คลังเรื่องเด่น
-
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๗ -
แนะนำให้ภาวนาก่อนตาย
แนะนำให้ภาวนาก่อนตาย
ผู้ถาม : หลวงพ่อเจ้าขา คนที่ใกล้จะตายมีหลายคน ควรจะแนะนำให้วางอารมณ์แบบจับนิมิตแบบใด จึงจะเหมาะสมและเข้านิพพานได้ดีเจ้าคะ ?
หลวงพ่อ : ถ้าคนป่วย ถ้าป่วยมากมีทุกขเวทนามากไม่ควรแนะนำอย่างอื่น ควรแนะนำสั้นๆ ให้นึกถึงพระพุทธเจ้าหรืออย่างใดอย่างหนึ่งดีกว่านะ
ถ้าไปแนะนำยาวๆ จะเกิดอาการกลุ้ม กลุ้มแทนที่จะไปนิพพาานก็จะดันไปนรกไป
ถ้าเราต้องการให้เขาไปนิพพานมันก็ยากอยู่นะ ให้นึภาวนาว่า "นิพพานสุขขัง"
บอกสั้นๆ อย่าบอกยาวนะ ถ้าคิดว่าป้องกันไม่ให้ลงนรกให้ภาวนา "พุทโธ"
ถ้าเขาภาวนาไม่ไหว ให้นึกถึงพระพุทรรูปองค์หนึ่งองค์ใดก็ได้ นึกถึงพระไว้ นึกถึงพระสงฆ์ก็ได้ อย่างนี้ใช้ได้ อย่าไปแนะนำยาวๆ
คือว่าเวลานั้นทุกขเวทนามากจะกลุ้ม แนะนำให้ดีนะ ถ้าแนะไม่ดีจะลงนรกไป ดีไม่ดีจิตใจเขาดีอยู่แล้วเราพูดมากไป เขากลุ้มจะลงนรกไป
ผู้ถาม : ก็ต้องดูตาม้าตาเรือ
หลวงพ่อ : ดูตาคน ถ้าตาลอยๆ ตาปรือๆ อย่าไปพูดมาก
(จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 160 มิถุนายน 2537 หน้า 63) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๗ -
ปกิณกธรรมวันสงกรานต์ วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๗ (ก่อนทำวัตรค่ำ)
ปกิณกธรรมวันสงกรานต์ วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๗ (ก่อนทำวัตรค่ำ) -
ปกิณกธรรมวันสงกรานต์ วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๗ (ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงบ่าย)
ปกิณกธรรมวันสงกรานต์ วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๗ (ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงบ่าย) -
เรื่องของพระรัตนตรัยอย่าถือเป็นเรื่องเล็กน้อย
เรื่องของพระรัตนตรัยอย่าถือเป็นเรื่องเล็กน้อย
พระอาจารย์กล่าวเตือนโยมว่า "เอาพระพุทธรูปไว้ข้างบนเลยลูก พระพุทธอย่าวางไว้ต่ำ วางสูงไว้ก่อน พุทธานุภาพของพระพุทธเจ้านั้นยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณ สมัยก่อนเขาใช้พุทโธคำเดียวหนังเหนียวฟันแทงไม่เข้าเลย
หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเล่าให้ฟังว่า มีนักเลงรุ่นน้าบ้านอยู่ตลิ่งชัน ชื่อปาน เป็นเพื่อนของน้าชายของหลวงพ่อที่เป็นตำรวจ น้าปานเป็นนักเลงใหญ่ประเภทคุ้มครองคนในหมู่บ้าน ถ้าแถวบางระมาดหรือตลิ่งชันมีคนอื่นมารังแก น้าปานจะออกหน้ารับหมด รับได้เพราะแกหนังเหนียว ซัดกันทีไรถ้าคู่ต่อสู้หนังไม่ดีจริงนี่เยินไปทุกราย คนก็เลยกลัวและเกรงน้ำใจ
ปรากฏว่าวันนั้นเดินกลับบ้านผ่านไร่อ้อย น้าปานเกิดหิวน้ำขึ้นมา ไปตัดอ้อยของเจ๊กเขามาลำหนึ่งกินแก้หิวน้ำ ปรากฏว่าพวกเจ๊กเขากรูกันออกมาสิบกว่าคน ช่วยกันจับน้าปานมัดเป็นหมูเลย คนเดียวสู้เขาไม่ได้ พวกเจ๊กก็ทั้งฟันทั้งแทงปรากฏว่าไม่เข้า เจ้าของไร่โมโห ให้เมียมานั่งคร่อมหัวก็ยังแทงไม่เข้า เขาเลยกะว่าเอาไฟเผา ก็เลยจะเอาคบไต้ทิ่มหน้า พอเห็นเป็นน้าปานคบไต้หลุดมือเลย ตกใจ..ไปเล่นนักเลงใหญ่เสียเต็มที่เลย
น้าปานก็เลยบอกว่า... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๗ -
ไม่ต้องสวดมนต์เลยได้ไหมครับ
ไม่ต้องสวดมนต์เลยได้ไหมครับ
"ที่หลวงพ่อบอกว่าสวดมนต์เป็นยาทา ภาวนาเป็นยากิน ยังงั้นก็ไม่ต้องสวดมนต์เลยได้ไหมครับ...?"
สวดมนต์ก็เป็นสรณะอันหนึ่ง การสวดมนต์นี่จิตเข้าถึงอุปจารสมาธิ เป็นเทวดาชั้นยามา ท่านกล่าวสวดมนต์เป็นยาทา ภาวนาเป็นยากิน หมายความว่าสวดไม่ต้องมากนัก อิติปิ โส บทเดียวนั่นคุ้มแล้ว
ห้องต้นสรรเสริฐคุณพระพุทธเจ้า ใช่ไหม ห้องกลางสรรเสริญคุณพระธรรม ห้องท้ายสรรเสริญคุณพระสงฆ์ หมดแค่นี้ ไอ้ว่าบทอื่นว่าไปก็ไปสรรเสริญ 3 อย่างนี่ ฉันเลยไม่เอาเปลือกเอาเนื้ออย่างเดียว ใช่ไหม แต่เดี๋ยวนี้สวดไม่ได้ พอเริ่มจะสวดเปิดเลย พอเริ่มจะสวดปุ๊บไปแล้ว พอเริ่มจะสวดหยุกกึ๊กแล้ว มันชิน
ถ้าจะสวดให้ได้ทำไง ต้องเริ่มปล่อยให้ใจไปตั้งอยู่สักพักหนึ่งก่อน แล้วถอยหลังมาให้กำลังมันทรงตัวแล้วถอยหลังมานิด ก็ว่า แต่พอว่าไปก็อีกนั่นแหล่ะ ถ้าว่าถึงบทพุทธคุณ พอถึงอิติปิโส ท่านก็มาแล้ว แจ๋ว
พอถึงสวากขาโต พระธรรม ธัมมานุสสตินี่ นิมิตเป็นดอกมะลิแก้ว เป็นดอกมะลิแก้วใส ไหลจากพระโอษฐ์ หลวงพ่อปานท่านเคยสอนยังงั้น แล้วเป็นยังงั้นจริงๆ พอขึ้นสวากขาโต เป็นดอกมะลิแก้วไหลลงหัว พอขึ้นสุปฏิปันโน พระอริยะมาเต็มพรึ่บ... -
ปกิณกะธรรมวันสงกรานต์ วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๗ (ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงเช้า)
ปกิณกะธรรมวันสงกรานต์ วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๗ (ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงเช้า) -
"กำหนดความตาย ทุกลมหายใจ" (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
.
"กำหนดความตาย ทุกลมหายใจ"
" .. พระพุทธองค์ท่านจึงให้ "กำหนดความตายนี้ให้ได้ทุกลมหายใจ" คือว่ามันใกล้เข้าไป หมดไปสิ้นไป ถ้าว่าถึงคนทั้งโลกแล้ว "เดี๋ยวนี้ก็มีคนตาย ตายนับไม่ได้ก็มี"
ตายคนเดียวก็มี ตาย ๒ คน ๓ คน "ในขณะเดียวกัน หญิงก็ตายได้ ชายก็ตายได้ ไม่ใช่ตายแต่คนเฒ่าคนแก่" เด็ก ๆ ยังไม่รู้อะไร ก็ตายได้ "นี่แหละมรณกรรมฐาน" ผู้ภาวนานั้นไม่ต้องไปรู้อื่น "ไม่ต้องไปเรียนนอก ให้เรียนใน เรียนใน คือเรียนในกายวาจาจิตของตัวเอง" ดูพิจารณาอะไรมันตาย อะไรมันยัง อะไรจะตายก่อน อะไรมันตายนานแล้ว
"กำหนดให้รู้ดูให้มันเห็นจิตใจ กิเลสมันจึงจะอยู่ยั้ง" ถ้าไม่อย่างนั้น มันก็พาให้ดิ้นรน วุ่นวาย กระสับกระส่าย "ภาวนาไม่ลง ภาวนาไม่สงบ" มองไม่เห็น กำหนดไม่ได้ มืด ๔ ด้าน ๔ ทิศ มืด ๑๐ ทิศ "จะนึกภาวนาพุทโธก็ไม่ได้ นึกถึงความตาย ก็ไม่ได้ไม่เห็น๑" .. "
"มรณกรรมฐาน"
พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๗ -
คนถวายบุญสังฆทานถึงนิพพานได้ ผู้รับบุญนั้นถึงนิพพานได้เหมือนกัน
คนถวายบุญสังฆทานถึงนิพพานได้ ผู้รับบุญนั้นถึงนิพพานได้เหมือนกัน
ผู้ถาม : น้องชายประสบอุบัติเหตุรถชนตายเมื่อวันพุธ ฝากเพื่อนมาถวายสังฆทาน 1 ครั้ง คนนั่งทางในเขาบอกว่า "ดี ได้รับ" เลยมาถวายอีก 3 ครั้ง
อยากจะทราบว่า 1 ครั้งแรกกับ 3 ครั้งหลังนี่เขาจะได้รับสมบูรณ์แบบหรือเปล่าเจ้าค่ะ?
หลวงพ่อ : ถ้าเขาถวายครั้งแรกเขาได้รับใช่ไหม ถ้าถวายครั้งหลังก็เพิ่มความดีซิหนักไปอีกตั้ง 2-3 เท่า หนักดี คนนี้ก็เลยต้องลืมนรกไปเลย
ถ้าเผอิญพี่นิยมนิพพาน พยายามอุทิศส่วนกุศลให้แกเสมอๆนะ ถ้าพี่ไปถึงไหนได้ น้องที่ตายก็ไปถึงที่นั่นได้ เพราะเป็นปัตตานุโมทนามัย
ถ้าพี่สาวมีกำลังไปนิพพานได้ น้องชายก็มีกำลังไปถึงนิพพานเหมือนกัน นี่หลายคนแล้วนะ ของฉันเจอมาเยอะเลย
ไอ้ตกน้ำตายบ้าง อะไรอีก อีโล้งโต๊งแล้งอยู่นี่ บางทีมาเดินอีโล๊งโต๊งแล้งอยู่นะ สมัยหนุ่มๆ ถามว่าเป็นอะไรตาย บอกว่าเป็นไอ้นั่นตาย ไอ้นี่ตาย บอกเราก็อุทิศส่วนกุศลให้ เอ๊ะ...ไอ้เราถึงไหนหมอก็ถึงนั่น พอเราไปถึงไอ้จิตใจถึงนิพพานได้ ไอ้หมอนั่นเลยไปนั่งอยู่นิพพานเลยเสร็จ เดี๋ยวนี้มันไปปร๋ออยู่นิพพาน เราแย่ปวดท้องขี้ปวดท้องเยี่ยวอยู่นี่นะ... -
ปัจจุบันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
จำไว้ว่าตอนนี้..เดี๋ยวนี้..ปัจจุบันนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด อดีตเป็นสิ่งที่มีแต่ความทุกข์ อนาคตก็ทุกข์อีก ปัจจุบันนี้ทุกข์น้อยที่สุด วางลงได้ก็จบเลย การอยู่กับปัจจุบันที่ง่ายที่สุดก็คืออยู่กับลมหายใจเข้าออก อยู่กับตอนนี้
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๗ -
"ละชั่วเพื่อเราคนเดียว" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
..
"ละชั่วเพื่อเราคนเดียว"
" .. "ละชั่ว ไม่ได้ละเพื่อคนอื่น ละเพื่อตัวของเราคนเดียว" ความชั่วมีหลายด้านหลายทาง แต่มันก็อยู่ในตัวของเรานี่แหละ "เกิดจากตัวของเรา มีที่ตัวของเรา ปรากฏขึ้นที่ตัวของเรานี่เอง" เช่น "เราทำชั่วโดยการลักขโมย ฉ้อโกงหรือคิดอิจฉาริษยา" ประหัตประหารคนโน้น อยากฆ่าอยากตีคนนี้ นี่เป็นความชั่ว
คนที่ไม่รู้จักความชั่ว "เมื่อได้ประหัตประหารคนอื่น สำคัญว่าเป็นของดี ถือว่าตนมีอำนาจอิทธิพลเหนือคนหรือเหนือสัตว์อื่น ๆ อันนี้เรียกว่าไม่รู้จักของดีของชั่ว" ผู้นั้นยากที่จะละความชั่วได้ เพราะเห็นของชั่วกลับเป็นของดี .. "
"เพียรละความชั่ว"
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๗ -
"สติไม่มี ปัญญาไม่เกิด" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
"สติไม่มี ปัญญาไม่เกิด"
" .. "ในทางพุทธศาสนารวมลงแล้วถือเอาสติเป็นใหญ่" สติกับปัญญามัน มาด้วยกัน เพราะฉะนั้นทุกคนเมื่อฝึกฝนอบรมสมาธิ-ภาวนา อย่าลืม "สตินั้นตั้งให้มั่น สตินั้นให้พร้อมอยู่เสมอทุกขณะ เมื่อสติตั้งมั่นพร้อมอยู่เสมอแล้ว ตัวปัญญาเกิดจากสตินั้นแหละ"
"ปัญญา คืออะไร คือ รู้ตัวเอง เห็นตัวเองอยู่ทุกขณะ" คิดดีคิดชั่ว คิดหยาบคิดละเอียดก็รู้ตัวอยู่ทุกเมื่อ อันนั้นเป็นปัญญา "ปัญญาที่กว้างขวางไปสักเท่าไรก็ตาม ก็มารวมอยู่ที่สดิตัวนั้น ถ้าสติไม่มีเสียแล้ว ปัญญาก็จะไม่เกิด"
สิ่งสารพัดทั้งปวงหมดที่มากระทบจิต เกิดความรู้สึกตัวเห็นตัวเองขึ้น นั้นตัวปัญญา "ถ้าไม่มีสติเสียแล้ว ถึงรู้สึกขึ้นก็ไม่รู้ไม่เห็นตัวเอง ไม่ทราบว่าอะไรต่ออะไรจะไม่รู้สึกตัว สติจึงเป็นหลักสำคัญ" .. "
"สติ ปัญญา"
พระนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาจารย์
(หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๗ -
พระเครื่องที่ไปขโมยมา
พระเครื่องที่ไปขโมยมา
ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ พระเครื่องที่เขาไปขโมยมา แล้วเราเอามาห้อยคอ อย่างนี้จะบาปไหมครับ?
หลวงพ่อ : เดี๋ยวก่อน พูดเรื่องพระเครื่องก่อน พระที่คุณห้อยน่ะ ไม่มีเครื่องหรอก พระเครื่องต้องอย่างฉันนี่ เดินได้ วิ่งได้ใช่ไหม.. อย่างนั้นเขาไม่เรียกพระเครื่อง เขาเรียกพระห้อย
ผู้ถาม : (ยิ้ม)
หลวงพ่อ : เขาขโมยมาจากใครล่ะ?
ผู้ถาม : ก็ไม่ทราบแน่ครับ อาจจะขโมยเจาะกรุมาก็ได้ครับ
หลวงพ่อ : เสร็จ ไอ้นี่พังแน่
ผู้ถาม : อย่างนี้จะบาปไหมครับ?
หลวงพ่อ : รับของโจรมันก็บาปซิ
ผู้ถาม : แต่ถ้าเราไม่ทราบนี่คงไม่เป็นไรนะครับ
หลวงพ่อ : เราไม่ทราบก็บาป เราทราบก็บาป ไอ้บาปนี่เขาแปลว่า ชั่วคนไปขโมยมาจากกรุ กรุมันเป็นของสงฆ์ ลักษณะของอาการขโมยมันเป็นของชั่ว ถ้าเราเอาของชั่วมาอยู่กับเราเราก็ชั่วด้วย อย่างในมงคลข้อหนึ่งท่านบอกว่า
"อเสวนา จ พาลานัง" อย่าคบคนพาล ถึงแม้ตัวเราจะไม่พาล ถ้าเราเดินกับคนพาล เขาก็คิดว่าพาลไปด้วย และท่านก็มีข้อเปรียบเทียบ ท่านบอกว่า
"ใบตองนี่ ไอ้ความเน่าของเนื้อสัตว์มันจะไม่ซึมลง แต่ว่าถ้าเราเอาใบตองห่อของเน่า แล้วเอาของเน่าทิ้งไป... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดี ๑๘ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดี ๑๘ เมษายน ๒๕๖๗ -
เทวดามีลูกกันอย่างไร
เทวดามีลูกกันอย่างไร
ผู้ถาม : ดิฉันถามคนๆหนึ่งว่า "เทวดารูปร่างอย่างไร ?" ท่านก็บอกเหมือนเราแต่งตัวอย่างนี้
แล้วก็ถามเขาอีกว่า "มีผู้หญิงผู้ชายไหม" เขาก็บอกว่า "มี"
แล้วก็ถามว่า "แล้วมีลูกได้อย่างไร ลูกออกทางไหน" เขาก็บอกว่า "ลูกออกทางตัวแยกออกมาเป็นลูกได้"
แล้วก็ถามอีกว่า "แล้วพรหมเล่าคะแต่งตัวอย่างไร" เขาก็บอก "พรหมค่อนข้างจะเป็นผู้ชายนะ ก็แต่งตัวอย่างเรานี้ แล้วแต่จะนึกเอา อยากให้เป็นแบบอะไรก็ได้"
แล้วความจริงเป็นอย่างไรเจ้าคะ ?
หลวงพ่อ : ความจริงเขายังตอบไกลไปนะ ถ้าถามฉันว่าพรหมเป็นอย่างไร ก็ตอบต้องไปดูที่ "ไทปิง" นี่เขาทำพรมขาย (หัวเราะ)
ความจริงเขาเดา เทวดากับนางฟ้าที่มีลูก เขาไม่ได้ออกจากตัวหรอก
คือว่าเทวดาหรือนางฟ้าเป็นอิสระ พอตายจากความเป็นคน เกิดปั๊บเป็นหนุ่มเป็นสาวทันที รูปร่างจะไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม ที่เรียกว่า "เทพบุตร" หรือ "เทพธิดา" มันเป็นอย่างนี้ คือเกิดมาแล้วมีวิมานตัวเองเป็นเจ้าของวิมาน
ถ้าใครจะเป็นลูกใคร เขาจะไปเกิดบนตักของคนนั้น ตายจากความเป็นคนก็ไปเกิดเป็นเทวดา ไปอยู่บนตักเทวดาองค์นั้น ถ้าไปเกิดบนตักนางฟ้าองค์ไหน ก็เป็นลูกนางฟ้าองค์นั้น... -
การใช้คาถาเป็นก็คือต้องวางกำลังใจให้เป็น
ธรรมะบางส่วนจากเก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ธันวาคม ๒๕๔๓
รวมเวลา ๒๕ - ๒๖ ปีที่ผ่านมา ที่อาตมามอบกายถวายชีวิตอยู่รองพระบาทของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงมา ทั้งหมดที่เก็บมาได้ไม่เคยปิดบังใคร มีอะไรให้แค่หมด เพราะว่าพ่อก็ไม่เคยหวงวิชา อาตมาเองเมื่อทำมาถึงระดับนี้สิ่งที่ตัวเองมีความสุขกายสุขใจอยู่ ก็อยากให้ญาติโยมมีความสุขเช่นนั้นบ้าง สิ่งที่เราทำได้ ทำอะไรทำง่าย ๆ สำเร็จลงง่าย ๆ ก็อยากให้ทุกท่านได้อย่างนั้นบ้าง ก็พยายามเคี่ยวเข็ญกัน
แต่เพียงแต่ว่าอาตมามีเวลาเคี่ยวเข็ญพวกเราน้อยมาก เนื่องจากว่าภาระต่าง ๆ มันมากเหลือเกิน บวชมาแค่ ๑๐ กว่าพรรษามีแต่คนมาขอความช่วยเหลือ มีแต่คนมาขอพึ่งพิง ทั้งพระ ทั้งฆราวาส ทั้งเอกชน ทั้งหน่วยราชการ ทั้งในและต่างประเทศ แต่อาตมาเองมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง มีพระเดชพระคุณหลวงปู่ หลวงพ่อ เป็นที่พึ่ง มีญาติโยมทั้งหลายเป็นผู้สนับสนุน ดังนั้น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จึงสามารถสำเร็จลุล่วงลงไปได้ในทุกเรื่อง จนกระทั่งเขาถามว่าทำไมถึงทำอะไรง่าย ๆ ทำอะไรไม่เคยลำบากกับใคร
อยากจะบอกว่าถ้าบารมีเต็ม บารมีคือ กำลังใจ ถ้าบารมีเต็มบุคคลจะทำอะไรได้ไม่มีคำว่ายาก... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ -
ปล่อยปลาให้คนมีชีวิตอยู่เขาจะได้บุญไหม
ปล่อยปลา
ผู้ถาม : กราบเรียนหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ถ้าเราปล่อยปลาแล้วอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่มีชีวิตอยู่แล้วบอกเขาว่าปล่อยปลาให้ ขอจงโมทนา อย่างนี้เขาจะได้บุญไหมครับ?
หลวงพ่อ : เขาดีใจด้วยเขาก็ได้บุญ เขาไม่ดีใจเขาก็ไม่ได้บุญ โมทนาคือดีใจ
ผู้ถาม : หรือถ้าเขาฝากให้เราซื้อไปปล่อย จะได้ไหมครับ?
หลวงพ่อ : เขาได้ซิ ได้แน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าปล่อยก็ต้องปล่อยให้ปลอดภัย ปล่อยให้ปลาตัวนั้นไม่ตายต่อไปอีก
ผู้ถาม : ถ้าปล่อยแล้วลูกอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของหลวงพ่อ อย่างนี้จะได้ไหมเจ้าคะ?
หลวงพ่อ : ได้ ยังไงก็ได้ 100 เปอร์เซ็นต์แน่ เจ้ากรรมนายเวรจะได้หรือไม่ได้ก็ช่างเขาเถอะ แต่เราได้
ผู้ถาม : แล้วสามารถจะบรรเทาเวทนาของหลวงพ่อได้หรือเปล่าเจ้าคะ?
หลวงพ่อ : ได้ ถ้ามันไม่ป่วยก็ได้ (หัวเราะ) เอ้า ความจริงที่เขาทำให้เรื่อยๆ อันนี้มีผลนะ วันนี้ (10 ต.ค.) ดีขึ้นนะ มาเที่ยวนี้ดีกว่าทุกเที่ยวมากแต่ยังไม่หาย แต่รู้สึกว่าดีขึ้นเยอะ ไม่อย่างนั้นวันที่ 3 นี่งอกแงกเต็มที วันนี้รู้สึกดีขึ้น
ผู้ถาม : ฉะนั้นลูกหลานถ้าช่วยกันคนละเล็กละน้อย หลวงพ่อก็มีส่วนได้รับอานิสงส์... -
เคล็ดลับการภาวนาพระคาถาเงินล้านให้ได้ผล
ท่านทั้งหลายที่มีจิตศรัทธา อยากจะปฏิบัติในพระคาถาเงินล้าน อาตมภาพขอบอกว่า อย่าใช้คำว่า "สวด" แต่ให้ใช้คำว่า "ภาวนา" ก็คือภาวนาพระคาถาควบกับลมหายใจเข้าออก เหมือนกับเป็นคำภาวนากรรมฐานทั่ว ๆ ไป เพียงแต่ว่า จะเป็นคำภาวนาที่ยาวอยู่สักหน่อยเท่านั้น
และที่ขอร้องไว้ก็คือให้ทำวันละ ๑๐๘ จบ เหตุที่ต้องขอเอาไว้มากขนาดนั้น เพราะว่าในเรื่องของพระคาถาเงินล้านนั้น นอกจากต้องประกอบไปด้วยศรัทธา ทำอย่างจริงจังและสม่ำเสมอแล้ว ผลของสมาธิยังมีส่วนอยู่มาก ถ้าหากว่าสมาธิน้อย ผลก็เกิดขึ้นน้อย ถ้าสมาธิมาก ผลก็เกิดขึ้นมาก ที่ให้ภาวนาถึง ๑๐๘ จบ ก็เพื่อว่าท่านทั้งหลายที่มีกำลังสมาธิน้อย อย่างน้อย ๆ ภาวนาไปนานขนาดนั้น อารมณ์สมาธิก็ต้องทรงตัวสูงกว่าปกติอยู่บ้าง
และอีกสิ่งหนึ่งที่จะลืมไม่ได้ก็คือ บุคคลที่ใช้พระคาถาเงินล้านนั้น จะต้องมีการทำบุญให้ทานเป็นปกติ ถ้าเป็นสมัยหลวงปู่ปาน ท่านให้ใส่บาตรทุกวัน แต่ว่าพอมาสมัยหลวงพ่อวัดท่าซุง ญาติโยมติดขัดด้วยเรื่องหน้าที่การงาน ใส่บาตรประจำวันไม่ค่อยได้ ท่านก็ให้ภาวนาพระคาถาเงินล้าน โดยตั้งใจว่าจะบริจาคเงินจำนวนเท่านั้นเท่านี้เป็นค่าภัตตาหารพระ... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๗
หน้า 17 ของ 412