กรรมฐานสำหรับเทวดา

ได้...เป็นรูปที่ปรากฏทางตา

 

"ร่างกาย" "รูป" "รูปนาม" รูป กับ รูปที่ รูป-นาม เหมือนกันหรือต่างกันครับ

 

ขณะเห็นรูป ขณะนั้นก็มีทั้งรูปทั้งนาม

 

ดูคำถามใหม่ครับ รูป มี 2 ตัวนะ

"ร่างกาย" "รูป" "รูปนาม" "รูป" กับ รูป ที่ รูป (- นาม) เหมือนกันหรือต่างกัน

 

เคยฟังเทปธรรมะ เทวดามีรูปเป็นทิพย์ หลงในรูปที่เป็นทิพย์ง่ายมาก บางองค์จะรู้ตัวอีกทีก็หมดบุญต้องจุติลงมาเป็นมนุษย์ซะแล้ว การพิจารณาความไม่เที่ยงของรูปกายเทวดา (และมนุษย์ด้วย) คงช่วยให้ท่านเห็นสัจธรรมข้อนี้ได้เร็ว

 

อ้างอิง: nilakarn
กาย เป็นของมนุษย์เท่านั้น
ถ้าเป็นเทวดา ตั้งแต่ชั้นต่ำ จนถึง ชั้นสูง
มีแต่รูป ไม่มีกายครับ

เพราะว่า กายนั้น ยังมีอายตนะที่คอยรับ
อยู่ครับ คือ ตา หุ จมูก ลิ้น กาย ใจ

แต่ถ้าเป็นรูปของเทวดา รับแต่ความสุขอย่างเดียว

การจะสามารถบรรลุธรรมได้
ประการแรก บุคคลนั้นจะต้อง
แยกรูป แยกนาม ออกจากกันให้ได้

เมื่อฝึกแยกรูปแยกนาม ซะจนคล่องดีแล้ว
ก็จะเกิดความรู้สีกที่ว่า กายนี้ไม่มีตัวตนเลย
มีเพียงรูป และนาม ที่เราสมมุติขึ้นเท่านั้น
ประโยชน์อะไร ที่เราจะไปหลงอยู่ว่า
กายนี้ เป็นของเรา กายนั้น เป็นของเขา

ร่างกายนี้ จะเรียก รูปอย่างเดียวไม่ได้
จะต้องประกอบ 2 สิ่ง ก็คือ
รูป กับ นาม นั่นเอง

แยกเป็น ส่วนที่เป็นอวัยวะต่างๆ เรียกรูป
และส่วนที่เป็น ตัวรับรู้ต่างๆ เรียกว่า นาม

หากว่า มีแต่รูป ไม่มีนาม เรียกว่า ศพ
ส่วน มีแต่นาม ไม่มีรูป เรียกว่า วิญญาน

 

ขอถาม คิดดีๆก่อนตอบนะครับ เอาตรงๆกับคำถาม ไม่ต้องอธิบายเสริม

รูป ที่ (รูปารมณ์ = รูป+อารมณ์) กับ รูป ที่ (รูปนาม = รูป + นาม) กับ รูป ที่ > (รูป - เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) เหมือนกันหรือต่างกันครับ

 

.............ขันธิ์5 ปัญจุปาทานักขันธิ์ เป็น ปฎิจสมุปัญธรรม หรือ สังขตะธรรม ธรรมที่อาศัยปัจจยปรุงแต่งเกิดขึ้นมา....พระท่านสอนให้กำหนดรู้เป็นทุกขสัจจ....เพราะไม่เที่ยง.อวิชชาปัจจยสังขารา .ถ้าในปฎิจสมุปบาท...เวทนา ปััจยตัณหา ตัณหาปัจจยอุปาทาน อุปาทานปัจจยภพ ภพ ปัจจยชาติ ชรา มรณะ.....สัตว์โลกที่มีอุปาทาน(กามุปาทาน ศิลพตุปาทาน ทิฐฐิทุปาทาน อัตวาทุปาทาน(มีวาทะว่าตน)) อันมีปัจจยจาก เวทนา ตัณหา

 

ท่านเป็นนักอภิธรรม หรือครับ
ถึงได้ถามภาษาอภิธรรม มา
ถ้าอยากรู้ธรรม ทำไมไม่ถามด้วย
ภาษาของชาวบ้านครับ
ถามด้วยภาษาอธิรรม จะเป็นประโยชน์กับใคร

 

พระอภิธรรมคำสอน เทศน์โปรดเทวดา ยังอยู่ครบ เป็นพระธรรมจากพระโอษฎ์
ศึกษาได้ ไม่ต้องเถียงกันนะคร๊าบบบ อิอิ

 

แล้วที่พูดๆกันที่นี่และที่อื่นๆ ว่า รูป บ้าง รูปนามบ้าง รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) บ้าง กายใจบ้าง กายานุปัสสนา บ้าง รูปารมณ์บ้าง ฯลฯ เหล่านี้ พวกเราเอาที่ไหนมาพูดกันขอรับ

 

แล้วที่นำเอามาโพสท์ในกระทู้ไปเอาที่ไหนมาขอรับ

 

แล้ว ที่รู้ไม่จริง ว่า ไอดีอะไร คือใครกันแน่ แต่ก็ มุสาวาทว่า เป็น กระผม ไปเสียหมด


ท่านไปเอา ศีล จากไหนมาพูดครับ ว่า เบื่อเกิดแล้ว สัจจวาจา หาเท่าปลายห่างอื่งยังไม่ได้ เลย

 

ลุงหมาน คิดอะไรได้ก็พูดๆ คิกๆๆ ไม่ดูข้างหน้าข้างหลังให้ดีก่อน

เขาถามผมนี่

ลุงหมานดู คห.ก่อนหน้านี้ ซิ ผมถามเขาว่ายังไง (เราสองคนพูดเรื่องอะไรกัน)

 

อันแรก รูป น่าจะแปลว่า รูปภาพ เพราะมันอยู่เดี่ยวๆ หมายถึง ภาพถ่าย
สอง รูป ** พระ 1 รูป หรือ พระ 3 รูป บ่งบอกว่า มีเท่าไหร่
สาม รูป ** รูปร่าง หมายถึง ว่ามีลักษณะยังไง
สี่ รุป ** สิ่งที่ตามองเห็น หมายถึง การใช้สัมผัสของสายตา
ห้า รูป ** รูปารมณ์ หมายถึง อารมณ์ที่เกิดจากการเห็นรูป
ซึ่งจะเกิดต่อจาก ข้อสี่

หก กายมนุษย์ แบ่งเป็น 2 อย่างคือ รูป และ นาม

รูปนาม ยังแบ่งออกเป็น 5 อย่าง คือ ขันธ์ห้า

ขันธ์ห้า คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาน

รูป สังขาร เป็น รูปอย่างหนึ่ง และ เวทนา สัญญา วิญญาน เป็นนามอย่างหนึ่ง

รูป คือ รูปร่างลักษณะที่ตาเห็น
เวทนา คือ อารมณ์สุขทุกข์ หรือ ความรุ้สึก
สัญญา คือ ความจำ ความทรงจำ
สังขาร คือ กาย ที่ประกอบไปด้วยธาตุสี่ ของเทวดาไม่ใช่สังขาร เพราะไม่มีธาตุสี่อยู่ จึงเรียแค่เพียง รูปที่ตาเห็น
วิญญาน คือ จิต หรือ อาการรับรู้ บางที ก็เรียกใจ

คำทั้งหมดที่ท่านยกมาข้างต้นนั้น
อยู่ในคำสอน เรื่อง สติปัฏฐานสี่ เยอะที่สุด
คือ กายานุปัสสนา
เวทนานุปัสสนา
จิตตานุปัสสนา
ธัมมานุปัสสนา

แต่ถ้าจะให้ตรงจริง ก็มีอยู่ใน
นวโกวาทสำหรับผู้บวชใหม่
แต่ไม่ได้จำเพาะเจาะจง ลงไป
จึงอ่านไม่ค่อยเข้าใจ

 

คุณได้ความรู้ ที่เขียนนี่มาจากไหนครับ

 

ไม่ถูกต้อง ตามหลักธรรมหรือครับ

 

รูป+นาม กับ รูป-เวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ เหมือนกัน

ส่วน รูป+อารมณ์ อารมณ์ คือ รัก โลภ โกรธหลง
รูป คือ ธาตุ ประชุมรวมกัน ไม่เหมือนกับทั้งสองด้านบน

 

พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย มหาภูตสี่อย่าง และ รูปที่อาศัยมหาภูตสี่อย่างเหล่านั้นด้วย นี้เรียกว่า รูป--นิทาน.สํ.16/4/14พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุช่อว่า ผู้ไม่รู้จักรูป เป็นอย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลายภิกษุในกรณีนี้ ย่อมไม่รู้ตามจริงว่า รูป ชนิดใดชนิดหนึ่งนั้น คอ มหาภูตสี่อย่าง และ รูปที่อาศัยมหาภูตสี่อย่างเหล่านั้นด้วย ดังนี้ แล เรียกว่าภิกษุผู้ไม่รู้จักรูป--เอกาทสก.อํ.24/381/224

 

ผู้ไม่รู้จักรูป ตัวนี้
คือ รูป ที่เกิดจากการรวมตัวกันของ
ดิน น้ำ ไฟ ลม รวมกันจนเป็นรูป
รูป ไปรวมตัวกับ นาม อีก จนเกิดกาย

หมายถึง
ว่า ถ้าไม่รู้จักการพิจารณา ว่า
รูปเกิดจาก ดิน น้ำ ไฟ ลม แล้ว
เค้าจะแยกรูป แยกนาม ได้อย่างไร
เมื่อแยกรูปแยกนามไม่ได้
ญานขั้นสูงต่อไป ก็อย่าหวัง ว่าจะทำได้