***กสินใน 1 วัน / อรูปฌาน4 ใน 1 วัน***

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย GluayNewman, 18 ธันวาคม 2011.

  1. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747
    Clip ทานบารมีกับวิถีอาริยะ ตอนที่ 2

    คลิ๊ปนี้...คุณกล้วยB2 กำลังจะพาไปสู่ การแผ่เมตตา ด้วยความรู้สึกตัว

    แต่ก่อนอื่น...มารู้จักความ รู้สึกตัว หรือ สติสัมปชัญญะ
    หรือที่คุณกล้วยเรียกว่า สติบริสุทธิ์ตามธรรมชาติ กันให้ชัดเจนเสียก่อน...

    มีผู้เข้าใจผิดเกี่ยวกับสิ่งนี้มาก และทำให้การปฏิบัติติดอยู่เพียง สมถะ...
    กิเลสไม่สามารถถูกลด ละ ได้จริงครับ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=vl56ib19oPs]ทานบารมีกับวิถีอารยะ_02 - YouTube[/ame]
     
  2. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747


    Clip ทานบารมีกับวิถีอารยะ ตอนที่ 3

    แบบฝึกหัดเพื่อให้รู้จักความรู้สึกตัว ที่บริสุทธิ์...อย่างชัดเจน
    เคลื่อนไหวเพื่อรู้สึกตัว รู้ทั้งตัว ไม่ใช่รู้เฉพาะส่วน

    คุณกล้วย B2 ได้มี workshop ให้อย่างชัดเจน
    และผมได้เทียบเคียงกับคำสอนของหลวงพ่อเทียนด้วย
    " เคลื่อนไหวให้... รู้ สึก ตัว "

    http://www.youtube.com/watch?v=b5HPwtbItsU&feature=youtu.be
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2012
  3. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747
    วิกฤตินี้คือโอกาส

    ขณะที่เกิดวิกฤติ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาชีวิตใดๆ
    เป็นโอกาสที่ดี สำหรับเรานักปฏิบัติ ในการดูจิตดูใจของเราเอง
    เวลามันกังวล ไม่สบายใจ ตื่นตระหนก เครียด ท้อแท้ ฯลฯ เกิดขึ้น
    เอาเลยครับ อย่าเผลอ ไหลไปตามมัน
    ถ้าไหลไปตามมัน มันจะเป็น "เรากังวล", "เราไม่สบายใจ" ฯลฯ
    นั่น เผลอไปแล้ว ไปตามกระแสแห่งวิกฤติแล้ว


    ลองตั้งคำถามตัวเองดู...
    ทำไมเกิดวิฤติแล้วต้องทุกข์ด้วย.... จำเป็นเหรอครับ
    เป็นกฎตายตัวเหรอ.... มีวิกฤติแล้วต้องทุกข์ ??


    "หยุด" เลยครับ มันเกิดอะไรขึ้นในจิต หยุดที่จะตามมันเลย
    ขณะที่ตามอารมณ์อยู่ หยุดเลย Stop!!
    หยุดแล้วจะ "เห็น" ความรู้สึกนั้นได้ทันที ....ลองหยุดดูครับ

    หยุด / เฉย / หยุดกระวนกระวาย /เฉยกับมัน
    นิ่งๆ ไว้ ทำได้ครับ แค่ไม่ตามมัน หยุด เฉย นิ่ง
    เราจะเห็นความรู้สึกนั้นๆ ทันที จากที่เคยเป็น "เรารู้สึก"
    มันจะกลายเป็น "เห็นความรู้สึก"


    อารมณ์ทั้งหลายที่เกิดกับจิต มันเป็นแค่ "ความรู้สึก"
    ไม่ใช่เป็น "เรารู้สึก" เหมือนตอนที่เรายังไม่ได้ "หยุด"
    เห็นความรู้สึก แล้วก็เฉยไว้ นิ่งไว้ ความรู้สึกมันจะดึงเราไปตามมัน อย่าไป!!
    มันจะพยายามบีบคั้นอย่างไร จะพยายามมีอิทธิพลต่อเรายังไง.... ให้เฉยไว้
    อย่าไปสนใจมัน ไม่ต้องไปตามดู ตามรู้มันด้วย "เพิก" ไปเลย
    ไม่ต้องไปตามดูมันนะครับ รู้แล้วก็ไม่ต้องสนใจมันแล้ว


    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    แล้วหลังจากนั้นไปทหาอะไรทำเลยครับ...อย่าจมอยู่ตรงนั้นนะครับ


    ** เคลื่อนไหวเยอะๆ ออกกำลังกาย, วิ่ง ,เดิน, เล่นโยคะ ,แกว่งแขน
    ไปทำงานอะไรก็ได้ ให้รู้สึกตัวไว้ แต่อย่าไปสนใจกับอารมณ์ต่างๆ

    ให้เคลื่อนไหวครับ อย่าอยู่นิ่งๆ อย่าไปตามสนใจอารมณ์

    = "เคลื่อนไหว รู้สึกตัวจากการเคลื่อนไหวนั้น "=

    อารมณ์มันทนอยู่ไม่ได้หรอกครับ ถ้าเราไม่ไปตามมัน
    อารมณ์ยิ่งแรง ....ให้เรายิ่งเคลื่อนไหวแรงๆ
    มันจะหมดความหมาย และดับไปในที่สุด
    ถ้าไม่ตามมัน อยู่กับความรู้สึกตัวที่เกิดจากการเคลื่อนไหว.....
    มันจะค่อยๆ หมดความหมายไปเอง
    แบบนี้ จิตจะ "หลุด" จากอิทธิพลของอารมณ์


    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    ถ้าจิตไม่ถูกอะไรครอบงำแล้ว ทีนี้ เราจะมีสติปัญญาขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ
    สังเกตุไม๊ครับ ถ้าเราควบคุมอารมณ์ได้ เราจะควบคุมสถานการณ์ได้
    จะรู้แล้ว ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไรใไห้ดีที่สุด
    แก้ปัญหาได้โดยไม่ถูกชักจูงจากความกังวล ความกระวนกระวาย
    มองเห็นได้ว่าอะไรควรทำ ไม่มีอะไรมาบังสติปัญญา
    ทำไปโดยไม่มีความทุกข์เบียดเบียนหัวใจ


    ถึงที่สุด แม้แก้ไขอะไรไม่ได้.... ให้รู้สึกตัวไว้ อย่าตามความทุกข์
    เฉยกับความทุกข์ นิ่งๆ ไว้ อย่าตามความทุกข์ อย่าไปตามความท้อแท้ สิ้นหวัง
    ** มันเป็นแค่ความรู้สึก ไม่ใช่ “ เรารู้สึก “


    อย่าเผลอตามความคิด รู้สึกตัวไว้ ทั้งก่อนวิกฤติ ขณะวิกฤติ และหลังวิกฤติ
    พูดให้ถูก ก็คือตลอดเวลา เท่าที่เราจะมีสติได้ แค่ไหน ก็แค่นั้น
    มันจะไม่ทุกข์ เหตุการณ์เลวร้ายยังไง ไม่ทุกข์ หรือ ทุกข์ก็ทุกข์น้อย
    ไม่มีทุกข์ท่ามกลางวิกฤติได้ มันสุดยอดแค่ไหน ...คิดดู


    ขอให้ทบทวนครับ.... วิกฤติไม่ได้มีไว้ทุกข์
    เค้ามีไว้ให้เป็นโอกาสต่างหาก
    ผู้ที่ยังทุกข์ๆๆๆ อยู่ กับวิกฤติต่างๆ
    เปลี่ยนแนวคิดใหม่ดีกว่าครับ
     
  4. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747
    สมาธิ เพื่อการรักษาโรคของผม 1

    ผมทำสมาธิเพื่อรักษาโรคมาหลายวิ<wbr>ธี
    ทั้งพลังจักรวาล กสิน ฯลฯ สุดท้ายได้วิธีที่ดีที่สุด
    ได้ผลเร็วที่สุด และเบาสบาย อาการก็ดีขึ้นเป็นลำดับ
    ต้องกราบนมัสการ หลวงปู่เจือ สุภโร ศิษย์ ท่านพ่อลี ที่ถ่ายทอดวิชาให้

    ผมขอเล่าตามความเข้าใจของผมนะคร<wbr>ับ
    ผิดถูกอย่างไร ใช้วิจารณญาณนะครับ



    เวลาเราป่วย จิตของเราจะไปเกาะกุมอยู่กับเวท<wbr>นา
    คือพูดง่ายๆ มันจะไปโฟกัส หรือจดจ่ออยู่กับความป่วย
    มันเป็นของมันเอง ตามธรรมชาติ ไม่ได้ตั้งใจ
    เราก็รู้สึกว่าป่วย แล้วยิ่งโฟกัสมาก จะรู้สึกว่าป่วยมาก

    ในทางตรงกันข้าม ถ้าไม่ไปโฟกัสที่ป่วย เวทนามันจะค่อยๆ คลายออกเอง


    วิธีของหลวงปู่ คือการทำจิตให้กว้าง เบา
    การที่จิตไม่ไปจดจ่อที่เวทนา มันจะค่อยๆ เบา ค่อยๆ คลายไปเอง

    หลักของสมาธิของหลวงปู่เจือ มี 4 ประการ
    1. นิ่ง
    2 เบา
    3 กว้าง
    4 มีสติสัมปชัญญะตั้งอยู่ที่กาย ที่จิต



    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    เริ่มต้นท่านจะให้ทำจิตปกติ ..
    ทำกายเบาๆ หลวมๆ
    แล้วให้นึกถึงท้องฟ้าข้างบน นึกอย่างธรรมดาๆ
    นึกเบาๆ เหมือนไม่ได้นึก
    ท้องฟ้าที่นึกได้ แค่มีลักษณะกว้าง
    จะมีรูปร่าง หรือสีสรรอย่างไรก็ได้ แล้วแต่จะนึกได้


    ท่านบอกว่า สมาธิแปลว่าตั้ง ให้ใจตั้งอยู่กับการนึกท้องฟ้า
    แต่ไม่ต้องให้ชัด ไม่ต้องนึกให้มั่น ...แค่ตั้งใว้ เหมือนทำเล่นๆ
    ทำได้ทั้งลืมตา และหลับตา ได้ทุกเวลา ทุกสถานที่

    เมื่อนึกถึงท้องฟ้าที่กว้างใหญ่<wbr> จิตก็จะค่อยๆ กว้างขึ้นๆ
    แล้วมันก็จะไม่โฟกัสกับอะไร ไม่ไปจดจ่อกับเวทนาเอง
    แล้วเวทนาจะค่อยๆ เบาขึ้นครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2012
  5. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747
    สมาธิ เพื่อการรักษาโรคของผม 2

    กราบหลวงปู่เจือ สุภโร
    ขอทบทวนตามตอนที่ 1 นะครับ

    เริ่มต้นท่านจะให้ทำจิตปกติ ..
    ทำกายเบาๆ หลวมๆ
    แล้วให้นึกถึงท้องฟ้าข้างบน นึกอย่างธรรมดาๆ
    นึกเบาๆ เหมือนไม่ได้นึก
    ท้องฟ้าที่นึกได้ แค่มีลักษณะกว้าง
    จะมีรูปร่าง หรือสีสรรอย่างไรก็ได้ แล้วแต่จะนึกได้

    ทีนี้ องค์ประกอบสมาธิ 4 อย่าง คือ

    นิ่ง / เบา / กว้าง / มีสติสัมปชัญญะที่กายที่จิต


    การนึกถึงท้องฟ้าแล้ว ยังขาดเรื่องมีสติสัมปชัญญะที่ก<wbr>ายที่จิต
    หลวงปู่ให้ หายใจ โดยช่วยปอดหายใจ
    อย่าให้ปอดทำหน้าที่เอง หายใจให้ท้องกระเพื่อม
    ** แต่ไม่ต้องเอาใจมาเหลียวดูลม **
    ยังคงนึกถึงท้องฟ้าอยู่อย่างนั้<wbr>น
    จะทำให้เกิดสติสัมปชัญญะที่กายไ<wbr>ด้เองเบาๆ


    ไม่เก็ก ไม่เกร็ง ไม่เพ่ง ไม่จ้อง
    สมาธิด้วยจิตใจปกติ เบา

    นึกถึงท้องฟ้าให้เบาที่สุด
    ....ทำเหมือนไม่ได้ทำ...

    หากเรานึกต้องการจะให้มันชัด
    ความอยากจะขึ้นทันที
    จิตใจก็จะหนัก แคบ ไม่กว้าง บางทีท้องฟ้าก็จะหายไป
    สมาธิที่ไปเพ่งจ้อง หรืออยากให้เป็นอย่างนั้น อย่างนี้
    ไม่นานก็จะเครียด....


    นึกเท่าที่จะนึกได้ เหมือนเรานึกถึงบ้าน นึกถึงพ่อแม่พี่น้อง
    ไม่ต้องสงสัยว่า ท้องฟ้าจะรูปร่างเป็นยังไง
    นึกตามสัญญา คือความจำของเรา
    แต่ให้หายใจอยู่อย่างนั้น
    องค์ประกอบสมาธิจะครบทั้ง 4 เองครับ
    มีท้องฟ้า มีกาย มีลม
    เบา กว้าง จิตใจปกติ มีสติรู้สึกตัวได้


    ใหม่ๆ อาจนึกได้แว้บๆ ...แว้บไป แว้บมา
    หมั่นขยันทำบ่อยๆ มันจะพัฒนาตัวมันเอง
    ถ้ามีเวลาก็นั่งหลวมๆ หลับตานึกบ้าง
    ก็จะช่วยให้สมาธิตั้งได้ดีขึ้น
    แต่อย่าตั้งใจให้มากนะครับ
    ความอยากจะแทรก อย่างที่บอก


    ...ขยัน... แต่ทำเล่นๆ ทำเหมือนไม่ได้ทำ...
     
  6. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747
    สมาธิ เพื่อการรักษาโรคของผม 3

    กราบหลวงปู่เจือ สุภโร
    ผมขอกล่าวถึงผลของการฝึกในเบื้องต้น
    ในช่วงประมาณ 1 เดือน แรก ของการปฏิบัติแบบ ...
    ทำเล่นๆ แต่ทำบ่อยๆ ทำเป็นนิสัย


    * * * * * * * * * * * * * * * *

    อาทิตย์แรก การนึกถึงท้องฟ้า จะเห็นแว้บๆ
    คือ เห็นบ้าง ไม่เห็นบ้าง
    เป็นสีต่างๆ บ้าง ไม่เห็นสีบ้าง
    เห็นก็ชั่วแป้บเดียว แล้วก็หายไป แล้วก็กลับมาเห็นใหม่
    ส่วนลมหายใจ รู้สึกได้ต่อเนื่องดี


    แต่บางทีก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจ (แบบไม่ได้เหลียวดู) อย่างเดียว ไม่เห็นท้องฟ้า...
    หรือบางทีเห็นท้องฟ้า ...แต่ไม่รู้ลมหายใจ
    แต่สิ่งที่ได้รับอย่างแรกเลยคือ...กว้าง
    รู้สึกได้ว่า จิตใจกว้าง ตามความกว้างของท้องฟ้าที่นึกได้


    เมื่อกว้างแล้ว สิ่งที่ตามมาในอาทิตย์ที่ 2-3
    คือ เริ่มรู้สึกได้ถึง...ความเบา จิตใจเริ่มเบา
    มีผลทำให้กายเบาด้วย ความเบาเกิดควบคู่กับความ นิ่ง
    นิ่งเกิดจากนึกถึงท้องฟ้าที่ นึกได้ต่อเนื่องนานขึ้น
    ไม่เป็นแบบ แว้บไปแว้บมา แบบอาทิตย์แรก


    นึกถึงท้องฟ้าได้กว้าง นิ่งอยู่ นานขึ้น
    แต่ก็ไม่ได้ต่อเนื่องเป็นชม.ๆ นิ่งได้สัก 5-10 นาที
    แต่ผมจะทำบ่อยๆ นาทีนึงก็เอา ไม่กี่วินาทีก็ยังทำ
    เพราะทำได้ตลอดเวลา ไม่จำกัดสถานที่และเวลาครับ

    ทำตลอดทั้งวัน เท่าที่จะนึกได้....
    ...นึกเบาๆ เบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้


    -----------------------------------------------------
    หลวงปู่บอกว่า สมาธิเป็นของเบา
    ถ้าฝึกแล้วหนัก แสดงว่าเป็นมิจฉาสมาธิ

    -----------------------------------------------------


    ผลของความเบา ค่อยมากขึ้น จิตเบา กายเบา
    มีผลทำให้เวทนาจากโรคภัยไข้เจ็บ เบาขึ้นด้วย

    จริงๆ เวทนานี้ เบาขึ้นตั้งแต่เริ่มทำแล้วครับ
    น่าอัศจรรย์จริงๆ จิตใจเบา เวทนาก็พลอยเบาไปด้วย

    เป็นความจริงว่า โรคภัย เริ่มมดีขึ้นตั้งแต่เริ่มทำเลยครับ
    เพราะความรู้สึกเป็นโรค เบาลง คลายตัวออก
    เมื่อฝึกได้ครบเดือน ทุกครั้งเมื่อนึกถึงท้องฟ้า
    โรคที่เป็น เริ่มคลายตัวขึ้นเรื่อยๆ อย่างชัดเจนครับ


    ทีนี้วิกฤติเป็นโอกาสแล้ว
    เวลาป่วยมาก ป่วยนาน ก็เป็นเวลาที่ฝึกสมาธิมากขึ้น
    เดือนเดียว โรคผมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ

    มาถึงอาทิตย์ที่ 4 ท้องฟ้ากลายเป็นสีขาวเอง โดยที่ไม่ได้ตั้งใจจะไปนึกให้เป็นสีขาวครับ แล้วก็ยังรู้สึกถึงกายและลมหายใจได้ควบคู่กันไป


    * * * * * * * * * * * * * * * *

    ลองฟังคลิ๊ปหลวงปู่ ประกอบนะครับ
    ส่วนที่ผมเล่า คือ การฝึกในตอนที่ 1


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=ilHeq7vLVgA"]หลวงปู่เจือ สุภโร สอนอานาปานสติ 01 - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2012
  7. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747
    [FONT=&quot]สมาธิ เพื่อการรักษาโรคของผม [/FONT][FONT=&quot]4[/FONT]

    [FONT=&quot]ขอกล่าวถึงปัญหาที่เพื่อนๆ จะบอกว่ายาก หรือฝึกไม่ได้ครับ[/FONT]


    [FONT=&quot] 1) นึกแรงเกินไป อันนี้ปัญหาสำคัญเลยครับ[/FONT]
    [FONT=&quot]การนึกเบาๆ นึกเหมือนไม่ได้นึกนี้ หมายถึง นึกตามอัตภาพของเราจริงๆ[/FONT]
    [FONT=&quot]ท้องฟ้านี้ บางทีก็นึกได้แค่ว่ามันอยู่เบื้องบน[/FONT]
    [FONT=&quot]บางทีก็นึกได้แคบๆ ไม่กว้าง[/FONT]
    [FONT=&quot]บางทีก็นึกได้แค่ลางๆ ไม่ได้เห็นภาพอะไร[/FONT]
    [FONT=&quot]บางทีก็นึกได้เป็นสีต่างๆ กันไป บางทีก็ไม่มีสี ฯลฯ[/FONT]

    [FONT=&quot]ถ้าเราพยายามนึกๆๆ มากๆ พยายามนึกให้เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ[/FONT]
    [FONT=&quot]...มันจะเป็นการนึกที่แรงเกินไป...ไม่ได้นึกเบาๆ[/FONT]

    [FONT=&quot]ผลของมันทำให้ นึกไม่ออกบ้าง[/FONT]
    [FONT=&quot]ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้บ้าง [/FONT]
    [FONT=&quot]นึกแล้ว มารู้สึกลมหายใจควบคู่กันไปไม่ได้บ้าง[/FONT]
    [FONT=&quot]ไม่รู้สึกถึงกาย ไม่รู้สึกถึงลมหายใจ นึกได้แต่ท้องฟ้า[/FONT]
    [FONT=&quot]ทั้งหมดนี้คือการ [/FONT][FONT=&quot]นึกแรงเกินไป[/FONT]


    [FONT=&quot]วิธีแก้ก็คือนึกเบาๆ เบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้[/FONT]
    [FONT=&quot]อาจจะนึกกายให้เบาๆ ก่อน แล้วนึกถึงท้องฟ้า[/FONT]
    [FONT=&quot]* การนึกให้กายเบาๆ หลวมๆ นี่ ก็เป็นเคล็ดลับสำคัญนะครับ *[/FONT]

    [FONT=&quot]นึกได้แค่ไหนก็แค่นั้น ไม่ต้องตั้งใจให้เป็นอะไร[/FONT]
    [FONT=&quot]แล้วค่อยหายใจ...ให้รู้สึกตัว มีสติสัมปชัญญะที่กายที่จิต[/FONT]
    [FONT=&quot]การมีสติรู้ว่าหายใจอยู่ (ไม่ได้เพ่งลม) จะทำให้มีสติรู้อยู่ที่กาย อย่าลืม เบาๆ ...นึกให้ กายเบาๆ ครับ[/FONT]

    [FONT=&quot]ถ้านึกได้เบาจริงๆ พอชำนาญบ้างแล้ว จะนึกได้ทุกสถานกาล[/FONT]
    [FONT=&quot]ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว จะทำอะไร จะพูดจะคุย นึกคิดอะไร ก็ยังนึกอยู่ได้ นึกแบบนิดๆ เบาๆ ลางๆ[/FONT]
    [FONT=&quot]แม้ขณะพิมพ์คอมฯ อยู่ หรืออ่านอยู่ นี้ก็สามารถนึกควบคู่ไปได้
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ทุกเวลา ทุกสถานการณ์จริงๆ ครับ ...ถ้านึกได้เบาจริงๆ[/FONT]


    [FONT=&quot]* * * * * * * * * * * * * [/FONT][FONT=&quot]* * * * * * * * * *[/FONT] [FONT=&quot]* * * * * * * *[/FONT]

    [FONT=&quot]ปัญหาที่ [/FONT][FONT=&quot]2 คือ สงสัย[/FONT]
    [FONT=&quot]สงสัยว่าเอ้ ท้องฟ้าเป็นยังไง [/FONT][FONT=&quot]/ นึกแล้วจะได้อะไร / เบาแบบไหน [/FONT][FONT=&quot]/ กว้างยังไง / จะเป็นสีขาวได้ยังไง ฯลฯ[/FONT]
    [FONT=&quot]....ข้อสงสัยเยอะไปหมด[/FONT]

    [FONT=&quot]ลงมือนึกเลยครับ ต้องลองดูถึงจะทราบผลเอง[/FONT]
    [FONT=&quot]อย่ามัวเสียเวลาสงสัย นึกมันไปอย่างนั้นแหละครับ [/FONT]
    [FONT=&quot]ท้องฟ้าในความรู้สึกของเราจะเป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น[/FONT]
    [FONT=&quot]ไม่ต้องสงสัย จะเสียเวลาฝึกเสียเปล่าๆ นะครับ[/FONT]



    [FONT=&quot]* * * * * * * * * * * * * [/FONT][FONT=&quot]* * * * * * * * * *[/FONT] [FONT=&quot]* * * * * * * *[/FONT]

    [FONT=&quot]ถ้ายังรู้สึกว่ายากอยู่ อาจเพราะ[/FONT]

    [FONT=&quot]1 ไม่ตรงจริต ฝึกมาหลายวันแล้วไม่กระเตื้องเลย...ก็เลิกนะครับ..หาวิธีอื่น เช่น รู้สึกตัว[/FONT]

    [FONT=&quot]2 เพราะว่าอยากจะให้ได้เร็วๆ นี่ก็ต้องทำเล่นๆ นะครับ เลิกหวังผล[/FONT]

    [FONT=&quot]สมาธิเป็นของเบา ถ้าฝึกแล้วหนัก แสดงว่า ความอยากเข้าครอบงำแล้วครับ[/FONT]
     
  8. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747
    สมาธิ เพื่อการรักษาโรคของผม 5

    ผมพยายามรวบรวมเทคนิคที่ได้ฟังจ<wbr>ากหลวงปู่เจือ
    และตามประสบการณ์ของตัวเองมาเล่<wbr>าสู่กันฟัง
    เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ปฏิบั<wbr>ติที่ยังติดขัดอยู่นะครับ


    เทคนิคที่ 1 ก่อนอื่นนึกให้กายเบาๆ
    ก่อนจะนึกถึงท้องฟ้า ให้นึกให้กายเบาๆ หลวมๆ ไว้ก่อน
    เบาเท่าที่จะเบาได้ หลวมเท่าที่จะหลวมได้
    การนึกถึงท้องฟ้าที่กว้าง จะง่ายขึ้น และเบาขึ้น

    * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    เทคนิคที่ 2 นึกท้องฟ้าแบบค่อยขยาย หรือ ค่อยๆ ต่อกัน
    ถ้านึกถึงท้องฟ้ากว้างขวางโดยรอ<wbr>บตัวไม่ได้
    ก็ให้นึกท้องฟ้าแคบๆ อยู่บนศีรษะเราก่อน...นึกเท่าที<wbr>่จะนึกได้
    พอนึกได้ซักพักนึงแล้ว ค่อยๆ ขยายไปด้านหน้า
    พอขยายได้ซักพักแล้ว ก็นึกขยายไปทางซ้าย ทางขวา ข้างหลัง
    จะนึกแบบค่อยๆ ขยาย ....หรือนึกแยกได้เป็นส่วนๆ
    เช่นนึกได้เฉพาะข้างหน้า แล้วไปนึกได้เฉพาะข้างหลัง
    แล้วเอามาต่อกันให้เกืดท้องฟ้าโ<wbr>ดยรอบตัวทีหลังก็ได้

    แต่ถ้านึกแล้วรู้สึกหนัก... หรือเริ่มลืมรู้สึกที่กาย ลืมรู้สึกที่ลม
    ให้หยุดแค่นั้น นึกเท่าที่จะนึกได้ หยุดไว้แค่นั้น อย่าให้หลงลืมกาย
    แต่ต้องมีสติสัมปชัญญะที่กาย ที่จิต

    * * * * * * * * * * * * * * * * * *


    เทคนิคที่ 3 ถ้านึกถึงท้องฟ้าไม่ออก ให้รู้สึกที่กายก่อน
    หายใจเข้าออกให้สบาย เบาๆ หลวมๆ รู้สึกตัว ....รู้กายทั่ว
    รู้ซักพักหนึ่ง แล้วค่อยนึกถึงท้องฟ้า จะนึกได้ง่ายขึ้น
    ถ้ายังนึกไม่ออก ก็แค่มีสติที่กายอย่างเดียว
    ก็เพียงพอจะเป็นพื้นฐานให้นึกถึ<wbr>งท้องฟ้าได้ ในอนาคตครับ

    * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    เทคนิคที่ 4 ทำถี่ๆ บ่อยๆ
    ถ้านึกถึงท้องฟ้าต่อเนื่องกันได<wbr>้ไม่นาน ก็ให้นึกบ่อยๆ
    ให้นึกถี่ๆ ครั้งละไม่กี่วินาทีก็ได้ ....ขอให้ขยันนึกเข้าไว้
    ลืม หรือหาย ก็มานึกใหม่ บ่อยๆ ครับ

    * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    เทคนิคที่ 5 พัก แล้วเริ่มต้นใหม่
    ถ้าทำแล้ว รู้สึกว่ายาก หรือหนัก พยายามเท่าไหร่ยิ่งหนัก
    ให้พักก่อน ...ความพยายามมากเกินไปแล้ว
    พักให้สบายก่อน เลิกทำไปก่อน
    พอสบายใจแล้วค่อยกลับมาทำใหม่

    * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    ขอให้ทราบไว้ว่า การพยายามตั้งใจทำ ไม่ใช่ผลดี
    การทำเล่นๆ แต่หมั่นขยันทำ กลับได้ผลดีกว่า
    ทำไปอย่างงั้นๆ เล่นๆ เบาๆ ทำเหมือนไม่ได้ทำอะไร
    ลืมก็ช่าง นึกไม่ได้ก็ช่าง แต่ขยันทำ
    ** มันจะก้าวหน้าของมันเอง **
    เป็นเรื่องแปลก ที่ทำเหมือนไม่ตั้งใจ ความก้าวหน้ากลับเกิดขึ้นเอง



    ถ้ารู้สึกว่าวันนี้ตั้งใจมากไปแ<wbr>ล้ว เริ่มไม่เบาแล้ว ให้หยุดเลย
    มีสติที่กายอย่างเดียวก็เพียงพอ<wbr>แล้ว
    การทำแบบตั้งใจ ...แบบหวังผล ก็จะเป็นการย่ำเท้าอยู่กับที่
    บางวันที่ได้อารมณ์ดีๆ เราอาจโหมทำ เร่งความเพียรใหญ่
    เป็นเรื่องดี ถ้าทำเบาๆ เล่นๆ ได้ตลอด
    แต่ถ้าไม่ทำเล่นๆ มันจะเริ่มหนัก และสะสมความเครียดได้
    เพราะกิเลสคือความอยาก และมานะ เข้าครอบงำ
    การฝึกจะไม่ก้าวหน้า บางทีกลับทำให้แย่ลงด้วยครับ
     
  9. tana05

    tana05 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +98
    อนุโมทนา สาธุครับ
    คุณกล้วยผม เต๊งครับ
    แน่ะนำได้ดีน่ะ
    แต่ต้องบอกกล่าวครูบาอาจารย์ด้วยจะดีมาก
    ในคลิ๊ป ที่ติดมาดีมากครับ ผมฝึกมากๆก็ยังไม่ก้าวหน้า
    เทคนิคที่ให้เป็นตัวอย่างที่ดีน่ะ

    "ข้อปฏิบัติ อานาปนสติกรรมฐานหลวงปู่เจือ สุภโร"
    เป็น ของใหญ่ ของหนัก
    มีทั้งหมด 8 ขั้นตอน
    ตอนต้นขั้นที่1ที่คุณกล่าวสำคัญที่สุด
    ขอประทานอนุญาต จากครูบาอาจารย์
    นำพระธรรมคำสอนขององค์หลวงปู่
    รวมปฏิจจสมุทปบาท ภาคปฏิบัติขององค์หลวงปู่ครับ
    ผมฟังมามากกว่า 30 รอบแล้วครับ
    ตัวผมเองสอนใครไม่ได้
    เพราะผมก็ยังทำไม่ได้(ปฏิบัติ)
    ขออภัยครับที่มาPost อย่างนี้
    แต่บอกกล่าวออกจากใจจริงครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747
    ขอบคุณครับพี่เต๊ง...
    ได้คุยกับท่าน และกับลูกศิษย์ท่านแล้วเหมือนกันครับ

    หลวงปู่เจือ สุภโร ปัจจุบัน อายุ 95 ปี ศิษย์ของ ท่านพ่อลี
    ปัจจุบัน ท่านพำนักอยู่ที่ จ. ปทุมธานี ยังแข็งแรง หูและสายตาท่านดีมาก

    ท่านมีวิธีสอนสมาธิง่ายๆ สามารถฝึกได้ทุกเวลา ทุกสถานที่
    มี facebook เป็น fan page คำสอนของท่าน ที่นี่ครับ

    http://www.facebook.com/pages/<wbr>%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%<wbr>B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%<wbr>88%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B7%<wbr>E0%B8%AD-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0<wbr>%B8%A0%E0%B9%82%E0%B8%A3/<wbr>113867255427008



    ผู้ใดสนใจเรียนอานาปานสติและกสินท้องฟ้า ตามที่ผมมาโพส สามารถเข้าพบท่านได้ ตามแผนที่นี้ครับ
    (สอบถามเส้นทางหลังไมค์ได้เลยนะครับ ยินดีครับ)

    ---------------------------------------------------------------------
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • map_ok.jpg
      map_ok.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93.3 KB
      เปิดดู:
      74
  11. tastiny

    tastiny Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +59
    K tana05 ครับไม่ทราบว่า หาโหลดคำสอนหลวงปู่ได้ที่ไหนครับ

     
  12. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747
    ผมโพสให้ก่อนเลย อีก 3 ตอนนะครับ จบครบถ้วนเลย

    -------------------------------------------------------------------

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=jgwhs1OJ7yk]หลวงปู่เจือ สุภโร สอนอานาปานสติ 02 - YouTube[/ame]
     
  13. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747
    ตอนที่ 3 ครับ

    -------------------------------------------------------------------

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=y86C0QTw68s]หลวงปู่เจือ สุภโร สอนอานาปานสติ 03 - YouTube[/ame]
     
  14. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747
    ตอนจบครับ

    -------------------------------------------------------------------

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=-cVGVeD0eFg]หลวงปู่เจือ สุภโร สอนอานาปานสติ 04 - YouTube[/ame]
     
  15. tana05

    tana05 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +98
    K tana05 ครับไม่ทราบว่า หาโหลดคำสอนหลวงปู่ได้ที่ไหนครับ

    อนุโมทนา บุญบารมีคุณ Testiny
    File เสียงพระธรรมเทศนาท่านภาค
    "ข้อปฏิบัติ อานาปนสติกรรมฐานหลวงปู่เจือ สุภโร"
    เป็น File MP3 ขนาด 108 MB
    Upload ไม่ได้ครับ ทางเว็ปพลังจิต ให้แค่ 9.8 MB

    คุณ Testiny ฟังจาก คลิ๊ป ของ
    คุณGluayNewman
    ได้บางส่วนท่อนของปฏิจจสมุทปบาท ภาคปฏิบัติ(ขององค์หลวงปู่)
    ก็แก้ข้อสงสัยได้บ้างครับ
    รบกวนคุณกล้วย
    แบ่งเสียงตอนหลังอีกประมาณ 20 นาที

    ผมทำไม่เป็น เพื่อเป็นธรรมทาน และเทศนามัยทาน
    เพื่อความสมบุรณ์
    แต่สำหรับผม การเจริญ อุบายของ
    อุคคหนิมิตสมาธิ(ท้องฟ้า)จากขณิกสมาธิ ไปส่งเป็น
    อุปจารสมาธิ จนเป็น "ปฏิภาคนิมิต"
    อุปจารสมาธิ ก็จะกลายเป็นปฐมฌาณเมื่อเห็นท้องฟ้าเนืองๆ ฯลฯ
    ที่หลวงปู่สอนสำคัญที่สุดครับ(ความเห็นส่วนตัว)
    ทำให้มากเจริญให้มาก
    จนเป็นชาคริยะ(การตื่นอย่างมีสมาธิทั่วพร้อม)
    และอิทธิบาท(ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา)
    สามารถทำใหคุณพ้นทุกข์
    จากวิปัสสนาญาณแท้ๆ ตัด"อวิชชา"
    ได้สิ้น ตามแนวทางและวิธีปฏิบัติ ขององค์
    "หลวงปู่เจือ สุภโร"

    เจริญในธรรมครับ

    นัตถิ สันติ ปะรัง สุขขัง(พระพุทธวจน)
    ความสุขอื่นใดๆ สุขไม่เท่า"ความสงบ"

    อนุโมทนา สาธุ จากใจจริงครับ
     
  16. tastiny

    tastiny Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +59
    ขอบคุณ คุณกล้วยและคุณเต๊งมากครับ
    แล้วผมจะลองหาวิธี แปลงไฟล์ในคลิปเป็นไฟล์เสียงดูครับ
     
  17. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747
    ระวังความ ก้ า ว ห น้ า (1)

    เมื่อเราปฏิบัติ(ถูกวิธี) ... แน่นอน ความก้าวหน้าย่อมเกิด
    เช่น มีสติบ่อยขึ้น, มีสตินานขึ้น, มีสติแล้วความคิดดับลงได้
    -- จากเคยรู้สึกตัวได้แค่เป็นวินาที ก็เป็นนาที เป็นหลายนาที
    -- จากเคยรู้สึกตัวได้ นานๆ ครั้ง ก็รู้สึกตัวได้ถี่ขึ้นๆ
    -- รู้สึกปุ๊ป คามคิดดับปั๊ป จิตใจสงบ ปกติ สบาย แบบนั้นก็มี
    -- หรือ เห็นสภาวะต่างๆ เช่น การเห็นความทุกข์ก่อตัวในจิต
    -- เห็นความรู้สึกว่าเป็นคนละสิ่งกับกาย ฯลฯ


    เมื่อความก้าวหน้าบังเกิดขึ้น สิ่งที่เกิดควบคู่คือ...
    ...ความยินดี... พูดง่ายๆ ว่า ดีใจ ที่ก้าวหน้า
    ....ดีใจที่ " ทำ ไ ด้ " ....

    ความยินดีนี่สำคัญนะครับ เรื่องใหญ่ทีเดียว
    ถ้าไม่รู้เท่าทันมัน รับรองเสร็จ
    เพราะมันจะปรุงแต่งต่อ ไม่หยุด จนกระทั่งเกิดความยึดมั่น
    ยึดมั่นในสิ่งที่ตนได้รับ ยึดมั่นในความก้าวหน้านั้นๆ


    แต่มันห้ามไม่ได้หรอกครับ ถ้าเรารู้สึกว่าก้าวหน้า หรือได้อะไร
    ส่วนมากจะอดยินดีไม่ได้...เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว
    เหมือนเราเห่อ เวลาได้อะไรใหม่ๆ ...
    ฉะนั้น ไม่ต้องไปห้ามมันนะครับ ไม่ต้องฝืนธรรมชาติ
    แต่ขอให้รู้จักมันเท่านั้น....


    แน่ะๆ... มันยินดีแล้ว.... กลับมารู้สึกตัว
    มันจะยินดีต่อ ความรู้สึกไม่ดับ ก็ไม่เป็นไร
    ให้ระวังมันจะคิดปรุงแต่งต่อ


    ถ้าไม่รู้สึกตัว ไม่เท่าทันมัน
    มันจะคิดครับ คิดแบบยินดีกับตัวเอง คิดเข้าข้างตัวเอง
    ก้าวหน้าอย่างโน้น อย่างนี้...ทำได้แล้ว
    เอาาเทียบตำราบ้าง เทียบกับคำครูบาอาจารย์บ้าง
    มันคิดปรุงแต่งว่าได้ นั่นแหละครับ ยึดแล้ว


    ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดแน่ๆ เมื่อมีความยินดี
    ไม่ใช่เรื่องผิด... เรารู้สึกยินดีได้ เทียบตำรา เทียบคำครูได้..
    แต่ต้องรู้เท่าทันมัน...แล้วรีบกลับมารู้สึกตัว
    มันจะคิดปรุงแต่งต่อไม่ยาวครับ


    ...รู้แล้วทิ้งนะครับ...
    ...หมายถึง แค่รู้สึกตัว มันค่อยๆ วางยินดีไปเอง
    อย่าไปฝืน อย่าไปห้ามยินดี มันก็เป็นการปรุงแต่งอีก
    ...ทิ้งโดยไม่ทิ้ง....

    ถ้าไม่รู้เท่าทัน ไม่วาง ปรุงแต่งไป ก็จะติดอยู่ตรงนั้น
    ความก้าวหน้าจริงๆ ก็จะหยุด ...หลงติดอยู่ตรงนั้นครับ

    จะมาเล่าต่อนะครับ เจ้าความยินดีนี่มันร้ายมาก
     
  18. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747

    ระวังความก้าวหน้า (2)


    ความยินดี เมื่อเรารู้สึกว่าปฏิบัติได้ก้าวหน้า เป็นสิ่งที่ละเอียด
    ถ้าปฏิบัติได้ตรง ย่อมเกิดความก้าวหน้า
    เช่น โกรธน้อยลง ( ความโกรธมักเป็นเครื่องชี้วัดตัวแรก), ความทุกข์น้อยลง
    เราก็รู้สึกว่า ปฏิบัติได้ก้าวหน้า


    เมื่อใดที่คิด ตรึกตรึกตามสภาวะที่เกิดขึ้น เช่น มันดีนะ เราดีขึ้นนะ
    ถ้าเราไม่เท่าทันความคิดเช่นนี้ มันก็จะเริ่มขบวนการปรุงแต่งขึ้นอย่างเงียบๆ โดยที่เราอาจไม่รู้ตัวเลย
    นั่นเราก็ถูกความปรุงแต่งครอบงำเรียบร้อยแล้ว
    ความก้าวหน้าจริงๆ ก็จะชงักลง ...ความปรุงแต่งเข้ามาแทนที่



    บางคนจะงงว่า ทำไมปฏิบัติแล้ว โกรธน้อยลงอยู่ดีๆ กลับมาเป็นเหมือนเดิม หรือ เวลาผ่านไป ไม่ก้าวหน้าขึ้นเลย
    นั่นแหละครับ...ความยินดีในความก้าวหน้า พาเราชะงัก

    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    ความยินดีในความก้าวหน้าในธรรมนี้สำคัญมากนะครับ
    มันสามารถปรุงแต่งสภาวะธรรมต่อไปได้อีก
    ขึ้นชื่อว่าปรุงแต่งแล้ว มันสามารถทั้งปรุง ทั้งแต่งอะไรๆ ได้เกินคาด
    บางทีปฏิบัติแล้วเห็นอารมณ์ดับ แล้วเกิดยินดี ....เริ่มคิดว่าก้าวหน้าแล้ว ทำได้แล้ว แล้วลืมตัว ไม่รู้สึกตัว
    ติดตามการเห็นอารมณ์เกิดดับอันนั้นไปเรื่อยๆ ...เข้าใจว่ามันดี

    ผลปรากฏว่า ย่ำอยู่กับการเห็นความเกิดดับอยู่อย่างนั้น ...ย่ำอยู่กับที่
    บางคนเป็นปีๆ หรือหลายปี ...ชีวตไม่ได้มีอะไรดีขึ้นจริงๆ เพราะติดอยู่กับภาวะธรรมอันนั้น

    ความคิดว่าเราก้าวหน้าแล้ว เป็นความคิดชนิดเข้าข้างตัวเอง
    แม้จะก้าวหน้าจริงๆ ความคิดนี้ก็ต้องทิ้งไปครับ

    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    วิธีป้องกันและแก้ไข คือ ... ก ลั บ ม า รู้ สึ ก ตั ว
    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กลับมารู้สึกตัวครับ

    เห็นความโกรธดับ ...กลับมารู้สึกตัว
    จะเกิดสภาวะธรรมใดๆ ...กลับมารู้สึกตัว
    จะยินดีในความก้าวหน้า ...กลับมารู้สึกตัว
    รู้สึกว่าเก่ง ...กลับมารู้สึกตัว
    จะตรึ ตรึก นึกคิดเรื่องความก้าวหน้า ...กลับมารู้สึกตัว



    รู้สึกตัวแล้วจะเกิดการ " รู้ แ ล้ ว ทิ้ ง " หรือ... " รู้ แ ล้ ว ผ่ า น "
    จิตจะวางความรู้ หรือความยินดีนั้นไปเอง จากการแค่ รู้สึกตัว
    เป็นเคล็ดลับง่ายๆ ...เป็นกลไกธรรมชาติเองเลย
    แต่เรามักมองข้ามุดนี้... ด้วยความเผลอ
    เพราะความยินดีในสภาวะที่ก้าวหน้า เป็นของละเอียด
    เวลาเกิดสภาวะธรรม มันน่าชื่นชมตัวเองอย่างยิ่ง

    ฉะนั้น ระวังความก้าวหน้านะครับ ...


    ความก้าวหน้า มักจะพา ความยินดี
    เวลามี สภาวะ รู้สึกเจ๋ง
    รู้แล้วหลง เพราะคิดเข้า ข้างตัวเอง
    รีบทิ้งเก่ง ...รู้สึกตัวไว้ แก้ได้เอย
     
  19. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747
    <big><big>ขอเชิญเข้าร่วมปฏิบัติธรรมเชิงเสวนาในแนวทางหลวงพ่อเทียน

    </big></big>
    เพื่อนๆ พี่ น้องๆ ผู้ปฏิบัติในแนวทางหลวงพ่อเทียน หรือผู้ที่สนใจ

    ขอเชิญเข้าร่วมปฏิบัติธรรม ในเชิงเสวนา ในหัวข้อ ร่วมค้นหา มัชฌิมาแห่งตน
    ในวันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน 2555 เวลาบ่ายโมง

    ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ตามรายละเอียดนี้ครับ

    เข้าสู่ระบบ | Facebook


    ....ภาพบรรยากาศเสวนาครับ....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747


    ของเก่า

    เคยได้ยินหลายๆ คนบอกว่า คนนั้นปฏิบัติธรรมได้ดี
    เพราะเขามี "ของเก่า" มาแล้ว

    อันนั้นจะเป็นความจริง หรือจะทราบได้อย่างไรว่าเรามีขอ<wbr>งเก่าหรือเปล่า...
    ตามที่ผมศึกษามา ผมพอจะอนุมาน (คาดการณ์) ได้ว่า...
    * ผู้ใดได้ลงมือปฏิบัติธรรม นั้นคือเครื่องหมายว่า เขามีของเก่ามาแล้ว *


    ตรงนี้ ผู้ปฏิบัติธรรม ถือว่าเป็น สิ่งหาได้ยาก 4 ประการ คือ
    1 ได้เกิดเป็นมนุษย์... เป็นสิ่งหายากอย่างที่ 1
    2 ได้พบพุทธศาสนา... พุทธศาสนาจริงๆ พบได้ยากนะครับ
    3 ได้ฟังธรรม... ถ้าไม่สนใจจะพ้นทุกข์ คงไม่สนใจฟังธรรม
    4 ได้ปฏิบัติธรรม อันนี้...หาได้ยากจริงๆ ใช่ไม๊ครับ

    ไม่ต้องย้อนอดีตไปถึงชาติก่อนๆ ดูที่ชาตินี้ ก็พอจะอนุมานได้ว่า
    ...ยากแค่ไหนในแต่ละข้อนะครับ ...ลองไตร่ตรองดู

    ดังนั้นผู้ใดลงมือปฏิบัติธรรมแล<wbr>้ว...
    ผมเชื่อว่าเป็นผู้ที่มีของเก่าม<wbr>าแล้วทั้งนั้นครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...