กสิณอะไรฝึกง่ายสุดหนอ?

เขียน ๒๑.๓๗

เบื่อพวกโลกแคบจังอ่ะ พุทธะเค้าไม่ใจคับแคบแบบนี้หรอกนะ จะบอกให้
พื้นฐานของพระพุทธเจ้ามาจากไหน เคยคิดบ้างป่าว
ถ้าท่านไม่เรียน ไม่ฝึกฝน สิ่งที่มีอยู่ในตอนนั้น
แล้วจะสำเร็จได้รึ จะเอาฌานมาจากไหนกัน

วิชาของพวกโยคะโยคี ท่านก็ต้องเรียนรู้มาไม่น้อย
แน่นอน รวมถึงพวกจักระทั้งหลายนั้นด้วย
ไหนจะปราณยามอีกล่ะจ๊ะ ของโยคีทั้งนั้น

ที่สำเร็จฌานตั้งกะเจ็ดขวบ วิชาของใครกัน
อย่าละเมอตดนักเลยน่า พุทธศาสนาไม่ใช่ของสำหรับทุกคนนะ
ขนาดพระพุทธเจ้ามาเองตอนนั้น ยังพาคนไปได้กี่คนเอง เทียบเปอร์เซ็นต์นะ

ศาสนาอื่นๆ ก็ทำให้ไปถึงปลายทางได้เช่นกัน
ปลายทางของระบบจักรวาลน่ะนะ ไม่ได้มีแต่นิพานเพียงเส้นเดียว

ไอ้พวกที่ชอบบอกว่า อย่าเดินทางอื่น อย่านอกเส้นทาง มันเสียเวลา
เราอ่านแล้วหัวเราะบ่อยๆ หึหึหึ มีกี่คนกันเชียว ที่จะทำได้เช่นนั้นน่ะ

พุทธะมีเป้าหมายหลัก คือการดับทุกข์ เท่านั้นที่เป็นเรื่องสำคัญสุดๆ
เรื่องราวในพระไตรปิฏก ถูกยำมาเท่าไหร่แล้ว รู้บ้างป่าว

ดูอย่างพระเยซูดิ จากคนธรรมดา สามร้อยปีให้หลัง
ถูกคริสตจักรจับทำเป็นยอดมนุษย์สุดวิเศษ เพื่อผลประโยชน์ล้วนๆ

แล้วเรื่องกสิณทั้งหลายแหล่เนี่ย ทราบป่าวว่ามาจากไหน ใครคิดไว้
หึหึหึ มาโมเมว่าเป็นของพระพุทธเจ้า ละเมิดลิขสิทธ์คนอื่นเค้า หน้าไม่อาย ๕๕๕

พอดีกว่า เขียนไปเขียนมาชอบออกทะเลจัง
โชคดีที่เราอยู่ในนิทาน เลยไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ
ใครอ่านแล้วเชื่อ หรือไม่เชื่อ ก็ช่างหัวมัน โตๆ กันแล้ว รับผิดชอบตัวเองดิ ฮิฮิฮิ


กระต่ายป่า แห่งแก๊งค์นาฬิเกร์ / ค้างคาวแห่งแสงไม้ขีดไฟ
.

 

.
เขียน ๑๐.๔๐

ตูจะเชื่อใครก็เรื่องของตู แต่ไม่เชื่อไอ้ร้อนแมนแน่ๆ ๕๕๕

เอ็งเก่งกสิณ ก็โชว์หน่อยดิ๊ อย่าดีแต่โม้
ถ่ายคลิปมาโชว์เลย ว่าไม่ได้เก่งแต่ปาก หึหึหึ
แบบเดินบนน้ำ หรือแทรกแผ่นดิน เหาะเหิรเดินอาอากาศ ทำได้ป่าววะ ๕๕๕

แล้วไอ้ที่บันทึกไว้ในพระไตรน่ะ แน่ใจหรือว่าใช่เช่นนั้นจริงๆ
มีข้อขัดแย้งเยอะแยะ ไม่สมเหตุผลก็มีหลายจุด ใครมีสมองก็รู้
มีแต่พวกโลกแคบนั่นแหละ ที่จะเชื่อแบบงมงาย หลงใหลใฝ่ฝัน
ว่าตูอ่านมาแยะ ตูรู้ ตูเห็น ตูถูกต้องแต่ผู้เดียว คนอื่นโง่หมด หึหึหึ

ธรรมชาติคือความหลากหลาย ธรรมะก็เช่นกัน
คนแตกต่างกันตั้งเท่าไหร่ พื้นเพนิสัยสันดาน ประสบการณ์ก็ต่างกัน
การเรียนรู้ศาสตร์อื่นๆ มันจะเป็นเรื่องโง่ไปได้เช่นไรกัน ไม่เข้าใจ
การเข้าถึงสิ่งเดียวกัน จากแง่มุมอื่นๆ มีผลดีข้างเคียงเยอะแยะ รู้บ้างป่าว

รอยหยักในสมอง ซิสแนปส์และนิวรอน ได้ทำงานในแบบที่ต่างไปบ้าง
ส่งผลดีต่อการพัฒนามากมายก่ายกอง สมองกว้างไกล ไม่คับแคบ

เฮ้อ...ตูล่ะเบื่อ ไอ้บ้านิพพาน ชอบละเมอว่าจะไปกันได้ง่ายๆ เชอะ...
วิชาของพุทธะจริงๆ แล้วมีเท่าไหร่เชียว ส่วนใหญ่ก็ปรับปรุงมาจากของที่มีอยู่

ท่านมีโลกทัศน์คับแคบ วิสัยทัศน์ก็ตีบๆ มองเห็นเพียงช่องเดียว
อย่ามาโม้ดีกว่าน่า อ้อ..แล้วอย่าลืมโชว์พาวให้ดูด้วยนะ ว่าไม่ได้ดีแต่ปาก หึหึหึ


กระต่ายป่า ซ่าสุดสุด / นายกองกัซ
.

 

โวย ๑๓.๓๑


คุณ gratrypa
คุณอย่านอกเรื่อง อย่าแถไปเรื่องอื่น ผมพูดแค่เรื่องกสิณ ผมไม่ได้พูดเรื่องอื่น
จักระ น่ะ ถ้ามันวิเศษจริง ป่านนี้มันควรจะต้องอยู่ในกรรมฐาน40แล้ว

คุณ ไอ้ร้อนแมน
คุณอย่านอกเรื่อง อย่าแถไปเรื่องอื่น ผมจะโวยแค่เรื่องจักระ แต่เผลอออกทะเลไปพูดเรื่องอื่น
กสิณ น่ะ ถ้าท่านทำได้จริง ป่านนี้ท่านควรจะโชว์พาวได้แล้ว หึหึหึ


กสิณ10 ของศาสนาพุทธ มีทิพย์จักษุญาณก็ได้ แสดงฤทธิ์ก็ได้
แต่ไม่มีการสอนเรื่องจักระ แม้แต่คำเดียว (เพราะมันไม่จำเป็นงัย)

นี่ท่านรู้เรื่องจักระบ้างป่าวเนี่ย ว่าเค้าใช้ทำอะไรได้บ้างอ่ะนะ เฮ้อ...อ่อน
จักระที่เราร่ำเรียนมา มาพร้อมกับวิชาควบคุมลมหายใจ หรือปราณยาม
ซึ่งการใช้ประโยชน์ต่างกันแยะ และเราก็เอามาใช้ต่างจากในตำรา

กสิณช่วยเราหายเจ็บป่วยไม่ได้ แต่การใช้ปราณยามตามจักระต่างๆ ช่วยเราได้
ปวดท้อง ปวดหัว ปวดฟัน เป็นหวัด เป็นไข้ อ่อนเพลีย และอื่นๆ อีกมากมาย
ปราณยามผสมจักระ ช่วยเราได้ทั้งหมด ไม่ได้โม้ ทำเป็นมายี่สิบปีแล้ว หึหึหึ
ไม่ต้องรอท่านนพมาสอน เค้าอ่านหนังสือ ทำตาม ก็ทำเป็นแล้ว ไม่ได้โง่ ๕๕๕
แล้วไอ้ตาทิพย์ หรือแสดงฤทธิ์น่ะนะ ไม่ต้องเรียนกสิณก็มีคนทำได้ เชื่อป่ะ

โม้โชว์ซะหน่อยดีกว่า เราเรียกลมได้ ท่านทำได้ป่าวเหอะ
ไม่ได้เรียนมาด้วยดิ ทำได้นานแล้ว ตอนฝึกปราณยาม และวิชาอื่นๆ อีกมากมาย


เพราะฉนั้นการที่ผู้ใดก็ตามมาสอนคุณเรื่องกสิณ โดยยำเรื่องกสิณกับจักระมารวมกัน
นั่นมันไม่ได้ทำให้คุณสำเร็จกสิณเร็วขึ้น แต่มันทำให้คุณหลงทางไปเหมือนมันต่างหาก

แล้ว จขกท.คือท่านนพ เค้าสอนจักระด้วยรึ เราไม่ค่อยเห็นมีเลย
เห็นมีแต่เส้นสายเส้นแสงสีอะไรนั่น ซึ่งเราก็ไม่ค่อยเห็นตามเค้าหรอกนะ
ส่วนเราน่ะ คิดเอาเองว่าสำเร็จมาตั้งกะปีมะโว้แล้ว หึหึหึ
เรียกลมเรียกฝนได้ ไม่เห็นต้องเรียนกสิณเลย ๕๕๕ (โม้ไว้ก่อน ใครสอนไว้)
เพ่งเทียนให้แสงกระพริบๆ ลองทำแค่สองครั้งก็ได้แล้ว ไม่ต้องให้ใครสอน หึหึหึ
กระพริบปริบปริบ จนพวกต่างมิติต้องมาติดต่อหา เจรจากันมาแล้ว โม้เก่งป่ะ


อืม..ชักขี้เกียจเห่ากะเอ็งแล้ว ไปทำอย่างอื่นดีกว่า เลิกกันแค่นี้แหละนะ เนอะ


กระต่ายป่า ซ่าสุดสุด / ค้างคาวแห่งแสงไม้ขีดไฟ
.

 

.
เขียน ๑๕.๐๐

เอ่อ...พวกต่างมิติมาจริงๆ อ่ะ อึ้งเลยตู
ตามไปดูกันหน่อยเร้วววว งานนี้ห้ามพลาด หึหึหึ

http://palungjit.org/threads/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%87-%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87-%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%99-%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B2.306574/page-27#post9708501



กระต่ายป่า บ้าสุดสุด / มาจากไหนกันบ้างวะเนี่ย
.

 

ผมมาขออธิบายแบบ ประนีประนอมกันนะครับ...
และบางส่วนอาจจะเป็นเรื่องที่ทุกท่านก็ทราบกันดีอยู่แล้ว แต่จะขอเอามาเล่าซ้ำ ก็ทนอ่านกันสักหน่อย...อย่าพึ่งรำคาญ..

จักระ เป็นวิชาของฤษี โยคี...วิชาโยคะ นี่ก็ด้วย ของไทยรับมาประยุกต์เรียกว่าวิชาฤษีดัดตน จนกลายมาเป็นวิชานวดแผนโบราณ แล้วมาเป็นนวดแผนไทย...
วิชาปราณ หรือชี่กง ก็มีต้นกำเนิดมาจากฤษี โยคี...ปรมาจารย์ตั๊กม้อ นำมาเผยแพร่ที่วัดเส้าหลิน จนกลายมาเป็นวิชาฝังเข็ม ที่มีแสดงจุดต่างๆบนร่างกาย...

ฌาณ 4 อรูปฌาณ 4 ก็เป็นวิชาของฤษีครับ เมื่อ2600กว่าปีก่อน เจ้าชายสิทธัตถะทรงศึกษามาจาก ฤษี เพื่อค้นหาหนทางพ้นทุกข์ การทรมานพระวรกายก็เป็นวิชาของทางโยคี ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ รวมถึงวิชากสิณ ก็เป็นวิชาของฤษีครับ
กสิณสมัยนั้นของพวกฤษีคือ ใช้อาการเพ่งเพียงอย่างเดียว เพ่งแบบไม่กระพริบตา จะเพ่งดวงอาทิตย์ก็ดี เพ่งกองไฟก็ดี เพ่งน้ำ เพ่งดิน เหล่านี้ ฤษีทำมาก่อนครับ...

เจ้าชายสิทธัตถะทรงศึกษา และฝึกฝน ทนลองตามวิชาที่ฤษีทั้งหลายสอน ซึ่งเกี่ยวพันกับพราห์มทั้งหลาย จนปัจจวัคคีย์ ฤษีทั้ง5 ยอมติดตามรับใช้ เพื่อหวังว่าพระองค์จะทรงพ้นทุกข์ได้ด้วยวิธีการต่างๆเหล่านี้...

จนกระทั่งผ่านไป 6 ปี ก็ไม่ได้บรรลุ ไม่ว่าจะอาศัยฌาณ4 อรูปฌาณ4 ทั้งหลาย...
จนกระทั่งทรงระลึกถึงเมื่อครั้งทรงเยาว์วัย นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ยังไม่รู้เรื่องฌาณ เรื่องกสิณ เรื่องการทรมานกาย และไม่ทรงรู้เรื่องราวใดๆนั้น...
ได้ทรงกำหนดสติ ตามดูลมหายใจเข้า หายใจออก เมื่อนั้นจิตก็สงบ ระงับ รวมลง...
จนเกิดเหตุมหัศจรรย์ คือ พระอาทิตย์เคลื่อนไปแล้ว แต่เงาไม้ไม่เคลื่อนตาม...
จนพระบิดาทรงยกมือนมัสเต...ต้องใช้นมัสเต..เพราะสมัยนั้น ยังไม่มีพระพุทธศาสนา..ยังไม่มีนมัสการ...ยังคงเป็นการเคารพด้วยการยกมือพนมท่วมหัว แบบฤษี และพราหมณ์ เรียกว่า นมัสเตฯ...

เมื่อพระองค์ทรงระลึกได้แล้ว จึงละการบำเพ็ญแบบฤษี โยคี ทั้งหลาย...
ทรงเจริญสติ เหมือนเมื่อครั้งทรงเยาว์วัย โดยอาศัยการระลึกรู้ ลมหายใจเข้า หายใจออก จนภายหลังเรียกกันว่า อานาปานสติ...คืออนุสติกรรมฐาน กองแรก ที่หลวงพ่อฤษีท่านยกให้เป็นกรรมฐนกองแม่...หรือกรรมฐานกองหลัก...

เมื่อทรงเจริญอนุสติ ไปจนต่อเนื่องกลายเป็นมหาสติ...จึงได้บรรลุธรรม ด้วยพระองค์เอง คือสัมมาสัมโพธิญาณ...และทรงบัญญัติวิธีการนี้ว่า มหาสติปัฎฐาน 4 ดังที่ทุกท่าน ทราบกันดีอยู่แล้ว...

ส่วนกรรมฐาน40 ที่เราทุกคนศึกษาอยู่นี้ ถูกรจนาขึ้นในภายหลังโดยพระพุทธโฆษาจารย์ คือตำรา วิสุทธิมรรค ที่เราใช้เป็นแบบฉบับนั่นเองครับ ต้นตระกูลท่านคือพราห์ม ซึ่งการเป็นพราห์มนั้นจะต้องเรียนจบวิชาไตรเภท พระเวทย์ฯลฯ อันเป็นวิชาของฤษีทั้งนั้นครับ...สังเกตไหมครับว่า นอกจากอนุสติ 10 แล้ว ที่เหลือเป็นการเพ่งด้วยกันทั้งสิ้น...การเพ่งนี้ เป็นลักษณะการฝึกของฤษี...การฝึกแนวพุทธะ จะไม่ได้ใช้การเพ่ง แต่ใช้การรู้...

ถ้าคุณศึกษาและปฏิบัติมาบ้าง ก็จะทราบว่า...ตอนจบของกรรมฐาน 40 มีความเป็นพุทธ ก็ตรงที่ กำหนดให้ทุกอย่างไปลงที่ไตรลักษณ์ เท่านั้นครับ...
ส่วนกระบวนการฝึกนั้น ก็แตกต่างตามแต่สำนักต่างๆ จะใช้เป็นกุศโลบายในการรวมจิตให้เป็นหนึ่งเสียก่อน แล้วจึงเจริญสติให้มีกำลังเพียงพอต่อการพิจารณาในหัวข้อธรรม เนื่องเพราะ ฌาณ4หรืออรูปฌาณ4 นั้น ไม่สามารถทำให้บรรลุธรรมได้ครับ...

ดังนั้นก็อย่าไปทะเลาะ ถกเถียงกันเลยครับ...
เราเอาเวลาไปตามรู้ตามดูจิต จะมีประโยชน์กว่า...
ส่วนใครจะชอบฝึกอะไรก็ฝึกกันไปครับ..
จะชอบรสชาดใดๆ ก็เสพไปตามวิสัยวาสนาของแต่ละคน...

ความเห็นส่วนตัวผมนั้น คิดว่ากระทู้นี้น่าจะจบลงแต่เพียงเท่านี้จะดีกว่านะครับ...
ใครจะไปต่อ ก็เชิญไปต่อที่กระทู้ ปุถุชน...ในหลุมดำ...จะดีกว่าครับ...
เพราะเป็นเรื่องของ ปุถุชน...คือบุคคลที่ยังหนาแน่นด้วยกิเลสคุยกัน...
ต่างก็ยังไม่บรรลุ อะไรสักอย่างเดียว...คือยังมีความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ยังเต็มปรี่...ไปคุยกันในนั้น จะเหมาะกว่าครับ...เหมาะกว่าในบอร์ดอภิญญา...
หรือ คุณนบฯ มีความเห็นเช่นไร????

 

.
เขียน ๑๗.๑๖

เค้าไม่เข้าไปเหยียบในหลุมดำ นานหลายเดือนแล้ว
ตั้งแต่วันนั้น ถึงวันนี้ จนถึงวันไหนกันหว่า หึหึหึ

และไม่ยอมคุยกับมิตรของศัตรู
จนโดนหลอกให้คุยกะท่านนพ หึหึหึ


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

เห็นตามที่ ป๋า มิงค์ กล่าว และสวัสดี กระต่ายป่า ด้วยเน้อ...

 

ส่วนตัวนะครับ ผมฝึกอานาปานสตินั้นแหละ แต่จักระมันมีขึ้นของมันเอง

อีกอย่างที่ว่าฝึกกรรมฐาน๔๐ แล้ว สู้ปราณยาม จักระไม่ได้ เพราะใช้รักษาโรคไม่ได้ นั่น ไม่เห็นด้วยครับ ผมฝึกกองไหน ก็รักษาโรคได้หมดละครับ แค่ไหว้พระสวดมนตร์โรคยังหายเลย

ไม่เชื่อไม่ว่าครับ ประสบการณ์แต่ละคนไม่เหมือนกัน

 

สวัสดีครับคุณมีบุญ ...จากที่อ่านมาเห็นว่าคุณน่าจะปฏิบัติได้ถูกทางหรือถึงขั้นละครับ เอาง่ายๆเลยนะ ผมเป็นพวกชอบลองของ..... คุณลองทำให้ฝ่ามือซ้ายของผมร้อนได้เหมือนกำลังเอามืออิงไฟดูสิครับ โชว์ผมหน่อยเร็ว ๆ อยากลองอะ ระดับคุณ เตโชกสินน่าจะคล่องแล้ว... ผมรออยู่นะ ให้เวลา 2 ชม.เลย ถ้าหากทำไม่ได้ก็เงียบๆไปครับ ไม่ต้องยกตำราหรือก็อปแปะให้เสียเวลา เพราะคนที่คุณกล่าวถึงและว่าเขาอยู่ ทำให้มือผมร้อนได้ภายในระยะเวลา ไม่เกิน 10 วินาที

ปล.ชอบลองของครับ สัมผัสไม่ได้คือไม่เชื่อ !!! ขอคุณของจริง..เชิญเลยครับ....ไม่ได้พูดมากมากน้ำลายแตกฟองนะครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจธรรมมะอะไรเท่าไหร่ เชื่อแต่ผู้ที่ทำได้เท่านั้น จบนะ

 

นั่นซิครับ ไม่เคยเห็นไอ้คนชื่อนพอะไรเนี่ย มันตั้งกระทู้เลย มีแต่เสียกไปทั่วๆ ผมผ่านมานะครับ

 

ผมว่ากระทู้นี้น่าอยู่หลุมดำมากกว่านะครับ จะได้เพ้อแบบฟรีสไตล์ไปเลย จะโม้อะไรในฝันก็ตามสบาย บอกก่อนนะครับ ผมไม่รู้จักคุณคนมีบุญแต่อ่านแล้วเห็นด้วยเยอะครับ

 

อ้าวคุณๆ ให้สองคนเลยหรือคนเดียวกันเปลี่ยนยูเซอร์ไม่ทราบนะ ช่วยกันเพ่งหน่อยเร็ว ๆ ๆ ผมให้เวลา 2 ชม เดี๋ยวใกล้ๆหมดเวลา ผมจะต่อให้นะถ้าไม่หลับสะก่อน แหม่ๆ เก่งๆกันทั้งน้านน เบื่ออะ ไม่เอาแบบตำราก๊อปแปะนะขี้เกียจอ่าน เอาแบบโชว์พาวเวอร์เลย มือข้างไหนก็ได้ แบบว่าwant อะ ๆ want มาก ๆเลย นานๆจะเจอเจ๋งๆ แบบนี้ คุณมีบุญ คุณใม ช่วยกันเลย ขอแบบโดนๆหน่อย ให้ไวๆๆ ครับ

 

กสิณอะไรฝึกง่ายสุดหนอ?

กสิน เพ่งกิเลสมีป่าวฮาอยากเรียน ไหนๆอาจารย์อยู่ไหน สอนหน่อยดิ

 

ไฟ คือ ราคะ

ไฟ คือ โทษะ

ไฟ คือ โมหะ

ถ้าจะเพ่ง ให้เพ่ง ไฟสามกองนี้ ....ซึ่งไม่ใช่ไปเพ่งให้มันเที่ยง

แต่ให้เพ่งเห็น ความไม่เที่ยงของไฟทั้งสามกอง แล้ว จะทราบเองว่า
" ธรรมชาติที่พ้นไฟ " นั้นมีอยู่ ธรรมชาติที่ไม่ได้แปรปรวนไปตามไฟนั้นมีอยู่

ถ้าจะถามว่า เอามาจากไหน ก็ ตอนพระพุทธองค์ไปสอน ชฏิลสามพี่น้อง
อุรุเวลกัสสปมุนี หรือ อาทิตยาสูตร

 

ไม่เอาอยากเพ่งกสินกิเลส ไม่อยากเพ่ง ธรรมชาติไรไม่รู้พ้นไฟ บ้ารึ เออ

 

แล้ว ฟังยังไง ไปเข้าใจว่า ไม่ให้เพ่งกสิณดิน น้ำ ลม ไฟ

ชฏิลสามพี่น้อง เขาก็เพ่งกสิณนั่นแหละ บางคน เพ่งไปราคะเกิดไป
บางคนเพ่งไปโทษะ ก็เกิดไป บางคนเพ่งมากๆเข้า ก็หลงไป

เพ่งกสิณไปตามปรกติ แต่ พระพุทธองค์บอกให้ สังเกต จิตที่มันไม่ข้ามฝั่ง
จิตที่มันติดอวิชชา จิตที่มันมีราคะ โทษะ โมหะ ประจำจิต เอาออกไม่ได้

ส่วนที่เป็นจุดเป็นดวงเพราะราคะย้อมจิต
ส่วนที่สัดส่ายเพราะปฏิฆย้อมจิต
ส่วนที่หน่วงๆหนักๆเพราะโมหะย้อมจิต เหล่านั้น ไม่ใช่ ธรรมชาติที่พ้น หรือ อสิสระ

แล้วอะไรหละ ที่เป็นธรรมชาติที่กำลังระลึก แล้ว แลอยู่ ไม่มีไป ไม่มีมา ไม่มีสี
ไม่มีกลิ่น ไม่ใช่บ้าน ไม่ใช่เมือง คล่องแคล้ว ควรแก่การงาน นมสิการเห็นก็
ประจักษ์เองถึง ธรรมชาติที่พ้นไฟ หรือ นิพพาน

 

เอางี้ครับ ผมขอบลบหลู่และท้าทายไอ้คนชื่อนพ ผมให้เวลาถึงพรุ่งนี้เช้ามาดูกันว่าผมจะเป็นยังไงครับเพื่อนๆ จะยิงกสิณยิงอะไรก็ยิงมาเยอะๆ เลยนะครับ

 

และผมเป็นคนละคนกับคนชื่อคนมีบุญแน่นอนครับผม ถ้ายังไงผมไม่เป็นไรขอให้ทีมงานเอากระทู้ไปทิ้งหลุมดำด้วยครับ พิสูจน์ความจริงๆกันอย่างนี้และกัน

 

นี่ก็จะพูดจังเลย นิพพาน วิมุติ ไรไม่รู้เรื่องใครเค้าพูดกัน เอาสมมุติมาพร่ำเพ้อวิมุตติ โอ้ยย เวนกำๆ

เม่งยากหวะเพ่งกิเลส เพ่งแล้วเเมงดิ้น

 

nippan_naja@hotmail.com