การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก ของมิตรจากต่างพิภพ และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 19 มิถุนายน 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    สวัสดีอีกครั้งครับคุณ starter

    เดี่ยวขอตอบให้สั้นๆเลยดีกว่า เพราะรู้สึกว่าคุณยังติดใจประเด็นที่ว่า

    1. กฎข้อไหน ห้ามพวกเขามาแทรกแซงการตัดสินใจของมนุษย์

    <o></o>ตอบ

    กฎข้อที่ 7:<o></o>
    <o></o>
    ทุกๆคนต้องซื่อสัตย์ต่อผู้ให้กำเนิดของตนเอง ญาติพี่น้องของตนเอง และคนอื่นๆด้วย
    และต้องเคารพต่อความคิดเห็นและอิสระภาพ (Respect to their free will) ของพวกเขาด้วย<o></o>

    ผมแปลใช้ศัพท์คำว่าอิสระภาพ แต่จริงๆมันหมายถึงอิสระในการตัดสินใจที่จะทำอะไร ต่ออะไรทั้งหมด

    2. พวกเขามาเตือนเรื่องภัยพิบัติ และมีแผนช่วยอพยพ แบบนี้แหกกฎด้วยหรือเปล่า

    ตอบ

    ผมว่าไม่นะ ก็เพราะรักดอก จึงอยากจะมาเตือน และมาช่วย
    แต่ก็ไม่ได้ฝืนใจ ใครอยากให้ช่วยก็ไป ใครไม่อยากให้ช่วยก็ไม่ต้องไป อันนี้พวกเขาพูดไว้ชัดเจน

    3. ถ้าเลือกที่จะช่วยโลก แต่ทำไมถึงไม่อยากช่วยมนุษย์ซึ่งก็เป้นสิ่งที่ถูกสร้างเหมือนกัน

    ตอบ

    เพราะเลือกช่วยตามลำดับความสำคัญ ตามกฎ คือโลกมาก่อน มนุษย์มาทีหลัง
    และก็อย่าลืมว่ามนุษย์คือผู้ทำลายโลก ภัยพิบัติทั้งหลายเกิดจากมนุษย์
    ดังนั้นตัวโลกเอง ก็มีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะชำระล้างตัวเอง โดยกำจัดมนุษย์ออกไปซะ

    อันนี้ พวกเขาก็จะไปก้าวก่ายการตัดสินใจของโลกไม่ได้ แต่ในทางตรงข้าม ก็เพราะโลกตัดสินใจถูกแล้ว
    เพื่อไม่ให้กระทบต่อจักรวาลรอบๆ โดยรวม นี่จึงเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานของพวกเขาด้วยซ้ำไป
    ที่จะช่วยโลกชำระล้างความสกปรกออกไปซะ

    4. ทำไมเขาถึงไม่มาช่วยบอก ช่วยเตือน ช่วยป้องกันภัยพิบัติ และโรคระบาดต่างๆที่เกิดขึ้นกับมนุษย์มาโดยตลอดให้

    ตอบ

    ภัยพิบัต โรคระบาด เหตุเภทภัย ทั้งหลายที่เกิดกับโลกทางกายภาพ
    ล้วนเกิดขึ้นมาจากสาเหตุในโลกทางพลังงาน (จิตวิญญาณ) ก่อนทั้งสิ้น

    ก็เพราะจิตมนุษย์นับวันยิ่งเลวร้าย มีนิสัยชอบฆ่าฟัน แก่งแย่งกันเอง
    สังเกตจากประวัติศาสตร์ของมนุษย์ทุกชาติทุกภาษาในโลก
    ไม่มีเลยว่าประเทศไหนไม่เคยมีสงครามเลย แม้แต่เราเองก็เถอะ
    แม้ว่าจะด้วยอ้างสาเหตุว่ามาจากใครรุกรานใครก่อนก็เถอะ

    พวกเขาช่วยมาโดยตลอด ช่วยมานานเป็นหมื่นเป็นแสนปีมาแล้ว
    เช่น อย่างที่ผมบอกว่าเหตุเภทภัยทางกายภาพ มาจากสาเหตุทางจิตวิญญาณก่อน
    ดังนั้น พวกเขาก็มีแผนรองรับทั้ง 2 ด้าน

    4.1. ด้านจิตวิญญาณ ทำอย่างไรจึงจะให้มนุษย์มีจิตใจที่รักใคร่กัน มีเมตตาต่อกัน
    ก็เอาศาสนามาสอน ให้มนุษย์มีพัฒนาการทางจิตวิญญาณที่สูงขึ้น

    ซึ่งศาสนาที่ผมมั่นใจเกือบ 100% ว่ามาจากรูปธรรมชีวิตต่างมิติเหล่านี้ ก็คือศาสนาที่มี "พระเจ้า" ทั้งหลาย

    4.2. เพื่อช่วยด้านกายภาพ พวกเขาก็มีการศึกษาร่างกายมนุษย์ ทดลองสร้างมนุษย์สายพันธุ์ต่างๆ
    เพื่อให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

    แม้แต่อดัม และอีฟเอง ก็น่าจะมาจากการตัดต่อพันธุกรรมของ DNA ของสิ่งมีชีวิตบนโลกและกับของพวกเขาเอง

    ดูเนื้อหาพวกนี้ในเวปนี้นะครับ มีตัวอย่าง มีหลักฐานที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เพียบเลย
    Mythland.org >> Content >> Ancient Astronaut >> Ancient Astronuat: ����� 3 ෤�����ժ���Ҿ����෾

    และนอกจากนี้ อย่างที่ผมบอกไปแล้วหนะแหละ ว่าแม้แต่อุกาบาตจะชนโลก เขาก็ช่วยไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว
    และการช่วยเหลืออื่นๆอีกมากมายในเรื่องของทางกายภาพ

    แต่คุณอย่าเพิ่งคิดว่ารูปธรรมชีวิตต่างมิติที่มาเกี่ยวข้องกับมนุษย์เราอยู่นี้ มันจะมีอยู่แค่พวกมาช่วยเท่านั้นนะ
    พวกที่มาด้วยวัตถุประสงค์อื่นๆก็มีอีกมากมายหลายกลุ่มเลย และมนุษย์ทั้งหลายก็นับถือกลุ่มเหล่านั้น
    ว่าเป็นพระเจ้าอีกองค์หนึ่งเสมอเหมือนกัน แม้ว่าองค์นี้ต้องสังเวยหรือบวงสรวงด้วยสิ่งนี้
    ส่วนองค์นั้นต้องสังเวย-บวงสรวงด้วยสิ่งนั้นๆ (แม้แต่บูชายันต์ด้วยชีวิตของมนุษย์เอง) ก็ตาม

    เห็นไหม๊หละว่า มันมีความโกลาหลกันอยู่ทั้งในมิติทางกายภาพและมิติอื่นๆที่มนุษย์มองไม่เห็น
    จนมียุกต์หนึ่ง พวกเทพเจ้า (ในสายตาของมนุษย์) เหล่านี้ ต้องทำศึกสงครามกันเอง
    จนมนุษย์ทั่วทุกมุมโลก ต่างต้องบันทึกไว้ในคัมภีร์ต่างๆมากมาย เช่น มหาภารตะ เป็นต้น

    ดังตัวอย่างข้อความต่อไปนี้:

    สงครามนิวเคลียร์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์

    "ยาวราวเจ็ดชั่วตัวคน ขับเคลื่อนด้วยเปลวไฟในตัวเอง สามารถทำลายเมืองได้ทั้งเมือง",

    "เคลื่อนที่เป็นวิถีโค้ง ร้ายแรงราวกับรวมพลังจากทั่วสากลโลกเอาไว้ อานุภาพการทำลายเต็มไปด้วยไฟ ควัน
    และคลื่นความร้อนราวกับดวงอาทิตย์ขึ้นพร้อมกันทีละสิบดวง

    อาวุธนี้สามารถแปรสภาพพื้นที่รอบบริเวณได้ในพริบตา มันเผาผลาญธัญญาหารจนเกรียมวายวอดไปทั้งท้องทุ่ง

    ผู้คนจะผมเผ้าขาวโพลนและหลุดร่วง นกบนท้องฟ้าจะเปื้อนฝุ่นละอองสีขี้เถ้า ตกลงมาตายนับพันตัว
    มิช้ามินาน อาหารและเสบียงที่มีจะเป็นพิษจนหมดสิ้น

    วิธีการหนีรอดจากไฟบรรลัยกัลป์นี้ของทหารภารตะโบราณคือ ถอดเสื้อผ้าและชุดเกราะออก
    ลงไปชำระกายในน้ำครับ เพื่อมิให้ฝุ่นละอองนี้ติดตัว" - - จาก มหาภารตะ

    ที่มา: http://www.mythland.org/html/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=90

    และก็เรื่องสงครามดังว่านี้ ก็ยังไปปรากฎอยุ่ใน "บทสัมภาษณ์ Lacertaฯ" กระทู้ของคุณ Zipper
    ตามลิงค์นี้นะครับ
    http://palungjit.org/threads/คำแปลบทสัมภาษณ์-lacerta-ชาวโลกอีกเผ่าพันธุ์นึง.8282/

    สรุปว่าอะไรๆมันไม่ได้มีปัจจัยเดี่ยวๆ ง่ายๆอย่างที่เราคิด
    มนุษย์เราจะมาคอยอ้อนวอนขอให้แต่ผู้อื่นมาช่วยเรา มันคงไม่ได้
    สิ่งใดที่เราก่อไว้ด้วยความโง่เขลาเบาปัญญาของเรา เราก็ควรรับทุกข์ระทมด้วยตัวเราเอง

    แล้วไฉนเราถึงจะกล้าไปกล่าวโทษคนโน้นคนนี้
    ว่าไม่ยุติธรรม ที่ไม่เลือกที่จะช่วยเราเล่า??

    <o>
    </o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2010
  2. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    ติดตามอ่านอยู่ ขอบคุณที่ให้ข้อมูล คือหลังจากไปฟังโอวาทจากจิตจักรวาล
    มีเรื่องให้ขบคิด และมาได้คำตอบอยู่ในกระทู้นี้แหละ

    จากที่อ่านมาเนี่ยก็ มีหลายข้อที่ตรงกับจิตจักรวาลเคยกล่าวไว้นะ เช่น

    • รูปธรรมต่างดาวมีทั้งดีและไม่ดี ถ้ารูปร่างหน้าตาคล้ายมนุษย์ไว้ใจได้ ส่วนพวก
    ที่รูปร่างหน้าตาห่างไกลมนุษย์ อย่าเพิ่งใว้ใจ (ในซี่รี่ส์ 5)

    • หากชำระโลกจบวันนี้ คนจะเหลือรอดแค่ 1% จึงต้องเลื่อนเพื่อให้คนดีที่ไม่รู้เรื่องได้รู้
    (ฟังมาเมื่อ 7 มิ.ย.52)

    • การแก้ไขวิกฤตโลกต้องกระทำที่จิตสำนึก มิใช่แก้ทางกายภาพ เช่น การทำบุญ ให้ทาน
    ต้องให้ด้วยจิตสำนึกของการมีเมตตาอยากช่วยเหลือ มิใช่ด้วยความกลัว และหวังผลตอบแทน

    ที่ไปฟังมา ท่านเน้นสอนในทางธรรมะ สอนให้ชำระจิตใจตนเอง ข่าวสารเรื่องต่างๆ เป็น
    ของแถมแอบบอก และรับรู้ไปแล้วอย่าเชื่อหรือไม่เชื่อทันที ให้คิดก่อนตัดสินใจ มิฉะนั้น
    จะเป็นความงมงาย

    คุณชยุตแปลเก่ง แปลทั้งเล่มแบบ CWG ไหวม๊ะ
     
  3. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    งานเข้ายาวเลยนะครับ เที่ยวนี้ขอเซฟเก็บไว้อ่านทุกหน้าครับ
    คุณชยุตเพ่งจดจ่อเรื่องแบบนี้บ่อยๆ (ถ้าเค้ามีอยู่จริง) เค้าน่าจะรู้ตัวแล้ว
    คลื่นความคิดสามารถรับ-ส่งถึงกันได้หมดทั่วจักรวาล

    ถ้าคุณชยุตทดลองสื่อสารดูดีๆ น่าจะมี feedback ที่น่าตื่นเต้นกลับมาได้
    ลองงดทานเนื้อสัตว์อย่างน้อยๆ 10 วัน ตามที่เค้าแนะนำดูอาจได้ผลครับ

    เชื่อว่ามีหลายเรื่องที่น่าสนใจอีกมาก
    ติดตามอ่านงานแปลและการค้นหาความจริงอยู่ของคุณชยุตอยู่ตลอดครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2009
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    บางส่วนของข้อความที่ผมกล่าวถึงข้างบนนั้น

    ที่มา : http://palungjit.org/threads/คำแปลบทสัมภาษณ์-lacerta-ชาวโลกอีกเผ่าพันธุ์นึง.8282/

    คำถาม: คุณช่วยบอกฉันบางสิ่งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติและการวิวัฒนาการ
    ของเผ่าพันธุ์ของคุณได้ไหม? เผ่าพันธุ์ของคุณเก่าแก่ขนาดไหนแล้ว? คุณได้วิวัฒน์มาจาก
    สัตว์เลื้อยคลานทั่วๆไปเหมือนกับที่มนุษย์เราวิวัฒน์มาจากลิง?

    คำตอบ: โอ้ นี่เป็นเรื่องที่ยาวและซับซ้อนมากและมันดูเหมือนว่าคุณจะไม่เชื่อแน่ แต่มันเป็นเรื่องจริง
    ฉันจะพยายามเล่นมันให้สั้น

    ประมาณ 65 ล้านปีก่อนบรรพบุรุษที่ยังไม่ก้าวหน้าของพวกเราที่มาจากไดโนเสาร์
    ได้ตายในช่วงกลียุคครั้งใหญ่ของโลก ด้วยเหตุผลว่าการทำลายล้างนี้ไม่ได้มาจากภัยธรรมชาติ
    (อุกกาบาตชนโลก) อย่างที่นักวิทยาศาสตร์ของพวกคุณเชื่อมาผิดๆ
    แต่เป็นสงครามระหว่างเอเลี่ยนที่เป็นศัตรูกันสองกลุ่ม ที่เกิดขึ้นในวงโคจรและบรรยากาศชั้นสูงของดวงดาวนี้

    ตามที่ความรู้ที่มีจำกัดของพวกเราเกี่ยวกับยุคต้นๆ สงครามโลกครั้งนี้เป็นสงครามระหว่าง
    เอเลี่ยนครั้งแรกบนดาวโลก แต่ว่าก็ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย (และสงครามในอนาคตจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
    ภายหลัง "สงครามเย็น" - ตามศัพท์ของคุณ -ระหว่างกลุ่มเอเลี่ยนที่เริ่มมาได้ 73 ปีบนโลกใบนี้)

    สงครามเมื่อ 65 ล้านปีก่อนนั้นคู่สงครามนั้นก็คือเผ่าพันธุ์เอเลี่ยนที่ก้าวหน้าสองเผ่าพันธุ์
    ซึ่งชื่อนั้นก็ไม่สามารถออกเสียงได้ด้วยลิ้นของคุณ ฉันสามารถที่จะพูดมันแต่ว่ามันอาจจะทำร้ายหูของคุณ
    ถ้าฉันพูดมันในแบบต้นฉบับ เผ่าพันธุ์นึงเป็นเผ่ามนุษย์เหมือนเผ่าพันธุ์ของคุณ(แต่เก่าแก่กว่ามาก)
    และมาจากจักรวาลนี้จากระบบสุริยะในกลุ่มดาวที่ปัจจุบันนี้คุณเรียกว่า "Procyon"
    [ดาวโปรซิออน เป็นส่วนนึงของกลุ่มดาวสุนัขเล็กและสามเหลี่ยมหน้าหนาว]
    ส่วนอีกเผ่านึงเรารู้ไม่ค่อยมาก เป็นเผ่าพันธุ์สัตว์เลื้อยคลาน แต่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรกับเผ่าพันธุ์ของพวกเรา
    เพราะว่าพวกเรานั้นวิวัฒนาการมาจากพวกไดโนเสาร์ โดยปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก
    (ยกเว้นความสำเร็จในการตัดต่อยีนที่พวกเราทำกันเองซึ่งทำกันมากในภายหลัง)

    เผ่าพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานที่ก้าวหน้านั้นไม่ได้มาจากจักรวาลนี้แต่จาก - เอ่อ ฉันจะอธิบายมันยังไงดีล่ะ
    นักวิทยาศาสตร์ของคุณไม่ได้รู้เกี่ยวกับธรรมชาติของจักรวาลที่แท้จริงๆ เพราะว่าความคิดที่ปราศจาก
    เหตุผลของคุณนั้นไม่สามารถที่จะเห็นสิ่งที่ง่ายที่สุดและเชื่อในตัวเลขและคณิตศาสตร์ที่ผิดๆ
    นี่เป็นส่วนนึงที่ถูกโปรแกรมไว้ในยีนของพวกคุณ ซึ่งฉันจะพูดให้ฟังทีหลัง
    คุณใกล้ที่จะห่างไกลจากความเข้าใจในจักรกาลเหมือนอย่างที่คุณเป็นเมื่อ 500 ปีก่อน<!-- google_ad_section_end -->

    ฉันใช้คำพวกนี้คงจะทำให้เข้าใจดีขึ้น : อีกเผ่าพันธุ์นึงไม่ได้มาจากจักรวาลนี้แต่มาจาก
    "ฟอง[bubble]"อื่น ในโฟม[foam]ของ omniverse[ไม่รู้ว่าจะแปลว่าอะไรรู้แต่ว่า Omni แปลว่า
    ทั้งหมดและ verse มาจากคำว่า universe ที่แปลว่าจักรวาล] คุณอาจจะเรียกว่ามิติอื่นก็ได้
    แต่นี่ไม่ใช่ศัพท์ที่อธิบายได้อย่างถูกต้อง (อย่างไรก็ตาม คำว่ามิติมันผิดในความหมายของคุณ)

    ความจริงแล้วคุณควรจำไว้ว่าเผ่าพันธุ์ที่ก้าวหน้าเผ่าพันธุ์นั้นสามารถที่จะ "เดิน" ระหว่างฟองต่างๆได้
    โดยใช้ - ตามที่คุณเรียกมัน - เทคโนโลยี่ควอนตัมและบางเวลาก็ใช้วิธีพิเศษโดยใช้จิตของพวกเขา
    (เผ่าพันธุ์ของพวกเรามีความก้าวหน้าในความสามารถทางจิตมากกว่าเมื่อเทียบกับเผ่าพันธุ์ของคุณ
    แต่พวกเราไม่สามารถที่จะเปลี่ยน matterstring/bubble โดยไม่ใช้เทคโนโลยี่
    แต่เผ่าพันธุ์อื่นๆบนโลกนี้สามารถทำได้และมันดูเหมือนเวทมนต์เหมือนที่บรรพบุรุษของคุณมี)<!-- google_ad_section_end -->

    ย้อนกลับไปยังเรื่องราวของเรา: เผ่าพันธุ์แรก(เผ่าที่เหมือนมนุษย์) ได้มายังโลกประมาณ 150 ปีก่อน
    เผ่าพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานและพวกเขาสร้างโคโลนี่บนพื้นโลก พวกเขามีโคโลนี่ที่โหญ่มากบนพื้นที่
    ที่คุณเรียกว่า "แอนตาร์กติก้า" ในปัจจุบันนี้และอีกที่นึงคือที่ที่คุณเรียกว่า "เอเชีย" ในปัจจุบัน
    ผู้คนเหล่านี้อาศัยอยู่กับไดโนเสาร์ได้อย่างไม่มีปัญหา

    เมื่อเผ่าพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานที่ก้าวหน้าได้มาถึง กลุ่มของเผ่ามนุษย์ที่มาจากดาว "Procyon"
    ได้พยายามติดต่ออย่างสันติ แต่ไม่ประสบความสำเร็จและสงครามโลกก็ได้เริ่มขึ้นภายในหนึ่งเดือน

    คุณต้องเข้าใจว่าทั้งสองเผ่านั้นสนใจในดาวเคราะห์หนุ่มนี้มากไม่แค่ในทางชีวภาพและเผ่าพันธุ์ที่ยังไม่พัฒนา
    แต่อีกเหตุผลนึงก็คือวัตถุดิบโดยเฉพาะทองแดง เพื่อให้เข้าใจเหตุผลนี้คุณต้องรู้ว่าทองแดงนั้น
    เป็นโลหะที่สำคัญมากสำหรับเผ่าพันธุ์ที่ก้าวหน้าบางเผ่า(แม้กระทั่งปัจจุบันนี้) เพราะว่ามันสามารถรวมตัว
    กับโลหะที่ไม่เสถียรได้ - สามารถผลิตธาตุที่เสถียรชนิดใหม่ได้ถ้าคุณเหนี่ยวนำให้เกิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
    ที่ปริมาณที่เข้มข้นในมุมที่ถูกต้องกับการแผ่สนามรังสีนิวเคลีย์ในปริมาณที่สูง
    เมื่อสองสิ่งนี้วิ่งมาตัดกันจะทำให้เกิดสนามที่แกว่งไปมา[fluctuating fields] ที่เกิดจากสองสนามตัดกัน
    การรวมตัวของทองแดงกับธาตุอื่นๆในห้อง[chamber]ของสนามรังสี/แม่เหล็กสามารถผลิตสนามพลัง
    ของธรรมชาติที่พิเศษที่มีประโยชน์มากในงานทางเทคโนโลยีหลายๆด้าน (แต่ว่าเรื่องที่เป็นพื้นฐาน
    ของเรื่ององค์ประกอบที่สุดซับซ้อนนี้ คุณก็ยังไม่สามารถค้นพบเพราะว่าข้อจำกัดของความคิดที่พื้นๆของคุณ)

    ทั้งสองเผ่าต้องการครอบครองทองแดงในดาวเคราะห์โลกและด้วยเหตุผลนี้พวกเขาได้ทำสงคราม
    ที่ไม่ยาวนานกันในอวกาศและในวงโคจร เผ่าพันธุ์ที่มีรูปร่างอย่างมนุษย์ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จในช่วงแรก
    แต่ในตอนท้ายของสงครามพวกเผ่าสัตว์เลื้อยคลานได้ตัดสินใจใช้อาวุธที่ทรงพลัง - ระเบิดฟิวชั่นชนิดพิเศษ
    ซึ่งทำลายสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์แต่ไม่ทำลายวัตถุดิบที่มีค่าและทองแดง

    ระเบิดถูกยิงมาจากอวกาศและระเบิดตรงจุดที่ปัจจุบันนี้คุณเรียกว่า "อเมริกากลาง"
    ถ้ามันระเบิดในมหาสมุทรมันจะทำให้เกิดการรวมตัวระหว่างไฮโดรเจนและผลลัพธ์จะร้ายแรง
    เกินกว่าที่เผ่าสัตว์เลื้อยคลานจะคาดคิด การแผ่รังสีที่อันตราย, การรวมตัวกันของออกซิเจนที่เกิดมากเกินไป,
    การแพร่กระจาย[fall-out]ของธาตุหนักต่างๆ และ "nuclear winter"[ฤดูหนาวนิวเคลียร์]
    ที่กินเวลาเกือบๆ 200 ปี นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น

    เผ่าพันธุ์ที่เหมือนมนุษย์จำนวนมากตายและเผ่าพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานได้หมดความสนใจบนดาวดวงนี้
    ในภายหลังไม่กี่ปีโดย(แม้แต่พวกเรา)ไม่รู้เหตุผล - อาจจะเพราะว่าการแผ่รังสี

    ดาวเคราะห์โลกกลับเป็นตัวของตัวเองอีกครั้งและสัตว์บนผิวโลกตายลง อ้อ แล้วผลของฟิวชั่นบอม์บนั้น
    ก่อให้เกิดธาตุในระหว่างการระเบิดและธาตุนึงนั้นก็คือ อิริเดียม[Iridium] ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ของคุณ
    ในปัจจุบันนี้ได้พบความเข้มข้นของอิริเดียมบนพื้นโลกเป็นหลักฐานว่ามีดาวเคราะห์น้อยมาชนโลก
    ทำให้ไดโนเสาร์ตาย นั่นไม่เป็นความจริง แต่พวกคุณก็ไม่ได้เรื่องพวกนี้นี่นะ<!-- google_ad_section_end -->

    เอาล่ะ ไดโนเสาร์เป็นจำนวนมากตาย(ไม่ได้ตายเพราะระเบิดแต่ในสิ่งเลวร้ายที่เกิดมาหลังสงคราม
    โดยเฉพาะ nuclear winter และ ธาตุหนักที่กระจายออกไป[fall-out])
    ไดโนเสาร์และสัตว์เลื้อยคลานเกือบจะทั้งหมดตายลงในอีก 20 ปีถัดไป บางพวก - โดยเฉพาะพวกที่อยู่ในทะเล
    สามารถอยู่รอดมาได้อีก 200 - 300 ปีแม้ในโลกที่เปลี่ยนไปแล้ว แต่ว่าพวกเหล่านี้ก็ตายหมด
    เพราะว่าภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป

    nuclear winter จบลงหลังจากผ่านไป 200 ปีแต่ว่าโลกก็เย็นลงกว่าแต่ก่อน แม้ว่าจะมีช่วงกลียุค,
    แต่สัตว์บางชนิดก็สามารถรอดมาได้ : ปลา(เช่นพวกฉลาม), นก, สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่คลานสี่เท้าตัวเล็กๆ
    (บรรพบุรุษของพวกคุณ), สัตว์เลื้อยคลานหลายชนิดอย่างพวกจรเข้...และมีไดโนเสาร์พันธุ์พันธุ์พิเศษ
    ที่มีการพัฒนาการตัวเล็กแต่ฉลาดที่อยู่พัฒนาไปพร้อมๆกับสัตว์ตัวโหญ่ที่เหมือนสัตว์เลื้อยคลาน
    กลุ่มสุดท้ายที่คุณเรียกว่า Tyrannosaurus[ไทรันโนซอรัสหรือทีเร็กซ์]<!-- google_ad_section_end -->

    10 ล้านปีก่อนสัตว์จำพวกลิงตัวเล็กๆ เริ่มเติบโตขึ้นและพวกมันก็ลงมาจากต้นไม้สู่พื้นดิน
    (เพราะว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอีกครั้ง-โดยเฉพาะตรงพื้นที่ที่เรียกว่าแอฟริกา)
    แต่พวกมันก็มีวิวัฒนาการที่ช้ามากซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

    และถ้าไม่มีอะไรที่ผิดธรรมชาติเกิดขึ้นกับเผ่าพันธุ์ของคุณ พวกเราคงไม่ได้มานั่งอยู่ที่นี่และมาคุยด้วยกัน
    เพราะว่าฉันนั้นควรจะนั่งอยู่ในบ้านที่ทันสมัยอันสะดวกสบายและคุณควรจะอยู่ในถ้ำปกคลุมกายด้วยขนสัตว์
    และกำลังที่จะค้นหาความลับของไฟ-หรือไม่ก็อยู่ในสวนสัตว์ของพวกเรา

    แต่มันก็ได้เกิดไปในอีกทางนึงและคุณเชื่อว่าตอนนี้คุณเป็น "สิ่งสุดยอดของการสรรสร้าง"
    และคุณสามารถนั่งในบ้านทันสมัยและพวกเราต้องหลบซ่อนและอาศัยอยู่ภายใต้ผืนโลกและในพื้นที่ที่ห่างไกล

    ประมาณ 1.5 ล้านปีก่อน มีกลุ่มเอเลี่ยนอีกกลุ่มนึงมายังโลก(มันน่าประหลาดใจ มันเป็นเผ่าพันธุ์แรก
    ที่มาหลังจากเมื่อ 60 ล้านปีก่อน และมันคงจะทำให้คุณประหลาดใจมากกว่านี้ถ้าคุณรู้ว่า
    มีจำนวนเอเลี่ยนกี่สายพันธุ์ในปัจจุบันนี่ที่มาที่โลก) สิ่งที่เผ่าพันธุ์ที่เหมือนมนุษย์ -
    ปัจจุบันนี้คุณเรียกพวกเค้าว่า "Ilojiim" - นี้สนใจ ไม่ใช่วัตถุดิบและทองแดง
    แต่มันคือลิงที่รูปร่างเหมือนมนุษย์ที่ยังไม่พัฒนาที่น่าพิศวงของเรา แม้ว่าพวกเราจะอยู่ในดาวเคราะห์ดวงนี้แล้ว
    เอเลี่ยนกลุ่มนี้ก็ยังตัดสินใจที่จะ "ช่วย" วิวัฒน์ลิงกลุ่มนี้ให้เร็วขึ้นเล็กน้อยเพื่อที่จะรับใช้พวกเขาในอนาคต
    เป็นดังเช่นชนเผ่าทาสในสงครามที่จะเกิดขึ้น

    ชะตากรรมของเผ่าพันธุ์ของคุณไม่สำคัญอะไรกับเราเลย แต่พวกเราไม่ชอบการปรากฏตัวมาของ "Ilojiim"
    บนดาวของเราและพวกเราก็ไม่ชอบที่มีพวกเราอยู่ในดวงดาวที่เป็น "สวนสัตว์ของกาแลคซี่" ของพวกเค้าแห่งใหม่
    และดังนั้นพวกคุณที่ถูกสร้างมาถึงรุ่นที่หกและเจ็ดนั้น เพื่อเหตุผลในการทำสงครามกัน
    ระหว่างพวกเรากับเอเลี่ยนกลุ่มนั้น

    คุณสามารถหาอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามครั้งนั้นได้ในบางส่วนของหนังสือที่คุณเรียกว่า "ไบเบิ้ล"
    ในวิธีการอธิบายที่แปลกๆ เรื่องราวความจริงนั้นมันยาวและซับซ้อนมาก ฉันควรจะเล่าต่อมั้ย?<!-- google_ad_section_end -->

    คำถาม: ไม่แล้ว ฉันได้ทำโน้ตเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของคุณและมีคำถามบางข้อ

    คำตอบ: ถามมาเลย


    คำถาม: คุณเล่าถึงช่วงเวลาที่ไกลมาก คุณบอกว่าบรรบุรุษสมัยโบราณของคุณอยู่ร่วมกับไดโนเสาร์,
    อยู่รอดจากช่วง - ตามที่คุณเรียก - กลียุคมาได้และมีการวิวัฒนาการมากว่า 40 ล้านปี
    และวิวัฒนาการก็ได้มาสมบูรณ์เมื่อ 10 ล้านปีก่อน มันดูไม่น่าเชื่อมาก คุณช่วยอธิบายอะไรเพิ่มเติมหน่อยได้มั้ย?

    คำตอบ: ฉันเข้าใจว่าเรื่องนี้มันฟังดูไม่น่าเชื่อ เพราะว่าคุณเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีได้ไม่นานและถูกดัดแปลงพันธุกรรม
    จุดปลายของเวลาในประวัติศาสตร์ของคุณเป็นเวลาแค่หมื่นกว่าปีและคุณคิดว่ามันถูกต้อง
    แต่มันไม่ใช่ มันเป็นไปไม่ได้ ความคิดที่ถูกโปรแกรมของคุณไม่สามารถที่จะจัดการเกี่ยวเวลาที่มีช่วงเวลายาวๆได้
    วิวัฒนาการของเราใช้เวลาดูแล้วยาวนานมากสำหรับคุณแต่มันเป็นความจริงในวิถีทางของธรรมชาติ
    จำไว้บรรบุรุษของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมช่วงแรกๆของคุณพัฒนาไปพร้อมกับไดโนเสาร์และพวกเขา
    ก็สามารถรอดจากระเบิดมาได้เหมือนกับเรา พวกมันมีวิวัฒนาการช้ามากในหนึ่งล้านปีถัดไป
    และพวกมันก็แบ่งออกเป็นหลายเผ่าพันธุ์และหลายรูปร่างบางกลุ่มก็ตัวใหญ่ขึ้น, บางกลุ่มก็เล็กลง
    นี่เป็นวิวัฒนาการทางร่างกายแต่ทางความคิดและความฉลาดล่ะ? พวกมันก็ยังเป็นสัตว์พื้นๆ
    สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยังวิวัฒน์ต่อไปอีก150 ล้านปี แต่ในช่วง 2-3 ล้านปีสุดท้ายพวกมันถึงจะเริ่มฉลาดและคิดได้

    และในช่วงเวลาสั้นๆ สิ่งมีชีวิตที่คล้ายคุณก็เกิดขึ้น จากธรรมชาติหรือ?

    เป็นเวลา148 ล้านปีสำหรับการวิวัฒนาการของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพื่อเป็นสัตว์ชนิดต่างๆ,
    แล้วใช้เวลาอีกแค่ 2 ล้านปีเพื่อพัฒนาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดอย่างคุณงั้นเหรอ?

    ถามตัวเองซิ: คุณคิดว่าการเร่งการวิวัฒนาการอย่างนี้เป็นเรื่องธรรมชาติงั้นเหรอ?

    เผ่าพันธุ์ของคุณโง่เขลากว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก พวกเราไม่ได้วิวัฒนาการผิดหรอก พวกคุณต่างหาก<!-- google_ad_section_end -->

    คำถาม: ฉันเข้าใจ แต่ฉันมีคำถามอื่นอีก คุณบอกว่าความจริงหลายๆอย่างเกี่ยวกับสงครามในสมัยก่อน
    ในช่วง 65 ล้านปีก่อน มันเกิดขึ้นนานมากก่อนที่พวกคุณจะเริ่มคิดได้อีกนะ(นานกว่ามากตามที่ฉันรู้ตามที่คุณเล่ามา)
    แล้วทำไมคุณถึงรู้หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับ "สงครามครั้งแรก" และเกี่ยวกับการวิวัฒนาการของพวกคุณล่ะ?

    คำตอบ: นี่เป็นคำถามที่ดีมาก(ดีกว่าที่ผ่านมา) และฉันไม่มีคำอธิบายที่เหมาะสมให้กับคุณ
    ความรู้ของพวกเราเกี่ยวกับสงครามครั้งแรกทั้งหมดนั้นมาจากสิ่งประดิษฐิ์ในสมัยก่อนที่ถูกพบ
    เมื่อประมาณ 16,000 ปีก่อนโดยนักโบราณคดีของพวกเราบนแผ่นดินที่คุณเรียกว่าอเมริกาเหนือ
    พวกเขาพบแผ่นกลมๆที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 47 เซนติเมตรในหน่วยของพวกคุณ
    แผ่นนี้ทำจากวัสดุที่เป็นแม่เหล็กที่แม้แต่พวกเรายังไม่รู้จักและข้างในแผ่นนี้มีแผ่นคริสตัลเล็กๆอยู่
    ซึ่งบรรจุข้อมูลจำนวนมหาศาลมากในระดับโมเลกุลอยู่ในโครงสร้างของคริสตัล

    "แผ่นความทรงจำ" นี้ถูกสร้างขึ้นจากเผ่าพันธุ์มนุษย์คนสุดท้ายจากดาว "Procyon" ที่รอดตายมาจากระเบิด
    เมื่อ 65 ล้านปีที่ผ่านมา แต่ว่ามันยังคงสมบูรณ์เมื่อตอนที่เราพบมัน นักวิทยาศาสตร์ของพวกเรา
    สามารถที่จะถอดรหัสข้อความและข้อมูลได้และเราก็ได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่ออดีตอันไกลโพ้นที่นำมา
    ซึ่งการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์เป็นครั้งแรก

    แผ่นนั้นมีอธิบายถึงเอเลี่ยนทั้งสองกลุ่ม (แต่จะมีเกี่ยวกับพันธุ์ที่คล้ายมนุษย์เยอะกว่า) และเกี่ยวกับเหตุการณ์
    และอาวุธรวมทั้งระเบิดฟิวชั่น มันยังมีข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์และไดโนเสาร์บนโลก,รวมถึงเผ่าพันธุ์บรรพบุรุษของพวกเรา

    ความรู้ทั้งหมดนั้นเกี่ยวกับการวิวัฒนาการของพวกเรามาจากโครงกระดูกและจากการถอดรหัสอ่าน DNA
    ของพวกเราย้อนหลัง คุณเห็นมั้ยว่าเรารู้ความจริงเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์ของเราตั้งแต่ 16,000 ปีก่อน
    ก่อนหน้านั้นก็มีความคิดทางศาสนามากมายเกี่ยวกับการก่อกำเนิดพวกเรา<!-- google_ad_section_end -->
     
  5. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขอบคุณครับคุณ mead เดี๋ยวคาดว่าเข้าพรรษานี้แหละครับ
    น่าจะมีอะไรตื่นเต้น สนุกสนาน ในชีวิตเกิดขึ้นบ้างแหละน่า

    คุณ mead เองก็งานเข้ามากมายเหมือนกันนี่ครับ จะว่าไปแล้ว
    "พวกเรา" ก็งานเข้ากันทั้งนั้นแหละครับ เพราะต้องรีบกันหน่อยแล้ว

    มีอีกประเด็นหนึ่งที่ผมเพิ่งรู้จากกระทู้นี้ก็คือ

    "ไม่มีมนุษย์โลกธรรมดาๆคนไหนเลยที่ได้รับการติดต่อ" จากกลุ่มที่ผมแปลอยู่นี่

    ถ้างั้นก็แสดงว่า กลุ่มเขากะลาทั้งหลาย อาจารย์ดร.เทพพนม และคนอื่นๆ (รวมถึงคุณ mead ด้วยนะเนี่ย)
    ก็เป็นพวกต่างดาวมาเกิดจริงๆหนะสิเนี่ย..

    ว้าว..มะนาวต่างดุ๊ด..ตัวเป็นๆ
     
  6. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    แหม..เป็นมะนาวก็พอได้ครับคุณชยุต..(แต่ไม่เป็นตุ๊ด อิอิ )
    อยู่ๆก็มีงานเข้าในรูปแบบแปลกๆซะบ้าง ก็สนุกและตื่นเต้นดีครับ

    อาจมีพวกเราหลายคนถูกส่งลงมาเกิดที่โลกนี่จริงๆก็ได้
    แล้วก็ดึงดูด-โคจรมาพบกันตามรหัสของพลังหรือคลื่นสั่นสะเทือนที่เข้าคู่กัน
    จิตวิญญาณของพวกเรา อาจเคยได้ท่องเที่ยวหาประสบการณ์ไปทั่วจักรวาลมาแล้ว
    อาจไม่ใช่ 1 จิต 1 ร่างแบบที่เคยรู้กัน แต่สามารถผสมผสานรวมกันหรือแบ่งหน่วยย่อยๆออกมาได้อีก
    และเป็นไปเพื่อขยายประสบการณ์ให้ GOD (หรือเรียกว่าพลังงานต้นกำเนิดก็ได้)
    มีภาษาพูด-ภาษาเขียน ที่เหมือนเกิดขึ้นจากการช่วยเหลือของสิ่งที่มีภูมิปัญญาสูงมาก
    วิวัฒนาการมนุษย์ (รุ่นอดัมกับอีฟ) ก็ไปเร็วมาก อาจเป็นช่วงสั้นๆ ราว 60,000 ปี..เท่านั้นเอง

    โลกเราได้ผ่านการมีชีวิตอื่นๆมาอาศัยอยู่ก่อนนอกเหนือประวัติศาสตร์อันยาวนานจนนับไม่ถ้วน
    เทียบแล้วเราแทบจะเป็นเพียงแสงกระพริบของฟ้าผ่าเพียงในเสี้ยววินาทีนึงเท่านั้นเอง
    เราเป็นเพียงปรากฎการณ์เล็กๆของโลกใบนี้ ที่ถูกส่งมาทำงานจากระบบเครือข่ายจิตวิญญาณรวมก็ได้
    (บางทีมาเที่ยวเพลินไปหน่อย อิอิ)

    ความรู้ชุดนี้ก็เป็นความรู้ที่มีประโยชน์ไม่น้อยเหมือนกันครับ
    มันเหมือนจิกซอร์สามมิติที่สามารถเชื่อมต่อกันติดทุกๆด้านเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2009
  7. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    คุณชยุตตกไปอีกคนนึง
    คุณนวดลที่เขียนหนังสือเรื่อง "สู่สมัยศรีอารยะเมตไตรย บัญญัติแห่งพระผู้เป็นเจ้าสิ้นยุคมนุษย์หมายเลขเก้า" ซึ่งคุณชยุตก็เคยอ่านหนังสือชุดนี้มาแล้ว
    ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่เอามาแชร์ ว่าข้อมูลจากหลายๆที่ ค่อนข้างตรงกันจริงๆ

    ผมเข้าใจประเด็นที่คุณชยุตกลัวเรื่องศาสนาครับ
    ผมขอยกตัวอย่างคล้ายๆกันนี้ให้ดูนิดนึง
    การเคลื่อนไหวแห่งเรเอล: สาส์น

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 มิถุนายน 2009
  8. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    เข้ามาอนุโมทนา จขกท.

    เคยถูกตรวจร่างกายด้วยเหรอครับ
    อิอิอิ มีเพื่อนแล้ววว

    คิดเล่นๆ เปรียบว่าโลก เป็นไมโตรคอนเดรียในเซลล์ ผลิตพลังงานให้ระบบใหญ่
    ยังชีวิตในระดับที่สูงกว่าอีกมากมาย

    อ่านบทความนี้นึกถึงตอนหนึ่งในซีรี่ สตาแกท ที่เป็นพลังงาน สีขาว กับคู่ปรับที่เป็นพลังงานสีแดง เดินข้ามฟองได้ด้วย อิอิอิ
     
  9. starter

    starter สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2009
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +14

    คุณ chayutt ครับ ที่คุณตอบมาในข้อ 1 กับ ข้อ 2 นั้น
    ผมคิดว่ามันขัดแย้งกันนะครับ ในข้อสองบอกว่า "ก็เพราะรักจึงอยากจะมาเตือนมาช่วย ไม่ได้ฝืนใจ ใครอยากให้ช่วยก็ช่วยไป"
    คำถามคือ ถ้าพวกมนุษย์ต่าวดาวบอกว่า การกระทำอย่างนี้ไม่ได้ขัดแย้งกับกฏของเขาเอง ถามว่า ทำไมไม่ทำอย่างนี้ (ก็เพราะรัก..) เสียตั้งแต่ต้น (ในอดีต) เหตุการณ์ร้ายแรงในอดีตที่ผ่านมาก็หนักมากๆนะครับ




    สำหรับ คำตอบในข้อแรก เรือ่ง Respect to their free will นั้น ประโยคนี้เรา จะตีความว่าห้ามการแซงแทรกอิสระภาพ หรืออะไรก็ตาม
    แต่เราลองมาคิดดูในความเป็นจริง เราใช้กฏอย่างนี้ในชีวิตประจำวันของเรา เราจะพบว่าในบางเหตุการณ์เราจำเป็นต้องเข้าไปแทรกแซง แต่บางเหตุกาณ์เราก็ต้องปล่อยเขาไปไม่ควรไปแทรกแซง


    ยกตัวอย่าง บางเหตุการณ์ที่เราไม่ควรเข้าไปยุ่ง หรือเข้าไปแทรกแซง

    เราเห็นวัยรุ่นแข็งรถมอร์เตอร์ไซด์ซิ่งกันดูแล้วอันตรายมาก ถ้าพลาดไปตายแน่ๆ (ผมเห็นในซอยบ้านผมบ่อยมาก) แต่ผมก็ไม่ควรเข้าไปยุ่ง หรือแทรกแซงเขา เพราะรู้ว่า มันอันตรายแก่ตัวผมนั่นเอง



    ทีนี้มาดูบางเหตุการณ์ที่เราควรเข้าไปแทรกแซง ถ้าเราไม่แทรกแซง นั่นแสดงว่า เราทำผิดแล้ว

    ยกตัวอย่าง * หากเราพบคนๆหนึ่งซึ่งเราก็ไม่รู้จักเขาหรอก กำลังเดินสวนทางกับเราในป่าซึ่งเราเพิ่งเดินผ่านมาและพบกับสัตว์ดุร้ายสามารถทำ อันตรายเราได้ ถามว่าเราควรจะเตือนเขาไหม

    * เราเห็นเด็กกำลังเล่นอะไรบางอย่าง เช่นปีนในที่สูง ที่มันอันตรายอาจจะบาดเจ็บหรือตายได้ ถามว่าเราควรจะเตือนเขาไหม
    พ่อแม่ของเด็กจะดีใจ ไหมที่เราเตือนลูกของเขา

    * หรือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็เช่น รัฐบาลอเมริกาประกาศเตือนคนของเขาล่วงหน้า ให้อพยพหนีภัยพายุเฮอริเคน แม้ว่าหลังเหตุ การณ์พายุ มีความเสียหายมากมาย รัฐก็เข้าไปช่วยเหลือ ถามว่าถ้ารัฐบาลเขาไม่เตือน เพราะเคารพในอิสระภาพของประชาชน อย่างนี้จะเกิดอะไรขึ้น จะมีคนสรรเสริญการะกระทำของรัฐบาลหรือไม่




    ที่ผมเขียนไว้ หรือแย้งไว้นั้น ไม่ได้แปลว่าผมไม่เชื่อ เรือ่งมนุษย์ต่างดาวที่เขามาเตือนชาวโลกในเรือ่งภัยพิบัต ไม่ว่าจะเป็นกระทู้ กลุ่มเขากะลา หรือ กระทู้ของคุณ chayutt เอง ผมไม่ได้ปฏิเสธครับ
    เอาเป็นว่า ข้อมูลต่างๆ ในกระทุ้ เมือ่นำมาประมวลกับ ข้อมูลที่ผมได้รับมาจากบางแหล่งข้อมูล ทำให้ผมปฏิเสธเรื่องพวกนี้ไม่ได้ รวมถึงทำให้ผมอยากรู้ความจริงที่มันเป็นจริงเหมือนกันว่า ที่จริงแล้ว มันเกิดอะไรขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2009
  10. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขอบคุณอีกครั้งครับคุณ Starter
    แต่เดี๋ยวใจเย็นๆค่อยๆติดตามไปเรื่อยๆนะครับ

    เดี๋ยวคำตอบมันจะมาเองเองแหละครับ

    ผมขอเดินหน้าต่อไปนิดหนึ่งก่อนนะครับ
     
  11. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    รายงานหมายเลข 223. In Days To Come วันชำระโลก (ต่อ)<o></o>

    ผู้รับข้อความ : นักบินชาวอเมริกัน<o></o>
    สถานที่ : E.P.Hill, ประเทศ สหรัฐอเมริกา<o></o>
    ผู้ที่ส่งข้อความนี้คือกลุ่มผู้บังคับบัญชาในยานที่ท่าน แอชต้า ชีราน เป็นผู้นำอยู่<o></o>
    <o>

    [​IMG]</o>
    (19564)<o></o>
    <o></o>
    พวกเราขอทักทายท่านชาวดาวเคราะห์โลกที่รักทุกคน ซึ่งพวกเราเรียกมันว่า ดาวชาน (Shan)
    <o></o>
    มีชาวโลกหลายล้านคนที่กำลังรอคอยการมาของพวกเราอยู่ พวกเขาต้องการฟังเสียงพวกเรา
    แต่ส่วนใหญ่ต้องการเห็นพวกเรา ชาวโลกหลายคนมีความเชื่อว่าพวกเราสามารถแสดงปาฏิหารย์ได้
    แต่อย่าคาดหวังเรื่องแบบนั้นจากพวกเราเลย ไม่ใช่เพราะว่าพวกเราไม่สามารถทำสิ่งที่พวกท่าน
    เรียกว่าปาฏิหาริย์ได้ เพียงแต่พวกเราไม่อยากให้มีคนมาเคารพนับถือในฐานะผู้วิเศษ<o></o>
    <o></o>
    ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราทำล้วนดำเนินการไปตามแผนงานอย่างเคร่งครัด
    เราพูดในฐานะตัวแทนของรูปธรรมชีวิตแห่งความรักทั้งหมดที่มาที่นี่เพื่อมาเตรียมการให้ความช่วยเหลือโลก
    ที่กำลังจะเกิดภัยพิบัติใบนี้

    สิ่งที่พวกท่านจะช่วยพวกเราได้มากอย่างหนึ่งก็คือ ให้เราสามารถลงจอดในดินแดนต่างๆ
    บนดาวเคราะห์ดวงนี้ได้ ด้วยวิธีนี้พวกเราจะสามารถใช้พลังแห่งความรักทั้งหมดได้
    ซึ่งนั่นอาจจะนำมาซึ่งการยุติของข้อโต้แย้งที่ไร้เป้าหมาย และความเดือดดาล
    และการไม่ให้อภัยกันระหว่างชนชาติต่างๆในโลกได้<o></o>
    <o></o>
    สิ่งที่จะรบกวนพวกเราได้ รวมไปถึงความคิดในแง่ลบของพวกท่านด้วย พวกท่านคิดว่าสงคราม โรคร้าย
    และสิ่งชั่วร้ายต่างๆมาจากพระผู้เป็นเจ้าเช่นนั้นหรือ? แต่พวกท่านเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า
    พระผู้เป็นเจ้าแท้จริงแล้วพระองค์เป็นใคร? พวกท่านเชื่อว่าพระองค์ทรงมีอยู่จริงหรือไม่?
    <o></o>
    พระองค์คือความรัก แล้วไฉนพวกท่านจึงกล้าคาดหวังความรักจากผลแห่งการกระทำที่เลวทราม
    ซึ่งออกมาจากความคิดในทางลบของพวกท่านเล่า?

    คำอธิษฐานของพวกท่านมักจะเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยามและมุ่งฆ่าฟันศัตรู
    ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นที่สยดสยองสำหรับพวกเรามาก พวกเราทั้งหลายต่างก็เป็นลูกๆของพ่อคนเดียวกัน
    พวกท่านฆ่าและอิจฉาตัวท่านเอง และต้องการแต่จะให้กันและกันได้รับแต่สิ่งชั่วร้าย
    <o></o>
    สัตว์โลกและธรรมชาติทั้งหลาย ก็ล้วนเป็นสมาชิกในสังคมแห่งจักรวาลด้วยเช่นเดียวกัน
    แต่วิธีไหนที่พวกท่านทำกับพวกเขาหละ? พวกท่านฆ่าพวกเขา! กินพวกเขา!
    กระทำทารุณกรรมแก่พวกเขา! แม้ว่าพวกเขาจะรับใช้ท่านด้วยความศรัทธาอยู่ก็ตาม<o></o>
    <o></o>
    สิ่งที่พวกท่านกลัว ก็คือการเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ ซึ่งพวกท่านคือสาเหตุการเกิดของมัน
    พวกท่านจะได้รับผลที่สมควรแก่พวกท่าน

    พระผู้เป็นเจ้าได้มีพระบัญชาให้พวกเราช่วยพวกท่าน
    นั่นแหละคือเหตุผลในสิ่งที่พวกเรากำลังกระทำอยู่นี้
    พระผู้เป็นเจ้า ผู้ที่พวกท่านไม่เคยเคารพบูชา
    พวกท่านเอาแต่พูดว่าพระองค์ทรงส่งแต่สิ่งเลวร้ายทั้งหลายมาสู่ชีวิตของพวกท่าน
    พวกท่านไม่มองเห็นว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความรัก
    เพราะว่าพวกท่านไม่สามารถที่จะมอบความรักให้แก่ผู้อื่นได้
    <o></o>
    สิ่งแรกที่ต้องทำคือพวกท่านปรับปรุงตัวเอง พวกท่านต้องเรียนรู้กฎของพระผู้เป็นเจ้า
    แล้วเริ่มต้นที่จะรักทุกๆสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยพระผู้เป็นเจ้า
    พวกท่านต้องยอมให้พระสุรเสียงของพระองค์ผ่านเข้าไปในวิญญาณของพวกท่าน<o></o>
    <o>
    </o>[​IMG]
    (obr287)<o></o>
    <o></o>
    พวกเราผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในจักรวาลและไม่เป็นที่รู้จักของพวกท่าน ได้อยู่ภายใต้คำสาบาน
    ที่จะอุทิศตนเพื่อพระผู้เป็นเจ้า เพื่อรักษากฎของจักรวาลที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานให้

    สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเราก็คือความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายอย่างพวกท่าน
    หากพวกเราไม่รักษาสัญญาของตนเอง พวกเราจะสูญเสียทุกๆสิ่งในชีวิตที่พวกเราได้มาถึงแล้ว

    อย่ากลัวพวกเรา พวกเราไม่สามารถพูดเท็จได้ การหลอกลวง ความเจ้าเล่ห์ พวกเราไม่รู้จัก

    พวกเรามาที่นี่เพื่อมาเป็นผู้ปกป้องพวกท่าน และปลดปล่อยพวกท่านออกจากความมืด
    ที่พวกท่านกำลังจมปลักอยู่นี้ รวมถึงเพื่อมาเป็นผู้ปลดปล่อยพวกท่านออกจากพลังด้านลบ
    ที่มัดพวกท่านเอาไว้โดยที่ท่านไม่รู้สึกระแคะระคายใดๆเลย<o></o>
    <o></o>
    หากพวกท่านยิ่งมีความเข้าใจมากเท่าไหร่ พวกท่านก็จะยิ่งมีกำลังใจมากขึ้น
    และความคิดและจินตนาการของพวกท่านก็จะยิ่งบริสุทธิ์มากขึ้น
    ดังนั้น พฤติกรรม และความสัมพันธ์กับผู้อื่นก็จะเป็นไปโดยมีความเห็นแก่ตัวน้อยลง

    แล้วพวกท่านก็จะตระหนักถึงมิตรภาพของท่านกับจักรวาลทั้งมวล
    และพวกท่านก็จะไม่อยู่ภายใต้ความสูญเสียและความโศกเศร้าเพราะการอาศัยอยู่บนโลก
    <o></o>
    เราและเพื่อนร่วมงานของเรากำลังทักทายพวกท่าน ด้วยความรัก ความช่วยเหลือและความเข้าใจที่มีต่อพวกท่าน

    จงรู้สึกต่อเราฉันพี่น้องร่วมจักรวาลเดียวกันด้วยเถิด
    <o></o>
    Ashtar ผู้บัญชาการกองทัพใหญ่แห่งจักวาล<o></o>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 19564.jpg
      19564.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.6 KB
      เปิดดู:
      2,072
    • obr287.jpg
      obr287.jpg
      ขนาดไฟล์:
      80.8 KB
      เปิดดู:
      1,845
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2010
  12. JiNaNiE

    JiNaNiE Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +49
    หลังจากที่ได้แอบดูดข้อมูลจากทางเวบนี้มานานเกือบปี ก็ได้ตัดสินใจสมัครสมาชิกเพื่อมาตอบกระทู้นี้โดยเฉพาะ เนื่องจากกระทู้นี้ทำให้ความศรัทธาทางพระพุทธศาสนาของ JiNaNiE สั่นคลอน ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า JiNaNiE ไม่ค่อยเชี่ยวชาญทางด้านคำศัพท์ทางพุทธศาสนารวมทั้งวิทยาศาสตร์เท่าไหร่ ก็หวังว่าผู้อ่านคงเข้าใจความหมายที่ JiNaNiE ตั้งใจจะสื่อไป หลังจากที่ได้อ่านเกี่ยวกับดาว nebiru or planet x and lacerta ก็รู้สึกกว่าจะมีเรื่องเกี่ยวกับพระผู้สร้างมากมาย ซึ่งก็อาจจะจริงที่เค้าสร้างเราขึ้นมาตามที่ไบเบิ้ลบอก not sure พระเจ้าสร้างมนุษย์เลียนแบบพระองค์ หรือผู้ที่มาติดต่ออาจมาจากดาวอื่นซึ่งผู้ที่มาติดต่อเองอาจนับถือศาสนาที่เชื่อว่ามีพระผู้สร้าง แต่อาจจะมีผู้ที่นับถือศาสนาพุทธในดาวนั้น แต่เค้าไม่ได้มา ก็อาจจะเหมือนโลกของเรา ที่ส่วนใหญ่จะมีแต่พวกที่นับถือศาสนาคริสต์ที่ได้ทำหน้าที่ในองค์กรใหญ่เช่นนาซ่า ส่วนพวกพุทธก็ถือสันโดษไป แค่เราอยู่ในโลกพวกศาสนาคริสต์ส่วนใหญ่ก็ยังต้องการเผยแผ่ศาสนาเลย วันหนึ่ง JiNaNiE เคยโดนชักจูง เค้าก็บอกว่าพระเจ้าจะยกโทษให้เราไม่ว่าเราจะทำอะไรผิด พระเจ้าจะอยู่ข้างเราเสมอ พระเจ้าจะไม่โกรธเรา ก็เลยถามตอบไปว่าแม้ว่าเราจะฆ่าคน เค้าก็บอกว่าใช่ ก็เลยถามว่าแล้วถ้าฉันไปฆ่าสันตะปาปา พระเจ้าจะยกโทษให้ไม๊ เค้าก็ฝืนตอบว่ายกโทษให้ ก็เลยถามต่อไปว่า แล้วคนทั้งโลกล่ะ จะยกโทษให้ฉันไม๊ ฉันก็ต้องไปอยุ่ในคุกอยู่ดี หรือไม่ก็โดนประหารชีวิต พระเจ้าจะช่วยฉันได้ไหม แล้วจะรับฉันไปอยู่ด้วยไหม เขาก็อึกอัก ก็เลยบอกเค้าไปอีกว่า ถ้าเราชกโต๊ะ มือเราเลือดไหล ไม่มีใครเจ็บ แต่เราเจ็บเอง มันก็เหมือนแรงกิริยากับปฏิกิริยานั้นแหละ นั่นก็คือกรรม ทำสั่งใด ได้สิ่งนั้น ถึงเราจะมาจากการสร้างของพระเจ้าแต่เราก้คงดำเนินชีวิตของเราเอง ท่านคงมาดูแลหรือกำกับเราไม่ได้ตลอด เหมือนเราทำโคลนนิ่งสัตว์ สร้างขึ้นมาได้ แต่เราก็ทำให้มันไม่ตายไม่ได้ เกิดขึ้น ตั้งอยุ่ ดับไป ตามแบบฉบับของธรรมะ(ชาติ) ก็คงเหมือนที่ท่านทำกับเรา เราก็ยังคงต้องหาอาหารกินเอง เราก็อาจอยู่ในการทดลองของพระผู้สร้าง ผู้ที่รอดก็รอดไป ผู้ที่ตายก็ตายไป รอเก็บส่วนที่ดีที่สุดของผุ้ที่รอด เหมือนเราทดลองปลูกพืชแล้วก็เลือกต้นที่สมบูรณ์ที่สุด พระผู้สร้างก็อาจจะเลือกส่วนนึงไป ส่วนที่เหลือก็ต้องดิ้นรนต่อสู้ไปตามยถากรรม เหมือนเรื่องไดโนเสาร์หรือสัตว์เลื้อยคลานที่ได้อ่านมาข้างต้น<O:p</O:p</O:p
    จริงแล้วพระเจ้าอาจจะสร้างโลกนี้ทั้งใบเลยก็ได้นะ ก็แหมือนเราคงทราบแล้วนะที่เราสร้างเกาะได้โดยการทิ้งระเบิดลงในทะเล พระผู้สร้างก็อาจจะทิ้งระเบิดบนดวงอาทิตย์ด้วยเทคโนโลยี ทำให้สสารกระเด็นออกมาจนเกิดมาเป็นโลกและดาวเคราะห์ต่างๆ แล้วก็โคลนสัตว์ต่างๆขึ้น แล้วใครสร้างพระผู้สร้างล่ะ งั้นเราก็เป็นพระผู้สร้างได้เหมือนกัน เราก็ตั้งท้องลูกชายห้าหญิงห้าแล้วไปทิ้งไว้บนเกาะที่เราสร้าง ร้อยปีผ่านไปคนบนเกาะก็คงเพิ่มขึ้นหรืออาจจะตายหมดเพราะเกิดสึนามิน้ำท่วมเกาะตายไปหมด เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ส่วนเรื่องพระผู้สร้างนั้น จำได้ว่าเคยอ่านเจอ ถึง เรื่องเกี่ยวกับพรหม ที่มีอายุยืนนาน จนคิดว่าตัวเองนี่แหละเป็นพระผู้สร้าง ซึ่งก็อาจจะเป็นเช่นนั้น ผู้ที่อยุ่นานก็อาจจมีวิวัตนาการเทคโนโลยีก้าวหน้า หรืออาจมีพัฒนาการทางจิตวิญญาณเป็นเลิศ เสกโน่นสร้างนี่ได้ แต่ก็ไม่พ้นกฎแห่งการเวียนว่ายตายเกิด เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปอยู่ดี ตามหลักธรรม จักรวาลนี้ก็คงมีหลายมิติ หลายภพภูมิ lacerta ก้อาจเหมือนกับพระยานาคที่เรารู้จัก หมายถึงมีอายุยื่นนาน มีญาณวิเศษรู้เรื่องราวมากมาย<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    เคยอ่านเจอเรื่องของด๊อกเตอร์เทพพนม ที่ท่านเป็นมนุษย์ต่างดาวมาเกิด ก็มีเพื่นอของท่านที่เป็นมนุษย์ต่างดาว มาตอบคำถามท่าน ที่เค้าบอกว่า นิพพานมีจริง แต่เค้าไม่ได้กล่าวถึงมาก ยังคงพูดเกี่ยวกับพระผู้สร้างอยู่ หรือเค้าก็อาจจะมีผลประโยชน์เกี่ยวกับให้คนเชื่อเรื่องพระผู้สร้างก็อาจเหมือนการเผยแพร่ศาสนา แต่ใครก็ตามที่ได้พบกับศาสนาของพระพุทธเจ้าก็ต้องยอมจำนนทุกที พอดีนึกถึงคำพูดของหลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชโช ที่ท่านบอกว่าชาติไหนที่เกิดมาแล้วไม่พบศาสนาพุทธ ชาตินั้นจะรู้สึกวังเวง เหงาๆๆ ก็คงเหมือนตอนนี้ถึงวิทยาศาสตร์จะยอมรับว่าแนวคิดของศาสนาพุทธนั้นใกล้เคียง แต่พวกเค้าก็ไม่ได้เปลี่ยนมานับถือเพราะยังยึดติดอยู่ ไม่รู้จะใช้ศัพท์อะไร ก็คงเหมือนพรรคการเมืองมั๊ง ถึงคนในพรรคทำผิด แต่ยังไง ก็เป็นพรรคพวกของเรา เราก็ต้องเข้าข้างอยู่ดี ก็เพราะมีผลประโยชน์ การเผยแพร่ศาสนาก็คงเหมือนโรงพยาบาลเอกชลว่า ถ้ามีคนป่วยเยอะก็คงดี จะได้ค่ารักษาเยอะๆ ส่วนโรงรัฐก็คงออกให้การศึกษาดูแลสุขภาพ เพราะไม่อยากให้มีคนป่วยเยอะ มันเปลืองงบ <O:p></O:p>
    เรื่องพวกท่านที่เคยอยู่ต่างดาวที่ลงมาเกิดบนโลก ก็คงต้องใช้ชีวิตตามกฎของโลกคือมีช่วงชีวิตตามเวลาของโลก จากที่เคยอ่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ที่ท่านไปเจอพระเยซูบนสวรรค์ชั้นดาวดิงส์ รู้แค่นี้อ่ะไม่รู้รายละเอียดว่าคุยอะไรกัน ก็อ่านมาจากเวบนี้ล่ะ ท่านก็คงต้องมาเวียนว่ายตายเกิดตามที่ธรรมะบอกว่ามีสามสิบเอ็ดภพ Not sure<O:p></O:p>
    แต่เมื่อก่อนทำไมพระพุทธเจ้าถึงมีอายุกันเป็นหมื่นๆๆแสนปีเลย ว่าไปแล้วก้คิดถึงพระพุทธเจ้านะ นึกตำหนิพระอานนท์นิดๆที่ไม่ยอมทูลขอให้ทรงอยู่ต่อ นึกไม่ออกเลย ถ้าตอนนี้มีพระพุทธเจ้าอยู่ คนในโลกที่นักถือศาสนาพุทธคงเยอะที่สุดในโลกเลยเนอะ เออถ้าคุณ chayutt อ่านนะคะ มีอยู่ตอนนึงที่คุณบอกว่าเค้าพูดถึงศาสนาพุทธหรือพระพุทธเจ้าด้วย แต่ไม่ได้เอามาแปล ช่วยเอามาแปลหน่อยเถอะนะ อยากรู้ จริงๆ JiNaNiE อยากฝึกให้ได้อภิญญาบ้างแต่เป็นคนสมาธิสั้นน่ะ อยากถอดจิตไปเที่ยวหรือมีความรู้แจ้งในเรื่องต่างๆๆบ้าง ทำไมไม่มีใครเอาเรื่องแบบนี้ไปถามพระหรือว่าเทวดาให้เค้าแจ้งแถลงไขมั่งล่ะ ได้ฟังมาว่าหลวงปู่ดูลย์ได้เล่าให้หลวงพ่อปราโมทย์ฟังตั้งแต่การเกิดของจักรวาลแล้วได้วิจารย์ไอน์สไตล์ด้วย แต่ไม่ทราบรายละเอียดน่ะ ถ้าถามพระแล้วท่านบอกว่ามันเป็นใบไม้นอกกำมือแสดงว่าท่านไม่รุ้ หรืออาจจะอ้างว่าเป็นปัจจัตตังอีกก็ได้ อ้าว แล้วจะรู้เรื่องไม๊เนี่ย เทวดาบางองค์ที่เค้ามีชีวิตนานๆๆเค้าอาจจะรู้เห็นเรื่องราวก็ได้ ดูๆๆแล้วในเวบนี้ก็มีคนที่มีความสามารถในด้านนี้ที่ติดต่อสือสารกับเทวดาได้ไม่น้อยเลยนี่เดาเอาน่ะ เพราะว่าเรื่องนี้มันทำให้ศรัทธาสั่นคลอน แล้วถ้าเกิดว่าพิสุจน์มาแล้ว ศาสนาพุทธเป็นเรื่องหลอกลวงเป็นเรื่องของมารที่มาต่อต้านพระเจ้า โอ้แม่เจ้าขอลาตายดีฟ่ามั๊งนะ ต้องเป็นการก่อการร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอนันตจักรวาลแน่นอนเลย พิมพ์ซะยาวเลย ครั้งแรกค่ะ ต้องขออภัย <O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2009
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ยินดีที่ได้รู้จักด้วยครับ คุณ JiNaNiE
    ขอแสดงความเห็นสักนิดนะครับ

    สังเกตเหมือนกันครับว่าเวลาที่ใครพูดถึงคำว่า "พระเจ้า-พระผู้สร้าง"
    ชาวพุทธมักไม่ค่อยเปิดใจมาเรียนรู้ เหมือนมีกรอบอะไรสักอย่างมาขวางอยู่
    อาจด้วยภาษาและความหมาย หรือการตีความตามความเชื่อส่วนตัว
    หรือด้วยเหตุอันเหมาะสมในแต่ละยุคสมัยจากผู้นำและอำนาจที่เคยใช้ศาสนามาสร้างศรัทธา
    แต่จริงๆแล้วมนุษย์เราไม่น่าไปแบ่งแยกเรื่องพวกนี้ด้วยความเชื่ออันเหนียวจนแน่นเกินไปครับ
    อยากให้เรามองเห็นที่แก่นธรรมอันเป็นสากลและความเป็นหนึ่งเดียวกันมากกว่า
    มันจะเกิดประโยชน์มาก ถ้าหากมองเห็นความเหมือนที่แตกต่างกันได้

    เรื่องนี้ก็เป็นเพียงสาระรูปแบบหนึ่งของผู้ที่อ้างว่าติดต่อกับรูปธรรมต่างดาวได้
    ถ้าเค้าเจือปนความเชื่อเกี่ยวกับศาสนาลงไปในสาระนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องผิด..(เพราะเค้าศรัทธา)
    ผู้อ่านควรกรองเอาแต่เจตนาที่ดีและสาระที่เค้านำเสนอเท่านั้นครับ
    เชื่อว่ามันจะไม่มีทางสั่นคลอนความเชื่อทางด้านศาสนาได้เลย
    หากเรามองเห็นเป็นเพียงเรื่องที่น่าสนใจหรือเรื่องที่น่ารู้

    แน่นอนว่าคุณชยุตเองก็ไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งทางศาสนาครับ
    เพียงนำเสนอให้เห็นภาพในอีกมุมมองหนึ่งเท่านั้น
    อ่านไปก็สนุกดี..อย่าไปคิดมากเลยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2009
  14. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    รายงานหมายเลข 1537:<o></o>

    การเคลื่อนขึ้นไปสู่มิติที่ 5 (Elevator Into The Fifth Dimension)<o></o>

    ผู้รับข้อมูล: P.E.<o></o>
    วันที่: 23 กันยายน 2001<o></o>
    สถานที่: Frydek-Mistek, ประเทศสาธารณรัฐเช็ก<o></o>

    <o></o>
    เราคือสนันดา (Sananda) เรามาจากมิติที่พวกท่านล้วนเป็นหนึ่งเดียว
    ความตั้งใจของเราคือเพื่อช่วยเหลือพวกท่านให้บรรลุถึงความปิติสุข
    บรรลุถึงความเป็นพวกท่านเองในระดับพลังงานของการสั่นสะเทือนที่สูงขึ้น<o></o>
    <o></o>
    1). อย่างแรกที่สุดคือ ต้องแก้ไขข้อมูลที่ผิดพลาดทั้งหลาย ที่เกิดจากการสื่อสารด้วยภาษา
    และความเชื่อของพวกท่านในอดีต ให้ถูกต้องก่อน<o></o>

    เราได้เคยกล่าวเป็นโครงเอาไว้ว่า “ไม่มีใครสามารถเข้าถึงพระบิดาได้ หากไม่ผ่านเรา”
    ("No one will come to Father. Only per me.")<o></o>
    <o></o>
    ซึ่งความหมายที่แท้จริงของโคลงบทนี้ก็คือ<o></o>

    “เพื่อเข้าถึงแก่นแท้ของตัวตนของท่านที่เป็นท่านจริงๆ
    สิ่งแรก ท่านจะต้องเชื่อมโยงกับพลังงานของเราหรือของพระคริสต์ซะก่อน”<o></o>
    <o></o>
    ในโคลงยังมีกล่าวไว้อีกว่า “จงดำรงชีวิตในแบบที่จะสามารถเข้าถึงเราได้ ประดุจเด็กๆทั้งหลายเถิด”
    ("Live in need to be able to come to me, children.")<o></o>

    และมันก็ถูกแปลความหมายไปผิดๆด้วยเช่นกัน

    ความจริงแล้ว เราประสงค์จะให้พวกท่านอยู่ร่วมกันโดยปราศจากความกลัว ปราศจากความต้องการ
    ปราศจากการเพ่งโทษผู้อื่น ปราศจากการพะวงถึงเรื่องในอดีตและในอนาคต
    ดุจดั่งเช่นการดำรงชีวิตของเด็กๆทั้งหลาย เพราะสิ่งเหล่านั้นจะไปปิดกั้นการหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว<o></o>
    <o></o>
    2). มีความเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ของพวกท่าน นับตั้งแต่ปี 1988
    ซึ่งนั่นจึงทำให้เกิดความเป็นไปได้ที่ชาวโลกจะสามารถติดต่อกับพลังของพระคริสต์ได้โดยตรง
    <o>
    [​IMG]</o>
    (obr1618)
    <o></o>
    2.1). เพราะว่า อย่างแรก เราได้ปรับแต่งประตูสวรรค์ (I renewed an elevator,
    ที่ผมใช้คำว่าประตูสวรรค์ เพราะว่าน่าจะฟังดูดีกว่าแปลตรงๆ เพราะเขาน่าจะหมายถึง
    ช่องทางเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์กับมิติที่สูงกว่า - Chayutt)
    อันหนึ่งใหม่ ให้มีระดับการสั่นสะเทือนที่ต่ำลงแล้ว

    พวกท่านอาจจะสามารถสัมผัสถึงคลื่นความสั่นสะเทือนที่กลมกลืนแห่งพลังของเรา
    ที่กระทบกับพลังออร่าหรือร่างกายของพวกท่านได้โดยตรง

    จากนั้นเราจะมอบบทสวดบางบทให้พวกท่าน ด้วยการสวดบทเหล่านี้พวกท่านจะสามารถ
    สร้างให้เกิดคลื่นความสั่นสะเทือนที่สอดประสานกัน ซึ่งจะนำพาความรู้สึกของพวกท่านไปสู่สภาวะที่สูงขึ้น

    เมื่อถึงสภาวะนั้นแล้ว พวกท่านจะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขอย่างดื่มด่ำ<o></o>
    <o></o>
    2.2). พลังแห่งความเบิกบาน ได้ถูกส่งมายังโลกนี้แล้ว
    มันเป็นลำแสงสีเงิน เป็นลำแสงแห่งความกลมเกลียวและความปรองดองกัน<o></o>
    <o></o>
    หากพวกท่านทำให้ระดับพลังงานของคลื่นความถี่ของร่างกายพวกท่านสูงขึ้นแล้ว
    และหากพวกท่านใช้พลังแห่งความเบิกบานสีเงินอันนี้แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะง่ายดายขึ้น<o></o>
    <o>
    [​IMG]</o>
    (obr1482)<o></o>
    <o></o>
    เพียงแค่จินตนาการถึงลำแสงสีเงิน ที่สว่างและพร่างพราวแทรกซึมเข้าไปสู่พลังงานออร่าของพวกท่าน
    และจินตนาการว่ามันกำลังชะล้างเอาพลังงานระดับความสั่นสะเทือนต่ำๆทั้งหลายออกไปจากออร่าของพวกท่าน
    <o></o>
    มันจะช่วยทำให้พวกท่านสงบหากว่ากำลังร้อนรุ่ม
    มันจะช่วยทำให้ท่านกระปรี้กระเปร่า หากกำลังอ่อนล้า<o></o>


    ด้วยรักจากเรา สนันดา (Sananda)<o></o>
    <o>

    </o>
    (ยังมีต่อครับ)<o></o>
    ……………………………………………
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • obr1618.jpg
      obr1618.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56 KB
      เปิดดู:
      1,750
    • obr1482.jpg
      obr1482.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.8 KB
      เปิดดู:
      1,788
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2010
  15. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    รายงานหมายเลข 1537 (ต่อ)<o></o>
    <o></o>
    <o></o>
    <o></o>
    บทสวดเพื่อการผสานรวมเข้ากับพระผู้เป็นเจ้า<o></o>
    <o></o>

    เราคือคนของพระคริสต์<o></o>

    เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์<o></o>

    เราคือคนของพระคริสต์<o></o>

    เราเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่ง

    แสงสว่างแห่งความเป็นเรา<o></o>

    ส่องสว่างอยู่บนเส้นทางของเรา<o></o>

    เราคือคนของพระคริสต์<o></o>

    เราเป็นหนึ่งเดียวกับทุกๆสิ่งที่จะมี<o></o>

    แสงสว่างแห่งพระผู้เป็นเจ้ากำลังเจิดจรัสอยู่ในดวงใจของเรา<o></o>

    เรากำลังไปและเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์<o></o>

    เราอยู่ในรอยยิ้มแห่งความปิติยินดี<o></o>

    และเรากำลังอยู่ในสัมผัสแห่งพระผู้เป็นเจ้า<o></o>

    เราเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่งอื่นๆ<o></o>

    เราคือจิตวิญญาณแห่งพระคริสต์<o></o>

    เราคือสะพานเชื่อม<o></o>

    ระหว่างโลกของพระผู้เป็นเจ้ากับโลกของมนุษย์



    [​IMG]
    (obr1490)<o></o>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • obr1490.jpg
      obr1490.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.4 KB
      เปิดดู:
      1,952
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2010
  16. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    รายงานหมายเลข 1538:

    การเคลื่อนขึ้นไปสู่มิติที่ 5 (ต่อ) (Elevator Into The Fifth Dimension)<o></o>

    ผู้รับข้อมูล: P.E.<o></o>
    วันที่: 24 กันยายน 2001<o></o>
    สถานที่: Frydek-Mistek, ประเทศสาธารณรัฐเช็ก<o></o>
    <o></o>
    <o></o>
    ในฐานะของผู้ที่ปรารถนาจะไปอยู่ในมิติที่ 5 และมิติอื่นๆ
    <o></o>
    ในระบบสุริยะจักรวาลนี้ มีสถานที่อยู่มากมายที่ชาวกลุ่มดาวลูกไก่ (Pleiadians),
    ดาว Arcturians, และดวงดาวอื่นๆ มีสถานีอวกาศซึ่งมียานอวกาศแห่งแสงสว่างจำนวนมากประจำการอยู่

    ภารกิจอย่างหนึ่งของพวกเขาก็คือ การให้ความช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์โลก
    ในการข้ามด่านคลื่นความถี่ของมิติที่ 5 ไปให้ได้
    <o>
    </o>[​IMG]
    (obr1496)
    <o></o>
    ด่านพลังงานคลื่นความถี่ดังกล่าวนี้ อยู่ที่บริเวณขอบของระบบสุริยะจักรวาลของพวกท่าน
    และอีกอันหนึ่งอยู่ที่เขตของดาวพฤหัส<o></o>
    <o></o>
    ในขณะที่พวกท่านเข้าและออกจากระบบสุริยะจักรวาลของพวกท่าน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาจากมิติอื่นๆ)
    พวกท่านจะต้องทะลุผ่านด่านคลื่นความถี่เหล่านี้เป็นทางผ่านเข้าออก
    แต่ในบางกรณีกระบวนการเหล่านี้ก็รับรู้ได้เฉพาะกับมนุษย์โลกบางคนเท่านั้น <o></o>
    <o></o>
    มนุษย์โลกส่วนใหญ่มีความพร้อมแล้วที่จะถูกลำเลียงผ่านระหว่างมิติได้ เพื่อไปรับการช่วยเหลือในการเปลี่ยนย้ายมิติในครั้งนี้

    แต่อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ก็จะเกิดขึ้นได้กับเฉพาะผู้ที่ยอมรับความช่วยเหลือจากผู้ที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้เท่านั้น

    ได้แก่ <o></o>
    • รูปธรรมชีวิตต่างพิภพในจักรวาล ซึ่งส่วนใหญ่ประจำการอยู่ในยานอวกาศแล้ว<o></o>
    • พี่น้องแห่งพลังแสงสว่าง ซึ่งส่วนใหญ่จะเคลื่อนที่โดยการหายตัวไป (Teleportation)<o></o>
    • หัวหน้าเทวดาทั้งหลาย (Achangels)<o></o>
    <o></o>
    [​IMG]
    (obr293)<o></o>
    <o></o>
    ความช่วยเหลือในปฏิบัติการดังกล่าว จะดำเนินการโดยรูปธรรมชีวิตชาวกลุ่มดาวลูกไก่ (Pleiadians),
    ดาว Arcturians และชาวจักรวาลอื่นๆ เช่น ท่าน Ashtar และกองทัพของท่านเป็นต้น
    <o></o>
    สำหรับมนุษย์โลกที่เปิดใจยอมรับความช่วยเหลือแต่ยังไม่พร้อมที่จะพบกับชาวจักรวาล
    (เพราะความเชื่อทางศาสนาของพวกเขาเป็นอุปสรรค) จะถูกพาไปอยู่ในสถานีอวกาศบางแห่ง
    ที่จัดเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะ

    ปฏิบัติการเหล่านี้ จะได้รับความช่วยเหลือจากท่านสนันดา (Sananda; ซึ่งท่านมาจากครอบครัว
    ของพระคริสต์และบรรดารูปธรรมชีวิต Orthon ทั้งหลาย) หัวหน้าเทวดาทั้งหลาย ท่าน Kuthumi และท่านอื่นๆ
    <o></o>
    (ยังมีต่อครับ)<o></o>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • obr293.jpg
      obr293.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.1 KB
      เปิดดู:
      1,670
    • obr1496.jpg
      obr1496.jpg
      ขนาดไฟล์:
      118.6 KB
      เปิดดู:
      4,584
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2010
  17. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    รายงานหมายเลข 1538 (ต่อ)


    ข้อความจากชาวดาว Arcturians(1):<o></o>
    <o>
    [​IMG]</o>
    (obr1598)<o></o>
    <o></o>
    พวกเราได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนสภาวะ (Transformation) ไปสู่มิติที่สูงขึ้น
    ของมนุษย์โลกมามากมาย พวกเราจึงรู้ว่ามันมีอยู่หลายวิธีการมาก หากใช้วิธีการละจากร่างกายเนื้อนี้ไป
    <o></o>
    วิธีการแก้ไขปัญหานี้มีอยู่หลายวิธีที่ได้ผล แต่มันอาจจะทำให้พวกท่านต้องกลับมาเกิดใหม่บนโลกใบเดิมนี้
    อีกหลายร้อยชาติ<o></o>
    <o></o>
    การตัดสินใจที่ฉลาดคือการนำพวกท่านไปสู่ที่อื่นอย่างรวดเร็ว
    แม้แต่ไปที่ดวงดาวบางดวงในกลุ่มดาว Arcturians ก็ยังได้<o></o>
    <o>
    [​IMG]</o>
    (obr1615)
    <o></o>
    ข้อความจากชาว Arcturians (2):<o></o>
    <o></o>
    พวกเราชาว Arcturians สามารถที่จะดูแลพวกท่านด้วยวิธีการต่างๆหลายๆวิธี (แม้แต่เดี๋ยวนี้)<o></o>
    <o></o>
    1). เยียวยารักษาการเนื้อ กายทิพย์ กายละเอียด และสภาวะจิตของพวกท่าน

    2). ชำระล้างจิตใต้สำนึกของพวกท่าน

    3). สร้างความสว่างให้ร่างกาย (ต่างๆ) ของพวกท่าน และอื่นๆเท่าที่ทำได้
    <o></o>
    เพียงแต่พวกท่านยินยอมพร้อมใจที่จะให้พวกเราช่วยพวกท่าน
    และเมื่อนั้น ก็จงบอกพวกเรามา ถึงสิ่งที่พวกท่านต้องการให้พวกเราช่วยเหลือ ที่ไหน เมื่อไหร่

    ความประสงค์ของพวกท่าน เป็นสิ่งที่จำเป็น
    <o>
    </o>
    Juliano และ Helio-an
    <o>

    [​IMG]</o>
    (obr1000)<o></o>
    <o></o>
    บันทึกข้อความ:<o></o>
    <o></o>
    ชาว Arcturians ไม่มีร่างกายแบบชาว Adamah Kadmon
    (เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับพระกฤษณะที่เคยมีชีวิตอยู่ในอดีต ซึ่งมีร่างกายสีน้ำเงิน-ขาว)<o></o>
    <o></o>
    ชาว Arcturians อยู่บนยาน Athena ซึ่งลอยอยู่ใกล้ๆดาวเคราะห์โลกใบนี้

    พวกเขาประสานงานกับท่านสนันดา ,หัวหน้าเทวดาชื่อท่าน Metatron และท่านแอชต้า
    รวมถึงรูปธรรมชีวิตอื่นๆอีกมากมาย

    ภารกิจหลักของชาว Arcturians คือการประสานงานให้ชาวโลกได้ติดต่อกับชาวจักรวาล และพี่น้องสีขาวทั้งหลาย

    ผู้บัญชาการยาน Athena คือท่าน Juliano
    <o></o>
    กระบวนการการให้กำเนิดทารกของพวกเขา แตกต่างจากของชาวโลก พวกเขาไม่มีอวัยวะสืบพันธุ์
    พวกเขาจะใช้แรงบันดาลใจ (mind impulses) ทำให้เกิดตัวอ่อนของลูกของพวกเขาขึ้นมา

    กระบวนการนี้จะดำเนินการโดยผู้ที่ถูกคัดเลือกเท่านั้น ซึ่งต้องเป็นผู้ที่มีระดับความสั่นสะเทือนที่เหมาะสมเท่านั้น
    บุคคลเหล่านี้จะได้รับการอบรมฝึกฝนมาเป็นอย่างดีแล้ว

    ในระบบดวงดาว Arcturian การวัดผลของวิวัฒนาการและการศึกษาจะวัดกันที่การเปลี่ยนแปลง
    ของระดับการสั่นสะเทือน ไม่ได้วัดกันที่การเรียนรู้หรือความรู้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • obr1000.jpg
      obr1000.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.5 KB
      เปิดดู:
      1,704
    • obr1598.jpg
      obr1598.jpg
      ขนาดไฟล์:
      83.2 KB
      เปิดดู:
      1,679
    • obr1615.jpg
      obr1615.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.5 KB
      เปิดดู:
      1,686
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2010
  18. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขอบคุณครับสำหรับความคิดเห็น

    ผมอ่านแล้ว ก็อดยิ้มๆไม่ได้ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ 100% เลย ผมมั่นใจ
    เพราะผมก็เป็นอย่างงั้นอยู่เหมือนกันครับ แต่คิดว่าน่าจะเป็นน้อยกว่านิดหน่อย

    เพราะผมวางกำลังใจ และวัตถุประสงค์ทั้งหมด ในการโพสต์กระทู้นี้ ลงไปที่
    การค้นหาข้อมูลและข้อเท็จจริง รวมถึงความเชื่อมโยงใดๆของมัน อันจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของผมเอง

    แหนะ..ข้อความเมื่อกี้นี้สำคัญนักนะ

    "อันจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของผมเอง"

    แสดงว่าถ้ามันจะไม่เป็นประโยชน์ ผมก็แค่ "รับรู้ แต่ไม่รับเอา" หรือไม่ก็ "รู้ แล้วก็วาง"

    อย่าเอามาหนักหัว หรือเอามาทำให้จิตตก หรือเอามาทำให้เกิดอารมณ์ทางด้านลบเด็ดขาด

    ผมถึงย้ำนักหน้า โพสต์ไป ก็ย้ำไป แทรกไป เป็นระยะๆ เพราะมันเป็นข้อมูลอะไรที่...พูดยากนะ..

    เอาหละครับ มาตอบคำถามกันบ้างดีกว่า อ้อ..เรียกว่าแลกเปลี่ยนความเห็นกันจะเหมาะกว่านะครับ
    เพราะผมไม่ใช่เจ้าของข้อมูลแต่ประการใด แค่แปลมาแบ่งกันอ่านเท่านั้นเองครับ

    1. เรื่องมนุษย์อาจจะถูกสร้างมาจากมนุษย์ต่างดาว โดยใช้เทคโนโลยีชั้นสูงจากต่างดาวนั้น
    อันนี้ ผมก็ว่า "มีความเป็นไปได้" เพราะไม่ได้ยากเย็นอะไรนี่ครับ ทุกวันนี้เราก็เห็นกันอยู่แล้ว
    แต่ถ้าถามต่อว่า ทำไมศาสนาพุทธเราบอกว่ามนุษย์เกิดมาจาก "พรหม" หละ?
    ผมว่า ก็ไม่แน่ว่าคำว่า "พรหม" ของเรา กับ "รูปธรรมชีวิตต่างมิติ" ที่อยู่ในมิติท่สูงๆ และไม่มีกายเนื้อแล้วเนี่ย
    มันจะมีความหมายต่างกันสักมากน้อยแค่ไหนนะครับ

    และก็..ต่อให้มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาจริงๆ 100% ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า
    เพิ่งสร้างกันมาแค่กัปนี้ หรืออสงไขยนี้หรือเปล่า เพราะก่อนหน้าที่พวกมนุษย์ต่างดาวพวกนี้
    ที่ยังไม่เจริญ และยังไม่สามารถสร้างมนุษย์เป็น เขาก็อาจจะเคยเป็นมนุษย์มาก่อนนี่นา
    (แต่ว่าเขาคงบอกว่าพระเจ้าสร้างพวกเขาขึ้นมาหนะนะครับ)

    2. รูปธรรมชีวิตต่างมิติพวกนี้ (พวกที่ผมกำลังแปลข้อมูลอยู่เนี่ย) พระเยซูคริสต์ ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มนี้ด้วยครับ
    และพระเยซูคริสต์ ก็ประกาศในนี้ชัดเจนว่าพระองค์ลงมาเกิดเพื่อสอนมนุษย์ ผมกำลังจะบอกว่า
    ศาสนาคริสต์ถูกนำมาสอนโดยพระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นรูปธรรมชีวิตต่างมิติด้วยเช่นกัน

    แต่อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งคิดไปไกลนัก เพราะว่ารูปธรรมชีวิตต่างมิติเหล่านี้
    ยังไงก็ยังพากันลงมาเวียนว่ายตายเกิดอยู่เลยนะครับ จะเห็นได้จากโพสต์หน้าแรกๆในกระทู้นี้
    ที่เกี่ยวกับ "เทวดาตกสวรรค์" หรือ "Follen Angels"

    3. จากข้อสองข้างบน แสดงว่าพวกนี้ เป็นพวกที่นับถือ "พระเจ้า" ซึ่งก็อาจจะมีอยู่จริง เพราะพวกเขาก็ติดต่อพระองค์ได้

    แต่ว่าพวกเขาก็ยังไม่รู้จักนิพพานดีนัก เพราะสังเกตุดูเป้าหมายชีวิตของพวกเขา ไม่ได้สอนเรื่องนิพพาน เหมือนศาสนาพุทธเลย

    พวกเขาหวังเพียงได้กลับไปอยู่ในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า อาณาจักรที่สว่างไสว และเปี่ยมไปด้วยความรัก

    พวกเขาไม่ต้องการไร้ตัวตน หายไปเลยในดินแดนที่ไมต้องมาเกิดอีก อย่างในพระนิพพาน อะไรแบบนั้น
    (เอ่อ..อย่าเพิ่งมาเถียงผมเรื่องนิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตานะครับ กำลังยุ่งตอบคำถามอยู่ ยังไม่ว่างครับ)

    กระทู้ที่ผมเคยร่วมกันโพสต์กับคุณ avatar boy ข้อมูลของเขาบอกว่า การกลับไปสู่นิพพาน
    ก็คือการกลับเข้าไปอยู่ในตัวของความว่างเปล่า หรือสุญญตา ซึ่งตัวความว่างเปล่าหรือสุญญตานั่นแหละ
    คือ "พระผู้เป็นเจ้า" ในนัยของศาสนาที่มีพระเจ้าทั้งหลาย

    ปล.คุณ avatar boy นี่เขาเป็นลูกศิษย์ที่สังกัดอยู่ในศาสนาของพระราม ผู้ซึ่งมีอายุยืนยาวมาประมาณ 35,000 ปีแล้ว
    และบัดนี้ เขายังบอกว่า อาจารย์เขาก็ยังคงดำรงชีวิตอยู่เลยนะครับ เพราะท่านเป็นอมตะ ว่างั้นนะครับ

    4. ในความคิดเห็นของผม ถ้าเป็นดั่งที่พระไตรปิฎกเรากล่าวไว้ (และถ้าไม่มีใครไปบิดเบือนข้อความนี้ไว้ก่อนแล้วนะครับ)
    ที่บอกว่า "การเกิดมาพบพระพุทธศาสนานั้นเป็นของยาก" ก็แสดงว่า นานๆถึงจะมีธรรมะของจริงปรากฎมาทีหนึ่ง

    โป๊ะเช๊ะเลยครับ โล่งขึ้นหรือยังครับ เพราะว่า ก็ในเมื่อนานๆจะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ทีหนึ่ง แล้ว แล้ว ไอ้เจ้าเวลาที่เหลือหละ
    สัตว์โลก และสัตว์ที่ไม่ได้อยู่บนโลกทั้งหลาย ตั้งมากมายก่ายกอง มากกว่าบนโลกนี้ไม่รู้กี่เท่า
    จะพากันทำอะไรอยู่ จะพากันนับถือศาสนาอะไรกันอยู่หละครับ แล้วจะสอนกันไปไกลแค่ไหนแล้ว
    หมายถึง กว่าศาสนาพุทธจะโผล่มาทีศาสนาพระเจ้าก็แพร่ไปทั้งจักรวาลแล้วหละครับ
    แถมแพร่อยู่นานแสนนานก่อนพุทธเราอีกไม่รู้นานแค่ไหนแล้ว และยังจะแพร่ต่อไปหลังพุทธเราอีกไปสิ้นกาลนาน
    เพราะว่าเขาเยอะกว่า เขาใหญ่กว่า เขาคงทนถาวรกว่า และผู้ที่นับถือ ก็ทรงภูมิปัญญามากกว่าด้วย

    5. สรุปว่า ณ.จุดนี้ อย่าเพิ่งไปเชื่อใครมาก อย่าเพิ่งสั่นคลอนหวั่นไหวอะไรทั้งสิ้นนะครับ

    สังเกตไหม๊ว่า กระทู้นี้ของผม ผมขุดขึ้นมาแปลให้อ่านกันหมด ไม่ว่าจะเป็นประเด็นที่ตัวกำลังแปลอยู่
    หรือประเด็นที่มีผู้โต้แย้งใดๆก็ตาม เพราะผมไม่ใช่เจ้าของข้อมูล ผมเป็นเพียงผู้หนึ่งที่อยากรู้ และกำลังค้นหาความจริง
    เหมือนๆกับท่านผู้อ่านทุกท่านนี่แหละครับ

    และด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงเห็นว่า บางทีมนุษย์ต่างดาวต่างกลุ่มกัน ก็บอกข้อมูลมาไตรงกัน
    บางทีก็มีสงครามระหว่างกัน บางทีก็แย่งชิงที่จะปกครองมนุษย์โลกกัน (อันนี้ดูจากข้อมูลที่ผ่านๆมานะครับ)

    ก็เลยยังสรุปว่าอันไหนจะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน ก็ยังไม่รู้เลยครับ

    ดังนั้น อ่านเอามันส์ไปก่อน อย่าเพิ่งไปปักใจอะไร อย่าเพิ่งสรุปนะครับ

    สงครามยังไม่จบ..อย่าเพิ่งนับศพทหาร!!

    [​IMG]
    (meditionbuddha)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2010
  19. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772

    [​IMG]
    (obr1532)


    [​IMG]
    (obr1535)


    [​IMG]
    (obr1536)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • obr1532.jpg
      obr1532.jpg
      ขนาดไฟล์:
      94.1 KB
      เปิดดู:
      4,092
    • obr1535.jpg
      obr1535.jpg
      ขนาดไฟล์:
      124.5 KB
      เปิดดู:
      2,066
    • obr1536.jpg
      obr1536.jpg
      ขนาดไฟล์:
      135.9 KB
      เปิดดู:
      2,502
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2010
  20. JiNaNiE

    JiNaNiE Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +49
    ขอบคุณคุณ Chayutt มากที่มาขยายความช่วยให้ใจชื้นขึ้นมาหน่อย และก็ขอบตอบคุณ Mead ด้วย ไม่รู้ทำอ้างอิงยังไง เพิ่งเล่น ลุยเลยล่ะกัน ที่บอกว่าชาวพุทธไม่เปิดใจเรื่องพระผู้สร้างก็อาจจะจริง เพราะเรายึดติดเหตุผลของพุทธก็เลยรู้สึกแอนตี้ทุกๆๆอย่างที่ไม่เข้าทางเรา เรายึดติดในพระรัตนตรัยมากเกินไปแล้วเราก็ภูมิใจในชาติของเราที่เราไม่เคยตกเป้นเมืองขึ้นใคร ภูมิใจในพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ภูมิใจในศาสนาที่ถูกยอมรับว่ามีเหตุผลใกล้เคียงวิทยาศาสตร์อีกทั้งเรายังเป็นศูนย์กลางศาสนาพุทธของโลก และเรายังเคยจะเบี่ยงเบนให้ชมพูทวีปมาอยู่ที่ประเทศไทยโดยกล่าวหาประวัติศาสตร์ว่าแปลผิด(อ่านมาจากในเวบนี้แหละ) รวมทั้งเราดีใจที่อ่านเจอว่าหลวงปู่มั่นบอกว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนไทยเราเองก็ภูมิใจในเถรวาทอาจจะแอนตี้นิดๆๆในนิกายอื่นด้วยซ้ำ ภูมิใจในพระเถระที่เป็นพระอรหันต์หรือมีดีกรีในประเทศ (คือไม่ทราบจำนวนแล้วก้ไม่รู้ว่าใครด้วย) ทั้งๆที่ต่างประเทศเค้าอาจมีเยอะกว่าเรา แต่เราก็คงไม่อยากรับรู้ และก็ไม่นับถือ พุทธทาสยังบอกเลยว่าแม้พระรัตนตรับก็ไม่ควรยึด ท่านเปรียบพระรัตนตรับเหมือนแพเมื่อเราข้ามฝั่งไปแล้ว ก็ไม่ควรไปยึดติดมันปล่อยมันไป ทั้งๆๆที่คนไทยก็รู้นะว่าการไปทำบุญนี้นมีอานิสงน้อยกว่าการภาวนา แต่ก็ยังไปยึดติดพระอาจารย์ที่เราชื่นชอบไกลแค่ไหน บ่อยแค่ไหนก็ต้องไป และอาจารย์ทั้งหลายถ้าฟังดีๆๆท่านก็จะยึดติดในพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันจะให้เครดิตพระพุทธเจ้ามากกว่าธรรมะเสียอีกทั้งๆๆที่พระพุทธเจ้ามีตั้งหลายองค์แต่เราก็ยึดองค์นี้ แต่ดีนะที่เราไม่มีสงครามเหมือนศาสนายิวกับคริสต์แล้วก็อิสลามด้วยที่นับถือพระเจ้าองค์เดียวกันแต่คนละศาสดา ยังดีที่เรายังยึดธรรมะเป็นหลัก ถ้าพระพุทธเจ้าปรากฏกายลงมาแล้วจะชวนไปนิพพานในอีกหนี่งนาทีข้างหน้าคือหมายถึงจริงๆๆอ่ะนะ JiNaNie ก็คงจะลังเลนะ ว่าจะกล้าไปหรือป่าวขนาดนิพพานเป็นสิ่งที่ชาวพุทธปรารถนานะเนี่ย ไม่ต้องนิพพานก็ได้ แค่ไปสวิตเซอร์แลนด์ถ้าอยู่ๆได้รางวัลไปอยู่สวิตตลอดชีวิตฟรีตลอดชีวิตแต่ห้ามบอกใครต้องไปเด๋วนี้ไปคนเดียวแล้วห้ามกลับมาอีกห้ามติดต่อคนทางบ้านด้วย นี่ก็คงยังลังเลเลยนะว่าจะไปดีหรือป่าว แล้วไปแล้วมันจะดีหรือป่าว ถ้าไปแล้วมันดี แล้วทางบ้านล่ะ เออไม่รู้ ถามเอง งง เอง<O:p</O:p
    แต่เราก็ยึดติดในคำว่าศาสนาพุทธไปจริงๆๆนั่นแหละ มีเพื่อนญี่ปุ่นบางคนที่เค้าไม่นับถือศาสนา แต่เค้าปฏิบัติถูกต้องตามหลักธรรมะชาติล่ะ เค้าอาจจะทำวิปัสสนาตามหลักของธรรมชาติจนได้อรหันต์ก็เป็นได้ แต่เราก็อาจไม่ยอมรับเพราะว่าเค้าไม่มีศาสนา เหมือนพวกเต๋า ขงจื้อ หรือใครๆๆ อยู่ๆเค้าอาจจะคิดค้นวิธีที่คล้ายกับพระพุทธเจ้าคิดแล้วก็บรรลุอรหันต์เข้าถึงนิพพานได้ เราก็จะคงแอนตี้นิดๆๆอยู่ดี แล้วก็อาจทำเป็นไม่สนใจ เกิดอยู่ JiNaNie ค้นพบวิธีทางธรรมชาติจนบรรลุอรหันต์ ก็คงจะไม่มีใครยอมรับเพราะเป็นผู้หญิงและเป็นฆราวาส พระท่านนึ่งบอกว่าสมาธิมีมาก่อนพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ แต่วิปัสสนา พระพุทธเจ้าค้นพบได้ อ้าว แล้วคนอื่นๆๆไม่มีสิทธ์ค้นพบได้เลยเหรอ ถ้าเค้าพบได้แล้วประกาศอีกศาสนานึงขึ้นมา เราก็ไม่ยอมรับอยู่ดี เพราะว่าไม่เข้ากับของเรา ไม่ใช่ของเรา เราอาจจะยอมรับแต่เราคงไม่นับถือรวมทั้งแอนตี้นึดๆ ไม่รู้พิมพ์วนไปเวียนมาหรือป่าว ไปเรื่อยๆๆนะ มันหยุดไม่อยู่<O:p></O:p>
    ก็เหมือนเด็กที่ประเทศอะไรนะจำไม่ได้ที่นั่งสมาธิใต้ต้นไม้เป็นเวลาหลายเดือนจนผมยาวรุงรัง เค้าอาจเป็นพระโพธิสัตว์มาเกิดเพื่อสั่งสมบารมี แต่คนไทยเราก็ออกจะแอนตี้นิดๆๆ ลองถ้ามาเกิดในประเทศไทยสิ โอ้โห้ มหัศจรรย์ คนคงไปกราบไหว้ท่วมท้นเหมือนกัน แต่นี่ดันไปเกิดผิดประเทศก็เลยไม่ได้รับความนิยมจากคนไทยเท่าไหร่ ที่กล่าวมาก็เรื่องยึดติดนี่แหละ มนุษย์ต่างดาวก็อาจยึดติดว่านี่คือโลกของเค้า เค้าจะเอาคืนเมื่อไหร่ก็ได้โดยทำลายประชากรในโลกนี้ไปซะ แล้วอพยพมาอยู่ซะเอง เพราะตอนนี้โลกได้บ่มทรัพยากรต่างๆๆได้ที่แล้วเหมาะแก่การพักอาศัย แล้วอาจจะส่งเรากลับไปอยู่ที่ดาวเก่าของเค้าซึ้งเค้าได้ดูดทรัพยากรไปหมดแล้ว ก็อาจจะเหมืนอยึดอเมริกาแล้วฆ่าอินเดียแดง ยึดออสเตรเลียแล้วฆ่าอบอริจินส์ก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น จบแต่มีต่อ<O:p></O:p>
    หลังจากอ่านที่คุณ Chayutt แปลมา แล้วมันขัดกับหลักเหตุผลหลักตรรกะหรือจริงๆมันอาจจะขัดกับความรู้สึกก็ได้มันก็เลยคันหัวใจ แต่แล้วก็รู้สึกภูมิใจในพุทธขึ้นมาอีกว่าาพุทธนี่แหละ answer of my life (ยึดติดอีกแหละ) แล้วไหนอ่ะที่เค้ากล่าวถึงศาสนาพุทธหรือพระพุทธเจ้าล่ะ คุณ Chayutt เอามาแปลให้เจ็บใจเล่นหน่อยสิ ก็เข้าใจจะว่าผู้ตั้งกระทู้ไม่มีเจตนาให้ผู้อ่านอ่านแล้วคิดไปในทางลบแต่JiNaNie เป็นปุถุชนคนเดินถนนลาดยางมะตอยธรรมดา แต่ก็อยากอ่านนะเผื่อปัญญามันจะเกิดขึ้นบ้าง<O:p></O:p>
    Thank you in advance.<O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2009
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...