กสิณอะไรฝึกง่ายสุดหนอ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย lovepyou, 8 กรกฎาคม 2014.

  1. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +248
    เห้ยแมงแอบดูของลับ เล่นไม่ซื่อ ไปแอบซ่อนห ำดีฝ่า
     
  2. ใม

    ใม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +7
    สวัสดีตอนเช้า เห็นไอ้ "นพพะห่วย มโนมันเป็นใครเอ่ย"มากดไม่เห็นด้วยแสดงว่ารับรู้ที่โพสต์ไว้ เมื่อคืนหลับสบาย ไม่ร้อนเลย เปิดแอร์ ใครจะมโนอะไรก็มโนไปมือร้อน ตูดอุ่น จักแร้เย็น แล้วก็กราบกันเข้าไป เอาตามสบาย เจอ ดรเจษมาทดสอบทางวิทย์จะหงายเงิบว่ามโนตามกันหรือทริค หรือจะเอาแรงๆ แบบฟักโกสมาลบหลลู่ดี ไปฟังเรียงความน้ำลายมันโดยไม่ ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ทีมงานน่าจะเอาไปไว้หลุมดำ ลบทิ้ง ไม่งั้นก็แบนพวกขยันมโนจะดี กราก
     
  3. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    .
    เขียน ๑๐.๑๕

    แหม..เพิ่งถูศาลาวัดเสร็จใหม่ๆ กะลังเหนื่อยเลย
    เปิดเวบมา เจอตลกมาเล่นให้ดูแต่เช้า ก็ดี คลายเงี่ยนได้ดี หึหึหึ

    แต่ตลกโรคจิตแก๊งค์นี้มีแค่สองตัวเองรึ นึกว่ามีอีกนะเนี่ย ๕๕๕
    แถมเลียไอ้เจษหางแดง หอกหักข้างแคร่ซะด้วย เผยหางรึป่าวหว่า หึหึหึ


    กระต่ายป่า ซ่าสุดสุด / กวนตีนไม่ใส่น้ำตาล

    .
     
  4. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    อ่านคอมเมนต์หลังๆของกระทู้นี้
    แล้วต้องภาวนา อุเบกขา... อุเบกขา
    อุเบกขา
     
  5. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๑๐.๓๕

    ก็แหม..ทำไงได้ ก็ข้างบนของมันสั่งมาหยั่งงี้อ่ะ
    ทำไงก็ได้ ให้มือโปรหลุดจากไลน์ของตัวเอง
    ยั่วให้เป๋ไปเป๋มา แล้วขัดขาให้สะดุดเป็นระยะล่ะมั้ง นะ

    มองโลกในแง่ดีดิ ตลกนะเนี่ย ขอบอก หึหึหึ

    แต่เอ...หรือจะเป็นแบบฝึก ให้อุเบกขากันแยะๆ ล่ะหว่า ๕๕๕


    กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     
  6. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    หรือว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งบททดสอบ
    หรือการสอบอารมณ์ในเรื่องของการละอัตตา
    ของคนบางกลุ่มที่อยากจะพิสูจน์ข้อสงสัย
     
  7. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ก็รู้ว่าเขาหลอกให้ฉุน .เลยต้องสับขา เฉยไง เอาจ่าเฉยมาวางไว้ ใครว่าอะไรปล่อยเขา เต้นคนเดียว ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก.เหนื่อยเปล่าค่ะ

    ปล.ไปแระ เดียวเขาว่าเฉย แล้วมาโพสทำอะไร
     
  8. [-VaLentine-]

    [-VaLentine-] กระผมสมาธิและกำลังจิตกากสุดในเวปนี้

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +486
    คนบางกลุ่มนี้ที่มาทดสอบนี้ ซุ่มเสี่ยงจะพากันลงนรกกันนานเลยนะครับ นับเป็นปีคงน้อยไป คงลงเป็นกัปล์ อุ๊ป !! ไปดีกว่าเดี๋ยวมีคนหาว่ามโนว่า นรกสวรรค์ไม่มีจริง ไหนลองพิสูจน์ให้เห็นเขาอีก บลา ๆๆๆ ไอ้เราก็คงทำบุญสะสมและปฏิบัติธรรมกันต่อไป ฟิ๊วไปละ 55555+

    ปล.ขอบคุณ คุณใม นะที่เสียสละลงนรกอะ ด่าคนปฏิบัติธรรม คนมีฌาน มี ญาน อะน่ากลัวๆๆนะเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน :cool::cool:
     
  9. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    กระทู้นี้ ร้อนแรง ยังกะไฟเออ เชียวค่ะ

    แสดงว่า กสิณไฟ น่าจะเป็นที่นิยม มากกว่า กสิณอื่นๆ ในหมู่ชน ละแวกนี้


    ต้อง ขอบคุณ คุณ นบ ที่อุตส่าห์ ตั้งใจพิมพ์ตอบ อย่างที่มีใจเมตตา ตามรายละเอียดประสบการณ์ ของท่านเองค่ะ

    และ เมื่อมีผู้ถาม แล้ว ผู้ที่ เมตตา กรุณา มาตอบ ไม่น่าจะนับว่าเสือกเรื่องชาวบ้านแต่ประการใดค่ะ

    เพราะหากโลกนี้ ไม่มีคนที่คอย เสือกเอ้ย คนที่ยอม เปลืองเนื้อตัว เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มาช่วยเหลือผู้อื่น โลกนี้คงไม่ใคร่น่าอยู่นักนะคะ

    ทั้งนี้ หาก มีผู้ไม่เห็นด้วย กับข้อชี้แนะ ต่างๆ ว่าไม่ถูกต้องตรงตามจริง ในข้อใดๆ
    ผู้ที่ ไม่เห็นด้วย ควร ที่จะมีใจ เมตตา เช่น พุทธศาสนิกชน ทั้งหลาย จะเอื้อเฟื้อว่า

    ความข้้อใด ที่ผิดไปจาก ความเป็นจริง

    หากผู้ที่ไม่เห็นด้วย ได้ ทดลองแล้วพบว่า มีความไม่จริงอยู่

    สมควรที่จะเปิดหูเปิดตา ให้ ไทยมุงได้เป็นที่ประจักษ์ เป็นบุญตา ให้หูอื้อตาลาย สักเล็กน้อย

    ว่า ผิดในข้อใด ไม่จริงใน เรื่องใดๆ บ้าง


    เพราะ การ ที่ ปรักปรำผู้อื่นว่า มั่ว ว่าห่วย สารพัดจะแจ๊ดๆ ฉอดๆ เพื่อเอาชนะ นั้น มันง่าย
    แล้วกล่าวตู่พระรัตนตรัย มาด่า ว่าร้ายท้าทายผู้อื่นให้ก่อกรรมต่อกันไป

    โดยที่ ตนเอง ก็ไม่เข้าใจ ไม่ได้บรรลุ รู้แจงแทงตลอด ใน พระธรรม ในมรรคผล และ

    ก็ไม่เข้าใจ คนที่ตัวเอง ไปด่านี้
    หรือ การ ไม่รู้ทั้งตัวเอง ไม่รู้ในผู้อื่น ถือว่า ไม่รู้กาละเทศะ

    อาจเป็นกรรมติดตัวท่านไปได้ นะคะ


    ชาวพุทธเรา ควรให้กำลังใจ ในการปฎิบัติดีปฏิบัติชอบดีกว่านะคะ

    การ เอาชนะกันด้วย วิธีการ ใครด่าเก่งกว่ากัน แล้วถือเป็นผู้ชนะเลิศ นั้น

    ป่านนี้ กะเทย ได้ครองโลกแล้ว ล่ะค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2015
  10. nite

    nite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +611
    ธรรมดาละครับ ยิ่งสูงยิ่งหนาว
     
  11. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,

    "คนอื่นเขาอาจจะเปิดกระทู้อ่านเจอความเพ้อเจ้อของพวกคุณ แล้วก็เลยผ่านไป"
    .......................
    คุณคะ แล้วทำไมคุณทำไม่ได้เหมือนคนอื่นเขาล่ะ ???
    กิเลสตัวไหน ผีห่าซานตานหรือสัตว์นรกตัวไหนมันสิงใจคุณให้ข้ามไปไม่ได้ล่ะ ไม่ชอบ รกหูรกตา ก็ให้มันผ่านๆไปไม่ได้ไง ? ใครจะอยากได้หูตาทิพย์ แล้วมันไปเกี่ยวไรกะคุณล่ะ หรือจะหวังดีกลัวใครๆเขาผิดทางหลงทางไปไหน งั้นก็ขอบใจนะ พวกเรามีสมองคิดเองได้ ปล่อยคนโง่ๆอย่างพวกเราไปเหอะ นะ นะๆๆๆๆ
    แค่นี้เข้าใจนะ ภาษาไทย ง่ายๆ คิดว่าอ่านออกนะ


     
  12. [-VaLentine-]

    [-VaLentine-] กระผมสมาธิและกำลังจิตกากสุดในเวปนี้

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +486

    อ้าวๆๆ คุณ อย่าลืมผมสิ ผมรอให้คุณแสดงฤทธิ์ทำให้มือร้อนเล่นๆ หน่อยแล้วนะ ให้เวลา 2 ชม. ผ่านมา 2 วันแล้ว มือยังไม่ร้อนเลย รอจนเยี๊ยวเหนียวแล้วเนี๊ย หรือทำไม่ได้ ???


    วางถุงกาวลงแล้วเลิกก๊อปแปะตำราได้แล้วครับ(ใครๆมันก็ทำหมดแหละ เซิดกูลกิ้ลแล้วก็อปแปะ แล้วด่าคนอื่นทั้งๆที่ตัวเองทำไม่ได้) ปฏิบัติให้ได้จริง ๆ ก่อนจะมาว่าคนอื่นครับ อย่าดีแต่ปาก กากแล้วไม่เจียม แล้วกาวอะเลิกดมสะนะมันไม่ดี ปากดีอย่างเดียว เก่งแต่หน้าจอ ปฏิบัติไม่ถึงไหน ด่าผมได้นะ ผมสายบู๊ครับ ชอบสู้กับมารศาสนาอย่างพวกคุณอยู่แล้ว อะฮู้ ๆ ๆ ๆ:cool: !!!
     
  13. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    .
    เขียน ๒๑.๑๕

    แหม...เห็นคำว่า มือร้อน หลายครั้งแล้ว ชักอยากเล่นบ้างแล้วสิ

    เรียนถามท่านนพนะครับ ว่าท่านทำยังไง เดี๋ยวเราจะลองทำมั่งอ่ะ
    แต่อาจจะใช้วิธีที่ต่างกันไปนะ เอ..หรือต่างไปแน่ๆ ล่ะหว่า

    เอาแบบคำไทยแท้ๆ สั้นๆ และได้ใจความนะครับ
    ให้ท่านแนะ โดยเอาตัวผมเป็นหลักเลยนะ
    ท่านพอทราบอยู่แล้ว ว่าผมแจ๋วด้านไหนบ้างอ่ะ ๕๕๕

    ขอบอก ความแจ๋วเจ๋งของเราไว้ซักนิดละกัน
    เผื่อลูกค้ารายใหม่ๆ จะยังไม่ทราบ ว่าเราโม้เก่งแค่ไหน หึหึหึ

    เอาเรื่องลมปราณนะ เราเรียกปราณมาอัดไว้ในมือ
    แล้วถ่ายให้คนอื่น ที่ระยะห่างซักสามสี่นิ้ว ตรงไหนก็ได้
    ทุกคนจะรู้สึก และรับรู้ถึงพลังงานได้ บางคนก็ร้อน บางคนก็เย็น
    แบบจี๊ดๆ ก็มี ซู่ซ่า หรือกระตุก แทรกซอนชอนไชไปตามร่างกายก็มี หลากหลายนะ เนอะ

    บางคนใส่ให้ที่ฝ่ามือ มันวิ่งไปตามมือ ตามแขน ผ่านลำตัว
    ขึ้นหัว หรือลงไปที่ขา แล้วแต่ในร่างเค้า ส่วนไหนจะต้องการปราณเหล่านี้อ่ะนะ

    โม้แค่นี้ก่อนละกัน ทีนี้ การจะทำให้ฝ่ามือใครร้อนๆ เอาแบบไม่ไกลกันก่อนดีกว่านะ
    ยืนห่างไม่กี่เมตรละกัน เราเดาเอาว่า ด้วยศักยภาพของเราตอนนี้น่ะนะ
    แค่จ้องมือเค้า แล้วนึกให้ร้อน แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วล่ะมั้ง นะ
    กับการทำให้ฝ่ามือของใครๆ รับรู้ได้ถึงความร้อนที่เพิ่มขึ้น

    ทีนี้ ช็อตต่อไปก็อาจจะเป็น ให้มือเย็น มือเปียก มือมีลมหมุนๆ
    หรือมือหนักๆ แน่นๆ เอาเป็นว่า เสกกสิณดินน้ำลมไฟ ใส่มือเค้าเลยอ่ะ
    เอากันแบบตรงๆ อย่างนี้เลยนะ เนอะ

    พอทำในระยะสายตาได้แล้ว ก็ลองให้พ้นจากสายตา ไปจนถึงหลายร้อยเมตร
    หรือไกลเป็นกิโล หรือหลายสิบโล ก็ไม่น่าจะมีความแตกต่างกันล่ะมั้ง นะ เนอะ

    เอ..เขียนไปเขียนมา นี่จะให้เค้าสอน หรือเราจะสอนใครกันหว่า ๕๕๕ มั่วเป็นเรื่องธรรมชาติ หึหึหึ
    เดี๋ยวจะรอลุ้นกึ๋นของท่านนพดูดิ ว่าจะแนะว่าอย่างไรบ้างอ่ะนะ เนอะ



    นักรบแห่งแสงสว่าง : การรู้เแจ้งในยุคพลังงานใหม่ - จิตวิวัฒน์ กระบวนการนิวเอจ นิเวศแนวลึก -
    ปล.ตะกี้เพิ่งไปอ่าน บางส่วนของพวกจิตจักรวาล ครายออน
    ของท่าน ปริญญา ตันสกุล ที่เคยตามอ่านเกือบครบทุกเล่ม แค่เกือบนะ
    และองค์ความรู้เก่า ที่เคยตามอ่านเมื่อสิบกว่าปีก่อน
    จากแก๊งค์ มังกรจักรวาล ของท่าน ดร.สุวินัย
    ที่แต่งหนังสือชุด มังกรจักรวาล หรือเปล่าน๊า ตามอ่านเกือบครบเหมือนกัน

    ได้ไอเดียเยอะแยะ ไว้ไปโม้ในนิทานของเราทั้งหลายอ่ะนะ
    อ่านไปก็มั่วไป ว่าเรานี่แหละ หนึ่งในผู้เปลี่ยนแปลงแผนการของจักรวาล ๕๕๕


    กระต่ายป่า บ้าไม่เลิก / กูเจ๋ง กูแจ๋ว กูแนวใหม่

    .

    ปล.อีกอัน ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่
    เขียนมาเขียนไป อะไรกันหว่า ๕๕๕
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    โอ้ยยยย แบบ กระต่ายป่า ทำตอนไหนก็ได้หรอก ๕๕
    เราเอาไว้สอนคนอื่นๆ หรือเอาไว้ทำให้คนอื่นๆเค้าทำแบบเราได้ดีกว่า...
    ดีกว่ามาพูดว่าเราทำโน้นทำนี่ได้ หรือเอาไว้แนะนำคนอื่นๆ
    ที่เค้ากำลังฝึกอยู่..มันจะมีประโยชน์กว่าเยอะ..
    มาทางปราณ มันสามารถเรียกพลังงานกสิณ
    ขึ้นมาได้อยู่แค่ใช้การโน้มระลึกหรือใช้ความรู้สึกก็ขึ้นมาได้..
    แต่ถ้าอยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ไว้ว่างๆ เบื่อๆ ไม่มีอะไรทำ
    ค่อยโทรมาคุยกันทำทางโทรศัพท์ก็ได้ ๕๕๕
    เด่วไล่ให้ดูทั้ง ๑๐ กองเพียงแต่ไม่ค่อยเน้นกสิณสีนะ..
    ยกเว้นถ้า ว่างจัด แล้วอยากไปฝึก วิชาเดินธาตุ
    สายสมเด็จพระสังราชมีชื่อ ในอดีต ก็จำเป็นจะต้อง
    เรียกให้ได้ทั้ง ๑๐ กองเพราะว่ามันเป็นพื้นฐาน
    ความจริงพอเข้าใจ แต่ว่ายังไม่มีใครถามว่า
    ทำไมสายสังฆราชต้องตั้งทั้ง ๑๐ กองเฉยๆ
    เลยไม่ได้เล่าให้ฟัง...

    ส่วนศักยภาพนั้น ยกความชำนาญให้ กระต่ายป่า เลย
    เพราะอยู่ในวงการมาเป็น ๑๐ ๆปีแล้วนิ..ไม่อิจฉาหรอก ๕๕
    ต่างกันที่ว่าตัวจริงใครจะเท่ห์กว่ากัน ๕๕๕
    แต่ส่วนตัวกสิณสีจะไม่ค่อยเน้น แต่ว่าก็จะทำให้ดูเหมือนกัน..
    เพราะว่ามันต้องอาศัยการสังเกตุพอสมควร..
    และเรื่องปราณ แบบที่ กระต่ายป่าชำนาญ
    มันก็เป็นพลังงานเหมือนกัน..เข้าใจเนาะ
    และจริงๆมันก็มีสหสัมพันธ์กันอย่างที่แยกกันแทบไม่ได้..
    ส่วนพลังงานจากกสิณที่ส่วนตัวพาคนอื่นๆทำก็เป็นพลังงานเช่นกัน...
    การถ่ายเทพลังงานเข้าและออกผ่านตัวนั้น...
    ก็เป็นพื้นฐานเบื้องต้นก่อน ที่กระต่ายป่า พูดไม่ได้โม้หรอก ๕๕๕

    ที่พาฝึกล่าสุดก็พาทำพร้อมกัน ๓ คนแต่ครั้งแรกมี ๔ คือตัวข้าพเจ้า
    ก็ต้องทำแบบที่ว่าเพราะมันต้องทำอยู่แล้วเพื่อ
    ให้มันผ่านเข้าและออกที่ตัวบุคคลนั้นๆ
    และให้เข้าออกที่ฝ่ามืออีก ๓ คนเช่นกัน..
    คนเพื่อให้จิตมีความคุ้นเคย พวกนี้ต่อไปค่อยพัฒนาส่ง
    แบบออนไลท์ อะไรก็ว่าไป ตามแต่วาระของแต่บุคคล...

    เพียงแต่ปกติ จะเรียกพลังงานกสิณให้ขึ้นมาบนมือทุกๆคนก่อน
    แล้วก็ค่อยๆไล่ไปทีละกอง โดยไม่ได้บอกว่าคือกสิณอะไร เพื่อป้องกันอุปทาน
    เหตุที่เรียกขึ้นมาบนมือก่อน ก็เพราะมันปลอดภัยดี...
    อย่างกสิณดิน มันจะไปเพิ่มธาตุของร่างกาย มันจะทำให้รู้สึกตึงได้
    และกสิณไฟมันจะร้อนแบบไม่ใช่พลังงานจักรวาลหรือพลังงานร้อนเย็นนะ..
    มันมีเอกลักษณ์อีกแบบ ที่ไม่สามารถเปิดเผยออกสื่อสาธารณะได้
    เท่านั้นเอง เพราะตรงนี้ยังไม่มีสัญญานอนุญาตจากข้างบนท่านให้เผยแผ่ได้...
    และพลังงานภายนอกก็พาเล่นเพราะจำเป็นจะต้องอาศัย
    อากาศธาตุในการเป็นเสมือนให้พลังงานกสิณกองต่างๆมันเดินทางได้..
    เพียงแต่พลังงานภายนอกนั้นมันจะได้แค่พลังงานร้อนและเย็น..
    มันจะไม่เหมือนพลังงานกสิณ ที่มันจะมีเอกลักษณะเฉพาะของ
    พลังงานกองนั้นๆแล้วมันใช้ทำอะไรได้อีกหลายอย่าง
    แต่พวกนี้มันจะสอนต่อได้ ก็ต้องดูเป็นเฉพาะบุคคลไป
    ตามแต่วาระ หวังว่าจะพอเข้าใจ..
    ที่สำคัญที่สุดคือ ๑.เมตตาต้องเป็นเมตตาที่ออกจากจิต
    และเรื่อง ศีล เรื่อง ทาน เรื่องนิสัยทางอกุศลต่างๆ ฯลฯ



    แต่ประเด็นหลักๆ ไม่ได้เน้นที่กสิณมาก เพราะว่ามันจะยังไม่เกิด
    ประโยชน์เท่าไร เพราะว่าบุคคลที่พาทำ มีคนเดียวที่เคยฝึกกสิณมาก่อน
    บางกอง ที่เหลือเนี่ยเคยได้ยินแต่ชื่อเฉยๆ หรือเคยทำแต่กฐิณผ้าป่า๕๕๕
    ส่วนตัวจะเน้นพาทุกคนทำให้ถึงโหมดวิญญานธาตุ
    และก็ต้องเข้าถึงได้ในระดับตาเปล่า และทุกๆคนก็จะต้องสามารถ
    มองเห็นได้ด้วยตาตัวเอง สัมผัสได้ด้วยตัวเอง ประมาณนี้...
    เพราะโหมดวิญญานธาตุ มีประโยชน์ตรงที่ เอาไว้เป็นเครื่องตรวจสอบ
    ตัวจิตเราว่า สามารถเชื่อมกับครูบาร์อาจารย์ข้างบนได้จริงๆหรือไม่
    เพราะบางคนอาจเค้าใจไปเองว่า ตัวเองเคารพนับถือครูบาร์อาจารย์
    แต่ว่า ตัวจิตมันยังไม่เชื่อมกับท่านจริงๆอะไรประมาณนี้..
    และก็เชื่อมในสภาวะการใช้ชีวิตปกตินี่หละ ลืมตาปกตินี่หละ..
    เพียงแต่อีก ๒ คนเป็น ผู้หญิงเค้าไม่ค่อยอยากจะพูดเฉยๆ....


    และล่าสุดก็มีที่เป็นนายทหาร ระดับสูงพอสมควรมีลูกน้องขับรถพามาส่ง
    แต่ว่าปกติท่านนี้ ไม่ค่อยอยากจะเปิดตัว ท่านนี้ก็ไปไกลเช่นกัน
    เพราะมีพื้นฐานกสิณน้ำมาก่อน และเมตตาผ่าน เพียงแต่ว่าตอนนั้น
    ยังไม่ถึงระดับใช้งานได้.ส่วนตอนนี้ก็กำลังไปต่อยอด
    ทดลองใช้งานอยู่
    แต่จริงๆเน้นตรงโหมดวิญญานธาตุกับทุกๆคนนะ
    เพียงแต่ว่า ก่อนที่จิตมันจะไปถึงวิญญานธาตุได้
    มันจำเป็นต้องผ่าน กสิณ ดิน น้ำ ลม ไฟ และ อากาศก่อนเฉยๆพอเข้าใจเนาะ...

    ปล.แบบเราๆ เอาไว้ทำกันเล่นๆพอฮาๆก็พอแล้ว..๕๕๕
     
  15. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    .
    เขียน ๐๐.๑๒

    ครับ ขอบคุณที่อธิบายให้ไม่ค่อยเข้าใจ ๕๕๕
    น้ำแยะไปหน่อยนะ เค้าจะเอาเนื้อๆ อ่ะ ๕๕๕

    เราไม่ได้เรียนกสิณ ไม่ได้ฝึกตามรูปแบบ เลยไม่ค่อยเข้าใจ
    กสิณลม มันก็บังเอิญได้มาเอง ตอนฝึกลมปราณ ฝึกเพ่งตาที่สาม
    เพ่งจนกลางหน้าผากเป็นแผลปูดขึ้นมาเลย กลมๆ อ่ะ
    บางครั้งก็เป็นเหมือนแผลเป็น ไม่กี่วันก็หายไป หึหึหึ

    เอางี้ แบบว่าโตแล้วเรียนลัดเลยนะครับ
    กสิณดิน ท่านว่า เรียกมาบนมือแล้วมือจะตึงๆ นะครับ
    งั้นเราจะยึดไว้แบบนี้ละกัน ถ้าลองทำแล้ว มือคนอื่นเค้าตึงๆ แน่นๆ ก็ถือว่าผ่านนะ เนอะ

    แล้วกสิณลมน้ำไฟล่ะครับ เพ่งให้ขึ้นมาบนมือ
    แล้วมันควรจะมีอาการอะไร อย่างไร

    กสิณไฟเนี่ยนะ ถ้าเราคิดให้มีไฟลุกอยู่บนมือเค้า
    แล้วเดินลมปราณ เพ่งพลังงานเข้าไปเรื่อยๆ แบบนี้ใช่ไม๊ครับ
    กสิณน้ำ ก็ให้คิดว่ามือเค้าแช่น้ำอยู่ดีไม๊ ได้รึเปล่า เค้าจะรู้สึกไม๊เอ่ย
    กสิณลม ก็คงให้เหมือนมีลมหมุนๆ บนมือ ดีไม๊ ง่ายไปป่าวครับ หึหึหึ

    แล้วท่านนำไปใช้ประโยชน์ด้านใดบ้างครับ
    นอกจากทำใจให้เป็นกสิณ บางครั้งก็หนักแน่นเหมือนดิน
    เวลามีอารมณ์มากระทบ ก็เฉยๆ แผ่นดินมันเดือดร้อนไม่เป็นนี่นะ เนอะ

    กสิณลม ก็ใช้แบบว่า เวทนาเกิดแล้วก็ปล่อยลอยลมไปเลย
    ผสมกับอนัตตา ไม่มีตัวตน เวทนาไม่มีที่เกาะเกี่ยว ก็เลี้ยวลงคลองไปเล้ย ๕๕๕
    กสิณน้ำ ก็ถ้าตัณหาเกิด ก็ให้มันเกิดบนน้ำ ละลายออกไปโดยรอบ
    ตามธรรมชาติ เดี๋ยวมันก็จะจางหายไปเอง ล่ะมั้ง นะ

    เค้าใช้กันแบบนี้บ้างรึเปล่าครับ ก็ไม่เคยคิดเลยนะ ร่ายออกมาสดๆ
    ไว้แล้วจะจำไว้ ลองใช้กะตัวเองดีกว่า แหม..ได้ของเล่นใหม่แล้ว เย้...ดีใจจัง

    ส่วนกสิณไฟ ชำนาญอยู่แล้ว ตามสันดานเก่า
    พร้อมจะระเบิดอารมณ์ออกมาได้ทันที แต่เก็บไว้ได้นานแล้วล่ะ มั้งนะ ๕๕๕
    ได้เทคนิคมาจากสวนโมกข์ จากหนังสือ "การเก็บความโกรธไว้ในยุ้งฉาง"
    อ่านอยู่นาน อ่านหลายเที่ยว อ่านแล้วทำโยนิโสในใจ
    ทำจินตกสิณ ดึงภาพเก่าๆ ขึ้นมาดู ไล่จับอารมณ์ไปทีละช็อต ทีละเฟรม
    จนรู้และเห็นมันดี จึงควบคุมได้ สบายบรื๋อ หือหือหือ

    ท่านพลิกแพลงกสิณ ไปใช้งานด้านใดบ้าง ลองโม้มาดูบ้างดิ ฮิฮิฮิ


    กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / สมาคมพุทธะซาเปี้ยน

    .
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    พยายามอธิบายแล้วนะ ๕๕๕ อ่านไม่เข้าใจไม่แปลกหรอก
    มาว่าเป็นน้ำอีกแระ ๕๕๕ นิสัยไม่ดีนะเนี่ย..
    คือในรายละเอียดปลีกย่อยถ้ามาพูดมันเสียเวลามาก.เข้าใจไหม
    คือที่ท่านถามในระดับการใช้งานมันถือว่า หยุมหยิม..
    คงจำได้เนาะ ที่ในอดีตข้าพเจ้า แซะท่านไปว่า เรื่องแค่นี้ก็มาถาม.
    เด่วว่าตรงๆ ก็จะมางอนกันอีก แต่ก็ถามแบบ
    สมควรโดนแซะหละนะ..๕๕๕

    เอ๊าๆ ไหนก็ถามแล้ว..เด่วเล่าให้ฟังแบบหยาบๆแล้วกัน..
    ก็อย่างว่าหละนะ กสิณดินที่ว่าตึงๆเนี่ย หรือกสิณกอง
    อื่นๆที่เรียกขึ้นมาบนมือให้มันหมุนๆก่อนให้ได้นั้น.
    ..นั่นมันเป็นส่วนที่สามารถพูดออกสื่อได้
    แสดงว่าอ่านบทความก่อนหน้าไม่ละเอียด
    ถึงได้หลุดคำถามแบบนี้ออกมา..
    เช่น มันมี ๕ ขั้นตอนของพลังงานที่เป็น
    เอกลักษณะของกสิณกองต่างๆ
    แต่ว่า พูดออกสื่อได้แค่ ๓ ขั้นตอนพอเข้าใจนะ เนื่องจากยัง
    ไม่มีสัญญานจากข้างบนหรือห่มเหลืองข้างบนท่าน
    ที่สอนข้าพเจ้าให้พูดออกสื่อได้..
    ดังนั้นเลยต้องทำให้รู้เป็นคนๆไป.
    และคนนั้นเค้าจะรู้ได้ของเค้าเองนั่นหละ
    .เข้าใจนะประเด็นนี้..ถ้าอยากรู้
    ถ้าใจพร้อมแล้ว และเลิกคิดแบบในใจลึกๆว่าตัวเอง
    แน่กว่าใคร ตัวเองเจ๋งกว่าใคร
    ท่านค่อยขอเบอร์แล้วโทรมา
    เข้าใจเนาะ....

    ส่วนเรื่องการใช้งาน โดยปกติเราจะรู้ของเราเอง..
    ตามเหตุและปัจจัยเฉพาะบุคคล ซึ่งแตกต่างกัน
    มันพลิกแผลงได้เยอะมาก พูดข้ามปีก็ไม่จบหรอก
    เราต้องรู้จัก พลิกแผลงการนำไปใช้งานด้วยตัวเอง..

    ส่วนที่พอเล่าได้..จะบอกไว้
    ไว้ก่อนว่าอย่าใช้กสิณไฟเพื่อไปดึงวิญญาน
    ออกจากร่างกายคนที่เค้าถูกผีเข้า หรือพวกที่ผ่านตำหนักทรง
    หรือโดนเจาะเข้าทางท้ายทอยมา ในกรณีบุคคลที่ไปหลง
    เชื่อว่าจะมีพลังพิเศษแบบโปรโมชั้นที่ไม่ได้สร้างด้วยตัวเอง
    เพราะบางกรณีดวงจิตที่แทรกอยู่ในกาย
    เค้าจะสู้ตายและก็ส่งผลเสียให้คนนั้น
    เสียชีวิตได้หลังจากที่ใช้กำลังตรงนี้..
    ประเด็นนี้ต้องระวังให้ดีๆ..

    ส่วนกสิณไฟถ้าจะใช้งานขอแนะนำว่าถ้าจะไม่ให้
    ส่งผลกระทบต่อกลมสันดานที่มันจะดึงออกไปทางด้านแย่ๆของเรา
    และส่งผลต่อร่างกาย ท่านจะต้องรวมพลังงานกสิณน้ำเข้าไปให้ได้ก่อน
    เวลาใช้งานในสภาวะลืมตาปกติถึงจะไม่ส่งผลต่อร่างกายและจิตใจท่าน..
    กสิณไฟทั่วๆไปใช้รักษาโรคได้ ในระดับที่ดึงเอาธาตุส่วนเกิน
    ของอวัยวะตรงนั้นออกร่างกาย แต่ว่าท่านก็จะต้องมีพื้นฐาน
    รู้ว่าอวัยวะส่วนไหนของคนนั้นๆมันพร่อง ความรู้ตรงนี้
    ท่านต้องเข้าถึงโหมดวิญญานธาตุ หรือ สัมผัสเรื่องเส้นสายพลังงาน
    หรือได้สัมผัสพิเศษภายในแบบทางสายวิชาพิเศษอย่างใดอย่างหนึ่ง
    เป็นพื้นฐาน ท่านก็จะทราบได้..
    ส่วนกสิณน้ำใช้ในกรณีที่ท่านจะบรรจุอะไรซักอย่างที่
    ท่านไปขอไปเชื่อมมา(ให้คิดเอาเองเน้อ)และที่ใช้ประจำคือใช้ปิด
    การรักษาต่างๆ

    ส่วนกสิณลมกับกสิณอากาศ บอกได้ว่า ถ้าไม่ละเอียดจริงๆ
    จะแยกพลังงานของมันแทบไม่ออก ต้องให้มันหมุนบนมือไปประมาณ
    รอบที่ ๕ หรือท่านไปหมุนมันเล่นกลางอากาศ
    แล้วลองจับสังเกตุเอาเองถึงจะพอแยกได้
    ไม่งั้นจะหลงคิดว่ามันเป็นตัวเดียวกัน และการใช้งาน ก็ในกรณี
    ที่ท่านจะเขียน ยันต์กลางอากาศ กรณีที่ท่านจะเพิ่มพลังงาน
    ในวัตถุ กรณีดึงพลังงาน กรณีส่งพลังงานออนไลท์ ฯลฯ
    แต่นั่นหมายถึง ต้องรู้จักการรวม หนุ่น และส่งออกจาก
    ร่างกายเราก่อนเป็นพื้นฐาน...

    และกสิณถ้าปั่นรวมกันได้ ๕ กองคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และอากาศ
    และถ้าเมตตาเราผ่านจริงๆมันจะสร้างเป็นอะไรที่พิเศษได้(น่าจะพอรู้แล้วนะ)..
    ซึ่งมันจะสามารถนำมาใช้งานได้ในระดับตาเปล่าๆ
    และก็สัมผัสได้ รับรู้ได้ ไม่ว่าตัวเราและคนอื่นๆเช่นกัน....

    และจะให้มาบอก ว่าทำโน้นทำนี่ได้ มันเขียนยาก..
    โดยส่วนตัวแล้ว ต้องมีคนมาถามถึงจะเล่าให้ฟังเรื่องแบบนี้..
    ก็น่าจะพอรู้นิสัยกันอยู่..
    ส่วนถ้าท่านจะใช้ในลักษณะการอฐิษฐานจิตเพื่อให้เกิดผล
    ไม่ใช่ ใช้ในลักษณะพลังงานที่สัมพันธกับปราณที่ท่านมีอยู่
    ให้ท่านไปหาย้อนอ่านเทคนิค
    และวิธีการที่ข้าพเจ้าได้เคยเขียนเอาไว้แล้วในกระทู้..
    ซึ่งบอกเทคนิคคอลเทอมเพิ่มเติมจากการปฏิบัติและผลที่จะเกิดไว้แล้ว
    จากตอนที่ได้เคยอฐิษฐานจิตให้เกิดน้ำปรากฏขึ้นมา
    ตั้งแต่สมัยที่ข้าพเจ้าฝึกใหม่ๆโน้น..

    เพียงแต่ว่ามันใช้เวลานานเกินไป
    เลยไม่อยากเอามาแนะนำ..
    และอีกอย่างปัจจุบันเราก็ไม่ได้มีความชำนาญเหมือนห่มเหลือง
    ที่ท่านละสังขารไปแล้วที่
    ท่านที่มาสอนเทคนิคให้ข้าพเจ้าทางนิมิตร.
    .เจ้าของตำรามีชื่อที่ท่านน่าพอสกิดใจ
    และเริ่มจะคุ้นๆมาบ้าง

    ปล.พูดได้ประมาณนี้หละ
    หวังว่าจะไม่งอนหายไปอีกนะ ๕๕๕...
     
  17. พรตพเนจร

    พรตพเนจร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +77
    ตอบคำถามข้อที่สงสัยกันนักกันหนา

    ญาติทางธรรมคงสงสัยกันอยู่แล้วว่าที่สามารถหมุนพลังกสิณนั้นๆนี้ๆบนฝ่ามือไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรคนฝึกเดินพลังจักรวาลทำได้ทุกคนและเป็นบาทฐานของการรักษาโรค ข้าพเจ้าจะมาอธิบายให้ฟังถึงความเป็นจริง
    การที่จะหมุนพลังกสิณให้ร้อนหรือเย็นนั้นคล้ายๆกับการใช้พลังจักรวาลรักษาโรคเอาง่ายๆวิธีหมุนกสิณไฟหรือลมง่ายๆ ลองแบมือขึ้นมาระดับอกแล้วขับปราณออกไปทางฝ่ามือบังคับให้ร้อนหรือเย็นก็ได้นี้คงจะเป็นที่มาของพลังกสิณที่หลายๆคนพูดถึงเพราะสามารถส่งพลังร้อนและเย็นออกจากฝ่ามือได้ ผู้ที่เหนือกว่าย่อมไม่พูดมาก ทางเต๋าบอกว่าการพูดมาก มักเป็นผู้ไร้สมถภาพ การเดินพลังจักรวาลแบบนี้ทำได้ทุกคนไม่ใช่สิ่งวิเศษอะไรเลย ต่อมาก็อาวุธอะไรต่างๆนานา อาวุธทิพย์เหล่านี้ที่พูดถึงไม่ใช่สร้างลูกแก้วไว้ตรงอกแล้วก็คิดนึกหรือดึงอาวุูธออกมา สิ่งที่เห็นที่ทำได้นั้นเป็นเพียงจินตนาการเท่านั้นการที่จะบำเพ็ญอาวุูธจริงๆดูแบบเจ้าแม่กวนอิมท่านมีแจกันหยกท่านบำเพ็ญนานมากๆกว่าจะมีของคู่กายหรืออาวุธคู่กายได้แต่ละคนบำเพ็ญไปได้คนละอย่างเท่านั้นแต่ถ้าเป็นจินตนาการไม่ต้องสร้างดวงแก้วหรอกแค่คิดจินตนาการเอาก็ถืออาวุูธเป็นแบบนั้นแล้วเค้าเรียกว่า มโน คือใจคิดนึกจึงเกิดเป็นภาพขึ้นมาแต่คุณต้องเข้าใจนะว่ามันเป็นการ มโน พอคุณสิ้นชีวิตไปแล้วอาวุธเหล่านี้ไม่สามารถติดตัวไปได้เพราะคุณไม่ได้ฝึกบำเพ็ญอะไรเลยเพราะทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงแค่ มโน จิตนาการเท่านั้น ในทางเต๋าเน้นการรู้จักการดำเนินชีวิตไปจนถึงขั้นสูงสุดคือเป็นอมตะทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในคัมภีร์เต้าเต้อจิงหมดทุกอย่างเพียงแต่คนตีความหมายผิดๆเท่านั้นไม่รู้ถึงซึ่งแก่นแท้เพราะว่าท่านเลาจือเขียนคัมภีร์ให้เป็นปริศนาและไม่มีผู้ใดเข้าใจมันได้และตีความได้เพือมิให้คนที่ไม่ดีเอาการมีความอ่อนเยาว์และร่างกายที่ดีตลอดไปจนถึงการเปลียนแปลงตัวเองเป็นจิตวิญญานขั้นสูงนั้นก็คือเทพเซียนซึ่งเป็นความลับสวรรค์จะไม่นำมาพูดในที่แห่งนี้
    ส่วนการที่จะเรียกกสิณมาด้วยการมองเห็นด้วยตาเปล่าๆแบบลืมตาง่ายๆเลยถ้าฝึกกสิณชนิดที่เรียกว่าสามารถติดตาได้แล้วก็จะเรียกได้ทั้งสิบกองของเล่นของเหล่าผู้ฝึกจิตขั้นพื้นฐานเบื้องต้นเท่านั้นใครๆก็สามารถทำได้ดูแบบโยคีที่บำเพ็ญถึงขั้นสิทธาสามารถเอาตัวเองลอยขึ้นไปในอากาศได้ แต่ถ้ากำลังจิตไม่มากลอยขึ้นไม่สูงแต่จะตกลงมาเจ็บตัวของเหล่านี้ทุกคนสามารถฝึกได้ทั่งทางร่างกายและจิตใจ

    ที่พูดมานี้พรตพเนจรไม่ได้มีอคติกับใครแต่เห็นหลายๆคนสงสัยและเห็นว่าเป็นของยากก็เลยนำมาบอกกล่าวไว้ตรงนี้

    อัตตาคือความหน่วงหนัก
    ด้วยปราถนานานา
    ด้วยความนึกคิดจิตนาการนานา
    ด้วยรูปแบบความเชื่อนานา
    ด้วยมาตรฐานดีชั่วนานา
    ด้วยความถือสานานา
    ด้วยอารมณ์ดีร้ายนานา
    ด้วยความสมหวังผิดหวังนานนา
    ที่ถักสานเป็นตัวตนผลผลิตแห่งอวิชชา
    วิญญูชนย่อมล้างทุกสิ่งจากใจเสีย
    ใจจึงบริสุทธิ์ ไร้ขอบเขต


    จิตคือนักหลอกลวงไม่มีอันใดเกิน
    สามารถปรุงแต่งได้สารพัดอย่างไร้ขอบเขต
    คนจิตอ่อนย่อมเคลิบเคลิ้มดิ้นรนไปกับจินตนาการแห่งจิต
    ผู้มีสติกล้าแข็งสามารถควบคุมจิตใจได้
    จึงกำจัดความลวงล่อของจิตไปได้

    เวทนาคือนักออดอ้อนที่ไม่มีใดเกิน
    สามารถเรียกร้องคนใจอ่อนให้ปฏิบัติตามได้ทุกรูปแบบ
    ผู้ปล่อยวางเวทนาได้
    จึงเป็นอิสระจริง
    และเวทนาของผู้นั้นย่อมระงับดับลง

    พรตพเนจรบอกก่อนนะไม่มีเวลามาตอบคอมเม้นให้ใครหรือชีแนะอะไรหากเรามีบุญวาสนาสำพัธน์กันแล้วเราจะได้เจอกัน



    พรตพเนจร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2015
  18. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    คุณนพฯ มาแปลกนะ เที่ยวนี้มีปล่อยพลัง +
    ว่าแต่ที่ชักชวนกันอยู่นี่ จุดประสงค์เพื่อ..
    พิสูจน์ว่า พลังกสิณมีจริง ทำได้จริง ใช่มั้ย
    แล้วไงต่อ รอเห็นภาคพ้นทุกข์ที่จะเขียนเป็นตอนต่อไปอยู่นะ..
     
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    คุณ พรตพเนจร ส่วนตัวขอบคุณนะครับ จำได้ว่าคุณก็ได้
    เคยแนะนำข้าพเจ้าและกล่าวเชิงตักเตือนแบบที่แฝงไปด้วย
    เจตนาที่ดีมาก่อนในอดีต ซึ่งถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของนักปฏิบัติครับ
    แต่วันนี้จะขอพูดในประเด็นเรื่องอาวุธเห็นคุณเข้าใจและเขียน
    อย่างนี้เป็นครั้งที่ ๒ แล้ว จะบอกว่ามันไม่ใช่เป็นการมโนนะครับ
    และมันสามารถที่จะจับต้องได้จริงๆด้วย..คือตรงนี้ส่วนตัวพาหลายๆคนทำ
    และพิสูจน์ตรงนี้มาแล้ว เอาไว้ในอนาคต ถ้าคุณ พรตพเนจร
    มีโอกาสเจอตัวกัน จะพาทำให้ดู พาจับให้ดูนะครับ..
    แต่ส่วนตัวไม่อยากจะพูดมากครับ เพราะมันเป็นเรื่องที่เหนือ
    วิสัยปกติธรรมดาที่จะนำมาพูดครับ.

    ...และขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า
    พลังงานกสิณนั้น มีความแตกต่างกับพลังงานจักรวาลอย่างแน่นอนครับ
    และที่เห็นด้วยนั้นก็คือ พลังงานจักรวาลนั้นก็สามารถฝึกฝนกันได้ง่ายครับ
    ถึงได้มีการเปิดสอนกันอย่างแพร่หลาย เพียงแต่ว่ามันได้ในส่วน
    พลังงานความร้อนและพลังงานความเย็นครับ ซึ่งปกติส่วนตัวก็พา
    คนอื่นๆทำให้สัมผัสตรงนี้เช่นกันครับเป้าหมายเพื่อโน้มให้จิต
    เข้าสู่อากาศธาตุได้.และแม้ว่าความร้อนของพลังงานจักรวาลจะร้อน
    เหมือนพลังงานกสิณแต่ มันมีความแตกต่างกันแน่นอนที่จะบอกได้ว่า
    นี่คือ พลังงานที่ได้จากกสิณ หรือแม้พลังงานเย็นจากพลังงานจักรวาล
    แม้ว่าจะเย็นเหมือนกสิณน้ำ แต่ลักษณะพลังงานก็แตกต่างกันแน่นอนครับ...
    ไม่งั้น คนที่มาทางพลังงานจักรวาล เค้าคงจะใช้พลังกสิณได้จริงทุกๆคนแล้วครับ


    เพราะอะไรนั่นหรือครับ แม้ว่าทุกคนหรือใครก็ตามที่มาทางด้านพลังงาน
    ส่วนตัวเคยบอกไปแล้วว่า การทำให้รับรู้ของพลังงานได้นั้นมันเป็นเรื่องไม่ยาก
    แต่สำคัญว่า ท่านเหล่านั้น สามารถนำพลังงานเหล่านี้ไปใช้จริงๆได้หรือไม่
    และท่าน สามารถที่จะทำให้คนอื่นๆรับรู้ได้อย่างที่ท่านทำได้หรือไม่
    ถ้าท่านทำไม่ได้ มันก็ยังเป็นเพียงแค่จินตนาการ ไม่ต่างอะไรกับการมโนครับ..
    อะไรก็ตามที่ท่านเห็นของท่านเอง รับรู้ของท่านเอง แต่ท่านทำให้คนอื่นๆ
    เห็นเหมือนท่านรับรู้เหมือนท่านไม่ได้..และไม่สามารถนำไปใช้งานที่เป็น
    ประโยชน์ได้..ส่วนตัวมองว่ามันยังไม่พ้นมโนและก็ไม่มีประโยชน์อะไรครับ.

    และถ้า พลังงานกสิณมันง่ายอย่างที่คุณ พรตพเนจรว่ามานะครับ
    ป่านนี้คนที่ดึงพลังงานกสิณให้ขึ้นมาให้คนอื่นๆจับได้ สัมผัสได้
    และใช้งานได้ คงเต็มบ้านเต็มเมืองแล้วครับ..เพราะพวกนี้แม้ว่า
    ท่านจะใช้งานได้ในระดับตาเปล่า แต่ยังไงๆท่านก็ต้องผ่านการ
    ฝึกสร้างกำลังจิตในสมาธิระดับสูงมาก่อนครับ.พูดง่ายๆว่า
    กรรมฐานกองนี้ไม่มีคำว่าฟลุ๊ค ครับที่แต่ละท่านเห็นหรือทำได้
    แต่ในนิมิตรนั้น มันเป็นแค่ตัวหลอกที่ทำให้เราหลงตัวเองเฉยๆได้ครับ
    ท่านสังเกตุได้ ว่าขนาดนำมาใช้งานไม่ได้ ทำให้คนสัมผัสไม่ได้
    รับรู้ได้เฉพาะตนเอง ยังมีคนหลงตัวเองมามากต่อมากและคิดว่า
    ตัวเองเก่ง ทั้งๆที่ไม่ได้มีกำลังจิต ตัวอย่างมีให้ท่านเห็นเยอะแยะนั่นหละครับ

    .แต่การฝึกกสิณให้เข้าถึงในระดับพลังงานนั้น สำหรับบุคคลทั่วไป
    มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเข้าถึงและทำได้ยากครับ...
    จึงเป็นที่มาที่ส่วนตัว ถึงพาทุกคนทำเพื่อข้ามไปให้
    ถึงโหมดวิญญานธาตุ ตรงนี้จะตอบข้อสงสัยที่ คุณ Tboon
    ได้ถามเอาไว้ได้ การเข้าถึงวิญญานธาตุก็เพื่อที่จะไปฝึกเพิ่มกำลังจิต
    เพิ่มความหนาแน่นของพลังงานต่างๆซึ่งมันจะเพิ่มได้เองอัตโนมัติ
    ไม่ว่าพลังงานกสิณกองไหนๆก็ตาม โดยที่ท่านไม่จำเป็น
    ต้องไปฝึกเข้าสมาธิระดับสูงเพื่อปั่นปฏิภาคนิมิตกสิณให้ได้
    เพื่อสร้างกำลังจิตตรงนั้นให้เสียเวลาเหมือนที่ส่วนตัวได้ฝึกมาครับ..
    ในโหมดวิญญานธาตุนั้น.
    การที่ใช้กสิณทั้ง ๕ กองนี้ก็เป็นเพียงอุบายและวิธีการหนึ่งในการเข้าถึง
    โหมดวิญญานธาตุแต่ถ้าท่านไม่ชอบทางด้านกสิณนั้น
    ท่านก็สามารถใช้อีกวิธีหนึ่งก็คือ ให้ไปทางสายบารมีคือให้ท่าน
    ไปสวดพระคาถาจักรพรรดิ์ก็ได้ครับ
    เพียงแต่ว่าให้ปรับระบบการหายใจและวิธีการสวดพระคาถาบทนี้
    ในเวลาไม่นานท่านก็จะเข้าถึงได้เช่นกัน ถ้าเมตตาท่านผ่านเกณฑ์
    และท่านสะสมสร้างบารมีกับส่วนภพภูมิที่เพียงพอจากการอุทิศ
    ส่วนกุศลครับ
    โดยที่ท่านไม่จำเป็นต้องผ่านเรื่องพลังงานกสิณแต่ละกองครับ.
    .
    .
    และอย่างนี้ครับ คุณ Tboon ในโหมดวิญญานธาตุ
    นี่มีข้อดีก็คือ ตัวจิตมันจะข้ามในเรื่องของธาตุที่ประกอบ
    เป็นร่างกายและตัวจิตจะพลิกเข้าสู่เรื่องพลังงาน ที่จะข้ามระบบภาคทิพย์
    หรือมิติที่ ๔ ที่มันยังต้องอาศัยสัญญาในการสร้างเป็นภาพต่างๆเพื่อ
    ให้เราจำได้ เข้าสู่ในสภาวะของผู้ที่พ้นแล้ว หรือในมิติพลังงานของ
    ครูบาร์อาจารย์ท่านต่างๆหรือผู้เป็นเลิศท่านต่างๆ..
    โหมดวิญญานธาตุนี้ เป็นตัวชี้วัด เป็นตัวบอกเราได้ดี ข้อดีอีกอย่าง
    คือสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เป็นเครื่องประกันว่า ตัวจิตเรา
    สามารถเข้าถึงได้...เข้าใจไหมครับ แม้ปากเราจะบอกว่า เราเคารพ
    พระรัตนตรัย เคารพครูบาร์อาจารย์ และเรามั่นใจว่าเรามีความมั่นคง


    เรามีความสม่ำเสมอ แต่ถ้าถามท่านกลับว่า แล้วท่านทราบได้อย่างไรว่า
    ตัวจิตท่านมันเข้าถึงได้จริงๆ ท่านแน่ใจหรือว่า การเข้าถึงของท่าน
    มันไม่ใช่เป็นการเข้าถึงแบบมีโมหะนำ แบบมีกิเลสนำ หรือเข้าถึงแบบตำรา
    หรือเข้าถึงแบบยึดติด การทำได้หรือการฝึกจิตให้ถึงโหมดวิญญานธาตุได้
    จึงจะสามารถตอบคำถามตรงนี้ของเราได้ครับ ว่าจิตเรามันเข้าถึงจริงๆ
    หรือไม่ ตรงนี้น่าจะพอตอบ คำถามคุณ Tboon ได้นะครับ..

    เพราะโหมดวิญญานธาตุแบบที่ข้าพเจ้าพาคนอื่นๆทำ..
    จำเป็นที่ตัวจิตมันต้องค่อยๆผ่านจาก ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม
    ธาตุไฟ ธาตุอากาศ ก่อนตามลำดับ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นจะต้อง
    ทำให้ตัวจิตของทุกๆคน ผ่านไปตามขั้นตอนดังที่กล่าวมา.
    การช่วยดึงให้พลังงานกสิณเกิดขึ้นสำหรับทุกท่านที่เคยคุยเคยพบ
    กับข้าพเจ้าก็เพื่อเป้าประสงค์นี้ ไม่ใช่ว่าฝึกแล้วเอาไว้อวด เอาไว้โชว์
    เอาไว้โม้ เอาไว้เพื่อมายกตนไปข่มคนอื่นๆเค้า
    หรือฝึกเอาไว้ไปทำร้ายทำลายคนอื่นเค้า
    เอาไว้ไปคุยทับถมถากถาง อย่างนี้ไม่ใช่ทาง
    และไม่เคยแนะนำใครครับ มีแต่บอกว่าให้ระวังเรื่องการอยากได้รับ
    การยอมรับจากสังคมโดยหมายมั่นว่าเรามีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นๆเค้า
    รวมทั้งเรื่องอื่นๆ แต่ที่จะเน้นมากที่สุดก็คือ เรื่องการสร้างบารมี
    กับภาคส่วนภพภูมิ การให้ความเคารพนับถือทุกระดับโดยไม่มีการแยกแยะ
    และสำคัญที่สุดก็คือ เรื่องเมตตาที่ต้องสร้างให้ออกจากภายในไปภายนอกครับ
    และประโยชน์อีกอย่างก็คือ มันช่วยให้จิตมีภูมิต้านท้าน
    พลังงานภายนอกที่ไม่ดีต่างๆได้ รวมทั้งสัมผัสรับรู้ได้ชัดเจนขึ้น..
    และช่วยหนุนช่วยส่งเสริมในเรื่องการเดินปัญญาลดละกิเลสได้ง่ายขึ้นครับ
    การที่ข้าพเจ้าพาคนอื่นๆทำ.ก็เพื่อให้เข้า
    ถึงในโหมดวิญญานธาตุ และก็ประโยชน์ในการเข้าถึงดังที่ได้กล่าวไปแล้ว
    ก่อนหน้าข้างต้น ประมาณนี้
    ตรงนี้คุณ Tboon พอจะเห็นประโยชน์จากตรงนี้
    และหวังว่าจะพอเข้าใจอะไรเพิ่มขึ้นนะครับ
     
  20. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    เรื่องพลังงาน คุณนพฯ หมายถึงการสัมผัสรับรู้ทางใจใช่มั้ย
    หมายถึงว่าการรับรู้โดยวิญญาณทางใจตรงนี้ต้องชัดเจนใช่มั้ย
    ที่ต้องถามเพื่อจูนภาษาบัญญัติให้ตรงกันก่อนน่ะครับ

    ถ้าใช่ตรงนี้..
    ปัจจุบันผมมองกลับมาที่ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน
    เมื่อก่อนการรับรู้จะเป็นแบบ รับรู้แล้วส่งจิตออกนอกตลอด
    ตอนหลังมองย้อนกลับเข้ามาวิเคราะห์อาการภายในตามที่กล่าวแทน
    ดูรู้ทันความพอใจ ไม่พอใจแทน

    ถ้าพอใจเป็นราคะ อยากได้ อยากสงบ สุข สบาย
    ไม่พอใจเป็นปฏิฆะ กลับเห็นยากกว่า ละเอียดกว่า
    ที่ว่าอย่างนั้นเพราะ พออยู่เฉยมันเบื่อ มันเซ็ง มันหิวอารมณ์
    กลับมองข้าม ไปหาเสพเลย หาสิ่งที่พอใจทำ
    จึงเลยไปเห็นโทษของความพอใจ ของความมีราคะก่อนนั่นเอง
    ปฏิฆะค่อยมาเห็นทีหลังคือความทนอยู่ในสภาพเดิม ๆ นั้นไม่ได้

    และถ้ารู้ทันกัน โดยธรรมชาติวงจรความไม่รู้มันจะดับ (ชั่วคราว)
    ดับสนิทไม่มีส่วนเหลือก็มีอยู่ ขอยกไว้ไม่กล่าว เพราะมันคาดหมายไม่ได้
    ก็มีผลให้เกิดปิติ สุข สงบตามมา จะมากน้อยแค่ไหนเป็นไปตาม
    อุปาทานที่เคยยึดไว้ ถ้าก่อนหน้ายึดติดมามากก็รู้สึกโล่งมาก
    แต่ถ้ารู้เช่นเห็นชาติกันแล้วโดยธรรมชาติมันต้องวาง
    เพราะเห็นโทษในทุกมิติของการหลงยึดไม่ว่าอย่างใดอย่างหนึ่ง
    เพราะมันจะกลายร่างเป็นตัวกูของกูขึ้นมาทันที
    อันนี้แหละคือวิญญาณเริ่มเกิด อัตตาเริ่มเกิดแล้ว

    แค่ไม่ทันความพอใจ/ไม่พอใจตัวเดียว วิญญาณเริ่มก่อตัว
    มีบ้านมีเรือนผีบ้านผีเรือน สมบัติพัสถาน จิปาถะเงื่อนไข
    ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ เฝ้าโลกจะตามมาอีกเป็นพรวน
    คนเรามันถึงเกิดอีกหลาย ๆ ชาติ ไม่จบ

    สรุปคือ ผมเห็นเรื่องของพลังงานและวิญญาณเป็นดังนี้ครับ

    แต่ที่คุณนพฯ พูดเรื่องพลังงานนั้นก็พอเข้าใจ
    ถ้าเข้าใจรู้จักการจัดการที่ดี มันก็พอช่วยในเรื่องความเป็นสัปปายะได้
    เหมือนกวาดบ้านกวาดเรือนให้สะอาดเสียก่อน เวลาเดินจะได้ไม่สะดุด
    เวลาจะรื้อจะถอนเรือนจะได้ไม่เดินเหยียบตะปู อะไรประมาณนั้นมั้ยครับ
    เมื่อก่อนผมก็รับเละเหมือนกัน
    ตอนหลังมาได้ธรรมโอสถรักษาค่อยเข้มแข็งขึ้นมาหน่อยนึง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...