ขอความคิดเห็นในข้อธรรมะหน่อยครับ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย pandykub, 20 สิงหาคม 2013.

  1. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ต้องรู้จักพิจารณาเองบ้าง

    ขออนุญาตครับ

    อยากให้คุณหาข้อมูลเองแล้วพิจารณาเองบ้างเผื่อจะเกิดปัญญาที่เป็นของตัวเอง

    ขอยกคำถามของคุณขึ้นมา
    แล้วผมจะยกข้อมูลทั่วๆไปที่ชาวพุทธต่างก็รู้กันดีอยู่แล้ว
    แล้วผมจะแยกประเด็นให้เห็น แล้วคุณลองพิจารณาดู


    จึงใคร่อยากจะทราบความคิดเห็นว่าเมื่อท่านทั้งหลาย เกิดความท้อในการบำเพ็ญบารมี
    ไม่ว่าจะเกิดจากสิ่งใดก็ตาม จะมีธรรมข้อใดบ้างหนอที่จะสร้างกำลังใจ
    สร้างความฮึกเหิม เป็นเหมือนกำลังอันแรงกล้าที่จะส่งผลให้ตัวท่านทำบารมีต่อตามความปรารถณาเดิมของตน


    คำถาม

    เกิดความท้อในการบำเพ็ญบารมี

    มนุษย์มักสู้อย่างทรหด เพื่อเอาชีวิตตัวเองให้รอด
    จะเห็นว่าในยุคโบราณ มนุษย์ต้องปรับตัวกันมาก ใครไม่ปรับตัวเร็วพอ อายุก็จะสั้น
    เพราะมีภัยมากมาย ทั้งจากภัยธรรมชาติ ภัยจากสัตว์ ภัยจากคน ภัยจากโรค ภัยจากความอดหยาก
    แล้วคุณลองดูปัจจุบันรอบๆตัวคุณ
    มนุษย์มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย
    เพียงแต่รู้จักหาเงินเอาไว้ จับจ่ายใช้สอย ซื้อในสิ่งที่ต้องการ

    ภัยด้านต่างๆ ที่มนุษย์ยุคโบราณต้องช่วยตัวเอง
    ปัจจุบัน เราแค่ ใช้เงินซื้อบริการเพื่อแก้ปัญหาเหล่านั้น

    ทำให้มนุษย์ในยุคปัจจุบัน ขาดความทรหดอดทน
    พร้อมๆกันไปก็พลอยขาดปัญญาไปด้วย

    เพราะแทนที่จะได้เคยใช้ปัญญาเพื่อช่วยตัวเองให้รอด
    พร้อมกับฝึกฝน สะสมองค์ความรู้ต่างๆเอาไว้ในตน
    ทำให้มีปัญญารู้รายละเอียดปลีกย่อยมากมาย
    แถมปัญญาเหล่านั้นยังสามารถส่งเสริมให้เกิดปัญญาใหม่ๆ
    เพื่อแก้ปัญหาใหม่ๆ ได้ไม่มีที่สิ้นสุด

    แต่มนุษย์ในยุคปัจจุบัน รู้แค่วิธีหาเงินก็พอแล้ว แล้วซื้อบริการด้านต่างๆเอา ด้วยเงินที่หามาได้

    พออยากสะสมบุญบารมี อยากจะเป็นพระพุทธเจ้าบ้าง

    มนุษย์โบราณ เขาก็สร้างปัญญาของตนไป สะสมบุญบารมีของตนไป อุทิศตนช่วยเหลือผู้อื่นไป

    ชาติแล้ว ชาติเล่า ภพแล้ว ภพเล่า
    ด้วยปัญญาที่สะสมมา ด้วยองค์ความรู้ที่สะสมมา
    เขาเหล่านั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า "ความท้อ" ที่ จขกท ถามมามันคือ อะไร

    เพราะเขาเหล่านั้น ต้องเอาชีวิตให้รอด ในแต่ละวัน ในแต่ละปี ในแต่ละชาติ

    เหมือนกับพระธุดงค์ ที่ท่านเดินทางเพียงลำพังในป่า ในเขา อดๆอยากๆ ขาดแคลนแสนสาหัส ในความรู้สึกของคนทั่วไป

    แต่ท่านเหล่านั้นกลับ สะบายอย่างยิ่ง เป็นสุขอย่างยิ่ง สงบอย่างยิ่ง

    แต่เราในยุคปัจจุบัน ไม่ต้องยาก ไม่ต้องลำบาก กันขนาดนั้น

    เพราะพระพุทธองค์ได้ทรง พบแนวทาง บอกแนวทาง สอนแนวทาง เอาไว้แล้ว

    ก็คือ การปฏิบัติสมาธิภาวนา การสะสมกำลังสติ กำลังสมาธิ ให้เต็มเปี่ยมก่อน
    แล้วเดินตามทางที่ครูบาอาจารย์สอนไป

    เมื่อท่าน เห็นจิตของตนเอง เมื่อไร เมื่อนั้น ท่านก็จะเพลิดเพลินอยู่กับธรรม
    จนไม่รู้ว่า"ความท้อ" เป็นอย่างไร

    เมื่อเห็นจิตของตนเองแล้ว การเดินปัญญา การเกิดปัญญา ก็ใกล้แค่มือเอื้อมถึง

    สรุป คำถามนี้ก็คือ

    ท่านต้องปฏิบัติสมาธิภาวนา จนท่านกำลังสติ กำลังสมาธิ เต็มเปี่ยม จนเห็นจิตตนเอง เป็นอย่างน้อย ท่านก็จะไม่มีวันท้อ อีกต่อไป


    โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าธรรมเหล่านั้นคือธรรมที่ใช้แบ่งประเภทของพระโพธิสัตว์ นั่นคือ ปัญญา ศรัทธา วิริยะ
    แล้วทุกท่านมีความคิดเห็นว่าอย่างไรกันบ้าง?


    อ้อ! ลืมอีกหนึ่งอย่าง

    ข้อธรรมใดที่ใช้แยกระหว่างดวงจิตที่ปรารถณาปัจเจกภูมิกับพุทธภูมิ

    คำถาม

    ธรรมที่ใช้แบ่งประเภทของพระโพธิสัตว์ นั่นคือ ปัญญา ศรัทธา วิริยะ


    เมื่อกิเลสมีหลายประเภท ธรรมที่ใชัปราบกิเลสก็มีหลายประเภทตาม เพื่อให้เกิดความเหมาะสม

    การเกิดของพระพุทธเจ้าในแต่ละยุคในแต่ละสมัย ก็เป็นเช่นเดียวกัน

    พระพุทธเจ้าแต่ละประเภท ก็เหมาะกับโลก เหมาะกับชุมชนในแต่ละยุค ในแต่ละสมัย ให้มากที่สุด

    เมื่อโลกแตกสลายดับไป เมื่อดวงอาทิตย์แตกสลายดับไป
    ก็จะมีโลกอีกไบ ก็จะมีดวงอาทิตย์อีกดวง เกิดขึ้นมาแทนที่

    มนุษย์ในแต่ละยุค ก็จะเกิดอาศัย อยู่ในโลก ภายใต้ดวงอาทิตย์ในยุคนั้นๆ

    ด้วยภาวะแวดล้อมที่แตกต่างกันไป โลกจึงต้องการพระพุทธเจ้าที่เหมาะสมแก่ยุคนั้นๆ

    ด้วยเหตุนี้ การสร้างสมบุญบารมี เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าในยุคต่างๆ

    ด้วยเหตุนี้ การสร้างสมบุญบารมี เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าประเภทต่างๆ

    จึงได้แตกต่างกันที่ ความยาก ง่าย ความยาว นาน เท่านั้น

    ใครอยากได้แบบไหนก็เลือกเอาเอง ตั้งความปรารถนากันเอาเอง สร้างบุญบารมีกันเอาเอง


    ข้อธรรมใดที่ใช้แยกระหว่างดวงจิตที่ปรารถณาปัจเจกภูมิกับพุทธภูมิ

    เมื่อเปรต คือ ผู้ที่เคยสร้าง บาป สร้าง อกุศล เอาไว้ แต่ไม่มากพอ ที่จะตกนรก

    ปัจเจกะ ก็คือ ผู้ที่สร้างบุญบารมี เอาไว้แล้ว แม้จะมากมายเพียงใด แต่ก็ไม่มากเพียงพอ ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้

    มันก็มีเพียงเท่านี้จริงๆ กลับไปศึกษาเรื่อง พระเทวทัต เอาเองก็น่าจะเข้าใจได้


    สรุป
    การสร้างบุญบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้านั้น แม้จะนานแสนนาน
    แต่สำหรับผู้ที่ ค่อยๆสะสม บุญบารมีด้านต่างๆไป
    ทีละเล็ก ทีละน้อย ให้เหมาะกับยุคสมัยของตน ก็จะไม่มีความยุ่งยากอะไรเลย
    สำคัญต้องมีปัญญา พิจารณาเอาเองว่า จะเลือกเส้นทางไหน จะเดินไปอย่างไร

    อย่าได้ให้ใครหลอกใช้ อย่าได้ให้ใครจูงจมูกได้

    อุตสาห์ปรารถนาพุทธภูมิทั้งที กลับเดินตามหลังเขาต้อยๆ
    ต้องมีปัญญาพิจารณาด้วยว่า ที่เดินนำหน้าเรานะ ใคร

    เขากับเรา ใครมีบุญบารมีมากกว่ากัน
    ถ้าเขามีบุญบารมีมากกว่าเรา แล้ว ทำอย่างไร เราจึงจะมีบุญบารมีมากขึ้นกว่าเดิม

    แล้วอย่าได้ลืมพิจารณาด้วยว่า ธรรมอันใด มีประโยชน์ต่อตน
    แล้วเร่งรีบปฏิบัติให้ถึง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนให้ได้

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ

    ลุงมหา

     
  2. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ลุงมหา ยังมีคำถามที่ค้างตอบอยู่นะครับ ไม่กลับไปตอบหน่อยหรือครับ?
     

แชร์หน้านี้

Loading...