าช้ามิได้ขาด พอออกพรรษาได้เดินทางไปกราบ ท่านพระอาจารย์บัว สิริปุณฺโณ ณ วัดป่าหนองแซง (วัดราษฎรสงเคราะห์) ตำบลหนองบัวบาน อำเภอหนองวัวชอ จังหวัดอุดรธานี อยู่รับโอวาทจากท่าน ๑๐ คืน จากนั้นก็ออกเดินธุดงค์ต่อไปยังอำเภอบ้านผือ ข้ามฝั่งแม่น้ำโขงไปเมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาว

    พรรษาที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๑๒) ได้รับการแนะนำจากท่านพระอาจารย์คำ บ้านเศรษฐี จังหวัดอุบลราชธานี ให้เดินทางมาจำพรรษาที่วัดป่าโนนแสนคำ ตำบลทุ่งแก อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร (ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร ในปัจจุบัน) ในพรรษานี้มีพระ ๒ รูป สามเณร ๑ รูป คือ (๑) พระอาจารย์เนย สมจิตฺโต (๒) พระอาจารย์สมหมาย องค์เดียวกับที่จำพรรษากับหลวงปู่ชอบ ที่ดอยแม้ว และ (๓) สามเณรสม

    หลวงปู่เนยได้จำพรรษาที่วัดป่าโนนแสนคำ นับแต่นั้นมาจนปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๕๐)

    [​IMG]

    ที่มา...

    เบาๆ ครับ 1,800 บาทครับ พร้อมส่ง

    กรุณาโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.ทหารไทย สาขาย่อย ม.ราชภัฏอุดรธานี
    ชื่อบัญชี ณรงค์ ขันดีศรีไพบูลย์
    เลขที่บัญชี 516-202-8020
    โทรศัพท์ 083-284-9228
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45 KB
      เปิดดู:
      93
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43.3 KB
      เปิดดู:
      77
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2011
  16. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    ล็อกเก็ตหลวงปู่ลี กุสลธโร เศรษฐีธรรม ลูกศิษย์องค์หลวงตามหาบัวครับ...

    [​IMG]

    เบาๆ มีองค์เดียว 350 บาทครับ..(ค่าส่ง 50 บาท)

    กรุณาโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.ทหารไทย สาขาย่อย ม.ราชภัฏอุดรธานี
    ชื่อบัญชี ณรงค์ ขันดีศรีไพบูลย์
    เลขที่บัญชี 516-202-8020
    โทรศัพท์ 083-284-9228
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • lpLee1.jpg
      lpLee1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      903.3 KB
      เปิดดู:
      56
    • lpLee2.jpg
      lpLee2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      355.2 KB
      เปิดดู:
      51
    • lpLee3.jpg
      lpLee3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      623.3 KB
      เปิดดู:
      57
  17. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    พญาศรีสุทโธนาคราช โดย อ.อำพล เจน ป้องกันพิบัติภัยโดยเฉพาะ

    ่บางส่วนจาก...
    พิธีประกอบมวลสารนาคาธิบดีศรีสุทโธ

    พิธีประกอบมวลสารนาคาธิบดีศรีสุทโธ
    เขียนโดย อำพล เจน
    วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม 2010 เวลา 00:41


    เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2550 ที่ผ่านมา ได้มีการประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับมวลสาร 15 อย่าง สำหรับการสร้างนาคาธิบดีศรีสุทโธ หรือพญานาครุ่น 2 ซึ่งจะได้แสดงรายละเอียดของพิธีกรรมนั้นตามสมควร



    สถานที่ประกอบพิธีคือ วัดเปงจานนคราราม กิ่งอำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย โดยที่วัดนี้มีภูมิสถานเหมาะควรแก่การประกอบพิธีเป็นอย่างยิ่ง คือเป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ในบริเวณที่ตั้งดั้งเดิมของนครโบราณที่เรียกว่า เปงจานนคร มีอายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี

    ตามประวัติ หรือตำนานกล่าวว่า นครโบราณนี้สร้างขึ้นโดยพญานาค จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า นครเปงจานนาคราช

    ทราบว่าก่อนหน้านี้ วัดเปงจาน ได้ถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับพญานาคมาหลายครั้ง หลายวาระ หลายกลุ่ม หลายคณะบุคคล รวมทั้งคณะของนาคาธิบดีศรีสุทโธนี้ด้วย


    ความตั้งใจในการประกอบพิธีนี้อย่างเงียบ ๆ ก็ไม่สำเร็จ เพราะว่ามีผู้ทราบข่าวมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ทั้งชาวบ้านผู้เชื่อถือศรัทธาในพญานาค ตลอดจนร่างทรงและหมอธรรมหลายท่าน ไม่ได้มาเพื่อก่อกวนพิธี แต่มาในลักษณะของผู้สังเกตการณ์



    จะเห็นได้ว่าหลังพิธีเสร็จสิ้นพวกร่างทรงและหมอธรรม ซึ่งไม่เคยรู้จักท่านเดชโอภาส ซึ่งเป็นเจ้าพิธี ได้เข้ามาขอทำความรู้จักและแสดงความเลื่อมใส ถึงกับชักชวนเชื้อเชิญให้ข้ามแม่น้ำโขงไปทำพิธีแปลกๆ ในประเทศลาว

    การประกอบพิธีกรรมวันนั้นโดยส่วนตัวของผมแล้วรับว่ามีความกังวล เกรงว่าพิธีอาจผิดพลาดล้มเหลว เนื่องจากพระเดชพระคุณ หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ ได้เคยกำชับแล้วกำชับอีกว่าต้องทำโดยระมัดระวังอย่าให้ผิดพลาด หาไม่จะเกิดอันตรายแก่ผู้ประกอบพิธี ซึ่งก็คือตัวของท่านเดชโอภาสเอง


    ในที่สุดเมื่อพิธีเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ผมก็ถอนใจโล่งอก พ้นจากอาการระทึกในหทัย โดยปริยาย
    พิธีประกอบมวลสารนาคาธิบดีศรีสุทโธในวันนั้น เกิดปรากฏการณ์แปลก ๆ ทั้งโดยธรรมชาติและผิดธรรมชาติ ที่น่าสนใจควรบันทึกเอาไว้

    ก้าวแรกที่เข้าไปในเขตวัดเปงจาน มีฝนโปรยเบา ๆอยู่ชั่วครู่ก็หยุด

    ผู้เป็นมงคลตื่นข่าวง่าย ๆ ก็พากันเอะอะว่าเป็นการทักทายของอำนาจลี้ลับบางอย่าง

    แต่ผมกลับเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา

    ฝนตกแดดออกจะเป็นเรื่องพิสดารตรงไหน

    ครั้นตกบ่ายวันที่ 25 ก.พ. ประมาณเวลาบ่าย 2 โมง ท้องฟ้าที่แจ่มใสก็กลับตาลปัตรอย่างฉับพลันทันใด

    อกาลเมฆมืดทมึนปรากฏอย่างรวดเร็ว ปกคลุมเต็มท้องฟ้า ทั้งฟ้าแลบฟ้าร้องดังสะเทือนอยู่ทุกระยะ แล้วก็ปรากฏลมพายุรุนแรงพัดกระหน่ำต่อเนื่องอยู่ราว 2 ชั่วโมง
    ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า พายุร้อนฤดูนี้เกิดขึ้นอย่างปุบปับฉับพลันจริง ๆ โดยเกิดหลังจากคณะผู้ประกอบพิธีนำโต๊ะสำหรับตั้งเครื่องบัดพลีบวงสรวงไปวางในตำแหน่งที่กำหนดเอาไว้

    เรียกว่าแค่ตั้งโต๊ะพิธี พายุฝนก็กระหน่ำใส่โดยพลันไม่ทันตั้งตัว

    โชคดีที่แค่ตั้งโต๊ะ ยังไม่ทันได้ยกเครื่องบัดพลีไปวาง หาไม่คงพินาศหมด

    น่ากลัวนะครับ

    เสียงลมที่พัดอื้ออึง ทั้งฟ้าร้องอย่างต่อเนื่อง ทำให้ใจสั่นระทึกได้

    2 ชั่วโมงผ่านไป ลมจึงสงบ ฟ้าใสสว่างเป็นปกติ

    มีข่าวตามมาหลังพายุฝนว่า เกิดไฟฟ้าดับทั้งอำเภอ และต้นไม้หักระเนระนาด รอบๆ สถานที่ประกอบพิธี

    พวกชาวบ้านเริ่มโจษจันกันอื้ออึงไปต่าง ๆนานา

    ส่วนผมได้เข้าสู่อาการโล่งใจ เพราะเหตุว่า หากพายุฝนไม่หยุดกระหน่ำ มีหรือจะสามารถประกอบพิธีตามฤกษ์ได้

    การประกอบพิธีนั้นทำ 2 รอบ คือ กลางวันครั้งหนึ่ง และกลางคืนอีกครั้งหนึ่ง

    ฤกษ์ตอนกลางคืนนั้นสำคัญที่สุด กำหนดเอาไว้จะเริ่มพิธีเวลา 19.37 น.

    ก่อนพิธีจะเริ่มประมาณเวลา 19.00 น. ตรง เกิดลมกรรโชกแรงพัดมาจากต้นแม่น้ำโขง ลมพัดขนาดน้อง ๆพายุ แต่แปลกที่ลักษณะของลมนั้นพัดมาเป็นลูก เหมือนเราเอาพัดลมขนาดใหญ่ไปตั้งไว้ที่กลางแม่น้ำ

    ขณะนั้นฟ้าที่ใสจนดาวขึ้นก็ปรากฏเมฆดำค่อย ๆแผ่เข้ามาปกคลุมจนมืดมิดไปหมด ไม่เห็นแม้ดวงพระจันทร์

    ความกังวลก็เกิดขึ้นอีกแล้ว

    ลมแรงขนาดนี้จะจุดธูปจุดเทียนได้อย่างไร

    19.30 น. ลมก็สงบลงอย่างน่าแปลกใจ ด้วยเหตุว่าลมซึ่งพัดมาจากแม่น้ำโขงนั้น เป็นลมที่พัดเรื่อย ๆ สม่ำเสมอตลอดเวลา มีทีท่าว่าจะพัดกันเรื่อยไปไม่สิ้นสุด อาจพัดกันตลอดคืนยันรุ่งก็ได้ใครจะรู้

    19.37 น. จุดธูปเทียนเริ่มพิธีได้ตามฤกษ์และตลอดพิธีตั้งแต่ 19.37 – 20.00 น. ไม่มีลมเลย

    ลมสงบแล้ว แต่ท้องฟ้ายังคงมืดดำด้วยเมฆปกคลุมอยู่ตลอดฟ้า แลเห็นฟ้าแล่บอยู่ไกลตรงปลายฟ้าเป็นระยะ ๆ

    เมื่อพิธีเริ่มตามฤกษ์แล้ว มีปรากฏการณ์แปลก และสวยงามเกิดขึ้นบนท้องฟ้า คือบริเวณท้องฟ้าเหนือหัวของสถานที่ประกอบพิธี เมฆเปิดตัวออกเป็นช่องขนาดใหญ่ ทำให้ฟ้าเหนือวัดเปงจานสว่างนวลด้วยแสงจันทร์ มีเมฆเป็นริ้วๆ ลอยผ่านช้าๆ สวยงามมาก ในขณะที่รอบ ๆนั้น เมฆยังคงดำทมึนมืดมิดตลอดจนสุดปลายฟ้าทุกทิศ และยังคงมีฟ้าแล่บปรากฏอยู่ตลอดเวลาเช่นเดิม

    อยากให้ได้เห็นด้วยตาตนเอง ฟ้าตอนนั้นสวยงามจริง ๆ

    พิธีผ่านไป อย่างสงบเงียบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้ที่เฝ้าหวังจะรอสัมผัสเหตุการณ์แปลกๆ รู้สึกจะผิดหวังกันไปหมด

    จนกระทั่งเสร็จพิธีเวลา 00.00 น. (6 ทุ่ม) ท่านเดชโอภาสนำเครื่องบัดพลีทั้งหมดทิ้งลงแม่น้ำโขง เครื่องบัดพลีก็ลอยตามกระแสน้ำไปทีละชิ้นตามปกติ
    ตอนนี้แหละครับเกิดเหตุแปลกประหลาดขึ้น จนผู้มาร่วมพิธีพากันวิจารณ์ไปต่าง ๆ นานา อีกครั้ง

    มีกระทง 2 ใบ เรียกว่าเป็นกระทงพญานาค หรือบายศรีพญานาค เป็นกระทงใหญ่หนัก และกว้างยาว ด้านละประมาณ 1 เมตร ต้องปล่อยลงน้ำเป็นรายการสุดท้าย

    กระทงใบแรกลงน้ำก็ลอยลิ่วไปตามกระแสน้ำทันที

    ลอยอย่างรวดเร็ว

    แซงหน้าเครื่องบัดพลีที่ปล่อยลงไปก่อนอย่างน่าแปลก จนกระทั่งหายลับไปจากสายตา

    กระทงใบที่ 2 แปลกหนักกว่านั้น

    พอปล่อยลงน้ำ กลับลอยช้า ๆ อ้อยอิ่งออกไปสัก 10 เมตร แล้วก็ลอยโค้งกลับย้อนกระแสน้ำมายังจุดปล่อยกระทงเหมือนเดิม

    เข้าใจว่ากระทงใบนี้อาจไปเจอกระแสน้ำวนจึงลอยกลับมา

    ท่านเดชโอภาสเอาไม้ไผ่ขนาดยาว ค้ำยันกระทงส่งออกไปจากฝั่งอีกครั้ง

    กระทงก็ลอยกลับมาอีก

    ทำเช่นนี้อยู่ 4 ครั้ง

    กระทงก็กลับมา ไม่ไปไหน

    จึงจำเป็นต้องปล่อยเอาไว้ตรงนั้น

    เรื่องน่าคิดคือ ทั้งเครื่องบัดพลี และกระทงพญานาค 2 ใบ ปล่อยลงน้ำในตำแหน่งเดียวกัน

    เครื่องบัดพลีลอยไปตามกระแสน้ำตามปกติ

    กระทงใบแรกลอยลิ่วแซงเครื่องบัดพลีไปอย่างไม่ปกติจนหายลับไปจากสายตา

    กระทงใบที่ 2 ลอยกลับมาที่เก่าไม่ยอมไปไหน

    ฟังกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากชาวบ้านที่มาร่วมพิธี กล่าวตรงกันว่า กระทงใบแรกนั้น พวกเหล่าพญานาคที่มาร่วมพิธีเขาพากันกลับไปก็เอากระทงไปด้วย

    ส่วนกระทงใบที่ 2 พญานาคผู้เป็นใหญ่ในสถานที่นั้นเอาไว้เอง

    จริงเท็จไม่ทราบ, เขาวิจารณ์กันอย่างนั้น

    อย่างไรก็ตาม พิธีประกอบมวลสารตามศาสตร์วิชาที่หลวงปู่คำพันธ์ ประสิทธิประสาทไว้ให้ก็ลุล่วงไปด้วยดี

    หลังจากนี้เป็นเรื่องการนำมวลสารมาประกอบเป็นรูปนาคาธิบดีศรีสุทโธ ตามแบบร่างที่ลงไว้ให้ดูอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็จะถึงขั้นตอนการสถาปนาอิทธิคุณต่อไป

    หมายเหตุ

    คาถาบูชาพญานาคคาถาที่ถูกต้องมีดังนี้

    ปัจฉิมรัสมิง ทิศาภาเค สันตินาคา มหิทธิกา เอติตุมเห อนุรักขันตุ อโรคะเย นะสุเขนะจะ

    _____________________

    ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารศักดิ์สิทธิ์ ปีที่.... ฉบับที่....



    เบาๆ ครับ 750.- ค่าส่ง 50 บาท

    กรุณาโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.ทหารไทย สาขาย่อย ม.ราชภัฏอุดรธานี
    ชื่อบัญชี ณรงค์ ขันดีศรีไพบูลย์
    เลขที่บัญชี 516-202-8020
    โทรศัพท์ 083-284-9228
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.1.jpg
      1.1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      114.7 KB
      เปิดดู:
      119
    • 1.2.jpg
      1.2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      119.5 KB
      เปิดดู:
      74
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2011
  18. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    พระอุปคุตมหาเถระเจ้า อาราธนาพระอุปคุต มาอธิษฐานจิตโดยพระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน...

    [​IMG]

    ตำนาน พระอุปคุต

    จากการค้นหาข้อมูลของพระอุปคุตนั้น เราทราบเพียงว่า ท่านเกิดหลัง พระพุทธเจ้า เสด็จปรินิพพานแล้ว ประมาณ พ.ศ. 218 ปี แต่ไม่ทราบ ภูมิเดิมของท่านละเอียด ว่าเป็นบุตรของใคร เกิดในวรรณะอะไร และที่ไหน



    จากการสันนิษฐานตามตำนาน พระเถระอุปคุต น่าจะเป็นชาวเมืองปาตลีบุตร เมื่อบวชแล้วบำเพ็ญเพียร จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ขีณาสพ สำเร็จอภิญญาต่างๆ จนสามารถแสดงอภินิหาร เป็นที่เล่าลือมาจนทุกวันนี้ มีปฏิปทาดำเนินไปในทางสันโดษ มักน้อย นัยว่าท่านเนรมิตเรือนแก้ว (กุฏิแก้ว) ขึ้นในท้องทะเลหลวง (สะดือทะเล) แล้วก็ลงไปอยู่ประจำ ที่กุฏิแก้วตลอดเวลา เมื่อมีเหตุเภทภัยเกิดขึ้นในพระศาสนา หรือเมื่อมีพิธีกรรมใหญ่ๆ หรือมีผู้นิมนต์ ท่านก็จะขึ้นมาช่วยเหลือ ด้วยความเต็มใจเสมอ

    สรุปรวมความได้ว่า ท่านเป็นพระเถระสำคัญองค์หนึ่ง ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช (ผู้นำกองทัพธรรมแผ่กระจายไปทั่วโลก) เป็นพระเถระผู้เปี่ยมด้วยพุทธานุภาพ และฤทธิ์เดชเกรียงไกร สามารถปราบพญามารและกำจัดสิ่งชั่วร้าย ที่จะมาทำลายพิธีกรรมใหญ่ ๆ มาแต่ครั้งโบราณ

    เรื่องราวก็มีอยู่ว่า เมื่อประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 2 หลังพุทธปรินิพพาน ณ นครปาตลีบุตราชธานี (ปัจจุบันคือเมืองปัตนะ ภาคใต้อินเดีย) พระเจ้าอโศกมหาราช ผู้ครองราชสมบัติในขณะนั้น ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ตามตำนานกล่าวว่า ได้ทรงสร้างพระวิหารและพระสถูป มากมายทั่วทั้งชมพูทวีป (เค้าว่ามากถึงแปดหมื่นสี่พันองค์) เป็นผู้รวบรวมและขุดค้นพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อจะนำไปบรรจุในสถูปที่พระองค์ทรงสร้างไว้ทุกแห่ง

    เมื่อการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระองค์ก็ทรงปรารภ ที่จะจัดให้มีการฉลองสมโภช พระสถูปเจดีย์ทั้งหมดนั้น เป็นการมโหฬารยิ่ง ตลอด 7 ปี 7 เดือน 7 วัน และเพื่อให้การฉลองสมโภช เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปราศจากอุปสรรค จึงใคร่จะอาราธนาพระสงฆ์ขีณาสพ ที่ทรงอิทธิฤทธิ์ มาเป็นผู้คุ้มครองงาน ให้ปราศจากการรบกวนจากมารร้ายต่าง ๆ

    แต่พระสงฆ์ในนครปาตลีบุตร ไม่มีรูปใดที่จะสามารถ เป็นผู้คุ้มครองงานมหกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ ให้พ้นจากภัยทั้งหลายทั้งปวงได้ (โดยเฉพาะภัยจากพญาวัสสวดีมาร ผู้มีฤทธิ์ยิ่งกว่าภูตผีปีศาจทั้งหลาย) นอกเสียจากพระอุปคุตเถระผู้เดียวเท่านั้น พระสงฆ์ทั้งปวงจึงตั้งตัวแทน ๒ รูป ลงไปอาราธนาพระอุปคุตเถระผู้เรืองฤทธิ์ มาช่วยรักษาความปลอดภัย ในงานสมโภชครั้งนี้ ซึ่งกล่าวกันว่า พระอุปคุตเถระองค์นี้ มีปกติสันโดษอยู่องค์เดียว เข้าฌานสมาบัติเสวยวิมุตติสุข อยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ภายในปราสาทแก้วที่เนรมิตขึ้น เหนือรัตนะบัลลังก์ จะออกจากสมาบัติ เหาะขึ้นมาบิณฑบาต ในโลกมนุษย์ ในวันพุธเพ็ญกลางเดือนเท่านั้น


    และในครั้งนี้เอง พระอุปคุตเถระ ถูกพระภิกษุสองรูป ผู้ได้อภิญญาสมาบัติ ชำแรกมหาสมุทร ลงมาถึงตัวท่านแจ้งว่า ให้ท่านจงเป็นธุระ ป้องกันพญามารอย่าให้รบกวนงานฉลองพระสถูปเจดีย์ ของพระเจ้าอโศกมหาราชได้

    เมื่อพระอุปคุตเถระได้รับนิมนต์ ก็เดินทางมานมัสการ และรายงานตัวต่อคณะสงฆ์ในวันรุ่งขึ้น พระเจ้าอโศกมหาราช จึงได้เสด็จเข้ามานมัสการคณะสงฆ์ เพื่อขอทราบเรื่อง ผู้จะที่จะมาทำหน้าที่รักษาการ งานฉลองสมโภชพระสถูปเจดีย์ เมื่อพระองค์ทรงทราบ ว่าผู้ที่จะมาทำหน้าที่นี้ คือพระอุปคุตเถระ ก็ทรงนึกแคลงพระทัย เนื่องจากพระอุปคุตเถระนั้น มีร่างกายผ่ายผอมดูอ่อนแอ ก็ทรงไม่แน่ใจ เกรงจะทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์ แต่ไม่ทรงตรัสว่ากระไร

    ครั้นรุ่งเช้าวันใหม่ ขณะที่พระอุปคุตหาเถระ ออกบิณฑบาตในนครปาตลีบุตรนั้น พระเจ้าอโศกมหาราช ใคร่จะทดสอบฤทธิ์พระเถระ จึงทรงปล่อยช้างซับมัน (ช้างตกมัน) ให้เข้าทำร้ายพระเถระ พระมหาอุปคุตเถระเห็นดังนั้น จึงสะกดช้าง ที่กำลังวิ่งเข้ามา ให้หยุดอยู่กับที่ ไม่ไหวติงประดุจช้างที่สลักด้วยศิลา พระเจ้าอโศกมหาราช ทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ทรงเลื่อมใส จึงเสด็จไปขอขมาพระเถระ พระมหาอุปคุตเถระ ก็ให้อภัยทั้งแก่พระเจ้าอโศกมหาราช และพญาคชสาร

    เมื่อเห็นว่าพระอุปคุตเถระ มีฤทธิ์เดชมาก พระเจ้าอโศกมหาราช ก็ทรงวางพระทัย ตรัสสั่งให้เตรียมฉลองสมโภช พระสถูปเจดีย์ทั้งหมด ด้วยการปลูกปะรำร้านโรง ประดับธงทิว และประทีปโคมไฟ ตลอดระยะทางกึ่งโยชน์ ทำให้ตามแนวฝั่งแม่น้ำคงคา สว่างไสวไปทั่วทั้งบริเวณ

    บรรลุฤกษ์งามยามดีตามที่กำหนดไว้ บรรดาพระสงฆ์ขีณาสพ และพระสงฆ์ปุถุชน ตลอดจนพุทธศาสนิกชน ทั้งในนครปาตลีบุตร และต่างแดนจากจตุรทิศ ก็เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่บริเวณงาน พร้อมเครื่องสักการบูชา เพื่อร่วมพิธีฉลองสมโภช พระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุอยู่ในมหาเจดีย์ และเจดีย์ ทั้งแปดหมื่นสี่พันองค์ ด้วยความเลื่อมใส ศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง

    และในเวลานี้เอง พญามาร (พญาวัสสวดีเทพบุตรมาร) ก็มุ่งหน้าเข้ามาในงานกับเค้าเหมือนกัน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะก่อความวุ่นวาย ต่างๆ นานา ทั้งบันดาลให้เกิดลมพายุ ทั้งแปลงร่างเป็นสัตว์ป่า และสัตว์หิมพานต์ แต่ทุกครั้งก็โดนพระอุปคุตเถระ กำราบได้หมด และสุดท้าย เพื่อให้พญามาร ออกไปจากบริเวณพิธี พระอุปคุตเถระ จึงเนรมิตร่างหมาเน่าขึ้นมาตัวหนึ่ง แล้วดึงประคตจากเอวของท่าน ออกมาผูกร่างหมาเน่านั้น คล้องคอพญามารไว้ แล้วสำทับว่าไม่ว่าใครก็ตาม (นอกจากท่านเอง) จะเอาหมาเน่านี้ออก จากคอพญามารไม่ได้ แล้วขับพญามารออกไป จากบริเวณงานทันที

    ด้วยความอับอาย พญามารก็ออกมาจากบริเวณงาน และพยายามแก้ร่างสุนัขเน่า ออกด้วยฤทธานุภาพ แต่ทำอย่างไร ก็ไม่สามารถแก้ได้ เพราะเมื่อเอามือทั้งสอง ต้องสายประคตที่คล้องคอทีไร ต้องมีไฟลุกขึ้นไหม้คอ และมือทันที สุดจะแก้ไขด้วยตนเองได้ ก็ไปหาที่พึ่งอื่น (ที่คิดว่าน่าจะช่วยได้)

    แต่ถึงแม้จะไปหาท้าวมหาราชทั้งสี่ พระอินทร์ ท้าวยามา ท้าวสันดุสิต ท้าวนิมิตเทวราช ตลอดจนท้าวสหัสบดีพรม ก็ไม่มีใครสามารถช่วยได้ ต่างได้แต่แนะนำว่า ให้พญามารไปขอขมา และขอความเมตตา จากพระเถระผู้นั้นเสียดีกว่า

    พญามารเห็นดังนั้น จึงจำใจต้องกลับไปหาพระเถระ อ้อนวอน ให้ช่วยเอาซากหมาเน่าออกจากคอให้ แล้วจะไม่มารบกวน การจัดงานอีก พระอุปคุตเถระก็อนุโลมตาม แต่ยังไม่ไว้ใจพญามารนัก เกรงพญามาร จะกลับมาทำลายพิธีในภายหลัง จึงเดินนำพญามาร ไปยังเขาใหญ่ลูกหนึ่ง แล้วเอาร่างหมาเน่าทิ้งลงเหว และเนรมิตให้สายประคตยาวขึ้น แล้วพันคอพญามาร ไว้กับเขาลูกนั้น พร้อมทั้งแจ้งว่า เมื่อเสร็จพิธีฉลองสมโภช พระมหาเจดีย์สิ้นสุดลงแล้ว จึงจะแก้โซ่ออก ปล่อยให้พญามารเป็นอิสระ (7 ปี 7 เดือน 7 วัน)

    เวลาผ่านไปตามที่ตกลงกัน การจัดงานสมโภชน์ ก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พระอุปคุตเถระ จึงกลับมาหาพญามาร โดยแอบอยู่ห่างๆ เพื่อฟังเสียงพญามารว่า ละพยศร้ายหรือยัง

    พญามารเอง เมื่อจากทิพยวิมานอันบรมสุข มารับทุกขเวทนาเช่นนี้ ก็ละพยศร้ายในสันดาน หวนนึกถึงพระพุทธโคดม จึงกล่าวสดุดี ในความเมตตากรุณา ของพระพุทธเจ้า ในเรื่องที่ทรงมีมหากรุณาธิคุณ อันยิ่งใหญ่ว่า “ทรงบำเพ็ญสิ่งอันเป็นที่สุดหามิได้ เป็นที่พึ่งพำนักแก่สัตว์โลกทั้งมวล ในกาลทุกเมื่อ พระองค์นั้น เป็นผู้ประเสริฐหาผู้เสมอเหมือนมิได้ อนึ่ง ในกาลก่อน ข้าพเจ้าได้ทำร้ายพระองค์ โดยประการต่างๆ แต่พระองค์ ก็ยังทรงมหากรุณาธิคุณ มิได้กระทำการโต้ตอบ แก่ข้าพเจ้าเลย มาบัดนี้ สาวกของพระองค์นามว่าอุปคุต ไม่มีเมตตาแก่ข้าพเจ้าเลย กระทำกับข้าพเจ้า ให้ได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส และได้รับความอับอาย เป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากว่าข้ายังมีบุญกุศล ที่ได้สั่งสมไว้แต่กาลก่อน ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิษฐาน ปรารถนาเป็นพระสัพพัญญูในอนาคต ดังเช่นพระองค์ต่อไป”


    กล่าวได้ว่า การตกระกำลำบากในครั้งนี้ ทำให้พญามาร ซึ่งความจริงแล้ว ในอดีตชาติ (ในยุคของพระกัสสปพุทธเจ้า) เคยมีจิตตั้งมั่น ที่จะบำเพ็ญเพียร ให้ได้เป็นพระพุทธเจ้าเช่นกัน แต่ที่ได้กระทำการขัดขวาง พุทธศาสดาของพระพุทธโคดม ก็ด้วยความริษยา พระพุทธโคดม (มีมิจฉาทิฐิ) เนื่องด้วยพระองค์ ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อนตน ทั้งๆ ที่ตนบำเพ็ญบารมี มามากพอสมควรเหมือนกัน แต่การกระทำในแต่ละครั้ง ก็มิได้ล่วงเกิน ทำบาปหนักแต่ประการใด

    เมื่อพระอุปคุตเถระ ได้ยินคำปรารภดังนั้น ก็เห็นว่าพญามารสิ้นพยศแล้ว จึงแก้โซ่ออก ปล่อยให้พญามารเป็นอิสระ พร้อมทั้งขอขมาพญามาร และบอกว่า การกระทำครั้งนี้ ก็เพื่อให้พญามาร ระลึกได้ถึงพุทธภูมิ ที่ท่านเคยปรารถนาไว้เท่านั้นเอง มิได้มีเจตนา ที่จะล่วงเกินประการใด ซึ่งพญามารก็เข้าใจด้วยดี


    พระอุปคุต เขมร
    ต่อจากนั้นพระเถระ ก็ได้ขอให้พญามาร เนรมิตกาย เป็นพระพุทธองค์ เพื่อจะได้เห็น เป็นพุทธานุสติบ้าง ซึ่งพญามารก็รับคำ แต่ขอร้องว่า เมื่อเห็นเขาเนรมิตกาย เป็นพระพุทธองค์แล้ว อย่าหลงกราบไหว้เป็นอันขาด เพราะจะให้เขาบาปหนัก

    ครั้นเมื่อพญามารเนรมิตกาย เป็นพระพุทธเจ้า ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ และฉัพพรรณรังสี อันวิจิตร มีพระอัครสาวกเบื้องซ้าย เบื้องขวา แวดล้อมด้วย มหาสาวกทั้งหลายเป็นบริวาร เสด็จเยื้องย่าง ด้วยพุทธลีลาอันงดงามยิ่ง พระเถระ และบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย เห็นเช่นนั้น ก็ลืมตัวพากันถวายนมัสการ ทำเอาพญามารตกใจ รีบคืนร่างเดิม และท้วงติงว่า ทำให้ตนมีบาปหนัก แต่พระเถระ ก็กล่าวให้พญามารสบายใจว่า ทุกคนกราบไหว้พระพุทธเจ้า และพญามารก็ไม่บาปหรอก จะได้กุศลมากกว่า

    พระอุปคุต ลงรักปิดทองเก่า


    จากนั้นพญามาร ก็กลับคืนสู่สวรรค์ ชั้นที่ 6 วิมานของตน และนับแต่นั้นมา พญามารได้มีจิตอ่อนน้อมเลื่อมใส ในพระพุทธศาสนา หมดสิ้นน้ำใจริษยา และบำเพ็ญบารมี เพื่อพุทธภูมิต่อไป

    หมายเหตุ
    เนื้อเรื่องได้กล่าวถึง พระพระกัสสปพุทธเจ้า ดังนั้นเพื่อความเข้าใจ ในการอ่าน ขอเสริมว่าตามตำนาน โลกเรานั้น แบ่งช่วงเวลาเป็นกัลป์ ซึ่งแต่ละช่วง ในแต่ละกัลป์ ก็จะมีพระพุทธเจ้า ที่มาตรัสรู้ โปรดบรรดาสัตว์โลก เป็นคราวไป ดังนั้นพระพุทธเจ้า จึงมีหลายพระองค์ ซึ่งเวลาหนึ่งกัลป์นั้นนานนัก (กัลป์ที่เราอยู่นี้ มีพระพุทธเจ้า มาตรัสรู้แค่ 5 พระองค์ และมีหลายๆ ช่วงในแต่ละกัลป์ ที่ปราศจากพระพุทธศาสนา โดยสิ้นเชิง ดังนั้นถือว่าเราโชคดีมาก ที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนาในชาตินี้

    เบาๆ ครับ ขนาด 5 นิ้ว 2,500 บาท

    กรุณาโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.ทหารไทย สาขาย่อย ม.ราชภัฏอุดรธานี
    ชื่อบัญชี ณรงค์ ขันดีศรีไพบูลย์
    เลขที่บัญชี 516-202-8020
    โทรศัพท์ 083-284-9228
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      993.3 KB
      เปิดดู:
      163
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      121
  19. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    จัดโปรโมชั่น กับรายการคงเหลือครับ...สาธุ เผื่อมีท่านที่สนใจ สาธุ

    รายการคงเหลือ...
    เมื่อพบรายการที่ท่านสนใจ ก็คลิกชมรายละเอียดที่หน้านั้นครับ..

    หน้า 5

    - พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ ราคาพิเศษ Promotion เหลือ 9,999.-
    - พระปิดตานอโม หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน ว่านสบู่เลือด 450.- Promotion เหลือ 350.- <-------- :cool: แนะนำ

    หน้า 10

    - พระกำแพงเปิดโลก หรือ ยืนตอ พิมพ์ใหญ่ กรุวัดพิกุล จังหวัดกำแพงเพชร 8,500.- Promotion เหลือ 3,500.- <-------- :cool: แนะนำ
    - นางพญา กรุวังหน้า Promotion เหลือ 2,500.- <-------- :cool: แนะนำ


    หน้า 11

    - พระสรรค์ยืน ลีลา หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม 1,500.- Promotion เหลือ 1,000.- <-------- :cool: แนะนำ

    หน้า 13

    - เหรียญคอน้ำเต้า หลวงพ่อทบ ออกวัดช้างเผือก รุ่น ๑ พ.ศ.๒๕๑๗ เนื้ออัลปาก้าชุบนิเกิล สภาพสวย 2,000.- Promotion เหลือ 1,500.-
    - เหรียญหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง ภูเก็ต...ออกปี 2510 สวยงามมากมายๆๆๆๆ ตัวหนังสือคมชัด Promotion เหลือ 800.- <-------- :cool: แนะนำ
    - สมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เจดีย์ งามๆๆๆๆๆ Promotion เหลือ 12,000.- <-------- :cool: แนะนำ

    หน้า 17
    - สมเด็จปิลันทน์ พิมพ์เปลวเพลิงเล็ก 8,500.- Promotion เหลือ 5,000.- <-------- :cool: แนะนำ

    หน้า 23
    - สมเด็จอุลกมณี 450.-
    - พระสัมพุทธพรรณี 150.-
    - หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม 200.-

    หน้า 24
    - ล็อกเก็ตหลวงตามหาบัว 750.-
    - พระศิลาจำหลักศิลปะปาละ หลวงตามหาบััว 550.-
    - หลวงปู่ำคำพัน 500.-

    หน้า 25
    - สมเด็จวังหน้า 4,500.- ปิดรายการแล้วครับ
    - หลวงปู่ขาว-หลวงปู่เทพโลกอุดร 350.-
    - สิงห์หลวงปู่สรวง 400.-
    - ตะกรุดหลวงปู่เคน เขมาสโย 500.-
    - เหรียญรุ่น 2 หลวงปู่กูด 350.-
    - หลวงปู่เนย สมจิตโต 250.- ปิดรายการแล้วครับ..
    - หลวงปู่ทวด อ.ชุม ไชยคีรี ปี 2497 มี 2 องค์ๆ ละ 500 บาท เหลือ 1 องค์ (ขวา)<-------- :cool: แนะนำ

    หน้า 26
    - พระดำแดง ลพบุรี 3,500.- ลดเหลือ 3,000.- <-------- :cool: แนะนำ
    - พระลีลา หลวงพ่อกวย เหลือ 5 องค์
    - พระพิทักษ์โลก หลวงปู่ทองทิพย์ 5000.- ลดเหลือ 4,000.- <-------- :cool: แนะนำ
    - พระชินราช กรุวัดเสาธงทอง 1000.- <-------- :cool: แนะนำ
    - พระหลวงปู่ทวด ลป.ทิม 2,500.- ลดเหลือ 2,000 <-------- :cool: แนะนำ
    - พระหลวงปู่เครื่อง 600.-
    - พระคะแนน หลวงพ่อผินะ 500.-
    - หลวงปู่หุน มี 2 องค์ๆ ละ 500.-
    - พระจุฬามณี 3,500.- ลดเหลือ 2,500.- <-------- :cool: แนะนำ
    - พระปัจเจกพุทธเจ้ามหาลาภ + พระปิดตามหาลาภ พระอาจารย์เล็ก 4,500.- ลดเหลือ 4,000.- <-------- :cool: จองแล้ว หลังสงกรานต์โอนครับ โดยคุณ กาละมังบุญ

    หน้า 28
    - พระสมเด็จวังหน้า 4,500.- ลดเหลือ 4,000.- <-------- :cool: แนะนำ
    - พระแม่อุมาเทวี 1,200.- ลดเหลือ 1,000.-
    - พระรอด 1,200.- ลดเหลือ 1,000.-
    - ลูกแก้วพญานาค สารพัดนึก 650.-
    - หลวงปู่เนย สมจิตโต สูง 11 นิ้ว 1,800.- <-------- :cool: แนะนำ
    - ล็อกเก็ตหลวงปู่ลี 350.-
    - นาคาธิบดีศรีสุทโธ 750.- <-------- :cool: แนะนำ

    หน้า 29
    - พระอุปคุต พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน อธิษฐานจิต 2,500.- <-------- :cool: แนะนำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2011
  20. ศรัทธาพญาเวนไตย

    ศรัทธาพญาเวนไตย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    867
    ค่าพลัง:
    +1,383
    ลดอีกเยอะๆนะครับ อิอิ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...