การสอนธรรมครั้งพุทธกาล

พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล มหาชนชาวพันธุมดีราชธานี จำนวนแปดหมื่นสี่พันคน ออกจากเมือง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค วิปัสสี ถึงที่ประทับ ณ เขมมิคทายวัน ถวานอภิวาทแล้วนั่งอยู่ ณ ที่ข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาควิปัสสี ได้ตรัส อนุปพภิกถา แก่ชนทั้งหลายเหล่านั้น กล่าวคือ ทานกถา สิลกถา สัคกถา ทรงประกาศ โทษอันเศร้าหมองต่ำทรามของกามทั้งหลาย และอานิสงคืในการออกจากกาม....ครั้นทรงทราบว่าชนเหล่านั้น มีจิตเหมาะสม อ่อนโยน ปราศจากนิวรณ์ ร่าเริง แจ่มใสแล้ว ก็ได้ตรัสธรรมเทศนา ซึ่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงยกขึ้นแสดง เอง กล่าวคือ เรื่องทุกข์ เรื่องสมุทัย เรื่องนิโรธ และเรื่องมรรค เปรียบเสมือนผ้าอันสะอาด ปราศจากสิ่งแปดเปื้อน ย่อมรับเอาซึ่งน้ำย้อมได้อย่างดี ฉันใด ธรรมจักษุปราศจากธุลี ปราศจากมลธิน ได้เกิดขึ้นแก่มหาชน แปดหมื่นสี่พันเหล่านั้น ณ ที่ นั่งนั้นเองว่า "สิ่งใดมีความเกิดเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดย่อมมีความดับเป็นธรรมดา" ดังนี้ฉันนั้นเหมือนกัน....ชนเหล่านั้นมีธรรมอันเห็นแล้ว บรรลุแล้ว รู้แจ้งแล้ว หยั่งเอาได้ ครบถ้วนแล้ว หมดความสงสัย ปราศจากความเคลือบแคลง ถึงความกล้าหาญ ไม่ต้องเชื่อบุคคลอื่นในคำสอนแห่งศาสดาตน ได้กราบทูลกับพระผู้มีพระภาค วิปัสสีว่า ไพเราะนัก พระเจ้าข้า ไพเราะนักพระเจ้าข้า เปรียบเหมือนการหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิดอยู่ บอกทางให้แก่คนหลงทาง หรือว่า จุดประทีปไว้ในที่มืด เพื่อว่าคนมีตาจักได้เห็นรูป ฉันใดก็ฉันนั้น ดังนี้--มหา.ธี.10/49/49..

 

ก็ชัดอยู่แล้วนี่ครับ

แต่ตอนปลายๆก็มีคนมาแสดงทัศนะของตนๆ (ก็ไม่มีปัญหาอันใด) ก็จึงแตกออกไป แต่ก็ยังอยู่ในคำสอนของพระพุทธเจ้า (หรือคุณว่าไม่ใช่) ทั้งเรื่องการสงเคราะห์กันระหว่างบุคคล (เรื่่องทิศ ๖ - ทิศ ๖ ประพุทธเจ้าประยุกต์มาจากวิธีของพราหมณ์ คือ พราหมณ์ เขาไหว้ทิศกัน พระพุทธไปเห็นเข้า ก็ว่าในศาสนาของพระองค์ก็มีเรื่องไหว้ทิศน้อมน้อมทิศเหมือนกัน ได้แก่ การสงเคราะห์กันและกันอย่างที่นำมาให้ดู) แล้วอย่าง่นี้ จะเรียกว่า สื่ออะไร หมายถึงอะไร เพื่ออะไรครับ

 

ผมถามคุณบ้าง ต้องการ สืออะไร? หมายความว่างยังไง ? เพื่ออะไร ?

 

“ภิกษุทั้งหลาย ทางนี้เป็นมรรคาเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของสัตว์ทั้งหลาย เพื่อข้ามพ้นโสกะ และปริเทวะ เพื่อความอัสดงแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุโลกุตรมรรค เพื่อกระทำให้แจ้ง ซึ่งนิพพาน นี้คือสติปัฏฐาน ๔"

(ที.ม 10/273/328 ฯลฯ)

คุณ VERAJAK คุณ paetrix ว่าเป็นธรรมะเป็นพระธรรมเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้ามั้ย
หรืออย่างนำเสนอข้างต้น ไม่ใช่ธรรม แต่ข้อนี้เป็นธรรม

 

....................คือ ครือ ผมคิดว่า ทุกคนก็รู้อยู่แล้วผมเลยงง นิดหน่อย....หมายถึงว่า...จะเป็น ชาวบ้าน หรือ พระ เอง ....ปัจจัยนั้นคือ...ได้ พบสัปบุรุษ จึง ทำให้เกิด การฟังพระศัทธรรม มีศรัทธา เลยโยนิโสมนสิการได้...หมายถึงพระก็ เป็นชาวบ้านมาก่อน...มีเงื่อนไข คอ เหตุปัจจยจากการ ได้ พบสัปบุรุาและการฟังพระสัทธรรม ทั้งนั้น แหละครับ คงคิดเองไม่ได้ แน่แน่....แต่ ความ ศัทธา ต่างกัน ความพร้อมต่างกัน...

 

และนี่ก็คือคำตอบของผม ที่ตอบคุณด้วย

 

คุณ paetrix คุณว่าหน้าที่เป็นธรรมะไหม เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าไหม

 

กั๊กๆ ศรัทธาง่อนแง่น

คุณเข้าใจว่า พระพุทธองค์ไปหยิบเอาคำสอนศาสนาอื่นมาใช้ เหรอครับ

ทิศ6 เนี่ยะ ไปอ่านดูดีๆ ...พระพุทธองค์สอน ถึง นิพพาน เหมือนกัน
และเมื่อสอนถึง นิพพาน แล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่ เป็นเรื่องไปเอามาจากศาสนาอื่น

หยุด เรียนแบบ ศาสนาเปรียบเทียบ อภิปรัชญาเถิดครับ จะ ลำบากเปล่าๆ


จริง บทว่า พระพุทธองค์ใช้บัญญัติที่มีอยู่ก่อนแล้วเนี่ยะ คงไม่ได้หมาย
ถึง " คำสอนของศาสนาอื่น "

มันเป็นเรื่อง ของ ภาษามนุษย์ ที่ อุแว๊ อุแว๊ ออกมา ก็ต้อง มาใช้ ภาษามนุษย์
หรือ บัญญัติที่เขาใช้อยู่ก่อนแล้ว

ก ไก่ ข ไข่ อะไร ประมาณนี้ .....และ น่าจะมีแค่นั้น

ไม่ใช่พระพุทธองค์ไป รวบรวมคำสอนศาสนาอื่น เอามา ประยุกต์ ก๊อปปี้

 

ว่าไปสิครับ ทิศ ๖ ทำให้ถึงนิพพานได้ยังไง

นิพพานแบบที่คุณเอกวีร์ว่า ออกแนวไหนครับ

 

พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นท่ามกลางศาสนาต่างๆ เช่น ศาสนาพราหมณ์ (ฮินดูปัจจุบัน) ศาสนาเชน (นิครนถนาฏบุตรหรือมหาวีระ) ดังนั้น คำสอนที่เกี่ยวกับการไหว้ทิศของพราหมณ์ ซึ่งเขาตื่นขึ้นมาจะต้องไหว้ทิศซ้ายขวาหน้าหลังบนล่าง เขาไหว้จนเหงือท่วมตัว พระพุทธเจ้าก็นำมาประยุตก์ใช้เอื้อเฟื้อระหว่างบุคคล ว่าทิศเบื้องหน้าหมายถึงบิดามารดา ทิศเบื้องขวาหมายถึงครูบาอาจารย์เป็นต้น นี่เป็นการให้ความหมายใหม่

 

กั๊กๆ ไป วิแคะ เอาเอง จิฮับ มันมีแค่ 6 หัวข้อ หัวข้อไหนหว่า
หากเข้าถึงเป็น สรณะ แล้ว นิพพาน ชัวร์ ไม่มีมั่วนิ่ม

ไม่มีแทงกั๊ก ทำเป็นเก่ง อธิบายหลักการ ท่าที ต่อการสอนธรรมะ

ทำตัวเก่งกว่า พระพุทธองค์


เอิ่ม แต่ขอ ชมนะว่า พัฒนาเว็บไซท์เร็วมาก แป๊ปเดียว รู้สึกว่า
กระทู้แบบ smf กลายเป็น ....อะไรหว่า แต่ mobile ready เจียวเว้ยเฮ้ย

 

อย่าเฉไฉ

ที่พูดตัวแดง นำตรงนั้นมาสิครับ

 

อ้าวๆ ทำเป็น งง

ก็เฉลยไปแล้ว ว่า ในหัวข้อไหน ที่อาศัยเป็น สรณะ แล้ว ได้นิพพาน แน่นอน

งง ตรงไหนเนี่ยะ เห็นเป็น ประโยคปริศนาเหรอฮับ

มันเป็น ประโยค คำตอบ แล้วฮับ เด็กอ่าน ยังรู้เรื่องเลย

 

ก็พูดเองแท้ๆ ว่า ทิศ ๖ ทำให้ถึงนิพพานได้

ครั้นเราถามว่าทำไให้ถึงได้ยังไง ก็พาออกนอกทางสนทนา

 

๕. อุปริมทิส ทิศเบื้องบน ได้แก่ พระสงฆ์ สมณพราหมณ์ : (หัวข้อ)

คฤหัสถ์พึงบำรุงพระสงฆ์ ดังนี้
๑. จะทำสิ่งใดก็ทำด้วยเมตตา
๒. จะพูดสิ่งใดก็พูดด้วยเมตตา
๓. จะคิดสิ่งใด ก็คิดด้วยเมตตา
๔. ต้อนรับด้วยความเต็มใจ
๕. อุปถัมภ์ด้วยปัจจัย ๔

พระสงฆ์อนุเคราะห์คฤหัสถ์ ดังนี้

๑. ห้ามปรามจากความชั่ว
๒. ให้ตั้งอยู่ในความดี
๓. อนุเคราะห์ด้วยความปรารถนาดี
๔. ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง
๕. ทำสิ่งที่เคยฟังแล้วให้แจ่มแจ้ง
๖. บอกทางสวรรค์ สอนวิธีดำเนินชีวิตให้ประสบความสุขความเจริญ


คุณคร้าบ ข้อเนี่ยะ มีตรงไหนบอกหรือเปล่าว่า ไม่ได้ นิพพาน ฮะเอ่อ


ปล. ที่ยกมานี่ ต้อง ตรวจทานบาลี ก่อน นะ น้องๆ หนูๆ อันนี้ อากู๋ เขาให้มา

 

เรียนธรรมะ มา ยกเป็นเพียง ปรัชญา หลักการสอน ปกครอง ดำเนินชีวิต

มันก็ เรียนแบบ เถรส่องบาตร รู้แต่ คำศัพท์เอาไป ทำเป็น ตำรา เว๊บไซท์ เอาเทห์


แต่ความจริงคือ โง่ ค่าเงิน บาท อ่อน ซบ เซา

 

มันเกี่ยวอะไรกับเงินบาทอ่อนตัว ไปไม่เป็น ก็ออกท่านั้นท่านี้

จินตการเอาเองทั้งเพทั้งระยอง ศึกษาพุทธธรรมกันเหมือนคนเมากัญชา คิกๆๆ วาดวิมานในอากาศ เมฆก้อนนั้น เหมือนเต่า เหมือนกระต่าย เหมือนรถ เหมือนเรือ ฯลฯ ไม่มีหลักมีเกณฑ์ นึกอยากจะว่าอะไรก็พูดก็ว่า จับแพะชนแกะมั่วไปทั่ว
​

 

เอางี้ สำหรับ คนที่ งง ตัวเอง


ติต่างว่า คุณ มาจากดิน คือ ครูธรรมะ คือ บุคคลผู้ตั้งไว้ในทิศเบื้องบน

คุณ มาจากดิน จะ อนุเคราะห์ คนที่มาเรียนกับ คุณมาจากดิน ให้ถุง นิพพาน ไหม!?

หรือว่า ไม่หละ กูสอนไม่ถึง ชัวร์ กูแค่ ทำเป็นสอน หลอกรับประทานศรัทธา และ อื่นๆ ไปวันๆ

 

ผมไม่ได้พูดว่า ทิศ ๖ ทำให้ถึงนิพพาน คุณเอกวีร์เป็นคนพูด ผมเป็นคนถาม แล้วคนถาม กับ คนพูด ใครควรตอบ